คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : TRICK 5 : รักษาทุกโรค...
TRICK 5 : รักษาทุกโรค...
ทางด้านหนุ่มน้อยที่อยากจะทำตัวน่ารักจนต้องมาเรียนนั้น หลังจากที่เลิกคลาสก็รีบตรงดิ่งมายังคลินิกของพี่ชายหน้าสวยในทันที
“เสียงหัวใจคุณเพราะจังนะครับ เสียงเพราะเหมือนเสียงหวานๆของคุณเลยนะครับเนี่ย” ร่างสูงตรวจฟังเสียงหัวใจของคนไข้พลางเอ่ยหยอดตามประสาหมอหนุ่มเจ้าชู้
“ก็อกๆๆ” เสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมกับร่างบางๆที่ปรากฏให้เห็นพร้อมรอยยิ้มหวาน ฮันคยองเหลือบมองที่หน้าประตูพลางถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อรู้ว่าคนที่เปิดประตูมาพบตนคือใคร
“อึนฮยอกหรอ ทำเอาพี่ตกใจหมดเลย นั่งรอแปปนึงนะ เดี๋ยวพี่ขอตรวจคนไข้แปปนึง” ร่างสูงเอ่ยชวนพลางลากเก้าอี้ล้อเลื่อนมาให้ร่างบางนั่งข้างกาย
“คิดว่าเป็นพี่ฮีชอลหรอฮะ คิคิ ฮยอกได้ยินนะว่าฮยองพูดอะไรกับคนไข้ จะฟ้องพี่ฮีชอลดีมั้ยน้า” อึนฮยอกทำท่าคิดว่าจะฟ้องพี่ชายหน้าสวยของตนดีหรือไม่ พลางเหลือบมองพี่ชายอีกคนที่ถึงกับเหงื่อตกเมื่อได้ยินสิ่งที่ร่างบางพูด
“ฮยองก็แค่ไม่อยากให้คนไข้ต้องเครียดน่ะครับ เป็นหนึ่งในวิธีรักษาของหมอฮันคยองเนอะ เราคงไม่ใจร้ายกับฮยองหรอกจริงมั้ยครับ” มือหนาลูบหัวเล็กๆอย่างเอาใจ พลางหันกลับไปตรวจหญิงสาวที่นั่งอยู่อย่างรีบเร่ง โดยไม่มีการหยอด คนตรงหน้าแบบเมื่อกี้อีก เพราะตอนนี้น้องชายหน้าหวานของคิมฮีชอล มหาหึงของเค้ามานั่งคุมถึงที่
“เรียบร้อยนะครับ เดี๋ยวเชิญรับยาที่ช่องรับยาด้านหน้าเลยนะครับ ถ้าเกิดมีอะไรผิดปกติให้แอบมาพบหมอ เอ้ย ให้มานัดพบหมออีกครั้งแล้วกันนะครับ” ร่างสูงเอ่ยบอกกับคนไข้พลางตั้งท่าจะยื่นกระดาษนามบัตรให้อีกคน แต่ก็ต้องชะงักเมื่อสายตาของอึนฮยอกจ้องมองเขม็ง ร่างสูงจึงรีบเปลี่ยนมาดเป็นคุณหมอแสนสุขุม
“พี่ฮันนี่จริงๆเลยนะฮะ เผลอเป็นไม่ได้ หว่านเสน่ห์ตลอด ฮยอกไม่แปลกใจแล้วล่ะฮะว่าทำไมพี่ฮีชอลถึงเป็นคนขี้หึงแบบนั้น เพราะพี่ฮันเป็นคนเจ้าชู้แบบนี้นี่เอง คนเป็นหมอเค้าเจ้าชู้แบบนี้ทุกคนหรือเปล่าน้า” ร่างบางแกล้งต่อว่าพลางเหน็บคำถามเล็กๆด้วยความอยากรู้ว่าพี่หมอของตนจะเป็นแบบนี้ด้วยหรือเปล่านะ ถ้าพี่หมอเป็นไปกับเค้าด้วยเค้าจะได้ให้พี่ฮีชอลสอนแต่เนิ่นๆว่าจะต้องคุมผู้ชายเจ้าชู้แบบนี้ยังไงให้อยู่หมัด
“นั่นแน่ มาแอบตะล่อมถาม รู้นะคิดอะไรอยู่ หลอกถามฮยองไม่ได้หรอก” มีหรือคนที่แก่ประสบการณ์อย่างฮันคยองจะรู้ไม่เท่าทันคนตัวบาง ร่างสูงระบายยิ้มเจ้าเล่ห์บนใบหน้าอย่างคนจับได้ ทำเอาอึนฮยอกอายม้วนเมื่อรู้ว่าพลาดท่าเสียแล้ว
“ฮยองอ่า รู้แล้วแทนที่จะตอบคำถามยังจะมาแซวให้เค้าอายอีกนะ ไม่เอาแล้วไม่คุยกับฮยองแล้ว ไปคุยกับพี่ฮีชอลดีกว่า” ว่าพลางจะเดินออกจากห้อง
“ไม่ต้องไปหรอกครับ อยู่ให้ฮยองแซวตรงนี้ดีกว่ามา 555 วันนี้ฮีชอลไม่อยู่ พาพวกสาวๆไปงานประกวด พอดีวันนี้อีทึกไม่ว่างพาไป ฮีชอลเลยต้องพาไปแทนน่ะ” ขาเรียวชะงักเมื่อคนร่างสูงเอ่ยบอก ก่อนจะเดินหน้างออย่างงอนๆกลับมานั่งข้าง คนร่างสูงเหมือนเดิม
“งั้นวันนี้ฮยอกก็มาเสียเที่ยวสิฮะ ทั้งพี่ฮีชอล ทั้งพี่อีทึกไม่มีใครอยู่สอนฮยอกสักคนเลย ว้า อุตส่าห์รีบมา” อึนฮยอกว่าอย่างเซ็งๆ พลางชะเง้อคอมองไปยังอีกห้องนึงที่อยู่ทางฝั่งตรงข้ามของห้องฮันคยอง
“ใครว่าเสียเที่ยวกัน ฮยองก็อยู่ เดี๋ยวฮยองสอนเราเองก็ได้วันนี้ เดี๋ยวต้องไปตรวจร่างกายกับไอซีวอนใช่มั้ยเราน่ะ เอางี้เดี๋ยวฮยองเอาอะไรให้ดู ดูแล้วจำ จำแล้วนำไปใช้นะ ท่องให้ได้ รับรองรุ่ง มุกนี้ฮีชอลเคยใช้จีบฮยองสมัยเริ่มจีบกันใหม่ๆ เราลองเอาไปใช้ดู ถ้าไอซีวอนไม่ใช่ก้อนหินก้อนกรวดที่แข็งกระด้างเกิน ก็ต้องมีหวั่นไหวกันบ้างละ” ฮันคยองว่าพลางเดินไปหยิบกระดาษเอสี่แผ่นใหญ่ที่มีลายมือเล็กๆตวัดไปมาบนแผ่นกระดาษ
“แผ่นนี้ฮยองแอบไปเจอที่ห้องฮีชอลเค้า สงสัยจะจดไว้ท่องตอนมาจีบ ฮยองน่ะ จับเบาๆนะ มันอยู่มาเกือบ10 ปีแล้ว เดี๋ยวมันจะขาดติดมือเราไปซะก่อน” มือบางยื่นมารับกระดาษที่คนร่างสูงส่งให้ ดวงตากลมโตกวาดมองลายมือน่ารักๆนั้นทีละตัว ใบหน้าหวานระบายยิ้มไปกับมุกจีบหมอที่ฮีชอลคิดขึ้นมา ถึงมันจะแอบ น้ำเน่าและดูเสี่ยวไปบ้าง แต่หากใช้ดีๆก็น่าจะได้ผลอยู่นะ
“เวลาตรวจร่างกาย อย่านั่งนิ่งเฉยๆจนดูน่าอึดอัด ยิ้มบ้างชวนคุยบ้าง หยอดบ้างเล็กๆ เอาแบบพอกิ๊บกิ๊วให้หัวใจชุ่มชื่นเล็กๆ ไอซีวอนถึงมันจะดูมีมาดแต่ก็ใช่ว่าจะไม่เจ้าชู้ซะทีเดียว เชื่อสิ เดี๋ยวมันก็หยอดเรากลับเหมือนที่ฮยองทำตอนตรวจร่างกายผู้หญิงคนเมื่อกี้นั่นละ มันเป็นวิธีการที่ทำให้คนไข้รู้สึกคลายเครียดลงบ้าง และไม่กลัวหมอจนเกินไป”
