คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Trick 3 : คนนี้หรือเปล่า...
ย้อนกลับไปเมื่อ 2 ชั่วโมงก่อน
หลังจากที่ออดเลิกเรียนดังขึ้นกระชากเค้ากลับสู่โลกแห่งความเป็นจริงกับห้องเรียนสี่เหลี่ยมๆที่แสนจะน่าเบื่อ มือหนาเขย่าไหล่เพื่อนที่นอนฟุบหน้ากับโต๊ะ ไม่ต่างจากตนเท่าไรนัก
“ไอ้คยู...เลิกเรียนแล้วเว้ย ตื่นได้แล้ว วันนี้มีนัดทำงานกลุ่มนะ ไม่รีบไปเดี๋ยวก็โดนวีนเอาหรอก” คิบอมว่าพลางยัดของใส่กระเป๋าเป้ของตน คยูฮยอนที่นอนอืดถึกอยู่ก็ลุกขึ้นมาปาดน้ำลายที่ทำท่าจะไหลย้อยออกมาจากมุมปาก ก่อนจะรีบเก็บของเฉกเช่นที่เพื่อนตนทำ
“เดี๋ยวมึงไปแสตนด์บายรอกูที่ร้าน เดี๋ยวกูไปหาหนังสือมาช่วยทำรายงาน ไปรับหน้ารยออุคก่อน ไปสายเดี๋ยวโดนบ่น” ตบไหล่เพื่อนอีกคน ก่อนจะเดินแยก เข้าร้านหนังสือแถวหน้าหมู่บ้านไป
“มึงส่งกูไปตายก่อนนี่หว่า ไอบอมแม่ง” คยูบ่นอย่างเซ็งๆ ขายาวๆสาวเท้าไปยังร้านกาแฟที่เพื่อนอีกคนนัดโดยไว เมื่อเห็นว่ามันเลยเวลานัดมากว่าชั่วโมงแล้ว
หลังจากที่แยกทางกับเพื่อนสนิทของตนแล้ว คิบอมก็รีบเดินเข้าไปดูหนังสือในร้านของอาแปะแถวๆหมู่บ้าน เพื่อนำมาประกอบกับรายงานที่จะทำกันกับกลุ่มเพื่อนในวันนี้ทันที
“อยู่ไหนน้า....” มือหนาไล่ไปตามสันหนังสือที่วางเรียงกันอยู่บนชั้นในหมวดของโหราศาสตร์และไสยศาสตร์ ถึงแม้ว่าเค้าจะชอบการดูดวงอยู่มาก แต่ก็ไม่ค่อยได้ข้องเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ในชีวิตประจำวันมากนัก ถ้าไม่ติดว่าได้หัวข้อรายงานเกี่ยวกับเรื่องนี้ละก็ คงไม่มาหนักใจหาหนังสือที่แสนจะหายากหมวดนี้เลยจริงๆ
“หึหึ.....มันเริ่ดมาก นี่ละที่ตามหา”เสียงหัวเราะอย่างน่าสะพรึงดังขึ้นที่ตรงมุมหนึ่งของชั้นหนังสือ เงาดำตะคุ่มๆไหวขึ้นลงตามจังหวะการหัวเราะ พร้อมกับเสียงพึมพำบางอย่างที่ฟังจับไม่ได้ศัพท์นัก รู้เพียงแต่ว่าเสียงที่ได้ยินนั้นชวนขนลุก อยู่ไม่น้อย คิบอมพยายามตั้งใจฟังในสิ่งที่คนตัวบางพูด
“คราวนี้ละ ฉันจะได้เจอเนื้อคู่ของฉันบ้างซักที... โอมมมมมมม เนื้อคู่ของฉันจงปรากฏกายตรงหน้าฉันเดี๋ยวนี้ เพี้ยง!!!” มือบางประกบเข้าหากันพลางถูไปมา ปากบางบ่นพึมพำๆเหมือนกำลังท่องคาถาอะไรสักอย่าง คิบอมชั่งใจอยู่เล็กน้อยว่าจะเข้าไปดูใกล้ๆดีหรือไม่ เค้าไม่แน่ใจนักว่าเงาตะคุ่มๆนั้นใช่คนหรือไม่ แล้วเสียงที่ ได้ยินนั้นคือเสียงของมนุษย์หรือภูตผีวิญญาณแถวนี้กัน ขายาวๆค่อยกระเถิบเข้าไปใกล้ทีละนิดๆ ใบหน้าหล่อคมคายค่อยๆชะเง้อมองที่มุมตู้หนังสือช้าๆ สายตากวาดมองไปทั่วบริเวณ ก่อนจะมาหยุดลงที่ร่างของใครอีกคนที่นั่งกลางหนังสือพลางหลับตาพนมมือพึมพำๆอะไรบางอย่างอยู่
“ฮู่วววว ตกใจหมดเลย นึกว่าโดนผีหลอกแล้วนะเนี่ย” ร่างสูงถอนหายใจอย่างโล่งอกที่เห็นว่าตรงหน้าตนเป็นคน มือหนาลูบที่หน้าอกผายเพื่อให้ตนคลายความกังวลลงบ้าง พลางเอื้อมไปสะกิดที่ไหล่บางของใครอีกคนที่มัวท่องคาถาอะไรสักอย่างโดยไม่ทันสังเกตว่าเค้าเข้ามายืนระยะประชิดตัวขนาดนี้แล้ว
“นี่...มานั่งทำอะไรตรงนี้น่ะเธอ”ร่างสูงเอ่ยทักอีกคนด้วยคิดว่าเป็นผู้หญิงเพราะผมสีส้มแดงที่ยาวประบ่ากับรูปร่างบอบบางอ้อนแอ้นเกินชายนั้น ทำให้คิบอมเอ่ยทักอีกคนไปเช่นนั้น
