คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : 2 ll Good Night
2
Good Night
เวลานี้ก็ดึกมากแล้ว แต่ภายในห้องนั่งเล่นรวมของกริฟฟินดอร์ยังมีเด็กนักเรียนนั่งล้อมวงคุยกันอยู่ถึงหกคน แฮร์รี่ รอน เนวิลล์
เฟร็ดกับจอร์จและเฮอร์ไมโอนี่กำลังคุยกันเรื่อยเปื่อยแบบไม่มีหัวข้อใดถูกหยิบยกมาเป็นพิเศษ กระทั่งมาถึงเรื่องของจินนี่
“ฉันว่าเธอเลิกห่วงเรื่องเพื่อนของจินนี่ได้แล้วน่ารอน” เฮอร์ไมโนนี่พูดขณะที่มือเกาคางครุกแชงก์ แมวสีส้มตัวใหญ่ที่นอนอยู่บนตัก
“เฮอร์ไมโอนี่ เธอก็รู้ ช่วงนี้จินนี่ชอบเดินไปไหนมาไหนกับเลิฟกู๊ดบ่อยๆ”
“แล้วไง”
“เธอไม่รู้เหรอ หล่อนดูล่องลอย.. เพ้อฝัน.. เพี้ยนแปลกๆ พิกล ฉันยังแอบได้ยินมาด้วยว่าพวกเพื่อนๆ เรียกเธอว่า ลูน่าสติเฟื่อง
บางทีฉันก็คิดว่ามันเหมาะกับเธอดี”
“อย่าไปพูดต่อหน้าเจ้าตัวเชียวนะ เลิฟกู๊ดอาจดูแปลกไปบ้าง อาจเพราะเธอยังเสียใจที่เสียแม่ไป จินนี่เคยเล่าให้ฟังว่าเลิฟกู๊ดเสียแม่ไป
ตอนเก้าขวบ”
“นั่นแย่จัง ฉันเคยคิดว่าเธอเพี้ยนเพราะวันๆเอาแต่หมกมุ่นอยู่กับตัวนาร์เกิ้ลซะอีก” แฮร์รี่พูดเหมือนจะเห็นใจแต่เฮอร์ไมโอนี่กลับรู้สึก
ตงิดแปลกๆ
“แย่จริงๆ เพราะเรื่องแม่ เธอถึงได้เป็นคนประหลาดสินะ” รอนเสริม
“แต่ก็ยังไม่แย่เท่าที่พวกเธอคิดกับเลิฟกู๊ดแบบนั้นหรอกนะ
ที่ฉันพูดเพราะหวังว่าพวกเธอจะเข้าใจแต่กลับยังคิดว่าเธอแปลกกันอยู่อีก”
“แหม เธอหัดเป็นคนเข้าใจจิตใจของคนอื่นตั้งแต่เมื่อไรกันเฮอร์ไมโอนี่ ถ้าเข้าใจขนาดนั้นก็ช่วยเข้าใจความรู้สึกของฉันเวลาที่เธอ
พร่ำบ่นให้ไปอ่านหนังสือบ้างสิ”
“รอน ! ”
เฟร็ดยกมือขึ้นไกล่เกลี่ยน้องๆ ก่อนที่จะเถียงกันเสียงดังจนไปรบกวนคนอื่นที่อาจหลับไปแล้ว ถึงเขากับจอร์จจะชอบเล่นพิเรนทร์
แต่พวกเขาก็รู้ว่าเวลาไหนควร ไม่ควรส่งเสียงดังโดยเฉพาะเวลาคนอื่นนอน
“เอาน่าคุณหนูๆ เลิกทะเลาะกันได้แล้ว ความจริงถึงลูน่าจะมีท่าทางล่องลอยแบบนั้นแต่แม่หนูนั่นก็ดูน่ารักดีออก ไม่เหมือนกับจอร์จ
ที่นับวันยิ่งดูล่องลอยยิ่งกว่าเธอซะอีก” เขาเหลือบมองฝาแฝดของตน แต่จอร์จไม่ได้สนใจเขาเลย เฟร็ดชี้นิ้วไปที่จอร์จพลางยกมือป้องปาก
