ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Harry Potter] Little Loony Lovegood [George x Luna] [END]

    ลำดับตอนที่ #2 : 2 ll Good Night

    • อัปเดตล่าสุด 16 พ.ค. 63



    2


    Good Night




              เวลานี้ก็ดึกมากแล้ว แต่ภายในห้องนั่งเล่นรวมของกริฟฟินดอร์ยังมีเด็กนักเรียนนั่งล้อมวงคุยกันอยู่ถึงหกคน แฮร์รี่ รอน เนวิลล์ 

    เฟร็ดกับจอร์จและเฮอร์ไมโอนี่กำลังคุยกันเรื่อยเปื่อยแบบไม่มีหัวข้อใดถูกหยิบยกมาเป็นพิเศษ กระทั่งมาถึงเรื่องของจินนี่


              “ฉันว่าเธอเลิกห่วงเรื่องเพื่อนของจินนี่ได้แล้วน่ารอน” เฮอร์ไมโนนี่พูดขณะที่มือเกาคางครุกแชงก์ แมวสีส้มตัวใหญ่ที่นอนอยู่บนตัก


              “เฮอร์ไมโอนี่ เธอก็รู้ ช่วงนี้จินนี่ชอบเดินไปไหนมาไหนกับเลิฟกู๊ดบ่อยๆ”


              “แล้วไง”


             “เธอไม่รู้เหรอ หล่อนดูล่องลอย.. เพ้อฝัน.. เพี้ยนแปลกๆ พิกล ฉันยังแอบได้ยินมาด้วยว่าพวกเพื่อนๆ เรียกเธอว่า ลูน่าสติเฟื่อง 

    บางทีฉันก็คิดว่ามันเหมาะกับเธอดี”


              “อย่าไปพูดต่อหน้าเจ้าตัวเชียวนะ เลิฟกู๊ดอาจดูแปลกไปบ้าง อาจเพราะเธอยังเสียใจที่เสียแม่ไป จินนี่เคยเล่าให้ฟังว่าเลิฟกู๊ดเสียแม่ไป

    ตอนเก้าขวบ”


              “นั่นแย่จัง ฉันเคยคิดว่าเธอเพี้ยนเพราะวันๆเอาแต่หมกมุ่นอยู่กับตัวนาร์เกิ้ลซะอีก” แฮร์รี่พูดเหมือนจะเห็นใจแต่เฮอร์ไมโอนี่กลับรู้สึก

    ตงิดแปลกๆ

              

              “แย่จริงๆ เพราะเรื่องแม่ เธอถึงได้เป็นคนประหลาดสินะ” รอนเสริม

             

              “แต่ก็ยังไม่แย่เท่าที่พวกเธอคิดกับเลิฟกู๊ดแบบนั้นหรอกนะ ที่ฉันพูดเพราะหวังว่าพวกเธอจะเข้าใจแต่กลับยังคิดว่าเธอแปลกกันอยู่อีก”


              “แหม เธอหัดเป็นคนเข้าใจจิตใจของคนอื่นตั้งแต่เมื่อไรกันเฮอร์ไมโอนี่ ถ้าเข้าใจขนาดนั้นก็ช่วยเข้าใจความรู้สึกของฉันเวลาที่เธอ

    พร่ำบ่นให้ไปอ่านหนังสือบ้างสิ”


              “รอน ! ”


              เฟร็ดยกมือขึ้นไกล่เกลี่ยน้องๆ ก่อนที่จะเถียงกันเสียงดังจนไปรบกวนคนอื่นที่อาจหลับไปแล้ว ถึงเขากับจอร์จจะชอบเล่นพิเรนทร์

    แต่พวกเขาก็รู้ว่าเวลาไหนควร ไม่ควรส่งเสียงดังโดยเฉพาะเวลาคนอื่นนอน


              “เอาน่าคุณหนูๆ เลิกทะเลาะกันได้แล้ว ความจริงถึงลูน่าจะมีท่าทางล่องลอยแบบนั้นแต่แม่หนูนั่นก็ดูน่ารักดีออก ไม่เหมือนกับจอร์จ

