ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ราชันย์บัลลังก์เลือด

    ลำดับตอนที่ #4 : ผู้ชายใจร้าย 100%

    • อัปเดตล่าสุด 3 ธ.ค. 62




         "จิ้งเอ๋อร์ นี่เจ้าหายไปไหนมา ข้ารอเจ้าตั้งนาน"
         "ข้าขอโทษค่ะศิษย์พี่ เรารีบกลับพรรคกันเถอะนะ ข้าหาอาเสวี่ยเจอแล้วล่ะ"
         ตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว ที่รู้สึกเหมือนมีคนตามนางมา รีบกลับพรรคคงจะดีไม่น้อย
         "....พาคนตามมาเยอะเชียวนะเจ้า"
         "นึกแล้วเชียวว่าคงปิดศิษย์พี่ไม่ได้"
         "เอาเถอะ เจ้าไม่เป็นไรก็ดีมากแล้ว รีบกลับกันเถอะ"
         "ค่ะ"    
         ทั้งสองออกเดินด้วยฝีเท้าที่เร็วจัด ยิ่งออกนอกตัวเมืองมากเท่าไหรความเร็วก็ยิ่งเพิ่มขึ้นมากเท่านั้น พวกคนที่ตามมาก็ยิ่งเผยให้เห็นตัวมากขึ้นเห็นได้ชัดว่าคิดจะลงมือแล้ว
         เมื่อออกนอกเมืองถึงป่าต้นหลิวอิ่นค้วงก็เข้ามากระซิบข้างๆ
         "พวกนี้มีฝีมือดีมาก จิ้งเอ๋อร์ระวังตัวด้วย"
         "ค่ะศิษย์พี่"
         วิชาตัวเบาของจิ้งหลันไม่เป็นสองรองใคร นางเร็วได้พอๆ กับสายลมแต่บัดนี้สายลมกับถูกไล่ตามเอาได้ง่ายๆ เป็นสิ่งที่นางไม่พอใจเป็นอย่างมาก นางรวบรวมปราณไว้ที่เท้าแล้วเร่งความเร็วขึ้นอีกพลันก็ต้องชะงักงันเมื่อมีเงาดำพุ่งตัดหน้าจิ้งหลันหลบได้แบบฉิวเฉียดแต่ก็เสียหลักไปมาก เงาดำอีกหลายสายก็โผล่ขึ้นมาโดนมีจุดมุ่งหมายที่ร่างบาง อิ่นค้วงเข้าประมือกับคนชุดดำดุเดือด ดูก็รู้ว่าพวกนี้ล้วนเป็นยอดฝีมือ สู้ต่อไปมีแต่เสียกัยเสีย
         "ใครส่งเข้ามา"เมื่อเห็นว่าสู้ไปก็ไม่ใช่ว่าจะชนะ นางจึงใช้วิธีสันติดีกว่า
         "ไม่ใช่เรื่องที่ท่านต้องรู้"
         "งั้นเจ้าต้องการอะไร"นางถามต่อ
         "ตัวท่าน"คนชุดดำตอบรวดเร็ว
         "เช่นนั้นฝันเอาเถิด"อิ่นค้วงซัดฝ่ามือใส่อย่างรวดเร็ว ร่างดำๆ กระเด็นไปไกลและกระแทกเข้ากับต้นไม้อย่างจังจนกระอักเลือดออกมาลิ่มใหญ่
      
         "ว้าว ศิษย์พี่ ท่านฝึกสำเร็จแล้ว" 
         "ไม่งั้นก็เสียชื่อศิษย์พี่ของเจ้าแย่สิ"
         "งั้นดูของข้าบ้าง..."
        
         ร่างบางรวมปราณไว้ที่ฝ่ามือทั้งสองข้างก่อนกระจายปราณนั้นไปรอบๆ เคลือบฉาบใบหลิวที่ร่วงหล่นตามแรงลม บัดนี้ใบหลิวบางเบาคมดุจใบมีดพุ่งตรงไปยังคนชุดดำทั้งหลาย นางใช้ปราณบังคับใบหลิวหลายใบพร้อมกันให้เชือดเฉือนคนชุดดำจนเลือดอาบไปตามๆ กัน เมื่อเห็นว่าคงไม่สำเร็จที่จะได้ตัวนางโดยไร้รอยขีดข่วน คนพวกนั้นจึงล่าถอยออกไป
         "เจ้าเองก็ใช่ย่อยนี่"
         "ค่ะ...แต่เหนี่อย เฮ้อ"
         "เจ้าคงต้องงดออกจากพรรคซักพักแล้วล่ะ"
         "ค่ะ ข้าก็ว่าอยางนั้น"


         ตกดึก...