“แต่ฮยอกหยอดคนไม่เป็นนี่ฮะ ปกติก็เคยโดนแต่เค้าหยอดมา ไม่เคยมานั่งพูดอะไรที่มันดูเสี่ยวๆแบบนี้เลยนี่ฮะฮยอง” อึนฮยอกว่าพลางเหลือบมองกระดาษ ในมือ พลางยิ้มแหยๆว่าตนเองคงทำมันไม่ได้
“งั้นฮยองถามคำถามเดียว อยากได้แฟนเป็นหมอมั้ยละ” สิ้นคำถาม ร่างบางก็พยักหน้ารับอย่างไม่ต้องเสียเวลาคิด
“ถ้างั้นก็ไม่ต้องคิดอะไรมากหรอก พูดไปตามสิ่งที่เราคิดที่เรารู้สึกนั่นละ เป็นตัวของตัวเอง แล้วมันจะเป็นไปเองโดยธรรมชาติ จำคำของฮยองไว้นะอึนฮยอก เสน่ห์ของคนทุกคนนั้นมีอยู่ในตัว แตกต่างกันไปตามบุคลิกที่เราเป็น ถ้าน้องของพี่รู้จักดึงเสน่ห์ที่ตัวเองมีมาออกมาใช้ เป็นตัวของเราเอง น่ารักในแบบที่เราเป็น เชื่อพี่สิ ร้อยทั้งร้อยใครๆก็ต้องหลงรักเราอย่างถอนตัวไม่ขึ้น” ฮันคยองให้กำลังใจน้องชาย พลางยิ้มให้อย่างอ่อนโยน อึนฮยอกเงยหน้าขึ้นมองตาอีกคนพลางคิดตามในสิ่งที่พูด
‘ติ๊ดๆๆๆ’ เสียงมือถือของคนร่างสูงดังขึ้นขัดอารมณ์ซึ้งของสองพี่น้อง ร่างสูงมองเครื่องมือสื่อสารขนาดเล็กพลางกดรับเมื่อเห็นชื่อคนโทร
‘มหาหึง คิมฮีชอล’ ชื่อของคนพิเศษที่เมมไว้เป็นเบอร์พิเศษ
“ยอโบเซโย ว่ายังไงครับที่รัก” เสียงทุ้มหยอดคำหวานทันทีที่กดรับสาย
‘รับซะเสียงหวานเชียวนะฮัน ไม่มีอะไรหรอก ฉันแค่จะโทรมาถามว่าน้องมาถึงหรือยังน่ะ’
“ถึงแล้วครับ นั่งอยู่ข้างๆผมนี่ละครับ มีอะไรจะบอกน้องหรือเปล่าละครับ” ว่าพลางส่งโทรศัพท์ให้อีกคนที่นั่งฟังคนทั้งคู่สนทนากันอยู่
“ฮัลโหล อึนฮยอกพูดฮะ”
’อึนฮยอกหรอ นี่พี่ฮีชอลเองนะ พี่ต้องขอโทษด้วยที่ไม่ได้โทรบอกเราก่อนว่าพี่ติดธุระ พอดีว่าอีทึกมีปัญหาที่ที่ทำงานประจำนิดหน่อย พี่เลยต้องมาแทนน่ะ’
“ไม่เป็นไรฮะพี่ฮีชอล ฮยอกเข้าใจฮะ ไม่ต้องเป็นห่วงฮยอกหรอกฮะ วันนี้พี่ฮันเค้าจะเป็นคนสอนฮยอกเองฮะ”
‘โอเค อยู่กับฮันพี่ก็ค่อยวางใจหน่อย มีอะไรก็ถามฮันดูแล้วกันนะ ถ้ายังไงมีปัญหาอะไรรีบโทรหาพี่เลยนะ ตกลงมั้ย’
“ฮะ พี่ฮีชอลเองก็อย่าทำงานจนลืมทานข้าวนะฮะ ฮยอกเป็นห่วง”
“จ้า เราเองก็เหมือนกันละ แล้วนี่ต้องไปตรวจร่างกายกับซีวอนใช่มั้ยเนี่ย ”
‘ฮะ กำลังนั่งรอพี่หมอว่างฮะ พอดีตอนนี้พี่หมอติดตรวจคนไข้อยู่น่ะฮะ’
“อ่า ถ้าพี่อยู่จะรัดคิวให้เราเลยจริงๆ แต่ก็นะ รอนิดนึงถือซะว่ามีเวลาเตรียมตัวละเนอะ ยังไงก็สู้ๆ พี่เป็นกำลังใจให้”
“ขอบคุณฮะพี่ฮีชอล ฮยอกรักพี่ฮีชอลที่สุดในสามโลกเลยจริงๆ” ร่างบางที่ได้ยินคำรักของน้องชายก็ยิ้มหวานทันที เสียงแง้วๆดังมาจากปลายสาย ดูท่าว่า ฮันคยองคนขี้อิจฉาคงอยากให้น้องบอกรักบ้างเป็นแน่
“พี่ก็รักเราที่สุดเหมือนกัน เดี๋ยวพี่ขอสายพี่ฮันหน่อยนะ”
“ครับที่รัก เรียกหาผมแบบนี้คิดถึงผมใช่มั้ยละ” ร่างสูงเอ่ยแซวอีกคน
‘อือ คิดถึง คิดถึงมากๆเลยละ เย็นนี้เสร็จงานไปทานข้าวกันนะ ฉันจะฝากท้องรอนายมารับไปทานข้าว รีบๆมานะคนหัวเถิก มาช้าขอให้หน้าผากกว้างกว่าเดิม ’ความรักที่มีมากทำให้ร่างบางต้องยอมรับความจริงว่าเค้าคิดถึงร่างสูงมากเหลือเกินที่ต้องห่างกัน รอยยิ้มหวานปรากฏบางๆบนใบหน้าสวยเมื่อได้ยินเสียงทุ้มแสนทะเล้นของคนรัก
“อยากมีแฟนหัวโล้นหรือไงกันครับ เถิกแค่นี้ก็กว้างยังกับรันเวย์แล้วครับเนี่ย 55 เอาเป็นว่าเสร็จงานแล้วจะรีบตรงดิ่งไปรับถึงที่เลยครับ รอผมนิดนึงนะ ถ้าหิวทานอะไรรองท้องไปก่อนนะครับ เดี่ยวจะปวดท้องเอาได้นะ ผมคิดถึงคุณนะฮีชอล เดี๋ยวเจอกันนะครับที่รัก จุ๊บ” แม้จะเป็นผู้ชายเจ้าชู้ที่ชอบทำตัวกะล่อนให้แฟนขี้หึงตามไล่จับไปวันๆ แต่ความรักที่ฮันคยองมีให้ฮีชอลก็มากล้นยิ่งกว่าใครจะเข้าใจ ความห่วงหาความคิดถึงถูกส่งผ่านไปตามสายพร้อมเสียงจูจุ๊บเบาๆที่ทำให้คนทั้งสองยิ้มกว้างราวกับรักแรกรุ่นของหนุ่มสาว ทั้งๆที่มันก็ผ่านมาเกือบสิบปีแล้วกับความรักที่เค้าทั้งคู่ประคองกันมาจนถึงทุกวันนี้
“เอาละ ท่องได้หรือยังอึนฮยอก พร้อมจะเข้าไปต่อกรกับพี่หมอของเรา หรือยัง หืม?” เมื่อวางสายจากสุดที่รัก คนร่างสูงก็หันกลับมาถามอีกคนที่นั่งจ้องกระดาษ พลางทำปากขมุบขมิบตั้งใจท่องในเนื้อหายิ่งกว่าสอบเอนทรานซ์เข้ามหาลัย อึนฮยอกเงยหน้าขึ้นมองคนร่างสูง พลางส่ายหน้าน้อยๆอย่างไร้ซึ่งความมั่นใจ ว่าตนจะทำมันได้
“คิดมากอีกแล้วเรา ทำได้อยู่แล้ว สู้ๆ ไปได้แล้ว เย็นนี้ฮยองมีนัดกับมหาหึงพี่ชายเรา ไปสายพี่อาจเป็นศพได้” ว่าพลางจับมือคนตัวบางเดินนำมายังห้องทำงานของคุณหมอหนุ่มอีกคนหนึ่ง มือหนาเคาะประตูตามมารยาท พลางลากคนร่างบางให้เข้าไปนั่งบนเก้าอี้
“ได้ยินว่าวันนี้จะตรวจร่างกายน้อง ฝากด้วยนะ พาไปส่งบ้านด้วย มีนัด กับเมีย ไม่ไปกูตาย” ร่างสูงว่าจบก็สาวเท้ายาวๆออกไปจากห้อง ทิ้งให้น้องชายของตนนั่งตัวลีบอยู่บนเก้าอี้โดยมีสายตาคมของอีกคนจ้องมองมาไม่ละสายตา