    ที่นับวันยิ่งดูล่องลอยยิ่งกว่าเธอซะอีก” เขาเหลือบมองฝาแฝดของตน แต่จอร์จไม่ได้สนใจเขาเลย เฟร็ดชี้นิ้วไปที่จอร์จพลางยกมือป้องปาก

    ให้เห็นกันแต่พวกเด็กๆ แล้วขยับปากโดยไม่ออกเสียง ‘เห็นไหม’


              “นั่นเธอกำลังจะไปไหนน่ะจินนี่” จอร์จถามประโยคแรกหลังนั่งเงียบมานาน แต่เขากลับถามจินนี่ที่เดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นนี้


              “ไปเรียนดาราศาสตร์ พวกพี่ไม่ต้องตามฉันไปนะ ฉันจะไปกับเพื่อน”


              “ไปด้วย” จอร์จลุกขึ้นยืนทันทีราวกับมีคนมาบิดไขลาน ดูเหมือนเขาจะไม่ได้ฟังที่จินนี่พูดเลยสักนิด


              “ไม่เอาล่ะ”


              “อย่าลืมสิ แม่บอกให้พี่ดูแลเธอนะจินนี่”


     

             “ไม่ต้องก็ได้ ฉันเดินไปกับเพื่อนตั้งหลายคน ไม่หลงทางหรอก”


              “อย่าพูดจาไร้เยื่อใยแบบนั้นสิ รีบไปกันเถอะ ไม่งั้นจะโดนคุณครูดุเอานะถ้าพวกเธอไปถึงช้า


              จอร์จดึงแขนจินนี่ให้ออกไปข้างนอกพร้อมกันโดยไม่เปิดช่องโหว่ให้น้องสาวของเขาหาข้ออ้างมาโต้เขาได้

              

              “ฉันง่วงแล้ว คืนนี้ฉันขอบายนะจอร์จ” เฟร็ดพูดไล่หลังตามมาขณะมองตามกลุ่มคนที่เดินออกไปจนลับสายตา   



                จินนี่เดินไปหอคอยที่สูงที่สุดในฮอกวอตส์สำหรับเรียนวิชาดาราศาตร์พร้อมกับเพื่อนบ้านเดียวกันอีกสองสามคน แถมพ่วงมาด้วย

    องครักษ์ตัวสูงชะลูดอย่างจอร์จ ทว่าองครักษ์คนนี้ดูร่าเริงจนเกินปกติแถมไม่ได้สนใจจะดูแลน้องสาวอย่างเธอเลยสักนิด


              “สวัสดีฮะศาสตราจารย์ซินิสตร้า วันนี้ผมขอมาเรียนกับน้องสาวผมนะฮะ!”


              จินนี่นึกอยากจะหายตัวไปตอนที่จอร์จกล่าวทักทายศาสตราจารย์ซินิสตร้าทันทีที่มาถึงหอดูดาวด้วยระดับเสียงที่อาจเรียกได้ว่า

    เป็นการตะโกนมากกว่าทักทายปกติ นักเรียนคนอื่นๆ ต่างหันมามองที่จอร์จและเธอผู้เป็นน้องสาว ให้ตาย! เธอนึกอยากตัดขาด

    ความเป็นพี่น้องกับเขาเสียเดี๋ยวนี้เลย


                 

              จอร์จได้รับข้อยกเว้นเป็นกรณีพิเศษจากศาสตราจารย์ซินิสตร้าผู้ลึกลับให้มาร่วมเรียนกับรุ่นน้องได้ ด้วยเหตุผลที่คนผมแดงบอก

    ว่าอยากเรียนเสริมและช่วงนี้กำลังหัดทำนายจากดวงดาวเหมือนพวกเซ็นทอร์อยู่

               

              วันนี้ท้องฟ้าปลอดโปร่งไร้เมฆทำให้เห็นดวงดาวระยิบระยับอยู่เต็มทั่วท้องฟ้า แต่ถึงอย่างนั้น คนที่บอกว่าอยากมาเรียนเสริม

    กลับไม่ได้มองท้องฟ้าเลยสักนิด ถึงจอร์จจะตัวสูงชะลูดอยู่แล้วแต่นักเรียนบนนี้นั้นมีไม่น้อยเอาเสียเลย เขาแอบชะเง้อมองหาร่างเล็ก

