คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : [Short Fic] เธอจะอยู่กับฉันตลอดไป... [YeWook ]
กดเล่นเพลงก่อนนะจ้ะ จะได้อิน 55
‘กริ๊งๆๆ
.’ เสียงกระดิ่งที่ถูกแขวนอยู่ที่หน้าประตูนั้นดังขึ้นบ่งบอกว่ามีผู้มาเยือนร้านกาแฟเล็กๆแห่งนี้ในยามเช้าของวันหยุด คนร่างเล็กเงยหน้าขึ้นมองลูกค้ารายแรกของวัน พลางกล่าวทักทายด้วยรอยยิ้มกว้าง
“อ้าว พี่เยซอง มาแต่เช้าเลยนะฮะ” คนตัวบางเอ่ยทัก ในขณะที่มือก็ยังคงเช็ดถ้วยกาแฟ เตรียมรอรับลูกค้าที่จะเข้ามาในวันนี้
“รับอะไรดีฮะวันนี้” เอ่ยถามพลางตอจดรับออเดอร์ของลูกค้ารายแรก
“เอาเหมือนเดิมครับตัวเล็ก” เอ่ยบอกด้วยรอยยิ้มบางๆที่ไม่ค่อยมีใครได้เห็นมันบ่อยนัก จะว่าไปต้องบอกว่าไม่มีใครเคยได้เห็นมันต่างหาก คงมีเพียงคนตัวเล็กตรงหน้าคนนี้เพียงเท่านั้นที่ได้เห็นมันอยู่บ่อยครั้ง
“คาปูชิโน่หรอฮะ” ว่าพลางจดเมนูที่คนร่างสูงสั่งยิกๆ
“ไม่ใช่ครับ พี่ขอเป็นตัวเล็กที่นึงได้มั้ยครับ” ว่าอย่างหยอกล้อพลางส่งสายตากรุ้มกริ่มไปให้คนตัวเล็กที่ยืนอายม้วนเพราคำพูดของเค้า
“พี่เยซองอ่า น้ำเน่าตี่เช้าเลยนะฮะ สรุปจะรับอะไรฮะเนี่ย อุคต้องไปทำงานต่อนะฮะ” เอ่ยบอกอย่างเร่งๆ ขืนอยู่นานกว่านี้มีหวังคนร่างสูงได้ใช้สายตาแทะโลมเข้าไปทั้งตัวแน่ๆเลย
“เอาคาปูชิโน่นั่นแหละครับ” เอ่ยสั่งอีกครั้ง พลางหยิบหนังสือพิมพ์ของเช้าวันนี้มาอ่าน รยออุครับออเดอร์ก่อนจะเดินไปทำตามที่ลูกค้าประจำคนนี้สั่งมา มือบางหยิบจับของต่างๆอย่างคล่องแคล่วและชำนาญ ไม่นานนักกลิ่นกาแฟหอมกรุ่มพร้อมขนมปังหอมๆก็ถูกนำมาเสิร์ฟที่โต๊ะของคนร่างสูง
“ทานให้อร่อยนะฮะ” เอ่ยลบอกพลางตั้งท่าจะเดินกลับไปทำงานต่อ แต่คนมือไวอย่างเยซองไม่ปล่อยให้โอกาสดีๆแบบนี้หลุดมือไปง่ายๆหรอก คนร่างสูงตวัดมือคว้าเอวบางลงมานั่งที่ตักของตนอย่างรวดเร็ว
“จะรีบไปไหนละครับ อยู่คุยกับพี่ก่อนสิ” เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยกระซิบข้างหูอย่างแผ่วเบา รยออุคหน้าแดงซ่านทันทีที่ๆได้ยินเสียงที่คุ้นเคยใกล้ชิดริมหูขนาดนี้
“อ
.อุค มีงานต้องทำนะฮะ พี่เยซองปล่อยอุคเถอะฮะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้ามันจะไม่ดี” เอ่ยบอกพลางพยายามดันตัวออก แต่ยิ่งดิ้นก็เหมือนยิ่งถูกรัดให้แน่นขึ้น
“จูบพี่ก่อนสิ แล้วพี่จะปล่อย ” คนร่างสูงยื่นขอเสนอที่สุดแสนจะเป็นธรรมให้คนร่างบาง รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นบนใบหน้า
“พี่เยซองอ่า นี่ที่ทำงานของอุคนะฮะ”บอกอย่างเอียงอาย
“ไม่รู้ละ ท่าตัวเล็กไม่จูบพี่ พี่ก็ไม่ปล่อย นั่งมันอยู่อย่างนี้ละ ไม่รีบจูบพี่ เดี๋ยวมีคนเข้าร้านมา พี่จะให้ตัวเล็กจูบโชว์เลยนะครับ” ยิ่งพูดก็ยิ่งเพิ่มความกดดันให้คนร่างบาง
“ก็ได้ฮะ แต่พี่ต้องหลับตาก่อน” เยซองปิดตาลงอย่างว่าง่าย รยออุคค่อยๆเลื่อนหน้าเข้าไปใกล้ใบหน้าหล่อคมของคนร่างสูงช้าๆ ก่อนจะจรดริมฝีปากลงบนแก้มป่องๆของคนร่างสูง ก่อนจะใช้โอกาสที่ร่างสูงกำลังหลับตานี้รีบลุกขึ้นพลางเดินหนีไปที่เคาน์เตอร์ทันที
“ตัวเล็กครับ พี่ให้จูบปากนะไม่ใช่หอมแก้ม อย่างนี้ผิดสัญญานี่นา” เยซองลุกขึ้นเดินตามคนร่างบางไปทันที
“ก็พี่บอกให้อุคจูบ อุคก็จูบแล้วไงฮะ พี่ไม่ได้บอกสักหน่อยว่าให้อุคจูบตรงไหน” เอ่ยท้วงถึงความเป็นจริงที่คนร่างสูงไม่ได้กำหนดตำแหน่งในการจูบ ดังนั้นเค้าจะจูบตรงไหนก็ถือว่าไม่ผิดนะ
“แสบนะครับเดี๋ยวนี้” เอ่ยบอกคนร่างบางที่แลบลิ้นปิ้นตาใส่ตนอย่างเป็นต่อ เห็นแล้วอยากจะกระชากกลีบปากเล็กๆนั้นมาจูบจริงๆเลย
‘กริ๊งๆๆ’ แต่ยังใม่ทันที่คนร่างสูงจะได้ทำอย่างใจนึก เสียงกระดิ่งหน้าประตูก็ดังขึ้นจังหวะเสียก่อน รยออุครีบเนออกไปต้อนรับลูกค้าที่เข้ามาใหม่ทันที
“สวัสดีฮะ คอฟฟี่เฮ้าทืยินดีต้อนรับฮะ” คนร่างบางเอ่ยทักอย่างเป็นกันเอง แต่ชายชุดดำสองคนที่เดินเข้ามานั้นกลับไสนใจเค้าเลยแม้แต่น้อย ชายหนุ่มรูปร่างบึกบีนทั้งสองเดินผ่านคนตัวบางไปหาคนร่างสูงที่นั่งหันหลังอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ที่โต๊ะ
“คุณชายครับ คุณผู้หญิงให้มาตามกลับไปที่คฤหาสน์ครับ” ลูกสมุนทั้งสองเอ่ยบอกลูกชายคนโตของตระกูลคิม นักธุรกิจชื่อดังที่มีรายได้สูงสุดติดอันดับ 1 ของประเทศ
“ชั้นไม่ไป” คำเดียวสั้นๆง่ายๆ คนร่างสูงเอ่ยบอกโดยที่สายตาก็ยังไม่ละไปจากกระดาษหนังสือพิมพ์ตรงหน้าที่ไม่รู้ว่ามันน่าสนใจอะไรนักหนา