“พร้อมตรวจร่างกายมั้ยครับวันนี้” มือหนาเปิดดูแฟ้มประวัติของคนไข้ที่นางพยาบาลหิ้วมาวางไว้ก่อนหน้าที่ร่างบางจะเข้ามานั่ง นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มละออกจากใบหน้าหวานมาจดจ้องที่แผ่นกระดาษเบื้องหน้า
“พะ...พร้อมฮะ” เสียงหวานเอ่ยบอกอย่างสั่นๆด้วยความตื่นเต้น ร่างเล็กๆเงยหน้าขึ้นน้อยๆพลางข้อนตามองอีกคนอย่างกล้าๆกลัวๆ ไม่ได้กลัวคนร่างสูงดุ แต่กลัวใจตัวเองต่างหากเล่า
“เนื่องจากหมอนัดมาตอนเย็น ทำให้ไม่สามารถตรวจภายในได้ ดังนั้นวันตรวจภายในหมอจะนัดใหม่อีกครั้งนะครับ วันนี้เราจะตรวจวัดสายตา ค่าความดัน ชีพจร และก็อาการต่างๆเบื้องต้นกันก่อน มีอาการอะไรที่ผิดปกติตรงไหนบอกหมอนะ หมอจะได้รักษาถูกนะครับ ^^” ลักยิ้มแก้มบุ๋มปรากฏขึ้นบนใบหน้าหล่อ
“คนไข้เคยมีอาการเจ็บหรือปวดที่ตรงไหนหรือเปล่าครับ” ถามพลางจ้องใบหน้าหวานอย่างรอคำตอบ อึนฮยอกกำใบกระดาษที่พี่ชายรูปหล่อให้ไว้แน่น พลางนึกทบทวนเนื้อหาที่อยู่ภายใจ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตากับนัยน์ตาสีเข้ม
“มีฮะ ฮยอกมีอาการแปลกๆเกิดขึ้นทุกอวัยวะในร่างกายเลยฮะ ไม่รู้ว่า พี่หมอจะรักษาคนขี้โรคอย่างฮยอกไหวมั้ย” เอ่ยถามพลางมองหน้าอีกคนเต็มๆตา คนร่างสูงส่งยิ้มให้บางๆ ทำให้อึนฮยอกหายตื่นเต้นลงไปบ้าง
“งั้นเรามาดูกันทีละส่วนนะครับ เริ่มจากส่วนไหนก่อนดีครับ?” ว่าแล้วก็ลากเก้าอี้มานั่งใกล้ๆคนร่างบาง พลางเตรียมกระดาษและปากกามาจดโรคของคนขี้โรค
“อกฮะ มันอาการหนักที่สุดในบรรดาอวัยวะเลยฮะ”
“อกหรอครับ เป็นอะไรครับ แน่นหน้าอก จุกเสียดหรืออะไรกัน” คนร่างสูงถามอย่างเป็นห่วง
“เปล่าฮะ ฮยอกอกหักอยู่บ่อยๆน่ะฮะ” มือหนาที่กำลังรอจดอาการถึงกับชะงักค้างที่ได้ยินโรคที่อีกคนเป็น ใบหน้าคมเข้มหันกลับมามองอีกคนพลางยิ้มมุมปากอย่างนึกสนุก
“เป็นมานานหรือยังครับเนี่ย”
“ตั้งแต่เกิดเลยฮะ คุณหมอมีวิธีการรักษามั้ยฮะ” ช้อนตามองอีกคนอย่างออดอ้อน คุณหมอรูปหล่อแทบจะวิ่งเข้าไปเป็นไม้ดามอกให้ในทันที แต่ก็นะ เป็นถึงคุณหมอก็ต้องมีมาดกันหน่อย
“เดี๋ยวหมอจะบันทึกอาการไว้วินิจฉัยอีกทีแล้วกันนะครับ อาการอย่างอื่นมีอีกมั้ยครับ” คนร่างสูงเลี่ยงอย่างไม่ตอบคำถามพลางเปลี่ยนเรื่องกลับมาถามอาการอย่างอื่นแทน
“ส่วนต่อไปน่าจะเป็นเล็บฮะ ดูเล็บฮยอกสิฮะ” มือบางส่งไปให้อีกคนจับ เมื่อได้ยินคำบอกร่างสูงก็จับมืออีกคนพลางตรวจดูเล็บสีชมพูอ่อนที่แลดูสุขภาพดีอยู่แล้วนั้นอย่างละเอียด
“เล็บก็ดูสุขภาพดีนี่ครับ ไม่เห็นจะเป็นปัญหาตรงไหนเลย”
“เป็นสิฮะ เล็บแล้วมันจัก ...รักแล้วมันเจ็บน่ะฮะ” มือบางดึงกลับมาอย่างอ้อยอิ่ง
“55+ เป็นบ่อยมั้ยครับเนี่ย แล้วเป็นครั้งสุดท้ายเมื่อไรกันครับ” ร่างสูงหัวเราะลั่นเมื่อได้ยินคำหยอดของอีกคน
“เป็นทุกครั้งที่มีความรักเลยฮะ ครั้งสุดท้ายที่เป็นคือเมื่อกี้ฮะ ตอนเจอหน้า พี่หมอน่ะฮะ”
“อ่า...หมอจะพยายามหาวิธีรักษาให้นะครับ มีอาการอย่างอื่นอีกมั้ยครับ”
“มีฮะ ตาของฮยอกน่ะฮะ”
“ตาเป็นอะไรครับ ห้ามบอกว่าตาเป็นสามีคุณยายนะครับ 555”
“คุณหมออ่า ดักทางตลอดเลย ไม่ใช่หรอกฮะ ฮยอกแค่จะบอกว่า เหมือน ฮยอกจะสายตาสั้นน่ะฮะมองคุณหมอไกลๆไม่ชัดเลย จะเห็นหน้าคุณหมอชัดๆต้องทำอย่างนี้ทุกที”ว่าแล้วก็ยื่นหน้าหวานๆนั้นเข้าไปใกล้เสียจนปลายจมูกรั้นนั้นสัมผัสโดนจมูกโด่งๆของอีกคน ก่อนที่คนร่างบางจะรีบดึงตัวเองกลับมาอย่างเร็ว ยิ่งเห็นใกล้ๆยิ่งเคลิ้ม เดี๋ยวอดใจไม่ไหว>///<
“55+ เทรนด์มาดีนะครับเนี่ย แล้วส่วนต่อไปละครับ ว่ายังไง” เอ่ยชมไปถึงเพื่อนรักอีก 2 คนที่เทรนด์เด็กคนนี้มาดีเหลือเกิน แอบหวั่นไหวเล็กๆเหมือนกันนะเนี่ย
“อีกอย่างที่มีปัญหาคือปากฮะ” ว่าพลางลูบปากเล็กๆของตัวเองเบาๆ
“ปากมีปัญหาอะไรครับ แห้งแตก หรือว่าเป็นแผลกัน” ว่าพลางเอานิ้วแตะลงบนริมฝีปากนุ่มหยุ่นมืออย่างห้ามใจไม่ไหว
“ปากไม่ตรงกับใจน่ะฮะ”
“ยังไงครับ บอกอาการให้ละเอียดด้วยครับ”
“คือในใจคิดอย่างนึงแต่ดันพูดมาอีกอย่างนึงน่ะฮะ เดี๋ยวฮยอกยกตัวอย่างให้ฟังนะฮะ เช่นแบบว่า ฮยอกชอบพี่หมอน่ะฮะ”
“อ่า ปากบอกว่าชอบพี่หมอแบบนี้แสดงว่าใจไม่ได้ชอบพี่หมอหรอครับ...” ถามเสียงเศร้าลงอย่างตัดพ้ออีกคน
“ฮะ ไม่ได้ชอบ....แต่รักเลยฮะ” ประโยคแรกยิ่งตอกย้ำความรู้สึกของอีกคน แต่พอได้ยินประโยคหลังตามมา คนร่างสูงก็ฉีกยิ้มกว้างจนปากจะถึงรูหูเชียว
“55+ หมอว่าเราไปดูอาการต่อไปกันเถอะครับ ดูเหมือนจะมีโรคเยอะจริงๆ เดี๋ยวเราจะตรวจกันไม่ทันเนอะ”คนร่างสูงเกาหัวเบาๆอย่างเก้อเขินกับคำรักที่ได้ยิน พลางดึงกลับเข้าสู่ประเด็นอีกครั้งเมื่อโดนหยอดจนไปต่อไม่ถูก
