คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : [Short Fic] รักกันไปจนวันตาย.... [KyuMin]
กดฟังเพลงก่อนนะคะ จะได้่อิน
“อ๊ะ....อือออ คยู อ๊า.....” เสียงครางหวานของหญิงสาวที่อยู่ใต้เรือนร่างสมชายของอีกคนดังลั่นขึ้นเพราะความเสียวซ่านจากเกมรักที่กำลังดำเนินอยู่
“ชู่ว์....อย่าเสียงดังสิ เดี๋ยวซองมินก็ได้ยินหรอก” ร่างสูงเอ่ยเตือนอีกคน
“งั้น อ๊า...ก็อย่าแกล้งกันสิ อื้อออ ” หญิงสาวเอ่ยบอกพลางจิกเล็บลงบนแผ่นหลังกว้างของอีกคนเพื่อระบายความเสียวซ่านออกมา ชายหนุ่มยกยิ้มที่มุมปากก่อนจะก้มลงกดจูบลงบนเรียวปากอิ่มเพื่อไม่ให้ส่งเสียงเล็ดลอดออกมาให้ใครอีกคนที่นอนหลับอยู่ที่ห้องนอนอีกห้องหนึ่งได้ยิน
“อืม....งั้นฉันปิดเกมเลยนะ เดี๋ยวซองมินตื่นมาเห็น จะเป็นเรื่อง อา....” ร่างสูงเอ่ยบอกพลางเร่งจังหวะการเข้าออกให้เร็วขึ้น ก่อนจะปล่อยน้ำรักเข้าไปในช่องทางของคนที่นอนอยู่ใต้ร่าง ก่อนที่ทั้งคู่จะครางกันออกมาอย่างสุขสม
“คยู...ตื่นหรือยังน่ะ” ซองมินที่เพิ่งตื่นเดินงัวเงียมาเปิดประตูห้องของแฟนหนุ่มของตน ก่อนที่ดวงตาที่กึ่งหลับกึ่งตื่นเมื่อครู่จะเบิกกว้างกับภาพตรงหน้าที่เห็น
..ภาพของชายคนรักที่กำลังร่วมรักกับหญิงสาวคนหนึ่งซึ่ง...เธอดูคุ้นตาเสียเหลือเกิน แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคิดแล้วว่าคนตรงหน้าเป็นใคร ร่างบางที่เปิดเข้ามาเห็นช็อตเด็ดแบบนี้ได้แต่ยืนอึ้งไปพักใหญ่ ไม่ต่างกับอีก 2 คนที่นอนกกกอดกันอยู่บนเตียงนั้นก็ทำได้เพียงนอนกอดกันตัวแข็งทื่อกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่
“ขอ....ขอโทษที่มาขัดจังหวะนะ ตะ..ตามสบายแล้วกัน” ร่างบางที่ไม่รู้จะเอ่ยอะไรดีนั้นบอกคนทั้งคู่ด้วยเสียงที่แผ่วเบาเสียจนแทบไม่ได้ยิน ร่างบางปิดประตูห้องลงช้าๆพร้อมกับน้ำตาที่ไหลรินลงมาราวกับเขื่อนแตก ขาเรียวสวยค่อยๆก้าวไปข้างหน้าอย่างช้าๆ
...ก่อนที่ร่างทั้งร่างจะทรุดลงไปนอนกับพื้นพร้อมกับสติที่ดับวูบลง....
“ซองมิน!!!” หญิงสาวและชายหนุ่มทั้ง 2 รีบแต่งตัวก่อนจะวิ่งออกมาดูคนตัวบางที่เป็นลมล้มพับไปด้วยใบหน้าที่ซีดเซียว
“คยูฮยอน เอารถออก เราต้องพาซองมินไปโรงพยาบาลนะ” หญิงสาวสั่งอีกคน ก่อนที่ชายหนุ่มเจ้าของชื่อจะรีบวิ่งไปหยิบกุญแจรถในห้อง มือหนาช้อนคนตัวบางขึ้นแนบอก ก่อนจะบึ่งรถไปที่โรงพยาบาล
“ฉันไม่น่ามาหาคุณวันนี้เลยจริงๆ ถ้าซองมินเป็นอะไรขึ้นมาเราจะยังไงดี” หญิงสาวเอ่ยบอกอย่างเป็นกังวล ใบหน้าหวานแสดงความกังวลออกมาอย่างเห็นได้ชัด
“ไม่ต้องกังวลหรอก ซองมินไม่เป็นอะไรง่ายๆหรอกน่า เธอก็คิดมากไปได้มินอา” ชายหนุ่มบอกพลางตวัดเอวบางนั้นมานั่งบนตัก พลางกุมมือไว้แน่นเพื่อให้หญิงสาวคลายความกังวลลง
“คยู...นี่มันโรงพยาบาลนะ ปล่อยฉันก่อน เกิดเรื่องแบบนี้นายยังจะมาพลอดรักได้อีกหรือไงกัน” หญิงสาวตำหนิพลางแกะมืออีกคนออกจากเอว
“ทำไมกัน แค่ฉันกอดคนที่ฉันรักไม่ได้หรือไง” คยูตวาดกลับมาอย่างโมโหเมื่อถูกอีกคนปฏิเสธ
