ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Rate Y Story "DollAWh"

    ลำดับตอนที่ #1 : part : 1

    • อัปเดตล่าสุด 3 ธ.ค. 62



    ~ดอกบัวตองนั้นบานอยู่บนยอดดอย
    ดอกเอื้องสามปอย บ่เกยเบ่งบานพ้นลานพื้นดิน
    ไม้ใหญ่ไพร่สูง นกยูงมาอยู่กิน
    เสียงซึงสะล้อ จ้อยซอเสียงพิญ
    คู่กับแดนดิน ของเวียงเชียงใหม่
    สาวเจ้าควรภูมิใจ บ่ลืมว่าเฮาลูกแม่ระมิงค์~

         เสียงใสๆ ขับร้องทำนองไพเราะออกมาจากริมฝีปากบางใสสีชมพูระเรื่อ....แทบไม่น่าเชื่อเลยว่า เสียงหวานๆ อย่างนี้จะเป็นผู้ชาย
         เขาคนนั้นนั่งไขว่ห้างอยู่บนเก้าอี้ตัวโปรดในห้องชมรม “ชาวเหนือ” บนตักของเขามีเครื่องดนตรีที่เรียกว่า ซึง อยู่ และเขาก็กำลังดีดมันอย่างชำนิชำนาญ
         ท่ามกลางสายตาของรุ่นน้องและรุ่นเพื่อนในชมรมเดียวกันเขาเล่นดนตรีได้อย่างดีเยี่ยม นิ้วเรียวยาวดีดสายแต่ละสายเป็นจังหวะน่าฟังและเมื่อเสียงเพลงจบไป เสียงปรบมือก็เข้ามาแทนที่


        เฮฮา~  เฮฮา~  เย้เย~ 


         “อ้ายคิลเก่งเนอะครับ” เสียงเด็กสถาปัตย์ปี 1 ดังขึ้นมาก่อนเพื่อน
         “ก็อ้ายเปิ้นเป๋นประธานชมรมเฮานิ่ “ เด็ก ถา’ปัต อีกคนดังขึ้นมา
         “เฮาก็คนเหนือหนา แต่เฮายังฮ้องเพลงนี้บ่จ้างเลย”
         “ไผจะหยั่งคิง บ่ล้วก บ่ล้วกแต๊ๆ เลยผา “
         “เออๆๆ กำคิงนี่ล้วกนักนิ่”
         “ป๊ะกั๋นเมื่อใดขบกันสะลวด...น้องสองคนนี้หนา ไปผาไปเก๋บเครื่องดนตรีเข้าตู้ ส่วน..ลิงค์เพ้วห้องตวย วันนี้อ้ายปิ้กเร็ว”
         “อ้ายคิล จะไปไหนก๊ะเจ้า” น้องเพลง สาวเด็กเชียงราย สาวนิเทศปี 3 ไถ่ถามรุ่นพี่ปีสุดท้ายที่เป็นประธานชมรม
         “น้องเพลง อ้ายฝากห้องตวยเน้อ”
         “เจ้า...ปิ้กดีๆ เน้ออ้ายคิล”
         “^^”

    --------------------------------------------------------------------------------------------------------


         “ไอซ์ รอเรานานไหม”
         “ไม่นานนี่ ไม่เห็นต้องรีบมาเลย เราบอกแล้วว่าเรารอได้”
         “ก็เราไม่อยากให้ไอซ์มานั่นรอเรานี่ ป่ะ ไปกันเถอะ”
         เขายิ้มร่าแล้วเดินออกไปกับเธอ เขา..นายคิล อาซาซิน บัญชีปีสุดท้าย ดีกรีเดือนคณะอันเป็นตำนาน พ่วงด้วยประธานชมรมและนักศึกษาดีเด่น ชีวิตเขาเต็มไปด้วยคำสรรเสริญเยินยอ ไม่เคยพบคำตำหนิ ติเตียนให้ระคายหู ด้วยเป็นคนที่สมบูรณ์แบบทั้งรูปร่าง หน้าตา ฐานะและมันสมอง
         แต่ทว่า...คนเรา เมื่อเกิดเป็นคนแล้วนั้นมีสุขย่อมมีทุกข์เป็นของคู่กันเป็นธรรมดาโลกและเรื่องที่ทำให้เขาทุกข์ใจมาเป็นเวลานานคือ...เธอคนนี้...ไอซ์ ‘เพื่อน’ ของเขาคนนี้นี่เอง
         ไอซ์ ไอศิยา คณะเดียวกัน ปีเดียวกัน ห้องเดียวกันกับเขาเธอเป็นลูกครึ่ง ไทย – ฝรั่งเศส จึงมีนามสกุลต่อท้ายว่า ‘เพอร์เซีย’
         เมื่อ3 เดือนก่อน คิลได้รู้เรื่องที่ทำให้เขาเสียใจมากขึ้น เขาได้เรียนรู้ว่า คำว่าอกหักตั้งแต่ยังไม่เริ่มเป็นยังไง
         เมื่อเธอคนนั้นเดินเข้ามาบอกเขาด้วยใบหน้าเป็นสุขว่า ‘คิล..เรามีแฟนแล้วนะ’
    เพียงได้ยินเท่านั้น การมองเห็นของเขาก็เหมือนจะมืดหม่นไปทันตา
         มีเพียงคำว่าเพื่อนเท่านั้นที่ทำให้เขาสามารถอยู่ใกล้ชิดสาวร่างบางคนข้างๆ นี้ได้...คำว่า ‘เพื่อน’

