ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ...Miracle&Unbelievable Destination...[TVXQ-Yaoi][Episode2]

    ลำดับตอนที่ #4 : Part 3

    • อัปเดตล่าสุด 5 เม.ย. 51


    [Part 3]
                    โรงแรมระดับห้าดาวของเครือคิมกรุ๊ปเต็มไปด้วยเหล่าแขกที่ได้รับเชิญและสื่อมวลชนจำนวนมาก ถ้าเหล่าสาวสวยไฮโซที่มาร่วมงานไม่พูดหนักพูดหนาว่าคิมจุนซู เจ้าของโรงแรมใหญ่แห่งใหม่จะควงคู่รักมาด้วย นักข่าวทั้งหลายคงไม่พากันแห่มาเยอะขนาดนี้

      
                    บรรยากาศรื่นเริงดำเนินมาเรื่อยๆตั้งแต่เย็นจนกระทั่งท้องฟ้ากลายเป็นสีคล้ำ ภาพต่างๆของโรงแรมถูกนำมาเสนอต่อแขกและผู้ร่วมงานจำนวนมากให้ได้ยลโฉม งานเลี้ยงสังสรรค์คงจะเป็นไปตามอย่างปาร์ตี้ทั่วไปหากคิมจุนซูและปาร์คยูชอนไม่ได้ปรากฏตัวพร้อมกัน

      
                    ร่างเล็กในชุดสูทสีขาวสะอาดตาเดินเคียงคู่มากับร่างสูงในชุดสูทสีดำดูมีเสน่ห์ ผู้คนในงานต่างพากันซุบซิบเมื่อเจ้าภาพของงานเดินผ่านพ้นไปพร้อมกับใครอีกคนที่พวกเขาไม่คุ้นหน้านัก แม้ยูชอนจะปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่าว่าไม่อยากมาร่วมงานในฐานะเช่นนี้แต่คนตัวเล็กก็คะยั้นคะยอจนเขาใจอ่อน 


      
                    “สวัสดีค่ะคุณจุนซู นี่ใครเหรอคะ ดิฉันไม่เคยเห็นเลย” หญิงวัยกลางคนในชุดสีแดงแปร๊ดเดินเข้ามาทักทายเพื่อตีสนิท 

      
                    “สวัสดีครับ อ้อ...นี่ปาร์คยูชอนครับ คนรักของผมเอง” เธอตกตะลึงเล็กน้อยเมื่อได้ยินจุนซูแนะนำอย่างเต็มปากเต็มคำ ร่างเล็กยกยิ้มการค้าที่ใช้บ่อยๆในการทำธุรกิจขึ้นบนใบหน้า เขาจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าผู้หญิงคนนี้คือใคร

      
                    “อ่ะ...เอ่อ...จริงหรือคะ คุณปาร์คยูชอนทำงานที่ไหนเหรอคะ?” ร่างสูงบีบมือของคนรักแน่นขึ้นเป็นเชิงห้ามปรามแต่เสียงแหลมก็ตอบไปอย่างไม่เกรงกลัว

      
                    “เป็นผู้ช่วยส่วนตัวของผมเองครับ ทำไมเหรอฮะ?” 

      
                    “แหม...ฉันคิดว่าคุณจะมีคนรักที่อยู่ในสังคมของพวกเราเสียอีก หลานชายของฉันเพิ่งเปิดโรงแรมอีกที่ในเกาะเชจู คงต้องเชิญคุณจุนซูไปด้วยแล้วล่ะค่ะ” เธอว่าด้วยน้ำเสียงมีจริต แม้ร่างเล็กจะไม่ใส่ใจแต่ยูชอนรับรู้ถึงสายตาเหยียดหยามจากคนรอบด้านที่ส่งมาได้เป็นอย่างดี 

      
                    “ยินดีครับ งั้นผมขอตัวก่อนนะฮะ เดี๋ยวคงจะต้องขึ้นไปแนะนำตัวบนเวทีแล้ว ยูชอน...ไปกันเถอะ” แขนเล็กสอดประสานเข้ากับวงแขนแกร่งก่อนจะเดินนำไปยังโต๊ะพิเศษหน้าเวที 