“ฮ่วย!!!นายกำลังขัดพิธีตามหาเนื้อคู่ของฉะ....” ร่างบางที่ลืมตาขึ้นพลางตั้งท่าจะด่าก็หุบปากฉับลงทันใดเมื่อพบเจอเข้ากับใบหน้าหล่อคมคายของอีกคนในระยะประชิดเข้าอย่างจัง แก้มบวมๆนั้นยกยิ้มขึ้นบางๆพลางส่งรอยยิ้มหวานๆนั้นให้คนร่างบางยืนนิ่งอึ้งพูดอะไรไม่ออกอยู่ตรงหน้า
“อ้าว เป็นผู้ชายหรอกหรอครับ ...แต่หน้านายหวานจังเลยน้า” คิบอมเอ่ยทักอีกคนทันทีที่ได้ยินเสียงพูดหลุดออกมาจากกลีบปากบาง ทำให้สามารถแยกเพศของคนตรงหน้าได้บ้าง แต่ก็อดยิ้มให้กับใบหน้าหวานๆนั้นไม่ได้จริงๆ แม้จะกรีดตาด้วยอายไลน์เนอร์สีดำหนาทำให้ดวงตาคู่สวยนั้นดูดุไม่น้อย เสื้อโค้ทสีดำตัวหนาที่ ร่างบางใส่อยู่ก็ทำให้ร่างเล็กๆนี้ดูน่ากลัวยิ่งขึ้น
“เนื้อคู่!!!!” ปากบางที่เปิดอ้าอย่างเหวอๆนั้นอยู่ๆก็หลุดคำพูดที่ชวนแปลกใจออกมา มือบางกุมมือคนตรงหน้า พลางยิ้มกว้างอย่างน่ารักให้อีกคน
“หา...อะไรนะครับ เมื่อกี้ว่าอะไรนะครับ” คิบอมทวนคำอีกครั้ง เนื่องด้วยไม่แน่ใจในคำพูดของคนตัวบางเท่าไรนัก
“...อ้อ ฉันหมายถึงว่า ลางสังหรณ์ของฉัน มันบอกว่านายกำลังจะเจอเนื้อคู่เร็วๆนี้น่ะ” ดงเฮไม่ได้หลอกนะ ลางสังหรณ์มันบอกอย่างนั้นจริงๆ ...แต่แค่พูดไม่จบเท่านั้นเอง แค่จะบอกว่าเนื้อคู่ของนายหน้าหล่อคนนี้ ต้องเป็นดงเฮชัวร์ๆเลย ฟันธง!!!
“จริงหรอครับ ผมจะเจอเนื้อคู่หรอ แล้วๆๆ จะเจอที่ไหนอะไรยังไง แล้ว.... รู้ได้ยังไงครับ” คิบอมจับมือบางเขย่าไปมาอย่างตื่นเต้นทันทีที่ได้ฟัง
“อ่า...ฉันมีลางสังหรณ์พิเศษน่ะ ....ดูนายจะดีใจมากเลยนะเนี่ย ออร่าออกเชียว” ดงเฮเหลือบมองร่างสูงของคนตรงหน้าที่ยิ้มจนแก้มบวมป่องขึ้นมา เห็นแล้วอยากจะบีบให้แก้มป่องๆนี่แตกคามือจริงๆเลย
“ออร่า? มันคืออะไรครับ”ถามอย่างสงสัย พลางขมวดคิ้วมุ่นอย่างต้องการคำตอบ คนตัวบางนวดลงบนระหว่างคิ้วคนร่างสูงพลางหัวเราะเบาๆกับท่าทางนั้น
“ออร่าก็คือความรู้สึกนึกคิดรวมไปถึงอารมณ์ของนายที่มันแสดงออกมาจากใจน่ะสิ ฉันสามารถมองเห็นมันได้ว่าตอนนี้นายรู้สึกยังไงบ้าง อย่างตอนนี้ความรู้สึกของนายดูจะเป็นสีชมพูที่พองโตด้วยความดีใจใช่มั้ยละ” ร่างบางเอ่ยบอกอีกคนหลังจากที่มองดูออร่าที่ปรากฏให้เห็นบนตัวของคนร่างสูง
“โอ๊ะ...ไม่ใช่เรื่องเล่นๆแล้วนะเนี่ย พูดถูกเหมือนเดาใจกันออกเลย” ร่างสูงยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจที่ได้ยินสิ่งที่ร่างบางพูด มันถูกต้องและตรงเผงราวกับ อีกคนมานั่งอ่านใจอยู่ในร่างกายของเค้าเลยจริงๆ
“ก็บอกแล้วไงว่าฉันมองเห็นออร่าของนาย” ร่างบางย้ำชัดอีกครั้ง พลางเผลอยิ้มอย่างไม่รู้ตัวเมื่อเห็นอีกคนที่ดูจะตื่นเต้นกับพลังพิเศษของเค้าเสียเหลือเกิน
ไม่บ่อยนักหรอกนะที่ลีดงเฮคนนี้จะเผลอยิ้มแบบนี้ เรียกได้ว่าหากไม่ใช่ คนสนิทที่อยู่ด้วยกันตลอดเวลาอย่างซองมินหรืออึนฮยอกแล้วล่ะก็ ไม่มีใครเคยได้เห็นรอยยิ้มนี้ปรากฏบนใบหน้าหวานๆเลยสักคนต่างหาก นี่ละนะ ดงเฮถึงได้บอกว่าคนตรงหน้านี่เนื้อคู่ตนเองชัดๆ
“น่าอิจฉานะครับที่มีอะไรที่วิเศษแบบนี้อยู่ในตัว อย่างนี้ก็ต้องรู้เหตุการณ์ล่วงหน้า รู้ความรู้สึกของคนรอบกายตลอดเลย มันเจ๋งดีจริงๆ” คิบอมเอ่ยชื่นชมในความสามารถของอีกคนด้วยความตื่นเต้นปะปนไปกับความประหลาดใจที่เกิดขึ้น
“ขอบคุณนะ...ไม่เคยมีใครยินดีกับมันมาก่อนเลย นายเป็นคนแรกที่ชอบมันนะเนี่ย” ร่างบางยิ้มบางๆให้อีกคน แต่รอยยิ้มนี้ดูหมองๆชอบกลนัก