ให้เห็นกันแต่พวกเด็กๆ แล้วขยับปากโดยไม่ออกเสียง ‘เห็นไหม’
“นั่นเธอกำลังจะไปไหนน่ะจินนี่” จอร์จถามประโยคแรกหลังนั่งเงียบมานาน แต่เขากลับถามจินนี่ที่เดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นนี้
“ไปเรียนดาราศาสตร์ พวกพี่ไม่ต้องตามฉันไปนะ ฉันจะไปกับเพื่อน”
“ไปด้วย” จอร์จลุกขึ้นยืนทันทีราวกับมีคนมาบิดไขลาน ดูเหมือนเขาจะไม่ได้ฟังที่จินนี่พูดเลยสักนิด
“ไม่เอาล่ะ”
“อย่าลืมสิ แม่บอกให้พี่ดูแลเธอนะจินนี่”
“ไม่ต้องก็ได้ ฉันเดินไปกับเพื่อนตั้งหลายคน ไม่หลงทางหรอก”
“อย่าพูดจาไร้เยื่อใยแบบนั้นสิ รีบไปกันเถอะ ไม่งั้นจะโดนคุณครูดุเอานะถ้าพวกเธอไปถึงช้า”
จอร์จดึงแขนจินนี่ให้ออกไปข้างนอกพร้อมกันโดยไม่เปิดช่องโหว่ให้น้องสาวของเขาหาข้ออ้างมาโต้เขาได้
“ฉันง่วงแล้ว คืนนี้ฉันขอบายนะจอร์จ” เฟร็ดพูดไล่หลังตามมาขณะมองตามกลุ่มคนที่เดินออกไปจนลับสายตา
⭐
จินนี่เดินไปหอคอยที่สูงที่สุดในฮอกวอตส์สำหรับเรียนวิชาดาราศาตร์พร้อมกับเพื่อนบ้านเดียวกันอีกสองสามคน แถมพ่วงมาด้วย
องครักษ์ตัวสูงชะลูดอย่างจอร์จ ทว่าองครักษ์คนนี้ดูร่าเริงจนเกินปกติแถมไม่ได้สนใจจะดูแลน้องสาวอย่างเธอเลยสักนิด
“สวัสดีฮะศาสตราจารย์ซินิสตร้า วันนี้ผมขอมาเรียนกับน้องสาวผมนะฮะ!”
จินนี่นึกอยากจะหายตัวไปตอนที่จอร์จกล่าวทักทายศาสตราจารย์ซินิสตร้าทันทีที่มาถึงหอดูดาวด้วยระดับเสียงที่อาจเรียกได้ว่า
เป็นการตะโกนมากกว่าทักทายปกติ นักเรียนคนอื่นๆ ต่างหันมามองที่จอร์จและเธอผู้เป็นน้องสาว ให้ตาย! เธอนึกอยากตัดขาด
ความเป็นพี่น้องกับเขาเสียเดี๋ยวนี้เลย
จอร์จได้รับข้อยกเว้นเป็นกรณีพิเศษจากศาสตราจารย์ซินิสตร้าผู้ลึกลับให้มาร่วมเรียนกับรุ่นน้องได้ ด้วยเหตุผลที่คนผมแดงบอก
ว่าอยากเรียนเสริมและช่วงนี้กำลังหัดทำนายจากดวงดาวเหมือนพวกเซ็นทอร์อยู่
วันนี้ท้องฟ้าปลอดโปร่งไร้เมฆทำให้เห็นดวงดาวระยิบระยับอยู่เต็มทั่วท้องฟ้า แต่ถึงอย่างนั้น คนที่บอกว่าอยากมาเรียนเสริม
กลับไม่ได้มองท้องฟ้าเลยสักนิด ถึงจอร์จจะตัวสูงชะลูดอยู่แล้วแต่นักเรียนบนนี้นั้นมีไม่น้อยเอาเสียเลย เขาแอบชะเง้อมองหาร่างเล็ก