      
                    ร่างเล็กปรากฏตัวขึ้นบนเวทีหลังจากที่พิธีกรของงานกล่าวเชิญ ส่วนร่างสูงยังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะร่วมกับแขกพิเศษคนอื่นและชางมินที่เดินทางมาทีหลัง สีหน้าและท่าทางกังวลหนักของยูชอนทำให้น้องชายของคนรักต้องตบบ่าให้กำลังใจเบาๆ เสียงแหลมดังไปทั่วงานอย่างร่าเริง โรงแรมแห่งนี้เป็นโรงแรมที่เขาและยูชอนช่วยกันสร้าง การตกแต่งและรายละเอียดส่วนมากล้วนมากจากฝีมือของเขาและร่างสูง มีเพียงบางส่วนเท่านั้นที่พี่แจจุงและยุนโฮเข้ามาช่วยดูแล 


      
                    “ขอบคุณครับ” จบคำพูดเบสิคสุดท้าย ร่างเล็กก็โค้งงามๆก่อนจะเดินลงมาจากเวที 


      
                    จุนซูนั่งลงบนเก้าอี้ข้างกายร่างสูง แม้เขาจะไม่สนใจกับเสียงวิจารณ์รอบข้างแต่ใช่ว่าคนรักของเขาจะไม่ใส่ใจกับมัน มือบางกุมมือใหญ่ไว้เบาๆ รอยยิ้มหวานที่มอบให้ยูชอนนั้นไม่ได้ทำให้เขารู้สึกดีขึ้นเพราะมันยิ่งซ้ำเติมเขาเข้าไปอีก แม้จุนซูจะยืนยันเสมอว่ารัก...แต่เขาก็ยังคงกังวลอยู่ดี ถึงร่างเล็กและคนในครอบครัวจะยอมรับได้ แต่ยังไงสังคมของชนชั้นนี้ก็สูงค่าเกินไปสำหรับเขา ยิ่งร่างเล็กที่ทั้งเก่งและดูดีแล้วก็ยิ่งสูงเกินกว่าเขาจะกล้ารั้งเอาไว้


      
                    “ชางมิน...พี่ฝากดูแขกด้วยนะ เดี๋ยวพี่มา” ว่าจบจุนซูก็ลากยูชอนไปทางด้านหลังของงาน ร่างเล็กหยุดลงใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งก่อนจะเริ่มเอ่ยถาม

      
                    “ยูชอน...ยูชอนเป็นอะไร” น้ำเสียงแหลมถามด้วยความห่วงใย ทำไมเขาจะไม่รู้ว่ายูชอนกำลังคิดมาก...

      
                    “ปะ...ปล่าว ไม่มีอะไร คุณออกมาจากงานแบบนี้ได้ยังไง เดี๋ยวคนอื่นเขาก็ว่าเอาหรอก” แม้จะปากจะปฏิเสธแต่แววตาวูบไหวของร่างสูงก็ทำให้ร่างเล็กสังเกตได้

      
                    “ฉันไม่สนว่าใครจะพูดยังไง ในเมื่อยูชอนไม่มีความสุข...จุนซูคนนี้ก็ไม่มีความสุข ยูชอนกำลังกังวลเรื่องที่พวกเธอพูดใช่ไหม ยูชอนกำลังคิดว่าจุนซูจะทิ้งยูชอนไปหาคนอื่นใช่ไหม” มือเรียวจิกทิ้งเสื้อบนบ่าหนาแน่น ดวงตาสวยสั่นระริกด้วยหยาดน้ำ ตลอดเวลาที่ผ่านมา...ยูชอนยังไม่มั่นใจในตัวเขาอีกหรือไง

      
                    “ยูชอนใจร้ายที่สุด” เสียงแหลมเต็มไปด้วยความเจ็บปวด จุนซูผลักร่างสูงออกจากวงแขนของตัวเองแล้ววิ่งเข้าไปในงาน ดวงตาเรียวกระพริบถี่เพื่อให้น้ำตาที่เอ่อท้นไหลกลับ


