MY BONUS
02
ผู้คนมากมายต่างพากันหลั่งไหลเข้ามายังห้างสรรพสินค้าใจกลางกรุงเทพด้วยจุดประสงค์ที่แตกต่างกัน บ้างมาเดินช็อปปิ้ง บ้างมาเพื่อหาอะไรกิน บ้างมาเพื่อหลบจากสภาพอากาศร้อนของเมืองไทย หรือแม้กระทั่งเด็กนักเรียนที่มาเรียนพิเศษตามร้านอาหาร ที่กล่าวมาทั้งหมดนั้นคงจะเป็นอย่างหลังสุดที่ทำให้เจนรบเข้ามาอยู่ในสถานที่แห่งนี้ได้ แต่ก็ยังไม่ถูกต้องซะหมด เพราะเขามาในฐานะครูสอนพิเศษ
ใช่ เขาเป็นครู
เขาเป็นครูสอนวิชาคณิตศาสตร์อยู่ที่โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง อาชีพนี้เขาทำมาตั้งแต่เรียนจบเพราะเรียนครูมาโดยตรง อันที่จริงอาชีพครูไม่ได้อยู่ในหัวเขาเลยแม้แต่นิดเดียว ตอนสมัยเรียนมัธยมเขาแค่ชอบเรียนวิชาคณิตศาสตร์เท่านั้นยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองควรจะเรียนอะไรดีในมหาวิทยาลัย จนกระทั่งแม่ตัวเองเอ่ยปากว่าอยากให้เขาเป็นข้าราชการ แน่นอนว่าอาชีพแรกที่นึกออกคือครู และเขายังไม่เห็นด้วยซักเท่าไหร่
และด้วยความที่เขาเองชอบเรียนเลขมากๆ จึงผุดคิดได้ว่าถ้าหากเรียนไปแล้วไม่ได้นำความรู้ทั้งหมดที่เรียนมาใช้จริงมันจะไปมีประโยชน์อะไร สู้เอาไปเผยแพร่ให้คนอื่นได้รู้ด้วยไม่ดีกว่าเหรอ และนั่นก็เกิดจุดประกายความคิดที่จะเรียนครูของเขาเอง เป็นการได้ใช้ความรู้ที่เรียนมาจริงๆ และยังเป็นการทบทวนความรู้ของตนไปด้วยในตัวอีกด้วย
การเป็นครูนั้นไม่ง่ายอย่างที่คิด ต้องมีความอดทน ขยั่นหมั่นเพียร ความรู้ต้องไม่ขาดตกบกพร่อง ระเบียบวินัยก็ต้องมี และสำหรับเขาความอดทนนั้นสำคัญที่สุด เพราะต้องรับมือกับเด็กนักเรียนหลายๆ รูปแบบ เขาเจอนักเรียนมาทุกรูปแบบก็จริง แต่แบบที่เขาเจอบ่อยที่สุดก็คงจะเป็นการถูกแซวซะส่วนใหญ่ คงเพราะหน้าตาอันหล่อเหลาที่ถูกสรรสร้างมาจากพระเจ้า (ใช่ค่ะ) อย่างเช่นตอนที่ได้มีโอกาสไปฝึกประสบการณ์การสอนที่โรงเรียนหญิงล้วน จำได้ว่าเข้าสอนทุกคาบโดนนักเรียนแซวมันทั้งคาบ จำได้ว่าช่วงนั้นเขาไม่อยากจะไปสอนอีกเลยเพราะตัวเองรับมือกับเด็กนักเรียนพวกนี้ไม่ไหวจริงๆ จนไอ้สามที่ได้ฝึกประสบการณ์การสอนอยู่เหมือนกันแต่คนละโรงเรียนแนะนำว่าให้เขาอย่าไปยิ้มรับคำเอ่ยแซวพวกนั้น มันคงรู้ว่าเขาเป็นคนยิ้มง่ายและยิ้มพร่ำเพรื่อจึงไม่แปลกที่เด็กนักเรียนพวกนั้นกล้าเล่นมุกจีบเขา และคำแนะนำที่เพื่อนสามบอกทำให้เขาทำอะไรๆ ง่ายขึ้น ใบหน้าที่เรียบนิ่งกว่าครั้งไหนๆ ทำให้ไม่มีใครกล้าล่วงเกินเขาอีกเลย
" อ้าว ครูเจน สวัสดีค่ะ " เสียงใสเอ่ยขึ้น เมื่อเขาเดินไปยังโต๊ะที่นักเรียนของเขานั่งอยู่
นาราเป็นนักเรียนพิเศษของเขา ซึ่งเธอเรียนกับเขามาตั้งแต่ปีที่แล้วแล้ว จนตอนนี้เธออยู่ชั้นมัธยมปีที่ห้า นาราเป็นนักเรียนคนเดียวที่เรียนกับเขาเป็นเวลานานที่สุด เธอบอกกับเขาว่าครูเจนสอนเข้าใจได้ง่ายกว่าครูที่โรงเรียน ซึ่งโรงเรียนของนารานั้นก็คือโรงเรียนที่เขาสอนประจำอยู่นั่นเอง เพียงแต่เขาสอนเลขในระดับชั้นมอหกเท่านั้น ในขณะที่นาราอยู่มอห้า
" มานานแล้วเหรอ " เขาถามขณะที่มือกำลังหยิบเอกสารการสอนออกมาจากกระเป๋าเป้
" ไม่นานค่ะ ครูเจนสั่งอะไรก่อนมั้ยคะ "
" ไม่ล่ะ ครูมีแล้ว " ว่าจบก็ยกแก้วกาแฟที่ตัวเองแวะซื้อมาก่อนหน้านี้ขึ้นมาดูด
" โอเคค่ะ "
" งั้นครูเริ่มสอนเลยนะครับ "
" ค่ะ "
2 ชั่วโมงผ่านไป
" จำไว้ว่าถ้าข้อสอบออกมาแบบนี้ ให้ทำวิธีที่สองเลย จะช่วยประหยัดเวลามากกว่า วิธีที่หนึ่งจะละเอียด ทำให้เสียเวลา " สีหน้าจริงจังของครูเจนจ้องมองไปยังลูกศิษย์ที่กำลังทำความเข้าใจกับโจทย์ในเอกสารอยู่
การเรียนการสอนผ่านมาได้สองชั่วโมงกว่าแล้ว เขาควรหยุดการสอนไว้เพียงเท่านี้แล้วค่อยมาต่ออีกทีในวันมะรืนนี้
" วันนี้พอแค่นี้ก่อน แล้วนี่ลองเอาไปทำดู ครูเอาโจทย์ที่หลากหลายมาให้เธอทำ จะได้คล่องๆ และเข้าใจมากขึ้น " ครูหน้าหล่อส่งชีทแบบฝึกไปให้นักเรียนสาว มองดูแล้วสองวันน่าจะทำไม่เสร็จ...
