ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Gate of Dream ภาคอัสนี

    ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ 3 ข้าชื่อเซียวเตี่ยนค่ะ(ภาคปลาย)

    • อัปเดตล่าสุด 1 ก.ค. 50


    บทที่ 3 ข้าชื่อเซียวเตี่ยนค่ะ(ภาคปลาย)

     

                  ครั้งนี้คนที่รับหน้าที่ ไปเอาภารกิจกับ เถ้าแก่ ก็คือ เบ็งเค เพราะว่าในกลุ่มนี้ เบ็งเค เป็นคนที่มี LV และ เครดิตสูงที่สุด ซึ่งเมื่อ เบ็งเคไปคุยกับ เก้าแก่ร้าย ซักพัก ก็ได้กลับมา พร้อม กระดาษ 2 ใบซึ่ง ใบหนึ่งนั้นได้ยื่นให้ เซียวเตี่ยน พร้อมกล่าวว่า

     

                  กระดาษคือแผนที่ บริเวณ นอกเมืองทางทิศตะวันออกนะครับ เซียวเตียนเอา แผ่นที่ไปใส่ไว้ใน แผนที่อเนกประสงค์สิ

     

                  เมื่อเซียวเตียนรับแผนที่นั้นมา มองดูเล็กน้อยก็จัดการนำไปใส่ แบบเดียวกับที่เขาใส่แผนที่แผ่นแรก แล้วก็เป็นเหมือนแผนที่แผนแรก แผนที่แผ่นใหม่ก็ได้หายเข้าไปสู่ใน แผนที่อเนกประสงค์ พร้อมหน้าแผนที่ก็มี รายละเอียดนอกเมืองทาง ทิศตะวันออกของเมืองเพิ่มขึ้นมา

     

                  พวกหมาป่าเก่งมากไหม แล้วไปล่าที่ไหนคะ เซียวเตี่ยนที่ยังไม่เคย ผ่าน แม้แต่ศึกเดียวในเกมส์มาก็หารายละเอียด ของศัตรูก่อน ยังไงเสีย รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง

                 

                  คุณเซี่ยวเตี่ยน ดูในแผนที่นะ แถมๆ ว่า ทางตะวันออก ที่ชื่อ ป่ามู่ลิ้ม พวกหมาป่า จะอยู่ละแวกนี้นะครับ ส่วน LV พวกมันไม่สูงเท่าไหร่ แต่ก็ต้องมี LV 7-8 ถึงดวลเดี่ยวกับมันได้ เฟรโดที่อยู่ข้างๆ แย่งตอบแทน

     

                  ต้อง LV 7-8 ถึงสู้กันพวกมัน เดี่ยวๆ ได้แล้วไปแบบนี้ ฉันไม่เป็นตัวถ่วงแย่หรือ เซียวเตี่ยนก็ พูดไปอย่างนั้นล่ะ เพราะตั้งแต่แรกเขาก็ตกลงใจให้กลุ่มนี้ช่วยลากอยู่แล้ว

     

                  ไม่ต้องเป็นห่วงครับ เซียวเตี่ยน อย่างที่บอก แจมโจมตีก็พอ เดี๋ยวก็ได้ LV กับทักษะมา ทีนี้ก็มาช่วยพวกเราได้ง่ายแล้ว เบ็งเคตอบ พร้อมยื่นมือมาทุบหน้าอก อย่างมั่นอกมั่นใจมาก

                 

                  แต่ เพื่อความไม่ประมาท งั้นผมให้ ยาน้ำเพิ่มชีพคุณไว้กันเหนียว 3 ขวดแล้วกัน เฟรโด ที่ยื่นข้างๆ ทำหน้าใหญ่แล้ว ยื่นขวดยา 3 ขวดให้แก่ เซียวเตี่ยน ซึ่งเขาก็รับทันทีพร้อมตอบไปว่า

     

                  ขอบคุณ พี่เฟรโด มากเลยกำลังกังวลว่า ถ้าโดนโจมตี จะทำยังไงอยู่พอดี

     

                  เอารองเท้าคู่นี้ไปด้วย สิเซียวเตี่ยน เพิ่มพลังป้องกันได้ 10 ก็ยังดีกว่าไม่มีนะ เบ็งเคที่ไม่ยอมให้เฟรโด ได้หน้าคนเดียวอยู่แล้วได้ยื่น รองเท้าหนังคู่หนึ่งให้ เซียวเตี่ยน

     

                  ขอบคุณ พี่เบ็งเคมากๆ เลย ทีนี้คงสบายใจได้เปราะว่าไม่โดนกัดตายทีเดียวแน่ๆ เล่นเป็นตัวละครหญิงมันก็ ดีแบบนี้ล่ะ ไม่ต้องเกรงใจสาวๆ แถมมีโอกาสได้ของจากหนุ่มๆ อีก แบบนี้นี่เองที่ทำให้หลายๆ คน เลิกเล่นตัวละครหญิง ไม่ได้ซะที

                 

                  รองเท้าที่เบ็งเคให้ก็คือ รองเท้าหนังชั้น 3 พลังป้องกัน 10 ความทนทาน 10000 ที่เขาได้มาจากการ ตีมอนสเตอร์เร็วๆ นี้ ซึ่งแต่เดิมเขาคิดจะเอาไปขาย แต่ในเมื่อเจอการทำหน้าใหญ่ ของเฟรโดเข้าก็ ทำให้เขาอดไม่ได้ที่ จะทำมั่ง ก็แฟนสวยๆ ทั้งคนหากันได้ง่ายๆ ซะที่ไหน

     

                  หนุ่มๆ สองคน จีบน้องเซียวเตี่ยนกัน พอหรือยัง เรายังต้องออกไปล่าหมาป่า กันอยู่นะ เดี๋ยวก็ เช้ากันพอดี ไป่ฮวา ที่ยืนอยู่ข้างๆ เริ่มรำคาญ แม้เธอจะมอง เซียวเตี่ยนในแง่ที่ดีขึ้น แต่การกระทำของสองหนุ่มก็ ทำให้เธอหงุดหงิดใจได้ไม่เบาทีเดียว ดังนั้นด้วยการตัดบทของ ไป่ฮวา ทำให้ทั้งกลุ่ม เลิกเอ้อระเหย และเดินทางออกจากหมู่บ้านทันที

     

                  หลังจากออกจากเมือง ไม่ไกลก็มองเห็น ป่าทึบกว้างไกล สุดสายตา และป่าแห่งนี้เองที่มีชื่อว่าป่ามู่ลิ้ม แม้จะมองจากภายนอก มันก็ ดูด่ากลัวเกินกว่าจะมาเดินเที่ยว ต่อให้เป็นเวลากลางวัน เด็กเมืองอย่างเขา ถ้าไม่ใช่ในเกมส์ เจอป่าแบบนี้ก็ขอบายไม่มีทางเดินเข้าไปเด็ดขาด แต่นี่คือ เกมส์ ดังนั้น การการได้เข้าป่าแบบนี้กลับเป็นสิ่งที่น่าสนใจเป็นอย่างมากแทน

     

                  เพียงเดินไม่นาน กลุ่มของพวกเขาก็พบกับฝูงหมาป่าฝูงแรก ฝูงนี้มีจำนวนไม่มากนัก เพียง 3 ตัว ซึ่งสำหรับกลุ่มนี้เรียกได้ว่าเป็นอาหารเรียกน้ำย่อยเท่านั้น แต่เมื่อพบกับศัตรู ทุกคนในทีมก็ จัดการเตรียมอาวุธ เฟรโดชักกระบี่ออกมา ส่วนเบ็งเคง้าวเขาติดมือตลอด เพียงแต่เปลี่ยนวิธีจับเท่านั้น ทางด้านไป่ฮวา กับหยิบคันธนูไม้ อันหนึ่งออกมาจากเป้ตั้งท่าพร้อมยิง และแน่นอนเมื่อเห็นทังทีมเตรียมพร้อมมี หรือ เขาจะยอมชักช้า เซี่ยวเตี่ยนก็เตรียม อาวุธเช่นกัน

     

                  แต่ว่าเมื่อดาบของเขาทันทีที่ออกจากฝัก สิ่งแรกที่ เซียวเตียนรู้สึกได้เป็นสิ่งแรก คือ หนัก หนักมาก หนักโครต โครตหนัก!!!!

