ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Harry Potter] Little Loony Lovegood [George x Luna] [END]

    ลำดับตอนที่ #3 : 3 ll My father will hear about this

    • อัปเดตล่าสุด 20 ม.ค. 63



    3


    My father will hear about this




              หากเปรียบจอร์จเป็นกะหล่ำปลีแล้วล่ะก็ คงเป็นกะหล่ำปลีที่แสนจะเหี่ยวเฉาทว่าไม่ยอมตายง่ายๆ...

              

              ชายหนุ่มผมแดงหาจังหวะเข้าไปคุยกับลูน่าไม่ได้เลยตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา ไม่ใช่กลัวว่าเฟร็ดจะรู้เรื่องที่เขาสนใจเด็กสาว

    ผมบลอนด์อยู่ แต่เป็นเพราะจินนี่ต่างหาก โอกาสเดียวที่เขาจะเข้าหาลูน่าได้ในช่วงนี้คือคาบเรียนวิชาดาราศาสตร์ของเด็กปีหนึ่งซึ่งก็ถูกจินนี่

    ตัดโอกาสหนึ่งเดียวของเขาไปอย่างไม่ใยดี

                

             จอร์จอยากคุย อยากได้ยินเสียงเล็กนิ่มนั่นแทบตาย แต่สิ่งที่ช่วยเยียวยาหัวใจเหี่ยวเฉาของเขาคือเห็นเธอกินดีอยู่ดีที่โต๊ะของเรเวนคลอ

    ตอนเช้า กลางวันและเย็น

              

              เหมือนโรคจิตเลยแฮะ... 

                

              สามปีเต็มที่ผ่านมา ชีวิตในโรงเรียนของจอร์จมีแต่เล่นพิเรนทร์ไปทั่วอยู่กับเฟร็ด ขนาดรุ่นน้องที่ชื่อ โช แชง รุ่นน้องบ้านเรเวนคลอ

    ที่พวกผู้ชายกริฟฟินดอร์พูดถึงกันบ่อยๆ เขายังแค่รับฟังแล้วก็ปล่อยผ่านเลยไป กระทั่งมาเจอนังหนูตากลมที่เอาแต่จ้องเพดานเวทมนตร์

    ในห้องโถงของวันแรกที่มาเยือนฮอกวอตส์กลับดึงสายตาของเขาไปอย่างง่ายดายโดยไม่ต้องใช้ยาเสน่ห์สักหยดเดียว

                

              เช้าวันนี้ของจอร์จเหมือนอย่างที่ผ่านมาคือนั่งกินซีเรียลอยู่ที่โต๊ะกริฟฟินดอร์ ตามองไปยังคนตัวเล็กบ้านเรเวนคลอที่กำลังตักพุดดิ้ง

    เข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย และที่เจ๋งกว่านั้นคือเขาเพิ่มสกิลเข้าไปด้วยการที่ปากสามารถคุยกับเฟร็ดไปด้วยได้ ฝาแฝดผมแดงอีกคนของเขา

    เลยไม่รู้สึกถึงความผิดปกติอะไร



              ช่วงพักคาบเช้าลูน่าเจอกับกลุ่มของรอน ซึ่งเขาเป็นพี่ชายของเพื่อนสนิทของเธอเลยเข้าไปทักทายอย่างเป็นมิตร และในระหว่างนั้น

    เฮอร์ไมโอนี่กับแฮร์รี่ก็ชวนเธอคุยตามประสารุ่นพี่รุ่นน้อง ซึ่งรอนไม่พูดอะไรเลยนอกจาก ‘สวัสดีเลิฟกู๊ด’ และเงียบไปเพราะเขาไม่รู้จะคุยอะไร

    กับแม่สาวสติเฟื่องคนนี้ดี


              “โอ้โหพอตเตอร์ ไม่ยักรู้ว่ามีคนอยากผูกมิตรกับนายด้วย” น้ำเสียงยานคางดังมาจากทางด้านหลัง เมื่อแฮร์รี่หันไปมองก็เจอกับ

    ใบหน้าเสี้ยมแหลมของคู่ปรับตั้งแต่ปีหนึ่ง


              “ฉันว่านายเอาเวลาไปสนใจเรื่องตัวเองดีกว่านะมัลฟอย”

                

              “ไม่ต้องมาสอนฉันก็ว่าจะทำงั้นอยู่แล้ว ใครจะไปอยากคุยกับพวกกริฟฟินดอร์นานๆ กัน ...ว่าไงยัยเด็กปีหนึ่ง ...ผมบลอนด์ ตาสีฟ้าซีด

    ท่าทางเหมือนคนประหลาด ไม่ผิดแน่ เธอนี่เองที่เขาเรียกกันว่าลูน่าสติเฟื่อง ใช่ไหม?” เดรโกไล่สายตามองตั้งแต่ผมบลอนด์ยาวที่ติดจะรุงรัง

    นิดหน่อยของลูน่าไปจนถึงรองเท้าผ้าใบของเธอด้วยแววตาเหยียด


              เพื่อนซี้สามคนมองเดรโกด้วยแววตาที่ไม่พอใจนัก ยกเว้นก็แต่คนถูกพูดถึงที่ยังคงมีดวงตากลมแป๋ว ไม่มีแววตาไม่พอใจแต่อย่างใด