" จะลองดูนะคะ " นารารับชีทมาเก็บไว้ในกระเป๋าผ้าสีหวานของตน พร้อมกับเก็บอุปกรณ์การเรียนลงกระเป๋าเช่นกัน
" ถ้ามีข้อไหนสงสัยหรือทำไม่ได้ พรุ่งนี้ตอนพักกลางวันหรือเลิกเรียนมาถามครูได้นะครับ "
" หนูทักไปถามครูในไลน์ไม่ได้เหรอคะ " เด็กสาวมองครูของตนอย่างออดอ้อน แต่มีหรือที่คนอย่างเจนรบจะยอม
" ครูไม่สะดวกน่ะ แล้วอีกอย่างสอนในนั้นเธอคงจะไม่เข้าใจ " พูดจบก็ยกกาแฟแก้วที่สามขึ้นมาดูดรวดเดียวจนหมดไปในที่สุด
" ค่ะ... " เสียงตอบรับแผ่วเบาที่เกิดจากความผิดหวังดังขึ้น
นารามีไลน์ของเขาก็จริง แต่ไม่มีเลยซักครั้งที่จะได้สอนบทเรียนในแชท เธอเคยทักมาถามเรื่องการบ้านกับตน และมันมักจะจบลงด้วยข้อความที่ว่า ' ครูไม่สะดวกสอนในนี้ ' หรือ ' เอาเวลาว่างมาหาครูนะครับ ' ทุกครั้ง เขาไม่ชอบที่จะมาคุยกับลูกศิษย์แบบนี้ ไม่ว่าจะชายหรือหญิงก็ตาม ถึงแม้จะเป็นเรื่องเรียนก็เถอะ ถ้าจะคุยจริงๆ คงเป็นกรุ๊ปไลน์ของห้องที่เขาประจำชั้นอยู่ แต่ต้องเป็นเรื่องสำคัญจริงๆ นะ ส่วนมากในกลุ่มจะคุยเล่นกันตามประสาเพื่อน จึงทำให้บางครั้งเขาต้องกดปิดการแจ้งเตือนไป
" ขอบคุณนะคะครูเจน " นารายกมือขึ้นมาไหว้ติวเตอร์ของตน
" ครับ ครูไปก่อนนะ " ครูเองก็รับไหว้ก่อนจะบอกลานักเรียนแล้วเดินออกไปจากร้านทันที
.
.
.
.
" จ๋อง อยู่ไหน " เสียงแตกหนุ่มกำลังพูดกับคนในสายอย่างหงุดหงิด หากใครมาเห็นคงคิดว่าเขากำลังทะเลาะกับใครอยู่เป็นแน่
[ กลับแล้ว ]
" อะไร! ใครบอกให้กลับ! " ตะคอกใส่คนในสาย
[ มึงบอกเองว่าให้กูกลับ กูก็กลับ ]
" นั่นประชดเถอะ! "
เมื่อไหร่กันที่คนในสายจะจ้อยในขนาดนี้ กับไอแค่ความหงุดหงิดที่จ๋องกับเขามีความเห็นไม่ตรงกันเกี่ยวกับการเลือกร้านอาหารของเราทั้งสอง จ๋องอยากกินร้านนั้นส่วนเขาอยากกินร้านนี้จึงทำให้เรามีปากเสียงกันนิดหน่อย จ๋องจึงพูดออกมาว่า ' ถ้ามึงไม่แดกร้านนี้กับกู กูจะกลับบ้าน ' ไอ้เราเป็นคนปากไวก็ดันตอบกลับไปด้วยความโมโหว่า ' เออ กลับไปเลย กินคนเดียวได้ ' เมื่อกล่าวออกไปจ๋องก็เดินจากเขาไปในทันที ไม่มีการรั้งใดๆ เกิดขึ้น เพราะเขาเองคิดว่ามันคงทำประชดประชันไปอย่างนั้นแหละเดี๋ยวก็คงกลับมา เวลาผ่านไปนานผิดปกติเขาจึงตัดสินใจต่อสายไปหาเพื่อนลูกเจี๊ยบทันที และผลที่ได้ก็คือ... มัน กลับ ไป จริงๆ !
[ ไม่รู้ กูกลับแล้ว หิวนักก็นั่งแดกไปคนเดียว ] ปลายสายพูดยียวนกวนประสาท ถ้ามันยืนอยู่ตรงนี้รับรองเลยว่าโบนัสคนนี้ไม่ปล่อยให้จ๋องได้พูดอยู่อย่างนี้แน่
โบนัสจะดีดปากมัน...
" เออ กินคนเดียวก็ได้ จะกินให้หมดห้างเลย รวย "
[ เรื่องของมึง ]
" หน้าเหี้ย! "
จนได้ เผลอด่าจนได้
น้อยครั้งที่เขาจะพูดคำหยาบเพราะคุณยายและแม่สอนมาว่าให้พูดจาเพราะๆ พูดให้มันน่าฟัง คำหยาบถือเป็นคำต้องห้ามสำหรับบ้านเขา แต่ถึงอย่างนั้นสิ่งที่เขาถูกสอนมาทั้งหมดกลับไม่เข้าหัวเขาเลยซักนิด เพราะนิสัยจริงๆ ของเขาตรงข้ามกับสิ่งที่คุณยายหรือแม่สอนมาทั้งหมด พูดจาไม่ถึงกับไพเราะแต่ก็ไม่หยาบจนเกินไป และมักจะพูดไปตามสิ่งที่ตัวเองคิด หรือเรียกง่ายๆ ว่า เป็นคนที่ชอบพูดไม่คิดนั่นเอง แม่ลินบอกว่าเขาเองนิสัยเหมือนกับพ่อบัมพ์ ก็แน่นอนล่ะ เพราะเขากับพ่อชอบอยู่ด้วยกัน นั่นทำให้เขาซึมซับการกระทำและนิสัยของพ่อมาเต็มๆ พ่อบัมพ์ถูกแม่ลินต่อว่าอยู่หลายครั้งว่าเป็นพ่อคนทำไมไม่รู้จักสอน และทำแบบอย่างที่ดีให้ลูกดู ซึ่งพ่อบัมพ์ก็ตอบกลับมาว่า ' เชื้อมันต้องไม่ทิ้งแถวนะครับลิน ' เท่านั้นแหละพ่อบัมพ์ก็โดนแม่ลินป้าบเข้าให้อย่างเต็มแรง
ไม่รู้ว่าเพราะเสียงของเขาดังหรือว่าอะไร ทำให้ชายหนุ่มผู้มาใหม่เดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าเขา
" พูดจาไม่เพราะเลยนะครับ "