“เอ...ปัญหาต่อไปคงจะเป็น อืม....แขนนะฮะ” ร่างบางแอบเหลือบมองโพยที่จดมาแบบไม่ให้ร่างสูงรู้ตัว ก่อนจะเอ่ยตอบเพื่อเบนความสนใจกับมาที่ใบหน้าหวานแทน
“แขนเป็นอะไรครับ” ท่อนแขนเรียวขาวถูกอีกคนจับอย่างเบามือ เพื่อดูอาการ
“แขนเป็นฟอ ขอเป็นแฟนได้มั้ยฮะ” ใบหน้าหวานแล่นริ้วขึ้นสีแดงจางๆด้วยความเขิน เมื่อต้องมานั่งพูดอะไรเสี่ยวๆต่อหน้าคนที่แอบปลื้มแบบนี้
“แล้วถ้าหมอบอกไม่ได้ละครับ จะเจ็บปวดที่ตรงไหนหรือเปล่า” ถามอย่างหยั่งเชิงว่าถ้าเค้าปฏิเสธคนร่างบางจะเจ็บตรงหัวใจหรือเปล่า แต่ก็ผิดคาดเมื่อคำตอบหลุดจากปากบางนั้น
“ถ้าไม่ได้ ก็คงเป็นขาน่ะฮะ ...” เสียงแผ่วลงเมื่อโดนคนร่างสูงกึ่งปฏิเสธมา คนร่างบางปั้นหน้าเศร้าลงพลางเอ่ยบอกอาการต่อไป
“ทำไมเป็นขาละครับ นึกว่าจะเจ็บที่หัวใจอะไรแบบนี้”
“ก็ถ้าพี่หมอปฏิเสธฮยอก ฮยอกคงต้องขาความเมตตอ ขอความเมตตาจากพี่หมอน่ะฮะ” ว่าพลางเขยิบตัวเข้าไปใกล้ร่างสูงพลางเอ่ยอ้อนอย่างน่ารัก
“อ่า น่ารักอย่างนี้เรื่องขานี่ท่าจะรักษาหายอันดับแรกเลยละครับ อาการหมดหรือยังครับ หมอจะได้พิจารณาอย่างละเอียดว่าคนไข้ที่น่ารักของหมอคนนี้เป็นอะไรกันแน่” ว่าพลางลูบหัวเล็กๆอย่างเอ็นดู
“เหลืออันสุดท้ายแล้วฮะ อันสุดท้ายนี่ต้องบอกพี่หมอเลยจริงๆ เพราะอาการหนักสุดเลย แล้วอยากให้รักษาด่วนที่สุดเลยฮะ” ร่างบางบอกอย่างจริงจัง
“ส่วนไหนครับ หัวใจหรอ ?”
“เปล่าฮะ ฟันต่างหากละฮะ”
“หา...ฟันหรอครับ แล้วจะให้หมอช่วยยังไงดีครับ”
“เอ่อ..ฮยอกอยากให้พี่หมอช่วยมาเป็นฟันให้ฮยอกทีน่ะฮะ”
“หืม ? ให้เป็นฟัน ยังไงครับ”
“ก็เป็นฟันคนปัจจุแบน แฟนคนปัจจุบันของฮยอกไงฮะ” ว่าพลางยิ้มหวานโชว์ทั้งเหงือกทั้งฟันให้อีกคนดู
“55+ หยอดและออดอ้อนได้ต่อเนื่องมากครับ อาการหมดแล้วใช่มั้ยเอ่ย?” ยิ้มหวานให้คนขี้อ้อนบางๆ และก็ได้รับคำตอบมาเป็นการพยักหน้าของอีกคน
“งั้นหมอจะบันทึกอาการทั้งหมดไว้วินิจฉัย ตอนนี้เรามาตรวจเบื้องต้นกันก่อนดีกว่านะครับ” ว่าพลางสวมหูฟังเพื่อตรวจวัดเสียงชีพจร
“ขอโทษนะครับ” บอกอย่างสุภาพ พลางสอดมือล้วงเข้าไปใต้เสื้อตัวบางของคนไข้ มือหนาทาบเครื่องมือลงบนบริเวณหัวใจพลางฟังเสียงหัวใจที่เต้นถี่ระรัวอย่างตื่นเต้น เมื่อมือเย็นๆของคนร่างสูงวางทาบอยู่บนหน้าอกแบบนี้ ไม่ให้ชวนจิ้น ได้ไงกันเล่า><
“หัวใจเต้นแรงมากเลยนะครับเนี่ย ดังจนหูหมอจะระเบิดเลยครับ ตื่นเต้นหรอ” ร่างบางพยักหน้ารับอย่างอายๆ
“อ่า โอเคแล้วครับ เดี๋ยวหมอขอวัดความดันหน่อยนะครับ” มือหนาจงใจลากผ่านไล้มาตามเนื้อเนียนเบาๆชวนสยิว อึนฮยอกถึงกับต้องกัดปากฉับเพื่ออดกลั้นอารมณ์ยามที่มือเย็นเฉียบนั้นสัมผัสโดนผิวเนื้อ
“ปล่อยตัวตามสบายนะครับไม่ต้องเกร็ง” ว่าแล้วก็เอาเครื่องวัดความดันมาสอดไว้ที่แขนอีกคนก่อนจะกดให้เครื่องมือทำงานไป พลางเก็บค่าความดันลงในใบ
“ต่อไปก็ต้องวัดไข้กัน อ้าปากกว้างๆนะครับ”อึนฮยอกอ้าปากตามคำบอกของคนร่างสูง มือหนาส่งปรอทสีใสสอดเข้าไปใต้ลิ้นของอีกคนพลางจับเวลา เมื่อครบตามกำหนดก็ดึงปรอทออกมาดูและเก็บค่าที่ได้มาอีกครั้งโดยไม่บอกอะไรคนร่างบาง
“พี่หมอตรวจแล้วเป็นยังไงบ้างฮะ ไม่เห็นบอกฮยอกเลย ฮยอกเป็นอะไรร้ายแรงหรือเปล่าฮะ” ถามอย่างเป็นกังวลเมื่อร่างสูงเอาแต่เก็บข้อมูลของตนเองเงียบๆคนเดียว
“คงไม่มีอะไรร้ายแรงไปกว่าอาการที่คนไข้บอกหมอมาแล้วละครับ เดี๋ยวหมอจะสรุปอาการให้ฟังทีเดียว ตอนวินิจฉัยโรคให้นะครับ เดี๋ยวเราไปตรวจวัดสายตากันก่อนดีกว่า อย่างสุดท้ายแล้วครับ” ว่าพลางเดินนำอีกคนไปที่ห้องตรวจวัดสายตา
“เดี๋ยวยืนตรงนี้นะครับ แล้วอ่านสิ่งที่อยู่บนบอร์ด ตัวหนังสือบนบอร์ดจะเริ่มตั้งแต่ใหญ่มากจนถึงเล็กที่สุด หมออยากให้คนไข้อ่านตัวหนังสือเหล่านั้นให้หมอฟัง ถ้าตัวเล็กลงแล้วมองไม่เห็นบรรทัดถัดไปให้ขยับเข้ามาตามเส้นที่ขีดไว้นะครับ ขยับเข้ามาเรื่อยๆจนกระทั่งอ่านบรรทัดสุดท้ายได้นะครับ”
“บรรทัดแรกเป็นตัวเลข 7 5 4 3 9 2”ตัวหนังสือตัวใหญ่ที่สุดบนบอร์ดถูกอ่านออกมาทีละตัวช้าๆชัดๆ
“บรรทัดที่สองเป็นตัวเลข 2 8 4 7 6 7” ขาเรียวก้าวขยับเข้ามาอีกเส้นเพื่อมองตัวเลขในบรรทัดต่อไป พลางอ่านออกเสียงให้อีกคนได้ยิ้น
“อ่า บรรทัดนี้ น่าจะเป็น เลข 4 2 7 9 8 1” อึนฮยอกขยับตัวเข้าใกล้อีกเส้นนึงที่อยู่ทางด้านหน้าบอร์ดเพื่อปรับสายตาให้มองเห็นตัวเลขที่ถูกเขียนไว้
“บรรทัดที่ 4 เป็น เอ่อ.....2 5เอ..น่าจะเป็นเลข 3 7 ตัวสุดท้าย..9ถูกมั้ยฮะ” บรรทัดรองสุดท้ายที่ดูเหมือนตัวจะเล็กมากจนแทบอ่านไม่ออก ขาเรียวก้าวเข้าไปใกล้บอร์ดมากขึ้นเรื่อยๆ จนหน้าแทบจะติดบอร์ด พลางอ่านออกมาอย่างตะกุกตะกัก
