คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 2 ข้าชื่อเซียวเตี่ยนค่ะ(ภาคต้น)
บทที่ 2 ข้าชื่อเซียวเตี่ยนค่ะ(ภาคต้น)
เมื่อเดินออกจาก จุดติดต่อมา เซี่ยวเตียน ก็ได้ มุ่งหน้าไป โรงแรมประจำเมืองนี้ ซึ่งที่นี้เรียกว่า โรงเตี้ยมซินเหมิน เมื่อมองจากแผนที่ โรงเตี๊ยมแห่งนี้ อยู่ใกล้ๆ กันประตูเมืองทางทิศตะวันตก อยู่ห่างจากจุดที่เขาอยู่ไกลทีเดียว เพราะตำแหน่งที่เป็นจุดติดต่อ นั้นอยู่ที่ ใกล้กับประตูเมืองทางทิศเหนือ
แต่ด้วยหน้าตาที่บรรจงสร้างมาอย่างดี การเป็นจุดเด่นของเซียวเตี่ยน เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่า เขาจะเดินที่ไหน ก็ตกเป็นเป้าสายตาของฝูงชนตลอด ระยะทางที่เขาเดินทางมาถึงโรงเตี้ยมซินเหมิน ทำให้ เซียวเตี่ยน ถึงกับครึ้มอกครึ้มใจ เพราะนี่เป็นประสบการณ์ที่หาได้ยาก จะมีผู้ชายซักกี่คนที่จะได้ลิ้มลองประสบการณ์แบบนี้
ในที่สุดเขาก็เดินมาถึงหน้าโรงเตี้ยมซินเหมิน โรงเตี้ยมแห่งนี้เป็นตึก 2 ชั้นทรงจีนโบราญแบบที่ หนังจีนชอบใช้ ทั้งตัวตึกเหมือน สร้างด้วย ไม้แดงขัดมัน มองไปก็ หรูหราแบบโบราญๆ ดี ข้างล่างเป็น ที่นั่งรับประทานอาหาร ดูเหมือน จะมีพวกติ๋มซำ ขายเสียด้วย มีโต๊ะคิดบัญชีที่มี เถ้าแก่ เป็นตาแก่พุงพลุ้ย คนหนึ่งยืนอยู่ประจำอยู่
"สวัสดีๆ คุณหนูคนนี้ มีอะไรให้เรารับใช้ครับ" เถ้าแก่โรงเตี้ยมเป็นฝ่าย ทักเซียวเตี่ยน ก่อนอย่างอารมณ์ดี
"สวัสดีค่ะ มีงานดีๆ อะไรให้ทำไหมค่ะ อยากหาเงินคะ" เซียวเตี่ยนพูดไปก็ ท่องในใจไปว่า เนียนๆ
"คุณหนูต้องการงานหรือ ...." เถ้าแก่ร้าน ยังไม่ทัน จะพูดจบก็มี เสียงแทรกมาจาก หน้าหลังของ เซี่ยวเตี่ยนมาว่า
"สวัสดี เธออยากหาเงินหรือมาเข้าร่วม กับกลุ่มของเราไหมกลุ่มเราเป็นกลุ่มที่มีชื่อเสียงทีเดียวนะ เรื่องหาเงิน ถ้าเข้ากลุ่มเราแล้วรับรองมีหนทางหาเงินให้เยอะเลย" เสียงขัดจังหวะจากชายหนุ่มหน้าตาดี ที่กำลังเดินเข้ามาหา เซียวเตี่ยน
"ถ้าเธอ ไม่คิดเข้ากลุ่ม จะอยู่ทวีปนี้ลำบากนะ มาอยู่กลุ่มพวกเราดีกว่า กลุ่มเราชื่อ บัญชาสวรรค์ กลุ่มเราใหญ่ และเก่งเป็นไม่ที่ 1 ก็ ที่ 2 ของทวีปนี้เลยนะ"
คำอวดอ้างสรรพคุณของกลุ่มที่ แม้จะดูดีแต่ ออกจะทำให้ เซียวเตี่ยน อดรู้สึกทะแม่งๆ ไม่ได้ กลุ่มหรือทีมใหญ่จริงๆ ปกติ จะรอให้ผู้เล่น เข้าไปสมัครมากกว่าโอกาสที่ จะมีการทาบทามสมาชิกใหม่ แม้จะมีก็ มีตอนเริ่มแรกตั้งกลุ่มเท่านั้น พอกลุ่มมั่นคงแล้ว โอกาสจะเพิ่มสมาชิกใหม่ก็จะมีการคัดกรองมากขึ้น ไม่มีการรับมั่วไปทั่วแบบนี้
"แล้วทีมใหญ่ๆ แบบนี้ทำไมสนใจมือใหม่แบบ ฉันล่ะคะ"
จากคำถามตรงๆ ของเซียวเตี่ยน ทำให้ ชายคนนั้น ถึงกับอึกอัก แสดงว่าแทงใจดำแหงๆ แต่ก็ได้กล่าวออกมาว่า
"อือ เรายังไม่รู้จักกันเลย ผมชื่อ เฟยหวู่ เธอชื่ออะไรหรือ"
"ฉัน ชื่อเซียวเตี่ยนค่ะ"
"เซี่ยวเตี่ยน เชื่อผมเถอะการอยู่กลุ่มเราเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ตอนนี้ ที่เราพยายามรับคนก็เพราะ เรากำลังต้องการเลื่อนจากกลุ่มเป็นกองทัพ เพื่อจะได้คุมประเทศได้อย่าง เบ็ดเสร็จเด็ดขาด ตอนนี้กลุ่มเราครอง ประเทศต่าว อยู่แต่ต่อไปกลุ่มเราจะครองทั้งทวีป มาเข้าร่วมทีมกับพวกเราเถอะ"
เฟยหวู่ พูดถึงกลุ่มเขาด้วยความภาคภูมิ แต่ก็สร้างความกังขาแก่ เซียวเตียนว่า ทีมใหญ่คนเยอะ แถมอวดว่าเก่งขนาดครองประเทศได้ทำไม ยังรวมคนไม่พอที่มาตั้งกองทัพอีก แถมเล่นมาหาสมาชิกมั่วไปหมดแบบนี้
"แล้วจะ หาคนสร้างกองทัพไปทำไมคะ ในเมื่อครองประเทศได้แล้ว ก็คงได้เงินภาษีต่างๆ จากประเทศนั้นแล้ว เอากองทัพไปอีกทำไมหรือ"
ขณะที่เซียวเตี่ยน ถามต่อไปนั้น จู่ๆ ก็มีชายศีรษะล้านคนหนึ่ง เดินเข้ามาพร้อมกล่างแทรกกลางขึ้นมาว่า
"เฮอะ พวกบัญชาสวรรค์ มันก็พวกหมาหวงก้างนั่นล่ะ ครองประเทศไม่ได้ เงินภาษีหรอก แต่มันปิดทางเข้าออกประเทศไม่ให้ผู้เล่นทั่วไปเข้าเมือง มันได้ต่างหาก มันคิดจะเก็บอาชีพ นักพรต กับ นักเล่นแร่แปรธาตุ ไม่ให้กลุ่มอื่นๆ เข้าได้ต่างหากจริงไหม เฟยหวู่"
"หวงต้าน แล้วกลุ่มดาบโลหิต ของนายดีกว่ากลุ่มพวกเราตรงไหน กลุ่มพวกนายเองก็ไปปิดทางไปเอาสิ่งของเพื่อจบภารกิจ ของอาชีพ นักดาบ และผู้ฝึกวิชามาร เหมือนกันล่ะน่า นายว่าพวกเราเลวพวกนายก็ชั่วเหมือนกัน"
"เหอะ ปิดทางเพื่อกลุ่มมันสร้างความเดือนร้อนให้คนเล่นคนอื่นๆ น้อยกว่าที่พวกนายทำเยอะ เล่นปิดทางเข้าออกประเทศ ใจแคบก็ให้มันมีขอบเขตกันหน่อย อย่าเอาเรื่องเล็กๆ อย่างปิดทางสาย สองสายมาเทียบกับที่พวกนายทำ เล่นปิดทั้งประเทศ เพราะงั้น เซียวเตี่ยน มาเข้าทีมเราดีกว่าไปเข้าทีมพวกกร่างแบบนั้น"
