ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หัวขโมยแห่งบารามอส...ภาคพิเศษ

    ลำดับตอนที่ #8 : ความเหมือนในความต่าง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 989
      2
      15 เม.ย. 48





                    “เอ่อ หม่อมฉันมาเยี่ยม ดูพระอาการ ของฝ่าบาท” เจ้าชายคาโล ตอบ เมื่อตั้งสติได้ ดวงตายังคงจ้องอยู่ที่พระพักตร์



    ของเจ้าหญิงเฟลิโอน่า



                    “เจ้าพี่คาโล ไม่เสด็จไปเยี่ยมเสด็จพี่เฟรินหรือเพคะ” เจ้าหญิงเฟลิโอน่าพูดขึ้น เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ตอนนี้เงียบเกิน



    ไปเสียแล้ว อีกอย่างเจ้าชายน้ำแข็งของเราก็ไม่ยอมละสายตาจากพระองค์อีก



                    “งั้นหม่อมฉันขอตัวไปเยี่ยมเฟรินนะฝ่าบาท” คาโลกล่าวอย่างขอตัว



                    “หม่อมฉันไปด้วยแล้วกันเพคะ หม่อมฉันไม่เป็นอะไรแล้ว” เจ้าหญิงเฟลิโอน่าลุกขึ้นทำท่าจะตามออกไปด้วย



                 แต่ร่างกายก็ยังไม่แข็งแรงพอ แค่ลุกขึ้นมาก็เซล้มเสียแล้ว เห็นดังนั้นเจ้าชายคาโลก็รีบปราดเข้ามาประคองทันที



    ร่างบางในอ้อมกอดของเจ้าชายคาโลผู้เยือกเย็น ตอนนี้ใบหน้าร้อนผะผ่าว ขึ้นสีแดงอมชมพู เลี่ยงไม่สบตากับชายผู้ประคองอยู่



        “ฝ่าบาทยังไม่แข็งแรงดี อย่าดีกว่า หม่อมฉันจะรับฝากความห่วงใยไปให้เฟรินเอง” ว่าแล้วคาโลก็ประคองเจ้าหญิง



    เฟลิโอน่ากลับไปที่บรรทม



        “ขอบพระทัยเพคะเจ้าพี่คาโล” เจ้าหญิงเฟลิโอน่าตอบแต่ไม่สบตา ปล่อยให้เจ้าชายคาโลเดินยิ้มกริ่มในใจออกไปจากห้อง



        “ก๊อก ก๊อก ก๊อก” เสียงกำปั้นเคาะประตูห้องของเฟริน



        “เข้ามาเหอะ...ไม่ได้ล๊อค” เสียงเจ้าตัวดี นามเฟริน หัวขโมยแห่งบารามอสตอบอย่างกวนๆ



        เจ้าชายคาโลเดินเข้าไปในห้องเงียบ ๆ เจ้าคนตัวดีนอนหันหลังให้จึงไม่รู้ว่าคู่ปรับเก่าได้เข้ามาเยี่ยม



        “ไง เฟริน...ไม่เจอตั้งนาน โรคเก่ายังไม่หายเหรอ” เสียงเจ้าชายคาโลถามทำให้คนนอนสะดุ้งกึก



        “เฮ้ย...คาโล โรคอะไรของแกวะ พูดให้มันดี ๆ หน่อยนะเฟ้ย” เจ้าคนป่วยรีบลุกแล้วหันกลับมาทันที



        “อ้อ...ปะ เปล่า ไม่มีอะไร ฉันแค่จะมาดูซะหน่อยพอเป็นมารยาทเพราะนายเป็นถึง พระโอรสของกษัตริย์เดมอส”



    เสียงเจ้าชายคาโลตอบอย่างเย็นชา



        “เอ้อ...ให้ได้อย่างงี้สิ ไอเพื่อนใจดำ ฉันอ่อนแออย่างงี้ยังมากวนประสาท เดี๊ยะเหอะ ฉันจะไม่ยกน้องสาวฝาแฝดฉัน



    ให้แก” เสียงเฟรินขู่อย่างเอาเรื่อง



        “ก็ตามใจแก...ฉันชอบน้องสาวนาย ไม่ได้ชอบนาย ก็ดูแล้วกันว่าน้องสาวของนายจะเลือกใคร” เสียงเจ้าชายคาโล



    ตอกกลับแล้วเดินออกไปด้วยมาดน้ำแข็งเช่นเดิม





        วันรุ่งขึ้นในห้องเสวย



        “เป็นไงบ้าง เฟริน เฟลิโอน่า รู้สึกสบายขึ้นหรือยังลูก” เสียงจ้าวเอวิเดสถามด้วยความห่วงใย