     

                  แต่ไหนแต่ไรมา เขาถือดาบเล่มนี้เดินไปมาทั้งฝัก ยังไม่เคยชักออกจากฝักทั้งเล่มซักครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ เขาชักมันทั้งเล่มออกจากฝัก ไม่นึกเลยว่า ดาบเล่มนี้เมื่อออกจากปลอกดาบแล้วมันจะทวีน้ำหนักเพิ่มขึ้นได้ขนาดนี้ แบบนี้อย่าว่าแต่เอาไปใช้เป็นอาวุธเลย จะยกมันขึ้นจากพื้นยังเป็นเรื่องยากลำบาก

     

                  ระหว่างที่เขาปลุกปล้ำกับดาบเจ้ากรรมที่หนักแสนหนักเล่มนี้ กลุ่มเขาทั้ง 3 ก็ ตั้งหน้าตั้งตา โจมตีหมาป่าเคราะห์ร้ายทั้ง 3 จนราบคาบไปเสียแล้ว ทำให้เขาอดนึกในใจไม่ได้ ทีพวกพระเอกเกมส์ทั่วๆ ไปถือดาบใหญ่กวาตัวเหวี่ยงไปเหวี่ยงมาได้อย่างสบายนั้น ทำไมไอ้เกมส์นี้ คนออกแบบมันบ้าขนาดใส่น้ำหนักจริงให้ดาบเล่มนี้ด้วย จริงอยู่เล่มใหญ่มันน่าจะหนัก แต่อย่างน้อยๆ ก็น่าจะให้ เขาสามารถยกได้ง่ายกว่านี้ซะหน่อยสิ แต่นี่อะไรกัน ขนาดเขาใช้ 2 มือยังยกมันแทบจะไม่ขึ้นอย่าว่าแต่เหวี่ยงไปมาเลย

     

                  หลังจากสังหารโหดหมาป่าทั้ง 3 แล้ว กลุ่มของพวกไป่ฮวาก็ ได้หันกลับมามอง เซียวเตี่ยน ด้วยความแปลกใจว่าทำไมไม่เข้ามาช่วยตีด้วย เพราะถ้าไม่ช่วยโจมตีต่อให้ ร่วมกลุ่มกันก็ จะไม่ได้รับประสบการณ์ใดๆ ซึ่งเมื่อเห็นลักษณะท่าทางของเซียวเตี่ยน ที่พยายามยกดาบเล่มยักษ์เล่มนั้นแล้ว ก็อดที่จะ หัวเราะออดมาดังๆ ไม่ได้

     

                  ทางไป่ฮวา ยังดีที่กล้าปล่อยก๊าก ออกมาสุดเสียงอย่างไม่ต้องเกรงใจ แต่สองหนุ่มนั่นสิ ทรมานไม่ใช่น้อยในการ พยายามกลั้นหัวเราะจะทั้งท้องทั้งไส้ ปวดจนบิดไปหมดแล้ว ก็จะไม่ให้ ขำได้ยังไง ท่าทางของ เซียวเตี่ยน ตอนนี้ไม่ใช่ท่าทางการยกดาบ แต่เหมือนท่ายกน้ำหนักซะมากกว่า

     

                  แต่สำหรับ เซียวเตี่ยนแล้วการโดนเพื่อนร่วมทีมหัวเราะ แม้จะทำใจลำบากอยู่ซักหน่อย แต่ท่าทางเขาตอนนี้ก็ตลกจริงๆ นี่นาแทนที่จะมาเสียเวลาไปกับการมานั่งงอน หรือว่าทำหน้าเสียสู้เอาเวลามาคิดว่าจะทำยังไง ถึงใช้ดาบเล่มนี้ได้จะดีกว่า

     

                  แต่ในเมื่อทั้งกลุ่มสังเกตเห็นแล้วว่า เขากำลังทำสิ่งที่เปล่า ประโยชน์อยู่ทางไป่ฮวา เป็นคนแรกที่ได้กล่าวกับเซียวเตี่ยนว่า

     

                  น้องเซียวเตี่ยน ตัดใจจากดาบเล่มนี้ไม่ดีกว่าหรือ ยังมีอาวุธดีๆ อย่างอื่น อีกเยอะ ไม่ว่าดาบเล่มนี้จะดียังไง แต่ถ้าใช้ไม่ได้ มันก็ไร้ค่า

     

                  แม้ทาง ไป่ฮวาจะไม่รู้คุณสมบัติของดาบเล่มนี้ แต่สมบัติจากภารกิจส่วนมากก็มีความพิเศษแตกต่างจากไอเท็มปกติทั่วไปอยู่แล้ว แต่สำหรับ เซียวเตี่ยน ที่เขาพยายามใช้ดาบเล่มนนี้อย่างไม่ย้อท้อ ไม่ใช่ เพราะ คุณสมบัติของดาบอะไรหรอกนะ แต่วัตถุประสงค์หลักคือ มันเท่ห์!!!

                 

                  ขอผมลองอีกนิดเถอะ รับรองต้องใช้มันได้แน่ๆ ในเมื่อได้ของมาทั้งที จะให้ยอมแพ้ง่ายๆ ก็ไม่ใช่ เซียวเตี่ยนแล้ว

     

                  หึ หึ แบบนี้ไม่เรียกว่าใช้ ดาบแล้วนะ น้องเตี่ยน ไป่ฮวาที่ยังขำไม่หยุดกับท่าทาง ของเซียวเตี่ยน ที่ยังพยายามลองวาดดาบท่าทางต่างๆ ซึ่ง ไม่ทันจะเป็นท่าโจมตีก็เหลวซะก่อนอยู่เรื่อยไป

     

                  แฮก ก็ของมันหนักอะ แฮก เซียวเตี่ยนที่พยามพูดตอบทั้งที่เริ่มหอบหายใจแล้ว ยกดาบหนักๆ ไปมานานๆ ยังไงก็ เหนื่อยไวเป็นธรรมดา แต่ทั้งๆ ที่นี่เป็นเกมส์ อาการเหนื่อยล้าที่เกิด ก็สมจริงซะจน น่าหมั่นไส้ ไม่รู้ว่า ในเกมส์นี้ จะมีการเพาะกล้ามไหม ถ้ามีล่ะดีเลยตอนนี้ ขาพร้อมเป็นสาวกล้ามโตแล้ว ขอเพียงให้ใช้ดาบเล่มนี้ให้ได้คล่องๆ เถอะน่า

     

                  จะลอง~ ปล้ำ~ มันต่อ~ ก็ไม่ว่า~อะไร~ นะ~ ครับ แต่เรา~ยังต้อง ~ทำ ~ภาร~ กิจ~ ต่อ~ นะ ครับ ไว้~ ลอง ที่~ หลัง~ ดี กว่า~นะครับ เสียงตะกุกตะกัก จากการกลั้นหัวเราะสุดตัวของ เฟรโด ด้วยหน้าตาที่พยายาม เก๊ก ให้ ปกติมากที่สุด แต่ก็ ยังมี รอยิ้มผุดขึ้นมาอยู่ประปราย

     

                  ปล้ำหรือ คำๆนี้ สะกิดความคิดของ เซียวเตี่ยน ขึ้นมาทันที ในเมื่อดาบเล่มนี้ แม้จะหนักมาก แต่ยังไง ก็คงไม่หนักเท่าน้ำหนักของคน ในเมื่อพวก นักมวยปล้ำ นักยูโด ยังสามารถทุ่มตัวคนทั้งคนข้ามไหล่มาได้ แล้ว เขาจะลองใช้วิธีเดียวกันนี้ กับดาบเล่มนี้ได้ไหม

     

                  เมื่อคิดได้ เซียวเตี่ยน ก็ไม่รอช้า จัดแจงท่าทางให้ด้ามดาบผาดหัวไหล่แล้วใช้ มือทั้งสองจับไว้ จัดท่า เหมือนจะทุ่มดาบ แล้ว ใช้แรงจากทั้งหลังไหล่และสองมือ เพื่อฉุดให้ดาบวาดมาข้างหน้าข้ามไหล่เขามา

     

                  ตุบ!!” สำเร็จ!! ดาบเล่มโตที่เขาปล้ำมานานในที่สุด ก็วาดเป็นวงโค้งข้ามไหล่มาฟาดลงด้านหน้า อย่างสวยงาม สร้างเสียง ฮือฮาแล้วปรบมือจากคนในกลุ่มได้ทีเดียว และแน่นอนว่าคนที่ปรบมือ ดังสุดไม่พ้น เฟรโดแน่ๆ

     

                  ทำสำเร็จจนได้ ยินดีด้วยนะเซียวเตี่ยน ใช้มันได้ซะที แล้วจะไปต่อกันหรือยัง คำชมเชยจากเบ็งเค พร้อมคำเร่งให้เดินทาง เพราะการล่าหมาป่า เวลากลางคืนแบบนี้เป็นเวลานาทีทอง ยิ่งฆ่าเยอะ ก็ยิ่งได้เงินมาก

     

                  ขอบคุณค่ะ ไปกันเถอะค่ะ เซียวเตี่ยนกล่าว

     

                  ในเมื่อรู้หลักการใช้แล้วต่อไปก็ต้องหาความชำนาญในการลองของจริงแล้ว หวังว่าที่ทนปล้ำกับมันมานาน จะให้ ผลดี อะไรกับเขาบ้างนะ แถมหวังในใจลึกๆว่า ถ้าใช้ๆ ไปอาจมีทักษะที่ทำให้ เขาสามารถกวัดแกว่งดาบเล่มนี้ได้สะดวกขึ้นซักวัน...