“แต่วันนี้เป็นวันนัดดูตัวกับว่าที่คู่หมั้นของคุณชายนะครับ คุณผู้หญิงสั่งมาว่าให้นำตัวคุณชายกลับไปที่คฤหาสน์ให้ได้” ยังคงย้ำคำเดิมๆ เยซองตวัดตามองลูกสมุนทั้งสองอย่างเย็นชา เมื่อคนทั้งคู่ดันมาพูดเรื่องคู่หมั้นของเค้าในที่แห่งนี้ ที่ที่มีคนตัวบางยืนฟังอยู่ที่ด้านหลังของเค้า
“พวกนายกลับไปก่อน ชั้นจะกลับเข้าบ้านก่อนเที่ยง” เยซองออกปากไล่อย่างโมโห แต่ยังคงไว้ซึ่งสีหน้าเรียบเฉย
“แต่
..” ชายชุดดำทั้งสองตั้งท่าจะเถียง
“ ปัง!!! ไม่มีแต่ ขืนพวกนายยังมีแต่กับชั้น นอกจากชั้นจะไม่กลับบ้านแล้ว ชั้นจะไล่พวกนายออกด้วย กล้าดียังไงมาพูดแบบนี้กับคนอย่างชั้น ” มือหนาตบโต๊ะอย่างแรงด้วยความโมโห จนลูกน้องทั้งสองคนต้องรีบหดหัวกันกลับขึ้นรถไป
หลังจากที่ไล่ลูกน้องกลับไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ความสงบก็กลับเข้าสู่ร้านอีกครั้งหนึ่ง แต่ดูเหมือนว่าจะสงบไปนิด เพราะว่าบรรยากาศที่เงียบสงัดภายในร้านนั้นมันทำให้ดูน่าอึดอัดน่าดู ไม่มีคำพูดใดๆหลุดออกมาจกปากของคนทั้งสอง มีเพียงสายตาห่วงใยที่เยซองใช้มองคนร่างบางอยู่เสมอ รยออุคที่ยืนนิ่งอยู่นานนั้นเริ่มได้สติ คนตัวบางก้มหน้าก้มตาเดินเลี่ยงเข้าหลังร้านไปในทันที
“เฮ้อ
” คนร่างสูงถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย ในที่สุดวันนี้มันก็มาถึง วันที่เค้าต้องบอกความจริงกลับคนร่างบางเสียที เค้าคิดจะบอกจากปากเค้าเองแท้ๆ เค้าอุตส่าห์คิดวิธีที่จะบอกและวิธีที่จะไม่ทำให้คนร่างบางเสียใจแล้วนะ แต่มันกลับผิดแผนไปหมด เพราะคุณหญิงแม่ของเค้าคนเดียวเลยจริงๆ ท่านคัดค้านความสัมพันธ์ของเค้ากับรยออุคมาโดยตลอด แถมยังหาคู่หมั้นที่ไหนไม่รู้มาแต่งงานกับเค้าอีกต่างหาก
“ตัวเล็กครับ” คนร่างสูงเอ่ยเรียกคนรักเสียงแผ่ว พลางตรงเข้าไปสวมกอดคนรักจากทางด้านหลัง ร่างเล็กๆที่สั่นเทาเพราะแรงสะอื้นทำให้คนร่างสูงรู้สึกปวดหนึบไปทั้งหัวใจที่ตนเป็นคนทำให้คนร่างบางต้องร้องไห้เช่นนี้
“ฮึก
..ฮือๆๆๆๆ” ไร้ซึ่งเสียงตอบรับใดๆกลับมา มีเพียงเสียงสะอื้นไห้ที่ดังขึ้นเรื่อยๆอย่างยากที่จะหยุดยั้ง
“ตัวเล็กครับ
..หันหน้ามาคุยกับพี่หน่อยนะครับ” เอ่ยบอกพลางพลิกตัวคนร่างบางให้หันหน้ามาเผชิญหน้ากับตน รยออุคยังคงก้มหน้าร้องไห้สะอึกสะอื้นไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมองหน้าคนร่างสูงแม้แต่น้อย
“พี่ขอโทษ
.” คำที่เค้าไม่เคยพูดกลับใครมาก่อน คำที่หลุดออกมาเพราะความรู้สึกผิดจากใจจริง แม้จะแผ่วราวกระซิบแต่คนตรงหน้าก็ได้ยินมันอย่างชัดเจน มือหนาเชยคางมนขึ้นให้คนร่างบางได้มองหน้าตนได้ชัดๆ
“ฮึก
..ทะ
ทำไมพี่ อึก.. ไม่บอกอุ..ค ฮืออออ” แม้จะพูดออกมาได้ยากลำบาก แต่คนตัวบางก็พยายามที่จะสื่อสารกับคนร่างสูง
“พี่ขอโทษ พี่กำลังหาโอกาสจะบอกตัวเล็กอยู่ พี่อบากให้ตัวเล็กได้ฟังมันจากปากของพี่ ไม่ใช่คนอื่นแบบนี้ อย่าร้องไห้นะครับ
น้ำตาของตัวเล็กมันทำให้พี่เจ็บ” เอ่ยบอกพลางใช้นิ้วโป้งเรียวนั้นปาดน้ำตาที่ยังคงไหลออกมาไม่หยุด
“แล้ว ฮึก
เมื่อไรละฮะ ฮือออ ทำไมพี่ไม่บอกอุค ฮึก ก่อนที่อุคจะรักพี่หมดใจแบบนี้ละฮะ ฮือ” การที่จะต้องสูญเสียคนที่รักที่สุดในตอนที่หัวใจดวงน้อยนี้ยกให้เค้าไปหมดทั้งใจแบบนี้นั้น มันเหมือนกับการที่เรามีร่างกายแต่ไร้ซึ่งหัวใจที่ทำหน้าที่ให้ความรู้สึกกับเราเลยจริงๆ
..
“พี่ขอโทษนะครับ พี่จะแก้ปัญหาให้เร็วที่สุด อย่าร้องไห้อีกเลยนะครับ พี่ไม่ทิ้งตัวเล็กของพี่แน่นอน” เยซองให้คำมั่นกับคนรักด้วยแววตาจริงใจ
“พี่เยซอง ฮือออออ อย่าทิ้งอุคนะฮะ อุคไม่เหลือใครแล้วจริงๆ ฮือๆๆๆ” คนตัวบางโผเข้ากอดคนร่างสูงอย่างโหยหาความอบอุ่น การที่เราต้องอยู่คนเดียวบนโลกใบใหญ่นี้มันทำให้รู้สึกอ้างวางและว้าเหว่จริงๆ อดีตที่ย่ำแย่ของคนตัวบางผุดขึ้นมาในห้วงแห่งความคิดอีกครั้ง ภาพอดีตที่เค้าโดนทอดทิ้งให้อยู่อย่างโดดเดี่ยวนั้นตามหลอกหลอนเค้ามาตลอด 20 ปี
อดีตวันวานของคิม รยออุค
คนตัวบางที่นั่งร้องไห้อยู่ที่หน้าหลุมศพของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นแม่ แม่ของเค้าที่ลาโลกไปด้วยความทุกข์ระทมในตอนที่เค้าอายุได้เพียง 15 ปี แม่ของเค้าต้องทำงานหาเงินเลี้ยงครอบครัวด้วยความเหนื่อยยาก ทั้งๆที่ร่างกายก็ไม่ค่อยจะแข็งแรงนักหลังจากที่แม่คลอดเค้าออกมา ร่างกายก็ทรุดโทรมลงเรื่อยๆ ท่าถามถึงพ่อน่ะหรอ นอกจากจะไม่เลี้ยงดูแล้วยังเอาเงินที่แม่หามาได้ไปกินเหล้าเมายาไปวันๆอีกต่างหาก พอแม่ไม่ให้เงินเพราะจะเก็บเงินนั้นไว้เป็นค่าเล่าเรียนของเค้านั้น พ่อก็เข้ามาทุบตีแม่ จนเนื้อตัวของแม่นั้นเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำมากมาย จนในที่สุดร่างกายและจิตใจของแม่ก็ทนความทุกข์ระทมนี้ต่อไปไม่ไหว แม่ของเค้ามีอาการซึมไม่พูดไม่จากับใคร ข้าวปลาก็ไม่ยอมกิน สุดท้ายผู้เป็นที่รักของเค้าก็จากไปเพราะตรอมใจตาย เค้ายังคงมาไหว้หลุมศพของแม่ทุกวัน ยังคงแวะเวียนมาพูดคุยกับคนเป็นแม่อยู่บ่อยครั้ง และยังคงร้องไห้ในทุกๆวันที่ได้เจอป้ายหลุดศพของแม่