    ถึงรอนจะเคยเรียกลูน่าด้วยคำนี้แต่พอเป็นเดรโกเรียกบ้างเขาดันรู้สึกไม่ชอบขึ้นมาซะอย่างงั้น

                

              “อย่ายุ่งกับเธอนะมัลฟอย”

                

              “ทำไม ยัยนี่เป็นเด็กนายเหรอพอตเตอร์?” เดรโกเลิกคิ้วถาม ก่อนดวงตาสีเทาคู่นั้นจะเลื่อนลงมามองลูน่า “ฉันเดรโก , เดรโก มัลฟอย”

    มือขาวซีดของเขายื่นมาตรงหน้าเด็กสาว แต่ไม่มีมือน้อยๆ มาจับมือเขาตอบ


                “ฉันลูน่า เลิฟกู๊ด” เด็กสาวไม่ได้อยากผูกมิตรกับชายหนุ่มท่าทางหยิ่งยโสนี่เท่าไรนัก แต่ด้วยความที่ไม่คิดอะไรมากเลยตอบ

    ปแค่ตามมารยาทก็เท่านั้น

               

              “อ้อ ไม่ใช่ชื่อลูน่าสติเฟื่องหรอกเหรอ” เดรโกเก็บมือกลับไปแล้วหันไปหัวเราะกับแครบ กอยล์ “ว่าไง ไม่พอใจงั้นสิ”

                

              “ตราบใดที่คุณไม่มาคุยกับฉัน คุณจะเรียกฉันว่าอะไรนั่นมันเรื่องของคุณ คุณจะมาบอกให้ฉันรู้ทำไม”


              เด็กสาวตากลมตอบเสียงนิ่มตามปกติ แต่ในสายตารอนกับแฮร์รี่และเฮอร์ไมโอนี่มันคือการตีหน้ามึน และเดรโกกำลังหน้าตึง

    กับประโยคที่ไม่ทุกข์ร้อนใจกับฉายาที่เขาเรียกเธอ นั่นจึงเป็นหนึ่งเรื่องที่ทำให้ทั้งสามแห่งบ้านกริฟฟินดอร์เริ่มถูกใจเด็กผมบลอนด์คนนี้

    ขึ้นมาบ้างแล้ว โดยเฉพาะคู่ปรับตลอดกาลของเดรโกอย่างแฮร์รี่ ทั้งสามคนแอบยกมือขึ้นปิดปากเพื่อกลั้นหัวเราะแต่ก็ไม่พ้นสายตาคม

    ของเดรโกไปได้


              “มีอะไรน่าขำนักหรือไง”


              “อยู่นี่เองลูน่า ..มีอะไรกันหรือเปล่า” จินนี่ที่เดินเข้ามาหาเพื่อนตัวเล็กถามขึ้นเพราะเมื่อกี้เธอเดินมาก็ไม่ทันได้ดูซะด้วยสิ 

    ว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น

                

              รอนรีบดันหลังจินนี่กับลูน่าให้เดินไปด้วยกัน “ไม่มีอะไรหรอกจินนี่ เธอกับเลิฟกู๊ดไปเรียนเถอะ อย่าสนใจคนบ้าหัวเจลแถวนี้เลย”

                

              “นี่ ยัยสติเฟื่อง” เดรโกที่เห็นว่าคนตัวเล็กกำลังจะเดินไปเลยคิดจะรั้งเธอเอาไว้ แต่คนถูกเรียกกลับไม่หันกลับมามองเขาอีกเลย

                

              แฮร์รี่แอบสะใจอยู่เล็กๆ เขากอดอกพลางเชิดหน้าพูดกับมัลฟอย “ไม่มีเด็กบ้านเรเวนคลอคนไหนโง่หรอกนะมัลฟอย”

                

              “งั้นเหรอ บางทีอาจยกเว้นยัยนั่นไว้คนนึงก็ได้ เพราะถ้าฉลาดพอก็จะรู้ว่าควรผูกมิตรกับใคร” เดรโกทำท่าจะเดินไปแต่เด็กหนุ่ม

    หันหลังกลับมา “อ้อ นายอย่าลืมบอกเด็กของนายให้ระวังตัวเอาไว้ด้วยล่ะ เดี๋ยวจะกลายเป็นตัวตลกของฮอกวอตส์โดยไม่รู้ตัว หึ 

    ฉันล่ะสงสัยจริง ถ้าพวกที่เป็นมิตรทำร้ายกันเองจะเป็นยังไง” เดรโกพูดทิ้งท้ายเอาไว้แค่นั้นก่อนหมุนตัวเดินจากไป

                

              “พนันได้เลยว่าหมอนั่นคงไม่ทำแค่เขียนหน้าให้เธอกลายเป็นตัวตลกแน่” รอนว่า

                

              “เราหาเรื่องให้รุ่นน้องซะแล้วสิ ฉันว่าพวกเราต้องบอกเลิฟกู๊ดให้ระวังตัวเอาไว้” แฮร์รี่หันมาพูดกับเพื่อนทั้งสอง รอนพยักหน้าเห็นด้วย

    แต่เฮอร์ไมโอนี่กลับยกมือขึ้นห้าม

                

              “แค่บอกงั้นหรือ? บอกไปแล้วนายคิดว่าเด็กปีหนึ่งที่เรียนยังไม่ถึงเทอมอย่างเลิฟกู๊ดทำอะไรมัลฟอยได้หรือไงกัน?”