     

                  แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามามัวหัดอยู่อย่างเดียว เพราะเขามากับทั้งกลุ่มที่ กลุ่มยอมรอเขาอยู่ก็น่าเกรงใจมากกว่า ถ้าขืนเรียกร้องต่อไปคงไม่ดีแน่ ดังนั้น เซียวเตี่ยน และกลุ่ม ไป่ฮวา ทั้งหมด ก็ ได้เดินทาง ตามล่าหมาป่าต่อไป

                 

                  และไม่นาน เหยื่อรายแรก ก็มาปรากฏ เป็นหมาป่า หลงฝูงออกมาโดดเดี่ยวตัวเดียว ซึ่งแน่นอนว่า เซียวเตี่ยนที่ร้อนวิชา ก็เป็นคนวิ่งออกไปโจมตีเป็นรายแรกทันที

     

                  ผลัก เสียงการโจมตี ด้วยท่วงท่าฟาดลงมาตรงๆ ของเซียวเตี่ยน แม้พลังโจมตีจะไม่มากมายอะไร แต่ด้วนน้ำหนักของดาบ และด้วยการออกเกมส์ที่อิงตามกฎฟิสิกส์ ทำให้หมาป่าตัวนั้นกระเด็นออกไป ทันทีที่โดนฟาดเข้าใส่ แต่เพียงไม่นาน หมาป่าตัวนั้นก็ ตั้งหลักได้และกระโจนเข้ามาโจมตี เซียวเตี่ยน ทันที

     

                  ผลัก ผลัก บึก เสียง ของการโจมตีสามประสาน ของเพื่อนร่วมทีมที่ ไม่ปล่อยให้ เซียวเตี่ยนเป็นอะไรไปแน่ๆ เพราะพวกเขานั้นรู้อยู่แล้วว่า เซียวเตี่ยนมี LV เพียงแค่ 1 เท่านั้น ถ้าหากโดดการจู่โจมแบบนั้น เข้าไปไม่เกิน 2 ครั้ง คงต้องกลับบ้านเก่าอย่างไม่ต้องสงสัย

     

                  และเสียงจากระบบก็ดังตามมาทันทีว่า

     

                  "ผู้เล่น เซียวเตี่ยนได้ร่วมสังหาร หมาป่า LV 7 หนึ่งตัวได้รับแบ่งค่าประสบการณ์ 123 หน่วย มีประสบการณ์รวม 123 หน่วย"

                 

                  แม้การเข้าร่วมสู้ครั้งนี้ จะสามารถ ฆ่าเป้าหมายได้อย่างงดงาม แต่ว่าถ้าเพียง พวกเขาทั้ง 3 คนมาช้าไปอีกซักนิด ที่ ต้องตายรับรองไม่ใช่ หมาป่าตัวนี้ หากแต่เป็น เซียวเตี่ยนอย่างแน่นอน

     

                  แน่นอนว่าตัวเซียวเตี่ยนเอง ก็รู้ดีกว่าการใช้ดาบของเขานี้แม้จะโจมตีได้แต่ถ้าสู้ต่อ งลำบาก เพราะเขาต้องตั้งดาบและเตรียมท่า อีกถึงจะออกดาบได้ซึ่ง สิ่งนี้เป็น จุดอ่อนอันใหญ่หลวงที่เขาต้องหาหนทางแก้ไข แต่สำหรับทีมแล้วการต้องป้องกัน เซียเตี่ยนตลอดเวลา ก็ จัดว่าเป็นเรื่องยากลำบาก ดังนั้น ทาง เบ็งเคจึงได้เสนอ ขึ้นมา

                 

                  ท่าของเซียวเตี่ยน ดูจะใช้ยากไปซักหน่อยนะ เอาเป็นว่าโจมตีครั้งต่อไปให้ รอพวกผมก่อน จะดีกว่าแลวแจมโจมตีเอา ไม่งั้นได้ตายก่อนแน่ เบ็งเคกล่าว

     

                  ค่ะ คราวหน้าจะไม่ทำเรื่องเสียงๆ แบบนี้อีกแล้ว เซียวเตี่ยนกล่าว

     

                  และด้วยเหตุผลที่เถียงไม่ออก ทาง เซียวเตี่ยนได้แต่ยอมรับว่าตอนนี้ เขายังไม่สามารถที่จะใช้การโจมตีของเขาให้เป็นประโยชน์กับทีมได้ แต่ถ้าไม่โจมตีเลย ก็ไม่ได้รับค่าประสบการณ์ อีก ดังนั้น หลังจากการโจมตีครั้งแรกที่บ้าบิ่น ของ เซียวเตี่ยนแล้ว หลังจากนั้นการร่วมมือทั้งสาม ก็เป็นไปตามแผน เบ็งเค หากมี หมาป่ามามากกว่า 1 ตัว ให้ เซียวเตียนหลบอยู่วงนอก จนกว่าหมาป่าจะเหลือตัวเดียวแล้วค่อยเข้ามาร่วมโจมตีเพื่อป้องกันการตายที่ไร้ค่า

     

                  แม้จะเป็นกลยุทธที่น่าหงุดหงิด แต่ก็ทำให้ เซียวเตี่ยน ขึ้น LV ได้ถึงระดับ 3 อย่างรวดเร็ว และทางกลุ่มก็ ล่าหมาป่าไปได้ถึง 30 กว่าตัวแล้ว เท่านี้ก็ เหลืออีกเพียง 20 กว่าตัวเท่านั้นเพื่อให้ จบภารกิจ และที่เหลือก็คือโบนัสล้วนๆ

     

                  ทุกอย่างในคืนนี้ จะดูราบรื่นไปซะหมด กลุ่มเซียวเตี่ยน ไป่ฮวาและสองหนุ่มก็ เริ่มคุยกันอย่างสนุกสนาน เพราะแรงกดดันที่ว่าจะทำภารกิจไม่สำเร็จนั้น ลดไปกว่าครึ่งแล้ว ตอนนี้มีเวลา 5-6 ชม. กว่าจะเช้า เรียกได้กว่า พวกเขาฆ่าสบายๆ ไปเรื่อย ก็รับรองได้ว่าฆ่าหมาป่าได้ครบตามจำนวนทันเวลาอย่างแน่นอน

                 

                  และตอนนี้กลุ่มพวกเขาก็พบกลับฝูงหมาป่า อีกฝูงแล้วฝูงนี้เป็นฝูงใหญ่พอควรทีเดียว มีหมาป่าอยู่ในฝูงถึง 9 ตัว แม้แต่ กลุ่มก็ ไป่ฮวาเอง ถ้าเกิดเจอการกลุ้มรุมของฝูงหมาป่า ฝูงใหญ่ขนาดนี้ แม้จะเอาชนะได้ก็ได้ไม่คุ้มเสีย ดังนั้น ทั้งกลุ่มจึงตกลงกันว่า จะเดินเลี่ยงหมาป่าฝูงนี้ไปเงียบๆ

     

                  แต่ไม่ทันที่จะหลบเลี่ยงหมาป่าฝูงนี้ไปได้ ไป่ฮวาที่กำลังสำรวจหาช่องทางเพื่อ เดินเลี่ยงหมาป่านั้น ก็สังเกตเห็นเงาดำสายหนึ่ง กำลัง พุ่งตรงมาทางนี้อย่างรวดเร็ว แน่นอนว่าไป่ฮวาเมื่อเห็นดังนั้น ก็รีบสะกิดบอกเพื่อนทั้งสองทันทีว่า

     

                  ทุกคนระวัง มีอะไรไม่รู้กำลังมาทางนี้

     

                  ทางไหนหรือครับ เฟรโดถาม

                 

                  ด้านหลังฝูงหมาป่านั้นล่ะ มีเงาวิ่งมาอย่างไว เลยจะเอาไง ไป่ฮวารีบตอบ เพื่อให้ทั้งกลุ่มรีบตัดสินใจในเวลาฉุกเฉินเช่นนี้ อย่างไร ไป่ฮวาก็เป็นหญิงสาวคนหนึ่ง ย่อมต้องการคำแนะนำจากชายหนุ่มมากกว่า

                 

                  หนีไปก่อน ไม่ว่าอะไร ไม่น่าไว้ใจแน่ๆ

     

                  เสียงสั่งการจาก เบ็งเค แม้จะไม่รู้ว่ามีอะไร แต่ในเวลาฉุกเฉินเช่นนี้ เบ็งเค เลือกตัดสินใจที่ให้ทั้งกลุ่มหลบไปก่อนดีกว่า โดยเฉพาะ ในกลุ่มเขามีเซียวเตี่ยน ที่จัดว่าเป็นตัวถ่วงที่สมบูรณ์แบบอยู่ทั้งคน แต่มันก็เหมือน สัญชาติญาณที่แปลกประหลาด เพราะเมื่อมีการบอกให้วิ่งหนี ทิศทางที่ทุกคนเลือก กลับตรงว่าเป็นทิศเงา กำลังวิ่งไปทันที

     

                  เซียวเตี่ยน ที่ ทุลักทุเลกว่าเพื่อน เพราะเล่นใช้ อาวุธใหญ่กว่าชาวบ้าน และถึงใส่ปลอกไว้ แล้วเบาลงแต่ก็มีน้ำหนักไม่ต่ำกว่า 5 กิโลทีเดียว ทำให้เขากลายเป็นคนที่รั้งท้ายสุด ของขบวนวิ่งหนีนี้ ซ้ำ โชคร้ายยังไม่จบเพียงเท่านั้น ด้วยการทำเสียงที่ดังปผิดปกติของกลุ่มพวกเขายามวิ่งหนี ก็ทำให้ฝูงหมาป่าที่ เขาคิดจะหลีกเลี่ยง ตอนแรกก็วิ่งตามหลังมาทันที!!!