เซี่ยวเตี่ยนเมื่อได้ฟังการตอบโต้ของทั้ง 2 คน ก็เริ่มได้รับข้อมูลบางอย่างที่น่าสนใจ แต่ตอนนี้ เขาขี้เกียจไป วุ่นวายกับฐานอำนาจที่ไม่ว่าเกมส์ๆ ก็มักมีผู้เล่นประเภทนี้ ที่ชอบสร้างอธิพลโดยการเบียดเบียนคนอื่นๆ ถึงแม้การกระทำแบบนี้ใช่ว่าเขาจะไม่เคยทำ แต่มาเจอกับตัวเองยังไง ก็ให้ความรู้สึกที่ไม่ดีแน่ๆ จึงตัดสินใจ
"หยุดก่อนๆ พี่ท่าน ทั้ง 2 ผมเพิ่งเข้ามาเล่นเกมส์นี้ได้ไม่นาน ยังไม่รู้เรื่องอะไรในนี้เท่าไหร่ขอเวลา ฉันเรียนรู้ก่อนได้ไหม แล้วค่อยตัดใจว่า จะเอายังไง"
ยังไงก็ อดหลุดไม่ได้ แต่ยังดีที่เกมส์นี้ ตั้งแต่ลงทะเบียนจะเลือกเพศไม่ได้ ทำให้ ทั้งสองคนที่ฟัง ยังไม่เอะใจ แต่ยังไงเขาก็เตรียมชิ่งทันที ถ้ายังไม่หยุดทะเลาะ เขาเองก็รำคาญมากแล้ว ไม่ยากเสียเวลาไปกับ เรื่องไร้สาระ ของกลุ่มอำนาจพวกนี้อีก
"เดี๋ยวๆ คุณเซียวเตี่ยน คุณกำลังมาหาเงินใช่ไหม ลองไปทำงานกับ พวกผมไหม ยังไง เครดิต ผมเยอะกว่าคุณได้งานเงินดีกว่าแน่ๆ ถ้างานสำเร็จผม จะยกเงินให้ ทั้งหมดเลย ระหว่างนั้น เราจะได้ คุยกันเรื่องกลุ่มต่อไง แถมคุณยังได้รู้เรื่องในเกมส์นี้มาขึ้นด้วย งานนี้ เรียกได้ว่า ยิงนัดเดียวได้นกถึง 2 ตัวเลยนะ" เฟยหวู่ ที่ยังไม่ตัดใจพูดชักชวน
"เฮอะ ล่อลวงด้วย ผลประโยชน์ อีกแล้ว คุณเซียวเตียน เงื่อนไขแบบนั้นผมก็ ให้ได้ มากับผมดีกว่า สู้กันตัวต่อตัว เฟยหวู่ นั่นสู้ผมไม่ได้หรอก พวก นักพรต กับนักล่นแร่ประธาตุ มันก็ เก่งเฉพาะ หมาหมู่เท่านั้นแหละ" หวงต้าน ที่ดูท่าจะไม่ชอบหน้า เฟยหวู่อย่างมากกล่าว
สงสัยงานนี้จะปัดขี้ไปพ้นตัวลำบาก เซียวเตี่ยน ตัดสินใจเด็ดขาดแล้วว่าไม่ไปกับ ทั้ง 2 คนแน่ๆ เพราะมาอีหรอบนี้ ถ้าไปด้วยแล้วไม่ตอบรับเข้ากลุ่มเป็นไปไม่ได้แน่นอน
"หยุดกันเสียที ฉันไม่ขอไปกับใครทั้งนั้น ขอฉันเล่นเกมส์ สบายๆ หน่อย ถ้าหาสมาชิกใหม่ เชิญ ทั้งสองคนไปหาเอาที่อื่น ขอตัว"
ในเมื่อไม่มีวิธีรักษาน้ำใจ ที่ดีพร้อมแถม ต้องเสียเวลายาวนานในการอธิบายก็ไม่ใช่วิสัยของเขา จึงได้ตัดบทเอาดื้อๆ แบบนี้ พร้อมกับ เดินออกจากโรงเตี้ยม เพราะขืนอยู่ต่อคงวุ่นวายไม่จบไม่สิ้น แต่เขาจะไปไหนดีล่ะ หนทางหาเงินก็โดนตัดไปแล้ว
แต่ยังไงก็ยังดีกว่าไปพัวพันกับการแย่งอำนาจตั้งแต่ต้นเกมส์แบบนี้ เขาต้องการเวลา และข้อมูลมากว่านี้ก่อนตัดสินใจว่าจะร่วมทีมกับใคร หรือว่าอาจตั้งทีมเองก็ไม่เลว แต่ก่อนอื่นเขาต้องสร้างต้นทุนก่อน ในเมื่อไปโรงเตี้ยม ไม่ได้ซักพัก เขาน่าจะสำรวจความสามารถ ของตัวเขาในเวลานี้ก่อน จากข้อมูลเบื้องต้นที่ได้จากจุดติดต่อ แผนที่อเนกประสงค์ ดูเหมือนจะแสดงข้อมูลทั้งหมดของเขาได้
หลังจากอ่านข้อมูลทั้งหมด ที่ถูกบันทึกใน แผนที่อเนกประสงค์ สิ่งที่เขาสนใจคือ ทักษะที่เขาได้มา ทั้งๆ ที่เขายังไม่ทันได้ไปเก็บประสบการณ์ กับมอนสเตอร์ แต่ว่าตอนนี้เขากลับมีทักษะพื้นฐานแล้วถึง 2 อย่าง แถมยังมีทักษะติดตัว และทักษะเรียกใช้อีกอย่างล่ะทักษะ สำหรับ ทักษะพื้นฐาน และติดตัวเขาคงไว้สนใจที่หลัง เพราะทักษะประเภทนี้ เขาทำอะไรกับมันไม่ได้ แต่ทักษะเรียกใช้ นี่สิที่เขาต้องสนใจ เพราะต่อไปทักษะพวกนี้ล่ะที่จะเป็นตัวช่วยอย่างมากในการ เก็บประสบการณ์ หรือเอาตัวรอด
ทักษะเรียกใช้ทักษะเดียวที่เขามีตอนนี้คือ ทะยานบันไดเมฆ จากข้อมูลที่เขาอ่าน ทักษะนี้จะช่วยให้เขาสามารถ พุ่งตัวขึ้นสูง 3-
ในเมื่อไม่รู้เขาควรหาคนถาม เซียวเตี่ยน จึงมองหาคนบนท้องถนน และเป้าหมายของเขาคือ คนกลุ่มหนึ่งที่กำลังเดินมา คนกลุ่มนี้มี 3 คน เหตุที่เขาเลือก คนกลุ่มนี้ ก็เพราะคนกลุ่มนี้ประกอบด้วย ชายสองคน และหญิงหนึ่งคน แถมเครื่องแต่งกาย อาวุธ ก็ไม่เหมือนชาวบ้านแสดงว่า กลุ่มนี้คงจะเก่งพอควร แต่แน่นอนว่าจุดสนใจเขาไม่ได้อยู่ที่ความเก่งของทีมเท่านั้น หากแต่ในกลุ่มที่มีชาย 2 คนมีหญิง 1 คนแถมหญิงที่มาด้วย จัดว่าสวยมากทีเดียว แม้จะไม่สวยเท่าร่างเขาตอนนี้ แต่ก็นับว่าหาคนที่สวยเทียบได้ยาก แสดงว่าชายสองคนของทีมนี้นั้น มีโอกาสสูงมากที่จะเป็นพวกขี้หลี ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง อาจเป็น โอกาสตักตวงของเขาล่ะ
"สวัสดีค่ะ ฉันมีอะไรอยากถาม พวกพี่ๆ หน่อย" เซียวเตี่ยน เริ่มใช้มารยาหญิง แม้จะเป็นชาย แต่ด้วยร่างกายที่เหมาะแก่การใช้ มารยา ก็ ทำให้ เอาสองหนุ่มที่อยู่ในกลุ่มนี้ มองตาค้างได้เหมือนกัน
"เออ อา สวัสดีครับ มีอะไรอยากถามหรือครับ พวกเรายินดีช่วยเหลือเสมอ" ดูท่ามารยาชาย ของเซียวเตี่ยน จะได้ผล ชายหนุ่มที่ถือกระบี่ ถึงกับเริ่มสับสนจนพูดผิดพูดถูกไปซะแล้ว ดูท่าเขาคงมีโอกาสหากำไรกับกลุ่มนี้ได้ไม่ยาก
