คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ซือถูจิ้งหลัน
เช้าตรู่ พรรคน่าหลัน เมืองหลวงจงหยวน
เสียงนกขับขานในยามเช้าสอดประสานกับเสียงพิญลื่นพริ้วไปกับสายลมอ่อนๆ สวยหย่อมเล็กๆ ภายในพรรคมีดอกไม้งามสีสันแปลกตาหลายดอกสิ่งกลิ่นหอมหวานประชันไม่หยุดหย่อน เหยี่ยวตัวโตบินโฉบไปมามันมีขนสีเทาเป็นประกายเงางามบ่งบอกถึงการดูแลให้ความรักของเจ้าของมัน
"จิ้งเอ๋อร์เอ๋ย นับวันเสียงพิญของเจ้าจะเทียบเทียมเสียงสวรรค์เข้าไปทุกที มา พ่อจะให้รางวัลเจ้า"
"ท่านจะให้อะไรลูกเจ้าคะท่านพ่อ"
ซือถูชิงหวินโบกมือวูบ พลันเด็กรับใช้ก็ยกกรงไม้ขนาดกลางเข้ามาในห้องรับรอง จิ้งเอ๋อร์มองสิ่งที่อยู่ข้างใจตาเป็นประกายระยับ
"ลูกจิ้งจอกหิมะ!! ท่านพ่อไปได้มาจากที่ไหนเจ้าคะ"
"ศิษย์ในพรรคของเราไปเจอแม่ของมันถูกนายพรานยิงเข้า เห็นว่ากำลังจะฆ่าลูกของมัน ศิษย์ในพรรคเราจึงขอมาเพราะเห็นว่าเจ้าอยากได้มันนักหนา"
"ศิษย์คนไหนของเราคะท่านพ่อ"
มือบางเลื่อนฝากรงออก ค่อยๆ ประคองจิ้งจอกน้อยที่อ่อนแรงออกมา มันส่งเสียงขู่ฟ่อพร้อมขนที่ตั้งชันเพื่อข่มขู่นาง จิ้งเอ๋อร์ยิ้มน้อยๆ แล้วลูบหัวเล็กๆ นั้นอย่างเบามือ
"โถ ไม่ต้องกลัวแล้วนะเจ้าจิ้งจอกน้อย เจ้าอยู่ที่นี่เจ้าจะปลอดภัย ไม่มีใครทำอะไรเจ้าได้ ข้าจะตั้งชื่อเจ้าว่าอะไรดีนะ...ท่านพ่อว่าไงคะ"
"เป็นจิ้งจอกหิมะ ชื่อเสวี่ยไปเลยดีไหมลูกพ่อ"
"ก็ดีนี่คะท่านพ่อ ดีไหม อาเสวี่ย"จิ้งเอ๋อร์ยิ้มร่าพลางเขี่ยใบหูเสวี่ยอย่างอารมย์ดี
วิ้ดดดดด
นางเป่าปากเบาๆ เรียกเหยี่ยวตัวโตเข้ามาในห้องนั้น จิ้งเอ๋อร์ใช้ผ้าพันแขนบางไว้เพื่อป้องกันกรงเล็บคมของหลิน
มันใช้จงอยปากงับนิ้วของนางเบาๆ จากนั้นก็จ้องมองจิ้งจอกตัวน้อยที่อยู่บนโต๊ะสูงรอบกายมีผ้าสีขุ่นรองอยู่รอบๆ
"นี่คืออาเสวี่ย ถือเป็นน้องเล็ก เจ้าเป็นพี่ใหญ่ห้ามรังแกน้องเด็ดขาด เข้าใจไหมอาหลิน"
แกว๊กกกกกก
มันร้องคล้ายจะยอมรับจิ้งจอกน้อยเป็นน้องเล็ก จิ้งหลันมักจะเอ็นดูและใจอ่อนกับสัตว์อยู่เสมอ เพราะอย่างนั้นพรรคน่าหลันจึงมีสัตว์ต่างๆ วิ่งพล่านทั่วสวนไปหมด แต่กลับไม่เคยมีสัตว์ตัวไหนกันกันเองซักทีเพราะจิ้งหลันมีวิธีการเลี้ยงสัตว์ที่เป็นเอกลักษณ์ของนางเอง
เมื่อวันเวลาพ้นผ่านจิ้งหลันยิ่งมีความผูกนพันธ์กับจิ้งจอกน้อยเป็นพิเศษดูเหมือนมันจะเข้าใจทุกคำสั่งของนางอีกทั้งดูเหมือนมันจะมองจิ้งหลันเป็นเหมือนมารดาของมันไปเสียแล้ว ทุกวันเจ้าจิ้งจอกน้อยจะมาปลุกจิ้งหลันด้วยการตะกายผ้าห่มจากนั้นจะนั่งเรียบร้อยรอนางทำธุระส่วนตัวยามเช้าแล้วจึงรับประทานอาหารเช้าพร้อมนาง เมื่อจิ้งหลันบรรเลงเพลงพิญ มันจะนอนหูแนบพื้นฟังเสียงพิญที่นางเล่นนอกจากนั้นยังแสนรู้สารพัดจิ้งหลันจึงรักมันมากเป็นพิเศษ