     

                  เท้าหมา กับเท้าคน เท้าไหนวิ่งเร็วกว่าคงไม่ต้องตัดสินให้เสียเวลา ไม่อย่างนั้น คงไม่มีสำนวนว่า สวมตีนหมาโกยหรอก โดยเฉพาะพวกหมาป่า ยิ่งวิ่งเร็วเป็นพิเศษ เพียงไม่ถึง 10 นาที หมาป่า ทั้ง 9 ก็ จ่อประชิดประตูหลัง เซียวเตี่ยนแล้ว งานนี้คงไม่จบแค่เลียก้นของเซียวเตี่ยนแน่ๆ

     

                  โบ๋รว โบ๋รว โบ๋รว

     

                  เสียงเห่าไล่ จากหมาป่าที่ ปะชิดตัวยิ่งทำให้ เซียวเตี่ยนอึดเร่งกำลังวิ่งพุ่งไปข้างหน้าได้เร็วขึ้น แต่อย่างทีบอกไว้ว่า เท้าหมากับเท้าคน 4 ขากับ 2 ขาที่เซียวเตี่ยนทำได้ก็แค่ทำให้ระยะห่างไม่ร่นเข้ามาเท่านั้น

     

                  ถ้าตอนนั้น เลือกปีนต้นไม้แทนทีจะวิ่งหนี้แบบนี้ อาจรอดก็ได้ ปีนต้นไม้ ใช่สิ เรามีทักษะในการโดดสูงอยู่นี่นา ถ้าไม่เอามาใช้เวลานี้จะใช้เวลาไหนอีก

     

                  เมื่อฉุกคิดถึงทางรอดได้แล้ว ความหวังก็เรื่องรอง แม้จะต้องระวังก้นอยู่บ้างที่กลัวจะถูกหมาป่าเหล่านี้เปิดซิง แต่เซียวเตี่ยนก็ กวาดตามองไปต้นไม้ใหญ่อย่างรวดเร็ว และแน่นอนว่าหาไม่ยาก เพราะตรงนนี้มันในป่า ดังนั้น เซียวเตี่ยนไม่สนใจในการวิ่งตามกลุ่มไปอีกแล้ว หากแต่วิ่งตรงเข้าหาต้นไม้ใหญ่ พร้อมตะโกนสุดเสียงว่า

     

                  ทะยานบันไดเมฆ

     

                  ผลัก

                 

                  เสียงจากการปะทะของร่างเซียวเตี่ยน เข้ากับลำต้นของต้นไม้เข้าอย่างเต็มรัก เนื่องจากทันทีที่ใช้ทักษะนี้ร่างก็ เซียวเตี่ยนก็พุ่งทะยานขึ้นเบื้องบนอย่างรวดเร็วจนเกือบถึงยอดไม้ แต่ทว่าความเร็วในพุ่งเข้ามาของเซียวเตี่ยน ก็มากโข ส่งผลทำให้ทั้งหน้าทั้งยอดอกของเซียวเตี่ยน พุ่งเข้าประทะลำต้น ของต้นไม้ อย่างเลี่ยงไม่ได้ และแน่นอนว่า ถึงปะทะเจ็บเพียงใด เซียวเตี่ยนก็ ใช้ พละกำลังทีมีทั้งหมดในการโอบกอดลำต้นไม้นี้ไว้อย่างสุดชีวิต

     

                  โฮ่ง โบร๋ว โฮ่ง

     

                  เสียงเห่าประท้วง ของเหล่าสัตว์หน้าขนที่อยู่ โคนลำต้นที่ยังไม่ยอมจากไปของฝูงหมาป่า ทำให้ เซียวเตี่ยน ถึงกับยิ่งรัดลำต้นแน่นยิ่งขึ้น และเพียงไม่นาน เงาสีดำที่พวกขาวิ่งหนีตอนนี้ก็ ได้ผ่านมาถึง!!!

     

                  จากลำต้นไม้ที่อยู่สูงจากพื้น แต่ก็ยังพอให้ เขาสามารถมองลงมาเบื้อล่างได้ว่าเงานั้นคืนอะไร ทีแท้ เงานั้น คือเงาของคน และท่าทางจะเป็นเงาของผู้เล่นเกมส์ เสียด้วย เพราะที่ตามหลังเขามานั้น มีฝูงหมาป่า ตามมาอีกนับ 20-30 ตัวทีเดียว

     

                  แต่เรื่องราวใลกก็ประจวบเหมาะเหลือเชื่อ ทันทีที่ เงานั้นมาจวนถึงโคนต้นไม้ ฝูงหมาป่าที่ล้อมรอบโคนต้นไม้นี้ก็ได้หันไปโจมตี เงาคนที่กำลังวิ่งมานั้นทันที

     

                  โว้ย หนีเสือปะจระเข้ ในเมื่อหนีไม่ได้ก็ขอสู้ตายล่ะ

     

                  เงาดำสายนั้น เมื่อเห็นโดนประกบโจมตีทั้งหน้าหลังแบบนี้ โอกาสหนีรอดคงเป็นศูนย์ จึงได้ตัดใจ ดึงเอากระบี่คู่ใจออกมาต่อสู้ทันที แต่โบราญว่าไว้ น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ อย่าว่าแต่ไอ้นี่คือหมาหมู่ต้นตำรับ ไม่ทันทีที่เงานั้น จะได้ออกทวงท่าอะไรออกมา ก็โดนฝูงมหาป่ารุมกัดตายเสียแล้ว

     

                  เซียวเตี่ยนที่ มองลงมาจากต้นไม้ ถึงกับสยองนี่อาจเป็นสภาพของเขา ถ้าเพียงเขาลืมไปว่า เขามีทักษะทะยานบันไดเมฆ และหวังว่าเมื่อหมาป่าฝูงนี้ได้เหยื่อไปแล้วก็คงยอมเลิกรากับเขานะ

     

                  แต่ความหวัง ของเซียวเตี่ยน ก็ไม่เป็นความจริง เพราะหลังจากหมาป่าได้รุมทิ้งจนเงานั้นสิ้นใจตายแล้ว ก็มีมหาป่าตัวหนึ่งเห่าขึ้นมาพร้อมหันหน้ามาหาเขา และเสียงนั้นก็ ชักนำให้ หมาป่าที่เหลือ หันหน้ามาทางเขาด้วยเช่นกัน คราวนี้มีหมาป่าราวๆ  30 ตัวล้อมรอบโคนไม้

     

                  แต่ไม่ว่าหมาป่าจะเพิ่มขึ้นหรือลดลง สำหรับเซียวเตี่ยนแล้ว ไม่แตกต่างหรอก จริงๆ แค่หมาป่า 1 ตัวก็ เพียงพอที่จะฆ่าเขาได้แล้ว ดังนั้นสถานการณ์แบบนี้ คงเรียกว่าคับขันขึ้นไม่ได้ เพราะเดิมทีก็ไม่มีทางรอดอยู่แล้ว ได้แต่ยื้อรอเวลาตายเท่านั้น

     

                  แต่ว่าความทรมานจากการตกหน้าผา ก็ยังหลอกหลอน เซียวเตี่ยนไม่คลาย แม้ว่าจะไม่มีทางรอด แต่จะให้ปล่อยมือฆ่าตัวตายก็ ทำใจไม่ลง ได้แต่ยื้อรออยู่บนนี้ไปเรื่อยๆ ดูว่า เขาจะหมดแรงก่อน หรือว่าหมาป่าฝูงนี้จะเบื่อไปซะก่อน

     

                  แต่ปาฏิหาริย์กลับมีจริง ฝูงหมาป่าทั้งฝูงนี้เดิมที่คึกคักในการเห่าไล่ เซียวเตี่ยนให้ลงมาจากต้นไม้ไม่หยุดหย่อน แต่จู่ๆ ก็ หยุดเห่า หยุดสนใจเขาเสียดื้อๆ นี่มันเกิดอะไรขึ้น เซียวเตี่ยน ระงับความสงสัยนี้ไว้ไม่ได้

     