“นายหยุดพูดเดี๋ยวนี้เลยโจว คยูฮยอน นายก็เห็นอยู่ว่าแฟนของนายนอนป่วยอยู่ข้างในห้องฉุกเฉิน ที่เค้าเป็นแบบนี้เพราะการกระทำของเราไม่ใช่หรือไง นายก็รู้ว่าซองมินเป็นโรคหัวใจ จะให้อะไรมากระทบกระเทือนจิตใจของเค้าไม่ได้ นายอย่าพูดอะไรแบบนี้ออกมาอีก ถ้าซองมินมาได้ยินเค้าต้องเสียใจมากแน่ๆ ” หญิงสาวเอ่ยเตือนอีกคนให้ระวังคำพูดไว้บ้าง พลางเดินไปหาคุณหมอที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องฉุกเฉิน
“คุณหมอคะ เพื่อดิฉันเป็นยังไงบ้างคะ” มินอาเอ่ยถามคนในชุดกราวน์อย่างร้อนใจ
“อาการของคนไข้อยู่ในเกณฑ์ปลอดภัยแล้วครับ แต่ว่าคนไข้นั้นมีระดับความเครียดที่สูงมาก ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ที่น่าเป็นห่วง หัวใจค่อนข้างทำงานหนัก จนอาการอาจจะกำเริบได้ ทางญาติต้องช่วยกันดูแลไม่ให้อะไรมากระทบกระเทือนจิตใจของเค้านะครับ เพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วย เดี๋ยวเราจะทำการย้ายคนไข้ไปที่ห้องพักผู้ป่วยนะครับ ให้คนไข้ได้พักดูอาการสัก 1 2 คืน ” ว่าแล้วคุณหมอก็เดินจากไป พร้อมกับที่ร่างของซองมินที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยสีขาวจะถูกเข็นออกมาจากห้องฉุกเฉิน
“ซองมิน...ฮึก...ฮืออๆๆๆ” หญิงสาวยกมือขึ้นปิดปากกลั้นเสียงสะอื้นไม่ให้หลุดออกมา มินอา มองร่างของเพื่อนที่นอนหน้าซีดขาวอยู่บนเตียงแล้วก็ใจเสีย ได้แต่นึกโทษการกระทำของตนเองที่ทำให้เพื่อนรักกลายเป็นแบบนี้
“ถ้าฉันเลือกได้ ฉันอยากจะบอกกับซองมินตรงๆว่าฉันไม่ได้รักเค้าอีกต่อไปแล้ว....ถ้าเป็นไปได้ ฉันอยากจะบอกซองมินว่าหัวใจของฉันได้ยกให้กับมินอาไปแล้วจริงๆ” คยูฮยอนเดินมากอดปลอบหญิงสาวไว้แนบอก พลางลูบศีรษะของเธอเพื่อปลอบโยน
“ฮึก..อย่าบอกซองมิน...ฉันไม่อยากให้เค้าเจ็บปวดไปกว่านี้ ฮือออ ได้โปรด อย่าบอกเค้า” หญิงสาวร้องขอพลางกอดเอวคนร่างสูง ก่อนจะซุกหน้าลงแนบอกปล่อยให้น้ำตาแห่งความเจ็บปวดรินไหลออกมา
เปลือกตาบางที่หนักอึ้งค่อยๆลืมขึ้นมาช้าๆ ดวงตากลมโตที่เคยใสตอนนี้กลับแดงก่ำไปหมดเพราะผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก ร่างบางกวาดสายตามองไปรอบๆห้องสีขาวที่ตนอยู่
“ซองมิน..ตื่นแล้วหรอ” สายตาคู่สวยหยุดลงเมื่อได้ยินเสียงหวานๆของเพื่อนที่ตนรักมาก ซองมินโถมตัวเข้ากอดเพื่อนรักพลางร้องไห้สะอึกสะอื้นราวกับจะขาดใจ
“มินอา... ฮืออออ ฉันฝันร้ายใช่มั้ย เธอบอกฉันทีได้มั้ยว่าคยูฮยอนไม่ได้นอกใจฉันน่ะ ฉันแค่ฝันไปใช่มั้ย ฮึก..เค้าไม่ได้มีคนอื่นใช่มั้ย บอกฉันสิมินอา ฮืออออออ” ร่างบางรัวคำพูดออกมาพร้องกับร้องไห้สะอึกสะอื้นจนพูดแทบไม่เป็นภาษา
“ใจเย็นๆนะซองมิน ไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น ทุกอย่างเป็นแค่ฝันร้าย ไม่ร้องนะ ซองมิน อย่าร้องไห้นะ” หยิงสาวบอกพลางปาดน้ำตาให้เพื่อนรัก
“เธอไม่ให้ฉันร้องไห้ ...ฮึก แล้วเธอร้องไห้ทำไมกันละ ” มือบางยกขึ้นปาดน้ำตาให้เพื่อนเหมือนกัน พลางนึกขอบคุณที่เพื่อนรักเค้าเป็นห่วงเค้าถึงกับหลั่งน้ำตาออกมาแบบนี้
มินอาชะงักไปก่อนจะส่งยิ้มหวานให้อีกคน เพื่อไม่ให้คนที่นอนอยู่บนเตียงได้เห็นความรู้สึกผิดที่ฉายแววอยู่ในดวงตาคู่สวย