      
                    สายตาของผู้คนยิ่งจับจ้องหนาขึ้นเมื่อจุนซูและยูชอนเดินทิ้งระยะห่างกันราวกับไม่ใช่คนรู้จัก ร่างโปร่งที่นั่งอยู่ที่โต๊ะรีบเอ่ยถามผู้เป็นพี่ชายแต่ก็ไม่ได้รับคำตอบเพราะร่างสูงนั่งลงข้างๆ ร่างเล็กหันไปมองคนรักด้วยสายตาตัดพ้อก่อนจะแปร
    เปลี่ยนสีหน้าให้เบิกบานอย่างเดิม ถึงจะเป็นอย่างนั้นแต่ร่างสูงก็ยังคงเห็นถึงความเจ็บปวดบนใบหน้าสวย ถ้าไม่มีเขา...จุนซูคงจะไม่ต้องถูกครหาแบบนี้

      
                    น้องชายตัวโตที่นั่งอยู่ด้านข้างสบถอย่างขัดใจ ชางมินกระซิบบางสิ่งบางอย่างกับยูชอนก่อนจะหันกลับมาลอยหน้าลอยตาอย่างเดิม เขาไม่เข้าใจสองคนนี้เลยจริงๆ ถ้ารักกัน...ก็ไม่จำเป็นต้องสนใจคำพูดของใครเพราะแค่มีคนรักอยู่เคียงข้างก็เพียงพอแล้ว ดีกว่าเขา...ที่ไม่มีแม้แต่คนรักจะให้พูดถึง มีเพียงความทรงจำแสนหวานเท่านั้นที่ยังคงเหลืออยู่

      
                    ดูเหมือนว่าคำพูดของท่านประธานของกลุ่มคิมกรุ๊ปจะได้ผล ร่างสูงกุมมือเรียวที่ดิ้นขัดขืน ดวงตาคมค่อยๆเลื่อนไปสบกับดวงตาเรียวอย่างสำนึกผิด นิ้วแกร่งลูบบนหลังมือนุ่มเบาๆก่อนเจ้าของมือขาวจะกระชับตอบ 

      
                    มือของทั้งคู่นั้นถูกผ้าคลุมโต๊ะปิดอยู่ทำให้คนนอกไม่สามารถสังเกตเห็น ยูชอนจับมือของร่างเล็กให้แบออกก่อนจะวาดรูปหัวใจดวงใหญ่ลงไปแล้วรวบให้มือนั้นปิดลงช้าๆ รอยยิ้มอบอุ่นถูกส่งไปยังร่างเล็กโดยคนน่ารักก็เผยยิ้มตอบ จริงอย่างที่ชางมินว่า...ไม่ว่าใครจะต่อว่าหรือประนามหนาหูเพียงใดมันก็ไม่สำคัญ ถ้าหัวใจสองดวงยังคงรักและผูกพัน 

      
                    งานเลี้ยงเปิดตัวโรงแรมแห่งใหม่เป็นไปด้วยดี ยูชอนที่หมายมั่นปั้นเหมาะว่าจะนอนค้างคืนกับจุนซูเพื่อเบิกฤกษ์โรงแรมแห่งใหม่ถูกขัดคออย่างแรงด้วยก้างขวางคอขนาดยักษ์อย่างชางมิน แม้จะไม่ได้จู๋จี๋กันบนห้องสวีทสุดหรูของโรงแรมห้าดาวติดทะเลทว่าการได้มาเดินบนชายหาดที่มีทรายเม็ดสีขาวละเอียดก็มีความสุขเหลือจะบรรยายแล้ว

      
                    ยูชอนที่ยังคงอยู่ในชุดสูทสีดำถอดเสื้อนอกของตัวเองเพื่อคลุมไหล่ให้คนรัก ถึงเขาจะหนาวแต่มันก็ไม่สำคัญขอแค่จุนซูรู้สึกอุ่นก็พอแล้ว ชางมินนั่งอยู่บนคาเฟ่ของโรงแรมมองลงมายังร่างสองร่างที่เดินจูงมือกันไปตามริมทะเล ดูท่าพี่เขยของเขาจะหงุดหงิดอยู่ไม่น้อย ถึงอย่างนั้นก็เถอะ...