ดวงตาโตจ้องไปยังคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาขณะนี้ คนที่ขัดจังหวะการสนทนาของเขากับเพื่อนรักในสายคือบุคคลที่ไม่คาดคิดว่าจะมาเจอกันอีกครั้ง ลุงคนเมื่อวานนี้ที่งานแต่งพ่อแม่ของเขา
" แค่นี้ก่อนนะจ๋อง หายโกรธแล้ว "
[ ห้ะ ]
ตึ้ด
เขากดวางสายจ๋องในทันที เพื่อที่จะได้คุยกับคนตรงหน้าที่สวมเสื้อเชิ้ตสีอ่อนกางเกงสแล็คสีดำพร้อมกับกระเป๋าเป้สะพายหลัง ผมที่ไม่ได้ผ่านการเซตมาอย่างเมื่อวาน ทำให้หน้าดูเด็กลงไม่น้อย ยังไงซะชายคนนี้ก็ยังคงเป็นตาลุงในสายตาเขาอยู่วันยังค่ำ
" สวัสดีครับ " แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็มีมารยาทพอที่จะเอ่ยทักทายผู้ใหญ่ แล้วยิ่งเป็นเพื่อนกับพ่อแม่ตัวเองอีก
" โดนเพื่อนเทเหรอครับ " เมื่อชายหนุ่มรับไหว้เสร็จ ก็เปิดประเด็นโจมตีเขาทันที
" มั่ว "
" อ้าวเหรอ เมื่อกี้พี่ยืนฟังตั้งนาน ไม่ใช่เหรอครับ? "
" แอบฟังทำไม นิสัยไม่ดี " เขาตอบกลับไปอย่างเกรี้ยวกราด
" พี่ไม่ได้ตั้งใจ เสียงเรามันดังอ่ะ " ประโยคหลังเปลี่ยนเสียงให้เบาลงเหมือนเสียงกระซิบ โบนัสคนนี้รู้ทันทีเลยว่าลุงนี่กำลังกวนประสาทเขาอยู่
หมดจากไอ้จ๋องแล้วยังต้องมาเจอลุงนี่อีกเหรอ
" ว่าแต่ลุงมาทำอะไรที่นี่อ่ะ " เขาไม่สนใจบทสนทนาเมื่อครู่ แล้วถามสาเหตุของการมาที่นี่ของคนตรงหน้า
แต่ไม่ทันที่ตาลุงนี่จะได้ตอบ ก็มีเด็กสาวหน้าตาน่ารักเดินเข้ามาขัดจังหวะการสนทนาเสียก่อน
" ครูเจนคะ ครูลืมโทรศัพท์ไว้ที่โต๊ะเมื่อกี้อ่ะค่ะ " ในมือของผู้มาใหม่ปรากฏให้เห็นมือถือเครื่องดำราคาแพงหูฉี่ของคนที่ลืมเอาไว้
เมื่อเห็นอย่างนั้น คนตรงหน้าเขาก็ยืนมือเข้าไปรับของที่ลืมไว้ทันที และไม่ลืมที่จะกล่าวขอบคุณ
" ขอบใจมากนะนารา ก่อนออกมาครูคงรีบไปหน่อย " ว่าจบก็ส่งยิ้มให้ตาจนเปลี่ยนเป็นสระอิ ทำเอาเด็กสาวที่ชื่อว่านาราหน้าแดงกันเลยทีเดียว
แต่เดี๋ยวนะ..
" เป็นครูเหรอ? " เอ่ยคำถามที่สงสัยอยู่ภายในใจ ก็เมื่อกี้นี้ตาลุงนี่แทนตัวเองว่าครูกับผู้หญิงคนนี้
" นี่ไม่รู้จักกันเหรอ " เธอหันมาพูดกับเขา
" รู้สิ / ไม่รู้จัก! " เขาและลุงเจนเอ่ยปากขึ้นพร้อมกัน ซึ่งน่าจะรู้ว่าเขาเองตอบไปแบบไหน
" แล้วสรุป... " ฝ่ายหญิงถามพลางมองเขากับลุงเจนสลับไปมา
ส่วนคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นครูนั้นมองมาที่เขาอย่างคาดโทษ
โอเค
" รู้จักกันก็ได้ " ตอบกลับไปในที่สุด และคำตอบของเขาก็ทำให้ตาลุงยิ้มกว้างออกมา
" เราชื่อนารานะ เป็นนักเรียนของครูเจน " เธอแนะนำตัว และเขาไม่ได้คิดไปเองตรงคำพูดของเธอที่ว่าเป็นนักเรียนของครูเจนนั้น เธอพยายามเน้นคำว่าของออกมาอย่างชัดเจน ซึ่งเขาก็รู้ในทันทีเลยว่าสองคนนี้คงจะไม่ใช่แค่ครูนักเรียนธรรมดาแน่ๆ
" เราโบนัส ลุงเจนเป็นลุง " เขาแนะนำตัวบ้างพร้อมบอกศักดิ์ของคนตรงหน้าให้ได้รู้
ซึ่ง...ถูกมองกลับมาอย่างคาดโทษอีกทีนึง
อะไร เขาทำอะไรผิดอีก
เขามองกลับไปโดยใช่สายตาแบบเดียวกัน ให้มันรู้ซะบ้างว่าโบนัสคนนี้ไม่ยอมเหมือนกัน เขาก็พูดออกไปตามตรง เรื่องอะไรกลับมามองเขาด้วยสายตาแบบนั้นตั้งสองครั้งแหนะ ถ้าเป็นพ่อเป็นแม่เขาก็ว่าไปอย่าง
" เอ่อ...นาราว่านาราไปก่อนดีกว่านะคะ พอดีมีธุระ " เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ตอนนี้น่าอึดอัดสำหรับตัวเธอเอง จึงต้องขอเฟดตัวออกมาดีกว่า
' ก็ไปสิ จะบอกทำไม '
เสียงภายในใจของเด็กผมสีชมพูเปล่งอยู่ข้างในความคิด เขาจะพูดออกไปก็ได้ แต่เพราะหน้าตาน่ารักๆ ของนาราแล้วกลับพูดไม่ออก ไม่อยากจะวีนใส่ด้วยแหละ มันไม่ใช่เรื่องที่ควรซักเท่าไหร่
ลุงเจนไม่ตอบอะไรกลับไป ทำเพียงแค่ส่งยิ้มหวานเยิ้มกลับไปเท่านั้น และจะมีหรือที่ผู้หญิงที่ได้รับรอยยิ้มนี้แล้วจะไม่เขินตาม เขาแอบเห็นสีหน้าของนาราว่ามันขึ้นสีขนาดไหน สังเกตได้ง่ายเพราะผิวที่ขาวเนียนของเธอ