                  แต่เขาก็ยังไม่กล้าลงจากต้นไม้ทันที หากแต่รอให้เหล่าหมาป่านั้น ค่อยๆ สลายตัวไป ทีล่ะตัว ทีล่ะตัว แต่สุดท้ายแล้วก็ยังมีหมาป่าอยู่ 3 ตัวที่ยังไม่ยอมจากไปไหน แน่นอนว่าสร้างความรำคาญให้ กับ เซียวเตี่ยนอย่างมาก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้

     

                  ในเวลานี้เขาได้แต่รอให้ หมาป่าเหล่านี้ เดินออกไปจากที่แห่งนี้เองเท่านั้น  แต่เวลาในการรอคอยนี่ช่างยาวนานเหลือเกินสำหรับเขา โดยเฉพาะยิ่งต้องโอบลำต้นไม้ไว้กันไม่ให้ตกลงไป ทั้งเหนื่อย ทั้งล้า สิ่งที่ประคับประคองเขาอยู่ตอนนี้ก็มีเพียงความกลัวตายเท่านั้น

     

                  แต่ไม่ว่ายังไง หมาป่า 3 ตัวนี้ก็ ไม่ยอมจากไปไหน แถมมีตัวหนึ่งนั้น ถึงกับนอนลงไปบนพื้น สร้างความร้อนใจให้ เซียวเตี่ยนเพิ่มไปอีกกระทง สงสัยว่าพวกนั้น 3 ตัวคืนนี้คงไม่ กะที่อื่นแน่ๆ แล้วเขาจะลงยังไง อุตสาห์มีปาฏิหาริย์ที่ทำให้ หมาป่าส่วนใหญ่จากไปทั้งที ทำไมยังต้องเหลือ 3 ตัวนี้ไว้ด้วย

     

                  แม้จะคิดแบบนั้น แต่เขาก็รู้ว่าปาฏิหาริย์ใดๆ ก็มักมีเหตุผลแอบซ่อนอยู่ในเมื่อ เขาไม่อาจรอให้เหล่าหมาป่าเหล่านั้นจากไปเองได้ สิ่งที่เหลือที่เขาทำได้คือ หาสาเหตุที่ทำไม จู่ๆ หมาป่าเลิกสนใจเขา แต่ไม่ว่านึกอย่างไร เขาก็นึกไม่ออก จนในที่สุดเขาก็ อดสบถออกไม่ได้ว่า

     

                  ชิ ดวงไม่จริงๆ

     

                  แม้เสียงของเซียวเตี่ยน จะเบามากเพราะเป็นการ พึมพำกับตัวเอง แต่เหล่าหมาป่าที่อยู่ข้างล่าง เหมือนได้ยินคำอุทานของเขาอย่างนั้น พวกมันถึงกับเริ่มล้อมโคนต้นไม้ แล้วเห่าไล่เขาอีกครั้ง คราวนนี้ทำให้ เซียวเตี่ยนเริ่มสะดุดใจบางอย่าง

     

                  เห แปลกจังเสียงเบาๆ ยิ่งกว่า ใบไม้ไหวหมาป่าพวกนี้กลับได้ยิน แต่พวกมันเลิกสนใจตัวเขาไปแล้วไม่ใช่หรือ ก็เมื่อกี้เห็นตำตาว่าอยู่อยู่ตรงนี้ ยังไม่สนใจเขาเลยนี่นา หรือว่า จริงๆแล้วพวกมันมองไม่เห็น!!!

     

                  เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เซียวเตี่ยน ก็เริ่มสะดุดใจ เขามีไอเท็ม ที่ช่วยพรางตัวได้นี่นา ผ้าคลุมคนราตรี ไง ขอเพียงเขาอยู่นิ่งๆ ไป 5 นาที ก็จะไม่มีใครมองเห็นเขา ครั้งแรกที่ พวกฝูงหมาป่าเลิกสนใจเขา ไม่ใช่ว่าเลิกสนใจหรอก แต่เป็นเพราะเขาหายไปจากสายตาพวกมันต่างหาก  ในเมื่อคลี่ลายปมปริศนาที่ซ่อนไว้ เซียวเตี่ยน ก็ เริ่มสบายใจขึ้นมาก ขอเพียง เขารอเวลาซักพัก ให้ร่างกายเขาหายไปจากสายตา พวกหมาป่าก่อน ทีนี้ เขาจะลงไปเมื่อไหร่ก็ง่ายแล้ว

     

                  และเพียงไม่นาน หมาป่าที่อยู่เบื้องล่างก็ แสงท่าทางเช่นเดียวกับครั้งแรกคือ เลิกสนใจตัวเขาขึ้นมากะทันหัน และนี่เป็นโอกาสของเขาล่ะที่ จะได้ลงจากต้นไม้นี้เสียที และเนื่องจากข้อห้ามที่ ของผ้าคลุมที่ห้ามโจมตีหรือส่งเสียงใดๆ ไม่เช่นนั้นสถานการณ์พรางตัวจะหายทำให้ ให้ เซียวเตี่ยนพยายาม บังคับตนเองอย่างเต็มที่ เพื่อไม่ให้หลุดส่งเสียงอะไรอดมาจากปากทั้งสิ้น

     

                  หลังจากลงสู่พื้นได้อย่างสวัสดิ์ภาพ เซียวเตี่ยน ก็เดินด้อมมองๆ หมาป่า 3 ตัวที่ยังไม่ยอมจากโคนต้นไม้นี้ไปไหน ความรู้สึกที่กลายเป็นมนุษย์ล่องหนนั้น แปลกใหม่และน่าสนใจ เสียแต่ว่า เขาไม่สามารถโจมตี หรือส่งเสียงเท่านั้น

     

                  แต่ปีนอยู่ต้นไม้นานๆ ยังไวก็เมื่อยล้าไปหมดในเมื่อ ตอนนี้ จัดว่า ปลอดภัยอย่างมากตราบที่ เขายังไม่ส่งเสียงหรือโจมตี ดังนั้นเซียวเตี่ยน ตอนนี้ จึงไม่ได้ รีบร้อนเดินจากไป หากแต่เดินไปยัง จุดที่เงาดำนั้นล้มลงไป ไม่ว่าจะคือใคร แต่ไม่ว่าใครก็ คงอดสนใจคนที่ เกือบพาตัวเองให้ตายตามไปไม่ได้เป็นแน่

     

                  แต่เมื่อได้มองไปที่จุดนั้น จริงๆ กลับไม่เหลือแม้แต่ซากศพอยู่ ดูท่าเกมส์นี้ ถ้าซากศพโดน มอนสเตอร์รุมทิ้ง คงได้ตายแบบไม่เหลือแม้แต่ซากแน่ๆ แต่ก่อนที่เซียวเตี่ยนจะเดินจากมา เขาก็สังเกตเห็นบนพื้นมีกระดาษอยู่หลายแผ่นตกอยู่ แน่นอนว่าไม่ใช่กระดาษเปล่า มันมีเขียนลวดลายไว้ไม่แตกต่างจาก ยันต์แบบชาวจีน แม้จะยังไม่รู้ส่ามีประโยชน์อะไร แต่เมื่อเห็นของก็ต้องเก็บ

     

                  หลังจากเก็บ กระดาษแปลกๆ ซึ่งเมื่อนับดู มี 4 แผ่น ไว้ในกระเป๋าข้างเอวแล้ว เซียวเตี่ยน ก็หยิบแผนที่เพื่อออกเดินทางกลับเมืองทันที เพราะเขาผลัดหลงกับกลุ่มเสียแล้ว และในแผนที่อเนกประสงค์ ก็ดันไม่แสดงตำแหน่งของคนในกลุ่มเขาเสียด้วย

     

                  เพียงไม่นาน เซียวเตี่ยนก็เดินออกมาถึงเขตชายป่าจนได้ แต่ยังไม่จะพ้นจากเขตชายป่าดี ขาก็เริ่มสังเกตเห็นนอกชายป่าเวลานี้มีแสงสีตระการตาไปซะหน่อย แถมมีเสียงประกอบ ที่ดูยังไงก็คงไม่ใช่จัดงานเทศการแน่ และน่าจะมีคนกำลังต่อสู้กันอยู่ และคงจะมีมากกว่า 1 คู่ สำหรับเซียวเตี่ยนเวลานี้ การที่มี การยกพวกตีกันยามวิกาล ไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับเขาก็ ตอนนี้เขาอยู่ในสภาพการพรางตัวอยู่นี่นา

     

                  แถมการยกพวกตีกันในเกมส์ น่าจะหาดูได้ไม่ง่าย แถมเป็นโอกาสที่เขาได้ศึกษาวิธีหรือ กลยุทธ์ ของผู้เล่นต่างๆ เพื่อเขาอาจได้นำมาใช้เข้าซักวัน แต่ที่เขาต้องระวังมีอย่างเดียวคือ ลูกหลง

     

                  ดังนั้น เซียวเตี่ยน จึงค่อยๆ เดินไปหาที่กำบังอย่างดี ข้างๆก้อนหินก้อนใหญ่ ที่คาดว่าน่าจะ ป้องกันตัวเขาได้ หากมีการยิงผิดทิศผิดทางมาหาเขา แล้วค่อยๆ ชะเง้อมองไปยังสนามรบแห่งนั้น อย่างสนใจ