ของใครบางคนที่พออยู่รวมกับกลุ่มคนเยอะๆ ก็แทบจะมองไม่เห็นตัวเธออยู่แล้ว
นั่นไง! สายตาของเขาล็อคเข้าที่เป้าหมายอย่างฉับไวสมกับที่เป็นนักกีฬาควิดดิชของบ้าน อันที่จริงเขาน่าจะเดาได้ตั้งแต่แรกแล้ว
ว่าคนที่มองหาคงจะอยู่แถวๆ กลุ่มของจินนี่ เขาเดินไปทางกลุ่มน้องสาวตัวเองที่นั่งรอศาสตราจารย์อธิบายเบื้องต้นเกี่ยวกับสิ่งที่จะเรียนวันนี้
ก่อนนั่งลงข้างหลังระหว่างจินนี่กับลูน่า
“ขอร้องล่ะ พี่อย่าก่อความวุ่นวายนะ” ยังไม่ทันได้ทำอะไร จินนี่ก็หันมาปรามเขาก่อนเสียแล้ว แต่ไม่เป็นไร วันนี้จอร์จอารมณ์ดี
เลยไม่เถียงกลับ
“เข้าใจแล้วจินนี่น้องรัก” พูดจบจอร์จก็หันไปทักทายเด็กสาวที่นั่งเยื้องไปข้างหน้าทางฝั่งซ้ายทันที “หวัดดีนังหนู ฉัน จอร์จ วีสลีย์”
ชายหนุ่มว่าพลางยื่นมือไปข้างหน้า หมายจะจับมือกับเด็กสาวตัวเล็กที่หันมาหาเขาช้าๆ
“สวัสดีค่ะคุณวีสลีย์ ฉันลูน่า เลิฟกู๊ด” ทว่าลูน่าไม่ทันได้สังเกตเห็นมือใหญ่ๆ ของเขาเพราะความมืดบนหอคอยเลยหันหน้ากลับไป
ทางเดิมโดยทิ้งให้จอร์จชูมือเก้ออยู่อย่างนั้น
“ยินดีที่ได้รู้จักนะ” จอร์จยังคงพูดคุยเพื่อทำความรู้จักกันอย่างน้อยแค่อีกสักนิดก็ยังดี แต่จินนี่กลับหันมามองตาเขียวใส่เขา
ก็เสียงที่จอร์จพูดนั้นทำให้คนอื่นรอบข้างหันมามองที่เธอกันหมด จินนี่เป็นหนึ่งในบรรดาพี่น้องของเธอทั้งหมดที่ไม่ชอบเป็นจุดสนใจ
“นี่พี่มาเรียนหรือมาคุยกับเพื่อนฉันกันแน่เนี่ย”
“มาเรียนอยู่แล้วสิ
ดีไม่ดีพี่อาจช่วยติวให้พวกเธอได้ด้วยนะ”
“แค่พี่ไม่ก่อกวนจนมีจดหมายไปถึงบ้านอย่างที่ผ่านมาก็พอแล้วค่ะ แม่ได้รับจดหมายจากโรงเรียนทุกเทอมว่าพี่กับเฟร็ด
สร้างความเดือดร้อนให้กับโรงเรียน”
เมื่อถูกต้อนจนมุมจอร์จก็ยอมยกธงขาวแต่โดยดี ที่น้องสาวผมแดงพูดมานั้นถูกทุกประโยค แล้วเขาก็ยังไม่อยากให้นังหนูที่เพิ่ง
มีโอกาสได้คุยกันรู้ถึงวีรกรรมที่ผ่านมาของเขาไปมากกว่านี้ เพราะแต่ละอย่างมีแต่เรื่องดีๆ ทั้งนั้น ล่าสุดพวกเขาก็ขโมยรถฟอร์ดแองเกลีย
บินได้ที่พ่อของพวกเขาเสกมาขับเล่นจนมีจดหมายกัมปนาทมาเยือนถึงฮอกวอตส์