         จิ้งหลันนั่งรับลมเย็นข้างหน้าต่างในห้องนอนของนางเอง พระจันทร์คืนนี้ทอแสงสวยยิ่งกว่าทุกวัน นางคิดถึงผู้ชายใจร้ายคนนั้น ไม่รู้ทำไมถึงต้องนึกถึงเขาแต่ดวงตาคมกริบนั้น...นางไม่สามารถลบออกจากความทรงจำได้จริงๆ
         กลิ่นหอมขอดอกไม้ราตรีที่นางปลูกเอาไว้โชยอ่อน นางยกชาหอมขึ้นจิบก่อนจะล้มตัวลงนอนและนิทราไปในที่สุด....

         จิ๊บๆๆ
         เสียงนกร้องขับขานไพเราะดังเช่นทุกเช้า แต่เช้านี้นางกลับไม่อยากจะลุกขึ้นมาเลยจริงๆ คงเป็นเพราะเมื่อวานนางใช้ปราณไปเยอะ จึงทำให้เหนื่อยเช่นนี้
         ร่างเล็ก ซุกตัวลงในผ้าห่มอุ่นๆ แล้วหลับต่อไป
         "อ๊ะ ไม่ได้สิ วันนี้ข้าต้องเล่นพิญให้ท่านพ่อฟังนี่นา...อือออออ"
         นางลุกขึ้นบิดขี้เกียจไปมาดั่งจะเกียจคร้านราวลูกแมวน้อย
         เมื่อตื่นเต็มตาสติแจ่มใสแล้ว นางก็ต้องเบิกตากว้าง ที่นี่มันที่ไหนกัน!!  ไม่ใช่ห้องของนางเสียหน่อย!!!
         จิ้งหลันกวาดสายตามองรอบกาย นางพบแต่ข้าวของเครื่องใช้ราคาแพงล้ำค่า เตียงอุ่นนี่บุนวมอย่างดี ทำให้นอนสบายไม่ปวดหลัง ผ้าห่มเนื้อดีปักเลื่อมลายสวยงาม ห้องโออ่างดงามราวกับอยู่ในราชวังอย่างนั้น

         "คุณหนูซือถู ตื่นแล้วหรือเจ้าคะ"เสียงอ่อนหวานดังขึ้น นางหันไปมองพบสาวน้อยแรกแย้มสองคนหน้าตาแฉล้มน่ารักพร้อมมวยผมเล็กๆ สองก้อนยืนอยู่หน้าประตู
         "..เอ่อ...ใช่..." จิงหลันหรี่ตามองอย่างระแวดระวัง
         "ข้าเตรียมน้ำล้างหน้าไว้ให้ท่านแล้ว เชิญทางนี้ค่ะ"
         "นี่คือที่ไหนกันแม่นางน้อยทั้งสอง" นางสำรวจดูสาวน้อยอย่างถี่ถ้วยอีกครั้งเพื่อยืนยันว่าพวกนางไร้วรยุทธ์
         "มาล้างหน้าก่อนดีกว่าค่ะคุณหนูซือถู"
         "อืม..."
         ด้วยความมึนงง นางได้แต่เดินตามทั้งสองไปต้อยๆ เมื่อล้างหน้าทำธุระเสร็จทั้งสองก็จับนางใส่ชุดสวยสีขาวสะอาดตา ผ้าพันเอวสีม่วงเข้มปักลายเลื่อมเงินอ่อนช้อยทิ้งชายระสะโพกและต้นขางามระหง เรือนผมถูกรวบขึ้นครึ่งศีรษะประดับด้วยดอกไม้ดอกเล็กๆ สีม่วงและสีขาวอีกส่วนทิ้งตัวเหยียดตรงระแผ่นหลัง
        
         "คุณหนู...เชิญค่ะ นายท่านรอคุณหนูอยู่ที่อุทยาน"
         "อ้อ..."นายท่านไหนกันล่ะนี่
         นางเดินตามสองสาวแรกแย้มอีกครั้ง นี่เป็นจุดอ่อนที่ใหญ่ที่สุดของจิ้งหลัน นางอะไรก็ดีหมด เว้นแต่ตอนตื่นนอนจะมึนงงเป็นพิเศษ ใครว่าอะไรว่าตามนั้น พาไปไหนนางก็ไปกันเขาได้หมด


         ใบเฟิง(ใบเมเปิ้ล)สีแดงสดปลิดปลิวตามแรงลมก่อนจะร่วงหล่มลงสู่พื้นหินสีขาวทำให้อุทยานนี้ดูหรูหรายิ่งขึ้นกว่าเดิมมากนัก
         กลางอุทยานนั้น มีซุ้มที่นั่งสีขาวบริสุทธิ์ตั้งอยู่ ที่โต๊ะตัวโตนั้นมีบุรุษรูปร่างสูงใหญ่นั่งอยู่ อาภรณ์ผ้าเนื้อดีสีดำเป็นมันปีกดิ้นเงินรูปมังกรทะยานดูสูงศักดิ์ เครื่องประดับล้วนมีราคาซ้ำยังน่าเกรงขาม
        