        “ดีเพคะเสด็จพ่อ หม่อมฉันไม่เป็นอะไรแล้ว ขอบพระทัยที่ทรงห่วงเพคะ” เจ้าหญิงเฟลิโอน่าตอบอย่างอ่อนหวาน



        “ยังไม่ถึงกับตายหรอก เสด็จพ่อ หม่อมฉันน่ะ...ยมบาลยังไม่ต้องการหรอกพระเจ้าค่ะ” เจ้าหัวขโมยตัวดีตอบทั้งที่ยัง



    เคี้ยวตุ้ย ๆ อยู่เต็มปาก



        “ดีแล้ว ลูก 2 คนไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว เดี๋ยวพ่อจะจัดงานเทศกาลเฉลิมฉลองอีกครั้ง ลูกจะว่าไง” จ้าวเอวิเดสว่าพร้อม



    หัวเราะในลำคอกับคำตอบของเฟริน



        “ดีเพคะ/ดีพระเจ้าค่ะ” เสียงทั้งคู่ตอบพร้อมกัน



        “นี่เฟลิโอน่า เราไปเล่นเกมที่ซุ้ม พนันแต้มกันนะคราวที่แล้วสนุกน่าดู” เสียงเฟรินชวนท่านกลางโต๊ะเสวย



        “เพคะ เสด็จพี่ หม่อมฉันก็ชอบเพคะ งานคราวนี้จะเล่นให้สนุกเชียว” เสียงเจ้าหญิงเฟลิโอน่าผู้เป็นน้องสาวตอบ



    อย่างอารมณ์ดี



        “ให้มันได้อย่างงี้สิ น้องฉัน” เฟรินว่าแล้วหัวเราะในลำคอ



        ได้ยินสองพี่น้องอารมณ์ดีเข้ากันได้ดีขนาดนี้ จ้าวเอวิเดสก็รู้สึกจะปลื้มใจไม่น้อย ถึงกับยิ้มตลอดเวลาขณะเสวย



        “ถึงแม้จะเป็นคนละร่าง แต่ความคิดความอ่าน ก็ยังคงเหมือนกัน ต่างแต่เพียงเพศ ลักษณะอาการแสดงออกเท่านั้น



    เพราะเจ้าหญิงเฟลิโอน่าจะพูดแต่ถ้อยคำของชาวรั้วชาววัง แต่เฟรินจะเป็นคนพูดกวน ๆ ตอบง่าย ๆ ไม่มีพิธี มีความชอบ



    และความผูกพัน สื่อถึงกัน รวมทั้งยังเป็นคนสนุกสนานทั้งคู่อีกด้วย” เจ้าชายคาโลคิดขณะที่ฟังการสนทนาของทั้งคู่



        “เฮ้...คาโล งานคราวนี้แกไม่ต้องชวนฉันไปด้วยนะเฟ้ย...ฉันจะส่งคนไปตามเจ้าคิลมาเที่ยว ฉันอนุญาตให้แกพาน้องสาว



    ฉันไปได้แต่แกต้องดูแลอย่างดีนะ” เสียงเฟรินเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นคาโลเงียบไม่พูดไม่จา



        “เสด็จพี่...ไปบังคับเจ้าพี่คาโลอย่างนั้น เขาลำบากใจนะเพคะ” เสียงเจ้าหญิงเฟลิโอน่าแทรกขึ้น



        “เอาละ เดี๋ยวพ่อจะจัดประชุมข้าราชบริพารเพื่อจัดงานเรื่องนี้ ลูกไปพักผ่อนก่อนเถอะไป ไปลูน่า เกรเซอร์



    เราต้องประชุมกันยาวแน่ ๆ” ว่าแล้วจ้าวเอวิเดสก็เดินไปพร้อมกับท่านอาทั้ง 2



        “เฟลิโอน่า จะเอาอะไรหรือเปล่าเดี๋ยวข้าจะเข้าไปยืดเส้นยืดสายในเมืองซะหน่อย” เสียงเฟรินถามขณะกำลังลุกจากเก้าอี้



        “ไม่เพคะ แล้วเสด็จพี่จะไปคนเดียวหรือเพคะ” เสียงเฟลิโอน่าถามกลับ



        “เปล่าหรอก...พี่จะลากเจ้ากวางไปด้วย” ว่าแล้วเจ้าเฟรินก็วิ่งออกไปตะโกนเรียกเจ้ากวางยกใหญ่จนเหล่าบรรดาคนรับใช้