เวลาดึกขึ้นทุกที ถึงเวลาเลิกเรียนแล้ว เด็กๆ ปีหนึ่งทยอยลุกไปส่งแบบฝึกหัดกับศาสตราจารย์ซินิสตร้า ลูน่าเองก็เป็นหนึ่งในนั้น
เธอส่งแบบฝึกหัดก่อนเดินไปเกาะขอบกำแพงเตี้ย วางมือประสานกันบนกำแพงแล้วเอาคางเกยระหว่างที่มองดูท้องฟ้ายามราตรี
ยังพอมีเวลาเหลือสำหรับดื่มด่ำกับบรรยากาศที่หาไม่ได้ง่ายๆ เพราะหอคอยนี้สูงที่สุดในฮอกวอตส์ทำให้สามารถมองเห็นพระจันทร์
รวมทั้งดวงดาวโดยไม่มีอะไรมาบดบังสายตา
การกระทำของเด็กสาวตัวเล็กอยู่ในสายตาจอร์จทุกอย่าง
เขากำลังจะเดินเข้าไปหาแต่กลับถูกจินนี่ตัดหน้าเดินไปคุยกับเธอซะก่อน
“ฉันจะกลับแล้วนะลูน่า
เธอจะลงไปพร้อมกับพวกเราเลยไหม”
“อ้อ ขอบคุณนะที่ชวน แต่ฉันอยากอยู่บนนี้ต่ออีกสักหน่อยน่ะ” น้ำเสียงนิ่มที่ฟังแล้วชวนให้จิตใจสงบพูดกับเพื่อนที่เธอสนิทที่สุด
อย่างจินนี่
“งั้นราตรีสวัสดิ์นะ” จินนี่โบกมือลาเพื่อนต่างบ้านก่อนเดินลงบันไดหอคอยไป โดยลืมพี่ชายตัวป่วนไปซะสนิท
บนหอคอยนี้ยังเหลือนักเรียนอีกสองสามคนที่ยังทำแบบฝึกหัดอยู่ นั่นเท่ากับว่ายังพอมีเวลาอีกนิดหน่อยให้เขาได้คุยกับเด็กสาว
จอร์จเดินไปยืนตรงริมกำแพงห่างจากลูน่าราวหนึ่งเมตร พลางเอาแขนวางแบบเดียวกัน
“คืนนี้พระจันทร์สวยดีนะ
ว่าไหม”
“ค่ะ
แต่ฉันว่าพระจันทร์สวยทุกวันอยู่แล้ว” เจ้าของดวงตากลมโตหันมามองจอร์จ
“เพียงแต่เราไม่ได้มองพระจันทร์ทุกวันก็เท่านั้นเอง”
“จริงด้วย เมื่อก่อนฉันก็ไม่ค่อยได้มองเท่าไรหรอก แบบว่ามันปวดคอน่ะ เวลาต้องเงยหน้ามอง แต่ต่อจากนี้คงจะมองหาทุกวัน
เพราะอันที่จริงตอนนี้พระจันทร์ก็ไม่ได้อยู่ไกลอย่างที่คิดเหมือนเมื่อก่อน”
มีเพียงเสี้ยววินาทีที่ดวงตาสีน้ำตาลกับดวงตากลมโตสีฟ้าซีดประสานกันพอดี เธอคลี่ยิ้มบางๆ แม้จะมืดแต่จอร์จก็มั่นใจว่าเธอ
ยิ้มให้เขา ก่อนคนผมบลอนด์จะหันกลับไปมองพระจันทร์ต่อ
ราวห้านาทีที่ทั้งคู่ยืนมองพระจันทร์อยู่เงียบๆ ไม่มีใครพูดอะไรกันอีก จนจอร์จรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างแปลกไปเลยหันไปมองเด็กสาว
...ลูน่าหลับไปแล้ว
ยืนหลับเนี่ยนะ!?