     

                  เกมส์นี้ ระบบความจริงแล้วน่าจะออกแบบผสมผสานระหว่างตะวันตกและตะวันออก ดูจากการออกแบบทวีปต่างๆ ที่มีทั้ง ทวีปบรรยากาศ ยุโรป อย่างยูเรียหรือว่าทวีปที่มี วัฒนาทางตะวันออกแบบฮัน แต่ว่าฉากการตะลุมบอนที่เขาเห็นอยู่ตรงหน้า ไม่ว่ามองยังไง มันก็ถอดแบบจากหนังจีนชัดๆ แม้จะไม่มีคน กระโดดหรือ เหาะไปมาแบบหนังจีน แต่รับรองว่าแสงสี และการโจมตีเหมือน ถอดแบบมาจากหนังจีนกำลังภายในมากกว่า มาจาก พวกหนังแฟนตาซียุโรปแน่ๆ แต่มันก็ทำให้เซียวเตี่ยนอดภูมิใจลึกๆ ไม่ได้ว่า สงสัย ทักษะ ที่เขามีจะหาคนมีน้อย (ไม่แปลกที่จะมีน้อย เพราะท่าทะยานบันไดเมฆ จะได้มาเมื่อ ทักษะกระโดถึง 10 ถ้าไม่ใช่กระโดลงจากหน้าผาแบบที่เขาทำ ก็คงต้องโดดเป็นจิงโจ้ไม่ต่ำกว่าอาทิตย์กว่าจะได้ ทักษะนี้)

     

                  ดาบคือจ้าวแห่งศาตรา ข้าคือนายแห่งดาบ จงสำแดงอำนาจแห่งเจ้า ดาบพายุกระหน่ำ

     

                  แว่วเสียงที่ดูลิเกจัดๆ มาจากผู้เล่นที่ถือดาบคนหนึ่ง ในกลุ่มที่กำลังตะลุมบอนกัน แต่คำพูดนี้ไม่ใช่ คำพูดทำเท่ห์ ธรรมดาแบบในหนังยอดมนุษย์แน่ๆ เพราะเมื่อสิ้นเสียง ก็ ปรากฏพายุม้วนออกจากทางด้านหน้าของนักดาบคนนั้นแล้ว พุ่งตรงเข้าหาคู่กรณีทันที

     

                  เหอะ ไอ้ท่านั้น ใช้มาครั้งแล้ว คิดว่าใช้ได้ผลอีกทีหรือ

     

                  แม้ปากจะกล่าวอย่างหมดจดแต่การกระทำของชายที่ออกเสียงปรามาสนั้น กลับวิ่งหลบพายุนั้นจ้าละหวั่น แสดงว่าท่านนี้คงร้ายกาจไม่เบาทีเดียว ถึงเป็นที่เกรงกลัวกันขนาดนั้น แต่พวกเขาไม่ได้ หนีเปล่า กลุ่มที่หนีไปมีราวๆ 3-4 คน แต่ละคนหยิบเอากระดาษมาแผ่นหนึ่ง ซึ่งมองแล้วคุ้นๆ ทำให้เซียวเตี่ยน อดหยิบกระดาษที่เขาเก็บมาก่อนหน้านี้มาเทียบไม่ได้ แต่ด้วยระยะห่างที่ไกลมาก แถมเวลากลางคืนอีก ทำให้ยากที่จะเปรียบเทียบได้ว่าเหมือนกันหรือเปล่า

     

                  มัวแต่แหกปากใช้ท่าแบบนั้นไม่ทันที่ท่าออก เขาก็ หลบกันได้หมดแล้วต้องใช้ให้ได้ ฉับไวแบบนี้สิ

     

                  กลุ่มคนที่เป็นปฏิปักษ์ กลุ่มคนที่ถือดาบก็ได้ใช้กระดาษแปลกๆนั้นเสียบเข้าที่ปลายกระบี่ ก็เกิดแสงสว่างวาบที่ตัวกระดาษทันที หลังแสงสว่างจางลงกระดาษแผ่นนั้นก็หายไป หลงเหลือเพียงแสงสว่างที่ตกค้างไว้ที่ตัวกระบี่ ซึ่งมี สีแดงบ้าง ฟ้าบ้าง ขาวบ้าง ทำให้นึกถึงดาบของ อัศวินเจไดชะมัด แต่คุณประโยชน์ไม่ได้ มีแค่มีแสงแน่ๆ เพราะทันทีแสงสว่างห่อหุ้มกระบี่เสร็จเรียบร้อยแล้ว พวกเขาเหล่านั้นก็ สะบัดกระบี่ฟาดไปที่ กลุ่มของนักดาบนั้นอย่างรวดเร็ว

     

                  เปรี้ยง พรึบ ฉี่ ประกายสายฟ้า เปลวเพลิง และสุดท้ายน่าจะเป็นแสงเลเซอร์มั้ง ได้พุ่งหลุดจากตัวกระบี่เข้าไปจู่โจมเหล่านักดาบทันที

     

                  เฮอะ จะคุยก็ อย่าให้มากไปต้องถึงขนาด รวบรวมของมาสร้างไอเทม เพื่อยิงไอ้ของขี้ปะติ๋วนี่ ยังกล้ามาคุยโวอีก ฟูจิโมริ แสดงของจริงให้พวกนั้นดูหน่อย

     

                  มีคนกล่าวว่าสงครามคารมนั้นไร้เทียมทาน ไม่ได้เห็นสงครามวันนี้พูดไปก็คงหาคนเชื่อยากเพราะความจริงผ่านจอที่ เซียวเตี่ยนเห็นคือ พวกนักดาบเองก็ทุลักทุเลหลบทักษะของพวกฝ่ายนั้นอย่างเอาเป็นเอาตายแถมหลบไม่พ้นก็มี แต่ก็ยังไม่วายอวดโอ่อีก แต่ก็น่าสนใจว่า ฟุจิโมริ จะมีของดีอะไรให้ดู แต่เขาแทบไม่ต้องเสียเวลารอ เพราะจบคำของชายคนนั้น คนที่น่าเป็นฟูจิโมริ ก็ส่งเสียงมาทันทีว่า

     

                  ข้านับถือเพียงตัวข้า ข้าเชื่อถือเพียงตัวข้า ข้าจะใช้ฤทธาแห่งตัวข้า เพลิงพิโรธผลาญโลกา

     

                  หลังจบการร่ายมนต์มั้ง ร่างกายของฟูจิโมริก็ เกิดประกายไฟลุกท่วมไปหมดเหมือนกำลังเผาตัวเอง แต่มันไม่ใช่ท่าสิ้นคิดพรรณนั้นแน่ๆ เพราะหลังจากไฟลุกท่วมตัวทั้งหมดตัว ฟุจิโมริ เองก็เหมือน ติดเทอร์โบวิ่งไวชะมัดแถม พุ่งไปทั้งๆ ที่ติดไฟอยู่ ไม่ว่าไปปะทะกับใครคนนั้น ก็จะติดไฟลุกพรึบไปตามๆกัน แต่แน่นอนว่า คนอื่นนอกจากตัว ฟุจิโมริแล้ว ไม่มีใคร อยู่สบายๆ ซักคน เป็นทักษะที่น่ากลัวจริงๆ

     

                  แต่ยังดีที่ทักษะนี้คงมีระยะเวลาจำกัดในการใช้ หลังจากพุ่งไปชนได้ 2-3 คน ฟุจิโมริก็ รีบวิ่งกลับเข้ากลุ่มของตัวเองอย่างรวดเร็ว แต่แน่นอน ว่า พวกเขาไม่ได้มาปะลองทักษะ หากแต่มาฆ่ากันคราวนี้พวกที่ถือกระบี่ไม่รอให้ ทางนักดาบตั้งแถวเรียงใช้ทักษะแล้ว การตะลุมบอนหมู่จึงเกิดขึ้นอีกครั้งหลังจากขาดหายไปเพราะทักษะพายุของนักดาบลูกนั้น

     

                  แต่เมื่อปะทะกันนัวเนีย ฝ่ายที่เริ่มได้เปรียบก็คือฝ่ายที่ใช้ยันต์ เพราะนอกจากใช้กระบี่กับยันต์แล้ว บางครั้งพวกเขาก็ หยิบเอาอะไรบางอย่างขว้างเข้าใส่กลุ่มนักดาบ ทำให้เกิดเพลิงลุกมั่ง หรือเป็นควันหลากสีบ้าง พร้อมกับมีเสียง ใช้ ตะโกนก้องไปทั่วตลอด ไม่ทันทีเวลาออกท่าใหญ่กันทั้งสองฝ่าย

     