    ตกใจกันไปหมด



        “น่าสงสารโกโดม สงสัยโดนเสด็จพี่เฟรินทำแสบแน่” เสียงเจ้าหญิงเฟลิโอน่าพูดพร้อมหัวเราะคิกคัก ๆ ช่างน่าเอ็นดู



    ไม่น้อยเลยทีเดียว



        “จะไปเดินเล่นที่สวนกับหม่อมฉันไหมฝ่าบาท” เสียงเจ้าชายคาโลเอ่ยชวน



        “เพคะ” เจ้าหญิงเฟลิโอน่ารับคำง่าย ๆ แล้วเดินไปที่สวนกับเจ้าชายคาโล



        ทั้งคู่เลือกนั่งเล่นที่ริมทะเลสาปใต้ต้นไม่ใหญ่ ที่คาโลชอบมานั่งเล่น



        “เจ้าพี่คาโลเพคะ เสด็จพี่เฟรินเขามีคนรักหรือยังเพคะ” อยู่ ๆ เจ้าหญิงเฟลิโอน่าก็ถามขึ้น



        “หม่อมฉันก็ไม่รู้ แต่คิดว่าน่าจะมี เขาชื่อแองเจลิน่า หรือเรียกง่าย ๆ ว่าแองจี้น่ะ คู่นี้เจอกันเป็นไม่ได้ เป็นต้องทะเลาะ



    กันทุกที แล้วสุดท้าย เจ้าเฟรินก็ยอมแพ้ทุกครั้ง” เสียงเจ้าชายคาโลตอบอย่างอารมณ์ดี



        “ดีจังนะเพคะ เจอคนที่ปราบเสด็จพี่เฟรินอยู่แล้ว เดี๋ยวหม่อมฉันจะไปทูลเสด็จพ่อ” เจ้าหญิงเฟลิโอน่าว่าแล้วหัวเราะ



    เบา ๆ น่ารักสมเป็นกุลสตรี ไม่ใช่หัวเราะแบบแหกปากกว้าง ๆ เหมือนที่เคยเป็น



        “เอ่อ ฝ่าบาท ทรงจำเรื่องเก่า ๆ ที่เกิดขึ้นได้ไหมพระเจ้าค่ะ” เสียงเจ้าชายคาโลถามอย่างเอาจริงเอาจัง



        “ได้เพคะ...แต่บางเรื่องก็เลือนลางมากเพราะต้องแบ่งความทรงจำกับเสด็จพี่เฟริน บางส่วนก็เลยขาดไปเพคะ...เห็นท่าน



    หมอบอกอย่างนี้” เสียงเจ้าหญิงเฟลิโอน่าตอบ



        “พอจะยกตัวอย่างเรื่องที่จำได้ไหมฝ่าบาท” เสียงเจ้าชายคาโลคะยั้นคะยอ



        “ก็มีเรื่องงานเทศกาลที่หม่อมฉันจำได้ค่อนข้างชัดเจน เรื่องอื่นก็มีแบบลาง ๆ น่ะเพคะ” เสียงเจ้าหญิงเฟลิโอน่าเบาลง



    เมื่อเห็นว่าตอนนี้ใบหน้าของตนเองโดนจับจ้องด้วยสายตาของเจ้าชายผู้นั่งอยู่ข้าง ๆ



        “แล้วมีเรื่องอะไรอีกไหมพระเจ้าค่ะ” เจ้าชายคาโลซักต่อ



        “เอาอย่างนี้แล้วกัน หม่อมฉันจะไล่ลำดับเรื่องราวก่อนหลังที่หม่อมฉันจำได้แล้วกันนะเพคะ” เสียงเจ้าหญิงตอบ





        ทั้งคู่นั่งคุยกันจนเย็น ด้วยความสุข อย่างไม่รู้สึกเบื่อ



        “ฝ่าบาทหม่อมฉันขอถามเป็นเรื่องสุดท้ายนะพระเจ้าค่ะ” เสียงเจ้าชายคาโลถามขึ้นอีกครั้ง และจริงจังกว่าเคย



        “อะไรหรือเพคะเจ้าพี่” เสียงเจ้าหญิงเฟลิโอน่าแผ่วลง



        “จำเรื่องวันก่อนที่ตรงนี้ได้ไหม” เสียงเจ้าชายคาโลถามแผ่วเบาอย่างคาดหวัง



        “ที่ตรงนี้หรือเพคะ” เสียงเจ้าหญิงเฟลิโอน่าย้อน



        “จำไม่ได้เหรอฝ่าบาท” เสียงเจ้าชายคาโลคาดคั้น



        “ขอประทานอภัยหม่อมฉันจำไม่ได้จริง ๆ เพคะ” เจ้าหญิงเฟลิโอน่าตอบอย่างสับสน



        “งั้นก็ไม่เป็นไรฝ่าบาท หม่อมฉันขอโทษที่ทูลถามมากไปหน่อย”เจ้าชายคาโลพูดอย่างผิดหวัง