                

              “งั้นจะให้เราทำยังไงเธอก็บอกมาสิเฮอร์ไมโอนี่ จะให้พวกเรารู้ด้วยการทำนายดวงผ่านลูกแก้วเพื่อรู้อนาคตงี้เหรอ” รอนบอกกับ

    เพื่อนสาวผมฟู

                

              “เราต้องหารุ่นพี่สักคนนึงที่เชี่ยวชาญการเสกคาถาที่ไร้ประโยชน์...หมายถึงเพื่อเล่นสนุกอย่างเดียวน่ะ พวกเขารู้คาถาเอาไว้แก้เผ็ด

    พวกเกเรเยอะจนนับไม่ถ้วน ซึ่งรุ่นพี่ที่เราสนิทก็มีอยู่แค่ไม่กี่คนหรอก”

                

              “เฟร็ดกับจอร์จ / เฟร็ดกับจอร์จ” รอนกับแฮร์รี่พูดชื่อสองคนนี้พร้อมกัน ทำเอาฝาแฝดวีสลีย์ที่อยู่ในส่วนไหนของฮอกวอตส์ก็ไม่รู้

    จามออกมา เฟร็ดกับจอร์จคงไม่ยินดีเท่าไรนักหากรู้ว่าน้องชายแท้ๆกับเพื่อนๆ กำลังบอกว่าพวกเขาเชี่ยวชาญการเสกคาถาที่ไร้ประโยชน์

                

              “ใช่เลย”

                

              “ฉันว่าพวกเขาต้องรีบตอบตกลงช่วยเราแน่ถ้ารู้ว่าคนนั้นคือมัลฟอย”

                

              และเป็นอย่างที่รอนคิดภาพเอาไว้ แต่ก็ไม่ทั้งหมด เขาคิดว่าพี่ชายฝาแฝดของเขาต้องตอบตกลงด้วยท่าทางกระตือรือร้นพร้อมที่จะ

    เล่นอะไรแผลงๆ แน่ ทว่าคืนนั้นระหว่างที่เขาเล่าเรื่องลูน่าให้ฟัง แน่นอน ทั้งคู่ตอบตกลงแต่สีหน้าของจอร์จอาจเรียกได้ว่าเป็นกังวล

    มากกว่านึกสนุก รอนไม่เก็บมาใส่ใจเพราะแค่ถือว่าจะได้แก้เผ็ดเดรโกเขาก็รอที่จะเห็นจนทนไม่ไหวแล้ว

                

              จอร์จนั่งนิ่งคิดอยู่นานก่อนตัดสินใจพูดกับเฟร็ดที่นั่งนึกคาถาเด็ดๆ รออยู่ในหัว เผื่อพรุ่งนี้เขาจะได้เล่นอะไรสนุกๆ ยามเช้า

                

              “เฟร็ด ตอนกลางวันวันนี้นายไม่คิดว่ามันมีอะไรแปลกไปเหรอ”

                

              เฟร็ดนิ่งคิดพลางหันไปสบตากับจอร์จ “ไม่น่าจะใช่หรอกมั้ง เด็กกรีนกราสนั่นไม่น่าจะทำแบบนั้น”

                

              “แต่ไม่มีใครคิดจะซื้อลูกอมนั่นไปเลยนะ นายคิดว่าเด็กผู้หญิงบอบบางดูคุณหนูอย่างเธอจะซื้อไปกินเองเหรอ”

                

              “..ไม่น่าเกี่ยวกับแม่หนูลูน่านะ”

                

              “หรืออาจจะเกี่ยว” จอร์จย้ำ

                

              “ขอโทษฮะ ว่าแต่อะไรที่ว่าเกี่ยวหรือไม่เกี่ยว?” ในที่สุดแฮร์รี่ก็ถามออกมา เขากับรอนนั่งฟังมาสักพักแล้วแต่ก็ไม่เข้าใจที่ฝาแฝด

    สองคนนี้พูดกันเลยสักนิด นอกจากพวกเขาจะเข้าใจกันเอง

                

              “พวกนายรู้ที่เราขายอุปกรณ์เล่นตลก..แล้วก็ลูกอมช่วยโดดเรียนนี่ ใช่ไหม” เฟร็ดบอก รอนกับแฮร์รี่พยักหน้ารับก่อนเป็นจอร์จ

    ที่พูดอธิบายต่อ

               

              “เมื่อกลางวันมีเด็กจากสลิธีรินมาซื้อลูกอมไป ทั้งที่ไม่เคยมีเด็กจากบ้านนั้นย่างเท้าไปที่ห้องน้ำร้างชั้นเจ็ดเพื่อซื้อของจากพวกฉันเลย

    สักครั้ง”

                

              “มัลฟอยอาจให้เธอไปซื้อ” เฟร็ดพูดแล้วเงียบลงกลืนน้ำลายลงคอหนึ่งอึกแล้วพูดต่อ “พนันได้เลยว่าไม่เคยมีใครคิดเสกลูกอมนี่

    ขึ้นมาแน่ ถ้าเกิดพรุ่งนี้แม่หนูบ้านเรเวนคลอกินมันเข้าไป ต้องมาจากพวกมัลฟอยแน่นอน”


              “แล้วลูกอมนั่นมีผลยังไงฮะ” แฮร์รี่ถามเฟร็ดเพราะเริ่มเป็นห่วงลูน่าขึ้นมา เธออาจกำลังตกอยู่ในอันตราย

                

              “อันที่จริงมันค่อนข้างน่าเกลียดนิดหน่อยน่ะ”

                

              “อย่างอ้วกออกมาเป็นทากงี้เหรอ?”