“บรรทัดสุดท้าย ....ถ้า...ถ้าคุณอ่านบรรทัดนี้ได้....แสดงว่าคุณอยู่ใกล้จนเราจะ ...จูบกันได้แล้วครับ” สิ้นสุดคำที่ร่างบางอ่าน บอร์ดก็ถูกดึงขึ้นอัตโนมัติ เผยให้เห็นใบหน้าคมที่อยู่ห่างไม่ถึง 2 เซ็น กลีบปากหนาของชายหนุ่มกดจูบเบาๆลงบน ริมฝีปากเนียนนุ่มอย่างรวดเร็วพลางรีบผละออกอย่างไม่ให้อีกคนตั้งตัวทัน
“อ๊ะ....” มือบางแตะริมฝีปากตัวเองอย่างตกใจ
“หมอว่าเราไปฟังผลวินิจฉัยกันเถอะครับ หมอรู้แล้วครับตอนนี้ว่าคนไข้ของหมอเป็นโรคอะไร” ยังไม่ทันที่ร่างบางจะได้พูดอะไร มือหนาก็ฉุดร่างบางอีกคนให้ เดินตาม มือใหญ่กุมมือเล็กเดินกลับมาที่ห้องทำงานของตนอีกครั้ง พลางกดร่างบางเบาๆให้นั่งลงกับเก้าอี้ อึนฮยอกยังคงเอามือแตะปากตัวเองพลางนิ่งอึ้งช็อกค้างอยู่อย่างนั้น
“อึนฮยอกครับ” มือหนาเขย่าแขนอีกคนเรียกสติ แรงเขย่าส่งผ่านไปเรียกคนร่างบางให้หลุดออกมาจากภวังค์
“หาๆ...ฮะ ว่าไงฮะ” ตอบกลับมาหน้าตาเอ๋อเหรออย่างงงๆ พลางมองหน้าอีกคนแล้วก็ต้องหลบสายตาไปเอง
“หมอจะวินิจฉัยโรคและบอกวิธีรักษาให้ฟังนะครับ ก่อนอื่นเลยที่ตรวจกันเมื่อกี้เลย เสียงของหัวใจและชีพจรปกติดีครับ จะมีก็แต่โรคที่เกิดขึ้น …”
“โรค ...โรคอะไรกันฮะ อย่าบอกนะว่า...ฮยอกเป็นโรคหัวใจหรอฮะ” คนร่างบางเอ่ยถามสีหน้าตื่นตระหนกเมื่อคนร่างสูงตรวจหัวใจของตนแล้วบอกเป็นโรค
“ครับ คนไข้ของหมอเป็นโรคหัวใจ แต่เป็นชนิดพิเศษนะครับ ....โรคของคนไข้คือ โรคหัวใจขาดรักน่ะครับ วิธีการแก้หมอแนะนำให้หาคนมาดูแลนะครับ ถึงจะหายดี ”
“อ่า...พี่หมออ่า เล่นซะฮยอกตกใจหมดเลย ....พี่หมอสนใจมารักษามั้ยฮะ” มือบางตีที่ไหล่หนาอย่างงอนๆที่หลอกให้ตนตกใจ แต่ไม่วายท้ายประโยคหยอดหมออีกสักที
“หมอยังต้องรักษาอาการคนไข้อีกหลายโรคนะครับ มาดูอาการต่อไปดีกว่า ความดันของคนไข้นั้นอยู่ในเกณฑ์ปกติดี จะมีก็แต่ความดัน....”
“ดันอะไรฮะ” ถามอย่างสงสัยเมื่ออยู่ๆพี่หมอก็หยุดพูดซะงั้น
“ดันมาหลงรักหมอน่ะสิครับ” ถึงเวลาหยอดคืนบ้างแล้ว เล่นเอาคนร่างบางถึงกับไปไม่เป็นเลยทีเดียว
“พี่หมออ่า ...พูดอะไรก็ไม่รู้ อาการต่อไปเถอะฮะ ฮยอกอยากรู้แล้ว”
“55+ ครับๆ ไม่หยอดแล้วครับ อาการคนไข้ก็เห็นแต่จะมีไข้ใจเท่านั้นละครับ ถ้าอาการอื่นๆรักษาหาย อาการนี้จะหายตามไปเองนะครับ”
“ไหนบอกจะไม่หยอดแล้วไงฮะ” ว่าอย่างงอนๆ ใบหน้าหวานอมลม แก้มป่องอย่างน่ารัก ซีวอนเห็นอย่างนั้นก็ขยี้ผมไปมาอย่างเอ็นดูในความน่ารักของคนไข้หน้าหวานคนนี้
“อาการต่อมาที่บอกว่าสายตาสั้น หมอพิสูจน์มาแล้วครับว่าสั้นจริงๆ วิธีการรักษาหากมองเห็นหมอไม่ชัด หมอแนะนำให้เข้ามามองหมอใกล้ๆ ยิ่งใกล้มากเท่าไหร่ยิ่งเห็นหมอชัดมากเท่านั้นเลยครับ หมอรับประกัน”
“ฟังดูเหมือนไม่ใช่วิธีแก้ที่ถูกนะฮะหมอ ฮ่าๆ หมดแล้วใช่มั้ยฮะอาการ”
“ยังหรอกครับ อาการที่คนไข้กล่าวมาทั้งหมดนั้นหมอตรวจหมดแล้ว และเห็นว่ามีอาการอื่นแทรกซ้อนอยู่ด้วยน่ะครับ”
“หืม? ยังมีอย่างอื่นอีกหรอฮะ”
“มีสิครับ ที่นิ้วนี่ไงครับ ตอนตรวจเล็บเมื่อกี้ หมอเห็นพอดี”
“นิ้วหรอฮะ นิ้วเป็นอะไรฮะ ฮยอกก็เห็นว่ามันปกติดีนะฮะ”
“นิ้วนั้นโซค้อง น้องนั้น so cute น่ะครับ” คนบ้า จะชมเราว่าน่ารักยังต้องมาผวนให้ฟัง ชมตรงๆก็ได้นะ >///<
“คิ้วด้วยครับ”
“เอ๋ คิ้วฮยอกหรอฮะ” มือบางจับเข้าที่คิ้วเพื่อดูว่ามีสิ่งใดผิดปกติไป
“เปล่าครับ แค่จะบอกว่าคนไข้น่ะ cute ครับ” นั่น หยอดกันอย่างต่อเนื่อง
“อ่า พี่หมออ่า หยอดกันแบบนี้ฮยอกเขินนะฮะ” ร่างบางบอกอย่างเอียงอาย
“ปัญหาสุดท้ายที่ตรวจเจอน่าจะเป็นที่ผมนะครับ”
“ผมฮยอกเสียหรอฮะ ...ไม่น่าย้อมบ่อยเลยน้า”
“เปล่าครับ ผมชอบคุณน่ะครับ 555+ เรียนมาทำไมไม่เล่นให้จบละครับ ปล่อยหมอมาหยอดมุขคนไข้เองแบบนี้ได้ยังไงกันครับ” ร่างสูงกดจมูกฝังลงบนแก้มนุ่มเบาๆ พลางดึงกระดาษที่คนร่างบางถือติดมือไว้ตลอดมาดู
“พี่หมอรู้ !!!” ร่างบางร้องอย่างตกใจเมื่ออีกคนดึงกระดาษไป
“555+ หมอเป็นเพื่อนกับ 2 คนนั้นมาเกือบ 10 ปีจะไม่รู้ได้ไงกันครับ แต่ถือว่า 2 คนนั้นเทรนมาดีมากนะเนี่ย เก่งมากๆครับ วันนี้หมอถือว่าเราสอบผ่าน นี่รางวัลสำหรับคนเก่งครับ” ว่าพลางหอมแก้มนุ่มอีกข้างเสียฟอดใหญ่ ไม่รู้เป็นรางวัลของคนร่างบางหรือคนร่างสูงกันแน่ ดูท่าว่าอึนฮยอกจะเสียเปรียบเสียจริง
“นี่มันรางวัลอะไรกันฮะ เห็นแต่พี่หมอได้กำไรอยู่ฝ่ายเดียวอ่า” ร่างบางกระเง้ากระงอดอย่างงอนๆ
“อ่า โกรธหรอครับ งั้นเอางี้นะ หมอให้หอมแก้มคืน จะได้เท่ากัน โอเคมั้ย” ยื่นข้อเสนอให้อีกคน พลางยื่นแก้มรอ
“ไม่เห็นจะคุ้มกันตรงไหนเลยพี่หมออ่า”ร่างบางยังแง้วๆใส่อีกคน ซีวอน ตั้งท่าจะถอยห่างออกมาหากร่างบางไม่อยากได้รางวัลจริงๆ แต่มือบางที่เร็วกว่ารีบจับใบหน้าหล่อคมพลางจุ๊บลงบนแก้มทันที