นาราเดินออกไปแล้ว ทีนี้ก็เหลือแค่เพียงเขากับเพื่อนของพ่อบัมพ์เหมือนเดิม ลุงเจนหันมามองเขาอีกครั้งด้วยสายตาเรียบนิ่ง
" คิดอะไรอยู่ครับ " คงเห็นว่าเขาเงียบไปจึงผุดถามขึ้นมา
" ซัมติงกันเหรอ " ถามในสิ่งที่อยากรู้ไป พร้อมกับส่งยิ้มกรุ้มกริ่มไปให้คนตรงหน้า
และเห็นอาการหลังจากที่เขาถามคำถามไปได้ชัดว่าลุงเจนมีท่าทีตกใจมากแค่ไหน เขาจึงพูดต่อ " ไม่ต้องเขินนะครับ กินเด็กมันอมตะ โบนัสเข้าใจได้ "
โบนัสคิดแบบนั้นจริงๆ การมีแฟนเด็กทำให้เราเด็กตามไปด้วย ลดอายุของตัวเองให้น้อยลง ผู้ใหญ่หลายคนอาจจะเขินอายที่อายุของตนเองกับแฟนเด็กห่างกันเป็นรอบ แต่โบนัสมองว่ามันไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไรมากมายในเมื่อจะรักใครซักคนมันสามารถเลือกจากอายุได้ที่ไหน ถ้าเราจะรัก อายุหรือปัจจัยอื่นๆ มันก็ไม่สำคัญหรอก
ในความคิดสำหรับเขาน่ะนะ
" ไปเอามาจากไหน นั่นลูกศิษย์พี่นะครับ " ลุงเจนตอบกลับมาอย่างทันควัน
" แหม ลูกศิษย์กับครูทำไมจะไม่ได้ โบนัสเห็นมาหลายรายแล้ว " เขาพูดความจริง ประสบการณ์โดยตรงของรุ่นพี่ที่เขารู้จัก มันอาจจะผิดสำหรับความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นระหว่างครูกับนักเรียนแต่เชื่อเถอะว่าคู่นี้อยู่คบกันมานานกว่าสามปีแล้ว แถมรุ่นพี่คนนั้นยังมีผลการเรียนที่ดีขึ้นอีก คงเป็นเพราะมีแฟนที่เป็นครูสอนให้นี่เอง แต่เรื่องนี้มีเพียงแค่เขากับเพื่อนของรุ่นพี่เท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ เพราะเขาก็สนิทกับรุ่นพี่คนนี้มากพอสมควรที่จะรู้เรื่องนี้ได้
" ไอได้มันก็ได้นะครับ แต่นาราเป็นแค่นักเรียนของพี่เท่านั้น ไม่มีอะไรเกินเลยจริงๆ "
" งั้นเธอก็คงแอบชอบลุงน่ะสิ "
" ทำไมคิดอย่างนั้น "
" โถ่ มองจากลานจอดรถยังรู้เลย เป็นครูซะเปล่าทำไมดูเด็กนักเรียนไม่ออก " คนตัวเล็กว่าพลางทำปากยู่ไปมา จนคนมองเห็นแล้วอดไม่ได้ที่จะ...
มันน่าจับมาบีบซะจริงๆ
ไม่ได้
ใจเย็นๆ นะเจนรบ
" แต่พี่คิดว่านาราเป็นแค่เด็กนักเรียนคนนึง และนาราก็มองพี่เป็นครูคนนึงด้วยเหมือนกัน "
" ทำไมลุงไปคิดแทนเขาอย่างนั้นล่ะ เชื่อโบนัสสิ เขาชอบพี่ เอ้ย ลุง! " เจนรบขำออกมาเมื่อได้ยินคำว่าพี่ออกจากปากเด็กน้อยและถูกแก้กลับเป็นลุงเหมือนเดิม
" เรียกพี่ก็ได้ครับ คงจะชินปากกว่านะพี่ว่า " ที่ลุงเจนพูดมาก็จริงอยู่ นอกจากพ่อค้าที่ขายของเชาก็ไม่เคยเรียกใครว่าลุงเลย เพื่อนของพ่อแม่เขาก็เรียกน้ากันทุกคน ผิดกับผู้ชายคนนี้ที่ถูกเรียกว่าลุง เอาเข้าจริงๆ หน้าตาอย่างนี้ให้เรียกพี่ก็ยังได้ แต่เขาแค่อยากแกล้งคนตรงหน้าเท่านั้นเอง ซึ่งดูเหมือนว่าจะถูกขัดใจอยู่ไม่น้อยแต่ก็เห็นยอมทุกครั้งที่เขาเรียกอีกฝ่ายว่าลุง
" ทำไมถึงอยากให้เรียกนักล่ะ อายุก็ไม่ได้ห่างจากโบนัสสองสามปีนะ "
" ฟังแล้วพี่รู้สึกสดชื่น "
" ตรรกะอะไรของลุงอ่ะ บ้าบอ "
ครืดด~~ ครืดด~~ ครืดด~~
แรงสั่นจากเครื่องมือสื่อสารในมือบางเป็นเหตุทำให้เขาพลิกหน้าจอขึ้นมาดูปรากฏให้เห็นรายชื่อที่โทรเข้ามาก่อนจะกดรับ
" ครับแม่ลิน "
[ น้องโบนัสเสร็จธุระหรือยังคะ ]
" มีอะไรหรือเปล่าครับ "
[ อาบัสหามาน้องโบนัสค่ะ เห็นว่ามี.... ]
" เดี๋ยวโบนัสกลับตอนนี้เลย! "
ไม่ทันที่ผู้เป็นแม่จะพูดจบโบนัสตอบกลับตัดคำเสียก่อน เขาดีใจมากๆ ที่พี่บัสมาหาเขา ถึงแม้ว่าเมื่อวานจะได้เจอกันที่งานแต่ง แต่ทั้งเขาและพี่บัสได้พูดคุยกันแค่นิดเดียวเท่านั้น
พี่บัสเป็นน้องของพ่อเขาเราทั้งสองคนสนิทกันมากไม่ต่างจากพ่อบัมพ์ อายุของพวกเราต่างกันแปดปีทำให้เราทั้งสองดูเหมือนเป็นพี่น้องซะมากกว่า นั่นจึงทำให้เขาเรียกอาบัสว่าพี่
และด้วยความดีใจเขาจึงเผลอยิ้มกว้างออกไป ทำให้ผู้ที่ยังอยู่กับเขาเห็นท่าทางเหล่านั้นจึงอดไม่ได้ที่จะ....
แป๊ะ!!