“แล้วคยูละ...คยูอยู่ไหนหรอ” ซองมินถามหาคนรักพลางชะเง้อคอมองที่โซฟา ร่างสูงที่นั่งนิ่งอยู่นานก็เดินเข้ามาหาคนรัก ก่อนจะยิ้มหวานให้กับซองมิน มือหนาลูบผมนิ่มของคนรักอย่างแผ่วเบา
“ดีขึ้นหรือยังซองมิน ฉันเป็นห่วงมากๆรู้มั้ย” คยูฮยอนว่าพลางจับมือบางขึ้นมากุม มินอาที่เห็นภาพนี้ก็อดปวดใจไม่ได้ หญิงสาวปล่อยให้คนทั้งคู่ได้คุยกัน ก่อนจะพาร่างของตนเองนั้นออกมายืนรอที่หน้าห้อง
“อื้อ ดีขึ้นแล้วล่ะ คงเพราะเครียดมากไป เลือดลมมันเลยไม่ค่อยดี มันเลยเป็นลมง่ายน่ะ ขอโทษนะที่ทำให้เป็นห่วง” ว่าพลางกอดเอวคนร่างสูงแน่น
“อืม ไม่เป็นไรหรอก หายไวๆแล้วกันนะ...เดี๋ยวนอนพักอีกสักหน่อยแล้วกัน คุณหมอบอกว่าถ้าตื่นมาแล้วให้ทานยานี้ก่อน แล้วนอนพักเยอะๆนะ” ว่าแล้วก็ส่งถ้วยยาพลางยื่นแก้วน้ำให้คนรักดื่ม ซองมินรับไปกินอย่างว่าง่าย ก่อนจะล้มตัวลงนอนบนเตียงอีกครั้ง
แม้จะอยากใช้เวลาอยู่กับคนรักมากแค่ไหน แต่เพื่อร่างกายที่ไม่ค่อยแข็งแรงของเค้า เค้าขอรักษาตัวให้หายดีก่อนแล้วกัน ยังไงคยูฮยอนก็ไม่ทิ้งเค้าไปไหนหรอก เพราะว่าร่างสูงเคยสัญญากับเค้าไว้แล้ว ว่าเรา 2 คน จะรักกันไปจนวันตาย...ถ้าเค้าไม่ยอมรักษาตัวเองให้หายไวๆ เกิดตายเร็วขึ้นมาจะทำยังไงละจริงมั้ย ^^
“ฉันขอโทษนะ ซองมิน” คยูฮยอนนั่งมองอดีตคนที่ตนเคยรักด้วยสายตาที่เจ็บปวด มือหนาลูบลงบนมือนิ่มอย่างเบาๆ พลางเอ่ยขอโทษอีกคน ไม่ใช่ว่าเค้าหมดรักในตัวซองมินหรอกนะ แต่ตอนนี้หัวใจที่เคยให้ซองมินทั้งดวงนั้น เค้ากลับยกมันให้คนอื่นไปแล้ว ใครอีกคนที่ใกล้ชิดกับเค้ามากเสียจนบางทีเค้าก็หลงลืมคนรักคนนี้ไป จนมารู้ตัวอีกทีความรักที่เคยมีให้ซองมินกลับเหลือแค่ความผูกพันที่ยึดคนทั้งคู่เอาไว้เพียงเท่านั้น แม้เค้าอยากจะบอกลาคนตรงหน้านี้ เพื่อให้ความเจ็บปวดที่มีระหว่างเค้าทั้ง 3 คนมันจบลงเสียทีก็ทำไม่ได้ เพราะจิตใจที่ไม่แข็งแรงของ ซองมิน ทำให้เค้าไม่สามารถจบเรื่องราวความรักครั้งนี้ได้เสียที
แต่โจว คยูฮยอนเคยคิดมั้ยว่าความเห็นแก่ตัวที่เค้าเรียกมันว่าความเจ็บปวดนี้ มันจะทำลายชีวิตของคนๆนึงขนาดไหนกัน.....
2 วันต่อมา....
“ซองมิน ดีใจด้วยนะ จะได้กลับบ้านแล้ว” มินอาว่าพลางวางผลไม้ที่ตนเพิ่งปลอกเสร็จใส่จานให้คนร่างบางได้ทาน ซองมินยิ้มหวานให้อีกคนพลางจิ้มผลไม้ในชามขึ้นมาทาน
“เดี๋ยวกลับไปบ้าน ฉันจะไปดูแลเธอสัก 2-3วัน ถ้าเห็นว่าหายดีแล้วฉันค่อยกลับไปบ้านจะได้ไม่ต้องห่วงซองมินนะ”
“ขอบคุณนะมินอา เธอดีกับฉันมากๆเลย...ฉันรักเธอนะเพื่อนรัก” ซองมินว่าพลางกอดมินอาแน่น
‘ที่ฉันต้องดีกับเธอมากๆก็เพื่อชดเชยความผิอดที่ฉันได้ทำกับเธอไงละซองมิน อย่ามารักเพื่อนเลวๆอย่างฉันเลย ฉันไม่ได้ดีอย่างที่เธอคิดจริงๆ’
วันนี้เป็นวันที่ร่างบางได้รับอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว ซึ่งโดยหน้าที่แล้ว โจว คยูฮยอน ก็ต้องมารับเค้าตามหน้าที่ของคนรักที่ควรจะเป็น
“นั่นไง คยูมาแล้ว ไปกันเถอะ” มินอาว่าพลางประคองอีกคนให้ไปที่รถที่ร่างสูงขับมา คยูฮยอนเปิดประตูรถลงมา ก่อนจะเปิดประตูหลังรถให้ซองมินเข้าไปนั่ง แล้วเปิดประตูที่นั่งข้างคนขับให้กับมินอา ทั้งคู่มองร่างสูงอย่างงงๆพลางตั้งท่าจะถาม