“ทำไมดูเศร้าขนาดนั้นละครับ ไม่ดีใจหรอที่มีของดีแบบนี้อยู่ในตัวน่ะ” ถามอีกคนอย่างแปลกใจ เมื่อเห็นว่าดวงตาคู่สวยหลุบลงต่ำพลางเหม่อลอยอย่างเศร้าๆเมื่อพูดถึงสิ่งที่ตนมี
“มันไม่ใช่เรื่องปกติของคนธรรมดาที่จะสามารถรับรู้สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตได้ ไม่มีใครอยากให้เรารับรู้ความรู้สึกที่แท้จริงที่เราพยายามจะเก็บซ่อนมันให้อยู่ในใจหรอก บางครั้งมนุษย์ก็ต้องการเก็บบางอย่างให้เป็นความลับกับตัวเอง การที่เราไปรู้ความลับของคนอื่น รับรู้อนาคตที่น่าเจ็บปวดของเค้า รับรู้ความรู้สึกที่เศร้าสร้อยของเค้า บางครั้งมันก็ทำให้ฉันรู้สึกเจ็บปวดกับสิ่งที่ตนเองเป็นมากกว่าจะดีใจกับมัน ....บางทีฉันก็คิดว่าฉันเหมือนตัวประหลาดที่ไม่เหมือนกับคนทั่วไป มีคนน้อยคนนักที่จะเช้าใจในสิ่งที่ฉันเป็น ทำให้ชีวิตฉันไม่ค่อยมีเพื่อนมากนักหรอก”ร่างบางเงยหน้าขึ้นมองอีกคนด้วยความเศร้าเมื่อได้ระบายในสิ่งที่ใจคิดออกไป
“อ่า...ผมเข้าใจความรู้สึกของนายนะ บางครั้งตัวตนของเราก็มักจะทำให้เราเจ็บปวดอยู่เสมอ แต่อย่าเศร้าไปเลยนะ ถือซะว่าพระเจ้าประธานสิ่งที่วิเศษให้แก่เราแล้ว จงภูมิใจที่ได้รับมันมาเถอะครับ ภูมิใจในสิ่งที่เรามีและสิ่งที่เราเป็น แล้วเราจะมีความสุขกับชีวิตของเราเนอะ สิ่งที่คุณมีก็ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนหรือความทุกข์ให้คนอื่นนี่นา ดูอย่างตอนนี้สิ ผมออกจะดีใจที่ผมกำลังจะเจอเนื้อคู่ตามที่คุณบอก เห็นมั้ยครับ แค่สิ่งเล็กๆน้อยๆคุณก็สามารถทำให้ผมยิ้มได้แล้ว แค่นี้ก็ถือว่าเป็นความสุขเล็กๆสำหรับคนๆนึงแล้วล่ะครับ ...เป็นผมนะดีใจตายเลยที่จะได้รู้เรื่องราวของตัวเองล่วงหน้า ทีนี้ผมก็จะสามารถจัดการวางแผนชีวิตของตนเองให้เป็นไปอย่างถูกต้องได้” เอ่ยบอกกับอีกคนให้คิดบวกกับชีวิตที่มีและที่เป็นอยู่
“ไม่หรอก...ถึงฉันจะสามารถทายทักใครต่อใครด้วยลางสังหรณ์และออร่าที่ฉันมองเห็นได้ แต่สิ่งเดียวที่ฉันทำไม่ได้คือการใช้สิ่งเหล่านี้ตามหาอนาคตของตัวฉัน ”ดงเฮเอ่ยบอกความจริงอีกข้อให้คนร่างสูงรู้ นอกจากจะเป็นคนแรกที่ร่างบางยิ้มให้ คนตรงหน้านี้ยังเป็นคนแรกที่ร่างบางคุยกับคนแปลกหน้าได้ยาวที่สุดในรอบ 20 กว่าปีที่เกิดมาอีกด้วย
“แสดงว่านาย...ไม่สามารถใช้มันดูอนาคตให้ตัวเองได้น่ะหรอ” ร่างสูงเอ่ยถามอีกคนและก็ได้รับการพยักหน้ากลับมาแทนคำตอบ
“ว้า เสียดายจัง ดูให้คนอื่นได้แต่ดันดูให้ตัวเองไม่ได้ซะอย่างนั้น น่าเสียดายนะครับ” ว่าอย่างเสียดายกับสิ่งที่ได้รับรู้
“อ่า...คุยมาตั้งนานผมยังไม่รู้ชื่อนายเลย ผม คิม คิบอม อายุ 18 ปี เรียนอยู่มัธยมปลาย ปี3ครับผม” มือหนายื่นไปตรงหน้าอีกคนพลางเอ่ยแนะนำตัวเอง
“ฉันลีดงเฮ อยู่ปี 3 ยินดีที่ได้รู้จักนะ” ดงเฮเองก็ยื่นมือไปจับกับมืออีกคนเช่นกัน ทันทีที่ได้สัมผัสมือกันนั้นก็มีกระแสไฟฟ้าบางอย่างวิ่งตรงมาที่มือของคนทั้งคู่ เรียกได้ว่าสัมผัสปุ๊บสปาร์คปั๊บเลยก็ว่าได้
“ม ปลายปี 3 เหมือนกันหรอครับ ...งั้นเราก็เป็นเพื่อนกันสิเนอะ” คิบอม ยิ้มกว้างอย่างดีใจที่ได้รู้จักเพื่อนรุ่นเดียวกัน
“เปล่า...มหาลัยปี 3 ต่างหาก”