         ร้านอาหารข้างมหวาวิทยาลัย....

         “คิล นายเลือกได้หรือยังว่าจะฝึกงานที่ไหน”
         “นั่นสินะ ยังไม่รู้เลย ไอซ์ฝึกงานที่ไหนล่ะ ที่บริษัทของพี่ชายหรือ”
         “อ่า...แฮะๆ เปล่าหรอก เราไปฝึกงานกับพี่เกมส์สุดที่รักของเราดีกว่า อิอิ” เธอหัวเราะน่ารัก
         พี่เกมส์ของไอซ์ก็คือแฟนของเธอนั่นเอง เขาเป็นเพื่อนของพี่ชายไอซ์อีกที พี่เกมส์เป็นคนหน้าตาดี พูดจาก็ดี หน้าที่การงานทุกอย่างดีหมด อายุเพียงยี่สิบปลายๆ ก็สามารถรับช่วงบริษัทของผู้เป็นบิดามาดูแลอย่างเต็มภาคภูมิ พี่เกมส์กับไอซ์รู้จักกันมาก่อนผม ผม...เลยไม่มีสิทธิ์จะไปแทรกระหว่างคนทั้งสองได้ เลยต้องมีรับหน้าที่เป็นเพื่อทั้งที่อยากเป็นอย่างอื่นใจแทบขาด


         “ดีจัง...เรายังหาไม่ได้เลย” ไม่ได้หามากกว่าถ้าจะให้พูดชัดๆ
         “งั้นคิล ไปฝึกงานที่บริษัทของพี่ชายเราไหม”
         “จะดีเหรอ เราไม่เคนเจอพี่ชายไอซ์เลยน่ะ”
         “ดีสิ พี่ชายน่ะใจดีจะตาย”
         “อืม...เอาอย่างนั้นก็ได้..ขอบคุณนะ”
         “จ้า ก็เราเป็นเพื่อนกันนี่” ไม่เอาได้ไหหมคำนี้...

         นี่ล่ะครับ...จุดเริ่มต้น ‘นรก’ ของผม...

         ในเช้าวันจันทร์ วันฝึกงานวันแรกของผม ผมแต่งตัวด้วยเครื่องแบบสถาบันเท่าที่ผมคิดว่าเรียบร้อยมากที่สุด ผมน่ะ นักเรียนดีเด่นเชียวนะ จะให้ใครมาว่าได้ไง เสียสถาบันหมด
         ผมเริ่มทานอาหารเช้าอย่างง่ายๆ ไปอย่างรวดเร็วเพื่อที่จะได้ให้ถึงบริษัทของพี่ชายไอซ์ได้เร็วขึ้น เปล่าน่ะ...ผมไม่ได้สาย ผมแค่อยากไปให้ถึงเช้าๆ เท่านั้นเอง
         วันนี้รถมันติดดีจริงๆ ทำเอามาสด้า 3 ของผมแน่นิ่งอยู่กับที่ ถึงขยับทีก็เหมือนคลาน ให้ตายสิ กรุงเทพรถติดเสมอ อยากกลับไปลำปางจัง ถนนโล่งดี ซิ่งได้ หึๆ
         เอาล่ะ ถึงซะที Persie Company หรูหราอลังการงานสร้าง แค่ตัวตึกนี่ก็ปาไปเท่าไหร่แล้วเน้อ คอผมคงหักตายหากอยากจะมองยอดตึกของตึกนี้จากพื้นดินข้างล่างนี่
    และในขณะที่ผมเหวอกับความอลังการของมันนั้นเอง...