“ข้างหลังที่นั่งมันกว้างกว่า เวลาซองมินนั่งจะได้ไม่อึดอัด ไม่ต้องมาคาดเข็มขัดด้วยน่ะ” ร่างสูงให้เหตุผลเช่นนั้นก่อนจะขับรถออกไปท่ามกลางความสงสัยของซองมิน และแววตาที่เป็นกังวลของมินอาที่ส่งให้ร่างสูงมาตลอดทาง
“ซองมิน เดี๋ยวขึ้นไปพักผ่อนบนห้องก่อนนะ เดี๋ยวฉันไปเตรียมกับข้าวให้” มินอาว่าพลางเอาของสดที่แวะซื้อมาไปเก็บที่ตู้เย็น ปล่อยให้คยูฮยอนประคองซองมินขึ้นไปบนห้องนอน
“เดี๋ยวนอนพักนะซองมิน เดี๋ยวฉันจะไปช่วยมินอาเตรียมอาหารด้านล่างนะ” ร่างสูงห่มผ้าให้ร่างบางนอนบนเตียงกว้าง พลางตั้งท่าจะเดินออกไป แต่มือบางก็คว้าข้อมือหนาไว้เสียก่อน
“อยู่กับฉันได้มั้ย....ตั้งแต่ฉันป่วยคราวนี้ เราก็ไม่ค่อยได้คุยกันเลยนะ อยู่เป็นเพื่อนฉันก่อนได้หรือเปล่า....” ประโยคคำถามที่ดังออกมาอย่างแผ่วเบาจากกลีบปากนุ่มที่เค้าเคยสัมผัสเอ่ยถามออกมาอย่างไม่แน่ใจ เพราะกลัวคำขอของตนจะทำให้อีกคนหนักใจ
“ได้สิ งั้นซองมินนอนนะ เดี๋ยวฉันจะนอนเป็นเพื่อนแล้วกัน” คยูฮยอนว่าพลางล้มตัวลงนอนข้างๆร่างบางเพื่อไม่ให้อีกคนสงสัย มือบางเลื่อนมากุมมือหนาไว้แน่นให้รู้ว่าเค้ายังมีคนรักอยู่ข้างๆในเวลานี้ ซองมินค่อยๆหลับตาลงช้าๆ
“คยู....เราจะรักกันไปจนวันตายได้ใช่มั้ย ” แต่ก่อนจะดิ่งสู่ห้วงนิทรา เสียงใสนั้นก็เอ่ยถามคนรักออกมาอีกครั้ง
“หืม...ว่ายังไงนะ” เมื่อไม่แน่ใจกับคำถามที่ได้ยินนัก ร่างสูงจึงให้ทวนคำถามอีกครั้ง
“คยูว่าเรา 2 คนจะรักไปจนวันตายได้มั้ย” ซองมินถามย้ำอีกครั้ง พลางลืมตาขึ้นสบนัยน์ตาคมของอีกคน
“ไม่มีความรักไหนที่แน่นอนและมั่นคงแบบนั้นหรอกซองมิน ไม่มีใครที่จะสามารถรักกันไปจนวันตายได้จริงๆหรอก เชื่อฉันสิ” คยูตอบออกมาตามที่ใจคิด ซองมินมองหน้าร่างสูงอีกครั้งพลางยิ้มบางๆอย่างเศร้าๆ
“นั่นสิเนอะ....รักกันจนวันตาย คงมีเพียงแค่ในนิยายหรือโลกแห่งความฝันเท่านั้นละเนอะ งั้นฉันนอนดีกว่าเนอะ เผื่อว่าฉันจะได้เจอความรักแบบนั้นบ้าง” ร่างบางว่าพลางข่มตาลงนอนอีกครั้ง คำตอบที่ได้รับกลับมาวันนี้ช่างแตกต่างจากในวันนั้น วันที่เค้าเคยถามคำถามนี้กับคน ร่างสูงในครั้งแรก
“คยูว่า เราจะรักกันไปได้นานแค่ไหนกัน” ร่างบางที่นอนอยู่บนเตียงกว้างเอ่ยถามคนรักที่นอนกอดตนอยู่ข้างกาย
“อืม...นานแค่ไหนหรอ เรา 2 คนคงจะรักกันไปจนวันตายละมั้ง 555+” ร่างสูงที่ตอบเหมือนทีเล่นทีจริง แต่ร่างบางนั้นกลับประทับใจกับคำตอบที่ได้ยินนัก
“55+ มันมีแต่ในนิยายเท่านั้นละ คยูนี่น้ำเน่าเหมือนพระเอกละครเลยนะ” ซองมินเอ่ยแซวคนรักพลางหัวเราะอย่างขำขัน
“ไม่เอาอ่า ไม่อยากเป็นพระเอก...ฉันอยากเป็นผู้กำกับ ฉันจะเขียนตอนอวสานเอง ให้นางเอกกับพระเอกรักกันไปนานๆไงละ ดีมั้ย”
“อื้อ...จบแบบรักกันมากจนกว่าจะตายกันไปข้างหนึ่งเลยไง ดีมั้ย 55+”
‘ตอนนี้คงใกล้จะถึงตอนจบของละครที่คยูเขียนแล้วใช่มั้ย .....’ ร่างบางได้แต่คิดถึงเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นในวันนั้น และคำตอบที่ได้รับในวันนี้
“หอมจังเลยนะ” คยูที่หนีลงมาจากห้องเมื่อเห็นว่าซองมินหลับแล้วนั้นตรงเข้ากอดหญิงสาวอีกคนที่ทำกับข้าวอยู่ในครัว ปากเรียวที่เอื้อนเอ่ยคำที่แสนโหดร้ายกับคนที่นอนอยู่ด้านบนเมื่อครู่กดจูบลงบนแก้มของอีกคนอย่างรักใคร่