หลังจากที่แม่ตายเพียงแค่ 3 เดือน พ่อที่ไม่เคยเหลียวแลเค้านั้นก็พาผู้หญิงคนใหม่เข้ามาในบ้าน เค้าโดนใช้งานโดนดุด่าสารพัด จนในที่สุดเค้าก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป เค้าจึงตัดสินใจหนีออกจากบ้านมาในที่สุด เค้าต้องร่อนเร่ไปเรื่อย เงินที่มีติดตัวก็เริ่มน้อยลงๆ บางวันที่ไม่มีที่นอนก็ถึงขนาดต้องนอนข้างถนน บางวันที่ท้องหิวก็ต้องอดทน เพราะเค้าจะทานเพียงวันละมื้อเพื่อประหยัดเงินให้อยู่รอดในวันต่อๆไป ขาเล็กๆที่เดินซวนเซอย่างอ่อนแรงไปตามทางเดินที่ไม่ค่อยมีผู้คนนัก อยู่ๆสติที่มีอยู่ก็ดับวูบลงเพราะไข้หวัดที่เป็นมาเกือบอาทิตย์ รยออุคเป็นลมลงที่หน้าร้านกาแฟแห่งหนึ่ง โชคดีที่เจ้าของร้านเป็นคนเมตตา เจ้าของร้านกาแฟคนสวยที่มีชื่อว่า อีทึกนั้นดูแลอุปการะเค้า ส่งเสียเค้าเรียน ให้งานเค้าทำ ดูแลเค้าดีกว่าพ่อแท้ๆของเค้าเสียอีก จนในที่สุดอดีตแย่ๆของเค้านั้นก็ถูกแทนที่ด้วยความทรงจำดีๆที่ผู้มีพระคุณคนนี้มอบให้เค้ามาเสมอ ตั้งแต่วันนั้นถึงวันนี้ รยออุคยังคงทดแทนบุญคุณของอีทึกที่ไม่หมดสิ้น คนร่างบางขยันและตั้งใจทำงานในร้านกาแฟแห่งนี้เป็นอย่างดี อีทึกที่เล็งเห็นถึงความขยันนี้จึงยกร้านกาแฟร้านนี้ให้เป็นสมบัติชิ้นที่ล้ำค่าที่สุดในชีวิตของรยออุค ก่อนจะบินไปทำงานที่ต่างประเทศ แม้จะเหงาไปบ้างเมื่อไม่มีอีทึกคอยอยู่ด้วยแล้ว แต่การได้ทำงานในแต่ละวันก็ทำให้ช่วยคลายเหงาไปได้มาก
.จนกระทั่งถึงวันที่เค้าได้พบกับคนที่ทำให้เค้าลืมความปวดร้าวในอดีต คนที่เข้ามาเติมเต็มช่องว่างที่ขาดหาย คนที่มอบความรักและความอบอุ่นที่คนร่างบางขาดหายมาเป็นเวลานาน
ภาพในวันเก่าที่ชายร่างสูงคนนี้เปิดประตูร้านกาแฟเล็กๆเข้ามาในยามเช้าของวันหนึ่ง รยออุคที่ยังคงง่วนอยู่กับการจัดแก้วกาแฟนั้นเงยหน้าขึ้นต้อนรับลูกค้าอย่างที่เคยทำในทุกๆวัน สายตาที่สบกันโดยบังเอิญนั้นดึงดูดให้คนทั้งคู่จ้องมองกันอย่างไม่ละสายตา ใบหน้าหล่อคมคายที่นิ่งเฉยยกยิ้มให้คนตัวเล็กกว่าน้อยๆ
“ยินดีต้อนรับฮะ รับอะไรดีฮะ” คนร่างบางเอ่ยถามพลางส่งเมนูให้คนตัวใหญ่กว่าดู มือบางเตรียมจดรับออเดอร์อย่างตั้งใจ
“อืม ขอเป็น
.ขอเป็นเด็กเสิร์ฟคนที่มารับออเดอร์นี่ที่นึงได้มั้ยครับ” เอ่ยบอกด้วยใบหน้านิ่งจริงจัง แม้ว่าคนร่างสูงจะอารมณืไม่ดีนัก แต่พอเห็นใบหน้าหวานน่ารักคนนี้ก็อดแกล้งไม่ได้จริงๆ
“รับเป็นเด็กเสิร์ฟ
.หา รับอะไรนะฮะ” คนตัวบางที่ตั้งใจฟังเต็มที่ดันจดตามคำที่คนร่างสูงบอกอย่างแข็งขัน แต่เมื่อนึกทบทวนถึงรายการที่สั่งก็ร้องลั่นออกมาอย่างตกใจในทันที
“ก็บอกว่าเอาเด็กเสิร์ฟที่จดออเดอร์ไงล่ะ ฟังไม่ชัดหรอ” ต่อว่าเล็กน้อยอย่างกลั่นแกล้ง คนตัวบางที่ถูกตำหนิหน้าสลดลงเล็กน้อย ตั้งแต่ทำงานมาเค้าเคยได้รับแต่คำชม เพิ่งเคยโดนตำหนิก็วันนี้วันแรกนี่ละ
“ได้ยินชัดแล้วฮะ แต่
ต้องขอโทษจริงๆนะฮะ ทางร้านเราไม่มีออเดอร์นี้ให้คุณจริงๆฮะ ได้โปรดสั่งอย่างอื่นแทนได้มั้ยฮะ” เอ่ยปฏิเสธอย่างพาซื่อ พลางก้มหัวขอโทษลูกค้าเป็นการใหญ่
“ฮ่าๆ นายนี่น่าระกดีนะ ชื่ออะไรน่ะ” หัวเราะอย่างขำๆกับท่าทางของคนตัวเล็กตรงหน้า
“ผมหรอฮะ ผมชื่อ รยออุคฮะ คิมรยออุค” เอ่ยแนะนำตัวพลางส่งยิ้มหวานๆไปทักทาย เยซองจ้องมองรอยยิ้มที่ติดตรึงบนใบหน้าหวานอย่างสนใจ
“ชั้น
.คิมจงอุน เรียกเยซองก็ได้ ” เยซองเอ่ยแนะนำตนเองบ้าง แต่ทำเอาคนร่างบางถึงกับอึ้ง เพราะคนตรงหน้าเค้า คือ เยซอง ทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลคิมที่ร่ำรวยี่สุดในประเทศ ตัวเป็นๆแลยจริงๆ ทำไมคนรวยๆแบบนี้ถึงมานั่งในร้านกาแฟเล็กๆของเค้ากันนะ
“สวัสดีฮะ คุณเยซอง คุณเยซองจะรับอะไรดีฮะ ” คนตัวบางรีบเปลี่ยนสรรพนามทันทีที่คนร่างสูงแนะนำตัวจบ
“เอาคาปูชิโน่แก้วนึงแล้วกัน อ่อ แล้วก็ไม่ต้องเรียกคุณนะ ชั้นไม่ชอบ เรียกชั้นว่าพี่เยซองก็พอนะเจ้าตัวเล็ก” เอ่ยบอกพลางยกยิ้มบางๆให้กับคนร่างบาง แม้จะเพียงแวบเดียวก็ตาม แต่มันก็ติดตาคนร่างบางเลยทีเดียว ยิ้มแล้วน่ารักแฮะ
“ฮะ พี่เยซอง เดี๋ยวอุคไปเอากาแฟมาให้นะฮะ ” ว่าพลางเดินเข้าไปชงกาแฟที่เคาน์เตอร์ กลิ่นกาแฟหอมละมุนลอยมาตามลมจากเครื่องปรับอากาศ มือเรียวเล็กวางถ้วยกาแฟลงบนโต๊ะ