"พวกทักษะย่อยเรียกใช้นี่ เวลาจะใช้ ต้องทำยังไงคะ" เซียวเตี่ยน ที่พยายามทำเสียงอ่อนเสียงหวานพูด
"อ๋อ ทักษะย่อยเรียกใช้ การใช้งานก็ง่ายๆ ครับ แค่ ตะโกนชื่อทักษะให้ดังๆ ก็ สามารถใช้งานได้แล้วครับ แต่ต้องมี อุปกรณ์ที่ใช้กับทักษะนั้นถือไว้ก่อนด้วยนะครับ ถ้าเป็นพวกทักษะอาวุธ" ชายหนุ่มที่ใช้ง้าวเป็นอาวุธ แย่งตอบ
"แล้วน้องสาวมีปัญหาอะไรอีกไหมครับ" เมื่อ โดยแย่งจังหวะการตอบไป ชายที่ใช้กระบี่เป็นอาวุธก็ รีบเสนอหน้ามา เพื่อเริ่มบทพูดคุยกันต่อ เป็นเรื่องปกติของชายหนุ่มที่ยังไม่เบี่ยงเบน ในเมื่อมี สาวสวยเสนอตัวเข้ามา พูดคุย จะไม่หาโอกาส เพิ่มความสนิทสนม ก็แปลกไปแล้ว
"ไม่มี แล้วล่ะคะ ฉันชื่อ เซียวเตี่ยน พวกพี่ๆ ชื่ออะไรกันบ้างคะ" เซี่ยวเตี่ยน ยังไม่ทิ้งมารยาหญิง เพราะการเข้าหากลุ่มในรูปแบบหญิงสาว อาจได้อะไรมากกว่าที่คิด จากประสบการณ์ต่างๆ การเป็นผู้หญิง แทบจะไม่มีโอกาสเสียเปรียบเลย
"ผม ชื่อ เฟรโด" ชื่อของชายคนที่กระบี่ ที่มาทวีปที่มีวัฒนธรรมทางตะวันออกทั้งที แต่ไม่เลือกชื่อที่สมบรรยากาศเอาเสียเลย
"ผมชื่อ เบ็งเค" ชื่อของชายคนที่ถือง้าวที่ออกญี่ปุ่นจ๋า แม้เขาจะไม่ได้ต่อต้านอะไรกับ วัฒนธรรมญี่ปุ่นหรอกนะ แต่ชื่อนี้มันอดทำให้นึกภาพตาลุงอ้วนสวมชุดนักบวชที่แบกอาวุธแบบบ้าหอบฟางไม่ได้
แต่หญิงสาวที่มาด้วยกันกลับนิ่งเงียบ ซึ่งเป็นลางไม่ดีแน่ๆ ถ้าเขาคิดจะเข้าร่วมกับคนกลุ่มนี้ ดังนั้น เซี่ยวเตียนจึงได้ เป็นฝ่ายเอ่ยถามไปเองว่า
"แล้วพี่สาวชื่ออะไรเหรอ" ด้วยการทำหน้าที่ยิ้มแย้มเป็นมิตร หวังว่ามารยานี้ จะใช้ได้ทั้งชายหญิงนะ
"ฉันชื่อ ไป่ฮว่า" เจ้าหล่อน ตอบมาอย่างไม่สนใจ ดูท่าทางคงเป็นคนหยิ่งไม่ใช่เล่น แต่ด้วยหน้าตาแบบเธอ จะหยิ่งก็คงไม่แปลกกระไร
"พี่ไป่ฮว่า ยินดีที่ได้รู้จัก" เซียวเตี่ยน กล่าวพลางยื่นมือไปให้ ไป่ฮวา เขาจงใจที่ให้ความสำคัญกับ ไป่ฮว่ามากกว่า สองหนุ่มเนื่องจากเขายังไม่แน่ใจว่า ในสองหนุ่มนี้ใครเป็น คู่ใจของสาวน้อยคนนี้ และแน่นอนว่าชายทั้งแท่งอย่างเขาคงไม่ไปชิงรักหักสวาทกับผู้ชายแน่ๆ ดังนั้น เพื่อความแน่ใจ เขาจึงเลือกที่จะประจบสาวน้อยคนนี้ก่อน
และแน่นอนว่าเมื่อเซี่ยวเตี่ยน แสดงมารยาทอันดีไป ไป่ฮว่าเองก็ไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธ จึงได้ยื่นมือไปจับกับมือของเซียวเตี่ยน ด้วยการขอจับมือ กึ่งบังคับ ของเซียวเตี่ยนครั้งนี้ แม้จะสำเร็จแต่ดูท่าจะไม่สามารถทะลายกำแพงหัวใจของ ไป่ฮวา ได้เท่าที่เขาหวัง เพราะไม่สามารถเพิ่มความเป็นมิตรในสายตาของเธอได้เลย สงสัยการวางเบ็ดครั้งนี้ จะไม่สำเร็จแหงๆ ดังนั้นเมื่อปล่อยมือที่จับไว้ เซียวเตี่ยนก็ได้กล่าว
"ขอบคุณพี่ๆ ทั้งสามมากนะคะ ฉันไปก่อนล่ะ บายคะ"
นี่เป็นไพ่ใบสุดท้าย ของเขาแล้วจากหนังสือจิตวิทยา ถ้าคนเริ่มเริ่มความสัมพันธ์ การอำลาหรือลาจากอย่างกะทันหัน อาจสามารถเพิ่มเยื่อใยขึ้นทันที ซึ่งจากการเหลือบมองของเซียวเตี่ยน เพีงชั่วแว๊ปเดียวก่อนหันหลังกลับ เขาก็เห็นแล้วว่า ทั้งเฟรโด และเบ็งเค มีท่าทีอาลัยในตัวเขาอย่างเห็นได้ชัด แต่ทว่า ไป่ฮวา สิยังเฉยๆ เหมือนเดิมงานนี้ไม่สำเร็จแน่นอนแล้ว ดังนั้นเซียวเตี่ยนจึงตัดใจเดินจากมาทันที และเป็นไปตามคาด คนในกลุ่มนี้ไม่มีคนเรียกเขากลับมาซักคน
แต่จากการเข้าหาคนกลุ่มนี้ ของเขาแม้จะไม่สามารถเข้าไปร่วมกลุ่มได้ แต่อย่างน้อยเขาก็ได้เรียนรู้วิธีการใช้ทักษะเรียกใช้ ถือว่ากำไร เมื่อเดินจากกลุ่มนั้นซักพัก เซียวเตี่ยน ก็อยากลองใช้ ทักษะเรียกใช้ที่มีทักษะเดียวของเขาเสียที แต่ว่ามาลองใช้กลางเมืองคงไม่เหมาะ เพราะจู่ๆ มีคนที่เด้งดึ้ง ขึ้นมากลางฝูงคนคงแปลกพิลึก เขาจึงเดินไปสู่ซอยเล็กๆ ที่มีไม่มีคนเดินซอยหนึ่ง ที่ลัดเลาะริมไปยังริมกำแพงเมือง
เมื่อไปถึงริมกำแพงเมืองแล้ว เซียวเตี่ยนก็ได้มองไปรอบๆ ซึ่งก็ จะพอเห็นเพียงลานกว้างๆ ของหลังบ้าน 2-3 หลัง รอบๆ บริเวณนี้ไม่มีผู้เล่น หรือแม้กระทั่ง NPC อยู่เลย นับว่าเป็นสถานที่ๆ เหมาะมากในการทดลองทักษะ ในเมื่อพบสถานที่ๆ เหมาะแบบนี้ เซี่ยวเตี่ยน ก็ไม่รอช้าตะโกนสุดเสียงว่า
"ทะยานบันไดเมฆ"
ได้ผลหลังสิ้นเสียงร่างกายเขาเหมือน ถูกฉุดเหวี่ยงขึ้นไปตรงๆ ขึ้นไปสูงราวๆ หลังคาบ้านของบ้านสองชั้น แน่นอว่า การที่จู่มีทักษะที่ทำให้ เขาเหมือนพวกจอมยุทธในหนังกำลังภายในต่างๆ ทำให้ เขารู้สึกตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างมาก