      
     
                    ...อย่าหวังว่าฉันจะให้แกงาบพี่ชายสุดน่ารักของฉันไปได้ง่ายๆ!...


      
     
                    ขากางเกงตัวสวยสีขาวเปรอะไปด้วยเม็ดทรายสะท้อนแสงเช่นเดียวกับกางเกงสีดำของยูชอน ร่างสูงหันกลับไปมองบนคาเฟ่ของโรงแรมเพื่อให้แน่ใจว่าสถานที่ตรงนี้ลับตาคุณน้องเขยที่เคารพยิ่ง ร่างสูงโอบร่างเล็กไว้แนบชิด แผ่นหลังบางชนกับอกอุ่น จมูกโด่งสูดกลิ่นกรุ่นจากซอคอขาวแล้วประทับจูบไปทั่วทั้งใบหน้าน่ารักก่อนจะหยุดลงบนกลีบปากแดงอิ่ม เนิ่นนานกว่าทั้งคู่จะยอมผละออกจากกัน นานจนร่างเล็กแทบจะลืมหายใจ...


      
                    “ดึกแล้ว...กลับบ้านกันดีกว่านะที่รัก เดี๋ยวคุณจะไม่สบาย” เสียงทุ้มนุ่มว่าด้วยความเป็นห่วง ขาแกร่งออกนำไปด้านหน้าเพื่อเดินกลับไปยังโรงแรมแต่ก็ถูกมือเรียวรั้งเอาไว้

      
                    “อยู่ตรงนี้อีกแป๊ปนึงได้ไหม จุนซูอยากอยู่กับยูชอน” ร่างสูงระบายยิ้มบางๆกับความน่ารักของร่างเล็ก ยูชอนนั่งลงบนผืนทรายก่อนจะดึงจุนซูให้นั่งลงบนหน้าตักกว้าง คางเรียววางบนบ่าลาดอย่างออดอ้อน มือหนาทั้งคู่กุมมือเรียวทั้งสองข้างไว้แน่น 


      
                    สายตาของคู่รักโรแมนติกเหม่อมองขึ้นไปยังท้องฟ้ายามรัตติกาล ดวงดาวนับพันพากันส่องแสงระยิบระยับสะท้อนกับผิวน้ำที่เคลื่อนไหวไปมาตามระลอกคลื่น เสียงเจื้อยแจ้วเอ่ยพลางชี้ไปทางนู้นทางนี้ทีอย่างสนุกสนาน ท่าทางคนตัวเล็กจะสนุกกับการดูดาวในค่ำคืนมืดมิดเสียเหลือเกิน ส่วนคนตัวโตกว่าก็มีความสุขไม่แพ้กันเมื่อได้จ้องมองรอยยิ้มของคนรัก


      
                    “หม่าม๊าชอบดูดาวจังเลยเนอะ” เสียงนุ่มทักขึ้นเมื่อเห็นเสียงแหลมเงียบลง สงสัยจุนซูคงจะเหนื่อยแน่ๆ แน่ล่ะ...พูดไม่หยุดตั้งแต่ในงานแล้ว

      
                    “อื้ม...ป่ะป๊าไม่ชอบเหรอ? ดาวสวยออกนะ” 

      
                    “ชอบสิ...แต่หม่าม๊าสวยกว่าตั้งเยอะ มองหม่าม๊าคนเดียวก็พอแล้ว” คำพูดแสนหวานทำให้สีหน้าของโลมาน้อยเปลี่ยนไปทันใด ก็เล่นพูดทั้งๆที่เขาไม่ได้ตั้งตัวแบบนี้...จะไม่ให้อายได้ยังไงกัน