“นั่งด้วยกันสิตัวเล็ก ” เอ่ยชวนพลางผายมือเชิญคนตัวบางให้นั่งเก้าอี้ตัวตรงข้าม
“ขอโทษนะฮะ แต่อุคนั่งไม่ได้หรอกฮะ เดี๋ยวมีลูกค้าเข้ามาเห็นจะดูไม่ดี ” เอ่ยปฏิเสธอย่างนุ่มนวล
“นั่งเถอะ ยังไม่มีใครมาสักหน่อย นั่งคุยเป็นเพื่อนชั้นหน่อยสิ” เอ่ยชวนอีกครั้ง คราวนี้ไม่บอกปากเปล่า มือหนาลากเก้าอี้มาข้างกาย พลางฉุดแขนคนร่างบางให้ลงนั่งข้างๆ แม้จะชวนให้คุยต่คนร่างสูงกลับไม่พูดอะไรสักคำ มีเพียงพยักหน้าแล้วยิ้มน้อยๆเป็นการรับคำคนตัวบางที่หาเรื่องนู้นเรื่องนี้มาจ้อได้ไม่หยุด เยซองนั่งมองคนตัวเล็กกว่าอย่างสนอกสนใจ น้อยคนนักที่ได้รู้จักเค้าแล้วจะกล้าพูดคุยด้วยอย่างเปิดเผยเช่นนี้ ด้วยระดับที่สูงส่งจนเกินไปทำให้เค้าไม่ค่อยมีเพื่อนนัก และก็เหมือนวันนี้ฟ้าจะเห็นใจคนเหงาเช่นเค้า ถึงได้ดลใจให้เค้าหลบลูกสมุนที่ตามจับทั้งวี่ทั้งวันเข้ามาในร้านกาแฟเล็กๆแห่งนี้ และได้เจอกับคนตัวบางที่ถูกใจเค้ามากมายเช่นนี้
หลังจากวันนั้นจนถึงวันนี้ เยซองก็มักจะแวะเวียนมาหาคนร่างบางในทุกๆเช้าเสมอ ความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ค่อยๆเริ่มพัฒนาจากคนรู้จักมาเป็นคนสนิท จนในที่สุดคนทั้งคู่ก็กลายมาเป็นคนรักที่รักและเข้าใจกันดีมาตลอดระยะเวลาที่คบกัน
จนกระทั่งวันนี้ วันที่คลื่นอุปสรรคลูกใหญ่แทรกซึมเข้ามาขั้นกลางระหว่างความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ ต่างคนก็ต่างลำบากใจกันอยู่ไม่น้อย ความเงียบเข้าปกคลุมคนทั้งสองด้วยความอึดอัด มือบางโอบกอดกายแกร่งของคนตรงหน้าแน่นราวกับว่าหากปล่อยมือไปคนร่างสูงจะหายออกไปจากชีวิตเค้า น้ำตาเหือดแห้งเปรอะใบหน้าหวาน เสียงสะอึกสะอื้นยังคงได้ยินอยู่เป็นพักๆ วงแขนแกร่งโอบกอดคนร่างบางไว้แน่น แมไม่เอ่ยคำใดตาความอบอุ่นและความห่วงใยก็แผ่กระจายไปทั่วร่งคนตัวบางที่ซุกตัวอยู่แนบอก
“ตัวเล็กครับ
.” เสียงนุ่มเอ่ยเรียกคนตัวบางให้เงยหน้าขึ้นมองตน รยออุคเงยหน้าขึ้นมองนัยน์ตาสีดำขลับของคนร่างสูงที่ฉายแววจริงจังแต่ก็แอบแฝงไปด้วยความอ่อนโยน คนร่างสูงกอบกุมมือบางพลางย่อตัวลงคุกเข่าตรงหน้าคนร่างบาง
“ตัวเล็ก
..แต่งงานกับพี่นะครับ” เอ่ยบอกพร้อมหยิบแหวนเพชรที่เตรียมไว้ออกมาจากกระเป๋าเสื้อ พลางรอคำตอบจากคนร่างบาง
“พะ
.พี่ว่าอะไรนะฮะ” นี่เราหูฟาดไปหรือเปล่าเนี่ย เอ๊ะ หรือว่านี่จะเป็นความฝันกันนะ คนตัวบางหยิกตัวเองอยู่ 2-3 ที
“เจ็บอ่า” ว่าพลางลูบแขนตัวเองด้วยความเจ็บ เยซองหัวเราะกับท่าทางน่ารักของคนรักเบาๆ
“ได้ยินไม่ผิดหรอกครับตัวเล็ก พี่ถามตัวเล็กว่า
.แต่งงานกับพี่นะครับ ” คนร่างสูงลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก่อนจะเอ่ยกระซิบชิดริมหูถึงคำที่เพิ่งเอ่ยบอกคนร่างบางไปด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลหวานหู เรียวปากหนาขบใบหูเบาๆอย่างหยอกเย้า
“อุค
..อุคจะแต่งงานกับพี่เยซองฮะ” ว่าพลางโถมตัวเข้ากอดคนรักด้วยวามดีใจ ไม่เคยคิดว่าจะได้มีวันนี้ วันที่เค้าทั้งคู่จะได้อยู่ด้วยก็จริงๆ
“ท่างั้นพี่ขอหมั้นไว้ก่อนนะครับ ไว้พี่เคลียร์ปัญหาเสร็จเมื่อไหร่ เราจะแต่งงานกันทันที แล้วพี่จะพาตัวเล็กไปอยู่ด้วยกันนะครับ รอพี่นิดนึงนะครับ เชื่อใจพี่นะ ” มือหนาลูบเรือนผมนิ่มของคนรักที่กอดตนเองแน่นอย่างเอ็นดู กลีบปากอุ่นๆค่อยๆประกบเข้าหากันช้าๆจูบที่แสนอ่อนโยนและนิ่มนวลถูกมอบให้แก่กันเนิ่นนานแทนความรู้สึกที่มีให้แก่กัน
หลังจากที่คนทั้งคู่ปรับความเข้าใจกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คนร่างสูงก็ดิ่งรถไปที่บริษัทเพื่อสะสางงานที่ค้างไว้ ก่อนจะมุ่งหน้ากลับไปที่คฤหาสน์หลังใหญ่ที่ไร้ซึ่งความอบอุ่นแห่งนั้น
“คุณแม่ครับ ผมจะไม่แต่งงานกับใครทั้งนั้น ได้โปรดยกเลิกงานหมั้นด้วยครับ” เยซองลงนั่งคุกเข่าขอร้องแกมบังคับให้ยกเลิกงานหมั้นที่กำลังจะจัดขึ้น
“ทำไมชั้นจะต้องยกเลิก แกมีเหตุผลอะไรถึงจะต้องยกเลิกงานหมั้น หรือเพราะนายคนนั้นที่แกชอบไปขลุกอยู่กับมันทั้งวันน่ะ” หญิงสาววัยกลางคนเอ่ยต่อว่าอย่างไม่พอใจ
“รยออุคเป็นคนรักของผม ช่วยเรียกเค้าดีๆด้วยนะครับ” เยซองกำมือแน่นเมื่อได้ยินบุพการีเรียกคนรักของเค้าแบบเสียๆหายๆ
“รักมันมานักหรือไง ถึงขนาดต้องปกป้องขนาดนี้ ชั้นไม่มีวันยกเลิกงานหมั้นนี้หรอก รู้ถึงไหนอายเค้าถึงนั่น ลูกชายประธานคิม ทายาทเพียงคนเดียวที่จะได้รับมรดกทั้งหมดของตระกูลกลับกลายเป็นเกย์ที่พิศวาสผู้ชายด้วยกัน แกคิดว่าสังคมเค้าจะรับได้มั้ย มันคงเห็นแกรวยล่ะสิท่าถึงได้จ้องจะจับแบบนี้ แกเองก็เหมือนกันหลงมันหัวปักหัวปำแบบนี้ โดนมันทำของใส่หรือไง หน้าด้านจริงๆไม่มีปัญญาเลี้ยงตัวเองเลยต้องมาตามจับผู้ชายรวยๆไปทำพันธุ์ เหอะ ” คำพูดของผู้หญิงที่เรียกตัวเองว่าผู้ดีนั้นทำให้คนร่างสูงต้องขบกรามตนเองแน่นเพื่อข่มอารมณ์ เล็บจิกเข้ากับฝ่ามือหนาจนรู้สึกชาไปทั้งมือ