“ซองมินหลับแล้วหรอ” หญิงสาวที่รู้ดีว่าถึงว่าคนร่างสูงไปก็ไม่ฟังอยู่ดีจึงเอ่ยถามถึงอีกคนแทน
“อือ หลับไปแล้วล่ะ คงอีกนานละมั้งกว่าจะตื่น ..จะเอาซักรอบมั้ยละ” ว่าพลางมือปลาหมึกก็เริ่มลูบไล้ไปตามเรียวขาสวย
“พอเลย เดี๋ยวก็เป็นเรื่องอีกหรอก ยังไม่เข็ดอีกหรอไง”
“55+ ไว้ตอนกลางคืนก็ได้ เดี๋ยวคืนนี้ไปหาที่ห้องนะ” ก้มลงกระซิบ พลางกัดเบาๆลงบนใบหูของอีกคนอย่างหยอกเย้า หญิงสาวได้แต่ยืนหน้าแดงอายม้วนอยู่ตรงหน้าเตานั้น คยูถึงกับหัวเราะคิกคักอย่างมีความสุขที่ได้แกล้งให้อีกคนได้อายเล่น ผิดกับอีกคนที่ยินดูภาพบาดตาตรงหน้าด้วยน้ำตาที่นองหน้า ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันแน่นเพื่อไม่ให้ตนเองส่งเสียงใดๆออกมา ขาเรียวรีบก้าวกลับไปยังห้องนอนของตนพลางปิดประตูลงอย่างเบามือ
“ฮือๆๆๆๆ ฮึก....” เมื่อประตูบานใหญ่ปิดลง ซองมินก็ทรุดตัวลงนั่งอย่างหมดแรงทันที มือบางยกขึ้นปิดใบหน้าสวยหวานราวกับผู้หญิงนั้น พลางปล่อยให้น้ำตารินไหลออกมาเพื่อชำระความเจ็บปวดที่ได้รับรู้ความจริง ความเป็นจริงที่ยากจะทำใจยอมรับ
“นี่คือ..สิ่งตอบแทนจากความฮึก...ไว้ใจของฉันใช่มั้ย” ซองมินเอ่ยถามกับตนเอง
คนหนึ่งคือคนรักที่เค้ารักเท่าชีวิต อีกคนคือเพื่อนรักที่เค้าไว้ใจเท่าชีวิต และคน 2 คน คือ คนที่พรากชีวิตทั้งชีวิตของเค้าไปเช่นกัน
“ก๊อกๆ ...ซองมิน ตื่นหรือยังน่ะ ข้าวเย็นเสร็จแล้วนะ ฉันเข้าไปได้มั้ย” มินอามาเคาะประตูเรียกเพื่อนของตน ซองมินรีบปาดน้ำตาออกจากใบหน้า น้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุดแม้ว่าเวลาจะไหลผ่านไปแล้วไม่รู้กี่ชั่วโมงก็ตาม
“ซฮงมิน....ฉันเข้าไปนะ” หญิงสาวเอ่ยบอกพลางเปิดประตูห้องเข้ามา
“มินอา เธอลงไปทานข้าวก่อนเลย เดี๋ยวฉันตามลงไปขอทำธุระแปปนึงนะ” ซองมินที่เดินหลบเข้าไปในห้องน้ำ พยายามควบคุมเสียงของตนไม่ให้สั่นพลางตะโกนบอกเพื่อนรักที่อยู่อีกฟากของประตู
“งั้นฉันลงไปรอข้างล่างนะ เดินระวังๆด้วยละ มีอะไรเรียกฉันนะ” เสียงประตูปิดลงพร้อมๆกับน้ำตาของซองมินที่ไหลลงมาอีกครั้ง ร่างบางสูดลมหายใจเข้าลึก พลางล้างหน้าให้ตนเองดูสดชื่นขึ้น
“หยุดร้องได้แล้วซองมิน....ยอมรับความเป็นจริงซะ เพี๊ยะ!!!” มือบางตบหน้าตนเองอย่างแรงให้ตั้งสติ ก่อนจะเดินออกจากห้องน้ำเพื่อลงไปทานข้าวกับคนที่เค้าไว้ใจทั้ง 2 คน
“คยู....นายก็รู้ว่าฉันไม่กินอันนี้ ยังจะให้กินอยู่นั่นละ” หญิงสาวส่งเสียงกระเง้ากระงอด
“มันดีต่อตัวคุณนะ ทำเป็นเด็กๆไปได้ มาๆผมป้อนนะ” ว่าพลางป้อนข้าวให้หญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างกัน ซองมินเดินไปนั่งลงบนเก้าอี้ที่อยุ่ตรงข้ามกับที่นั่งของคนทั้งคู่ พลางตักข้าวในจานขึ้นทานอย่างไม่สนใจคนทั้งคู่ที่รีบเด้งตัวออกจากกันทันทีที่เห็นซองมิน
“ซองมิน.....” หญิงสาวเอ่ยเรียกเพื่อนรักเสียงแผ่ว ไม่แน่ใจนักว่าร่างบางจะเห็นภาพเมื่อกี้มั้ย จะแก้ตัวก็ไม่รู้จะทำยังไง