      
                    “บ้า~...อ๋า...เที่ยงคืนกว่าแล้ว กลับบ้านกันนะยูชอน อ๊ะ!” ร่างเล็กอุทานด้วยความตกใจเพราะจู่ๆร่างสูงก็ยกมือของเขาขึ้นมาจูบ มันคงเป็นจุมพิตแผ่วเบาของคนรักทั่วไปแต่ริมฝีปากอุ่นที่ทาบลงบนแหวนลวดลายสวยนั้นทำให้เขารู้สึกว่ามันพิเศษเกินกว่าจุมพิตธรรมดาทั่วไป

      
                    “ผมเคยให้แหวนวงนี้กับคุณเพื่อจองหัวใจคุณเอาไว้ ถ้าหากวันไหนปาร์คยูชอนคนนี้ดีพอและคู่ควรกับคิมจุนซูแล้วล่ะก็ เราแต่งงานกันนะ” แม้จะเป็นการพูดเกริ่นไว้ล่วงหน้าแต่สำหรับร่างเล็กแล้ว มันไม่ต่างจากคำขอแต่งงานเลยสักนิด

      
                    “ได้ไหมที่รัก” กระซิบแหบพร่าข้างใบหูทำให้ร่างเล็กขนลุกเกรียว

      
                    “ถึงขนาดนี้แล้วยังจะมาถามอีกเหรอตาบ้า!” ร่างสูงหัวเราะดังลั่นกับคำพูดเหน็บแนมของคนรัก จุนซูร้องเสียงหลงเมื่อถูกตาบ้าที่ว่าช้อนร่างขึ้นจากพื้น

      
                    “งั้น...ให้ผมพาองค์หญิงกลับไปที่ราชรถนะ อย่าดิ้นสิ...ถ้าดิ้นผมจะจับคุณกดตรงนี้แหละ!” คำขู่ประโยคสุดท้ายเล่นเอาร่างเล็กถึงกับแข็งทื่อ ดวงหน้าที่คลายสีเข้มลงบ้างแล้วทวีความเข้มขึ้นอีก ทำไมวันนี้เขาถึงหน้าแดงบ่อยนักนะ!


      
     
    ...Miracle&Unbelievable Destination...


      
     
                ไม่รู้ว่าเป็นเหตุบังเอิญหรือใครคนใดคนหนึ่งตั้งใจเพราะวันที่ฮันยูฮวานจะทำการเดบิวต์นั้นตรงกับวันที่จุนกิจากเขาไปได้หนึ่งปีพอดิบพอดี การซักซ้อมของร่างเพรียวผ่านตาเขามาแล้วหลายรอบไม่ว่าจะด้วยความเผอิญหรือความตั้งใจของ
    เขาเอง ชางมินนั่งลงบนเก้าอี้ของแขกกิตติมศักดิ์เพื่อรอดูการแสดงของเด็กหนุ่ม เขาคงจะพูดได้ไม่เต็มปากว่าเขาเป็นคนตั้งใจจะมาดูเด็กนั่นแต่เขามาเพราะถูกผู้บริหารเชิญและคนที่จะทำการเดบิวต์ในวันนี้ไม่ใช่ “ริกกี้” หรือฮันยูฮวานเพียงคนเดียวแต่ยังมีเด็กหนุ่มหน้าหวานสัญชาติญี่ปุ่นอีกคนที่จะทำการเปิดตัวเช่นกัน “ยามะพี” ยามาชิตะ โทโมฮิสะ

      
                    แสงสีเสียงของงานเป็นไปอย่างราบรื่นโดยฝีมือของทีมงานระดับมืออาชีพ ร่างโปร่งปรบมือชื่นชมก่อนจะรีบเดินออกไปจากงาน แม้จะยังนึกถึงท่วงท่าของร่างเพรียวเมื่อครู่แต่จุนกิก็ยังสำคัญกว่าหลายเท่า ชางมินรีบก้าวขึ้นไปบนรถแล้วสั่งให้ชินดงบึ่งรถไปยังสุสานให้เร็วที่สุด 