“ท่าคุณแม่อยากจัดงานแต่งก็เชิญจัดไปเลยแล้วกันนะครับ แต่ผมบอกไว้ตรงนี้เลยว่าผมไม่มีทางแต่งงานกับคนที่ผมไม่ได้รักเป็นอันขาด ขอตัวนะครับ” พูดจบร่างสูงก็รีบคว้าแจ๊กเก็ทของตนเองก่อนจะเดินไปที่รถ แล้วขับออกไปแบบไม่เหลียวหลังหันมามองหญิงสาวที่ยืนเต้นเร่าๆอย่างขัดใจอยู่ภายในบ้านแม้แต่น้อย
วันเวลาล่วงเลยผ่านไปในแต่ละวัน คนร่างสูงไม่เคยกลับบ้านอีกเลยหลังจากที่ออกมาในครั้งนั้น เยซองใช้วันเวลาทั้งหมดที่มีทุ่มเทให้กับงานและคนร่างบาง
“พี่เยซองฮะ วันนี้ตอนบ่ายเราต้องไปถ่ายรูปที่สตูดิโอกันนะฮะ แล้ววันพรุ่งนี้ก็ต้องไปรับการ์ดแต่งงานด้วย อุคตื่นเต้นจังเลยที่จะได้แต่งงานกับพี่จริงๆ เหมือนฝันเลยนะฮะ” รยออุคเอ่ยลอกคนร่างสุงที่นั่งดื่มกาแฟในยามเช้า มือบางนวดไหล่ให้คนรักเพื่อคลายความปวดเมื่อย
“ใครว่าฝันกันละครับ นี่มันเรื่องจริงนะ เรากำลังจะแต่งงานกันจริงๆนะครับ” คนร่างสูงเอ่ยบอกคนรักเสียงนุ่ม มือหนาตวัดเอวคนร่างบางเข้ามาประชิดตัว ก่อนจะดันตัวบางๆนั้นให้นั่งลงบนตักของตน มือหนากอดคนรักไว้แน่นส่งผ่านความอบอุ่นทางสัมผัสที่มอบให้กัน
“ตัวเล็กไม่โกรธพี่ใช่มั้ยครับ” เอ่ยถามอย่างเป็นกังวล
“โกรธ?? เรื่องอะไรกันฮะ”vเอ่ยถามอย่างสงสัย
“ก็ที่พี่ไม่สามารถจัดงานแต่งงานของเราให้มันใหญ่โตได้ ไม่สามารถพาตัวเล็กของพี่เข้าไปอยู่ในบ้านพี่ได้ ไม่สามารถบอกใครๆได้เต็มปากว่าตัวเล็กคือแฟนของพี่ ตัวเล็กโกรธพี่มั้ยครับ”
“ไม่ฮะ อุคไม่เคยโกรธพี่เยซองเลย แค่ที่เป็นอยู่ทุกวันนี้อุคก็มีความสุขมากมายแล้วฮะ แค่มีพี่อยู่ข้างๆแบบนี้ อุคก็ไม่ต้องการอะไรแล้วล่ะฮะ อุคไม่ได้อยากได้เงินทอง ไม่ได้อยากจัดงานแต่งงานหรูหรา ไม่ได้อยากจะตะโกนบอกให้คนทั้งโลกรู้ว่าเราเป็นแฟนกัน ที่อุคแต่งงานกับพี่ เพราะอุครักพี่เยซอง แค่เรารู้ว่าเรารักกัน อุคว่าแค่นั้นมันก็พอแล้วล่ะฮะ” คนตัวเล็กหันหน้าเข้าหาคนร่างสูง ก่อนจะโอบกอดเอวคนร่างสูงพลางซุกหัวเล็กๆนั้นลงแนบกับอกแกร่ง
“พี่อย่าคิดมากนะฮะ แค่รู้ว่าพี่เยซองยังกอดอุคอยู่แบบนี้ อุคก็ดีใจแล้วล่ะฮะ อย่าทิ้งอุคไปไหนนะ ไม่มีพี่ อุคก็ไม่รู้จะอยู่ทำไมจริงๆ ” คนตัวบางเอ่ยบอกความรู้จากใจจริงของตน อยากจะขอให้ช่วงเวลาแห่งความสุขแบบนี้อยู่กับเราไปนานๆเหลือเกิน
ตกบ่ายคนทั้งคู่ก็จูงมือกันเดินเข้าไปในสตูดิโอถ่ายรูปที่จองเอาไว้ล่วงหน้า วันนี้เค้าทั้งสองจะมาถ่ายรูปแต่งงานกัน ถึงแม้ว่างานแต่งงานของเค้าจะไม่ได้ใหญ่อะไรมากมาย แต่อย่างน้อยๆเค้าก็อยากจะมีรูปเก็บไว้เป็นความทรงจำบ้าง
“เดี๋ยวเชิญเลือกชุดทางด้านนี้นะคะ” พนักงานสาวเอ่ยบอกพลางพาคนทั้งคู่ไปเลือกชุดที่ทางสตูดิโอมีจัดไว้ให้ รยออุคมองชุดแต่งงานสีขาวสะอาดตรงหน้าด้วยแววตาวาว มือบางลูบชุดกระโปรงฟูฟ่องอย่างถนอม พลางเลือกอย่างระมัดระวัง สายคาคู่สวยจ้องมองชุดกระโปรงยาวสีขาวที่ตัดเย็บแบบเรียบๆแต่ก็ดูสวยในแบบที่มันเป็น
“พี่เยซอง
อุคชอบชุดนี้จัง อ๊ะ พี่อย่าถ่ายสิฮะ” เพราะมัวแต่สนใจชุดตรงหน้าจึงไม่ทันสังเกตคนร่างสงที่ยืนถ่ายวีดีโออยู่ด้านหลัง
“ไม่เห็นเป็นไรเลยครับตัวเล็ก ถ่ายไว้เถอะ เผื่อวันที่เราแต่งงานกันแล้ว มานั่งดุวีดีโอนี้อีกที พี่ว่าน่ารักออก” คนร่างสูงเอ่ยบอกเหตุผลของตน และดูเหมือนว่าคนร่างบางก็เห็นด้วยเช่นกัน นยออุคยิ้งบางๆให้กล้อง ก่อนจะเอ่ยแนะนำตัว
“สวัสดีฮะ ผมคิม รยออุค แฟนของพี่เยซอง วันนี้เราสองคนมาเลือกชุดแต่งงานกันนะฮะ เป็นยังไงบ้างฮะชุดนี้ สวยใช่มั้ยล่ะ ท่ามันอยู่บนตัวผมต้องสวยกว่านี้แน่นอน ผมมั่นใจ 555 เดี๋ยวผมจะแนะนำแฟนผมให้ทุกคนรู้จักนะฮะ คนนี้พี่เยซอง แฟนของผม คุณคงไม่รู้หรอกว่าผมรักเค้ามากแค่ไหน ผมน่ะนะ รักพี่เยซองมากที่สุดในสามโลกเลยล่ะ ท่าผมไม่มีพี่เยซอง ผมคงไม่มีวันนี้ และต่อไปในวันข้างหน้าท่าผมไม่มีพี่เยซองผมต้องเสียใจจนเป็นบ้าแน่เลย คิคิ” คนร่างบางหยอกล้อกับกล้องไปมาอย่างสนุกสนาน แม้จะพูดไปหัวเราะไปแต่ว่าคำพูดที่หลุดออกมาจากปากบางนั้นก็จริงใจและออกมาจากความรู้สึกจริงๆ
“เดี๋ยวผมขอตัวไปลองชุดก่อนนะฮะ อ้อ ก่อนไป ผมอยากจะบอกว่า ผมรักพี่เยซองของผมที่สุดเลย จุ๊บ” ว่าพลางก้มลงจุ๊บที่หน้ากล้อง ก่อนจะหิ้วชุดตัวสวยเข้าไปเปลี่ยนในห้องลอง เยซองมองตามคนตัวบางไปพลางยิ้มกว้างกับความน่ารักของคนรัก
..