"ตุ๊บ" เสียงการลงสู่พื้นที่ไม่งดงามนัก ของเซียวเตี่ยน หลังจากการตื่นเต้นที่กระโดดได้สูงอยู่ได้เพียงครู่ เขาก็ตกลงมาอย่างรวดเร็วจนไม่ทันตั้งตัวผลก็คือก้นจ้ำเบ้า แม้จะลงมาไม่สวยนัก แต่ประสบการณ์ครั้งนี้ก็ ประทับใจเขามากทีเดียว เนื่องจาก เมื่อมองของ และทักษะที่เขามี ผ้าคลุมที่ซ่อนตัวได้เวลากลางคืน ทักษะที่ทำให้กระโดดได้สูง 3-
แต่ว่าคิดส่วนคิดเวลากลางวัน แดงเปรี้ยงๆ แบบนี้ จะให้เข้าไปปล้นใครก็ คงไม่ไหวแถมผ้าคลุมเขาก็ ทำงานเฉพาะกลางคืนเสียด้วย แต่ว่าไม่ว่า เกมส์ไหนๆ การที่ตัวเอกหน้าด้านๆ เข้าบ้านของ NPC แล้วหยิบของตามอำเภอใจก็มีออกบ่อยไปนี่นา
แต่ว่าทักษะนี้ของเขา จะใช้ได้อีกครั้งก็ต้องรอไปอีก 5 นาที ระหว่างนั้น เซียวเตี่ยน ก็เริ่มด้อมๆ มองๆ ไปยังบ้านละแวกนี้เพราะมันปลอดคน ในเกมส์ที่สมจริงแบบนี้การจะเข้าไปเอาอะไรต่อหน้า NPC มันก็ทำใจลำบากจริงไหม หลังจากเดินค้นหาอยู่พักใหญ่ในที่สุด เขาก็พบบ้าน 3 ชั้นหลังหนึ่งที่อยู่ละแวกนั้น แม้ชั้นล่างประตูจะปิดไว้ และเขาลองผลักก็ไม่อาจเปิดประตูได้ แต่ชั้นบน หน้าต่างกลับเปิดออก นับว่าเหมาะอย่างยิ่งที่ให้ เขาทดลองทักษะ แถมจากประตูชั้นล่างที่ปิดอยู่ ก็ทำให้เป็นไปได้ ถ้าในบ้านนี้มี ไอเท็มจริงๆ ก็ อาจยังไม่มีใครค้นพบก็เป็นได้
หลังจากยืนมองรอบๆ บ้านหลังนี้ซักพัก เขาก็ตั้งใจแล้วว่า ทัทีที่ทักษะใช้ได้อีกครั้ง จะกระโดดไปที่ชายคาชั้น 3 เพราะจากการ ทดลองทักษะครั้งแรก เขาสามารถที่จะกระโดดขึ้นไปถึง หลังคาของตึก 2 ชั้นได้สบายๆ และความสูงนี้ก็ พอๆ กับ ชายคาของ ชั้น 3 นั่นเอง หลังจากประเมิณความสูงและระยะทางอยู่พัก เขาก็ เดินถอยห่างออกจากอาคารหลังนี้ พร้อมตั้งท่าวิ่งเข้ามาหาอย่างสุดแรง ระหว่างวิ่งเข้ามา เขาก็ ตะโกนเรื่อยมาว่า
"ทะ~ยาน~บัน~ได" และเมื่อ ถึงจุดที่ใกล้กับตัวตึกพอที่ให้ เขากระโดเพียง 1 ครั้งก็สามารถพุ่งเข้าไปในตึกได้ เซียวเตี่ยน ก็กระโดดไปข้างหน้าเต็มแรง พร้อมกล่าวคำสุดท้ายว่า "เมฆ"
สิ้นสุดเสียงร่างกาย ของเซี่ยวเตี่ยน ก็พุ่งทะยานขึ้นเบื้องบนอย่างรุนแรงทันที และเป็นไปตามที่เขาคาด แม้กระโดดอยู่ ร่างกายเขาก็สามารถฉุดสูงขึ้นไปได้ด้วยทักษะนี้ ดังนั้นร่างกายเขาจึงพุ่งขึ้น สูงเลยชายคาชั้น 3 ที่เป็นเป้าหมาย เมื่อรวมกับความเร็วจากการวิ่งสุดแรง ของเขาทำให้ร่างกายของ เซียวเตี่ยน พุ่งไปกระทบกับกำแพงบ้านที่ชั้น 3 ของตึกนี้อย่างจัง
"ผลัก พรืด" เสียงการกระทบของร่างกายเขาเข้ากับผนังอย่างแรงทำให้ ร่างกายเขาลื่นไถล ไหลลองมา ถึงริมขอบของชายคาชั้น 3 ทันที ในเวลาแบบนี้ เซียวเตี่ยน พยายามรั้งร่างกายไว้ อย่างเต็มที่แต่ ชายคานี้มุงหลังคาด้วยกระเบื้องเคลือบแบบจีนที่มีความลื่นมากทำให้ เขาไม่สามารถเหนี่ยวรักร่างกายไว้ได้ทำให้ ลื่นไถลตกจาก ชายคาชั้น 3 ทันที
แต่คนเราเวลาคับขันมักมีแรง หรือ ปฏิกิริยาว่องไวเป็นพิเศษ และสิ่งเหล่านนี้ก็เกิดกับ เซี่ยวเตี่ยนเช่นกัน แม้เท้าเขา จะไหลพ้นจากชายคาลงมา แต่สายตามเขา เหลือมองเห็นคานไม้ที่ยื่นออกมาจากชายคา ตามแบบที่บ้านทรงจีนนิยมใช้ ทันทีทีเห็น เขายื่นมือไปคว้างจับมันในทันที แต่การร่วงด้วยน้ำหนักตัวไม่ใช่การร่วงที่สามารถ หยุดได้เพียงการคว้าจับของลื่นๆ เพียงชิ้นเดียว
แต่จากการคว้าจับคานไม้นี้ก็ ยังช่วยเหนี่ยวตัว ของเซี่ยวเตี่ยนไว้ ให้เหวี่ยงตัวกลับเข้าหาตัวตึก ครั้งนี้เท้า เซี่ยวเตี่ยนสามารถ สัมผัสชายคาชั้น 2 ได้สำเร็จ แต่ความลื่นของพื้นทำให้เขาต้องพยายามล้มตัวไปข้างอย่างเต็มกำลัง เพื่อไม่ให้ ไถลตกลงไปแบบคราวที่แล้ว และสำเร็จในที่สุดเขาสามารถ หยุดร่างกายไม่ให้ ตกไปจากชายคาชั้นที่ 2 ได้ในที่สุด
แม้จะทุลักทุเลไปซักหน่อย แต่ในที่สุด เซียวเตี่ยน ก็สามารถขึ้นมาสู่ชั้นบน ของตึกนี้ได้สำเร็จ แม้ผิดจากเป้าหมายจากชั้น 3 มาเป็นชั้น 2 แต่ก็ไม่ใช่ปัญหา ใหญ่ เพราะหน้าต่างชั้นที่ 2 ก็เปิดอยู่เช่นกัน หลังจากคืบคลานมาถึงข้างหน้าต่างได้ สำเร็จ เซียวเตี่ยน ก็ปีนข้ามหน้าต่างเข้าไปภายในห้อง หวังว่าคงมีอะไรให้เขาตักตวงได้บ้าง
ในห้องนี้ เขาพบเพียงโต๊ะ ขนาดนั่ง 4 คน 1 ตัว เตียง 1 หลัง เป็นห้องขนาด 1 คนอยู่ บนโต๊ะมีวางอาหารอยู่ 2-3 นิด ยังส่งควันร้อยฉุยน่ากินทีเดียว โดยเฉพาะกับ เซียวเตี่ยน ที่วิ่งวุ่นไปมา เดิมเขาก็ เริ่มรู้สึกหิวหน่อยๆแล้ว ทำให้อดรู้สึกเสียใจไม่ได้ว่า ตั้งเวลาเล่นไว้ตั้ง 18 ชม. กว่าจะออกจากเกมส์ มีหวังเป็นโรคกระเพาะ แน่ๆ คราวหน้า การเล่น ถ้าไม่จำเป็นจริง เขาคงไม่เลือกเวลายาวนานขนาดนั้น แต่เมื่อมาพบอาหารในนี้ เขาไม่แน่ใจหรอกว่า จะประทังความหิวของเขาได้ไหม แต่ว่ามีของให้ กินไม่กินซะก็เสียของหมด