“555+ ไหนว่าไม่คุ้มไงครับ รีบจุ๊บเลยนะ กลัวไม่ได้รางวัลหรอครับ” หัวเราะอย่างชอบใจเมื่อเห็นอีกคนทำไปก็หน้าแดงไป
“ไม่เห็นจะคุ้มตรงไหนเลย ...พี่หมอจุ๊บเค้าตั้ง 2 ที ส่งอีกข้างมาเลยนะ” ได้ยินดังนั้นร่างสูงก็ยื่นแก้มอีกข้างให้อย่างไม่รอช้าทันที กลีบปากนุ่มแตะลงบนแก้มสากของคนตัวสูงกว่าเบาๆ ก่อนจะผละตัวออกมานั่งตัวลีบอยู่บนเก้าอี้ สายตาคู่สวยก้มลงจ้องมองแต่มือตัวเองไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมามองร่างสูง
“น่ารักจริงๆเลยนะเราเนี่ย ไหนเงยหน้าขึ้นมองพี่หมอหน่อยสิครับ ให้พี่หมอดูหน่อยว่าต้องเปลี่ยนอะไรบ้าง” มือหนาเชยคางอีกคนขึ้นมองพลางพิจารณาใบหน้าหวานอย่างละเอียด สายตาคมจ้องมองลูกแก้วใสอย่างเพ่งพินิจ
“โอเคครับ เดี๋ยวหมอจะนัดเราอีกทีวันเสาร์ ฮีชอลให้ใบรายการเสื้อผ้าหมอมาแล้ว วันเสาร์หมอจะไปรับที่หน้าบ้านนะครับ แล้วเราจะไปช้อปเลือกซื้อเสื้อผ้าและของใช้ใหม่กัน วันนี้จบการตรวจของเราแล้วครับ ส่วนโรคที่เป็นทั้งหมดในวันนี้ หมอคงต้องรักษาคนไข้อีกนานกว่าจะหาย คนไข้คงเจอหน้าหมอจนเบื่อแน่ๆเลย”เสียงทุ้มหัวเราะกังวานพลางลูบหัวอีกคน
“ฮยอกยินดีเข้ารับการรักษาตลอดชีวิตเลยฮะ ไม่อยากหายป่วยเลย กลัวไม่ได้เห็นหน้าพี่หมออีก” ร่างบางหยอดคำหวานตบท้ายบทสนทนา
“พูดแล้วจะมาคืนคำไม่ได้นะครับ ต่อให้หายจากโรค หมอก็จะนัดคนไข้มาตรวจอาการทุกวันเลยครับ ฮ่าๆ ไปครับ กลับบ้านกัน เดี๋ยวพี่หมอไปส่งครับ” ว่าพลางคว้ากระเป๋าพร้อมกับกุมมือบางอีกข้างให้เดินตามตนไปที่รถคันหรูที่ทั้งคู่นั่งมาเมื่อเช้า เมื่อประจำตำแหน่งเป็นที่เรียบร้อยก็ถึงเวลาออกเดินทางมุ่งหน้าตรงสู่ที่พักอาศัยของคนตัวบางเสียที....
“แหมๆ ตอนไปก็ไปกันคนเดียว ทำไมตอนกลับดันมาแบบแพ็คคู่กันหมดเลยละเนี่ย วันนี้วันคนมีคู่หรือไงกันเนี่ย” ซองมินที่ยืนรอรับเพื่อนอยู่เอ่ยแซวทันทีที่รถคันหรูจอดเทียบหน้าบ้าน พลางหันไปมองเพื่อนอีกคนที่เพิ่งกลับมาก่อนหน้าฮยอกแจได้ไม่นาน
“อ่า ขอโทษที่มาส่งอึนฮยอกช้านะครับ พอดีวันนี้หมอนัดตรวจร่างกายน่ะครับเลยนานนิดนึง ต้องขอโทษจริงๆครับ” ร่างสูงของอีกคนเปิดประตูลงมาจากรถ พลางตรงปรี่เข้ามาขอโทษขอโพยคนที่ยืนตัวอวบดุเด็กน้อยฮยอกแจอยู่
“คุณคงจะเป็น....” เมื่อคนที่ก้มขอโทษเมื่อครู่เงยหน้าขึ้นมาก็พาซองมินถึงกับตะลึงงัน มือบางยังคงชี้หน้าอีกคนพลางนิ่งค้างอยู่ท่านั้น
“ผม ชเว ซีวอนครับ เป็นหมอประจำตัวของอึนฮยอกน่ะครับ พอดีเห็นว่ากว่าจะตรวจร่างกายเสร็จก็เริ่มเย็นมากแล้ว กลัวว่าอึนฮยอกจะเป็นอันตรายน่ะครับถ้ากลับเอง ”บอกพลางส่งยิ้มหวานพราวเสน่ห์ให้อีกคน อึนฮยอกเดินมาสะกิดไหล่เพื่อนที่ยืนมองพี่หมอของตนตาแทบถลน จากสะกิดก็เริ่มเปลี่ยนเป็นตีไหล่ จากการตีไหล่ก็เปลี่ยนเป็นหยิกที่หลังจนกระทั่งคนร่างบางนั้นรู้สึกตัวเสียที
“อ่า...เอ่อ ... ถ้าไม่รังเกียจอยู่ทานข้าวเย็นด้วยกันก่อนมั้ยครับ” ซองมินที่ได้สติแล้วจึงเอ่ยถามอีกคนอย่างเขินๆ อึนฮยอกเกาะไหล่เพื่อน พลางส่งตาแป๋วมองอีกคนอย่างอ้อนวอนให้อยู่ทานข้าวด้วยกัน
“อ่า ไว้โอกาสหน้าแล้วกันนะครับ วันนี้ผมมีธุระต่อจริงๆ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ คุณ....” มือหนายื่นให้คนตรงหน้าพร้อมรอยยิ้มเป็นมิตร ซองมินมองมือของ พ่อรูปหล่อพลางยื่นมือออกไปหวังจะสัมผัสเสียหน่อย
“ชื่อ ลีซองมินฮะ เพื่อนฮยอกเอง นี่ก็ดึกมาแล้วพี่หมอมีธุระต่อไม่ใช่หรอฮะ ฮยอกว่ารีบไปเถอะเนอะ เดี๋ยวไม่ทัน” มือบางอีกคนพุ่งมาจับมือหนาอย่างไว พลางกึ่งลากกึ่งจูงอีกคนไปที่รถ
“งั้นหมอไปก่อนนะครับ ไว้เจอกันวันเสาร์ครับ ไปก่อนนะครับคุณซองมิน” เอ่ยบอกลาพลางบึ่งรถออกจากสนามรบของคนร่างบางทั้งสองที่ทันทีที่รถคันหรู ลับตาไปสายตาสองคู่ก็กลับมาจ้องกันทันที
“รู้นะว่ามินนี่คิดอะไรอยู่ คนนี้ของเค้านะ” อึนฮยอกว่าพลางทำหน้างอนๆเดินหิ้วกระเป๋าเข้าบ้านไป ตามมาด้วยเพื่อนรักร่างอวบที่เดินตามมาง้อ
“รู้น่า ฉันไม่แย่งของๆเพื่อนหรอกน่า แต่ว่าหล่อดีนะ ที่นั่นยังมีอีกมั้ย ให้พี่ฮันหาให้มั่งสิ อยากได้บ้างอ่า” ซองมินว่าตาวาว
“จริงนะ ไม่แย่งกันนะ สัญญาก่อน ”มือเล็กๆยื่นไปเกี่ยวก้อยกับนิ้วอวบของอีกคนพลางยิ้มหวานให้กัน
“ไว้ฮยอกจะแนะนำหมอหล่อๆคนอื่นให้นะ คนนี้ฮยอกขอเนอะ ^^”
“อื้อ ไปทานข้าวแล้วอาบน้ำได้แล้ว เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว” ว่าพลางจูงมือกันไปที่โต๊ะอาหารที่ซึ่งคนร่างอวบทำอาหารมากหน้าหลายตาไว้รอ
“ดงเฮไปไหนอ่า ทำไมไม่มาทานข้าว” อึนฮยอกมองหาเพื่อนอีกคนที่เมื่อกี้ยังอยู่หน้าบ้านด้วยกันแหม่บๆ แต่ตอนนี้หายจ้อยไปไหนไม่รู้