                  แต่การต่อสู้กลับยืดเยื้อจนเหลือเชื่อแสดงว่ามีของดีทั้งสองฝ่าย ตีกันมานานเป็นชม. จนเซียวเตี่ยนที่นั่งมองอยู่ เริ่มรู้สึกเซ็งการตีกันมันก็ดูมันอยู่หรอก แต่ถ้าแยกไม่ออกว่าใครข้างไหน ก็ ดูไม่สนุกแล้ว เพราะในกลุ่มที่ตีอยู่ นอกจากพวกที่ถือดาบกับกระบี่ที่ แน่ใจได้ว่าเป็นคนล่ะพวก แต่สำหรับคนอื่นๆ ที่ถืออาวุธต่างออก ไปก็ มองไม่ออกเสียแล้วว่าใครเป็นใคร

     

                  แถมอยู่นานไปถ้าเช้าเสียก่อนสภาพพรางตัวของเขาก็มีโอกาสที่จะหายไป ถ้าไม่รีบจากไปตอนนี้จะไปตอนไหน เซียวเตี่ยน จึงถือโอกาสที่ยังไม่มีใครสังเกตเห็น ก็ได้เดินหลบเข้าไปในป่า แต่ไม่ทันที่ไปพ้นบริเวณนั้นก็ได้ยินเสียงแว่วๆ ว่า

     

                  ....พายุกระหน่ำ

     

                  เซียวเตี่ยน เพิ่งเอะใจแล้วหันไปมอง อย่างที่คาดไว้ไม่มีผิด พายุที่พัดม้วนนั้น พุ่งเข้ามาหาทางเขาอย่างรวดเร็ว แถมเนื่องจากมาไกลก็ดูท่ามันน่าจะลดความแรงลงแต่ความใหญ่สิ กลับใหญ่โตซะจนเขาไม่มีทางหลบพ้นแน่ๆ เวลาแบบนี้เขาไม่มีเวลาคิดมากนอกจากเลือกใช้ทักษะหากิน

     

                  ทะยานบันไดเมฆ

     

                  ร่างของเซียวเตี่ยนพุ่งทะยานขึ้นสูงกว่าพายุได้ในทันทีแต่ก็ทำให้ คนทั้งสองกลุ่มนั้น หันมาสนใจทันที ขณะที่ร่างของ เซียวเตี่ยน ลอยละล่องอยู่กลางอากาศ พร้อมกับเสียงอุทาน

     

                  นั่นเซียวเตี่ยน หรือเปล่า

     

                  เสียงทักจากชายถือกระบี่คนหนึ่งในกลุ่มที่หยุดตีกันชั่วคราว เพื่อมองสถานการณ์ก่อน ซึ่งแน่นอนว่า เจ้าของเสียงเป็นคนรู้จักกับ เซียวเตี่ยน และคนรู้จักในเกมส์นี้ของเขามีไม่มาก ถ้าไม่นับกลุ่มไป่ฮวา ก็เหลือแค่ เฟยหวู่ และหวงต้าน และคนที่ทักเขาก็ คือ เฟยหวู่นั่นเอง และที่คาดไม่ถึงคือคนถือดาบที่ตีกับ เฟยหวูอยู่คราวนี้ เซียวเตี่ยนได้มองชัดตาแล้วก็คือหวงต้านนี่เอง

     

                  เฟยหวู่ นั่นพรรคพวกนายที่นาย ซุ่มไว้หรือไง หวงต้านกล่าว

     

                  เฮอะแค่พวกเรานายก็รับไม่ไหวแล้ว หวงต้าน นั่นเป็นน้องสาวที่เราเจอที่โรงเตี้ยมวันนี้ อย่าได้เฉไฉไป เฟยหวุ่ตอบโต้

     

                  เหอะ อย่างกับพวกนายฆ่าเราได้ซักคน แต่คนของนายสิ หายไป 2-3คนแล้วนี่ หวงต้านเกทับ

     

                  แค่หลงทางไป เพราะไอ้ทักษะพัดลม ของนายเท่านั้นหรอก เดี๋ยวก็ เดินกลับมา เฟยหวู่ไม่ยอมแพ้ทางคารม

     

                  แต่ส่วนเซียวเตี่ยน ที่ต้องมาเผยตัวเพราะเจอลูกหลงแบบนี้ จะอยู่ต่อก็ใช่ที่ จะจากไปก็หาจังหวะไม่ได้ ได้แต่ยืนเป็นหัวหลักหัวตออยู่ตรงนั้น แต่เพียงไม่นาน บทสนทนาก็วกกลับมาหาเขาอย่างไม่ทันตั้งตัว

     

                  แล้วคุณเซียวเตี่ยนมาที่นี่ได้อย่างไรครับ เฟยหวู่ถามเพราะเมื่อมีสงครามที่รุนแรงแบบนี้ ปกติ ผู้เล่นทั่วไปต้องเดินหลีกหนีไปก่อนแล้ว

     

                  เห็นมีเสียงเอะอะ เลยเข้ามาดูนะค่ะ ถ้ายังไงฉันไม่รบกวนนะคะบายคะ

     

                  ยังไงซะเมื่อเปิดโอกาสให้พูดงั้นก็ถือโอกาสขอลาซะเลยก่อนที่จะเป็นปัญหาใหญ่ต่อไป เมื่อกล่าวจบเซียวเตี่ยน ก็หันหลังกับแล้วเดินจากไปทันที ทิ้งให้คู่กรณีทั้งสองกัดกันต่อไป และคงไม่จบง่ายๆ แน่ๆ แต่เรื่องราวมันก็ไม่ง่ายแบบนั้น เพราะจู่ หวงต้านก็ โพล่งขึ้นมา

     

                  เฟยหวู่ เฟยหวู่ นายมีตาแต่ไร้แววชัดๆ ไม่ได้มองเลยว่าน้องเขาใช้อาวุธอะไร เห็นดาบใหญ่ๆ นั่นไหม สาวๆ ใครจะไปสนใจพวกเก็บกดเขียนยันต์ หรือพวกบ้าผสมหินมั่งน้ำมั่งกันล่ะ มันต้องนักดาบสิถึงจะเท่ห์

     

                  หุบปากไปเลยหวงต้าน ไอ้พวกนายนายก็ไม่พ้น ไอ้พวกบ้าพลัง วันๆ ได้แต่ท้าตีท้าต่อยชาวบ้าน เฟยหวู่ที่ไม่สบอารมณ์อย่างที่สุดตอบโต้

     

                  แต่ว่าหวงต้านเมื่อสบช่องที่ให้คู่แข่ง เสียเส้นได้ก็ไม่วายทิ้งท้ายไว้ว่า น้องเซียวเตี่ยน ถ้าอยากเป็นนักดาบ มาเข้าพรรคพี่ดีกว่า อย่าไปตามไอ้พรตปาหี่นี่เลย มาทางพวกพี่ดีกว่า

     

                  งานนี้เซียวเตี่ยนได้แต่บอกคำเดียวว่ากรรม เขาไม่ได้เกี่ยวด้วยเลย แต่ดูเหมือนว่าเขากลายเป็น ชนวน สงครามไปซะแล้ว เพราะจบคำพูดของหวงต้าน เฟยหวู่คราวนี้ไม่ได้ ตอบโต้ด้วยปากแต่ ตอบ หวงต้านด้วยกระบี่ไปเต็มๆ และเป็นธรรมชาติ ของการยกพวกตีกัน เมื่อมีคนเริ่มคู่อื่นๆ ก็ เริ่มต่อตามไป

     

                  แต่ปัญหามันมีอยู่ว่า ไม่รู้จงใจหรือบังเอิญ แต่คราวนี้การตะลุมบอนก็ได้เขยิบ เข้ามาใกล้เขาขึ้นเรื่อย แน่นอนว่าถ้าขืนยืนตรงนี้ต่อไปไม่ดีแน่ๆ แถมทักษะกว่าเขาจะใช้ได้อีกครั้งคงอีกซักพัก งานนี้ไม่เผ่นก่อน ได้เกิดเรื่องแน่ๆ เมื่อคิดได้ดังนี้เซียวเตี่ยน ก็หันหลังกลับเตรียมวิ่งหนีไป

     

                  แต่ ธรรมชาติ ของคนนี่ก็แปลกพอเลือดเข้าตาแล้ว ถ้าเห็นใครหนีไปเฉยๆ ก็ มักมีความคิดว่าต้องไปตามล่า และนั่นคือสิ่งที่เซียวเตี่ยนกำลังเผชิญ เพราะเมื่อเขาหันหลังกลับก็ เผยให้เห็นฝักดาบขนาดใหญ่ทันที และแน่นอนว่ากลุ่มนักพรตที่กำลังลุยกับนักดาบอยู่นั้น จู่ๆ เห็นนักดาบที่สะพายดาบเล่มเบ้อเร่ออยู่บนหลังแลกำลังหนี ในเวลาที่เลือดเข้าตาเช่นนี้ มันกระตุ้นสัญชาติญาณการล่าดีนัก

     