แม้จะไม่รู้ว่า อาหารนี้เป็น ของใคร แต่เดิมที่เขาก็ ตั้งใจเข้ามาปล้นอยู่แล้ว ปล้นอาหารไปด้วยก็ไม่เห็นว่าความผิดจะเพิ่มตรงไหน แถมต่อให้วางยาพิษไว้ นี่มันคือเกมส์ ยังไงเขาก็ ไม่ตายจริงๆ ดังนั้น เซียวเตี่ยน จึงไม่ลังเลใจกับ อาหารมื้อตรงหน้า และสวาปามมันเข้าไปอย่างรวดเร็ว เดิมทีเขาไม่ใช่คนตะกละ แต่อาหารที่วางบนโต๊ะนี่สิ มีรสชาติที่ดีมาก ไม่ว่าผัดผัก บะหมี่ หรือเนื้อสับที่ เขากินไป ล้วนแต่รสชาติที่เหนือกว่าที่ เขาเคยกินที่โลกจริงเสียอีก แถมเขายังหิวมากซะด้วย ทำให้อดไม่ได้ที่ยัดของกินเหล่านั้นเข้าปากอย่างรวดเร็ว
หลังจากสวาปามทั้งโต๊ะ ไปเรียบร้อย เซียวเตี่ยนก็เริ่มด้อมๆ มองหาของมีค่าในห้องนี้อย่างเอาจริงเอาจัง แต่น่าเสียดายว่า ของที่อยู่ในห้องนี้ ไม่มีอะไรที่เขาสามารถ หยิบฉวยได้เลยนอกจา อาหารที่เขาเพิ่งกินไป สงสัยเป็นระบบป้องกันของ เกมส์ แต่ในเมื่อเข้าตึกมาทั้งที เขาก็ ไม่หยุดอยู่เพียงในห้องนี้แน่ๆ เซียวเตี่ยน เมื่อไม่สามารถ เอาสิ่งของอะไรภายในห้องนี้ได้ก็ได้เปิดประตูออกมาเพื่อสำรวจ ภายในบ้านนี้ต่อไป
เมื่อออกจากห้องไป ภายนอกเป็นห้องโถงไม่ใหญ่มาก พร้อมมีบันไดทอดไปสู่ ชั้นบนและล่าง ตามแบบบ้านทรงจีนโบราณ ภายในห้องโถง มีเพียงเก้าอีก 4 ตัวตั้งอยู่ แล้วก็ ไม่มีอะไรอีกเลย ข้างผา ไม่มีประดับแม้แต่ภาพวาด ดูท่าทางห้องนี้ก็ คงไม่มีอะไรให้เขาเอาไปได้อีก เขาจึงตัดสินใจลองเดินขึ้นไป ชั้น 3
มองไปรอบชั้น 3 โล่งยิ่งกว่าชั้น 2 ซะอีก เพราะไม่มีของประดับ หรือไม้แต่เก้าอี้ซักตัวที่ชั้นนี้เลย มองไปรอบๆ ก็เห็นหน้าต่างทั้ง 4 ทิศ เมื่อมองไปมองมาคงไม่มีอะไรให้ เขาได้เอาได้อีก เซียวเตี่ยน ก็เดินลงไปสำรวจ ชั้นล่างทันที เมื่อมาถึงชั้นล่าง ก็มีการจัดห้องแบบ ห้องรับแขก ของชาวจีนโบราณมี ชุดโต๊ะ พร้อมเก้าอี้ ไว้ 4 ตัว ที่ผนังมี ภาพวาดอยู่ 1 ใบเป็นภาพรูปดอกไม้ที่เขาก็ บอกไม่ถูกว่าสวยหรือเปล่า แต่ในเมื่อมี ของมากโอกาสค้นของเจอ ก็เพิ่มขึ้น
แต่ความหวังของ เซี่ยวเตี่ยน ก็สลายไปหลังจากค้นไปค้นมายังไงก็ไม่พบของที่เขาสามารถเอาได้ซักชิ้น ไม่ว่าที่ภาพเขียน หรือว่า โต๊ะ เก้าอี้ ก็ไม่พบมีพิรุธอะไรอยู่ รอบนนี้เล่นเอา เขาหมดปัญญาเลยว่า ตกลงในบ้านหลังนี้ของทั้งหมดที่มี มีแค่ อาหารที่จัดให้เขากินเท่านั้นหรือ จริงอยู่ว่า ก็ไม่เลวนักถ้าเข้ามากินฟรี แต่มันน่าจะมีอะไรมากกว่านั้น
บ้านหลังนี้ น่าจะมีเงื่อนงำอะไรที่เขามองข้ามไป เซียวเตี่ยน เริ่มตั้งข้อสังเกตว่า มันอาจเป็นภารกิจประเภทหนึ่ง ไม่อย่างนั้น ทำไมต้องเปิดหน้าต่างไว้ในบ้านที่ปิดตายด้วยล่ะ ถ้าคนที่มาไม่มี ทักษะพิเศษ ท่าทะยานบันไดเมฆ ก็คงไม่มีโอกาสเข้าบ้านหลังนี้ด้วยซ้ำ
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ท่าทะยานบันไดเมฆ ในเมื่อ ถ้าเงื่อนไขการเข้าบ้านนี้ คือท่านี้ เงื่อนไข การต่อภารกิจ หรือว่าจะเป็นท่านี้ด้วย เซียวเตี่ยน เริ่มวางความคิด ถ้าเขาเป็นผู้ออกแบบภารกิจนี้ เขาจะคิดอย่างไร คนที่กระโดดขึ้น เห็นโต๊ะมีอาหาร จาก 2 จุดนี้ คนเห็นโต๊ะมีอาหาร ถ้าคิดตามโลกความเป็นจริง ถ้า อาหารมันยังร้อน คนที่เข้ามาคงหาคนที่เข้ามากินเลยแบบเขาได้ยาก คนที่เห็นน่าจะหาที่ซ่อนตัวก่อน และที่ซ่อนตัวที่ดีที่สุดอยู่ที่ไหนล่ะ
เมื่อคิดได้ดังนี้ เซี่ยวเตี่ยน ก็ได้เดินกลับเข้ามาห้องชั้น 2 อีกครั้ง ปรากฏว่า อาหารต่างๆ กลับมาเต็มจานพร้อมควันร้อยฉุยอีกครั้ง แสดงส่า อาหารพวกนี้คงมีส่วนสำคัญในภารกิจนี้แน่ๆ เซียวเตี่ยน จึงมองไปรอบๆ ว่า เขาพอจะซ่อนตัวที่ไหนได้บ้าง หลังจากมองไปทั่วทั้งห้อง เขาก็ไม่เห็นว่ามี ที่ไหนพอจะมีที่ให้เขาเข้าไปซ่อนตัวได้ทั้งคนซักที่ จนสุดท้ายเขาเงยหน้าขึ้นไปข้างบน ด้านบนของห้องนี้ก็มี คานขนาดใหญ่พาดขวางเข้ามาตามแบบบ้านทรงจีนโบราณ
การมองเห็นคานใหญ่ครั้งนี้ทำให้ เซียวเตี่ยน ถึงกลับยิ้มออกมาทีเดียว พร้อมทั้งใช้ทักษะหากิน ทักษะเดียวของเขาทันที โดยตะโกนว่า
"ทะยานบันไดเมฆ"
หลังการเรียกใช้ทักษะครั้ง 3 เขาก็ เริ่มชำนาญการใช้มากขึ้น การกระโดครั้งนนี้ เขาเล็งไปที่คานได้ พอดีทีเดียว แม้แรงฉุดตัวจะแรง แต่เข้าใช้มือทั้งสองเหนี่ยวตัวไว้ได้ทัน ทำให้เขาสามารถกอดคานได้สำเร็จจนได้ หลังจากที่เขาพลิกตัวขึ้นมานั่งบนคานได้ไม่นาน ประตูห้องนอนที่ปิดไว้อยู่นานก็ ถูกเปิดขึ้น พร้อมทั้งมี ชาย ใส่ชุดจอมยุทธแบบชาวจีน 4 คนเดินเข้ามา นั่งล้อมวงกินอาหารกัน