    ของใครบางคนที่พออยู่รวมกับกลุ่มคนเยอะๆ ก็แทบจะมองไม่เห็นตัวเธออยู่แล้ว


              นั่นไง! สายตาของเขาล็อคเข้าที่เป้าหมายอย่างฉับไวสมกับที่เป็นนักกีฬาควิดดิชของบ้าน อันที่จริงเขาน่าจะเดาได้ตั้งแต่แรกแล้ว

    ว่าคนที่มองหาคงจะอยู่แถวๆ กลุ่มของจินนี่ เขาเดินไปทางกลุ่มน้องสาวตัวเองที่นั่งรอศาสตราจารย์อธิบายเบื้องต้นเกี่ยวกับสิ่งที่จะเรียนวันนี้

    ก่อนนั่งลงข้างหลังระหว่างจินนี่กับลูน่า


              “ขอร้องล่ะ พี่อย่าก่อความวุ่นวายนะ” ยังไม่ทันได้ทำอะไร จินนี่ก็หันมาปรามเขาก่อนเสียแล้ว แต่ไม่เป็นไร วันนี้จอร์จอารมณ์ดี

    เลยไม่เถียงกลับ


              “เข้าใจแล้วจินนี่น้องรัก” พูดจบจอร์จก็หันไปทักทายเด็กสาวที่นั่งเยื้องไปข้างหน้าทางฝั่งซ้ายทันที “หวัดดีนังหนู ฉัน จอร์จ วีสลีย์” 

    ชายหนุ่มว่าพลางยื่นมือไปข้างหน้า หมายจะจับมือกับเด็กสาวตัวเล็กที่หันมาหาเขาช้าๆ

                

              “สวัสดีค่ะคุณวีสลีย์ ฉันลูน่า เลิฟกู๊ด” ทว่าลูน่าไม่ทันได้สังเกตเห็นมือใหญ่ๆ ของเขาเพราะความมืดบนหอคอยเลยหันหน้ากลับไป

    ทางเดิมโดยทิ้งให้จอร์จชูมือเก้ออยู่อย่างนั้น


              “ยินดีที่ได้รู้จักนะ” จอร์จยังคงพูดคุยเพื่อทำความรู้จักกันอย่างน้อยแค่อีกสักนิดก็ยังดี แต่จินนี่กลับหันมามองตาเขียวใส่เขา 

    ก็เสียงที่จอร์จพูดนั้ทำให้คนอื่นรอบข้างหันมามองที่เธอกันหมด จินนี่เป็นหนึ่งในบรรดาพี่น้องของเธอทั้งหมดที่ไม่ชอบเป็นจุดสนใจ

               

              “นี่พี่มาเรียนหรือมาคุยกับเพื่อนฉันกันแน่เนี่ย”

                

              “มาเรียนอยู่แล้วสิ ดีไม่ดีพี่อาจช่วยติวให้พวกเธอได้ด้วยนะ”

               

              “แค่พี่ไม่ก่อกวนจนมีจดหมายไปถึงบ้านอย่างที่ผ่านมาก็พอแล้วค่ะ แม่ได้รับจดหมายจากโรงเรียนทุกเทอมว่าพี่กับเฟร็ด

    สร้างความเดือดร้อนให้กับโรงเรียน”

                

              เมื่อถูกต้อนจนมุมจอร์จก็ยอมยกธงขาวแต่โดยดี ที่น้องสาวผมแดงพูดมานั้นถูกทุกประโยค แล้วเขาก็ยังไม่อยากให้นังหนูที่เพิ่ง

    มีโอกาสได้คุยกันรู้ถึงวีรกรรมที่ผ่านมาของเขาไปมากกว่านี้ เพราะแต่ละอย่างมีแต่เรื่องดีๆ ทั้งนั้น ล่าสุดพวกเขาก็ขโมยรถฟอร์ดแองเกลีย

    บินได้ที่พ่อของพวกเขาเสกมาขับเล่นจนมีจดหมายกัมปนาทมาเยือนถึงฮอกวอตส์

                