“หา!!! หน้าเด็กอย่างนี้อ่านะ อยู่ปี 3 แล้ว ...ไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ” มือหนาขยี้ตาอีกครั้งเพื่อมองคนตรงหน้าให้ชัดเจน แก้มใสสีชมพูระเรื่อเปล่งปลั่งเหมือนตูดเด็ก ดวงตากลมโตสุกใส จมูกโด่งรับริมฝีปากสีชมพูระเรื่อ ผิวที่ขาวอมชมพูแลดูสุขภาพดี นี่คือคนที่ขึ้นเลข 2 แล้วหรอเนี่ย ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนตรงหน้าเป็นพี่เค้าตั้งหลายปี ตอนแรกดูนึกว่าเด็กกว่าเค้าด้วยซ้ำ
“เชื่อเถอะ ฉันเรียนมหาลัยโซล ปี 3 แล้วล่ะ ปีนี้ก็อายุ 22 แล้ว ”ดงเฮ ยิ้มบางๆเมื่อเห็นออร่าของคนร่างสูงที่ดูจะตื่นเต้นตกใจกับสิ่งที่ร่างบางพูดอยู่เสมอ เห็นแล้วก็อดยิ้มอดขำไม่ได้กับท่าทางที่ดูตื่นตูมตลอดเวลาของอีกคน
“แก่กว่าก็แก่กว่าครับ ...แล้วนี่ดงเฮฮยองมาทำอะไรที่นี่ครับเนี่ย กำลังอ่านอะไรอยู่หรอครับ” เมื่อร่างบางยืนยันหนักแน่นก็คงเป็นจริงอย่างที่ว่า ร่างสูงจึงเปลี่ยนเรื่องถามอีกคนเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตนเองเดินมาดูเพราะได้ยินเสียงหัวเราะชวนขนลุกอยู่แถวนี้ มือหนาก้มหยิบหนังสือที่คนร่างบางทำตกไว้ที่พื้นตอนที่เค้าเข้ามาทัก
“มนต์คาถาหารักแท้....” ร่างสูงอ่านชื่อที่เขียนอยู่บนปก พลางเปิดดูเนื้อในที่เต็มไปด้วยคาถาและวิธีในการตามหาเนื้อคู่ตามแบบโหราศาสตร์และไสยศาสตร์
“โห...หนังสือเล่มนี้เจ๋งดีนะครับเนี่ย มีวิธีให้เลือกใช้เยอะแยะเลย ฮยองหามาจากไหนเนี่ย” เอ่ยถามอีกคนอย่างสนใจ เค้าเองก็ไม่ได้เชื่อมากจนงมงาย เพียงแต่ดูเรื่องราวของโหราศาสตร์พวกนี้ไว้เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตเฉยๆ
.”เจอในหลืบชั้นหนังสือนั่นน่ะ ฉันตามหามันตั้งนานนะ แล้วนายละมาทำอะไรที่นี่ หนังสือโซนนี้ไม่ค่อยมีใครมาหยิบอ่านมากนักหรอกนะ ” ดงเฮว่าพลางหยิบหนังสือมาถือไว้ที่ตัว ....เกิดร่างสูงติดใจอยากจะเอากลับบ้านไปเค้าจะทำยังไงละ อุตส่าห์เจอหนังสือดีๆที่ขุดหามาแสนนานแล้วเชียว
“อ้อ ผมต้องทำรายงานเรื่องของโหราศาสตร์และไสยศาสตร์น่ะครับ เลยมาดูๆหนังสือแถวนี้เผื่อได้ข้อมูลเพิ่มเติมไปทำรายงานน่ะ นี่ยังหาไม่ได้เลย ไม่รู้เล่มไหนดี จะให้เปิดหาทุกเล่มก็ดูจะเยอะเกิน มันเสียเวลา อ่า...จริงด้วยสินะ ฮยองช่วยผมหาหน่อยสิ ฮยองน่าจะรู้ดีว่าเล่มไหนดีนี่นา นะๆๆ ช่วยผมหน่อยนะ นี่ผมเลยเวลานัดกับเพื่อนมาเป็นชั่วโมงๆแล้วนะเนี่ย” เอ่ยบอกอีกคนอย่างอ้อนๆ พลางส่งสายตาขอร้อง แล้วอย่างนี้ดงเฮจะไม่ใจอ่อนได้ยังไงกัน
“ก็ได้ๆ ฉันจะช่วยนายหาแล้วกันนะ ถือเป็นของขวัญวันแรกที่เราได้พบกันแล้วกันเนอะ” ร่างบางเอ่ยบอกพลางเดินไปยังชั้นหนังสือ นิ้วเรียวไล่เรียงไปตามหนังสือที่ถูกเรียงไว้ตามตัวอักษร พลางหยิบหนังสือที่น่าสนใจและเป็นประโยชน์ต่อการทำรายงานของคนร่างสูงมา2-3 เล่ม พลางแนะนำการกำหนดหัวข้อโครงงานให้น่าสนใจ คิบอมเดินตามคนร่างบางที่เดินเลือกหนังสือไปเรื่อย ดวงตาคมแอบมองคนร่างบางที่กำลังอธิบายบางอย่างที่ไม่ได้เข้าหัวตนแม้แต่น้อย ตอนนี้ในหัวมีแต่ภาพของคนร่างบางวิ่งวนไปหมดราวกับถูกสะกดให้จ้องมองเพียงใบหน้าหวานนี้เท่านั้น
“คิบอม...ๆ ฟังฉันอยู่หรือเปล่าเนี่ย เหม่อมองอะไรกัน” ร่างบางชะเง้อคอมองตามทิศทางที่ร่างสูงมอง แต่ก็ไม่เห็นอะไรนอกชั้นหนังสือนับ 10 ที่ตั้งเรียงกันแน่นจนแทบไม่มีทางให้เดิน
