(ยังอยู่ระหว่างคิด)
วางเรื่องไว้เพื่อตอกย้ำตัวเองว่าต้องเขียนให้ได้ จะเป็นเนื้อเรื่องที่เน้นด้านเทคโนโลยีกับปรัชญาเป็นหลัก การเมืองอาจจะน้อยถึงปานกลางหรือรายละเอียดปลีกย่อยอาจจะผิดเพี้ยนบ้างเพราะเพิ่งเคยเขียนแนวนี้
ผู้เข้าชมรวม
84
ผู้เข้าชมเดือนนี้
1
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
รายละเอียดส่วนเนื้อหาจะออกไปทางการเมือง
เทคโนโลยีเอาของที่เอาไปใช้กับนิยายฮาเร็มไซไฟเมื่อก่อนอย่างอุปกรณ์เสริมบางส่วนของร่างกายมาปัดฝุ่น(แบบพวกISแล้วก็บลาๆๆ) ตรงนี้จะตัดความแฟนตาซีออกแล้วออกแบบเพื่อใช้ในการทำสงครามเต็มสูบ(แต่ก็จะพยายามออกแบบให้ดูดีเท่าที่ทำได้นะ)
เพราะคิดว่าพวกอาร์มเมอร์การเคลื่อนที่สูงน่าจะใช้ประโยชน์ได้มากรึเปล่า? ลองจินตนาการอย่างเครื่องบินที่เร็ว3-10มัคแต่บินสลับฟันปลาได้ดูสิ ยิ่งเป็นบนท้องฟ้าการจะยิงให้โดนวัตถุที่เคลื่อนที่อิสระขนาดนั้นคงยากแน่ แถมถ้าเป็นในชั้นบรรยากาศก็สามารถใช้งานได้จนกว่าพลังงานจะหมดเลยด้วย!
แต่แหล่งพลังงานขนาดเล็กแถมใช้งานได้นานพอมันดันไม่มีเนี่ยสิ แถมถ้าใช้อันใหญ่รูปร่างก็จะคัสตอมได้น้อยลงด้วย(ลองนึกภาพรถถังบินดูละกัน มันไม่เท่เลย!) เพราะฉะนั้นจึงใช้แหล่งพลังงานสมมุติที่ใช้แรงโน้มถ่วง ให้แน่ชัดคือ[Gravity] แน่นอนว่าไม่ใช่แรงโน้มถ่วงโลกเพราะมันเกียวกับเวกเตอร์การเคลื่อนที่ของดาวและสนามแม่เหล็กไฟฟ้า เอาเป็นว่าถ้าอยู่ในเขตแรงโน้มถ่วงของดาวก็สามารถใช้ในอวกาศได้นะ!(ตรงส่วนการปรับจูนอาจจะมีในเนื้อเรื่อง)
และที่สำคัญยังสามารถประยุกต์สนามแรงโน้มถ่วงให้กลายเป็นฟิลด์ล้อมรอบตัวได้ด้วยล่ะ! ด้วยการประยุกต์นี้จะได้เห็นทั้งการใช้ลดแรงGบ้างปัดกระสุนบ้างเอาเป็นว่าสุดยอดไอเดียเลยแฮะ! ตัวฟิลด์นี้ถ้ากางเฉยๆจะไม่มีอะไรหรอก แต่ถ้ายิ่งมีแรงปะทะมากเท่าไหร่มันก็จะยิ่งแข็งมากขึ้นเท่านั้น หรือก็คือพวกอาวุธอย่างปืนหรืออะไรพวกนี้จะไม่เข้าเลยนั่นเอง แต่ช่วงแรกต้องเนิฟให้พวกเร็วเหนือเสียง6-10เท่า/ขนาดกระสุนสามารถทะลุ ที่นับเป็นต่อขนาดกระสุนก็ประมาณถ้าเป็นกำแพงที่ชนด้วยความเร็วเหนือเสียง6เท่าจะไม่ทะลุฟิลด์ แต่ถ้าเป็นกระสุนเท่านิ้วมือจะทะลุฟิลด์นั่นเอง
แต่ก็นะ ถึงจะมีประโยชน์ขนาดไหนถ้าต้องเอาไปใช้ในอวกาศมันก็จะมีปัญหาอากาศหายใจอีก ตรงนี้ยอมแพ้แล้วให้ใช้การได้แค่30-40นาที ถ้าความเข้มข้นฟิลด์เหลือน้อยกว่า30%ต้องกลับยานด่วน(อันนี้จะมาในช่วงหลังอ่ะนะ ช่วงแรกไม่มีหรอก)