“กับข้าวอร่อยเหมือนเดิมเลยนะมินอา เธอนี่ทำอาหารเก่งจริงๆเลยน้า...” ซองมินเอ่ยชมพลางส่งยิ้มให้คนตรงหน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยิ่งทำให้หญิงสาวรู้สึกเสียใจมากขึ้น คยูฮยอนที่เห็นอาการของมินอา มือหนาก็ลอบกุมมือนิ่มของอีกคนที่ใต้โต๊ะ แต่มันก็ไม่พ้นสายตาของซองมินที่นั่งมองพฤติกรรมของทั้งคู่อยู่ ร่างบางรีบทานข้าวในจานให้หมดไวๆ ก่อนจะขอตัวขึ้นไปพัก
“คยู..ฉันรู้สึกไม่ดีเลย ฉันมีลางสังหรณ์ว่าซองมินต้องรู้เรื่องของเราแล้วแน่ๆเลยอ่า” หญิงสาวบอกคนรักอย่างเป็นกังวล
“อย่าเครียดไปคนดี ถ้าซองมินรู้เรื่องแล้วเค้าก็จะอาละวาดไปแล้วละ นี่เห็นเงียบๆคงไม่มีอะไรหรอก เราคิดมากกันไปเองนั่นละ” เอ่ยปลอบอีกคน พลางกอดไว้แน่น
“เดี๋ยวเราไปเดินเล่นสูดอากาศข้างนอกกันหน่อยมั้ย เผื่อจะดีขึ้นบ้าง” หญิงสาวจึงพยักหน้ารับเพราะตนเองก็รู้สึกอึดอัดและเข้าหน้าซองมินไม่ติดเหลือเกิน
“ซองมิน เดี๋ยวฉันพามินอากลับไปเอาของที่บ้านแปปนึงนะ แล้วเดี๋ยวจะรีบกลับมา อยู่คนเดียวได้ใช่มั้ย” คยูเปิดประตูเข้ามาถามซองมินที่นอนหันหลังให้อยู่บนเตียง มือหนาสะกิดรัยกอีกคน
“ไปเถอะฮะ ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันอยู่คนเดียวได้” ซองมินเอ่ยบอกแค่นั้น ก่อนที่ร่างสูงที่ได้ยินจะปิดประตูออกไป
“คงไม่มีอะไรที่จะเจ็บปวดไปกว่าการอยู่กัน 3 คน แต่รู้สึกอ้างว้างเหมือนต้องอยู่ตัวคนเดียวแบบนี้อีกแล้วล่ะ” ซองมินได้แต่ต่อประโยคนี้เมื่อคล้อยหลังคนร่างสูงไป
“เดี๋ยวเราไปหาอะไรทำแก้เครียดกันหน่อยดีกว่าเนอะ” คยูฮยอนเปิดประตูรถให้หญิงสาวขึ้นไปนั่งก่อนตนจะขึ้นนั่งประจำที่ ร่างสูงหันมาบอกอีกคน ก่อนจะยกยิ้มเจ้าเล่ห์
“หื่นได้ตลอดเวลาจริงๆเลย อย่าลืมละว่าเราต้องกลับมาดูแลซองมินต่อด้วย อย่าทิ้งรอยอะไรไว้เข้าใจมั้ย ฉันไม่อยากให้ซองมินเห็นแล้วต้องเจ็บปวด”
“ครับผม งั้นไปกันเลยนะ” ร่างสูงหอมแก้มอีกคน ก่อนจะขับรถออกไป พร้อมกับที่ร่างของใครอีกคนที่แต่งตัวในชุดตัวโปรดที่คนรักเคยซื้อให้ มือบางสวมสร้อยข้อมือที่สลักชื่อของตนกับคนรักไว้ในจี้รูปหัวใจ ของขวัญชิ้นแรกที่ได้เมื่อตอนเดทครั้งแรก ของขวัญที่เค้ารักมากที่สุดในชีวิต
ร่างบางโบกแท็กซี่พลางบอกคนขับให้ไปสถานที่แรกที่คนทั้งคู่ได้เจอกัน มือบางทั้งสองข้างจับกุมกันแน่น น้ำตาที่ไม่เคยหยุดไหลยังคงไหลอย่างต่อเนื่องจนน้ำหยาดใสจะกลายเป็นสายเลือดได้อยู่แล้ว
เมื่อมาถึงที่หมาย ขาเรียวบางก็เดินตรงไปนั่งที่ม้านั่ง ปล่อยใจ ปล่อยความคิด ปลดปล่อยอารมณ์ทุกๆอย่างให้ล่องลอยไปกับสายลมในยามค่ำคืน สวนสาธารณะตอนกลางคืนที่ไร้ผู้คน แสงจันทร์ที่สาดส่องมอบความสว่างให้กับพื้นที่แห่งนี้วันนี้ช่างดูริบหรี่และมืดมัวเหมือนจิตใจของคนตัวบางเสียจริง
ภาพของคนรักที่ร่วมรักกับหญิงสาวที่เค้าเคยคิดว่าเป็นเพียงฝันร้ายผุดขึ้นมาในหัวอีกครั้ง ตอนนี้เค้ารู้แล้วล่ะว่าทำไมผู้หญิงคนนั้นถึงดูหน้าคุ้นเหลือเกิน ....มันจะไม่คุ้นได้อย่างไร ในเมื่อผู้หญิงที่นอนครางอยู่ใต้ร่างคนรักของเค้าวันนั้น คือคนๆเดียวกับคนที่เรียกตัวเองว่าเพื่อนรักของเค้าในวันนี้ยังไงละ
....โง่สิ้นดีนะ ลี ซองมิน โดนคนใกล้ตัวสวมเขาให้แบบนี้ สุดท้ายคนที่ทำร้ายคือคนไว้ใจทั้งนั้น บนโลกนี้ไม่มีคำว่าจริงใจให้กับคนโง่ๆอย่างนายหรอก จะมีลมหายใจอยู่ต่อไปทำไมในเมื่อไม่มีใครต้องการ จะฝืนลมหายใจไว้ทำไมในเมื่อหัวใจมันตายไปแล้ว