“อ้อ เปล่าหรอกครับ ผมก็ดูชื่อหนังสือที่ฮยองหยิบๆมานั่นละครับ เอ...ผมว่าแค่นี้ก็พอแล้วมั้งครับ ตอนนี้ก็เลยเวลาที่ผมนัดเพื่อนมามากแล้ว ผมคงต้องไปแล้ว กลัวมันจะด่าเอาซะก่อน”ว่าพลางยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู แล้วก็เห็นว่ามันเลทมาเกือบจะสองชั่วโมงอยู่แล้ว แม้ว่าจะไม่อยากไปสักเท่าไร แต่ด้วยความจำเป็นทำให้ต้องแยกจากกันจริงๆ ร่างสูงเอ่ยลาอีกคนพลางยิ้มหวานให้คนตรงหน้า ก่อนจะแยกจากคนร่างบาง เพื่อรีบไปหาเพื่อนอีกสองคนที่นั่งรอทำงานกลุ่มกับเค้าอยู่ที่ร้านกาแฟ
และนั่นก็เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อ 2 ชั่วโมงที่แล้ว แม้ว่าจะแยกจากกันแล้วแต่ภาพของใบหน้าหวานยังคงตราตรึง ติดตา ติดใจคนร่างสูงอยู่ตลอดเวลา ทำไมนะ ...ทำไมถึงลบใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มบางๆนั้นออกจากสมองไม่ได้สักที....หรือภาพของคนตัวบางที่ได้เจอนั้นมันไม่ได้ติดอยู่ที่สมองของเค้า หากแต่มันติดอยู่ในหัวใจของเค้าเสียมากกว่าต่างหากเล่า
“ฉันจะลองใช้นายดูสักครั้ง มาดูกันสิว่านายกับฉันใครจะแม่นกว่ากัน ....ฉันฟันธงล้านเปอร์เซ็นต์ว่าคิม คิบอม คือคนที่เป็นเนื้อคู่ที่ผูกด้วยด้ายแดงของฉัน” ร่างบางจ้องมองหนังสือที่ตนพยายามค้นหามาหลายวันอย่างหมายมั่น มือบางลูบตัวหนังสือสีเข้มที่หน้าปกอย่างหลงใหล
‘มนต์คาถาหารักแท้’ คงต้องรอดูกันแล้วล่ะว่างานนี้จะเป็นเพราะต้อง มนต์คาถาหรือเพราะพรหมลิขิตกันแน่ที่นำพาคนสองคนมาพบกัน แล้วเนื้อคู่ของ ลีดงเฮคนนี้ จะใช่คิมคิบอมอย่างที่เจ้าตัวมั่นใจหรือเปล่าน้า.....
ทางด้านหนุ่มน้อยน่ารักคนสุดท้ายของเรา หลังจากที่แยกจากผองเพื่อน สองเท้าเล็กๆนั้นก็ก้าวเดินไปตามทางเดินกว้างพลางกวาดสายตามองหาคลินิกตามที่อยู่ในนามบัตรที่ฮีชอลให้มา เดินอยู่สักครู่นึงก็มาหยุดลงที่หน้าตึก 2 ชั้น ซึ่งด้านหน้ามีป้ายขนาดใหญ่แปะอยู่บ่งบอกว่าที่นี่คือที่ๆเค้ากำลังตามหา
‘Tricks of beauty’ อ่า....เจอซักทีนะ บริษัททริคเนรมิตความงาม ที่พี่ฮีชอลบอก ตื่นเต้นจังเลย.....
“อ้าว ...มาแล้วหรอฮยอก มานี่มา” ฮีชอลเอ่ยทักคนร่างบางอีกคนทันทีที่ประตูถูกเปิดออก พลางกวักมือเรียกน้องให้เดินเข้าไปหาใกล้ๆตัว
“อ้าว อึนฮยอก เลิกเรียนแล้วหรอเราน่ะ แล้วดูแต่งตัวเข้าสิเนี่ย” ร่างสูงในชุดกราวน์อีกคนก็เดินมาทักน้องข้างบ้านอย่างเป็นมิตรเช่นกัน ฮันคยองมองคนตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้า
“ผมรู้ละคุณว่าทำไมน้องเราโดนบอกเลิก ก็ว่าอยู่ว่าหน้าตาน่ารักขนาดนี้ ทำไมไอบ้านั่นทิ้งลง” ฮันคยองกระซิบบอกอีกคน ฮีชอลจึงหันมาสำรวจน้องชายอย่างพิจารณาอีกครั้ง ผมสีแดงจางๆซอยสั่นประบ่า ดูท่าย้อมครั้งล่าสุดคงจะเมื่อนานมาแล้ว เลยโดนแดดเลียสีผมซะจางขนาดนี้ ใบหน้าหวานที่ถูกบดบังด้วยแว่นตากรอบหนาอันโตที่ถูกใส่เพื่อปกปิดความน่ารัก
รวมไปถึงดวงตาบวมช้ำที่ผ่านการร้องไห้อย่างหนักมาเมื่อวานนี้ ดวงหน้าสีขาวซีดที่ไม่มีเครื่องสำอางใดๆแต่งแต้มบนใบหน้า ใต้ตาที่ดำคล้ำเพราะนอนดึกติดต่อกันมาหลายคืน เสื้อนักศึกษาสีขาวตัวโคร่งกับกางเกงแสล๊คสีดำลากพื้น ถึงแม้ความน่ารักของคนตรงหน้าจะมีมากจนบดบังเรื่องเล็กๆน้อยๆพวกนี้ แต่ท่าพิจารณาดูอย่างถี่ถ้วนแล้วจะเห็นว่ายังมีข้อผิดพลาดต้องแก้ไขอยู่อีกมาก
“อึนฮยอก....เราอย่าบอกพี่นะว่านี่คือชุดที่เราแต่งตัวไปเรียนมาในวันนี้น่ะ” ฮีชอลเอ่ยถามอีกคนพลางจับตัวคนตรงหน้าหมุนไปหมุนมาเพื่อสำรวจให้ทั่ว