“นั่นสิ เมื่อกี้ยังอยู่ด้วยกันที่หน้าบ้านอยู่เลย สงสัยอยู่บนห้อง ดงเฮ!!! ทานข้าวได้แล้วนะ”เสียงใสตะโกนเรียกเพื่อนซี้อีกคนให้ลงมาทานข้าว ก่อนจะมีเสียงตึงตังๆมาตามบันไดบ้าน
“มาแล้วๆๆๆ หิวจังเลยน้า” มือบางลูบท้องเบาๆ ก่อนจะลงจ้วงอาหารในจานเข้าปากทันทีโดยไม่รออีกสองคนที่นั่งอยู่ก่อน
“มัวทำอะไรน่ะ ทำไมลงมาช้าจัง เอ้า ค่อยๆกินหน่อยสิ เลอะเทอะหมดแล้ว” ซองมินเอ่ยถามพลางหยิบกระดาษมาเช็ดปากให้เด็กน้อยดงเฮที่กินมูมมามด้วยความหิวโหย
“ไอ้อ้ายอำอะไรออก (ไม่ได้ทำอะไรหรอก) อ่อก...แค่กๆๆๆ นะ...น้ำๆๆ” มือบางควานหาน้ำมาดื่มเมื่อข้าวดันไปจุกกันอยู่ที่คอจนเกิดการสำลัก
“พอเลยๆ ไม่ต้องพูดแล้ว ค่อยๆทานนะ” อึนฮยอกลูบหลังดงเฮเบาๆให้เพื่อนคลายสำลักลงไปบ้าง ทั้งสามคนพูดคุยกันไปนั่งทานอาหารกันไป
“ฮยอกอาบน้ำเสร็จแล้วล่ะ เดี๋ยวจะไปดูละครที่ห้องนั่งเล่นสักหน่อย มีใครจะอาบต่อมั้ย” อึนฮยอกเดินเช็ดผมที่เปียกชุ่มออกมาจากห้องน้ำ ก่อนจะมองหน้าเพื่อนอีก 2 คนที่นั่งเล่นกันอยู่ที่โซฟามุมประจำ
“เดี๋ยวด๊องขออาบก่อนนะ” ว่าแล้วก็รีบวิ่งไปหยิบผ้าขนหนูสีดำก่อนจะพุ่งตัวเข้าห้องไปด้วยความไวแสง ทำเอาอีก 2 คนถึงกับมองหน้ากันที่วันนี้ไม่ต้องเรียก ดงเฮซ้ำซ้อนให้ไปอาบน้ำ
“ซองมิน ด๊องอาบเสร็จแล้วนะ ห้องน้ำว่างแล้ว!!!!” เมื่อออกมาจากห้องน้ำ ร่างบางก็ตะโกนบอกเพื่อนคนสุดท้ายที่ยังไม่ได้อาบน้ำทันที ก่อนจะวิ่งจู๊ดขึ้นไปบนห้องนอน มือบางล้วงเข้าไปใต้หมอนของตัวเองเพื่อหาอะไรบางอย่างที่เอาขึ้นมาซ่อนไว้เมื่อเย็น
“อยู่ไหนนะ ....อ้อ เจอละนี่ไง” ล้วงไปได้สักพักก็คว้าไข่ไก่ใบโตออกมาจากใต้หมอน ร่างบางยกยิ้มเจ้าเล่ห์พลางแกะเปลือกไข่อย่างระมัดระวัง เมื่อเปลือกชิ้นสุดท้ายหลุดออกก็เหลือเพียงเนื้อไข่สีขาวนวล ดงเฮยัดไขไก่ใบโตเข้าไปในปากภายในคำเดียวก่อนจะเคี้ยวหมุบหมับๆแล้วกลืนอย่างฝืดคอ
“อ่อก ..ติดคอๆๆๆ” มือบางทุบอกตัวเองเบาๆพลางเขย่าตัวไปมาเพื่อให้ไข่ที่เพิ่งกินเมื่อครู่ไหลลงกระเพาะอย่างรวดเร็ว เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย ร่างบางก็รีบแทรกตัวลงในผ้าห่มผืนหนา พลางหลับตานอนในทันใด
อดใจรอนิดนึงนะเพื่อนๆ ตอนนี้ด๊องบอกอะไรไม่ได้หรอก เดี๋ยวพิธีกรรมที่ทำมันจะไม่สำเร็จ ไว้ทำสำเร็จแล้วด๊องจะแวะมาบอกวิธีนะ ตอนนี้ด๊องขอนอนก่อน เนื้อคู่ด๊องรออยู่
เวลาผ่านไปจนกระทั่งล่วงเลยเข้ามาเกือบถึงเวลาเที่ยงคืน สิ้นสุดคืนวันที่แสนเหนื่อยในวันนี้ อึนฮยอกที่เพิ่งดูละครหลังข่าวจบก็เดินกลับเข้ามาในห้องนอน เพื่อจะทิ้งตัวลงนอนคลายความเมื่อยล้าจากการเรียนอย่างหนักในวันนี้ ร่างบางๆทิ้งตัวลงนอนบนเตียงหนานุ่มของตนเอง พลางปิดตาลงนอน
“น...นะ..น้ำ ขอน้ำหน่อย แค่กๆๆ ขะ..ขอน้ำหน่อยยยยย” เสียงยานครางและแหบพร่าดังขึ้นให้ห้องที่เงียบเชียบและมืดมิดในเวลาเที่ยงคืน อึนฮยอกรีบห่มผ้าคลุมโปงด้วยความกลัวในทันที แต่เสียงนั้นก็ดูเหมือนจะเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ
“ใครอ่า!!!” ร่างบางตะโกนถามที่มาของเสียง แต่เสียงนั้นอยู่ๆก็เงียบไป อึนฮยอกจึงรวบรวมความกล้าลุกขึ้นจากเตียง เดินไปดูทางต้นเสียงที่ดังขึ้นมาเมื่อครู่
“นะ...น้ำ….” เสียงแหบพร่าดังขึ้นอีกครั้งที่เตียงถัดไป อึนฮยอกก้มลงเงี่ยหูฟังที่เตียงของซองมิน แต่ก็ดูหมือนจะไม่ใช่ ขาบางจึงเดินไปอีกเตียงเพื่อเช็คที่มา “แค่กๆ...นะ...น้ำ” ดงเฮที่นอนอยู่บนเตียงส่งเสียงแหบพร่ายานครางเหมือนมีอะไรบางอย่างติดคออยู่ มือบางไขว่คว้าอากาศไปมาราวกับรอให้ใครหยิบยื่นน้ำให้
“หิวน้ำหรอด๊อง เดี๋ยวฮยอกไปหยิบน้ำมาให้นะ” ด้วยความหวังดีต่อเพื่อน อึนฮยอกจึงเดินไปเทน้ำขึ้นมาให้เพื่อนถึงเตียง มือบางเขย่าตัวร่างบางอีกคนให้ได้สติ
“ด๊องๆๆ....น้ำมาแล้ว ดื่มน้ำหน่อยนะ ด๊องๆๆ” อึนฮยอกยังคงพยายามปลุกเพื่อนให้ตื่นมาดื่มน้ำ
“หืม? นะ...น้ำหรอ คะ...ใครน่ะ ใครเอาน้ำมา” เสียงที่เคยหวานเอ่ยถามอย่างแหบพร่า ดวงตาคู่สวยปรือตาขึ้นมองสิ่งที่อยู่รอบๆตัว พลางกระพริบตาปรับโฟกัสให้มองเห็นชัดเจนขึ้นปากบางจรดลงปากแก้วพลางดื่มน้ำอย่างหิวกระหาย
“มะ...ไม่จริง ต้องไม่ใช่ฮยอกแน่ๆ เนื้อคู่เค้าต้องไม่ใช่ฮยอกแน่ๆ ”ร่างบางรำพึงรำพันกับตัวเองพลางทิ้งตัวลงนอนบนเตียงอีกครั้ง
“อะไรของเค้านะ ด๊อง!! ตื่นมาคุยกับฮยอกให้รู้เรื่องก่อน ไม่ใช่ฮยอกอะไร ตื่นเดี๋ยวนี้นะ” เขย่าไปมาก็ไม่มีทีท่าว่าจะตื่น อึนฮยอกต้องละออกจากคนตัวบาง แล้วเดินกลับไปที่เตียง
“พรุ่งนี้ค่อยถามแล้วกันนะ วันนี้ฮยอกง่วงแล้ว” ว่าพลางห่มผ้าเสียมิดคอพลางนึกถึงเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นวันนี้ รอยยิ้มหวานแต่งแต้มบนใบหน้า ก่อนที่คนที่แสนจะมีความสุขจะผล๊อยหลับไป