      
                    ร่างเพรียวชุ่มเหงื่อทิ้งตัวลงบนที่นอนในอพาร์ทเม้นต์ทันทีที่ก้าวถึงเตียง ความปลาบปลื้มใจและความเหนื่อยล้ากายปนกันจนเขาแยกแทบไม่ออก ยูฮวานลุกขึ้นช้าๆก่อนจะฉวยผ้าเช็ดตัวสีขาวสะอาดแล้วเดินเข้าไปชำระร่างกายในห้องน้ำ ในเวลานี้เขาดีใจมากจนแทบจะลืมไปว่าความฝันในครั้งนี้มีภารกิจอันใหญ่หลวงพ่วงตามมาด้วย แม้จะรู้ดีว่าเป้าหมายไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากคิมชางมินที่เป็นประธานบริษัทใหญ่ที่คุมสังกัดของเขาแต่มันก็อดปลื้มไม่ได้ที่เห็นชายคนนี้ปรากฏตัวในงานเปิดตัวของเขา เมื่อหลายเดือนก่อนเขาอาจจะปฏิเสธได้เต็มปากเต็มคำว่าเขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับร่างโปร่งเลยสักนิดแต่วันนี้เขาก็กลับเอ่ยได้อย่างมั่นใจว่าเขาหลงเสน่ห์ของคิมชางมินเข้าอย่างจัง เสียงโทรศัพท์ที่ดังอยู่บนโต๊ะข้างเตียงนอนทำให้เขาต้องรีบกดรับสายตามด้วยกรอกเสียงลงไปอย่างนอบน้อม


      
                    (เดบิวต์แล้วสินะ...อย่าลืมล่ะว่างานของแกคืออะไร) หญิงสาวสั่งผ่านสัญญาณโทรศัพท์ด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง 

      
                    “ครับคุณผู้หญิง ผมไม่ลืมแน่ครับ...” 

      
                    (ให้มันได้อย่างนี้สิ ฉันจะคอยจับตาดูแกอยู่ห่างๆ อย่าคิดจะหนีไปทั้งๆที่ภารกิจของแกยังไม่ลุล่วงเชียวนะ ไม่อย่างนั้นฉันจะฆ่าแกทั้งเป็น!) 

      
                    “ครับคุณผู้หญิง” ทันทีที่เขาตอบรับ เธอก็วางสายอย่างไม่ใส่ใจ ในสายตาของคุณผู้หญิงแล้วเขาคงไม่ต่างอะไรกับเครื่องมือชิ้นหนึ่ง


      
                ...ทั้งที่เขาคิดว่าเธอเป็นผู้ให้กำเนิดชีวิตใหม่แต่เธอกลับไม่เคยห่วงใยเขาจากใจจริงเลยสักครั้ง ทั้งที่เขาห่วงใยเธอราวกับว่าเธอเป็นแม่คนใหม่ของเขาแต่ก็ไม่เคยได้รับอะไรตอบแทนนอกจากการเลี้ยงดูที่สร้างให้เขาเป็นเครื่องมือที่มีคุณภาพเพื่อรอการใช้งาน...


      
     
                    ร่างเพรียวคว้ารีโมทเครื่องเสียงก่อนจะกดเปิดเพลงที่เขาฟังมาตลอดสองสามปีที่ผ่านมา เสียงที่เขานำมาเป็นต้นแบบดังกังวานอย่างไพเราะ เสียงใสฮัมเพลงเคล้าคลอตามไปตามทำนองนุ่มนวล ดวงตาเรียวหลับลงช้าๆเพื่อพักผ่อนทว่าในใจยังคงคิดว้าวุ่น


      
     
                ...มันคงจะดีไม่น้อยถ้าเขาได้ครอบครองหัวใจของคนๆนั้นเหมือนที่ต้นแบบของเขาทำ มันคงจะมีความสุขมากมายถ้าคิมชางมินรักเขาเหมือนที่รักอีจุนกิ เขาอยากให้มันเป็นแบบนั้นเหลือเกิน...


       


    ****TBC



       
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×