‘คฤหาสน์ตระกูลคิม’
“เรื่องที่ชั้นให้ไปสืบมาได้เรื่องหรือยัง ยองจุน” เสียงแหลมที่แฝงไปด้วยอำนาจเอ่ยถามลูกน้องคนสนิท
“ครับคุณนาย ผมได้เรื่องมาว่า คุณเยซองจะเข้าพิธีแต่งงานกับคุณรยออุคอาทิตย์หน้าครับ ”
“อาทิตย์หน้างั้นหรอ นี่เยซองตั้งใจจะหักหน้าชั้นหรือไงกัน ทั้งๆที่งานหมั้นที่ชั้นจัดมีในวันนั้นเนี่ยนะ ” หญิงสาวแว้ดลั่นอย่างโมโหที่ลูกชายของตนคิดจะหักหน้าตนกลางงานแต่ง
“ชั้นไม่มีวันยอมหรอก ยองจุน ชั้นสั่งงานใหม่เลยแล้วกัน ไม่ต้องตามเยซองแล้ว งานนี้งานใหญ่หน่อยนะ”
“ครับคุณนาย”
“ลากเยซองกลับมาเข้าพิธีให้ได้ แล้วก็
..จัดการเก็บคิมรอยอุคซะ !!!” ใบหน้าสวยสมไว้เอ่ยบอกพร้อมรอยยิ้มที่แสนโหดเหี้ยมที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้า ชายหนุ่มร่างสูงรับคำสั่งเจ้านายของตน ก่อนจะเดินออกไปจากห้องทำงานหรู การฆ่าคนไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆ เค้าไม่ได้อยากทำมันเลยแม้แต่นิดเดียว เค้าจะทำยังไงดี แต่คำสั่งก็คือคำสั่ง มือหนาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออกทันที
“ฮัลโหล มึงอยู่ไหน กูมีเรื่องให้ช่วยหน่อยว่ะ เออๆ เดี๋ยวไปหา” กรอกเสียงห้าวลงไปตามสาย ก่อนจะกดวางด้วยสีหน้าเป็นกังวล
..
หลังจากวันที่ไปถ่ายรูปสตูดิโอวันนั้น เยซองมักจะหยิบกล้องมาบันทึกภาพความทรงจำในแต่ละวันเสมอ งานแต่งงานที่ใกล้เข้ามาทุกทีนั้น สร้างความตื่นเต้นและดีใจให้คนทั้งคู่มากนัก ของทุกอย่างถูกตระเตรียมไว้เสร็จสรรพ เหลือเพียงรอเวลาที่จะให้ถึงวันจริงเสียที นี่ก็เหลืออีกอาทิตย์เดียวสินะ
.
“พี่เยซองฮะ อุคนึกออกแล้วว่าอุคลืมอะไร” คนตัวบางเอ่ยบอกขณะที่นั่งนึกอยู่นานว่ายังขาดของอะไรอีกที่ต้องใช้ในงานแต่ง
“อะไรหรอครับ”
“ดอกไม้ไงฮะ ช่อดอกไม้ที่เจ้าสาวต้องใช้โยนน่ะฮะ อุคลืมสั่งที่ร้านเค้า เดี๋ยวอุคปั่นจักรยานไปสั่งก่อนนะฮะ แปปเดียว เดี๋ยวมานะฮะ” คนตัวบางเอ่ยบอกพลางรีบวิ่งออกไปที่จักรยาน
“เดี๋ยวพี่ไปส่งครับ ไปๆ ไปด้วยกันนะ” เยซองเดินตามคนรักมา พลางอาสาจะขี่ให้ รยออุคเองก็ลงไปนั่งเบาะหลังอย่างว่าง่าย ใช้เวลาไม่นานก็ปั่นมาถึงร้านดอกไม้ที่อยู่ห่างออกไปไม่กี่ช่วงตึก
“เดี๋ยวอุคเข้าไปสั่งดอกไม่ก่อนนะฮะ” เอ่ยบอกคนรักพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะเดินหาเข้าไปในร้าน
“เอ่อ
ผมมาสั่งช่อดอกไม้ที่ใช้ในงานแต่งน่ะฮะ ช่วยจัดให้หน่อยได้มั้ยฮะ” รยออุคเอ่ยบอกพนักงานหน้าสวยด้วยรอยยิ้ม
“รับดอกไม้อะไรดีคะ”
“กุหลาบแล้วกันฮะ”
“ค่ะ รอสักครู่นะคะ” เอ่ยบอกพลางเดินเข้าไปจัดดอกไม้ตามที่ร่างบางสั่งไว้
“ได้แล้วค่ะดอกกุหลาบ อ่อ นี่เป็นการ์ดที่ทางร้านมอบให้เป็นของขวัญนะคะ ยินดีด้วยนะคะที่กำลังจะได้แต่งงาน ขอบคุณที่มาอุดหนุนค่ะ” หญิงสาวว่าพลางส่งการ์ดสีชมพูที่ส่งกลิ่นหอมลอยมารแตะจมูกให้คนร่างบาง มือบางยื่นไปรับมาพลางยิ้มบางๆให้
“ขอบคุณนะฮะ” เอ่ยขอบคุณก่อนจะขอตัวออกจากร้าน เพราะนึกขึ้นได้ว่ามีใครอีกคนรอตนอยู่ด้านนอก
“อ้าว พี่เยซองไปไหนเนี่ย สงสัยจะอยู่ฝั่งโน้น” เมื่อออกมาแล้วไม่เห็นจักรยานที่คนรักขี่มา ก็เดาไปว่าคนร่างสูงคงขี่ไปรอที่อีกฝั่งหนึ่งของถนนเป็นแน่ คนตัวบางมองซ้ายมองขวาเพื่อดูรถที่ขับผ่านไปมา ก่อนจะเหลือบมองสัญญาณไฟที่บ่งบอกเป็นสัญญาณให้คนที่เดินข้ามถนนข้ามได้
“อ๊ะ ดันปลิวซะได้” ร้องอย่างตกใจ เมื่อการ์ดในมือที่ถือมานั้นอยู่ๆก็ปลิวออกไปเพราะแรงลม คนตัวบางรีบวิ่งไปเก็บอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อเงยหน้าก็ต้องตกใจ
“กรี๊ดดดดดดดด” รยออุคกรี๊ดลั่นเมื่อรถยนต์คันหรูที่แล่นมาจากไหนไม่รู้ผ่าไฟแดงมุ่งหน้าตรงมาที่เค้าด้วยความเร็วสูง ด้วยความตกใจกลัวทำให้ขาบางก้าวไม่ออกได้แต่ยืนนิ่งหลับตาแน่น แต่อยู่ๆก็เหมือนมีแรงมาฉุดที่มือ ก่อนที่คนตัวบางจะกระเด็นไปชนกับกำแพงของร้านดอกไม้ที่เพิ่งเดินออกมา
“เอี๊ยดดดดดดดด ปัง!!!” เสียงสนั่นลั่นถนน เสียงของของแข็งที่กระทบเข้ากับอะไรบางอย่างทำให้ผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาเริ่มเข้ามามุงดู
“โอ๊ยยยยย” คนตัวบางร้องลั่นพลางลูบหลังที่ชนเข้ากับกำแพงอย่างจัง มือบางเช็ดคราบอะไรบางอย่างที่เปื้อนบนใบหน้าของตนออก
“ละ
.เลือดดด” คราบสีแดงสดที่เปื้อนมือเล็กๆนั้นสร้างความตกใจให้คนร่างบางเป็นอย่างมาก ลางสังหรณ์บางอย่างผุดขึ้นในใจคนร่างบางให้รีบไปดูคนเจ็บที่ถูปรถชนเมื่อสักครู่
“ม่ายยยยยยยยย พี่เยซอง ฮือออออออ” ครางลั่นเมื่อเห็นว่าคนที่นอนจมกองเลือดอยู่ตรงหน้าเป็นใคร มือบางกอดคนรักไว้แนบอก พลางร้องไห้สะอึกสะอื้นราวกับจะขาดใจ
“อย่าตายนะ พี่เยซอง ฮึก ฟื้นสิ อย่าเป็นอะไรนะ ฮือๆๆ เรากำลังจะแต่งงานกันนะ ฮืออออ” น้ำตาหยาดใสที่ไหลรินลงมานั้นผสมปนเปไปกับเลือดกลิ่นคาว ร่างที่ไร้ซึ่งลมหายใจของคนรักนั้นเปรียบเสมือนบาดแผลที่กรีดแทงใจของคนร่างบางจนเป็นแผลเป็นที่บาดลึก