              เวลาดึกขึ้นทุกที ถึงเวลาเลิกเรียนแล้ว เด็กๆ ปีหนึ่งทยอยลุกไปส่งแบบฝึกหัดกับศาสตราจารย์ซินิสตร้า ลูน่าเองก็เป็นหนึ่งในนั้น 

    เธอส่งแบบฝึกหัดก่อนเดินไปเกาะขอบกำแพงเตี้ย วางมือประสานกันบนกำแพงแล้วเอาคางเกยระหว่างที่มองดูท้องฟ้ายามราตรี

                

              ยังพอมีเวลาเหลือสำหรับดื่มด่ำกับบรรยากาศที่หาไม่ได้ง่ายๆ เพราะหอคอยนี้สูงที่สุดในฮอกวอตส์ทำให้สามารถมองเห็นพระจันทร์

    รวมทั้งดวงดาวโดยไม่มีอะไรมาบดบังสายตา

                

              การกระทำของเด็กสาวตัวเล็กอยู่ในสายตาจอร์จทุกอย่าง เขากำลังจะเดินเข้าไปหาแต่กลับถูกจินนี่ตัดหน้าเดินไปคุยกับเธอซะก่อน

                

              “ฉันจะกลับแล้วนะลูน่า เธอจะลงไปพร้อมกับพวกเราเลยไหม”

                

              “อ้อ ขอบคุณนะที่ชวน แต่ฉันอยากอยู่บนนี้ต่ออีกสักหน่อยน่ะ” น้ำเสียงนิ่มที่ฟังแล้วชวนให้จิตใจสงบพูดกับเพื่อนที่เธอสนิทที่สุด

    อย่างจินนี่

                

              “งั้นราตรีสวัสดิ์นะ” จินนี่โบกมือลาเพื่อนต่างบ้านก่อนเดินลงบันไดหอคอยไป โดยลืมพี่ชายตัวป่วนไปซะสนิท

                

              บนหอคอยนี้ยังเหลือนักเรียนอีกสองสามคนที่ยังทำแบบฝึกหัดอยู่ นั่นเท่ากับว่ายังพอมีเวลาอีกนิดหน่อยให้เขาได้คุยกับเด็กสาว

     จอร์จเดินไปยืนตรงริมกำแพงห่างจากลูน่าราวหนึ่งเมตร พลางเอาแขนวางแบบเดียวกัน

                

              “คืนนี้พระจันทร์สวยดีนะ ว่าไหม”

                

              “ค่ะ แต่ฉันว่าพระจันทร์สวยทุกวันอยู่แล้ว” เจ้าของดวงตากลมโตหันมามองจอร์จ “เพียงแต่เราไม่ได้มองพระจันทร์ทุกวันก็เท่านั้นเอง”

                

              “จริงด้วย เมื่อก่อนฉันก็ไม่ค่อยได้มองเท่าไรหรอก แบบว่ามันปวดคอน่ะ เวลาต้องเงยหน้ามอง แต่ต่อจากนี้คงจะมองหาทุกวัน

    เพราะอันที่จริงตอนนี้พระจันทร์ก็ไม่ได้อยู่ไกลอย่างที่คิดเหมือนเมื่อก่อน” 


              มีเพียงเสี้ยววินาทีที่ดวงตาสีน้ำตาลกับดวงตากลมโตสีฟ้าซีดประสานกันพอดี เธอคลี่ยิ้มบางๆ แม้จะมืดแต่จอร์จก็มั่นใจว่าเธอ

    ยิ้มให้เขา ก่อนคนผมบลอนด์จะหันกลับไปมองพระจันทร์ต่อ


              ราวห้านาทีที่ทั้งคู่ยืนมองพระจันทร์อยู่เงียบๆ ไม่มีใครพูดอะไรกันอีก จนจอร์จรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างแปลกไปเลยหันไปมองเด็กสาว 

    ...ลูน่าหลับไปแล้ว


              ยืนหลับเนี่ยนะ!?