                

              “ไม่มีอะไรน่าเกลียดกว่าการที่นายอ้วกออกมาเป็นทากแล้วล่ะรอน—ลูกอมนั่น คนที่กินเข้าไปจะเป็นสิว”


              “โธ่เอ๊ย ก็แค่สิว” รอนถอนหายใจอย่างโล่งอก ทิ้งตัวพิงพนักโซฟา --ใครก็เป็นสิวกันได้ทั้งนั้น

                

              “ถ้าแค่เป็นสิวธรรมดาแล้วพวกฉันจะเสกขึ้นมาทำไมล่ะรอน” เฟร็ดบอกซึ่งนั่นก็จริงอย่างที่เขาว่า

                

              “คืนนี้ฉันจะเสกลูกอมแก้คาถานั้นเอง” จอร์จลุกพรวดจากโซฟาแล้วขึ้นบันไดไปยังหอนอนทันที

                

              ไม่มีอะไรยืนยันว่าลูน่าจะกินลูกอมที่ว่านั่นเข้าไป แต่ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม จอร์จไม่มีทางให้เธอได้อับอายนักเรียนทั้งฮอกวอตส์แน่ 

    ต่อให้คืนนี้ต้องคิดคาถาทั้งคืนเขาก็ยอม


              ถึงเขาจะรู้ว่าลูกอมนั่นไม่ส่งผลจนถึงขั้นถูกหามเข้าห้องพยาบาล อย่างมากก็ทำให้อับอายแต่ตอนนี้จิตใจเขาดันว้าวุ่นไปหมด 

    ใครที่ไหนจะไปชอบที่ตัวเองเป็นตัวตลกในสายตาคนอื่นกัน!

                

              “งั้นฉันก็กลับห้องไปคิดคาถาเสกลูกอมแก้เผ็ดบ้างดีกว่า ถ้าเกิดมัลฟอยเล่นสกปรกจริง กรรมจะได้ตามสนองเร็วหน่อย” เฟร็ดลุกขึ้น

    ตามจอร์จกลับห้องนอนด้วยอาการคันไม้คันมือจะแย่ ทิ้งให้สองหนุ่มนั่งมองแผ่นหลังฝาแฝดผมแดงขึ้นบันไดจนลับสายตาไป


                

              เช้าวันรุ่งขึ้นเฟร็ดกับจอร์จตื่นสายเพราะเมื่อคืนมัวแต่เสกลูกอมคลายคาถากับลูกอมแก้แค้นจนเกือบถึงรุ่งเช้า โดยเฉพาะจอร์จ

    ที่ได้นอนเพียงแค่สองชั่วโมงเท่านั้น

                

              ทั้งคู่รีบวิ่งมายังห้องโถงใหญ่เพื่อดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นไหม แต่ดูเหมือนจะสายไปเสียแล้ว เด็กสาวผมบลอนด์บ้านเรเวนคลอ

    กำลังตกเป็นเป้าสายตาและเป็นเรื่องตลกขบขันยามเช้าของนักเรียนทั้งฮอกวอตส์

                 

              ลูน่าตักพุดดิ้งกินเป็นอาหารเช้าโดยไม่สนใจว่าจะมีใครที่หัวเราะสิวเม็ดเท่าลูกสนิชที่ขึ้นตรงกลางหน้าผากของเธอ หากนั่นคืออาการ

    หัวโนก็ว่าไปอย่างแต่นั่นคือสิวเนี่ยสิ!!

                

              ทว่าเด็กสาวกลับดูไม่ทุกข์ร้อนที่ใบหน้าใสของตัวเองมีสิวขนาดใหญ่ขึ้นมา เธอยังคงมีความสุขที่ได้ลิ้มรสพุดดิ้งยามเช้าเหมือนเดิม


              เฟร็ดกับจอร์จนิ่งเป็นรูปปั้นหินอยู่ตรงหน้าประตูทางเข้าห้องโถง ก่อนจอร์จจะรีบคว้าคอเสื้อ คอลิน ครีฟวีย์ เด็กชายตัวน้อย 

    ช่างภาพประจำกริฟฟินดอร์ ที่กำลังจะถ่ายรูปลูน่า

                

              “ยังไม่ใช่ตอนนี้คอลิน นายไม่ควรถ่ายรูปเธอ”

                

              เด็กน้อยคอตกกลับไปที่โต๊ะกริฟฟินดอร์หลังถูกจอร์จห้ามปราม

                