ยังดีที่แขนเธอวางอยู่บนขอบกำแพง ไม่อย่างนั้นคงร่วงลงไปนอนกับพื้นแล้ว จอร์จเหลียวมองดูรอบตัว ไม่มีใครสนใจเขา
เลยขยับเท้าเข้าใกล้คนตัวเล็กอีกหน่อยพลางยกแขนขึ้นวางบนขอบกำแพงแล้วเอาหน้าแนบกับแขนมองดูใบหน้าน้อยๆ ยามต้อง
แสงจันทร์ พวงแก้มใสที่ป่องนิดๆ ดูนุ่มนิ่มจนจอร์จอยากจะลองจิ้มดูสักที นิ้วเรียวยาวยื่นไปทางเด็กสาวแต่แล้วก็ต้องชักมือกลับมา
เขาท่องในใจซ้ำไปซ้ำมาว่า ...ไม่ได้ ...ไม่ได้
“อะแฮ่ม! ถึงเวลากลับหอนอนของตัวเองกันได้แล้วนะทั้งคู่”
ศาสตราจารย์ซินิสตร้าเดินเข้ามาเรียกสติจอร์จให้กลับมาเข้าที่ดังเดิม
“แต่ศาสตราจารย์ฮะ
เธอหลับไปแล้ว”
“โอ้
..คุณเลิฟกู๊ด ตื่นเถอะ ..เพื่อนคนอื่นกลับไปกันหมดแล้วนะ”
เด็กสาวปรือตามองและนิ่งคิดราวสองสามนาทีถึงจะรู้ตัวว่าตัวเองอยู่ที่ไหนและมาทำอะไร
“สวัสดีค่ะศาสตราจารย์”
ลูน่าค้อมศีรษะให้ศาสตราจารย์ก่อนเดินไปยังบันไดด้วยท่าทางเหมือนเธอกำลังละเมออยู่
“จะถึงโดยสวัสดิภาพไหมล่ะเนี่ย”
แม้กระทั่งศาสตราจารย์ซินิสตร้ายังอดเป็นห่วงลูกศิษย์ตัวเล็กไม่ได้
“ดูจากสภาพแล้ว
ผมว่าไม่ฮะ”
“งั้นฝากคุณช่วยเดินไปเป็นเพื่อนเธอจนถึงหอคอยเรเวนคลอได้ไหมคุณวีสลีย์”
จอร์จแสร้งทำหน้ายุ่งยากใจ ทั้งที่ความจริงกำลังรอประโยคนี้อยู่เชียว “ถึงจะดึกมากแล้วแต่เพื่อความปลอดภัยของรุ่นน้อง ..ก็ได้ฮะ”
พอหันหลังให้ศาสตราจารย์ซินิสตร้าเท่านั้นแหละ
จอร์จก็ยิ้มหน้าระรื่นขึ้นมาทันที
“อ้อ
แต่อย่าแกล้งคุณเลิฟกู๊ดเขาเชียวล่ะ” ศาสตราจารย์ซินิสตร้าพูดขณะที่เท้าของลูกศิษย์กำลังจะก้าวลงบันได
“วางใจได้เลยฮะศาสตราจารย์!” จอร์จวิ่งลงบันไดมาเพียงไม่กี่ขั้นก็เจอเด็กสาวผมบลอนด์แล้ว ลูน่าเพิ่งเดินลงมาได้ไม่กี่ก้าวเอง
แต่จังหวะก้าวเดินนั้นสม่ำเสมอ เขาคิดว่าหากทักออกไปตอนนี้เธออาจตกใจจนพลัดตกบันไดไปก็ได้ เลยเลือกที่จะเดินตามไปแบบเงียบๆ
แล้วค่อยทักตอนที่เธอลงถึงบันไดขั้นสุดท้ายแล้วดีกว่า
“ศาสตราจารย์ให้ฉันเดินไปส่งเธอน่ะ” จอร์จบอกกับคนตัวเล็ก นั่นเขาไม่ได้โกหกเลยแม้แต่นิดเดียวซึ่งลูน่าก็ไม่ได้แย้งอะไร