อ่ะ แล้วก็เรื่องนี้ไม่มีอาวุธบีมเซเบอร์ให้ถือหรอกนะ ปัญหาเรื่องความร้อนที่มากเกินจะถือกับไม่สามารถลดขนาดให้พอดีมือได้น่ะ ถ้าเป็นพวกปืนใหญ่ล่ะก็พอจะมีบ้างแหละ
อาวุธหลักในเรื่องนี้จะเป็นพวกของกายภาพที่มีอยู่แล้วอย่างปืนธรรมดา,ดาบใหญ่ติดทรัสเตอร์,เรลกัน,ปืนใหญ่พลาสม่า ฯลฯ
สาเหตุที่ต้องเป็นดาบใหญ่ติดทรัสเตอร์เพราะพวกอาวุธระยะไกลมันมีแรงปะทะมากจนเจาะฟิลด์ไม่เข้ายังไงล่ะ แต่ถ้าเป็นอาวุธระยะใกล้ที่ความเร็วไม่มากจนถูกกันด้วยฟิลด์ล่ะก็สามารถทะลุได้(แน่นอนว่าอันนี้ก็มาช่วงหลัง)
ส่วนเนื้อเรื่องจะดำเนินด้วยตัวเอก(แทรป?)กับอีกหลายตัวละครที่ไม่ใช่ฮาเร็ม เอาจริงๆมีแต่รุ่นป้ากับตาลุงทั้งนั้นแหละ แนวสงครามก็จะมีตัวละครวัยรุ่นน้อยหน่อย เริ่มต้นจากการที่ต้องขึ้นไปอยู่บนยานของสลัดอวกาศอะไรประมาณนั้น การวางโครงเรื่องกับเขียนหมกไว้อาจจะนานหน่อย ถ้าสนใจก็รออ่านกันได้นะ!
*แก้ไข*
แย่ล่ะ เท่าที่ศึกษามาไม่ว่าจะคิดยังไงรูปแบบที่ใช้ได้จริงที่สุดดันกลายเป็นหุ่นยนต์ประเภทTransformer(เปลี่ยนร่าง)ขนาดใหญ่ซะงั้น(แบบกันดั้มที่ออกช่วงนี้แหละ)
ถ้าจะทำให้อุปกรณ์ประเภทที่สวมแค่แขนขาแถมขนาดไม่ใหญ่เทอะทะใช้ได้จริงก็จำเป็นต้องมีอะไรที่คล้ายฟิลด์สำหรับกันการโจมตีระยะไกลกับความสามารถในการเคลื่อนที่สูง(High mobility) ไม่งั้นโดนสอยตกแถมยังปฎิวัติการทำสงครามไม่ได้ด้วย
ถ้าไม่แสดงความสามารถออกมามากพอก็จะมีศึกปะทะกันของอุปกรณ์รูปแบบเดียวกันน้อยเนี่ยสิ แล้วก็จะกลายเป็นแนวสงครามเต็มรูปแบบอีก ดังนั้นประสิทธิภาพจึงต้องสูงแบบเหวอไปตามกันไว้ก่อน
แต่ถ้าใส่เรื่องการเคลื่อนที่กับฟิลด์ไปทั้งคู่ขนาดที่จำเป็นก็จะโอเวอร์อีก เอาจริงๆฟิลด์นี่สำคัญ เพราะไม่ใช่แค่กันกระสุนทางกายภาพแต่ต้องใช้ในการลดแรงGด้วย(ตรงนี้ได้แนวคิดจากกันดั้มOOค่อนข้างเยอะ) ด้วยความเร็วขั้นต้นที่จำเป็นคือ10มัคและสูงสุดคือ20มัคในความสามารถการเคลื่อนที่สูง(เปลี่ยนทิศทางการเคลื่อนที่ระดับหักมุมได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่ลดความเร็ว) ถึงจะมีชุดซับแรงGแต่โดนลมด้วยความเร็วขนาดนี้ตรงๆมีแต่ตายอย่างเดียว เพราะเป็นอุปกรณ์แบบสวมแขนขาเท่านั้น ฟิลด์ที่ทำหน้าที่คล้ายแคปซูลป้องกันจึงสำคัญมาก
แต่ที่สำคัญตรงนี้ไม่ว่ายังไงก็เป็นปัญหาเรื่องแหล่งพลังงานอยู่ดีเนี่ยสิ เดิมทีถ้าต้องการระยะเวลาปฎิบัติงานนานๆก็จำเป็นต้องหาแหล่งพลังงานที่มากขึ้นด้วยเพราะตัวเครื่องมีพาวเวอร์มาก ผลคือต้องขยายเครื่องเพื่อแหล่งพลังงาน จบลูปเดิม... เอาจริงๆแค่พลังงานสำหรับสร้างฟิลด์ก็ขนาดโอเวอร์แล้วล่ะ ตัดเรื่องการใช้พลังงานที่มีอยู่ในปัจจุบันไปได้เลย