หลังจากเหตุการณ์ที่น่าเศร้าเกิดไม่นาน คนร่างสูงก็ถูกส่งตัวไปที่โรงพยาบาลพร้อมๆกับคนร่างบางที่หมดสติไป
นัยน์ตากลมโตค่อยๆลืมขึ้นช้าๆ แสงที่สาดส่องผ่านม่านตาเข้ามานั้นทำให้คนที่นอนอยู่บนเตียงสีขาวนั้นต้องหยีตาเพื่อปรับการมองเห็นให้เป็นปกติเสียก่อน
“พี่เยซอง
” ริมฝีปากและลำคอที่แห้งผากพยายามที่จะส่งเสียงเรียกชื่อคนรัก แต่ก็แผ่วราวกระซิบ “
“ฟื้นแล้วหรอครับ คุณรยออุค” ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่เดินมาทักคนร่างบางที่ฟื้นแล้วหลังจากที่สลบไปถึงสองวันเต็มๆ
“คุณเป็นใคร พี่เยซอง ๆๆ อ๊ายย อย่าทำอะไรชั้นนะ” คนตัวบางสะบัดมือออกจากชายแปลกหน้าด้วยความหวาดระแวง ดวงตาสุกใสที่เคยมีบัดนี้แปรเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัวและหวาดระแวงต่อสิ่งรอบข้าง
“ใจเย็นๆนะครับคุณรยออุค” ยองจุนเอ่ยบอกคนร่างบางให้สงบสติอารมณ์ลงก่อน ถึงแม้ว่าจะเตรียมใจรับมือกับอาการของคนร่างบางมาก่อนแล้ว ทั้งๆที่หมอบอกแล้วแท้ๆว่าตอนนี้จิตใจของคนร่างบางนั้นมีปัญหา ความหวาดกลัว ความวิตกกังวล และความเสียใจที่รุมเร้าคนร่างบางทำให้สติของคนร่างบางบกพร่อง หรือท่าจะให้พูดกันง่ายๆก็คือคนร่างบางกลายเป็นคนวิกลจริตหรือคนบ้านั่นแหละ
“พี่เยซองๆๆ” ปากบางพร่ำเรียกแต่ชื่อของคนรัก แววตาเลื่อนลอยราวกับคนไร้ความรู้สึกมือบางไขว่คว้าไปกางอากาศ หวังเพียงได้รับการสวมกอดจากคนรักอย่างเช่นที่เคยเป็น คนร่างบางจะรู้มั้ยนะว่าคนที่มองอยู่จะสงสารจับใจขนาดไหน ดวงตาของคนตัวใหญ่กว่ามีน้ำคลอหน่วยอยู่ในตา เมื่อเห็นสภาพของคนที่ตนทำลายชีวิตของเค้าลงด้วยน้ำมือของตนเอง
“พี่เยซองอยู่ไหน ฮือๆๆๆ” คนตัวบางเริ่มร้องไห้ออกมาอีกครั้งหลังจากที่ไม่เจอคนร่างสูงที่คอยอยู่ข้างกายมาเสมอ
“ไม่ร้องนะครับ ผมนี่ไงเยซอง อย่าร้องไห้นะครับ” ด้วยความใกล้ชิดที่คอยตามเจ้านายอย่างเยซองมาตลอด ทำให้ยองจุนพอจะจับจุดได้ว่าต้องปฏิบัติตัวอย่างไรกับคนตัวบาง
“พี่เยซอง!! พี่เยซองจริงๆใช่มั้ย พี่กลับมาหาอุคแล้วหรอฮะ อุคคิดถึงพี่มากๆเลยรู้มั้ย อุคคิดถึงพี่ที่สุด” เรียวปากอิ่มพร่ำพูดไปเรื่อยอย่างคนไร้สติ มือบางโอบกอดเอวของคนตรงหน้าแน่นเพราะคิดว่าเป็นคนรักของตนจริงๆ
“พี่เยซองรู้หรือเปล่า มันน่ากลัวมาก ฮือๆๆ อุคเสียใจ ฮือๆๆ พี่อย่าทิ้งอุคไปนะ” ศีรษะเล็กๆสั่นเทาอย่างหวาดกลัว เมื่อภาพเหตุการณ์ที่คนรักนอนจมกองเลือดนั้นผุดเข้ามาในสมองครั้งแล้วครั้งเล่า
“ไม่ต้องกลัวนะครับ พี่อยู่นี่นะครับตัวเล็ก พี่ว่าตัวเล็กนอนก่อนนะครับ พักผ่อนเยอะๆนะครับ เราจะได้กลับบ้านกัน” เอ่ยบอกอย่างอ่อนโยน น้ำเสียงทุ้มที่แอบคล้ายคนรักนั้นทำให้ร่างบางเชื่อสนิทใจ
“พีจับมืออุคไว้ได้ไหม อุคกลัวตื่นมาแล้วอุคไม่เหลือใคร จับมือไว้ให้รู้ว่าพี่ยังอยู่ได้มั้ย” แววตาอ้อนวอนที่ถูกส่งมาทำให้คนร่างสูงยิ้มรับบางๆพร้อมกับหยาดน้ำตาที่ไหลลงอาบแก้มอย่างสงสารคนตรงหน้าจับใจ มือหนากุมมือบางไว้แน่น ก่อนจะส่งคนร่างบางเข้านอน ยองจุนปล่อยน้ำตาให้ไหลอยู่เช่นนั้นเพื่อชำระบาปที่ทำไป แม้จะรู้ว่ามันไม่ได้บาปลดน้อยลงก็ตาม แต่ความรู้สึกผิดที่ถาโถมเข้ามานั้นก็ทำให้คนร่างสูงยากที่จะห้ามมันไว้ได้จริงๆ
อาทิตย์แห่งความโหดร้ายผ่านไปอย่างเชื่องช้า เวลาล่วงเลยเข้ามาสู่วันแต่งงานของคนทั้งคู่ งานทุกอย่างที่เตรียมขึ้นนานเป็นเดือนๆนั้นต้องถูกยกเลิกลงทั้งหมด จะแต่งได้อย่างไรเมื่อคนหนึ่งก็จากโรคนี้ไปเสียแล้ว ส่วนอีกคนก็เหมือนคนที่ตายทั้งเป็น เหมือนคนที่มีร่างกายแต่ไร้ซึ่งจิตใจ คนร่างบางที่ได้รับอนุญาตจากคุณหมอให้กับมาพักที่บ้านได้นั้น วันๆก็เอาแต่เหม่อลอย นั่งพูดกับตัวเอง บางทีก็ร้องไห้ออกมาอย่างไม่มีสาเหตุ ใครว่าเวลาจะช่วยเยียวยาจิตใจ ยิ่งเวลาผ่านไปเท่าไร จิตใจของคิม รยออุคก็ยิ่งแย่ลงในทุกๆวัน คนตัวบางมักจะนั่งมองรูปคู่ของตนกับคนรักที่สวมชุดแต่งงานในวันวานนั้นเสมอ รอยยิ้มบางๆที่ปรากฏขึ้นถูกคละเคล้าไปด้วยหยาดน้ำตาที่ไหลออกมาในเวลาเดียวกัน
‘สวัสดีฮะ ผมคิม รยออุค แฟนของพี่เยซอง วันนี้เราสองคนมาเลือกชุดแต่งงานกันนะฮะ
’ เสียงคุ้นหูที่ดังออกมาจากโทรทัศน์เครื่องใหญ่เรียกความสนใจจากคนร่างบางที่ก้าวลงมาจากบันไดได้เป็นอย่างดี นัยน์ตาเลื่อนลอยนั้นหันไปมองที่มาของเสียงอย่างสนใจ
“กรี๊ดดดดดดดดดดดด ฮือออออ” คนร่างบางกรีดร้องลั่น ขาเรียวเล็กรีบก้าวเข้าไปหาโทรทัศน์เครื่องใหญ่ มือบางกอดภาพของคนรักที่อยู่ในจอไว้แน่นด้วยความคิดถึง เสียงสะอื้นดังระงมไปทั่วห้องนั่งเล่น ภาพความทรงจำที่ถูกฉายไปเรื่อย ภาพที่คนสองคนถ่ายเรื่องราวความรักของกันและกันเก็บไว้ ดูในอนาคตที่จะใช้ร่วมกัน แต่วันนี้ภาพแห่งความสุขเหล่านี้กลับทำร้ายจิตใจดวงน้อยให้แตกร้าวจนละเอียดไม่ชิ้นดีเลยจริงๆ ยองจุนมองที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องครัวมองดูคนร่างบางที่จมดิ่งสู่ห้วงแห่งความทุกข์ในอดีตอีกครั้ง ภาพนี้ทำร้ายเค้าไม่น้อยไปกว่าความเจ็บปวดที่คนร่างบางได้รับเลยทีเดียว น้ำลูกผุ้ชายไหลลงมาอีกครั้ง เมื่อเห็นน้ำตาของคนร่างบางที่ไม่รู้จักหมดสิ้นเสียที รยออุคหันมามองคนร่างสุงที่ยืนอยู่ทางด้านหลังช้าๆ มือบางปาดน้ำตาของตนเองออกจากใบหน้า ก่อนจะสาวเท้ามาหยุดยืนตรงหน้าคนร่างสูง