         "ตื่นแล้วหรือ นอนสบายดีไหม"
         "จะ....เจ้า คนใจร้ายเมื่อวานนี้!! ทำไม...ทำไม..."
         เมื่อย่างก้าวเข้ามาใกล้ นางก็เจอกับใบหน้าที่คุ้นเคยทั้งที่เพิ่งพบเจอเมื่อวานนี้ ดวงตาสุกใสเบิกกว้าง สวรรค์ นี่ข้าไปก่อเรื่องกับใครเข้ากันนี่!!
         "เจ้า...เอ่อ...ท่านเป็นใครกันแน่" นางเหลือบมองมังกรปักตัวนั้นที่กำลังกางกรงเล็บ... ห้าเล็บ...
         นางเอ่ยถามเสียงแผ่วเบา เกรงเหลือเกินว่าจะเป็นคนคนเดียวกับที่นางคิดไว้
         "เจ้าคิดว่า... ข้าเป็นใครล่ะ จิ้งเอ๋อร์...."
         "เจ้า...ท่านอย่ามาเรียกข้า...หม่อมฉันอย่างนั้นนะ...เพคะ"
         "ก็ดูเหมือนจะรู้นี่ว่าข้าคือผู้ใด นับจากนี้ไป เจ้าต้องเข้ามาอยู่ในวังหลังห้ามออกไปไหนทั้งสิ้น เรื่องครอบครับของเจ้า ข้าให้เฉินกงกงส่งราชองค์การไปเรียบร้อยแล้ว พรรคน่าหลันยิ่งใหญ่แค่ไหน...ย่อมไม่อาจเทียบรัศมีวังหลวงได้ เจ้าเองก็ควรระวังข้อนี้ให้ดี อย่าฝ่าฝืนคำสั่งของข้า หากเจ้าทำให้ข้าไม่พอใจ พรรคของเจ้าอาจจะสูญหายไปเลยก็ได้"

         ฟงอวิ๋นกล่าวว่าด้วยใบหน้าเย็นเหยียบหากเป็นผู้อื่นมาฟังคงกลัวกันหัวหด แต่นี่เป็นนาง...

         "ฝ่าบาท...อย่าทรงดูถูกพวกเรามากนัก ที่ท่านยังดำรงดำแหน่งนี้ได้ ก็เพราะมีน้ำใต้ท้องเรืองอย่างพวกหม่อมฉันพะยุงอยู่ หากวันใด น้ำใต้เรือนั้นเกิดคลื่น...ต่อให้เรืองลำใหญ่เพียงใด มันก็ล่มได้เช่นกัน"
         "เจ้า!! ขวัญกล้ายังไงมาลามปามข้าแบบนี้!!"
         "หรือไม่จริงเล่าฝ่าบาท โบราณว่าไว้ ฮ่องเต้ก็เหมือนเรือ ประชาชนก็เหมือนน้ำใต้เรือ ฮ่องเต้ดีประชาชนจะคอยเกื้อหนุน แต่หากฮ่องเต้โหดร้ายไร้คุณธรรมประชาชนก็จะลุกฮือขึ้นมาได้เหมือนกัน ยิ่งหากได้พรรคใหญ่สนับสนุน วังหลวงก็วังหลวงเถอะ ยังไม่แน่ว่าอาจจะชนะ!!!"
         "....ฮ่าๆๆๆ  ดีแล้วที่เจ้าไม่กลัวข้า...ดีเหลือเกิน แต่เจ้าอย่าลืมนะ ว่าหากเกิดสงคราม ไม่ว่าฝ่ายไหนย่อมมีคนสูญเสีย และข้าเองก็ไม่สนว่าทหารของข้าจะต้องดับสูญไปเท่าไร แล้วเจ้าเล่าจะยอมให้พี่น้องในพรรคเสี่ยงกับสงครามที่ไม่แน่ว่าจะชนะเช่นกันหรือ..."
         "เจ้า...เจ้ามันโหดเหี้ยมต่ำช้ากว่าที่ข้าเคยได้ยินมาเสียอีก!!"
         จิ้งหลันจ้องบุรุษที่หัวเราะอย่างเย้ยหยันหนำซ้ำยังใช้ตาคมนั้นจ้องนางจนแทบพรุนไปทั้งร่าง หากทำได้นางอยากจะตบหน้าเขาสักฉาดแล้วให้อาเสวี่ยข่วนเสียให้หน้ายับ สวรรค์ ที่เขาว่าโอรสวรรค์องค์ปัจจุบันโหดเหี้ยมนั้นเป็นจริงเกินคาด ยังดีที่เขาพอมีคุณธรรม ทำให้ชาวเมืองอยู่เย็นเป็นสุขใส่ใจเรื่องปากท้องชาวบ้าน ทำให้คนส่วนมากเคารพรักเขามาก

         ที่เขาจงใจจับนางมาเช่นนี้ แสดงว่าต้องระแคะระคายเรื่องที่พรรคของนางแอบติดต่อกับคนมองโกลผู้นั้นสินะ ไม่น่าเลยจริงๆ...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×