“ฮึก....ในเมื่อคนไว้ใจของฉัน บีบหัวใจของฉันให้แหลกสลายไปแบบนี้ ฉันก็จะขอให้พวกเธอ 2 คน เป็นคนฆ่าฉันให้ตายอีกครั้งก็แล้วกัน” ว่าแล้วซองมินก็ลุกขึ้นเดินออกไปจากสถานที่แห่งนี้
“นี่ คยู พอเลยนะ ฉันเหนื่อยจะตายอยู่แล้วนะ เดี๋ยวต้องกลับไปดูแลซองมินต่อด้วย นี่เราก็ออกมานานแล้วนะ รีบๆขับรถกลับได้แล้ว ฉันรู้สึกเป็นห่วงซองมินยังไงไม่รู้” หญิงสาวว่าอีกคนที่ขับรถอยู่แต่ก็ชอบหันมาทำตัวรุ่มร่ามกับตนนัก เดี๋ยวจับนู่นแตะนี่อยู่ตลอดเวลา
“นิดๆหน่อยๆก็ไม่ได้” ว่าอย่างงอนๆ พลางหันกลับไปขับรถ พลางเหยียบคันเร่งเสียมิด
“นี่ ยังไม่เลิกนิสัยขับรถเร็วอีกนะ ช้าๆหน่อยก็ได้นี่นา” มือนิ่มตีเข้าที่ไหล่ของอีกคน
“ก็รีบไม่ใช่หรอ” ร่างสูงยิ้มอย่างกวนๆ ขายาวๆยังคงเหยียบคันเร่งไปเรื่อยโดยไม่คิดจะลดความเร็วลงสักนิด
“คยูระวัง!!!! // เฮ้ย!!!” สองเสียงร้องประสานกันลั่น เมื่ออยู่ๆก็มีคนเดินออกมายืนอยู่กลางถนนในขณะที่ตนแล่นรถมาอย่างเร็ว คยูฮยอนรีบหักพวงมาลัยหลบพลางเหยียบเบรกสุดชีวิต
“เอี๊ยดดดดดดดดดด ปัง!!!!” แต่ก็ไม่ทันเสียแล้วเมื่อรถคันหรูพุ่งชนร่างของคนๆนั้นเข้าอย่างจัง เมื่อรถยนต์จอดสนิทคนทั้งคู่ก็รีบลงมาดูอาการของคนเจ็บทันที
“คุณเป็นอะไรมั้ยคะ” หญิงสาวรีบวิ่งไปประคองคนเจ็บที่นอนนิ่งจมกองเลือดอยู่ตรงหน้า พลางเอ่ยเรียกคนที่นอนนิ่ง ความมืดทำให้เธอไม่สามารถมองเห็นได้ว่าคนตรงหน้าเป้นผู้ชายหรือผู้หญิงกันแน่
“คยู เปิดไฟหน้ารถมาทางนี้หน่อยสิ ฉันจะได้รู้ว่าเค้าเจ็บตรงไหนบ้าง” หญิงสาวเอ่ยบอกอีกคน
“โธ่เว้ย..บ้าหรือเปล่าวะมาขวางทางรถทำไมกัน!!!” ร่างสูงสบถเสียงลั่นอย่างโมโห พลางเดินไปเปิดไฟตามที่อีกคนสั่ง เมื่อแสงสว่างมีมากขึ้น ความชัดเจนก็ปรากฏ ทั้งสองเบิกตากว้างทันทีที่เห้นว่าเป้นใคร
“ซองมิน!!!!” คนทั้งคู่ร้องออกมาอย่างตกใจพลางอุ้มอีกคนขึ้นรถ เพื่อจะพาร่างบางไปส่งที่โรงพยาบาล
“อย่าเป็นอะไรนะ ซองมิน เธอต้องไม่ตายนะ” มินอาพยายามเรียกสติของซองมินที่มีอยู่น้อยนิด ซองมินยกยิ้มหวาน พลางยกมือขึ้นลูบใบหน้าสวยของเพื่อนรัก
“ขอบคุณนะมินอา อึก ...ที่ทำให้รู้ว่าการโดนคนที่ไว้ใจทำร้าย ....มันเจ็บเจียนตายแค่ไหน” หญิงสาวนิ่งอึ้งไปกับประโยคแผ่วเบาที่ได้ยิน มือบางที่ลูบใบหน้าหวานเบาๆ แต่มินอากลับรู้สึกเหมือนโดนคนตรงหน้าตบหน้าตนอย่างแรงเสียฉาดใหญ่จนมันช้าไปทั้งหน้าเลยจริงๆ
“ขอบคุณคยู ฮึก....คนที่ทำให้ฉันรู้ว่า อั่ก....คำว่ารักกันไปจนวันตาย..มันมีอยู่จริง”
“ขอบคุณนะทั้ง 2 คนที่ช่วยฆ่าฉันให้ตายครั้งแล้วครั้งเล่า” ซองมินว่าพลางส่งยิ้มหวานมาให้คนทั้งคู่ เลือดที่ไหลกระอักออกมาทุกครั้งที่เอื้อนเอ่ย ลมหายใจที่รวยรินเหมือนคนจะตาย ความเจ็บจากบาดแผลที่ได้รับ ไม่เจ็บปวดเท่าการกระทำของคนสองคนที่หลอกลวงเค้าเลยจริงๆ ความรู้สึกของเค้า มันตายไปตั้งแต่วันที่ทั้ง 2 คนหักหลังเค้าแล้วล่ะ