              เฟร็ด จอร์จเดินไปนั่งที่โต๊ะกริฟฟินดอร์กับพวกรอน น้องชายของเขาที่ไม่มีทีท่าว่าจะตลกไปกับคนอื่นๆ สายตาฝาแฝดผมแดง

    พุ่งตรงไปยังโต๊ะสลิธีรินทันที ยิ่งเห็นเดรโกที่หัวเราะท้องคัดท้องแข็งจนต้องทุบโต๊ะก็ยิ่งหงุดหงิด


              “เราจะไม่ทำอะไรกันหน่อยเหรอ” รอนถามอย่างร้อนใจที่เห็นเดรโกมีความสุขรับรุ่งอรุณ


              “ยังก่อนรอน ไม่มีเวลาไหนสนุกเท่าตอนที่เรากินมื้อเย็นหรอกนะ” เฟร็ดพูดขณะตักซีเรียลเข้าปากพร้อมกับคิดแผนอยู่ในหัว

                

              ขณะที่ทางฝั่งของจอร์จ เขากลับกินอะไรไม่ลง กระทั่งเห็นร่างเล็กลุกออกจากห้องโถงไปคนเดียว เขาลุกขึ้นตามไปทันที

    โดยมีเฟร็ดวิ่งตามออกมาด้วย

                

              ทั้งสองคนเดินออกไปทางระเบียงทางเดิน ในที่สุดก็เห็นเจ้าของผมบลอด์กระโดดกระหย็องกระแหย็งไปยังห้องเรียนวิชาคาถา


              “นังหนู!!” เพราะเวลานี้ไม่มีใครอื่นนอกจากพวกเขาสามคน จอร์จเลยตะโกนเรียกลูน่า เธอหยุดอยู่กับที่และรอพวกเขาที่วิ่งไปหาเธอ


           “อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณวีสลีย์” ใบหน้าที่เคยเนียนใสตอนนี้กลับมีสิวเม็ดโตดึงดูดสายตา แต่เด็กสาวก็ดูจะไม่ได้ใส่ใจกับภาพลักษณ์ตัวเองนัก


              “อรุณสวัสดิ์”


              เกิดความเงียบขึ้นระหว่างสามคน ฝาแฝดผมแดงคงมองผลของลูกอมที่ตัวเองเสกมากับมือนานเกินไปจนเจ้าของเสียงนิ่มต้องเป็น

    ฝ่ายเอ่ยปากพูดก่อน “สิวนี่--คงเป็นเพราะฮอร์โมนน่ะ”


              คนตัวเล็กพูดออกมาหน้าตาเฉย แต่ทำเอาเฟร็ดกับจอร์จอึ้งไปชั่วขณะ


              ฮอร์โมน?! ถามจริง สิวฮอร์โมนอะไรจะใหญ่เท่าลูกสนิชฮึ!?


              จอร์จล้วงลูกอมคาราเมลออกจากกระเป๋าเสื้อคลุมพลางยื่นไปให้ลูน่า


              “นี่ไม่ใช่วันฮาโลวีนนี่นา--หรือว่าให้ล่วงหน้า”


              เฟร็ดส่ายหัวพลางยิ้มน้อยๆ กับความคิดของแม่หนูตรงหน้า เขาจับมือลูน่าที่ยืนกอดหนังสือออกมาข้างหนึ่ง ทำให้จอร์จถึงกับ

    เผลอหันไปมองฝาแฝดของตนตาไม่กะพริบ

              

              คิดจะจับมือก็จับกันง่ายๆ งี้เลย??

                

              แต่เฟร็ดไม่ได้จับมือเธอมาเพื่อให้กำลังใจแต่อย่างใด เขาจับมือจอร์จข้างที่มีลูกอมก่อนดึงให้ส่งลูกอมใส่มือเล็กนุ่มนิ่มของลูน่า 

    โดยไม่ได้คิดเลยว่าจอร์จจะยืนตัวแข็งทื่อเพราะเมื่อกี้มือของเขาสัมผัสกับมือเล็กๆ นั่นเข้าแล้ว และดูเหมือนเฟร็ดจะไม่ทันสังเกต

                

             “จะบอกอะไรให้นะแม่หนูลูน่า ไม่มีสิวฮอร์โมนที่ไหนใหญ่อย่างกับโดนลูกสนิชพุ่งใส่หน้าจนหัวโนได้ขนาดนี้หรอก เธอโดนแกล้งแล้วล่ะ

    แล้วลูกอมนี่ฉัน..ไม่ใช่สิ จอร์จใช้เวลาเกือบทั้งคืนเสกขึ้นมา กินซะ ไม่ถึงชั่วโมงสิวน่าเกลียดนี่ก็จะหายไปเอง”


              ดวงตาสีฟ้าซีดหลุบลงมองลูกอมในมือ “..ขอบคุณค่ะ”


              “พวกเรารู้ตัวคนทำ” จอร์จบอกกับเด็กสาวด้วยสีหน้าจริงจัง “เดรโก มัลฟอย เด็กบ้านสลิธีรินปีสอง--เธออยากเอาคืนมัลฟอยไหม 

    ฉันยินดียกลูกอมที่กินแล้วเป็นสิวเต็มหน้าให้เธอไปฟรีๆ แบบไม่คิดเงิน”