เช้าวันใหม่
“ม่ายยยยยยย!!!!!!!” ดงเฮตื่นมาก็กรีดร้องเสียลั่นห้อง ปลุกให้อีก 2 คนที่นอนอืดอยู่นั้นต้องตื่นตาม
“อะไรกันด๊อง เป็นอะไรแต่เช้า ฮ้าววววว ฝันร้ายหรอ” ซองมินถามคนข้างเตียงพร้อมหาวเสียวอดใหญ่
“เมื่อคืนใครเอาน้ำมาให้ด๊องกิน” ดงเฮถามพลางชี้ไปที่แก้วน้ำที่วางอยู่ “ฮยอกเองอ่า เห็นด๊องบ่นหิวน้ำๆๆ เค้าเลยเอามาให้ แล้วด๊องก็บ่นไรไม่รู้ อะไรไม่ใช่ฮยอกๆอะไรสักอย่างอ่า ปลุกมาถามก็ไม่ยอมตื่น ว่าจะมาถามตอนเช้าอยู่เหมือนกัน สรุปเมื่อคืนด๊องว่าอะไรนะ อะไรไม่ใช่ฮยอกนะ” อึนฮยอกเอ่ยถามอีกคนอย่างงงๆ ซึ่งก็ไม่ต่างกับซองมินที่นั่งมองเพื่อนทึ้งผมตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เมื่อมันผิดแผนอีกแล้ว
“หมดกัน เนื้อคู่ของฉันนนนน!!!!!อ๊ากกกก!!!” มือบางทุบตีเตียงจนเพื่อนกลัวว่ามือเล็กๆนั่นจะหักเสียก่อน สองคนรีบวิ่งเข้าไปกันคนร่างบางให้สงบสติลงก่อน
“ใจเย็นนะด๊อง เกิดอะไรขึ้น ฮยอกงงไปหมดแล้วนะ ใจเย็นๆนะ” ว่าพลางลูบหลังเพื่อนให้เย็นลง
“ฮืออออออ ฮยอกอ่า 2 รอบแล้วนะมาทำลายพิธีหาเนื้อคู่เค้าอ่า รอบแรกก็ให้อภัยไปทีแล้วนะ นี่ยังมาทำลายรอบที่สองอีก เค้าจะงอนแล้วด้วย” ดงเฮว่าพลาง ตีไหล่เพื่อนเบาๆเพื่อระบายความโกรธที่มีต่ออีกคน
“อะไร พิธีอะไร” ถามกันอย่างงงๆ ก่อนที่ดงเฮจะคว้าหนังสือมาส่งให้เพื่อนๆอ่าน
‘วิธีการดูเนื้อคู่ด้วยไข่ต้มทำนายคู่ วิธีคือให้ไปซื้อไข่ไก่มา โดยที่ห้ามให้คนที่เรารู้จักเห็น เมื่อไปซื้อแล้วก็นำมาต้ม แล้วก็อย่าให้ใครเห็นเราต้มอีก เมื่อต้มไข่เสร็จแล้วก็นำไข่ไปซุกใต้หมอน ก่อนจะนอน ให้เอาไข่ต้มมากิน กินแล้วห้ามดื่มน้ำตามนะ ห้าม!! กินแล้วให้นอนเลย พอนอนไป ปกติคนเราเมื่อกินไข่แล้ว จะหิวน้ำ แต่นี่ไม่ได้กินน้ำ จิตใต้สำนึกของคนเราจึงคิดว่าแต่หิวน้ำ เวลาหลับไปจึงฝัน และถ้าฝันว่าใครเอาน้ำมาให้นะ นั่นแหละใช่เลย เนื้อคู่เรา’
“อ่า...ด๊องจะบอกว่า...เมื่อคืนด๊องทำไอพิธีอะไรนี่อ่าหรอ” อึนฮยอกถาม อีกคน พลางได้รับคำตอบเป็นการพยักหน้าตอบรับกลับมา ร่างบางลงนั่งข้างๆเพื่อนพลางกอดไว้แน่น
“ฮยอกขอโทษน้า ฮยอกก็แค่เห็นด๊องหิวน้ำ กลัวด๊องจะทรมานเลยเอาน้ำมาให้น่ะ ไม่โกรธฮยอกนะ ฮยอกขอโทษ” อึนฮยอกลูบหลังดงเฮเบาๆอย่างปลอบประโลม ดงเฮค่อยๆยกมือขึ้นโอบกอดเพื่อนอีกคน
“อื้อ ด๊องไม่โกรธ ขอโทษนะที่โวยวายทำให้ทุกคนตื่นแต่เข้า ด๊องรู้ว่าฮยอกหวังดีกับด๊อง งั้นเราไม่โกรธกันนะ” ทั้งสองคนพยักหน้าให้กันก่อนจะสวมกอดกัน อีกครั้ง ซฮงมินยืนมองทั้งคู่ด้วยรอยยิ้มหวานในยามเช้า
“หนังสือเล่มนี้เจ๋งดีเนอะ มีบอกวิธีอะไรต่างๆไว้เยอะเลย มีของดีทำไมไม่บอกกันเลยนะด๊อง” ซองมินหยิบหนังสือที่อีกคนส่งให้เมื่อครู่ขึ้นมาดู
“เพิ่งได้มาใหม่อ่า เพิ่งจะลองใช้ได้ 2 หนเอง ยังไม่แน่ใจไงว่ามันจะได้ผลมั้ย ด๊องเลยยังไม่ได้บอกมินนี่กับฮยอก”
“ลองอะไรไปบ้างอ่า”
“ลองอันนี้กับอันนี้” ว่าพลางชี้ไปที่วิธีการดูเนื้อคู่ทั้ง 2 แบบที่ร่างบางได้ลอง
“แล้วสำเร็จมั้ยละ” ถามอย่างอยากรู้ เพราะตนเองก็อยากจะลองบ้าง
“ก็อย่างที่เห็น วิธีไข่ต้มเหลวไม่เป็นท่า ฮยอกกี้ดันเอาน้ำมาให้ก่อนเลยไม่เจอเนื้อคู่เลย ส่วนวิธีแรกอ่า เค้าเห็นแค่เงารางๆแต่ไม่แน่ใจว่าเป็นใครน่ะ พอดีวันนั้นฮยอกเปิดประตูเข้ามาทำลายพิธีก่อน” ว่าพลางค้อนอีกคนอย่างงอนๆ
“วันนี้ที่ด๊องอยากกินแอปเปิ้ลอ่าหรอ อ้อ น่าจะเป็นวิธีนี้สินะ ขอโทษน้า”
“อ้อ คนที่เอามีดกับแอปเปิ้ลไปคือด๊องหรอกหรอ ใช้แล้วก็ไม่เก็บที่ น่าตี ให้ตายมั้ยละเนี่ย มาให้ตีเลยนะ” ว่าพลางวิ่งไล่ตีอีกคนที่วิ่งซนเป็นเด็กดื้อถูกแม่ตี
“เรื่องอะไรจะยอมให้ตี แบร่~~ เจ๋งจริงก็จับด๊องให้ได้แล้วกันนะ”ว่าพลางวิ่งลงบันไดบ้านไปเสียงตึงตังๆ
“เฮ้อ ซนจริงๆให้ตายเถอะ มีเพื่อนหรือมีลูกเนี่ย ....555”
ต่อให้มีสัก 100 วิธีที่ทำให้ดงเฮได้เห็นเนื้อคู่สัก 100 คน ก็ไม่มีค่าเท่ากับเพื่อนที่ตนมี 2 คนนี้เลยจริงๆ หากการมองเห็นเนื้อคู่ในอนาคตจะทำให้เค้าต้องทะเลาะกับเพื่อน งั้นเค้ายอมรออนาคตเสียดีกว่าที่ปัจจุบันจะต้องเสียซองมินและ อึนฮยอกไป ถึงยังไงมิตรภาพของเราก็สำคัญและเหนียวแน่นมากกว่าความรักที่มีให้กับว่าที่เนื้อคู่ในอนาคตแน่นอน.....
talk: จะมีใครโกรธมั้ย ท่าไรเตอร์บอกว่าไรเตอร์แอบรักพี่หมอของน้องอึนฮยอก อยากตรวจแบบนี้ ฮืออออ มีหมอโรงพยาบาลไหนให้ไรเตอร์หยอดแบบนี้ได้บ้างเอ่ย รีดเดอร์คนไหนป่วยแล้วอยากรักษากับพี่หมอ ยกมือขึ้น !!! พลาดไปจ้ะ พี่หมอเค้ามีเนื้อคู่แล้ว แต่รีดเดอร์ยังมีไรเตอร์นะ (เสี่ยวจริง) รักรีดเดอร์เสมอ
ความคิดเห็น