                

              ยังดีที่แขนเธอวางอยู่บนขอบกำแพง ไม่อย่างนั้นคงร่วงลงไปนอนกับพื้นแล้ว จอร์จเหลียวมองดูรอบตัว ไม่มีใครสนใจเขา 

    เลยขยับเท้าเข้าใกล้คนตัวเล็กอีกหน่อยพลางยกแขนขึ้นวางบนขอบกำแพงแล้วเอาหน้าแนบกับแขนมองดูใบหน้าน้อยๆ ยามต้อง

    แสงจันทร์ พวงแก้มใสที่ป่องนิดๆ ดูนุ่มนิ่มจนจอร์จอยากจะลองจิ้มดูสักที นิ้วเรียวยาวยื่นไปทางเด็กสาวแต่แล้วก็ต้องชักมือกลับมา 

    เขาท่องในใจซ้ำไปซ้ำมาว่า ...ไม่ได้ ...ไม่ได้  

                

              “อะแฮ่ม! ถึงเวลากลับหอนอนของตัวเองกันได้แล้วนะทั้งคู่” ศาสตราจารย์ซินิสตร้าเดินเข้ามาเรียกสติจอร์จให้กลับมาเข้าที่ดังเดิม

                

              “แต่ศาสตราจารย์ฮะ เธอหลับไปแล้ว”

                

              “โอ้ ..คุณเลิฟกู๊ด ตื่นเถอะ ..เพื่อนคนอื่นกลับไปกันหมดแล้วนะ”

                

              เด็กสาวปรือตามองและนิ่งคิดราวสองสามนาทีถึงจะรู้ตัวว่าตัวเองอยู่ที่ไหนและมาทำอะไร

                

              “สวัสดีค่ะศาสตราจารย์” ลูน่าค้อมศีรษะให้ศาสตราจารย์ก่อนเดินไปยังบันไดด้วยท่าทางเหมือนเธอกำลังละเมออยู่

                

              “จะถึงโดยสวัสดิภาพไหมล่ะเนี่ย” แม้กระทั่งศาสตราจารย์ซินิสตร้ายังอดเป็นห่วงลูกศิษย์ตัวเล็กไม่ได้

                

              “ดูจากสภาพแล้ว ผมว่าไม่ฮะ”

                

              “งั้นฝากคุณช่วยเดินไปเป็นเพื่อนเธอจนถึงหอคอยเรเวนคลอได้ไหมคุณวีสลีย์”


              จอร์จแสร้งทำหน้ายุ่งยากใจ ทั้งที่ความจริงกำลังรอประโยคนี้อยู่เชียว “ถึงจะดึกมากแล้วแต่เพื่อความปลอดภัยของรุ่นน้อง ..ก็ได้ฮะ” 

    พอหันหลังให้ศาสตราจารย์ซินิสตร้าเท่านั้นแหละ จอร์จก็ยิ้มหน้าระรื่นขึ้นมาทันที

                

              “อ้อ แต่อย่าแกล้งคุณเลิฟกู๊ดเขาเชียวล่ะ” ศาสตราจารย์ซินิสตร้าพูดขณะที่เท้าของลูกศิษย์กำลังจะก้าวลงบันได

                

              “วางใจได้เลยฮะศาสตราจารย์!” จอร์จวิ่งลงบันไดมาเพียงไม่กี่ขั้นก็เจอเด็กสาวผมบลอนด์แล้ว ลูน่าเพิ่งเดินลงมาได้ไม่กี่ก้าวเอง

    แต่จังหวะก้าวเดินนั้นสม่ำเสมอ เขาคิดว่าหากทักออกไปตอนนี้เธออาจตกใจจนพลัดตกบันไดไปก็ได้ เลยเลือกที่จะเดินตามไปแบบเงียบๆ

    แล้วค่อยทักตอนที่เธอลงถึงบันไดขั้นสุดท้ายแล้วดีกว่า

                

              “ศาสตราจารย์ให้ฉันเดินไปส่งเธอน่ะ” จอร์จบอกกับคนตัวเล็ก นั่นเขาไม่ได้โกหกเลยแม้แต่นิดเดียวซึ่งลูน่าก็ไม่ได้แย้งอะไร