“ฉันขอโทษ ซองมิน ฉันขอโทษนะ” 2 คนได้แค่พร่ำบอกคำๆนี้กับคนร่างบางที่ถูกส่งตัวไปที่โรงพยาบาลโดยด่วน เครื่องช่วยหายใจที่โยงพันกันเป็นสายระโยงระยางมากมายถูกนำมายื้อชีวิตให้กับคนตัวบางที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงสีขาว ลมหายใจสุดท้ายที่ทำให้เค้ายังมีชีวิตและสติอยู่นั่นทำให้เค้านึกถึงคำสุดท้ายจากปากของคนรักของเค้า
“ฉันขอโทษที่เผลอใจ ขอโทษที่ไม่ได้บอกเรื่องนี้กับนายนะซองมิน ขอโทษที่ฉันไม่ได้รักนายแล้ว ฉันขอโทษที่ไม่สามารถทำตามสัญญาได้ สัญญาที่ว่าเราจะรักกันไปจนตาย แต่ว่า ขอได้มั้ย ...นายอย่าตายนะ อย่าตายได้มั้ย” คยูฮยอนว่าพลางกอดร่างของอีกคนไว้แนบอก ซองมินกอดตอบอีกคน อ้อมกอดสุดท้ายที่ให้แก่กัน
“ใครบอกละคยู นายทำตามสัญญานั้นได้แล้วต่างหาก..”ร่างบางหยุดพูดพลางยิ้มให้คนรักอย่างอ่อนโยน
“นายหลอกว่ารักฉันจนถึงวันที่ฉันตายได้แล้วไง ตอนนี้ฉันรู้แล้วละว่าคำว่ารักกันไปจนตายมันเจ็บปวดมากแค่ไหน ...นายไม่อยากให้ฉันตายงั้นหรอ? ” ซองมินถามพลางมองหน้าอีกคน ดวงตากลมโตตอนนี้กำลังจะปิดลง ร่างสูงรีบพยักหน้าเป็นการตอบรับ ถึงเค้าไม่ได้รักซองมินแล้วแต่เค้าคิดว่าความผูกพันที่มีระหว่างเค้าทั้ง 2 คนมันจะทำให้เค้ายังเป็นเพื่อนกันได้นี่นา
“ไม่ทันแล้วล่ะ ลีซองมิน อดีตคนรักของนาย...เค้าตายไปตั้งแต่วันที่เค้าโดนคนรักเค้าทำร้ายแล้วล่ะ คนรักที่ฆ่าเค้าให้ตายอย่างเจ็บปวด คำพูดที่มันคมกว่ามีดนั้นมันแทงลึกจนทะลุหัวใจเลยล่ะนายรู้มั้ยว่ามันเจ็บยิ่งกว่าบาดแผลของฉันอีกนะ....” ซองมินว่าพลางชี้ให้ดูสภาพบาดแผลของตน กระดูกที่ทิ่มออกมานอกเนื้อ เลือดที่ไหลนองออกมาไม่หยุด แขนขาที่หักจนไม่สามารถนำมาต่อเป็นชิ้นได้อีก บาดแผลภายนอกที่สาหัสยังไม่เท่ากับบาดแผลที่ถูกสร้างขึ้นในหัวใจ แล้วแบบนี้ หัวใจของลีซองมินคนนี้จะเจ็บมากขนาดไหนกัน....
‘ลาก่อนนะความรัก.....’ เสียงอำลาที่ดังขึ้นพร้อมๆกับเครื่องช่วยหายใจที่ถูกมือบางดึงออก เครื่องวัดชีพจรที่ส่งเสียงร้องนั้นบ่งบอกถึงการจากไปของใครอีกคน ตอนนี้ร่างกายที่เจ็บปวดนี้ได้ตายตามหัวใจที่ตายไปก่อนหน้านี้แล้ว ลาก่อนนะลีซองมิน....
หากมีใครสักคนเคยสัญญาว่าเค้าจะรักกับคุณไปจนวันตาย คุณอย่าไปว่าเค้าน้ำเน่าเหมือนในนิยายนะครับ เพราะว่าจริงๆแล้วนิยายที่ถูกแต่งขึ้นมาเหล่านี้ มันก็เกิดมาจากเรื่องราวความรักของคนๆหนึ่งที่มีอยู่จริงบนโลกนี้ไงละครับ....ระวังนะครับเดี๋ยวจะเจอแบบผม
รักกันไปจนวันที่ฉัน....ตายทั้งเป็น
talk : เรื่องนี้ไม่ได้อัพซะตั้งนาน เพราะมัวยุ่งๆอยู่กับการรวมเล่มฟิคเรื่องนู้น เห็นคอมเม้นหลายๆคนบอกว่าเรื่องนี้เศร้ามาก จริงหรอ ? ไรเตอร์จึงจัดเรื่องนี้มาให้กับคุ่ของคยูมิน เศร้าน้อยลงหรือยังคะ 55+ ไรเตอร์ว่าตอนนี้เศร้าน้อยที่สุดแล้วนะ ความรู้สึกตอนแต่งตอนนี้นั้นเจ็บปวดแทนมินมาก แล้วก็โมโหกี้มาก อินเองเลยล่ะค่ะ ทำไมกี้ถึงได้เป็นคนแบบนี้ก็ไม่เข้าใจ โมโหๆ พูดแล้วขึ้น จริงๆแล้วไรเตอร์แต่คู่ฮันชอลอยู่ แต่ว่าตัน พอีอารมณ์ดราม่ามาแรงเลยจัดแบบมาเต็มกับคู่นี้ซะเลย ขอโทษที่เนื้อเรื่องรุนแรงไปนิดนะคะ หวังว่าจะได้รับคำติชมจากรีดเดอร์นะ
ใช้วิจารณญาณในการอ่านนะคะ มันคืออีกหนึ่งมุมมองของความรักที่เสนอในเรื่องของความรักที่ถูกหักหลังจากคนที่ไว้ใจที่สุดเท่านั้นเอง ^^
ความคิดเห็น