ในตอนสาย จิ้งหลันฝึกวิทยายุทธ์อยู่ในสวน ฝีมือนางจัดว่าเยี่ยมยอด แม้จะเป็นรองประมุขพรรคอยู่สองส่วน แต่ก็ยังถือว่าดีเลิศนางเป็นบุตรีคนเดียวของประมุขเป็นบุตรีที่ซือถูชิงหวินทั้งรักทั้งถนอมนางดั่งแก้วตาดวงใจ เมื่อยังเล็กไม่รู้ความ มารดาของนางเสียชีวิตไปด้วยสุขภาพร่างกายที่อ่อนแอ ประมุขกลัวว่านางจะประสพชะตากรรมเดียวกับมารดา จึงฝึกให้นางเข้มแข็งมาแต่เล็ก นางจึงมีสุขภาพที่สมบูรณ์และมีหน้าตาที่งดงามตามมารดาของนาง จิ้งหลันถูกจัดอันดับให้อยู่ในอันดับหนึ่งของเมืองหลวงจงหยวน แม้ว่านางจะไม่ค่อยยอมแต่งตัวสวยงามแต่นางก็ยังเป็นสาวงามอันดับหนึ่งของจงหยวนได้อยู่ดี ด้วยใบหน้าเรียวได้รูป คิ้วเฉียงพาดผ่านดวงตากลมโตสุขใสดุจกวางป่า ริมฝีปากจิ้มลิ้มสีกุหลาบ พวงแก้มอ่อนใสเป็นสีเลือดฝาดสุขภาพดี ผมดำเป็นประกายเงางามเหยียดตรงทิ้งตัวระแผ่นหลังบาง ผิวเนียนละเอียดดั่งหยกน้ำนมล้ำค่าประเมินราคามิได้ หนำซ้ำนางยังเป็นบุตรีประมุขพรรคใหญ่ที่ร่ำรวยเป็นอันดับต้นๆ ที่ไม่ว่าใครก็ต้องรู้จักพรรคน่าหลัน
"จิ้งเอ๋อร์ ฝีมือเจ้าก้าวหน้าขึ้นมาก อีกเดี๋ยวเจ้าคงไม่ต้องให้ข้าสอนแล้วกระมัง"
"โธ่ ศิษย์พี่ก็ ข้าน่ะวรยุทธ์อ่อนด้อยกว่าท่านตั้งเยอะ ท่านสอนข้าต่อน่ะดีแล้ว"นางพูดจาฉอเลาะกับอิ่นค้วง ศิษย์ที่ในพรรคที่นางสนิทที่สุด อิ่นค้วงนับเป็นพี่ใหญ่ของพรรค ด้วยวิทยายุทธ์ที่ดีเลิศเป็นรองเพียงประมุขพรรค อีกทั้งยังมีหน้าตาที่หล่อเหลาไว้ให้จิ้งหลันใช้เขาเป็นไม้กันสุนัขที่มาตอแยนางอีกด้วย
"วันนี้ข้าจะไปเดินเที่ยวที่ตลาดในเมือง เจ้าจะไปกับข้าไหม"
"ไปสิ ข้าไป เอาเจ้าเสวี่ยไปด้วยนะ มันอยากไปเที่ยวกับข้า"
"ฮ่าๆๆ ได้สิได้ตามประสงค์เจ้าทุกอย่างจิ้งเอ๋อร์"
จิ้งหลันออกมาเดินตลาดพร้อมกับอิ่นค้วงและเจ้าเสวี่ย นางสวมอาภรณ์สีม่วงเข้มแซมด้วยสีขาวมีผ้าคลุมหน้าปิดเอาไว้ เผยให้เห็นเพียงบริเวณดวงตาคู่งามส่องประกายสดใสเท่านั้น นางใช้เวลาเกือบทั้งวันเดินเข้าร้านนั้นออกร้านนี้ ได้ของติดไม้ติดมือมากมาย จวบจนตกเย็นนางจึงแวะเข้าโรงเตี๊ยมวังจา โรงเตี๊ยมชั้นหนึ่งของเมืองหลวงสั่งอาหารมาทานมากมาย อีกทั้งยังสั่งกระดูกอ่อนให้เสวี่ยได้แทะกินอีกด้วย
ทั้งสองทานไปดูบรรยากาศรอบข้างไปก็ต่างมีความสุข เสียงเพลงขับกล่อมฟังสบายคลอเบาๆ จนลืมเสวี่ยตัวน้อยที่แทะกระดูกอ่อนจนหมดแล้วและกลิ้งกระดูกนั้นเล่นไปมา เจ้าเสวี่ยแสนซนบังเอิญกระโดดงับกระดูกชิ้นโตพลาด ส่งให้อาหารโอชะของมันกระเด็นไปนอกร้าน มันมองอย่างนึกสนุก ออกวิ่งตามกระดูกนั้นไป....