“เอ่อ...ฮะ ทำไมหรอฮะ ฮยอกก็แต่งแบบนี้ทุกวัน ไม่เห็นใครว่าอะไรนี่ฮะ” อึนฮยอกเอ่ยบอกอย่างพาซื่อ ก็ไม่เห็นจะมีใครว่าอะไรเค้าจริงๆที่เค้าแต่งตัวแบบนี้
“โอย.....นี่เราได้ตำแหน่งดาวมาได้ยังไงเนี่ย จับฉลากมาหรอ ทำไมไม่รู้จักดูแลตัวเองบ้างเนี่ย” ร่างบางแหวลั่นเมื่อได้ยินคำตอบของน้องรัก
“ไม่ได้การละๆๆ ฉันต้องแปลงโฉมนางซินคนนี้ให้ได้ ขืนชักช้ามีหวังความนิยมของน้องฉันตกแน่ๆ โอย เครียดๆๆ”มือบางกุมขมับอย่างเคร่งเครียด
“เอาไงละคุณ จะเปลี่ยนวันนี้ทั้งเซตเลย หรือว่าจะไปปรึกษาไอซีวอนก่อนว่าต้องเปลี่ยนอะไรบ้างแล้วค่อยจับไปแปลง” ฮันคยองเอ่ยถามคนรักที่ยืนนิ่งคิดอะไรอยู่สักพัก
“อืม....ฉันว่าเอาไปให้ซีวอนมันดูก่อนดีกว่า ให้มันจัดการปรับเปลี่ยนตามที่มันชอบให้พอใจ เอาแบบเดิมตามที่เราวางแผนไว้นั่นละ แต่เดี๋ยวรอดูปฏิกิริยาของสองคนก่อน โอเคมั้ย” ฮีชอลหันกลับมาปรึกษากับคนรักพลางสรุปให้เสร็จสรรพเป็นอันตกลงกัน
“เอาละอึนฮยอก เดี๋ยวพี่จะพาเราไปเจอคุณหมออีก 2 คน นายจะถูกยกเครื่องใหม่หมด จะไม่มีสภาพโทรมๆแบบนี้ให้พี่เห็นอีก”
“อีทึกๆๆๆ” ฮีชอลตะโกนเรียกเพื่อนอีกคนที่กำลังสอนเดินแบบให้กับบรรดาคนที่เข้ามาประกวดนางงาม อีทึกหันไปคุยกับลูกศิษย์สักพักก่อนจะแยกตัวเดินมาตามเสียงเรียกของเพื่อน
“ว่าไง ฮีชอล แล้วนี่...ใช่คนที่บอกไว้หรือเปล่า” อีทึกเอ่ยถามพลางมองสำรวจคนตรงหน้า
“อื้ม เป็นไงบ้าง คิดว่าผ่านไอซีวอนปะ” ฮีชอลถามความเห็นอีกคนหลังจากปล่อยให้อีทึกพิจารณาคนตรงหน้าอยู่นาน
“พอได้อยู่นะ น่าจะผ่านอยู่ ปรับนิดเปลี่ยนอีกหน่อยก็โอแล้วล่ะ นี่หรอที่เอามาช่วยไอวอนมันน่ะ”
“อื้อ หวังว่าจะยังเยียวยาทัน นี่ก็ต้องการการเยียวยาเหมือนกัน ยังไงนายก็ช่วยฉันด้วยแล้วกัน คงต้องเปลี่ยนกันอีกเยอะ” อีทึกพยักหน้ารับคำอีกคน ก่อนจะหันไปมองคนร่างเล็กกว่าพลางเอ่ยทักทาย
“ยินดีที่ได้รู้จักนะอึนฮยอก ฉันชื่ออีทึก เป็นครูพิเศษของที่นี่ รวมถึงเป็นครูคนใหม่ของนายด้วย” อีทึกเอ่ยบอกอีกคนพลางยิ้มหวานให้คนร่างบางที่ยืนฟังบทสนทนาของเค้าและฮีชอลตาแป๋ว คงจะงงสินะว่าเค้าคุยอะไรกันอยู่
(รีดเดอร์ละงงมั้ย ? 55+)
“สวัสดีฮะ อึนฮยอกฮะ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะฮะคุณครูคนสวย” ร่างบางยิ้มหวาน พลางทักทายคุณครูคนสวยตรงหน้าอย่างสุภาพ อีทึกลูบหัวลูกศิษย์ คนใหม่อย่างเอ็นดู
“เอาละ เดี๋ยวเราไปหาไอซีวอนกันก่อน ไปด้วยกันนะอีทึก” ว่าพลางควงแขนคนรักที่ยืนรออยู่ก่อนแล้ว คนทั้งคู่เดินนำไปยังห้องทำงานของคุณหมอรูปหล่อ อีกคน ตามมาด้วยคุณครูคนสวยกับลูกศิษย์หน้าหวานที่เดินจับมือกันไปตามทาง
“ก๊อกๆๆ ซีวอน ....ว่างอยู่หรือเปล่า” ฮีชอลเคาะประตูห้องตามมารยาทก่อนจะเปิดเข้าไป พลางชะเง้อคอมองอีกคนที่นั่งเขียนอะไรยุกยิกๆอยู่บนโต๊ะทำงาน
“อื้ม มีอะไรหรือเปล่าฮีชอล”ร่างสูงเงยหน้ามองแขกผู้มาเยือน ก่อนจะวางปากกาในมือลงพลางเอ่ยถาม
“พาคนมาให้ยกเครื่องให้ใหม่ ดูให้ทีได้มั้ยต้องแก้ตรงไหนบ้าง เอาตามที่นายชอบเลยอ่า ฉันเชื่อใจนาย” ฮีชอลว่าพลางลากอึนฮยอกให้มานั่งบนเก้าอี้ตรงข้ามกับคุณหมอรูปหล่อ
แรกพบเพียงสบตาก็ทำเอาใจหวั่นไหว ใบหน้าหวานภายใต้กรอบแว่นตาหนานั้นขึ้นสีแดงระเรื่ออย่างไม่รู้ตัว อุณหภูมิในร่างกายเพิ่มขึ้นสูง รู้สึกร้อนรุ่มไปทั่วร่างโดยเฉพาะที่แก้มยุ้ยๆทั้งสองข้าง เรียวปากอิ่มสีเชอร์รี่เผลอยกยิ้มขึ้นมายามเมื่อเจอของที่ต้องตาต้องใจ ดวงตากลมโตคู่สวยเบิกกว้างขึ้น พลางสบกับนัยน์ตาคมเข้มตรงหน้าอย่างไม่วางตา มือไม้รู้สึกเกะกะจนไม่รู้จะเอามันไปวางไว้ที่ตรงไหน เสียงหัวใจที่เต้นดังโครมครามจนกลัวว่ามันจะระเบิดออกมาจากอก