        “เจ้าพี่ลองทวนให้หม่อมฉันได้ไหมเพคะ เผื่อหม่อมฉันจะจำได้บ้าง” เสียงเจ้าหญิงเฟลิโอน่ากล่าวอย่างสงสาร





        สิ้นคำของเจ้าหญิงเฟลิโอน่า ความรู้สึกตัวทั้งหมดราวกับจางหายไปในอากาศ เมื่อริมฝีปากของเจ้าชายผู้สูงศักดิ์



    เบื้องหน้า ได้ประทับเข้าที่ริมฝีปากอันบอบบางน่าทะนุถนอมของพระองค์เสียแล้ว เป็นจุมพิตที่อ่อนหวาน สมเป็น



    จูบแรกของ เจ้าหญิงผู้เพียบพร้อม มันเป็นจูบที่อ่อนโยนซึ่งคาดไม่ถึงว่าจะได้รับจากเจ้าชายน้ำแข็งผู้นี้ เป็นเวลา



    นาน กว่าที่ เจ้าชายคาโลจะ ถอนริมฝีปากออกจากใบหน้าของเจ้าหญิงเฟลิโอน่า  ซึ่งตอนนี้ดวงพระพักตร์ขึ้นสีแดง



    ราวกับไข้ขึ้น




        “หม่อมฉันขออภัยที่ล่วงเกินฝ่าบาท แต่ขอให้ฝ่าบาทจดจำครั้งนี้ไว้ในส่วนเสี้ยวใจของพระองค์ก็ยังดี”



    เจ้าชายคาโลว่าตอนนี้สีหน้าดูดีกว่าตอนผิดหวังเมื่อสักครู่มากทีเดียว



        “หม่อมฉันคงไว้ในเสี้ยวใจไม่ได้หรอกเพคะ เพราะจูบของเจ้าพี่คงจะอยู่ในใจกลางของหัวใจหม่อมฉันไปชั่วชีวิตทีเดียว”



    เจ้าหญิงเฟลิโอน่าว่าแล้วดวงพระพักตร์ก็ยิ่งขึ้นสีมากขึ้นไปอีก



        ได้ยินเจ้าหญิงเฟลิโอน่าพูดดังนั้น เจ้าชายคาโลก็รวบเจ้าหญิงผู้น่ารักที่นั่งอยู่ข้าง ๆ มากอดเสียในทันที



        “เอ่อ...เจ้าพี่เพคะ เดี๋ยวใครเห็น...” เสียงเจ้าหญิงเฟลิโอน่าค้าน แต่ไม่ได้ขัดขืนแต่อย่างใด



        “เมื่อจบงานเทศกาลแล้ว พี่จะกลับคาโนวาล” เสียงเจ้าชายคาโลสวนขึ้น



        “จะทิ้งหม่อมฉันไปแล้วใช่ไหมเพคะ” เสียงเจ้าหญิงเฟลิโอน่าตอบกลับอย่างน้อยใจพร้อมทำท่าจะผละออกจาก



    อ้อมกอดของเจ้าชายแห่งคาโนวาล



        “ใครว่า...หม่อมฉันจะไปทูลเสด็จพ่อของหม่อมฉัน กษัตริย์บาโรแห่งคาโนวาล ให้มาเจรจากับท่านเอวิเดส เรื่องของ



    พระองค์กับหม่อมฉันไงล่ะ” เสียงเจ้าชายคาโลตอบ อย่างจริงจัง และปล่อยเวลาที่เหลือไปกับการนั่งฟังเสียงนกร้องกลับรัง



    เสียงใบไม้พัดเสียดสีกัน นั่งมองพื้นน้ำในทะเลสาบไหวเป็นระลอกคลื่น...



                                     =-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=&=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=



    ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะคะ...ที่หายไปพอดีไม่สบายกาย(ย้ำ)ไม่สบายกายค่ะ...ภูมิแพ้กำเริบหนักไปหน่อย หุ ๆ



    แต่พอมาเห็นคอมเม้นความไม่สบายใจก็มาเยือนเลย...แต่ก็ขอบคุณสำหรับคนที่เป็นกำลังใจให้นะคะ...แล้วจะมาอัพให้บ่อย ๆ



    ตอนนี้เราก็ยังไม่หายดีนัก...ก็จะพยายามแต่งให้ได้มากที่สุดในแต่ละตอนนะคะ...ไปก่อนน๊า...ฝากคอมเม้นไว้ได้ค่ะ...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×