"ข้าอิ่มแล้วล่ะศิษย์พี่ กลับกันเถอะ"
"นั้นสินะ อาจารย์คงคอยแย่แล้ว"
"เสี่ยวเอ้อร์ เก็บเงินด้วย เอาล่ะอาเสวี่ย...อาเสวี่ย..."
"มีอะไรหรือจิ้งเอ๋อร์"
อิ่นค้วงเอ่ยถามนางที่เหลียวมองรอบกายดวงตาตระหนก ปากก็ร้องหาเจ้าจิ้งจอกตัวน้อยนั้น
"เจ้าเสวี่ยหายไป... มันหายไปแล้วศิษย์พี่!"
"เดี๋ยวเจ้าใจเย็นๆ ก่อนนะจิ้งเอ๋อร์ มันอาจจะอยู่แถวๆ นี้ก็ได้ ข้าจะช่วยเจ้าหาอีกแรงนะ ใจเย็นๆ ก่อน"
"ค่ะศิษย์พี่"
ทางด้านเจ้าเสวี่ยดูเหมือนมันจะรู้ตัวว่าเล่นเลยเถิดออกมานอกร้านไกลเกินไปเสียแล้ว มันร้องหาเจ้าของเสียงดังผู้คนมากมายเดินไปมาทำเอามันมึนงงและหวาดกลัว มันซุกตัวอยู่ในซอกเล็กๆ ในตรอกเพื่อหลบเท้าของคนที่สัญจรไปมา ร่างเล็กๆ นั่นสั่นไหว ใบหูตกลู่ มันสะดุ้งสุดตัวเมื่อมีมือใหญ่ดึงหนังด้านหลังคอของมันขึ้น
เอ๋ง~~
"ลี่เหริน เจ้ามาดูนี่สิ"
"ครับคุณชาย"ดวงหน้าหวานมองสิ่งที่ฟงอวิ๋นถืออยู่แล้วหันกลับมาถาม
"นั่นลูกจิ้วจอกหิมะนี่ มาอยู่ในที่แบบนี้ได้ยังไงกัน"
"นั่นสิ คงต้องหลงมาจากบ้านไหนซักหลัง อาจจะเป็นร้านจากหนังสัตว์ขนสัตว์ก็ได้ เขาว่าหนังจิ้งจอกหิมะขายได้ราคาดีไม่ใช่รึ?"
ฟ่อ~~~
"กล้าขู่ข้าด้วยงั้นหรือ กล้าไม่เบาเจ้าตัวน้อย"
โฮ่งๆๆ
เสวี่ยเห่าเสียงดังทั้งยังแยกเขี้ยวขาวใส่เขา สี่ขาตะกุยแขนเสื้อเขาเสียไม่มีดี ดุแบบนี้ดูท่าคงไม่มีเจ้าของกระมัง
แกว๊กกกกกก
พลันเหยี่ยวสีเทาตัวโตก็บินโฉบเข้ามาหา เขาปัดป้องมันด้วยท่อนแขนแกร่งแต่ด้วยความไม่ระวังจะถูกกรงเล็บคมเฉี่ยวเป็นแผลยาวทว่าไม่ลึก
"ฝ่าบาท!!"ลี่เหรินรี่เข้ามาดูบาดแผล เมื่อพบว่าไม่ลึกมากก็วางใจ ฟงอวิ๋นใช้ดวงตาคมจับจ้องที่เหยี่ยวนั้นและเมื่อมันบินโฉบมาอีกครั้งเขาก็ตั้งท่าซัดฝ่ามื่อใส่มันทันที
"อย่านะ!!!"
ฟิ้ว!!!
ฉึก!!!