“.....สะ..สวัสดีฮะ อึนฮยอกฮะ” คนตัวบางโค้งให้คนตรงหน้าอย่างสุภาพ เสียงหวานเอ่ยทักทายอย่างตะกุกตะกัก มือบางเลื่อนเก้าอี้ตรงหน้ามานั่งตัวลีบอยู่หน้าคนร่างสูง ซีวอนมองสำรวจคนตรงหน้าตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ยอมรับเลยว่าใจกระตุกไม่น้อยที่เห็นคนร่างบางปรากฏแก่สายตาในวินาทีแรก ใบหน้าหวานๆ รอยยิ้มหวานๆ ดวงตาสวยๆ แม้จะถูกบดบังด้วยแว่นอันโต แต่ก็ปิดบังความน่ารักของคนตรงหน้าได้มิดจริงๆ ร่างสูงเพียงแต่ยิ้มกริ่มในใจกับการได้พบเจอคนน่ารักคนนี้
“เข้าใจหามาให้ดูนะ คิม ฮีชอล” เอ่ยบอกเพื่อนอย่างรู้ทันในความต้องการของคนร่างบางอีกคน
“รู้ก็ดี เป็นไงละ ผ่านมั้ย?”เมื่อเห็นว่าอีกคนรู้ทันในแผนการของตนเอง ฮีชอลก็ไม่อ้อมค้อม ร่างบางยิงคำถามไปอย่างตรงไปตรงมา
“ก็โอเคนะ ถูกใจอยู่ ถึงจะแค่เปลือกก็เถอะ อาจจะต้องแก้อีกนิด แต่เนื้อในคงต้องรอดูกันต่อไปนะ” ยกยิ้มที่มุมปากพลางจ้องมองคนตัวบางตรงหน้าอย่างพิจารณา อึนฮยอกก้มลงสำรวจตัวเองบ้าง เอ...ทำไมวันนี้มีแต่คนจ้องมองตนเองตั้งแต่หัวจรดเท้าแบบนี้กันนะ
“เนื้อน้องฉันน่ะ ขาวนวลกว่าเปลือกนอกอีกเถอะ แล้วอย่ามาหลงทีหลังแล้วกัน ทำเป็นเล่นตัวจริงเชียว เดี๋ยวก็ส่งเนื้อเข้าปากเสือตัวอื่นซะหรอก” ฮีชอล ยักไหล่อย่างไม่ยี่หระพลางเอ่ยบอกอีกคนอย่างหมั่นไส้
“อ๊ะๆ...อย่าเพิ่งสิครับคุณคิมฮีชอล ของอย่างงี้ก็ต้องให้หมอตรวจเช็คให้ละเอียดเสียก่อนสิครับ เอาเป็นว่าไว้หมอวินิจฉัยเสร็จจะส่งผลตรวจไปให้ คุณคิมฮีชอลพิจารณาทีหลังแล้วกันนะครับ” เอ่ยบอกอีกคนอย่างมีเลศนัย แววตาเจ้าชู้ที่หายไปพักใหญ่เริ่มฉายออกมาอีกครั้งเมื่อเจอของที่ถูกใจอยู่ตรงหน้า
ฮีชอลลอบถอนหายใจอย่างโล่งอกที่ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี ตอนแรกก็ไม่มั่นใจนักว่าน้องชายข้างบ้านของเค้าจะเป็นที่ต้องตาหมอหนุ่มคนนี้หรือเปล่า พอเห็นปฏิกิริยาของเพื่อนที่แสดงความสนใจออกมาบ้างแบบนี้ก็ค่อยยังชั่วหน่อย
“อึนฮยอก ฉันจะแนะนำให้รู้จักนะ นี่.... ”
”นายแพทย์ชเว ซีวอน ยินดีที่ได้รู้จักครับ” ยังไม่ทันที่อีกคนจะแนะนำ คนร่างสูงก็โพล่งแทรกขึ้นมาเสียก่อน พลางถือวิสาสะยื่นมือไปจับมือนิ่มของคน ร่างบางขึ้นมาจุมพิตทักทาย อึนฮยอกที่โดนคนตรงหน้ากระทำการอุกอาจเช่นนี้ก็ได้แต่นั่งเขินม้วนทำอะไรไม่ถูกอยู่บนเก้าอี้
“ยินดีที่ได้รู้จักฮะ หมอซีวอน” อึนฮยอกยิ้มบางๆให้คนตรงหน้า
“เรียกพี่หมอก็ได้ครับ”
“ฮะ พี่หมอ >////< ”เรียกไปก็เขินไป อ๊ายยยย ด๊อง เค้าเจอเนื้อคู่อย่างที่ ด๊องบอกแล้วล่ะ เนื้อคู่เค้าเป็นหมอเชียวนะ เก๋ไก๋ใช่ปะละ คนทำบุญมาดีก็เงี้ยละ คิคิ
“เอาละๆ รู้จักกันแล้วก็ปล่อยมือน้องฉันได้แล้ว ...อึนฮยอกฟังพี่นะ ต่อไปนี้ทุกเย็นหลังเลิกเรียนให้มาหาพี่ที่นี่ พี่จะปฏิวัติเราซะใหม่ เข้าใจใช่มั้ย”
“เข้าใจฮะ ขอบคุณนะฮะพี่ฮีชอลที่ช่วยฮยอก” ว่าพลางกอดเอวคนตัวบางที่ยืนอยู่ข้างกายแทนคำขอบคุณ ฮีชอลลูบผมคนตัวบางเบาๆ พลางเอ่ยต่อ