“ร้องไห้ทำไม
..ไม่เอา ไม่ร้องนะ เดี๋ยวเราก็ได้แต่งงานกันแล้วนะ” เอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงสั่นเครือที่แฝงไปด้วยความอ่อนโยน มือบางเอื้อมไปปาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มคนร่างสูงออกพลางส่งยิ้มบางๆให้
“ฮึก ผมขอโทษ รยออุค ผมขอโทษ ยกโทษให้ผมนะ
.” มือหนาคว้าคนตัวบางเข้ามากอดไว้ พลางร้องไห้สะอึกสะอื้นจนเสื้อตัวบางที่คนร่างบางใส่อยู่นั้นเปียกชื้นไปหมด ขาแกร่งสัมผัสได้ถึงน้ำบางอย่างที่ไหลมาโดนขาของตน คนร่างสุงเหลือบมองดูที่พื้นเบื้องล่าง น้ำที่ไหลลงมาจนเปรอะเปื้อนขาเรียวเล็กของคนร่างบางนั้นทำให้คนร่างสูงร้องไห้หนักกว่าเดิมเป็นเท่าตัว ยองจุนถอดเสื้อของตนเองออก ก่อนจะก้มลงใช้เสื้อของเค้าเช็ดปัสสาวะที่คนร่างบางปล่อยมันออกมา
“ไปเปลี่ยนชุดนะครับ ผมจะพาคุณไปพบเค้าเอง” คนร่างสูงเอ่ยบอกคนตัวบาง พลางพาก้าวเดินขึ้นไปเปลี่ยนชุด
หลุมศพที่สลักชื่อไว้อย่างสวยหรูของบุตรชายเพียงคนเดียวของตระกูลคิมตั้งตระหง่านอยู่ในมุมที่เหมาะสม คนตัวบางทรุดตัวลงนั่งข้างหลุมศพทั้งน้ำตา มือบางลูบไล้เนื้อหินเย็นเฉียบอย่างอาวรณ์
“พี่เยซอง ฮึก
.” เหมือนก้อนสะอื้นจุกอยู่ที่คอเมื่อเจอหน้าคนรัก ยองจุนเดินถอยห่างออกมาให้คนร่างบางได้อยู่กับคนรักสองต่อสอง คนร่างบางค่อยๆเอนตัวลงนอนข้างๆหลุมศพ มือบางกอดป้ายหลุมศพตรงหน้าไว้แน่น ราวกับมันเป็นตัวแทนของคนร่างสูง
“พี่เยซอง พี่หนาวมั้ย นอนคนเดียวพี่เหงาหรือเปล่า อุคมาอยู่เป็นเพื่อนพี่แล้วนะ อุคจะอยู่ข้างๆพี่นะ ” ริมฝีปากบางสั่นระริกเอ่ยบอกด้วยความยากลำบาก ความเหน็บหนาวที่กัดกินร่างกายและจิตใจบางๆนั้นไม่ได้ทำให้รยออุคสนใจเลยแม้แต่น้อย มือบางยังคงกอดคนร่างสูงไว้แน่น
“ตัวเล็กครับ
.” เสียงทุ้มนุ่มที่แสนคุ้นเคยดังแผ่วแว่วมาตามลม
“พี่เยซอง พี่อยู่ไหน พี่เยซองใช่มั้ย พี่กลับมาหาอุคแล้วใช่มั้ยฮะ” คนตัวบางรีบลุกขึ้นมาทันทีที่ได้ยินเสียง พลางร้องเรียกคนรักเสียงลั่น
“รยออุคครับ ไปอยู่กับพี่มั้ยครับ” ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือคนร่างบางได้ยินเสียงของคนร่างสูงจริงๆ ตอนนี้คนร่างบางรู้เพียงว่า แค่เค้าได้ยินเสียงนุ่มๆนี้มันก็ทำให้จิตใจที่แตกร้าวพองโตขึ้นมาอีกครั้ง
“ไป อุคจะไปอยู่กับพี่ พี่เยซองอยู่ที่ไหน อุคจะไปอยู่ที่นั่นกลับพี่ฮะ” ตอบรับคำทันทีที่ได้ยิน ปากบางยกยิ้มกว้างอย่างดีใจ
“ท่าอยากอยู่กลับพี่ ต้องเป็นเด็กดีนะครับ” ในที่สุดภาพของคนร่างสูงก็ปรากฏขึ้นจางๆที่ด้านหลังของคนตัวบาง มือหนาโอบกอดคนรักอย่างแผ่วเบา “นอนพักผ่อนก่อนนะครับ หน้าตัวเล็กดูโทรมไปเยอะเลย ” เอ่ยบอกคนรักอย่างอ่อนโยน มือหนาเอนตัวคนรักลงนอนบนพื้นราบ ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนข้างกาย แขนแกร่งโอบกอดคนรักไว้อย่างที่เคยทำในทุกคืน ความอบอุ่นที่ส่งผ่านมาทำให้ความเหน็บหนาวรอบกายหายสิ้น
“อุคคิดถึงพี่ อุครักี่ที่สุด พี่เยซอง อย่าทิ้งอุคไปไหนอีกนะ” คนตัวบางเอ่ยบอกคนรักพลางซุกหน้าลงแนบอก
“ครับ เราจะไปอยู่ด้วยกันนะครับ พักผ่อนนะครับคนดี” ว่าพลางลูบกลุ่มผมนุ่มอย่างเบามือ ก่อนจะก้มลงจุมพิตที่เปลือกตาบางให้หลับตาลงช้าๆ
“ฝันดีนะครับ” เยซองมองคนรักที่นอนซุกตัวอยู่แนบอกอย่างเอ็นดู ลมหายใจที่ผ่อนเข้าออกอย่างสม่ำเสมอนั้นค่อยๆแผ่วลงเรื่อยๆ
..จนในที่สุดหัวใจที่เคยเต้นก็หยุดทำงานลง
“เราจะไปอยู่ด้วยกันนะครับตัวเล็ก เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป” แก้มอูมๆนั้นยกยิ้มบางๆให้กับคนรัก ก่อนจะหลับตาลงเช่นคนร่างบาง ภาพของคนรักทั้งสองคนที่นอนกอดก่ายกันค่อยๆเลือนรางและจางหายไปช้า
.แม้ร่างกายที่มีจะสูญสิ้นไป แต่ความรักของคนทั้งคู่กับไม่มีวันตาย
..
talk: ตอนนี้กะจะลงฉลองวันเกิดน้องอุค แต่น่าเสียดายจริงๆที่ต้องลงเลทมาจนถึงวันนี้ เป็นเพราะว่าเน็ตที่หอพักดันใช้การไม่ได้เสียอย่างนั้น เอาเป็นว่ายังไงก็มาลงให้อ่านกันแล้วนะคะกับคู่เยเรียว สำหรับเรื่องนี้ก็ไม่ค่อยเศร้าเท่าสองเรื่องที่่ผ่านมานะคะ ไม่รู้ไรเตอร์ฝีมือตกหรืออารมณ์ดราม่ายังไม่มาก็ไม่แน่ใจ 555 อย่าว่ากันนะคะท่าไม่สนุก เพิ่งเคยลองแต่งเยเรียวครั้งแรกจริงๆ ก็เลยว่ามันแปลกๆไปบ้าง อ่านแล้วชอบกันหรือเปล่าก็อย่าลืมเม้นบอกกันบ้างนะคะ ^^ รักรีดเดอร์ทุกๆคนมากค่ะ
ปลใ สุขสันต์วันเกิด คิม รยออุค ขอให้พี่มีความสุขมากๆนะคะ ^^
ความคิดเห็น