                  เปรี้ยง เสียงของลำแสงที่ฟาดออกจากนักพรต คนหนึ่งไปทางเซียวเตี่ยน และด้วยเสียงที่ดังเข้ามาทำให้ เขาหันไปทันมองภาพลำแสงนั้น เข้ามากระทบยอดอกเขาเต็มรัก

     

                  ปร้าง เสียงสะท้อนก้องของสำแสงที่ปะทะ เข้ากับตัวเซียวเตี่ยนทำให้ เขารู้สึกเหมือน โดนฟ้าผ่า เข้าไปจังๆ ทำให้เขาถึงกับกระเด็นไป 5-6 เมตรปะทะกับต้นไม้จนเจ็บชาไปทั้งตัว แต่ยังดีที่ยังไม่ตาย

     

                  ยังไม่ทันที่เขาจะมีความคิดอะไรต่อไปก็มี เปลวไฟ พุ่งมาทางเขาทันที แต่ครั้งนี้เขาเห็นชัดเต็มตา แต่จะให้พุ่งหลบก็ไม่มีทางหลบพ้นแน่ๆ ได้แต่เสี่ยงดวงกับทักษะหากินอีกครั้ง

     

                  ทะยานบันไดเมฆ

     

                  นับเป็นโชคดีของเขาที่เวลาคงล่วงเลยมากว่า 5 นาทีแล้วทำให้ร่างกาย ของเซียวเตี่ยนพุ่งทะยานขึ้นแต่เบื้องบนทันที แต่นับว่าโชคเขายังไม่หมดไปนักพรตนายนั้นไม่ทันที่จะโจมตีเขาครั้งต่อไปก็ พบกับคู่มือเสียก่อนทำให้ เมื่อเขาลงสู่พื้นครั้งนี้ ไม่เจอการโจมตีต่อเนื่องจากใครอีก แต่งานนี้ทำให้เขาไม่พอใจอย่างมาก จึงเดินไปพร้อมตะโกนเสียงดังว่า

     

                  จะตีกัน ทำไมต้องโจมตีคงไม่เกี่ยวข้องด้วย ทั้งสองกลุ่ม ไม่พอใจทำไมไม่ไปหาที่ตีกันไกลๆ

     

                  เสียงที่ส่งออกมาจากสาวๆ เช่นนี้จะไม่ให้หนุ่มๆ หันมามองได้อย่างไร อย่าว่าแต่ตอนสร้างเขาบรรจงเลือกเสียงที่คิดว่าเพราะที่สุด แม้เป็นการตวาดด่า แต่ก็ไพเราะเอาการ โดยเะฉพาะกับเฟยหวู่

     

                  มีใครทำอะไร คุณเซียวเตี่ยนหรือครับ เดี๋ยวผมจัดการให้ เฟยหวู่ กล่าวพร้อมองอย่างอาฆาตไปทาง พวกหวงต้าน

     

                  ก็ พวกพี่เฟยหวู่นั่นล่ะ เมื่อกี้เกือบจะฆ่าฉันได้อยู่มะรอมมะร่อ เซียวเตี่ยนกล่าวไปอย่างไม่ไว้หน้า แต่จริงอารมณ์เขาเย็นขึ้นแล้วหลังจากระบายไปมั่ง

                 

                  ฮ่า ฮ่า จุดใต้ตำตอแล้วไหมล่ะ เฟยหวู่ มีแต่พวกนายที่ล่ะที่หน้ามืดตามัวโจมตีคนผิด พวกฉันไม่มีทางมั่วนิ่มแบบนายหรอก หวงต้านที่พอได้จังหวะก็กัด เฟยหวู่ไม่ปล่อย

     

                  หวงต้านดูท่านายจะยังเจ็บไม่พอนะ มาต่อกันดีไหม เฟยหวู่ที่พูดไม่พูดเปล่าหากแต่ หยิบยันต์มาถือไว้เตรียมใช้ ซึ่งเมื่อ เซียวเตี่ยนเห็นก็ รีบกล่าวว่า

     

                  พอซะทีได้ไหม พวกคุณทั้งสองอย่างน้อย ขอให้ฉันจากไปก่อนค่อยตีกันต่อแล้วกันเซียวเตียนกล่าว

     

                  เหอะๆ ไปบอก เฟยหวู่สิคุณผู้หญิงคนท้าตีก่อน พวกพวกมันนั่นล่ะ หวงต้านที่ ปากกัดไม่ปล่อยก็ ไม่วายแว้งไปกัดเฟยหวู่อีกรอบ

                 

                  ใครกันแน่ที่ท้าทายพวกเราตลอด อย่างเก่งแต่ปากสิหวงต้าน เฟยหวู่ที่ยังครุกรุนไปด้วยไอโทสะ ก็ไม่ยอมลดราวาศอกง่ายๆ เมื่อจบคำตอบโต้ ก็เริ่มโจมตีเข้าใส่กันอันเป็นการเปิดฉากยกต่อไปทันที ทิ้งให้เซียวเตี่ยนยืนเซ่ออยู่คนเดียว

                 

                  ในเมื่อเรื่องดำเนินมาถึงขั้นนี้แล้ว คงไม่มีใครห้ามได้ นอกจากว่าตายกันไปข้าง ในเมื่อเขาถอนตัวจากศึกนี้ยากนักเซียวเตี่ยนตัดสินใจทันทีว่าจะไม่ถอนตัวแล้ว แต่ไม่ใช่ว่าเขาจะเข้าไปร่วมการตะลุมบอนหรอกนะ หากแต่เขาตั้งใจอย่างแรงกล้าแล้วว่า เมื่ออยากฆ่ากันนัก ก็ให้ฆ่ากันไป แต่ถ้าของตกเมื่อไหร่ เขาจะเก็บกวาดเอง!!!!

     

                 

                 

     

     

                 

                 

     

    จบบทที่ 3

     

    ::<><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><>::

     

     

    สรุปข้อมูลของ เซียวเตี่ยน

     

    อาชีพ ชาวบ้าน ระดับ 3

     

    ประสบการณ์สะสม 327 หน่วย

     

    ทักษะพื้นฐาน

     

    ทักษะกระโดด                                    ระดับ      12

    ทักษะอดทน                                       ระดับ      11

    ทักษะสำรวจ                                      ระดับ      6

    ทักษะกระโจน                                    ระดับ      1

    ทักษะฟื้นตัว                                     ระดับ    5

    ทักษะอาวุธหนัก                                 ระดับ      3

    ทักษะดาบ                                         ระดับ      3

     

    ทักษะย่อยติดตัว

     

    กายแกร่ง                                           ระดับ 1 เพิ่ม พลังโจมตี 5% และพลังป้องกัน 5% และ

     

    ทักษะย่อยเรียกใช้

     

    ทะยานบันไดเมฆ                                ระดับ 1 ทุก 5 นาทีใช้ได้ 1 ครั้ง เมื่อใช้แล้วจะพุ่งขึ้นข้างบนเป็นระยะ 3-5 เมตร

     

    ทักษะพิเศษ ไม่มี

     

    ทักษะพิเศษของอาชีพ ยังไม่ได้รับอาชีพไม่อาจใช้ได้

     

    สิ่งของที่มีติดตัว

    เงิน                                                                                                           100       กิล

     

    กระเป่าคาดเอวสามารถใส่ ไอเท็ม ได้ 20 ชิ้น                                 1          ใบ

    เสื้อผ้าต่วน พลังป้องกัน 20 ความทนทาน 5000                               1            ชุด

    ไข่ภูตสื่อสาร                                                                                               1            ใบ

    ปลอกข้อมือ                                                                                               1            อัน

    ผ้าคลุมคนราตรี พลังป้องกัน 5 ความทนทาน 5000                          1            ผืน  ถ้าใส่ผ้าคลุมนี้ ยามค่ำคืนแล้วหยุดนิ่งไม่เคลื่อนไหวจากจุดที่อยู่เป็นเวลา 5 นาที จะสามารถล่องหน จากสายตาผู้เล่น และมอนสเตอร์ ทั้งหลายได้ จนกระทั่งส่งเสียงหรือ โจมตีออกไป    

     

    ดาบรวมภูติ พลังโจมตี 30                                                              1            เล่ม         มีช่องใส่ลูกแก้วผนึกภูติ ได้ 5 ลูก พลังโจมตีทั้งหมดของภูติ จะถูกเพิ่มให้กับพลังโจมตีของดาบทั้งหมด ผู้ถือดาบจะได้ ทักษะติดตัวทั้งหมดของภูติ ระหว่างใช้ดาบนี้ ทักษะเรียกใช้ของภูติ จะมีโอกาสออกมา 5% ต่อการโจมตีและ ทักษะที่ออกมาจะเป็นการสุ่มจากทักษะที่ภูติทั้งหมดมี

    หยกประดับ?                                                                                              1            ชิ้น         

    กระดาษยันต์?                                                                                            4            แผ่น

    แผนที่อเนกประสงค์ ซึ่งได้ใส่แผนที่ภายในเมืองซินเหริน

     

    ? คือ ของที่ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าคืออะไร

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×