หากลูน่าเป็นคนคิดเล็กคิดน้อย เธอคงจะคิดว่าจอร์จเป็นโรคจิตไปแล้วหรือไม่ก็เคยตามมาส่งสาวที่หอคอยเรเวนคลอบ่อยๆ
เขาถึงได้เดินนำเธอไม่แบบไม่หลงทางเลยสักนิด แม้ว่าคนตัวสูงจะทำทีเป็นหันมาถามทางเธอเป็นระยะ แต่ก้าวเดินและองศาเท้าของเขานั้น
นำไปทางหอนอนเรเวนคลอก่อนที่เด็กสาวจะตอบด้วยซ้ำ
จอร์จไม่เคยเดินมาส่งสาวที่ไหนมาก่อน ยิ่งกับเด็กเรเวนคลอ แต่ที่เขาเดินรู้จักทางมาหอคอยเรเวนคลอก็เป็นเพราะเขากับเฟร็ด
เที่ยวตระเวนเดินทั่วฮอกวอตส์ในตอนกลางคืนบ่อยๆ จนเรียกได้ว่าคนที่รู้ทางหนีทีไล่ตอนกำลังจะถูกฟิลช์กับคุณนายนอร์ริส แมวของเขา
จับได้ว่าแอบลุกออกจากเตียงก็มีแต่ฝาแฝดวีสลีย์เท่านั้น
เมื่อเดินไปทางฝั่งตะวันตกของปราสาทฮอกวอตส์ ผ่านบันไดเวียนของหอคอยเรเวนคลอที่ทำให้จอร์จเวียนหัวนิดหน่อย บริเวณชั้นห้า
มีประตูไม้เก่าแก่ราบเรียบอยู่บานหนึ่ง เป็นแค่ประตูบานหนึ่งที่ไม่มีที่จับ
รูกุญแจหรือลูกบิดอะไรทั้งสิ้น มีเพียงที่เคาะประตูสัมฤทธิ์รูปอินทรี
จอร์จรู้มาบ้างว่าประตูของบ้านเรเวนคลอไม่เหมือนกับบ้านอื่น แต่เขาก็เพิ่งเคยมองเต็มตาแบบนี้ก็ครั้งแรก มือขาวซีดของเด็กสาว
เอื้อมออกไปเคาะที่อินทรีหนึ่งครั้ง ทันใดนั้นจะงอยปากของนกอินทรีเปิดออกพร้อมกับมีเสียงไพเราะดุจเสียงดนตรีดังขึ้นเป็นปริศนาคำทาย
“อะไรเอ่ยมาก่อน นกฟีนิกซ์หรือว่าเปลวไฟ”
นั่นมันคำถามอะไรกันน่ะ?
จอร์จคิดในใจว่าถ้าหากเขาได้อยู่บ้านเรเวนคลอคงได้อกแตกตายกันพอดี คนง่วงอยากเข้าไปนอนจนเต็มแก่ ยังต้องปลุกสมองให้ตื่น
เพื่อมาตอบคำถามกับประตูนี่อีกหรือ? เด็กบ้านเรเวนคลอนี่มีความอดทนกันชะมัด โชคดีที่กริฟฟินดอร์ใช้แค่รหัสผ่านเท่านั้น
คนตัวสูงยืนเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงระหว่างรอลูน่าคิดคำตอบ เด็กสาวผมบลอนด์ยืนนิ่งไปนานหลายนาทีราวกับหลับกลางอากาศ
จอร์จแอบย่องเข้าไปดูใกล้ๆ ปรากฏว่าใบหน้าของเธอนั้นสื่อว่ากำลังครุ่นคิดอยู่ เธอไม่ได้สนใจเขาเลยแม้แต่น้อย คิ้วเรียวขมวดยุ่งกับ
ริมฝีปากที่เม้มสนิททำให้ร่างสูงหยุดยืนมองดูต่ออย่างไม่นึกกลัวว่าเธอจะหาว่าเขาโรคจิต ...ก็เธอไม่ได้สนใจเขาอยู่แล้วนี่!