แน่นอนถ้าไม่สนเรื่องพาวเวอร์ของตัวเครื่องกับฟิลด์จะทำแบบอุปกรณ์เสริมแขนขาสเกลตัน? อะไรประมาณนั้นของอเมริกาก็ได้อยู่หรอก แต่มันบินไม่ได้แถมหมดความโรแมนซ์เพราะงั้นไม่เอา ถ้าเน้นความสามารถในการเคลื่อนที่สูงอย่างเดียวประสิทธิภาพก็ไม่ถึงขั้นปฎิวัติสงครามอีก ให้ถูกคือทำไปก็ไม่คุ้ม เพราะต้องหลบดงฝนกระสุนเองนี่ไม่มีใครทำได้หรอก เอาจริงๆโดนแรงลมฉีกเป็นชิ้นๆก่อนด้วยซ้ำ
ดังนั้นเรื่องแหล่งพลังงานจึงต้องเป็นของในจินตนาการล้วนๆ เป็นวิทยาการระดับ200-300ปีข้างหน้าไปเลย ป้องกันเรื่องวิศวกรรมย้อนกลับตั้งแต่ต้นเรื่องได้ด้วยล่ะนะ แต่คงต้องแก้เรื่องแหล่งพลังงานหน่อย เพราะตัวผลิตพลังงานจากศักย์โน้มถ่วงแบบข้างบนที่เคยคิดไว้นั่นต้องแก้ไขอยู่หลายส่วน
ให้ถูกต้องคือเวอร์ชั่นสมบูรณ์ในความคิดผมมันมีปัญหา เช่นผลิตพลังงานมากแถมสะดวกเกินไป เพราะมันไม่มีข้อจำกัดทางพื้นที่เลยตราบเท่าที่อยู่ในจักรวาล ตัวผลิตจะ... ว่ายังไงดีล่ะ แค่อยู่เฉยๆก็ผลิตพลังงานได้กึ่งนิรันดร์แล้ว(ถ้าไม่นับการเสื่อมสภาพของวัสดุก็นิรันดร์แท้ๆเลย) ไม่มีการสูญเสียพลังงานในกระบวนการ หรือก็คือไม่มีความร้อนด้วย ถ้ามีความร้อนจะไปติดตั้งบนอุปกรณ์ใกล้ตัวคนได้ยังไงกัน
แน่นอนว่าอะไรที่มีขนาดเล็กแถมผลิตพลังงานได้แบบนั้นต้องมีความละเอียดในการผลิตขึ้นมาสูงมาก ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ในปัจจุบันไม่มีทางทำได้อย่างแน่นอน เผลอๆอีกหลายร้อยปีก็ไม่มีหรอก ตรงนี้ลังเลอยู่หลายครั้งเลยว่าจะโยงไปที่วิทยาการข้ามกาแล็คซี่ของชาวต่างดาวเลยดีรึเปล่า? เพราะมันจะมีอยู่แค่ไม่กี่เครื่องจนจบเรื่องเนี่ยสิ(เอ๊ะ? หรือว่าผมเพิ่งสปอยล์ไป? พูดตามตรงว่าได้รับอิทธิพลจากกันดั้มOOค่อนข้างเยอะแหละ)
ปัญหาต่อไป พลังงานส่วนเกิน
ตรงนี้ลังเลสุดๆว่าจะแปรสภาพเป็นอะไรดี จะเปลี่ยนเป็นอณุภาคก็ได้อยู่หรอกแต่มันจะดูเลียนแบบOOหน้าด้านๆไปเนี่ยสิ ตรงนี้ยังไงก็อยากให้เป็นออริจินัล
จึงเหลือแต่คลื่น,แสงกับความร้อน ยังไงตรงนี้ก็ตัดความร้อนทิ้ง แสงก็เด่นเกินจนเหลือแต่คลื่น เดี๋ยวนะคลื่นนี่ถ้าใช้ดีๆปล่อยรบกวนระบบสื่อสารก็ได้นี่นา? เอาเป็นคลื่นละกัน!
โอเค! กลับไปเขียนต่อล่ะ! ถึงจะมีเรื่องกังวลอย่างชื่อเพราะตัวละครเยอะก็เถอะ! แต่ไม่เป็นไร! เขียนๆไปเซนส์เรื่องชื่อไว้ทีหลัง!
เนื้อหาข้างบนอาจมีการเปลี่ยนแปลงอีกในภายหลัง
ผลงานอื่นๆ ของ Mukami Rizeru ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Mukami Rizeru
ความคิดเห็น