“เราจะต้องมาเรียนภาคทฤษฏีและเปลี่ยนแปลงสรีระกับฮันคยองและ ซีวอน ส่วนเรื่องของทริคความงามและภาคปฏิบัติต่างๆพี่กับพี่อีทึกจะเป็นคนสอนเรา คอร์สนี้พี่จัดให้เราแบบฟรีๆ เราจะจบคอร์สเมื่อเราสามารถผ่านภาคปฏิบัติที่ซีวอนเป็นผู้ให้คะแนนนั้นผ่าน ทุกอย่างที่ได้เรียนมา พี่จะให้เรานำไปทดลองใช้จริงกับซีวอน เพื่อดูว่าเราได้เรียนรู้สิ่งที่ถูกต้องไปแล้วนำไปปฏิบัติได้จริง พี่อยากให้เราตั้งใจเรียน เพื่อตัวเราเองนะ สู้ๆ” ร่างบางเอ่ยบอกรายละเอียดให้น้องฟัง
“ฮะ ฮยอกจะตั้งใจเรียนที่สุดฮะ ขอบคุณทุกๆคนที่ช่วยฮยอกนะฮะ น่ารักกันทุกคนเลย” ว่าพลางเดินเข้าไปกอดฮีชอล ก่อนจะผละมากอดอีทึก รวมไปถึง ฮันคยองที่อ้าแขนรอจะกอดบ้างแต่ก็โดนฮีชอลที่หันมากระชากคอเสื้อคนร่างสูงไว้ อึนฮยอกหัวเราะน้อยๆ ก่อนจะเดินไปหาหมอคนสุดท้าย ร่างบางชะงักเล็กน้อย ไม่แน่ใจว่าตนเข้าไปกอดได้มั้ย
“พี่หมอก็เป็นคนช่วยเราเหมือนกันนะครับ จะไม่ขอบคุณพี่หน่อยหรอ” ซีวอนเอ่ยถามคนไข้คนใหม่ที่อยู่ในความดูแลของตน ก่อนจะอ้าแขนกว้างๆให้อีกคนเดินเข้ามากอด อึนฮยอกค่อยๆเดินเข้าไปอย่างอายๆ แต่ดูเหมือนจะไม่ทันใจพี่หมอเอาซะเลย เมื่อพี่หมอรูปหล่อ ยื่นแขนมาตวัดเอวบางเข้าไปกอดซะเองเลย
“เอาเป็นว่าวันนี้พอแค่นี้ก่อนแล้วกันนะ คอร์สของเราจะเริ่มในวันพรุ่งนี้ เดี๋ยวพี่กับพี่ฮันจะไปส่งเราที่บ้าน เพราะมีรายละเอียดที่ต้องคุยเพิ่มระหว่างทางน่ะ”เมื่อเห็นการกระทำที่ออกนอกหน้าของเพื่อน ฮีชอลก็รีบตัดบทพลางดึงมือน้องตัวเองกลับมากอดไว้ทันที
“อ้อ ก่อนไป พี่หมอต้องบอกก่อนว่าพรุ่งนี้พี่หมอจะเริ่มตรวจร่างกายนะครับ เตรียมร่างกายมาให้พร้อมนะ” พยักหน้ารับพลางบอกลาทุกคนก่อนจะเดินตามพี่ไป
รถยนต์คันหรูแล่นมาจอดเทียบหน้าบ้านของคนร่างบาง อึนฮยอกบอกลาพี่ๆทั้งสองก่อนจะเดินลงไปเปิดประตูบ้าน
“ฮยอก กลับมาแล้วหรอ กลับซะดึกเชียว แล้วก็ไม่โทรบอกด้วย ฉันเป็นห่วงนะรู้มั้ย” ซองมินเท้าเอววีนอีกคน พลางมองนาฬิกาเพื่อย้ำชัดให้แน่ใจว่าตอนนี้มันดึกมากแล้ว ทำไมอีกคนเพิ่งกลับบ้าน
“ขอโทษนะมินนี่ พอดีว่าพี่ฮีชอลเค้าแนะนำคนนู้นคนนี้ให้รู้จักเยอะแยะเลยน่ะ แต่ยังไงพี่ฮันกับพี่ฮีเค้าก็ขับรถมาส่งน้า ฮยอกก็กลับบ้านอย่างปลอดภัยแล้ว ดังนั้นอย่าโกรธกันเลยน้า....”ง้ออีกคนที่ยืนทำหน้ามุ่ยอย่างงอนๆ
“ก็ได้ๆ คราวน่าอย่าให้มีอีกนะ ฉันกับด๊องเป็นห่วงจะแย่”
“ด๊องมาแล้วหรอ พอดีเลยเค้ามีเรื่องจะบอกด๊องพอดี” ว่าพลางรีบวิ่งเข้าบ้านไปอย่างตื่นเต้น เมื่อเจอเพื่อนรักอีกคนก็รีบวิ่งไปกระโดดกอดทันที
“อะไรกัน ฮยอก เดี๋ยวก็ตกลงมาหรอก ตัวก็หนักยังมากระโดดทับเค้าอีก”
.”ก็เค้าดีใจนี่นา เค้าเจอแล้วนะด๊อง เนื้อคู่ที่ด๊องบอกน่ะ หล่อมากๆเลยละ” อึนฮยอกว่าอย่างตื่นเต้น
“จริงหรอ ดีใจด้วยนะ เป็นยังไงบ้างละเนี่ย ไหนเล่าให้ฟังซิ” ซองมินที่เดินเข้ามาสมทบเอ่ยถามอีกคน มือบางทั้งสามจับจูงกันไปยังห้องนั่งเล่น พลางนั่งฟังเรื่องราวที่เกิดขึ้นเพียงแค่ 2-3ชั่วโมงแต่กลับรู้สึกยาวนานในจิตใจของคนร่างบาง
จะมั่นใจได้มั้ยว่าพี่หมอคนนี้คือคนที่เป็นเนื้อคู่ของอึนฮยอกอย่างแท้จริง จะเอาสิ่งใดมารับประกันว่านี่คือคนที่ผูกกันมาด้วยด้ายแดงที่ปลายก้อย หรืองานนี้เราจะต้องพึ่งไสยศาสตร์ของลีดงเฮกันดีน้า ... 555+
talk : อ่านเสร็จแล้ว อย่าลืมยิ้มแล้วคอมเม้นให้กับความน่ารักของน้องสามลีด้วยนะจ้ะ รักรีดเดอร์ทุกคนเสมอ
ความคิดเห็น