อีกแล้ว โดนตีอีกแล้ว
" ครับ บอกพี่บัสด้วยว่าโบนัสคิดถึง โบนัสจะรีบไปหาพี่บัส " ถึงแม้จะใช้มือแนบโทรศัพท์ไว้กับหูอยู่ แต่มืออีกข้างก็ยังว่างที่จะจัดกับผู้ใหญ่คนนี้ที่เป็นบ้าอะไรไม่รู้ชอบมายีหัวคนอื่นให้เสียทรงแบบนี้
แม่ลินวางสายไปแล้ว เขาจึงเตรียมตัวเดินออกไปจากตรงนี้
" จะกลับบ้านใช่มั้ยครับ เดี๋ยวพี่ไปส่ง " เจนรบพอจะรู้บทสนทนาคร่าวๆ เจ้าเด็กหัวชมพูนี่คงจะกลับบ้านแน่นอน เล่นพูดซะดังขนาดนั้น
" ทำไมต้องไปส่งด้วย ไม่ใช่ธุระอะไรของลุงซะหน่อย "
" ทำไมจะไม่ใช่ธุระของพี่ ก็พี่ตั้งใจจะไปหาลินอยู่แล้ว " เด็กน้อยมองถุงกระดาษในมือของผู้ใหญ่ที่โชว์ขึ้นมาขณะที่บอกธุระของตน
ไม่ต้องเดาให้เสียเวลาว่าในถุงนั้นเป็นของของแม่ลินอย่างแน่นอน ลุงเจนคงจะเอาไปให้แม่เขา
" แล้วรู้จักบ้านโบนัสเหรอ " พูดจบก็ยกแขนทั้งสองขึ้นมากอดอกยืนพักขาข้างนึงแล้วช้อนตามองคนตรงหน้า
" คุยกับผู้ใหญ่ใครให้ทำแบบนี้ ยืนดีๆ ครับ " เจนรบจับแขนทั้งสองข้างของเจ้าเด็กหัวชมพูให้แนบชิดกับลำตัว
หารู้ไม่ว่าระยะห่างของทั้งสองนั้นลดลงทำให้ได้กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ จากตัวนายเจนรบ ถึงแม้ว่าเขาเองจะไม่ชอบฉีดน้ำหอมเพราะมันฉุนแต่ก็ปฏิเสธกลิ่นบนตัวของคนๆ นี้ไม่ได้เลยว่าเขาชอบมันมาก จนเผลอที่จะ...
" จะซบเหรอครับ "
เชี่ย!
หน้าเขาเกือบจะแนบชิดติดกับตาลุงนี่อยู่แล้ว ยอมรับเลยว่าเมื่อกี้ตัวเองเผลอเอาจมูกเข้าไปดมใกล้ๆ ช่วงไหปลาร้า ลุงเจนฉีดน้ำหอมอะไรมา ทำไมมันดึงดูดเขาขนาดนี้!
" ซบอะไร โบนัสจะเป็นลม " บอกแล้วว่าเขาเป็นคนปากไว คิดอะไรได้ในหัวก็พูดไปก่อนถือว่าช่วยแก้สถานการณ์บ้าๆ นี้ได้
" งั้นไปหาอะไรกินก่อนมั้ยครับ จะได้มีแรง "
" ไม่! โบนัสจะรีบไปหาพี่บัส " ว่าแล้วผละตัวออกจากมือทั้งสองของคนตรงหน้าที่เข้ามาจับตัวเขาไว้เหมือนกลัวว่าเขาจะล้ม
ไม่ล้มหรอก ไม่ได้เป็นจริงๆ ซะหน่อย
" แฟนเหรอ พี่บัสน่ะ "
" ถามอะไรเนี้ยลุง ถามจริงว่าเป็นเพื่อนพ่อบัมพ์จริงๆ เหรอ " พูดจบคนตรงหน้าเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ซักพัก
" บัส....น้องไอ้บัมพ์? "
" ถูก " ทำมือเป็นเครื่องหมายถูกแล้วชี้ไปที่ใบหน้าหล่อ
" งั้นรีบไปเถอะครับ เดี๋ยวรถจะติด "
" ก็ได้ "
.
.
.
.
.
.
.
เงียบจังเลย
ภายในรถมีแต่เสียงแอร์และเสียงเครื่องยนต์ที่ยังคงทำงานอยู่ ตั้งแต่ขึ้นรถมาทั้งสองก็ไม่ปริปากพูดกันอีกเลย เขาเข้าใจว่าลุงเจนคงต้องใช้สมาธิในการขับรถถึงได้ไม่พูดอะไรออกมา เขาเองก็ไม่อยากกวนจึงต้องนั่งมองทิวทัศน์ของถนนที่ตอนนี้ถือว่ารถไม่ค่อยติดซักเท่าไหร่
ไม่ไหวแล้ว มันเงียบเกินไป
" ลุงรู้บ้านโบนัสเหรอ " จำได้ว่าถามไปแล้วแต่ยังไม่ได้คำตอบ จึงต้องทวนถามไปอีกครั้งนึงและเพื่อเป็นการทำลายความเงียบด้วย
" ครับ ลินบอก " คนขับรถไม่ได้หันมามองเขาหากแต่สายตายังคงอยู่ที่ถนนใหญ่ตรงหน้า
" อ๋อ "
เมื่อเห็นว่าบรรยากาศกลับมาเงียบอีกครั้งเขาจึงพูดต่อ
" ลุงเป็นครูสอนอะไรอ่ะ "
" พี่ให้เราทาย " เป็นจังหวะที่รถติดไฟแดงพอดีทำให้ครูหน้าหล่อหันมามองเขาแล้วส่งยิ้มมาให้
จะยิ้มทำไม
" ดูจากหน้าตาแล้ว....สังคมมั้ย " เมื่อเห็นว่าฝ่ายตรงข้ามหลุดขำออกมาเขาจึงทำการทายใหม่
" งั้นก็พละ! "
" ผิดครับ พี่ให้โอกาสอีกครั้งเดียวเท่านั้น "
" ใครจะไปทายถูก " สีหน้าไม่พอใจถูกส่งไปยังครูที่สอนวิชาอะไรก็ไม่รู้ วิชามีเป็นสิบกับอีแค่โอกาสเดียวเท่านั้นเขาคงทายถูกแหละ
" คณิตก็ได้อ่ะ "
" เพราะอะไรครับ "
" เพราะโบนัสไม่ชอบคณิตที่สุด "
สังเกตได้ว่าหน้าลุงเจนถอดสีทันทีเมื่อเขาพูดจบ อย่าบอกนะว่า...