    ปุ๊บ!

    โครม!!!

         “โอ๊ย...อะไรกันน่ะ...”
         ผมเดินชนคน..แต่แทนที่คนๆ นั้นจะล้ม กับกลายเป็นผมที่ล้มก้นกระแทกเองซะงั้น
         “เอ่อ...ขอโทษครับ”
         ผมลุกขึ้นปักฝุ่นออกจากตัวแล้วตรวจดูว่าเขาบาดเจ็บตรงไหนไหม
    ....โห สูงกว่านี้ได้อีกไหม คนอะไรสูงได้สูงดี ซัก 189 เซนได้มั้งเนี้ย  (คววามจริง188 เซนติเมตร) สูงอย่างกับตึก กินตึกนี้เข้าไปได้ทั้งตึกเลยสิท่า ตัวโตอย่างนี้สิเนี่ยผมถึงได้ล้ม
         “Dam Shit!!!”
         เขาสถบแค่นั้นแล้วรีบเดินจากไป....เฮ้ย!! อะไรกัน กลับมาคุยกันก่อนสิวะ  ไอ้ฝรั่งขี้นก ถึงผมจะชนเขาแต่ผมก็ขอโทษและไถ่ถามว่าเขาเป็นอย่างไรบ้างแล้วไม่เห็นต้องสบถอย่างนี้เลย ให้ตายมารยาทอยู่ที่ไหนกันนะคนๆ นี้
         ผมเหลือบมองวัตถุสีแดงๆ ที่อยู่บนพื้นและพบว่ามันคือเนคไทผ้าไหมมีแดงเข้มสวยเนื้อดีหล่นอยู่ ผมก้มตัวหยิบมันขึ้นมามอง ของมียี่ห้อแบบนี้คงไม่มีใครทิ้งแน่ๆ ชะรอยว่ามันจะต้องเป็นของไอ้ฝรั่งขี้นกนั้นแน่ๆ แง่ง ผมเก็บเนคไทเส้นนั้นเข้ากระเป๋า กะว่าถ้าเจอเจ้าของมันอีกทีจะเอาเนคไทรัดคอให้ตายคามือ
         ผมเดินหัวเสียเข้าไปในตึกและขึ้นลิฟท์เข้าไปยังชั้นที่ 13 คิดไปเองหรือเปล่า ขนาดชั้นที่ทำงานยังเป็นลางเลยให้ตาย
    ชั้นที่ 13 เป็นชั้นที่ใช้ทำงานเกี่ยวกับสำนักงานบัญชีต่างๆ คิลมองซ้าย มองขวาก่อนตัดสินใจเดินไปหาสตรีร่างท้วมวัยกลางคนดูใจดีนางหนึ่ง ท่าทางน่าจะเป็นหัวหน้าแผนก
         
         “ขอโทษน่ะครับ ผมมาฝึกงานน่ะครับ”
         “อ้อ เธออาซาซินสินะ”
         “ครับ ผมอาซาซิน เรียกผมว่าคิลก็ได้นะครับ”
         “แหม ชื่อแปลกจังเลย...”
         “ก็ครับ...ใครๆ ก็ว่าอย่างนั้น พอดีว่าแม่ผมท่านบ้าทั้งการ์ตูนทั้งเกมส์มากๆ เลยน่ะครับ ตอนคลอดผมก็เลยตั้งชื่อผมตามแบบตัวการ์ตูนที่ชอบ ชื่อผม อาซาซิน [Assassin] แปรว่านักฆ่าน่ะครับ ทุกวันนี้แม่กับพ่อของผมยังเล่นเกมส์อ่านการ์ตูนกันอยู่เลยครับ ผมละกลุ้ม”(อำเภอให้ใช้ชื่อนี้ได้ยังไงนี่สิ แปลก)

         “ฮ่าๆ เธอนี่น่ารักกว่าที่คิดนะ เห็นโปรไฟล์เธอแล้วนึกว่าเฮจะเป็นพวกเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อซะอีกเห็นขาวๆ หน้าใสๆ อย่างนี้ แถมยังเป็นเพื่อนของคุณน้องไอซ์เธอซะด้วยแบบนี้ ดีที่เธอเป็นกันเอง”
          คุณอรอนงค์ หัวหน้าแผนกบัญชีกล่าวขึ้นหลังจากอมยิ้มกับนักศึกษาฝึกงานคนใหม่ เธอยิ้มอย่างคนอารมณ์ดี