                

              ได้ยินอย่างนั้นคู่หูอย่างเฟร็ดเป็นอันต้องหันมองหน้าจอร์จ นี่เขาได้ยินอะไรผิดไปหรือเปล่า ทีกับรอนล่ะคิดราคาเป็นสองเท่าตัว 

    ทีแม่หนูนี่กลับคิดจะให้ฟรีๆ   


              สุดท้ายเฟร็ดไม่ได้ท้วงอะไรเพราะแอบเห็นด้วยที่จะได้แก้เผ็ดเจ้าเด็กตัวซีดมัลฟอยโทษฐานที่ทำให้น้องชายเขาอาเจียนออกมา

    เป็นตัวทากเมื่อสัปดาห์ก่อนถึงรอนจะทำตัวเองเพราะคาถาสะท้อนกลับก็เถอะ แต่นั่นก็เป็นเพราะมัลฟอยพูดจาไม่เข้าหูก่อน แถมยังแกล้ง

    เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ นี่ด้วย 

                

          “ไม่เป็นไร ปล่อยเขาไปเถอะ ขอบคุณสำหรับลูกอมนี่นะ” ลูน่ากำมือรับลูกอมนั้นไว้ พลางส่งยิ้มขอบคุณให้ฝาแฝดทั้งสองแล้วเดินจากไป

                

              ว๊อท!? --What?!?!  


              ทั้งเฟร็ดกับจอร์จอยากตะโกนถามแทบตาย แต่ร่างเล็กก็กระโดดเหมือนกระต่ายหายไปเข้าไปในโพรง(ห้องเรียน) เสียแล้ว


              อะไรจะใจดีขนาดนั้นแม่คุณ


              “นายคิดเหมือนฉันไหมจอร์จ”

                

              “แอสโทเรีย / แอสโทเรีย” เฟร็ดกับจอร์จพูดออกมาพร้อมกันก่อนทั้งคู่จะเอามือชนหมัดกันเวลาที่มีความเห็นตรงกัน


              ยังพอมีเวลาเหลือก่อนเริ่มเรียนคาบแรก พวกเขาวิ่งไปทางหอพักสลิธีริน ซึ่งถ้าเป็นเด็กกริฟฟินดอร์คนอื่นอาจจะหลง แต่อย่าได้ดูถูก

    ฝาแฝดวีสลีย์ผู้รู้ทางลับทั่วโรงเรียนสองคนนี้เชียว ขนาดทางลับยังรู้ทะลุปรุโปร่ง กะอิแค่หอพักสลิธีรินแค่นี้ต่อให้หลับตาเดินไปยังได้



              และแล้วก็ถึงเวลาที่ฝาแฝดวีสลีย์รอคอย ช่วงเย็นในห้องโถงใหญ่ครึกครื้นเหมือนอย่างทุกวัน โดยเฉพาะเฟร็ดกับจอร์จที่ดูจะคึก

    เป็นพิเศษ

                

              “ประโยคสุดท้ายที่มัลฟอยบอกนายคืออะไรนะรอน”

                

              “ฉันล่ะสงสัยจริง ถ้าพวกที่เป็นมิตรทำร้ายกันเองจะเป็นยังไง” รอนตอบตามที่เดรโกพูดทิ้งท้ายเอาไว้เมื่อวานนี้เป๊ะๆ

                

              “นั่นน่ะสิ ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่าจะเป็นยังไง ว่าไหมจอร์จ?”

                

              “ใช่แล้วเฟร็ด”

                

              ตอนนี้คุณครูทุกคนกลับไปประจำห้องของตัวเองกันไปหมดแล้ว เหลือก็แต่บรรดานักเรียนที่ยังนั่งคุยจนติดลมไม่ยอมลุกไปไหน

                

              ฝาแฝดจอมแสบคำนวณเวลาเอาไว้อย่างดีแล้ว ขณะที่กลุ่มของรอนกำลังคุยกันอยู่ เฟร็ดกับจอร์จหันมองหน้ากันแล้วนับออกมาเบาๆ

    พร้อมกัน

                

              “สาม...สอง...หนึ่ง”

                

              “เฮ้ย!!”


              “อะไรกันเนี่ย!!”


              ทางโต๊ะฝั่งบ้านสลิธีรินมีเสียงโหวกเหวกโวยวายดังจนทำให้ทุกคนหันไปมองกันเป็นสายตาเดียว

                

              เฟร็ดกับจอร์จชนแก้วที่มีน้ำฟักทองแล้วดื่มรวดเดียวหมด ฉลองให้กับความสำเร็จที่ก้าวไปอีกขั้น ใบหน้าเสี้ยมแหลมของเดรโก

    เต็มไปด้วยสิวน่าเกลียดก่อนเจ้าตัวทำท่าจะอาเจียนออกมาด้วยความขยะแขยงหลังเห็นเงาสะท้อนใบหน้าของตัวเองในจานทองคำวาววับ 

    แต่กลับเจอความขยะแขยงยิ่งกว่าเมื่อสิ่งที่อาเจียนออกมาคือตัวทากตัวดำลื่นๆ มันๆ ยิ่งทำให้คนรอบตัวเขากรีดร้องและถอยห่าง