" แล้วเกลียดครูคณิตด้วยหรือเปล่าครับ "
40%
" พี่บัส!! "
สิ่งแรกทำเจ้าเด็กหัวชมพูทำเมื่อเข้าบ้านมาคือวิ่งเข้าไปโผล่กอดบุคคลที่นั่งอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่นทันที ส่วนเขานั้นเดินไปหาเพื่อนบัมพ์ที่ยืนรออยู่แล้ว
" ลินอ่ะ "
" กูยืนหัวโด่อยู่นี่ แต่ถามหาเมียกู " บัมพ์ยืนกอดอกพิงกับกำแพง ท่าทางอย่างนี้เหมือนที่ลูกมันทำไม่มีผิด ถอดแบบกันมาเชียว
" ก็ชู้ลิน "
" หน้าหมา " มันยกขาทำท่าจะถีบเขาแต่ก็ต้องวางลงกับพื้นเหมือนเดิม
" พี่เจน หวัดดีครับ " บุคคลมาใหม่เดินเข้ามาร่วมสนทนาด้วย ใบหน้าหล่อเหลาเอาการไม่ต่างจากพี่ชายยกมือขึ้นไหว้เขา ไม่ยักรู้ว่าจะจำกันได้ด้วย
" เจ้าบัสเราโตแล้ว.....หล่อเชียว " เขาตบไปเบาๆ ที่ไหล่หนาของเจ้าบัส
" สู้พี่ไม่ได้หรอกครับ "
เขาไม่ได้ตอบอะไรกลับไปทำเพียงแค่ส่งยิ้มให้เท่านั้น
พูดถึงบัสเขาเจอครั้งแรกตอนที่ไปทำรายงานบ้านไอ้บัมพ์เมื่อตอนมอสาม ตอนนั้นบัสเพิ่งอายุแค่ห้าขวบเท่านั้น รูปร่างจ้ำหม้ำยังคงติดตาเขาอยู่จนถึงตอนนี้
บัสเป็นเด็กอารมณ์ดีกวนบาทาน้อยกว่าพี่ชายมาก เพื่อนๆ ในกลุ่มทุกคนเอ็นดูบัสเหมือนน้องแท้ๆ ทุกครั้งที่พวกเราไปเล่นหรือทำงานที่บ้านของไอ้บัมพ์เราจะซื้อขนมไปฝากบัสทุกครั้ง ดูเหมือนว่าบัสจะได้รับความรักจากพวกเขามากกว่าไอ้บัมพ์เสียอีก ครั้งสุดท้ายที่เขาได้เจอเจ้าบัสคืองานฉลองวันเกิดของเจ้าตัวที่อายุครบแปดปีบริบูรณ์ พอมาเจอกันครั้งนี้พบว่าน้องที่เอ็นดูนักหนาจะโตเป็นหนุ่มขนาดนี้ซึ่งดูแล้วน่าจะสูงกว่าเขาประมาณสองถึงสามเซนติเมตร
" สบายดีนะครับพี่เจน " เจ้าบัสถาม
" ก็เรื่อยๆ นะ จะเหนื่อยก็ตรงงานนี่แหละ "
" พี่ทำงานอะไรอ่ะครับ "
" ครูน่ะ พี่สอนเลข "
เขาตอบกลับไปดูเหมือนว่าบัสจะตกใจอยู่ไม่น้อยกับหน้าที่การงานของเขา
" โห ผมนึกว่าพี่จะเป็นพวกโมเดลซะอีก หล่อๆ อย่างนี้ไม่น่าจะเหลือ "
" ขนาดนั้นเลย? "
" ครับ คือตอนนี้ผมทำงานบริษัทโมเดลลิ่งแล้วพี่ค่อนข้างจะเข้าตาผม พี่พอจะสนใจงานด้านนี้มั้ยครับ " เขารู้ว่าบัสจะเชิญชวนเขาทำอะไรจึงขอยุติความคิดของเจ้าตัวไว้ก่อน
" ที่พี่ทำอยู่ตรงนี้ก็ดีแล้วครับ " เขาตอบกลับไปสั้นๆ ซึ่งบัสก็พยักหน้าเป็นเชิงว่าเข้าใจเขา
" เจน จะมาทำไมไม่บอกเรา "
ลินเดินเข้ามาแทรกกายข้างๆ ตอนนี้ดูเหมือนว่าลินกำลังวุ่นอยู่กับการเข้าครัวเพราะเขาเห็นผ้ากันเปื้อนสีหวานถูกสวมอยู่รอบเอวบวกกับเขาได้กลิ่นของอาหารจากตัวของคุณแม่คนสวย
" บอกแล้ว เราบอกบัมพ์แล้วไง "
" บัมพ์ ทำไมเธอไม่บอกลิน " ลินหันไปพูดกับสามีของตน
" ลิน เธอไม่ควรรู้เรื่องของชายอื่นนอกจากสามีตัวเอง เธอแต่งงานแล้วนะ " มันตอบกลับอย่างกวนบาทาตามแบบฉบับ เมื่อคนฟังได้ยินดังนั้นจึงอดไม่ได้ที่จะตีไปที่แขนแรงๆ หนึ่งที แล้วเดินกลับไปทำธุระภายในครัวต่อโดยไม่สนวีรกรรมที่ตัวเองทำเมื่อกี้เลยซักนิด
" มือหนักเหมือนเดิม เจ็บชิบหาย "
" สมควรแล้ว ตอบเป็นเด็กปัญญาอ่อนไปได้ "
" กูแก่กว่ามึงสิบปีนะบัส นับถือกูบ้าง " ว่าจบบัมพ์ก็ตบหัวบัสดังลั่นเพื่อเป็นการสั่งสอนในแบบฉบับของคนเป็นพี่น้อง
จนคนที่นั่งมองอยู่นานเห็นเข้าก็รีบลุกขึ้นเดินมาหาผู้บาดเจ็บทันที
" พ่อ! พี่บัสเจ็บนะ! " เจ้าเด็กหัวชมพูเข้ามาลูปหัวของคนเป็นอาอย่างแผ่วเบาเหมือนกลัวว่าจะเกิดอาการเจ็บขึ้นมาอีกครั้งนึง
" แตะไม่ได้หรอก น้องเห็นมันดีกว่าพ่อใช่มั้ย " ดูเหมือนว่ามันกำลังจะตัดพ้อลูกตัวเองอยู่ ท่าทางและน้ำเสียงเหมือนย้อนกลับไปเมื่อสิบกว่าปีก่อนที่มันงอนเขาไม่มีผิด
" ใช่ "
" อ่าว "
นึกขำกับสองพ่อลูกคู่นี้อยู่ในใจเมื่อคำตอบของเจ้าเด็กดื้อไม่เป็นอย่างคนที่บัมพ์คิด เขาเชื่อแล้วว่าโบนัสรักบัสมากแค่ไหนสังเกตได้จากสถานการณ์เมื่อสักครู่นี้
" โบนัสล้อเล่นเถอะ ใครจะดีไปกว่าพ่อบัมพ์เล่า! " โบนัสย้ายตัวเองเข้าไปกอดคนเป็นพ่อที่ตอนนี้ใจชื้นขึ้นมาแล้วกับประโยคเมื่อกี้ บัมพ์กอดตอบเจ้าตัวเล็กกลับพร้อมมอบเครื่องหมายแห่งความรักไว้บนหัวสีชมพูอย่างหมั่นเขี้ยว
" ไปสระผมด้วยนะลูก "
" พ่ออ่ะ! โบนัสเพิ่งสระเมื่อคืนนี้เอง "
" หยอกครับ " คุณพ่อหน้าหล่อยีผมชมพูจนเสียทรง
" หึ่ย ทำไมผู้ใหญ่ชอบทำอะไรอย่างนี้ด้วย ไม่รู้หรือไงว่าผมมันเสียทรง มันจะไม่หล่อ! "
ดูเหมือนว่าเป็นประโยคบ่นน่ารักๆ ทั่วไป แต่เจนรบสัมผัสได้ว่าเจ้าตัวเล็กกำลังพูดกับเขาอยู่ ตรงประโยคสุดท้ายเห็นว่าโบนัสมองมาทางเขาแป๊ปเดียวแล้วหันไปปะทะหน้ากับคุณพ่อเหมือนเดิม
ไม่มีใครตอบอะไรกลับไปบัมพ์ทำเพียงส่งยิ้มอย่างเอ็นดูไปให้คนในอ้อมกอดแทน
" อาหารเย็นเสร็จแล้ว เจนมากินด้วยกันนะ " ลินเดินออกมาจากครัวตอนนี้ไม่มีผ้ากันเปื้อนรอบเอวบางแล้ว
" ตามสบายเลยลิน เราเอาของมาให้เธอเฉยๆ นี่ว่าจะกลับแล้วด้วย "
" เถอะน่าเจน เราไม่ได้กินข้าวด้วยกันหลายปีแล้วนะ อยากรำลึกความหลังน่ะ "
" รำลึกความแก่น่ะสิไม่ว่า " เขาได้ยินโบนัสกระซิบกับบัสแล้วหัวเราะคิกคักเห็นจะมีแค่เจ้าเด็กหัวชมพูที่ขำอยู่ฝ่ายเดียว มีหรือที่พวกเขาจะไม่ได้ยิน
เสียงหัวเราะหยุดลงเมื่อลินหันไปมองต้นเหตุของเสียงเห็นได้ชัดว่าสีหน้าของโบนัสเจื่อนขนาดไหน สมควรแล้วเจ้าดื้อ
" ขำอะไรลุง "
" เปล่าครับ งั้นเราต้องรบกวนลินด้วยนะ "
ประโยคแรกพูดกับคนที่เด็กสุดในบ้านส่วนประโยคหลังเขาตอบรับคำเชิญมื้อเย็นของลิน
.