จากจุดที่เซียวเตี่ยน อยู่ตรงนี้นับว่าเป็นจุดสังเกตการณ์ที่ดีมาก แม้จะไม่สามารถเห็นการกระทำของชายทั้ง 4ได้อย่างชัดเจน แต่ได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูดคุยอย่างสะดวก และแน่นอนว่าชายทั้ง 4 คนนี้คงเป็นภารกิจลับที่น่าสนใจ ภารกิจหนึ่งทีเดียว
"พี่ใหญ่ เดินทางมาไกล ผู้น้องไม่มีอะไรตอบแทนขอใช้ อาหารเล็กน้อยๆ เลี้ยงรับรองพี่ใหญ่"
"เกรงใจไป แล้วน้องสาม ครั้งนี้พี่พา คนสองคนมาให้น้องสามรู้จัก"
"ท่านนี้คือ คุณชายฮก เป็นนายช่างอัจฉริยะ"
"นับถือๆ"
"ท่านนี้คือ คุณชายฟง เป็นนักเล่นแร่แปรธาตุ ที่เก่งยากหาใครเทียบเทียม"
"นับถือๆ"
"แล้วพี่ใหญ่กับ เพื่อนทั้งสองท่านนี้ มาที่เมืองซินเหริน แห่งนี้กันทำไมหรือ"
"เรื่องนี้เป็นความลับ แต่น้องสาม พี่มีของดีอะไรอยากให้น้องสามดู"
"อะไรหรือพี่ใหญ่"
เมื่อฟังถึงตรงนี้ เซี่ยวเตี่ยนก็เริ่มรู้สึกสนใจ เลยชะโงกหน้าออกมาจากคาน เพื่อสอดส่องว่าของดีมันคืออะไร แต่ด้วยระยะห่างที่ห่างไกลทำให้เซียวเตี่ยน ไม่สามารถรู้ได้ว่า ของที่พวกคนทั้ง 4 กำลังฮือฮาคืออะไร แต่หลังจากฮือฮากับของชิ้นนี้แล้ว พวกคนเหล่านั้นก็ ตั้งหน้าตั้งตากินอาหารกันต่อ แล้วคุย สัพเหระไปเรื่อยๆ ทำเอา เซียวเตี่ยน ถึงกับเซ็งทีเดียว จะลงไปก็ไม่กล้า กลัวจะทำให้ภารกิจล่ม ได้แต่รอไปเรื่อยๆ จนกระทั่งพวกนั้นกินเสร็จ ก็ได้ชักชวนกันออกไป นั่งดื่มน้ำชาข้างนอก และเป็นจังหวะที่เซี่ยวเตี่ยน ปล่อยตัวลงจากคานทันที
หลังจากที่โอบกอดโหนตัวบนคานอยู่นาน เซียวเตี่ยน ก็รู้สึกแขนล้าอย่างมาก แม้ตอนนี้ จะลงมาจากคานแล้วก็ตาม เมื่อมองไปบนโต๊ะ เขาก็มองเห็นมีของมากมายวางอยู่บนโต๊ะ และเก้าอี้ที่ชายทั้ง 4 นั้นนั่งอยู่ มีทั้งห่อผ้า และอาวุธต่างๆ วางอยู่ แต่จุดสนใจ ของเซียวเตี่ยน กลับเป็นดาบใหญ่เล่มหนึ่งที่วางพาดโต๊ะไว้
ดาบเล่มนี้มีขนาดใหญ่โตผิดธรรมดาอย่างมาก มีความสูงถึงราวๆ เมตรครึ่ง แถมตัวดาบหนาเป็นฟุต มองๆแล้วเหมือน อาวุธ ที่พวก ตัวละครในเกมส์ มักชอบใช้ พวกอาวุธใหญ่กว่าตัวละครนั่นล่ะ เมื่อมาเห็นของจริงแบบนี้ เซี่ยเตียนก็อดที่จะลองหยิบมาดูไม่ได้
ไม่ทันที่เขาจะได้พิจารณาอะไรได้ ก็ได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาทางประตูเสียแล้ว ตอนนี้ เขาไม่มีเวลาลังเลใจแล้ว ดังนั้น จึงพุ่งตัวออกจากหน้าต่างไปพร้อมกับ ดาบขนาดใหญ่ เล่มนั้น ทันที
"พลัก" เป็นเสียงกระทบพื้นดินอย่างแรง เพราะเป็นการกระโจนไปข้างหน้าทั้งๆ ที่ถือดาบขนาดยักษ์ ทำให้เซี่ยวเตี่ยนไม่สามารถทรงตัวได้ เมื่อลงถึงพื้นก็ลงในสภาพ สองมือโอบดาบยักษ์ แต่เอาหน้าจูบพื้น
ดูท่าเขาจะมีวาสนากับการตกลงจากที่สูงนะตกทีไรได้ของทุกที และครั้งนี้ เขาก็ได้ ดาบเล่มโต มาหนึ่งเล่ม แม้จะยังไม่รู้ว่าจะใช้ทำอะไรได้ แต่สำหรับเขาที่ยังไม่มีอาวุธคู่มือแล้ว การมีอาวุธซักชิ้นมันก็ไม่เลว แถมดาบเล่มนี้ก็เท่ห์ ไม่หยอก
แต่ที่น่าเป็นกังวลคือ ตกลงเขาทำภารกิจได้แล้วหรือว่าภารกิจครั้งนี้ มันล่มแล้วกันแน่นะ และที่น่าเสียดายไม่หายคือ ทำไมเขาไม่คว้าของออกมาให้ได้มากกว่านี้นะ ได้แค่ดาบยักษ์เล่มเดียว รู้สึกขาดทุนยังไงพิกล แต่ของที่ได้มาฟรี ยังไงก็ดีกว่าไม่ได้
หลังจากที่ เซียวเตี่ยนหยิบดาบเล่มนี้มา พิจารณาดู ก็ปรากฏว่าดาบเล่มนี้แสดงข้อมูลจำเพาะ ของตัวมันออกมาทันทีว่า
ดาบรวมภูติ พลังโจมตี 30 มีช่องใส่ลูกแก้วผนึกภูติ ได้ 5 ลูก พลังโจมตีทั้งหมดของภูติ จะถูกเพิ่มให้กับพลังโจมตีของดาบทั้งหมด ผู้ถือดาบจะได้ ทักษะติดตัวทั้งหมดของภูติ ระหว่างใช้ดาบนี้ ทักษะเรียกใช้ของภูติ จะมีโอกาสออกมา 5% ต่อการโจมตีและ ทักษะที่ออกมาจะเป็นการสุ่มจากทักษะที่ภูติทั้งหมดมี
เมื่ออ่านคุณสมบัติ ของดาบเล่มนี้ก็ ดูเลิศหรูพอควร แต่ พลังโจมตี 30 สำหรับเกมส์นี้มากหรือน้อย เซียวเตี่ยน ก็ยังไม่แน่ใจ แล้วยังเรื่องลูกแล้วผนึกภูติอีก มันคือของอะไรเขาก็ไม่รู้จัก แต่ดูจากข้อมูลที่ยาวเหยียด ของอาวุธเล่มนี้มันคงน่าจะเป็นของดี แถมมีปลอกให้สะพายบนหลังได้อีก แม้เขาจะเอาดาบเล่มโตเล่มนี้ใส่ใน กระเป๋าคาดเอวได้ แต่ว่ามีดาบใหญ่ๆ แบบนี้ สะพายบนหลังมันก็ดูเท่ห์ไม่หยอก
หลังจากที่สะพายดาบเล่มนี้ไว้ข้างหลัง เซี่ยวเตี่ยนก็ลองสำรวจรอบๆ บ้านซักพัก ก็ไม่มีอะไรผิดปกติ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจ กระโดดขึ้นไปชั้น 3 อีกครั้ง และจะลองสำรวจดูว่ามีอะไรที่ทำให้ภารกิจลับนี้ ต่อเนื่องไปได้