              หากลูน่าเป็นคนคิดเล็กคิดน้อย เธอคงจะคิดว่าจอร์จเป็นโรคจิตไปแล้วหรือไม่ก็เคยตามมาส่งสาวที่หอคอยเรเวนคลอบ่อยๆ 

    เขาถึงได้เดินนำเธอไม่แบบไม่หลงทางเลยสักนิด แม้ว่าคนตัวสูงจะทำทีเป็นหันมาถามทางเธอเป็นระยะ แต่ก้าวเดินและองศาเท้าของเขานั้น

    นำไปทางหอนอนเรเวนคลอก่อนที่เด็กสาวจะตอบด้วยซ้ำ


              จอร์จไม่เคยเดินมาส่งสาวที่ไหนมาก่อน ยิ่งกับเด็กเรเวนคลอ แต่ที่เขาเดินรู้จักทางมาหอคอยเรเวนคลอก็เป็นเพราะเขากับเฟร็ด

    เที่ยวตระเวนเดินทั่วฮอกวอตส์ในตอนกลางคืนบ่อยๆ จนเรียกได้ว่าคนที่รู้ทางหนีทีไล่ตอนกำลังจะถูกฟิลช์กับคุณนายนอร์ริส แมวของเขา

    จับได้ว่าแอบลุกออกจากเตียงก็มีแต่ฝาแฝดวีสลีย์เท่านั้น 

                

              เมื่อเดินไปทางฝั่งตะวันตกของปราสาทฮอกวอตส์ ผ่านบันไดเวียนของหอคอยเรเวนคลอที่ทำให้จอร์จเวียนหัวนิดหน่อย บริเวณชั้นห้า

    มีประตูไม้เก่าแก่ราบเรียบอยู่บานหนึ่ง เป็นแค่ประตูบานหนึ่งที่ไม่มีที่จับ รูกุญแจหรือลูกบิดอะไรทั้งสิ้น มีเพียงที่เคาะประตูสัมฤทธิ์รูปอินทรี


              จอร์จรู้มาบ้างว่าประตูของบ้านเรเวนคลอไม่เหมือนกับบ้านอื่น แต่เขาก็เพิ่งเคยมองเต็มตาแบบนี้ก็ครั้งแรก มือขาวซีดของเด็กสาว

    เอื้อมออกไปเคาะที่อินทรีหนึ่งครั้ง ทันใดนั้นจะงอยปากของนกอินทรีเปิดออกพร้อมกับมีเสียงไพเราะดุจเสียงดนตรีดังขึ้นเป็นปริศนาคำทาย


              “อะไรเอ่ยมาก่อน นกฟีนิกซ์หรือว่าเปลวไฟ”


              นั่นมันคำถามอะไรกันน่ะ?


              จอร์จคิดในใจว่าถ้าหากเขาได้อยู่บ้านเรเวนคลอคงได้อกแตกตายกันพอดี คนง่วงอยากเข้าไปนอนจนเต็มแก่ ยังต้องปลุกสมองให้ตื่น

    เพื่อมาตอบคำถามกับประตูนี่อีกหรือ? เด็กบ้านเรเวนคลอนี่มีความอดทนกันชะมัด โชคดีที่กริฟฟินดอร์ใช้แค่รหัสผ่านเท่านั้น 

    คนตัวสูงยืนเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงระหว่างรอลูน่าคิดคำตอบ เด็กสาวผมบลอนด์ยืนนิ่งไปนานหลายนาทีราวกับหลับกลางอากาศ


              จอร์จแอบย่องเข้าไปดูใกล้ๆ ปรากฏว่าใบหน้าของเธอนั้นสื่อว่ากำลังครุ่นคิดอยู่ เธอไม่ได้สนใจเขาเลยแม้แต่น้อย คิ้วเรียวขมวดยุ่งกับ

    ริมฝีปากที่เม้มสนิททำให้ร่างสูงหยุดยืนมองดูต่ออย่างไม่นึกกลัวว่าเธอจะหาว่าเขาโรคจิต ...ก็เธอไม่ได้สนใจเขาอยู่แล้วนี่!