    เหลือเพียงแครบกับกอยล์ที่เดรโกคว้าคอเสื้อเอาไว้ได้ทัน

                

              “พนันได้เลย ฉันว่ามาจากคนใกล้ตัวเราแถวนี้แหละ” รอนกระซิบบอกกับแฮร์รี่ แล้วแอบชูแก้วตรงหน้าให้เฟร็ดกับจอร์จที่ขยิบตาให้

    แล้วดื่มน้ำฟักทองในแก้วของตนบ้าง จะมีก็แต่เฮอร์ไมโอนี่กับจินนี่ที่นั่งส่ายหัวให้กับชายหนุ่มบ้านเดียวกับเธอ 


              “ผมถ่ายรูปได้ไหมฮะ” คอลินหันมาถามฝาแฝดผมแดงเพื่อขออนุญาตหลังเมื่อเช้าถูกใครคนใดคนหนึ่งในสองคนนี้ห้ามเขาไม่ให้ถ่าย

    เด็กสาวบ้านเรเวนคลอ


              “ตามสบายเท่าที่นายอยากจะถ่ายเลย” ได้ยินอย่างนั้นเจ้าหนูคอลิน ครีฟวีย์ ก็รีบลุกจากโต๊ะวิ่งไปพร้อมกล้องในมือทันที

                

              “ทำยังไงถึงให้มัลฟอยกินลูกอมนั่นเข้าไปได้น่ะ” รอนกระซิบถาม


    “ง่ายนิดเดียว มัลฟอยบอกพวกนายว่าอยากจะรู้ ถ้าพวกที่เป็นมิตรทำร้ายกันเองจะเป็นยังไง พวกเราก็แค่สนองความอยากรู้นั้น...”


              “หรือว่ากรีนกราสที่พูดถึงกันเมื่อวาน?” แฮร์รี่ตั้งข้อสงสัยก่อนที่เฟร็ดจะอธิบายจบ

                

              “ถูกเผง! ทีนี้เราก็เห็นแล้วว่าเด็กสลิธีรินทำร้ายกันเองเป็นยังไง” จอร์จเอามือเท้าคางพลางมองเดรโก



              ความสนุกระหว่างมื้อเย็นวันนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลยหากไม่มีตัวละครสำคัญอย่าง แอสโทเรีย กรีนกราส คุณหนูตัวน้อยบ้านสลิธีริน 

    เธอเป็นคนซื้อลูกอมไปให้มัลฟอยแกล้งลูน่า เพราะงั้นเธอก็ต้องเป็นคนรับลูกอมเพื่อให้มัลฟอยได้กินเหมือนกัน


              ก่อนเริ่มคาบเรียนช่วงเช้า หลังเฟร็ดกับจอร์จส่งลูกอมคลายคาถาให้เด็กสาวบ้านเรเวนคลอเสร็จ พวกเขาก็วิ่งไปรอที่หน้าหอนอน

    ของสลิธีรินเพื่อรอเจอคุณหนูกรีนกราสที่กำลังหลบหนีความผิด—อย่างน้อยเธอก็อยู่ที่หอนอนตลอดไปไม่ได้หรอก จริงไหมล่ะ?

              

              “นั่นไม่ใช่ความผิดฉันนะ! เดรโกเขาสั่งให้ฉันทำ” เมื่อเข้าตาจนแอสโทเรียก็ยอมสารภาพหมดเปลือกว่าลูกอมที่ลูน่ากินเข้าไปนั่น

    มาจากที่เธอซื้อไปจริงๆ ด้วย

              

              “แล้วเธอรู้ไหมว่าระหว่างซื้อไปกินเองกับซื้อไปแกล้งคนอื่นผลมันแตกต่างกันยังไง” เฟร็ดยืนกอดอกมองคุณหนูที่ยังไม่ยอมรับ

    ว่าตัวเองมีส่วนผิด

              

              จอร์จที่ยืนอยู่ข้างกันรับช่วงพูดต่อ “ถ้ากินเองเพื่อโดดเรียนคนผิดคือคนที่กินมันเข้าไป แต่ถ้าซื้อไปแกล้งคนอื่น คนผิดก็คือคนแกล้ง 

    อาจถูกหักคะแนน--หรือไม่ก็ถูกกักบริเวณที่ป่าต้องห้าม”

              

              “พวกเรามีทางเลือกให้เธอ หนึ่ง อยู่เฉยๆ แล้วรอรับการลงโทษ”

              

              หรือสอง ทำยังไงก็ได้ให้มัลฟอยกินลูกอมเม็ดนี้ เรื่องที่เธอซื้อลูกอมของพวกเราเพื่อแกล้งคนอื่นจะไม่มีใครรู้ ถึงมัลฟอยจะรู้

    แต่ไม่มีหลักฐานก็จบ”

              

              พวกเราพร้อมยอมรับผิดเองอยู่แล้ว จะเหลือก็แค่ให้เธอช่วยนิดหน่อย แค่ให้มัลฟอยกิน เธอก็จะไม่ถูกลงโทษ” เฟร็ดพูดพลางแบมือ