นานจังแฮะ—จอร์จคิดจะอ้าปากถามเผื่อช่วยคิดหาคำตอบ นังหนูของเขาที่กำลังจะหลับแหล่มิหลับแหล่จะได้เข้าไปนอนเสียที
และตอนนั้นเองที่เธอตอบคำถามด้วยน้ำเสียงงัวเงีย ก่อนประตูจะเปิดออกอย่างช้าๆ
ลูน่ายกยิ้มด้วยความดีใจ เพียงแค่เธอยิ้ม--ไม่ใช่เพื่อเขา แต่จอร์จก็รู้สึกเหมือนถูกโจมตีเข้าอย่างจังที่หัวใจ เขายืนมองส่งเธออยู่ที่เดิม
เพื่อให้มั่นใจว่าลูน่าเข้าหอนอนไปแล้วจริงๆ
ทว่าร่างเล็กที่ก้าวพ้นประตูไปแล้วกลับชะโงกหน้าออกมา
“ราตรีสวัสดิ์ค่ะคุณวีสลีย์” ดวงตาที่เคยกลมโตหรี่ปรือด้วยความง่วง เธอยิ้มให้เขาก่อนหายเข้าไปในหอเรเวนคลอและประตูก็ปิดลง
“ราตรีสวัสดิ์...”
เป็นอีกครั้งที่จอร์จพูดอยู่คนเดียว ขณะที่ลูน่าเดินไปถึงไหนต่อไหนแล้ว
ให้ตายสินังหนู ! ทำแบบนี้กะจะให้ฉันย้ายเตียงมานอนเฝ้าเธอหน้าหอนอนเรเวนคลอเลยหรือไงกัน?
เขาต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ จอร์จเอาแต่อมยิ้มตลอดทางระหว่างเดินกลับหอนอนกริฟฟินดอร์ กระทั่งเข้ามาในห้องนั่งเล่นรวม
เหมือนเขาเห็นตัวเองนั่งไขว้ห้างอยู่บนโซฟาหน้าเตาผิง
แต่ไม่ใช่ นั่นคือเฟร็ด!
“มีเรื่องอะไรน่ายินดีนักรึไง” เฟร็ดลุกขึ้นพลางเดินมาถามจอร์จที่เดินยิ้มร่าเข้ามาจนกระทั่งถึงเมื่อกี้ที่เห็นว่าใครนั่งรออยู่
“อ้อ
ฉันถูกศาสตราจารย์ชมมาน่ะ --นายยังไม่นอนอีกเหรอ?”
“ศาสตราจารย์ซินิสตร้าเนี่ยนะชมนาย เขาเคยชมใครด้วยหรือ?” เฟร็ดถามอย่างไม่อยากเชื่อหูตัวเองนัก ศาสตราจารย์ผู้ลึกลับคนนั้น
เนี่ยนะจะชมแฝดของเขา หรือเพราะอย่างนั้นจอร์จเลยอารมณ์ดี? น่าเสียดาย ถ้าเขาไม่ง่วงก็คงได้รับคำชมด้วยบ้างแล้ว “แล้วทำไมนายถึง
เพิ่งกลับมาล่ะ
ฉันเห็นจินนี่กลับมาตั้งนานแล้ว”
“แวะไปหอคอยเรเวนคลอมา”
“หือ?”