แม้จะทุลักทุเลเล็กน้อย แต่ครั้งนี้การขึ้นไปชั้น 3 ของเขาก็สำเร็จ เซี่ยวเตี่ยนปีนข้ามหน้าต่างเข้าไปในบ้าน ซึ่งก็มีสภาพเหมือนกับที่เขาสำรวจครั้งแรก ทั้งชั้นโล่งไปหมด จากนั้น เขาก็ เดินอย่างระมัดระวังจากชั้น 3 ค่อยๆ เดินลงไปชั้น 2 เมื่อมองสำรวจลงไป ที่นี่ก็ ปลอดคนและมีสภาพเช่นเดียวกับการสำรวจครั้งแรกเช่นกัน ในเมื่อไม่มีอะไรอยู่นอกห้องแต่ข้างในห้องของชั้น 2 ล่ะ
ดังนั้น เซียวเตี่ยน จึงยิ่งเดินอย่างระมัดระวัง และค่อยๆ เอาหูไปแนบไปข้างประตูห้องชั้น 2 หวังว่าเกมส์นี้จะมีการให้ แอบฟังผ่านประตูได้นะ แต่แนบหูอยู่นาน ก็ไม่ปรากฏว่ามีเสียงอะไรเล็ดลอกออกมา เขาจึงตัดสินใจ ค่อยแง้มประตูบานนั้นพร้อมชำเลืองมอง ในขณะที่ร่างกายก็ พร้อมที่จะเผ่นทุกเมื่อ
แต่ก็ผิดคาดอีกครั้ง ห้องนี้ก็มีสภาพเหมือนกับที่เขาเข้ามาครั้งแรกอีกเช่นกัน หากแต่บนโต๊ะจานอาหารเหล่านั้น หายไปหมดแล้ว ครั้งนี้เซี่ยวเตี่ยนเริ่มเอะใจ หรือว่าทั้งบ้านนี้จะไม่มีคนอยู่แล้ว ดังนั้น เขาจึงรีบเดินไปที่บันไดแล้วพยายามสอดส่องชั้นล่าง และเป็นไปตามคาด ว่าไม่มีอะไรผิดปกติเหมือนกัน แล้วคนทั้ง 4 หายไปไหน
แต่ในสภาพที่คาดการณ์อะไรไม่ได้แบบนี้ เขาตัดสินใจว่าลองสำรวจ บ้านนี้ทั้งบ้านอีกครั้ง คราวนี้เขาพยายามรื้อค้นตลอด ตั้งแต่ชั้น 1-3 แบบทุกซอกทุกมุมจริงๆ แต่ก็ไม่พออะไรที่เขาสามารถนำไปได้เลย หลังพยายามอยู่นาน เขาก็ยอมรับว่าคงต้องยอมแพ้ เตรียมออกจากบ้านไป แต่จู่ๆ มีความคิดหนึ่งแว๊ป ขึ้นมาในหัวของเขา
ปกติเขาเข้าออกจากทางหน้าต่างแต่บ้านนี้มีประตูนี่นา แม้จะลงกลอนด้านในแล้วเขาจะสามารถออกไปจากประตูข้างล่างได้ไหม ดังนั้น เซียวเตี่ยน จึงวิ่งลงไปชั้นล่าง พร้อมพยายามปลอดกลอนประตูและเปิดประตูบ้านออกไป
ได้ผลเขาสามารถดันกลอนประตูขึ้นมาได้ไม่ยาก และเมื่อเขาผลักประตูเปิดออกไปนั้นข้างๆ ประตูก็มีเสียง ของหล่นลงมาเบาๆ หลังจากที่เข้าเดินมองหาไปรอบๆ ในที่สุดก็พบหยกประดับเล็กๆ ตกอยู่ข้างๆ ซอกประตู หรือว่านี่คือ เบาะแสของการต่อภารกิจต่อไป แต่เมื่อมองหาต่อไปก็ไม่พบว่ามีอะไรอย่างอื่นอีก คราวนี้เขาคงต้องตัดใจพักเรื่องภารกิจนี้ไว้ก่อน เพราะจากการวิ่งวุ่นไปมาของเขาก็ได้กินเวลามาหลายชม. จนขณะนี้ ดวงอาทิตย์ก็เริ่มลับขอบฟ้าแล้วแถมเขาก็หิวแล้วด้วย
ดังนั้นแม้ในละแวกนี้ ยังมีบ้านหลายแห่งที่หน้าต่างข้างบนเปิดอ้า อยู่แต่ความหิว มันก็มากขึ้นเรื่อยๆ เขาควรหาอะไรมาบำรุงท้องก่อนที่ จะขึ้นไปยกเค้าบ้านแต่ล่ะหลัง
ดังนั้น เซี่ยวเตี่ยน ตัดสินใจเดินกลับไปโรงเตี๊ยม เพื่อจะได้หาอะไรมาถมใส่ท้องที่วางเปล่าของเขาซะบ้าง จึงได้ทิ้งบ้าน 3 ชั้นที่มีภารกิจแปลกๆ นี้ไว้เบื้องหลัง พร้อมเก็บหยกประดับนั้นไว้ที่ประเป๋าคาดเอว หลังจากเดินมาไม่นาน ในที่สุดเขาก็ได้กลับมาที่โรงเตี้ยมซินเหมินอีกครั้ง แต่คราวนี้เขาตั้งใจจะหาอะไรกินซักก่อน ยังไม่ทันที่เขาจะหาโต๊ะว่างได้ ก็มีเสียงเรียกชื่อเขามาจากโต๊ะอาหารในโรงเตี๊ยม
"นั่น เซียวเตี่ยนใช่ไหม มานั่งโต๊ะร่วมกับพวกเราทางนี้สิ" เสียงทักทายจาก เฟรโด และเมื่อมองไปตามเสียงที่โต๊ะตัวนั้น สมาชิกของกลุ่มนี้ก็อยู่กันครบ ทั้ง 3 คน ทั้ง ไป่ฮวา เบ็งเค ก็นั่งอยู่ข้างๆ และแน่นอนว่า เซียวเตี่ยนไม่มีเหตุผลปฏิเสธ เพราะ เขาก็อยากได้กลุ่มในการทำภารกิจ หรือว่าเก็บค่าประสบการณ์อยู่แล้ว
"สวัสดีค่ะ ทุกคน ขอบคุณมากคะ" เสียงตอบพร้อมรอบยิ้มจากเซียวเตี่ยน ที่เริ่มเนียน ขึ้นเรื่อยๆ พร้อมการเข้ามาร่วมวงของเขา
"ไปไหนมาหรือครับ แล้วดาบเล่มเบ้อเริ่ม เล่มนั้นได้มายังไงครับ หรือว่าไปซื้อจากร้านอาวุธมา" เบ็งเค ถามเพราะตัวเขาใช้ง้าวก็แน่ใจว่าเป็น อาวุธใหญ่แล้ว มาเจอดาบของเซียวเตี่ยน เข้าก็เหมือน เอาช้อนมาเทียบปังตอ
"เรียกว่า โชคดีเก็บได้ดีกว่าคะ พอดีไปเจอภารกิจแปลกๆ ในเมือง แล้วอาวุธเล่มนี้ก็ ได้จาก ภารกิจนั้นค่ะ" เซี่ยวเตี่ยน เล่าไปตามความเป็นจริง ซึ่งจริงๆ เขาก็ ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าภารกิจมันจบไปแล้วหรือยัง
"ดวงดีจนเหลือเชื่อเลยนะครับ ผมเดินไปเดินมาในเมืองนี้ ตั้งนาน ยังไม่เคยได้แบบ คุณเซียวเตี่ยนเลย" เฟรโดกล่าว
"ถึงบอกว่า ดวงดีไงคะ" เซียวเตี่ยน ตอบ
"แล้วเซี่ยวเตี่ยนมีแผนจะทำอะไรต่อไปหรือเปล่าครับ" เบ็งเคถาม แต่คราวนี้เซียวเตี่ยนสังเกตแล้วว่าทางไป่ฮวา นั้นเริ่มทำท่าทางเซ็งอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งไม่ใช่ สัญญาณที่ดีเลย กรณีแบบนี้คงไม่พ้นเรื่อง หึงแน่นอน แต่ว่าใครกันล่ะที่ เป็นคู่ของไป่ฮวา ในเมื่อเดาลำบาก เซียวเตี่ยนก็ ตัดสินใจ