         “ผมน่ะ ติดดินขนาดแท้เลยนะครับ มีอะไรเรียกใช้ได้ครับผม  “ เดือนคณะผู้เป็นตำนานไม่ลืมที่จะยิ้มหวานเอาใจสาวใหญ่
         “เถอะ เดี๋ยวน้าจะพาไปที่โต๊ะเองนะ” อรอนงค์พาคิลเดินมายังโต๊ะสำหรับนักศึกษาฝึกงานซึ่งถือว่าดีมากในระดับหนึ่ง
         อรอนงค์แนะนำตัวเขากับพนักงานทั้งหลาย พนักในแผนกดูจะเป็นมิตรกันมาก แต่อาจมีสายตาที่จับจ้องจากผู้หญิงมากไปหน่อยด้วยที่ว่าหน้าตาที่สวยหวานดูลางๆ เหมือนมีดอกไม้ทั้งสวนเป็นแบ้คกราวด์(ในขณะที่ผู้หญิงเล็กใหญ่ทั้งหลายพอเห็นหน้าคิลก็มีแบ้คกราวด์เป็นสกรีนสีดำมีสายฟ้าผ่าพาดอยู่) ผิวใสขาวผ่องเป็นยองใยราวหยกเนื้อดีอย่างที่ผู้หญิงทั้งหลายยังอิจฉา โดนเฉพาะผู้หญิงรุ่น ‘ป้า’ ที่ทำงานในนี้
         วันแรกของการฝึกงานนับว่าไม่เลวเลยทีเดียว เพราะพี่ๆ ทุกคนเป็นกันเองอย่างมาก อีกทั้งยังชมเขาไม่ขาดปาก อาซาซิน หรเวชากุล ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ยังเป็นคนที่สมบูรณ์แบบเสมอ
         แม้แต่หัวหน้าแผนกอย่างอรอนงค์บังชมเปาะว่าเขาทำงานเก่งและเรียบร้อยเป็นอย่างมาก ไม่มีข้อบกพร่องเลยทั้งบัญชีหรือรายงานสรุป

         ณ แคนทีนของบริษัท

         เมื่อถึงเวลาเที่ยงแผนกบัญชีทุกคนต่างลงมาทานอาหารกันที่แคนทีนเนื่องจากไม่อยากฝ่าอากาศยามเที่ยงที่ร้อนระอุออกไปทานอาหารข้างนอกผมมาฝึกงานที่นี่เป็นวันแรกทุกคนเลยเลี้ยงต้อนรับผม ว้าว ของฟรี -….,-


         “โห อร่อยจังครับ”
         “ดีจังเลย คิลเนี่ย นอกจากหน้าตาดีแล้วยังเป็นคนสบายๆ อีก”
         “น้อยๆ หน่อยยายรสา”
         รสาหรือสร้อยรสาหน้างอง้ำไปได้ซักพักแล้วก็กลับมาส่งยิ้มให้กับคิล นักศึกษาฝึกงานหน้าหวานซึ่งตอนนี้กลายเป็นขวัญใจของคนในแผนกเป็นที่เรียบร้อยด้วยความถ่อมตนและเฮฮาร่าเริง