.
.
.
.
มื้อเย็นผ่านไปได้ด้วยดีฝีมือของลินพัฒนาดีขึ้นมากกว่าแต่ก่อน เขาเคยลิ้มรสชาติอาหารที่ลินทำเมื่อครั้งที่พวกเราจะไปเล่นหรือทำงานที่บ้านของเพื่อนคนใดคนนึงในกลุ่ม ลินมักจะอาสาทำอาหารง่ายๆ ให้พวกเรากินมัน ไม่ได้หรูหราอะไรมากมายแต่รสชาติยังคงตราตรึงใจจนถึงทุกวันนี้ เขาเดาว่าลินคงฝึกทำอาหารบ่อยขึ้นเพราะมีครอบครัวเป็นของตัวเองแล้ว
นึกแล้วก็อิจฉาไอ้บัมพ์มันที่มีภรรยาสุดสวยคอยทำอาหารให้กินทุกเช้าเย็นแบบนี้ ย้อนกลับมาดูตัวเองที่อายุอานามปาเข้าไปเลขสามแล้วยังไม่มีใครมาดูแลทั้งเรื่องส่วนตัวและเรื่องหัวใจของเขาเลย เชื่อเถอะว่าแม้แต่คนคุยเขาก็ยังไม่มีซักคนเดียว ไม่ใช่ว่าไม่มีใครมาเข้ามาในหัวใจ มันมี แต่เป็นเขาเองที่ปฏิเสธสาวๆ เหล่านั้นออกไปจากชีวิตเพียงเพราะคิดว่าตัวเองไม่มีเวลาจะไปดูแลเทคแคร์ใครมากนัก ทุกวันนี้แค่งานสอนในโรงเรียนก็ทำเอาเขาหัวหมุนมากพอแล้ว แถมยังมีงานสอนพิเศษเพิ่มขึ้นมาอีกบอกเลยว่าจะเอาเวลาไหนไปดูแลใครล่ะครับ บางเดือนเขายังหาเวลากลับบ้านใหญ่ไปหาพ่อแม่ไม่ได้เลย
แล้วเมื่อไหร่ล่ะ?
" แม่ลินให้โบนัสมาช่วย "
เจ้าเด็กหัวชมพูเข้ามาขัดจังหวะความคิดของเขาขณะที่ตนเองกำลังลงมือล้างจานอยู่ในครัว เขาขออาสาจัดการทำความสะอาดจานชามเหล่านี้เอง คราวแรกลินก็ไม่ยอมหรอกแต่เขาก็หาเหตุผลมาสารพัดจนได้ภาระหน้าที่นี้มา
ลินก็ยังคงเป็นลินที่ไม่ปล่อยให้เขาทำอะไรแบบนี้คนเดียวจึงส่งลูกชายสุดที่รักมาแบ่งเบาภาระงานนี้
" เดี๋ยวพี่ทำเองครับ โบนัสไปช่วยไอ้บัมพ์นวดลินดีกว่า "
" ช่วยแล้ว แต่แม่ลินไล่มานี่ "
เขาขำพรืดออกมา น้ำเสียงและท่าทางที่ตัดพ้อนั้นดูน่ารักไม่หยอก
" ขำอะไรอีก วันนี้ลุงขำโบนัสเยอะไปแล้วนะ " ว่าจบโบนัสก็ยื่นมือมารับจานที่เต็มไปด้วยฟองจากเขาไปชำระล้างน้ำเปล่าต่อ
" เหรอครับ พี่จำไม่ได้เลย "
" อย่ามาโกหก ลุงก็ยังไม่แก่มากที่จะจำอะไรไม่ได้นะ หรือว่าแก่แล้วจริงๆ " เจ้าเด็กดื้อหันมาเล่นหน้าเล่นตาใส่เขา
สงสัยอยากโดนจริงๆ
" เห้ย! "
โบนัสร้องลั่นเมื่อเขาเอาฟองที่ติดอยู่กับนิ้วชี้จิ้มไปที่จมูกเล็กของคนข้างๆ จนเกิดฟองก้อนเล็กๆ บนปลายจมูก
" นิสัยไม่ดีชอบแกล้งเด็ก เอาจมูกลุงมานี่เลย! "
คนตัวเล็กใช้มือซ้ายวางไปที่ท้ายทอยของเขาแล้วออกแรงกดลงให้หน้าเข้ามาใกล้ๆ ก่อนที่จะใช้นิ้วมืออีกข้างนึงจุ่มฟองแล้วยกขึ้นมาป้ายบนปชายจมูกโด่งของเขาบ้าง คนถูกกระทำไม่ขัดขืนใดๆ เพราะมัวแต่สำรวจใบหน้าเนียนตรงหน้าที่เปื้อนด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข ยอมรับเลยว่าหยุดมองไม่ได้จริงๆ ปากนิดจมูกหน่อย ดวงตาคู่สวยนั่นอีก ทุกอย่างลงตัวไปซะหมดเมื่อมาอยู่บนใบหน้าของเจ้าเด็กดื้อคนนี้
เมื่อเห็นว่าผลงานของตัวเองเป็นที่น่าพอใจแล้วก็ผละมือออกมากอดอกตัวเองแล้วมองมาที่ใบหน้าเขา
" พอใจมั้ยครับ "
" ก็....นิดนึง "
" พี่ว่าไม่นิดมั้งครับ เห็นเรายิ้มซะขนา....โอ้ย! "
เขาหยุดพูดไปกลางคันเพราะฟองที่ติดอยู่ตรงหน้าผากดันไหลลงมาที่ตาพอดีเป๊ะ ตอนนี้มือเขาก็ยังเลอะอยู่จึงยกแขนขึ้นมาหวังที่จะเช็ดมันออกไป
แต่ถูกมือบางจับเอาไว้แล้วแทนด้วยนิ้วเย็นเฉียบของโบนัสที่เปียกน้ำสัมผัสเข้าที่ตาของเขาอย่างแผ่วเบา ใบหน้าเล็กตรงหน้าเขาดูจริงกับสิ่งที่กำลังทำอยู่มาก