ฟงอวิ๋นชะงักมือเมื่อเห็นปิ่นเงินพุ่งมายังเขาเขาปัดมันออกไปจนมันเฉไปปักอยู่ที่กำแพงปูนลี่เหรินเห็นสถานการณ์ไม่ดีตั้งท่าเตรียมอารักษ์ขาราชาทันที
"เจ้าใจร้าย!!"เสียงใสแหวขึ้นมา ทั้งสองมองไปยังร่างบางที่เป็นผู้ซัดปิ่นเงินนั่น นางรี่เข้ามาแย่งลูกจิ้งจอกหิมะจากเขาและลูบขนมันอย่างถนอม เจ้าจิ้งจอกพอเจอนางก็ร้องหงิงๆ ต่างจากเมื่อครู่ฟ้ากับดิน เจ้าเหยี่ยวสีเทานั้นก็บินมาเกาะคอนไม้ใกล้ๆ นางอีกด้วย
"เหยี่ยวของเจ้าทำร้ายข้าก่อน"เขาเปรยขึ้น
"ไม่จริง อาหลินของข้าข้าสอนมาดี มันไม่ทำร้ายใครก่อนแน่นอน เจ้าคงกำลังทำร้ายอาเสวี่ยอยู่ล่ะสิ เฮอะ! สมน้ำหน้า ทีหลังจำไว้อย่ารังแกสัตว์"นางเถียงเอาเป็นเอาตาย
"ข้าก็แค่หยิบมันมาดู สุนัขของเจ้าต่างหากที่ตะกุยแขนเสื้อข้าเสียยับ"
"เจ้าทำมันเจ็บ ไม่งั้นเสวี่ยไม่ทำอย่างนั้นแน่นอน"
"รู้ดีจริงนะ เป็นพันธ์เดียวกันมันหรือไง"
"หนอย เจ้า!!"
จิ้งหลันพอถูกยั่วโทสะพลันรู้สึกทนไม่ได้ วางอาเสวี่ยแล้วปรี่เข้าไปหาร่างสูงนั้นหมายจะสั่งสอนให้รู้สึก แต่ก็ถูกมือใหญ่นั้นปัดป้องได้ทุกครั้งไป ยิ่งเห็นเช่นนั้น นางยิ่งรู้สึกโหโมระดมทั้งหมัดทั้งฝ่ามือใส่ไม่ยั้งฟงอวิ๋นเห็นท่าไม่ดีจึงรั้งแขนนางไว้แล้วบิดไปด้านหลังทำให้ตอนนี้เขาและนางอยู่ห่างกันเพียงคืบ ผ้าผืนบางที่นางใช้เปิดหน้าเกิดเลื่อนหลุด ใบหน้างามค่อยๆ ปรากฏ ฟงอวิ๋นมองดวงหน้านั้นตะลึงงัน ลี่เหรินที่มองดูสถานการณ์อยู่ห่างๆ ก็ตกใจไปด้วย
ร่างบางที่กำลังเสียเปรียบ เห็นว่าศัตรูกำลังเผลอไผลจึงซัดมืออีกข้างที่เป็นอิสระเข้าที่ท้องน้อยของเขาทันทีแล้วสะบัดตัวหลุดมาจากเงื้อมมือใหญ่จนได้
"เจ้า...."
"แบร่...ผู้ชายใจร้าย ชาตินี้อย่าได้เจอกันอีกเลย แบร่ๆๆๆ"นางแลบลิ้นใส่เขาแล้ววิ่งหนีออกไปพร้อมกับจิ้งจอกหิมะและเหยี่ยวตัวโต
ฟงอวิ๋นมองตามหลังบอบบางนั้นไปและก้มลงหยิบผ้าผืนบางสีขาวของจิ้งหลันขึ้นมาและกำไว้แน่นแนบอก
"ตามหานาง ตามให้เจอแล้วพานางมาหาข้า จำเอาไว้ว่า นางต้องไร้รอยขีดข่วน!!"สุรเสียงทรงอำนาจออกคำสั่งทั้งที่ข้างกายเขานอกจากลี่เหรินก็ไม่มีใครอื่นอีก
"น้อมรับคำสั่ง!!"
เสียงดังก้องออกมาจากรอบทิศ นี่คือเสียงของหน่วยหลี่เฮิ่นเทียนอันเป็นองค์รักษ์ที่ขึ้นตรงกับองค์ราชาโดยเฉพาะ ทุกคนในหน่วยได้รับการฝึกอย่างหนักมาแต่เล็ก จึงมีเพียงยอดฝีมือเท่านั้นที่สามารถอยู่ในหน่วยนี้ได้ หลี่เฮิ่นเทียนไม่ได้เป็นเพียงดั่งแขนขาของราชาแต่ยังเป็นดาบที่พร้อมจะทะลวงอริศัตรูให้พินาศอีกด้วย...
ความคิดเห็น