              นานจังแฮะ—จอร์จคิดจะอ้าปากถามเผื่อช่วยคิดหาคำตอบ นังหนูของเขาที่กำลังจะหลับแหล่มิหลับแหล่จะได้เข้าไปนอนเสียที 

    และตอนนั้นเองที่เธอตอบคำถามด้วยน้ำเสียงงัวเงีย ก่อนประตูจะเปิดออกอย่างช้าๆ


              ลูน่ายกยิ้มด้วยความดีใจ เพียงแค่เธอยิ้ม--ไม่ใช่เพื่อเขา แต่จอร์จก็รู้สึกเหมือนถูกโจมตีเข้าอย่างจังที่หัวใจ เขายืนมองส่งเธออยู่ที่เดิม

    เพื่อให้มั่นใจว่าลูน่าเข้าหอนอนไปแล้วจริงๆ ทว่าร่างเล็กที่ก้าวพ้นประตูไปแล้วกลับชะโงกหน้าออกมา


              “ราตรีสวัสดิ์ค่ะคุณวีสลีย์” ดวงตาที่เคยกลมโตหรี่ปรือด้วยความง่วง เธอยิ้มให้เขาก่อนหายเข้าไปในหอเรเวนคลอและประตูก็ปิดลง

                

              “ราตรีสวัสดิ์...” เป็นอีกครั้งที่จอร์จพูดอยู่คนเดียว ขณะที่ลูน่าเดินไปถึงไหนต่อไหนแล้ว

              

              ให้ตายสินังหนู ! ทำแบบนี้กะจะให้ฉันย้ายเตียงมานอนเฝ้าเธอหน้าหอนอนเรเวนคลอเลยหรือไงกัน?  

                

              เขาต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ จอร์จเอาแต่อมยิ้มตลอดทางระหว่างเดินกลับหอนอนกริฟฟินดอร์ กระทั่งเข้ามาในห้องนั่งเล่นรวม 

    เหมือนเขาเห็นตัวเองนั่งไขว้ห้างอยู่บนโซฟาหน้าเตาผิง แต่ไม่ใช่ นั่นคือเฟร็ด!


              “มีเรื่องอะไรน่ายินดีนักรึไง” เฟร็ดลุกขึ้นพลางเดินมาถามจอร์จที่เดินยิ้มร่าเข้ามาจนกระทั่งถึงเมื่อกี้ที่เห็นว่าใครนั่งรออยู่

                

              “อ้อ ฉันถูกศาสตราจารย์ชมมาน่ะ --นายยังไม่นอนอีกเหรอ?”

                

              “ศาสตราจารย์ซินิสตร้าเนี่ยนะชมนาย เขาเคยชมใครด้วยหรือ?” เฟร็ดถามอย่างไม่อยากเชื่อหูตัวเองนัก ศาสตราจารย์ผู้ลึกลับคนนั้น

    เนี่ยนะจะชมแฝดของเขา หรือเพราะอย่างนั้นจอร์จเลยอารมณ์ดี? น่าเสียดาย ถ้าเขาไม่ง่วงก็คงได้รับคำชมด้วยบ้างแล้ว “แล้วทำไมนายถึง

    เพิ่งกลับมาล่ะ ฉันเห็นจินนี่กลับมาตั้งนานแล้ว”


              “แวะไปหอคอยเรเวนคลอมา”


              “หือ?”


              “มะ--หมายถึงไปส่งเด็กนักเรียนปีหนึ่งคนนึง ศาสตราจารย์ซินิสตร้าเห็นว่าเธอง่วงมาก เลยกลัวว่าจะเดินตกบันไดไปซะก่อนจะถึง

    หอนอนเลยให้ฉันเดินไปส่ง นายก็รู้นี่เฟร็ด ปราสาทตอนกลางคืนต่างจากกลางวันลิบลับ เด็กปีหนึ่งหลายคนก็จำทางกลับหอไม่ได้ 

    ยิ่งง่วงๆแบบนี้ ตื่นมาตอนเช้าอาจไปโผล่อยู่ที่ห้องเรียนห้องไหนสักห้องก็ได้ ใครจะไปรู้”