         “ถ้าพูดถึงคหน้าตาดีประจำ Persia Company ของเรานี่ก็ต้องเป็น คุณรีฟ รองประธานผู้บริหารและรักษาการผู้บริหารสินะคะ”
         “จริงๆ ด้วยยัยส้ม...เฮ้อ ก็คุณรีฟท่านหน้าตาดีปานนั้นนี่นา...”สองสาววัยทำงานส้มและรสาว่าอย่างสนุกปาก
         “คุณรีฟ...พี่ชายของไอซ์เหรอครับ”
         “ใช่แล้วจ้า...อ๊ะ อย่าน้อยใจไปนะจ๊ะคิล เธอน่ะหล่อแบบหวานๆ ดูแล้วสบายตาสบายใจส่วนท่านรองน่ะหล่อแบบคม เข้ม ยิ่งตาท่านน่ะนะ...จ้องแล้วแทบละลาย”
         “เธอไปจ้องมาตอนไหนไม่ทราบยายรสา”ป้อง หรือปกป้องสกัดสร้อยรสาที่ทำหน้าเพ้อฝันแทบจะลอยยออกนอกโต๊ะทานอาหารไปซะให้ได้
         “แหม... นายป้อง ฉันก็แค่จินตนาการย่ะ จิ้นน่ะจิ้น!”
         “ช่าย...แค่จิ้นก็พอใจ~”ส้มทำท่าจะล่องลอยตารสาไปอีกคน
         “พอเลยแม่สองคนนี้ จะบ้าไปถึงไหนน้องคิลเขากลัวเธอจะแย่แล้วรู้ตัวบ้างไหม” พี่ป้องว่าพลางปรายตามองผมก่อนจะส่งยิ้มนิดๆ ทำเอาพี่ส้มหันไปส่งค้อนให้วงใหญ่ๆ
         “ฮ่ะๆ ท่าทางคุณรีฟ พี่ชายของไอซ์จะหล่อน่าดูนะครับ”
         “ไม่ใช่ท่าทางจ๊ะ ท่านน่ะหล่อเลย หล่ออย่างแรง หล่อมากมาย...หล่อจังฮู้~”
         “บ้าไปแล้วยัยรสา..”อรอนงค์ส่ายหัวเบาๆ ให้กับลูกน้อยใต้ปกครองที่แสดงอาการบ้าๆ บอๆ ออกมาให้เห็นบ่อยครั้ง ว่าจะทำใจให้ชินแต่คนแก่ก็ทำใจไม่ได้ซักที
         “แหม ก็ท่านเล่นรับตาสีเทาฟ้าจากท่านประธานที่เป็นฝรั่งเศสมาแต่เอาโครงหน้าอ่อนโยนของแม่ที่เป็นญี่ปุ่นมานี่นะ”
         “เอ๋ ไม่ใช่ไทย – ฝรั่งเศสหรือครับ”
         “ไม่ใช่หรอกจ๊ะ”เอ๋ ไม่เห็นไอซ์เล่าให้ฟังเลยว่าเป็นลูกคนละแม่กัน

         “คุยอะไรกันน่ะ”
         เสียงหนึ่งดังขึ้นผมรับรู้ได้ว่าทุกคนตัวแข็งทื่อกันชั่วขณะ ผมแอบเหลือบมอง เขาเป็นผู้ชายร่างโปร่งสูงประมาณเดียวกันกับผม ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนๆ จับจ้องราวจะจิกกัดดูแล้วชวนขนลุกแต่ถ้ามองดีๆ จะพบว่าผู้ชายคนนี้ก็จัดเป็นคนหน้าตาดีขั้นเทพคนหนึ่ง โครงหน้าเรียวมนไร้ที่ติแต่นิ่งเรียบราวชาตินี้เกิดมาไม่เคยยิ้ม
         เขาสวมสูทที่ทำจากผ้าเนื้อดีราคาแพงอีกทั้งยังเป็นแบรนด์ดังรับกับเส้นผมสีชา คงเป็นคนที่มีตำแหน่งสูงพอดูในบริษัทสินะ ไม่อย่างนั้นคุณนงค์ที่เป็นหัวหน้าแผนกคงไม่เกร็งขนาดนี้หรอก


          “เอ่อ...สวัสดีค่ะคุณวัฒน์”
         “สวัสดีครับคุณอรอนงค์ ดูท่าพวกคุณคงทานอาหารกันสนุกมากนะครับ...แล้วนั่น..”
         “...ผม คิล อาซาซินครับ เป็นนึกศึกษาฝึกงานเพิ่งมาฝึกงานที่นี่เป็นวันแรก”
         “อ้อ เพื่อนของไอซ์อย่างนั้นสินะ...หึ”
         หึ...หึอย่างนั้นเหรอ หึทำบ้าทำบออะไรกันฟระ -*-
         มันอะไรกันนะคนบริษัทนี้ เมื่อเช้าก็มีแล้ว ผมเคยไปเหยียบเล็บขบคุณเข้าหรือไงคร้าบ อยากจะกระชากคอเสื้อมาถามใกล้นักว่าผมไปทำอะไรให้คุณถึงได้ทำเสียงดูถูดคนที่ไม่รู้จักกันมาก่อนได้อย่างนั้น คนอาร๊าย ไม่น่าคบ
         แต่ก็ได้แต่คิด ในความเป็นจริงคือผมก้มหน้าก้มตาเคี้ยงเอื้องอาหารหร่อยที่ตอนนี้เริ่มไม่อร่อยอย่างช้าๆ และไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมามองดวงตาสีน้ำตาลสวยนั้นตรงๆ คนไรฟระตาดุเป็นบ้า
         ซักพักเขาก็เดินจากไปพร้อมกับบรรยากาศเย็นยะเยือก อา...ความอบอุ่น..กลับมาแล้ว


    -------------------------------------------------------------------------------------------------------

    ขอฝากตอนต่อๆ ไปของ ดอลอาวา ด้วยนะคะ ^^  ขอบพระคุณที่ติดตามค่ะ^^

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×