ไม่มีคำพูดใดๆ เอ่ยออกมาเมื่อภารกิจตรงหน้าสำเร็จ มีเพียงแค่คำขอบคุณของเขาสำหรับการช่วยเหลือของคนตรงหน้า
" ขอบคุณครับ "
" ...... "
ทั้งสองกลับไปล้างจานต่อจนสะอาดครบทุกหมดใบ จากนั้นร่างเล็กก็รีบปลีกตัวออกไปจากครัวทันที เขาเองเห็นอย่างนั้นก็เดินตามออกไปเช่นกัน
" เมื่อกี้เสียงดังอะไรกัน " เมื่อมาถึงยังห้องนั่งเล่นก็เห็นโบนัสถูกลินที่กำลังนั่งให้บัมพ์นวดไหล่อยู่ซักถาม
" เอ่อ...คือ "
" เราคุยเรื่องตลกกันน่ะ เลยเสียงดังนิดหน่อย " เห็นว่าโบนัสยังอ้ำอึ้งอยู่เขาเลยแทรกตอบไป
" มึงเนี้ยนะตลก เจนโนแจม "
ฉายาเก่าของเขาถูกเอ่ยออกมาหลังจากที่ไม่ได้ยินมานานโดยไอ้เพื่อนหน้าหล่อ
" โบนัสเล่าให้กูฟัง " เจ้าของชื่อหันมาขมวดคิ้วใส่เขา
" ถ้ารายนี้ค่อยเชื่อได้หน่อย " ลินพูดขึ้น
" เจนว่าจะกลับแล้ว ขอบคุณสำหรับอาหารนะลิน "
" ไม่เป็นไรน่า แค่นี้เอง " เขายิ้มส่งให้ลิน
" กูไปก่อนนะบัมพ์ เจอกัน "
" เออ ขับรถดีๆ "
" มันจะกลับแล้ว แล้วมึงอ่ะเมื่อไหร่ " บัมพ์พูดกับน้องชายตัวเอง
" จะกลับก็กลับเองอ่ะ ไม่อยู่เป็น กขค มึงหรอก "
" ไอ้เวร "
" หวัดดีครับพี่เจน กลับดีๆ นะพี่ " บัสตัดบทแล้วหันมาบอกลาเขาแทน
" เจอกัน "
ทุกคนบอกลาเขาเรียบร้อย จะเหลือก็แต่เจ้าเด็กดื้อที่นั่งเหม่อคนเดียวเนี้ยแหละ
เมื่อเห็นว่าร่างเล็กไม่มีท่าทีจะขยับตัวไปไหน เขาจึงเดินออกมาทันที
.
.
.
.
.
ปี๊ปิ๊ด!
เสียงสัญญาณปลดล็อกรถดังเมื่อเขากดไปที่รีโมท มือใหญ่เปิดไปประตูรถจากนั้นสอดกายเข้าไปนั่งบนเบาะแล้วเตรียมที่จะปิดประตู แต่ดันมีมือเล็กมาจับเอาไว้ทำให้เขาปิดไม่ได้ เห็นดังนั้นจึงพาตัวเองออกมาแล้วพบว่าเป็นฝีมือของเจ้าเด็กดื้อ ตอนนี้เราทั้งสองยืนหันหน้าเข้าหากันโดยมีประตูรถที่เปิดไว้อยู่กั้นเราทั้งสองไว้
" มีอะไรรึเปล่าครับ "
" ลุงลืมนี่ไว้ " โบนัสหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระกางเกงตัวเองแล้วส่งมาให้เขา
อ่า...ลืมอีกแล้ว
" อ่า ขอบคุณครับ สงสัยจะแก่แล้วจริงๆ "
" ...... "
" งั้นพี่ไปก่อนนะครับ "
อีกฝ่ายเงียบไปเขาจึงเตรียมที่จะกลับเข้าไปนั่งในรถอีกครั้ง แต่คราวนี้มีเสียงของคนที่ไม่ได้พูดตั้งแต่ออกจากครัวมาดังขึ้น
" ขอโทษนะครับ โบนัสไม่ได้ตั้งใจ " เจ้าตัวเล็กเดินมาหยุดที่อยู่ตรงหน้าเขาโดยไม่มีอะไรกั้นเราไว้แล้ว
" เรื่องอะไรครับ "
" ตา...ตาแดงมากเลย " นิ้วเรียวยกขึ้นมาแตะบริเวณหางตาของเขา
" ไม่เป็นไรครับ นิดเดียว เราคงไม่ได้ตั้งใจหรอกเนอะ "
โบนัสพยักหน้า
" อีกอย่าง โบนัสก็ช่วยพี่เอาไว้แล้วไม่ใช่เหรอ หายแสบแล้วครับ " ว่าจบก็ยกยิ้มส่งไปให้เด็กน้อยตรงหน้าแล้วจับมือที่ยังคงแตะอยู่ที่หางตาเขาลง
" พี่ไปแล้วนะ ถ้ามีโอกาสเราคงเจอกันอีกนะครับ "
เขาส่งมือไปวางไว้บนหัวโบนัสอย่างลืมตัว คราวนี้ไม่มีการมือเล็กมาตีเขาอีกแล้ว มีแต่รอยยิ้มน้อยๆ ของโบนัสที่ส่งกลับมาให้เขาแทน
เด็กหนอเด็ก...
100%
ค่ะ ครบร้อยแล้วค่ะ5555
ทำไมน้องโบนัสถึงเงียบ น้องก็มีเหตุผลของน้องนะคะ คิ้
1 กำลังใจ 1 ความคิดเห็น ทัมหั้ยเลามีแลงมั้กขึ้น!
#ลูกเพื่อนNM
โน่มิน & มินโน่ จงจาเริน
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ท่าทางแล้วพ่อบัมพ์จะหวงมากกกกก ละลุงเจนจะข้ามศพพ่อบัมพ์ กับ พี่บัสไปได้ไหมเนี่ยยยย
ปล. ลูบหัว ใช้เป็น ลูบ นะคะ เราเห็นตัวเองใช้ ลูปหัว น่าจะเขียนผิดนะคะ