"ยังไม่มีแผนอะไรหรอก คะ คิดว่ากินให้อิ่มก่อน แล้วค่อยคิดว่าจะทำยังไงต่อ ว่าแต่พี่ไป่ฮวา มีแฟนหรือยัง" ในเมื่อเดาลำบากนัก ก็ถามไปตรงๆ เลย
แต่ครั้งนี้ทำให้ไป่ฮวาหน้าแดงได้ เลย พร้อมกล่าวว่า "ฉันยังไม่มีแฟนหรอก"
หน้าแดงแบบนั้น ไม่ใช่ว่าไม่มีแฟนหรอก น่าเป็นหลอกว่าไม่มีแฟนซะมากกว่า แต่เล่นไม่ยอมพูดชื่อแบบนี้ก็ลำบากแต่ไม่นาน ไป่ฮวาก็ เอ่ยพูดกับเซียวเตี่ยน ก่อนเป็นครั้งแรกว่า
"แล้วน้อง เซียวเตี่ยนมีแฟนหรือยัง" เจอถามกลับเข้าจนได้ ถ้าในโลกจริง เขาก็มีแฟนอยู่แล้วหรอก แต่ในโลกนี้ตัวเขาเป็นผู้หญิงเกิดบอกว่ามีแฟนเป็นผู้หญิงอีก เดี๋ยวไป่ฮวานี่ก็ยิ่งคิดว่าเขามาเพื่อตั้งวงมโหรี ซึ่งไม่ดีแน่ๆ จึงตัดสินใจตอบว่า
"ยังไม่มีหรอกค่ะ มีแฟน น่าเบื่อจะตาย ไม่อยากไปอ้อนใครตอนนี้ แต่สวยๆ แบบพี่ไป่ฮวาน่ามี ผู้ชายมาจีบเยอะนะ" เขาพยายามคัดเลือกคำพูดที่ปฏิเสธการมีแฟนเต็มตัว แต่ก็พยายามหาคำพูดที่ดูน่ารักเต็มที่ หวังว่าฟังดูเป็นผู้หญิงที่ไม่ดัดจริตเกินไปนะ และแน่นอนคำชมครั้งนี้ของเขาทำให้ ไป่ฮวา ยิ้มออกมาได้ทีเดียวสงสัย จะจับจุดถูกแล้ว
"น้องเซียวเตี่ยนสิสวย ไม่คิดหาใครเป็นคู่ใจบ้างหรือ" เซียวเตี่ยนเริ่มรู้สึก ว่าเขาหลงทางหรือเปล่าสร้างความสัมพันธ์ได้แต่กลับกลายเป็นว่า ไป่ฮวาเตรียมจะทำตัวเป็นแม่สื่อหรือนี่ เขายังไม่อยากโดยจับคู่กับผู้ชายจริงๆ นะ จึงเร่งคิดแล้วรีบตอบไปว่า
"ยังไม่สนหรอกค่ะ ตอนนี้สนใจแค่ว่า จะเพิ่ม
"งั้นมาทำภารกิจกับพวกเราไหมครับ คืนนี้ พวกเรากำลังจะไปทำภารกิจล่าหมาป่ากัน ถ้าน้องเซียวเตี่ยนสนใจมาเข้าร่วมกันไหมครับ" ในที่สุดเสียงสวรรค์ที่ เขารอมานานก็มาถึง เฟรโด เมื่อเห็นว่าไป่ฮวาเริ่มมีความเป็นมิตรกับ เซียวเตี่ยน มากขึ้นก็กล้าเอ่ยปากชักชวน เซียวเตี่ยน เข้าร่วมกลุ่ม
"สนใจสิ แต่ว่าผมเพิ่งจะ
"ไม่มีปัญหาหรอกครับ เวลาฆ่าหมาป่าก็ มาแจมเข้ามาข้างหลังแล้วกัน งานนี้ไม่เลวเลยนะ ได้เงินค่าสำเร็จแน่นอน 500 กิลต่อคน แถมถ้าล่าได้เกิน 50 ตัว ก็ได้โบนัสอีกตัวล่ะ 10 กิล แถมเครดิตหลังสำเร็จภารกิจอีก 2 หน่วย" เบ็งเคกล่าว
แม้จะยังไม่รู้ว่าเครดิตไว้ใช้ทำอะไรแต่เมื่อระบุมา คงสำคัญและเขาก็ไม่ได้เร่งรีบทำความเข้าใจเรื่องพวกนี้นักยังไงเล่นๆไป ก็ต้องรู้เองอยู่ แถมการไปร่วมกลุ่มกับกลุ่มนี้ ก็เป็นเป้าหมายเริ่มแรกของเขาอยู่แล้ว ดังนั้นไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธ
ซึ่งเมื่อตกลงร่วมกลุ่มกันแล้ว พวกเขาทั้ง 4 ก็จัดงานเลี้ยงฉลองเล็กๆ ในโรงเตี้ยม โดยงานนี้ หนุ่มๆ ทั้ง 2 หน้าใหญ่ อาสาเป็นคนลี้ยง สองสาว(แต่ไม่แท้ 1) ซึ่งพวกเฟรโดบอกว่าภารกิจนี้เหมาะที่จะรับช่วงค่ำๆเพราหมาป่าเวลากลางคืน จะมีมากกว่าช่วงกลางวัน ดังนั้นการทำภารกิจนี้เวลากลางคืนจึงเสียเวลาหาหมาป่าน้อยกว่า หลังจากชำระค่าอาหารเสร็จ พวกเขาก็นำเซียวเตี่ยนไปหา เถ้าแก่โรงเตี้ยม เพื่อจะได้รับภารกิจร่วมกัน
จบบทที่ 2
::<><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><>::
สรุปข้อมูลของ เซียวเตี่ยน
อาชีพ ชาวบ้าน ระดับ 1
ประสบการณ์สะสม 0 หน่วย
ทักษะพื้นฐาน
ทักษะกระโดด ระดับ 12
ทักษะอดทน ระดับ 10
ทักษะสำรวจ ระดับ 5
ทักษะกระโจน ระดับ 1
ทักษะฟื้นตัว ระดับ 1
ทักษะย่อยติดตัว
กายแกร่ง ระดับ 1 เพิ่ม พลังโจมตี 5% และพลังป้องกัน 5% และ
ทักษะย่อยเรียกใช้
ทะยานบันไดเมฆ ระดับ 1 ทุก 5 นาทีใช้ได้ 1 ครั้ง เมื่อใช้แล้วจะพุ่งขึ้นข้างบนเป็นระยะ 3-
ทักษะพิเศษ ไม่มี
ทักษะพิเศษของอาชีพ ยังไม่ได้รับอาชีพไม่อาจใช้ได้
สิ่งของที่มีติดตัว
เงิน 100 กิล
กระเป่าคาดเอวสามารถใส่ ไอเท็ม ได้ 20 ชิ้น 1 ใบ
เสื้อผ้าต่วน พลังป้องกัน 20 ความทนทาน 5000 1 ชุด
ไข่ภูตสื่อสาร 1 ใบ
ปลอกข้อมือ 1 อัน
ผ้าคลุมคนราตรี พลังป้องกัน 5 ความทนทาน 5000 1 ผืน ถ้าใส่ผ้าคลุมนี้ ยามค่ำคืนแล้วหยุดนิ่งไม่เคลื่อนไหวจากจุดที่อยู่เป็นเวลา 5 นาที จะสามารถล่องหน จากสายตาผู้เล่น และมอนสเตอร์ ทั้งหลายได้ จนกระทั่งส่งเสียงหรือ โจมตีออกไป
ดาบรวมภูติ พลังโจมตี 30 1 เล่ม มีช่องใส่ลูกแก้วผนึกภูติ ได้ 5 ลูก พลังโจมตีทั้งหมดของภูติ จะถูกเพิ่มให้กับพลังโจมตีของดาบทั้งหมด ผู้ถือดาบจะได้ ทักษะติดตัวทั้งหมดของภูติ ระหว่างใช้ดาบนี้ ทักษะเรียกใช้ของภูติ จะมีโอกาสออกมา 5% ต่อการโจมตีและ ทักษะที่ออกมาจะเป็นการสุ่มจากทักษะที่ภูติทั้งหมดมี
หยกประดับ? 1 ชิ้น
แผนที่อเนกประสงค์ ซึ่งได้ใส่แผนที่ภายในเมืองซินเหริน
? คือ ของที่ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าคืออะไร
ความคิดเห็น