    ที่มีลูกอมตรงหน้าแอสโทเรีย เธอลังเลนิดหน่อยแต่เพราะกลัวความผิดเลยยอมยื่นมือมารับลูกอมนี้ไปแต่โดยดี

              

              ทีนี้พวกเขาก็รอแค่ถึงเวลามื้อเย็น ในห้องโถงใหญ่ พวกเราทุกคนจะได้เห็นว่าพวกที่เป็นมิตรทำร้ายกันเองจะเป็นยังไง



              ซึ่งก็เป็นอย่างที่เห็น เดรโกโกรธจัดลุกขึ้นไปหาลูน่าที่โต๊ะเรเวนคลอแทนที่จะนึกสงสัยแอสโทเรีย “เธอ!” นิ้วขาวซีดชี้หน้าเด็กสาว

    ก่อนอาเจียนทากออกมาอีกตัว

                

              “เป็นเรื่องล่ะสิ” เฟร็ดกับจอร์จลุกขึ้นเดินไปทางโต๊ะเรเวนคลอทันที


              จอร์จเอาตัวเองเข้าแทรกกลางระหว่างลูน่ากับเดรโกที่จ้องหาเรื่องไม่หยุด (ตัวทากเองก็ออกมาจากปากเขาไม่หยุดเช่นกัน) 

    ด้วยความงงของลูน่าที่จู่ๆ ก็ถูกหาเรื่องเลยได้แต่ยืนนิ่งเฉย จนเฟร็ดต้องดึงแขนให้ถอยห่างออกมา ก่อนจินนี่จะเข้ามายืนเคียงข้างเพื่อน

    ต่างบ้านของเธอด้วยอีกคน

                

              “ถอยไปวีสลีย์! ฉันจะเอาเรื่องยัยสติเฟื่องนี่ให้ได้”


              จอร์จไม่สนคำขู่หนำซ้ำยังเดินรุกเข้าหาทำเอาเดรโกรุดถอยหลัง “กล่าวหากันสุ่มสี่สุ่มห้าแบบนี้ก็ไม่ถูกนะมัลฟอย”

                

              “จะไม่ถูกได้ยังไงก็ในเมื่อ เมื่อเช้านี้...”

                

              “เมื่อเช้านี้ทำไม?”

                

              ใบหน้าเสี้ยมแหลมโกรธจัดจนหน้าแดงพร้อมเม้มปากก่อนพูดเสียงลอดไรฟัน “พ่อฉันต้องรู้เรื่องนี้แน่! ยัยสติเฟื่องไม่เต็มเต็ง”

                

              คราวนี้ทั้งจอร์จและเฟร็ดต่างก็เดินเข้าหาเดรโกจนคุณชายบ้านสลิธีรินสะดุดตัวทากที่อาเจียนออกมาจนล้มก้นจ้ำเบ้า


              “อ้อเหรอ งั้นพ่อนายก็ควรรู้ด้วยนะว่านายไปแกล้งคนอื่นเขาก่อนมัลฟอย อีกอย่างลูน่าไม่เกี่ยวกับที่นายกำลังเป็นอยู่ตอนนี้

    แต่เป็นพวกฉันเองต่างหาก”


              “สารภาพออกมาแล้วสินะ คุณวีสลีย์” เสียงเย็นเอ่ยขึ้นมาจากทางด้านหลังของฝาแฝดผมแดง ต่อให้ไม่ต้องหันไปก็รู้แล้วว่าเป็นใคร 

    สุดท้ายพวกเขาก็ต้องหมุนตัวกลับไปเพื่อเผชิญหน้ากับศาสตราจารย์สเนป


              รอนกับแฮร์รี่ที่กำลังหัวเราะจนท้องแข็งเป็นอันต้องหุบปากสนิท ทั้งสองหันกลับเข้าโต๊ะด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก คนผมแดงชูแก้วน้ำฟักทอง

    ในมือแล้วกระซิบกับแฮร์รี่


            “แก้วนี้--สำหรับให้เฟร็ดกับจอร์จอยู่รอดปลอดภัยจนถึงวันพรุ่งนี้” พูดจบทั้งสองก็ชนแก้วเกิดเสียงกริ๊งเบาๆ ก่อนถูกเฮอร์ไมโอนี่ตวาดใส่

                

              “พวกเธอทั้งคู่เลิกเล่นกันสักที!!”






    - Talk –


         เมื่อนังหนูโดนแกล้งแบบไม่รู้ตัวและถึงรู้ตัวก็ไม่โกรธ จอร์จจะอยู่เฉยได้อย่างไร งานนี้มีเฟร็ดมาด้วยเพราะความหมั่นไส้เดรโกเป็นทุนเดิม 

    อยู่ดีๆ ก็มาหาเรื่องแม่หนูลูน่าที่รู้จักกันระดับหนึ่งแถมบวกด้วยแรงแค้นที่ทำให้รอน น้องชายผมแดงของพวกเขาต้องอาเจียนออกมา

    เป็นตัวทาก


         แต่สุดท้ายก็ถูกสเนปจับได้ เพราะงั้นช่วยเอาใจช่วยพวกเขาในตอนหน้าให้ทั้งคู่อยู่รอดปลอดภัยอย่างที่รอนบอกกันด้วยนะคะ ^^;       

    T
    B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×