              “ไม่ใช่ว่าตามไปจีบเด็กปีหนึ่งหรอกนะ” เฟร็ดยืนกอดอก หรี่ตามองแฝดคนน้องอย่างจับผิด

                

              “แน่นอน...หมายถึงไม่ได้ตามจีบ” สายตาจอร์จแอบล่อกแล่กเก็บอาการไม่อยู่ เลยวาดแขนกอดคอเฟร็ดไม่ให้จับสังเกตเขาได้ถนัดนัก


              “รู้งี้ฉันน่าจะตามนายไปด้วยซะก็ดี”

      

              “เอาน่า ไปนอนกันดีกว่านะเฟร็ด ฉันง่วงจะแย่อยู่แล้ว” ไม่ว่าเปล่าจอร์จยังอ้าปากหาวใส่หน้าเฟร็ดเต็มๆ อีกต่างหาก

                

              หลังจากเปลี่ยนเป็นชุดนอนก็ถึงเวลาเข้านอนจริงๆ เสียที แม้จะเลยเวลาที่เด็กนักเรียนควรจะนอนไปมากแล้วก็ตาม

                

              “ราตรีสวัสดิ์เฟร็ด ..ไม่ต้องบอกกลับนะ”


              “ทำไมล่ะ” ก็เฟร็ดกำลังจะอ้าปากบอกกลับเหมือนอย่างที่ทำทุกวัน แต่กลับถูกขัดซะก่อนแถมไม่มีเสียงตอบรับจากจอร์จอีกเลย 

    สงสัยคงง่วงจนหลับไปแล้ว เฟร็ดดึงผ้าห่มมาห่มก่อนเข้าสู่ห้วงนิทราอย่างง่ายดาย

                

              ขณะที่จอร์จยังลืมตาอยู่ในความมืด พอนึกถึงเสียงนั้นมุมปากของเขามันก็ยกยิ้มขึ้นมาเอง ที่ไม่ให้เฟร็ดบอกราตรีสวัสดิ์กลับ 

    เพราะเขาก็แค่อยากจะได้ยินเสียงเล็กๆ ที่บอกราตรีสวัสดิ์ก้องอยู่ในหูเป็นเสียงสุดท้ายก่อนนอนก็เท่านั้นเอง...



    - Talk -


              จะว่าไปเหมือนตอนนี้ลูน่าจะยังไม่ค่อยได้พูดกับจอร์จเท่าไรเนอะ เหมือนมาให้จอร์จหลงอย่างเดียว 555 

    เรื่องนี้เราว่าคงจะออกแนวน่ารักๆ มีโมเมนต์ด้วยกันอย่างละนิดละหน่อยพอให้หัวใจจอร์จกระชุ่มกระชวยและหลงน้องทีละนิดอย่างไม่รู้ตัว 

    (หรือนี่ไม่นิดแล้วหว่า?) กะว่าพอจอร์จหลงนังหนูจนหมดหัวใจแล้วค่อยเชือดทีเดียวด้วยการให้ไปคบกับเดรโกหรือไม่ก็แฮร์รี่

    ให้คุณเขาอกหักเล่นๆ--ไม่ใช่ๆ เรื่องนี้พระเอกเป็นจอร์จนี่เนาะ 555


              แต่กว่าลูน่าจะรู้ตัวว่ามีคนแอบมองน้องอยู่ตลอดเวลาคิดว่าคงอีกนานเลยล่ะค่ะ น้องยังเด็ก ยังไม่คิดเรื่องรักเพราะแค่นี้ในหัวก็มีแต่

    เจ้านาร์เกิ้ลที่ชอบขโมยของจนแฮร์รี่ยังคิดว่าน้องมัวแต่หมกมุ่นอยู่กับเจ้าตัวนี้เลยล่ะค่ะ 


              ก็ได้แต่หวังว่าจอร์จจะทำคะแนนให้น้องหันมามองได้เร็วๆ นะคะ


    ปล. ขอบคุณคนที่ติดตามและคอมเมนต์มาคุยกันนะคะ เราได้กำลังใจเยอะกว่าที่คิดเอาไว้เยอะเลยแล้วไว้มาคุยกันอีกนะคะ ❤    


     

     

    T
    B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×