“มะ--หมายถึงไปส่งเด็กนักเรียนปีหนึ่งคนนึง ศาสตราจารย์ซินิสตร้าเห็นว่าเธอง่วงมาก เลยกลัวว่าจะเดินตกบันไดไปซะก่อนจะถึง
หอนอนเลยให้ฉันเดินไปส่ง นายก็รู้นี่เฟร็ด ปราสาทตอนกลางคืนต่างจากกลางวันลิบลับ เด็กปีหนึ่งหลายคนก็จำทางกลับหอไม่ได้
ยิ่งง่วงๆแบบนี้ ตื่นมาตอนเช้าอาจไปโผล่อยู่ที่ห้องเรียนห้องไหนสักห้องก็ได้
ใครจะไปรู้”
“ไม่ใช่ว่าตามไปจีบเด็กปีหนึ่งหรอกนะ” เฟร็ดยืนกอดอก
หรี่ตามองแฝดคนน้องอย่างจับผิด
“แน่นอน...หมายถึงไม่ได้ตามจีบ” สายตาจอร์จแอบล่อกแล่กเก็บอาการไม่อยู่ เลยวาดแขนกอดคอเฟร็ดไม่ให้จับสังเกตเขาได้ถนัดนัก
“รู้งี้ฉันน่าจะตามนายไปด้วยซะก็ดี”
“เอาน่า ไปนอนกันดีกว่านะเฟร็ด ฉันง่วงจะแย่อยู่แล้ว” ไม่ว่าเปล่าจอร์จยังอ้าปากหาวใส่หน้าเฟร็ดเต็มๆ อีกต่างหาก
หลังจากเปลี่ยนเป็นชุดนอนก็ถึงเวลาเข้านอนจริงๆ
เสียที แม้จะเลยเวลาที่เด็กนักเรียนควรจะนอนไปมากแล้วก็ตาม
“ราตรีสวัสดิ์เฟร็ด
..ไม่ต้องบอกกลับนะ”
“ทำไมล่ะ” ก็เฟร็ดกำลังจะอ้าปากบอกกลับเหมือนอย่างที่ทำทุกวัน แต่กลับถูกขัดซะก่อนแถมไม่มีเสียงตอบรับจากจอร์จอีกเลย
สงสัยคงง่วงจนหลับไปแล้ว เฟร็ดดึงผ้าห่มมาห่มก่อนเข้าสู่ห้วงนิทราอย่างง่ายดาย
ขณะที่จอร์จยังลืมตาอยู่ในความมืด พอนึกถึงเสียงนั้นมุมปากของเขามันก็ยกยิ้มขึ้นมาเอง ที่ไม่ให้เฟร็ดบอกราตรีสวัสดิ์กลับ
เพราะเขาก็แค่อยากจะได้ยินเสียงเล็กๆ ที่บอกราตรีสวัสดิ์ก้องอยู่ในหูเป็นเสียงสุดท้ายก่อนนอนก็เท่านั้นเอง...
⭐
- Talk -
จะว่าไปเหมือนตอนนี้ลูน่าจะยังไม่ค่อยได้พูดกับจอร์จเท่าไรเนอะ เหมือนมาให้จอร์จหลงอย่างเดียว 555
เรื่องนี้เราว่าคงจะออกแนวน่ารักๆ มีโมเมนต์ด้วยกันอย่างละนิดละหน่อยพอให้หัวใจจอร์จกระชุ่มกระชวยและหลงน้องทีละนิดอย่างไม่รู้ตัว
(หรือนี่ไม่นิดแล้วหว่า?) กะว่าพอจอร์จหลงนังหนูจนหมดหัวใจแล้วค่อยเชือดทีเดียวด้วยการให้ไปคบกับเดรโกหรือไม่ก็แฮร์รี่
ให้คุณเขาอกหักเล่นๆ--ไม่ใช่ๆ เรื่องนี้พระเอกเป็นจอร์จนี่เนาะ 555
แต่กว่าลูน่าจะรู้ตัวว่ามีคนแอบมองน้องอยู่ตลอดเวลาคิดว่าคงอีกนานเลยล่ะค่ะ น้องยังเด็ก ยังไม่คิดเรื่องรักเพราะแค่นี้ในหัวก็มีแต่
เจ้านาร์เกิ้ลที่ชอบขโมยของจนแฮร์รี่ยังคิดว่าน้องมัวแต่หมกมุ่นอยู่กับเจ้าตัวนี้เลยล่ะค่ะ
ก็ได้แต่หวังว่าจอร์จจะทำคะแนนให้น้องหันมามองได้เร็วๆ นะคะ
ปล. ขอบคุณคนที่ติดตามและคอมเมนต์มาคุยกันนะคะ เราได้กำลังใจเยอะกว่าที่คิดเอาไว้เยอะเลยแล้วไว้มาคุยกันอีกนะคะ ❤
ความคิดเห็น