คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #17 : Trick 11 ศัตรูหัวใจ...
“กระต่ายขาวววว รอผมด้วยสิครับ ทำไมเดินเร็วอย่างนี้นะ รอด้วยยยย” ขายาวๆวิ่งไล่ตามคนร่างอวบที่รีบจ้ำหนีเค้าเพราะความเขินอายที่โดนเพื่อนล้อ คยูฮยอนส่งเสียงเรียกคนร่างบางตลอดทางจนคนที่เดินผ่านไปผ่านมาหันมามองคนทั้งคู่นี้กันเป็นตาเดียว ทำเอาซองมินยิ่งอายเข้าไปใหญ่ มือบางยกกระเป๋าขึ้นมาปิดหน้าปิดตาตัวเองพลางออกวิ่ง คยูฮยอนเองก็ไม่ยอมแพ้วิ่งไล่จับตามไปราวกับทั้งคู่กำลังถ่ายทำรายการรันนิ่งแมนกันอยู่
“จะตะโกนเรียกฉันทำบ้าอะไรกันเนี่ย นายเสี่ยวเอ๋อ ดูซิคนเค้ามองกันหมดแล้วเนี่ย” ซองมินตะโกนถามคนร่างสูงที่วิ่งไปตะโกนไปไม่หยุดจนทำให้พวกเขาเป็นจุดสนใจกันขนาดนี้
“ซองมินก็หยุดวิ่งสิครับ แฮ่กๆ.. ผมเหนื่อยแล้วนะ หยุดเถอะ” คยูพูดไปก็วิ่งตามไป จนในที่สุดขาที่วิ่งตามก็หยุดชะงักลงด้วยความเหนื่อยอ่อนหลังจากวิ่งตามมานาน ซองมินหันมามองอีกคนที่ทรุดตัวลงนั่งอยู่ไม่ไกล
“เสี่ยวเอ๋อ นายจะมาวิ่งตามฉันทำไมเนี่ย แล้วบ้าหรือเปล่า จะเข็นมาทำไมจักรยานเนี่ย ทำไมไม่ขึ้นไปปั่นเล่า” เมื่อเห็นว่าอีกคนวิ่งตามมาไม่ไหว ถึงขั้นทรุดลงนั่งกับพื้น ซองมินก็อดที่จะเป็นห่วงไม่ได้ ร่างอวบเดินกลับมาหาคนร่างสูงที่หอบแฮ่กๆ อยู่ข้างๆจักรยานที่เจ้าตัวเข็นมาด้วยตลอดทาง
“เออจริงด้วย ลืมคิด....” ร่างสูงเหมือนจะนึกขึ้นได้เมื่อคิดตามคำพูดของคนตรงหน้า ใบหน้าเอ๋อเงยหน้าขึ้นมองคนที่เดินมาเตือนสติ จนซองมินถึงกับหลุดขำกับหน้าของนายเสี่ยวเอ๋อ
“นายนี่มันเสี่ยวเอ๋อสมชื่อเลยจริงๆนะ ตลกจริงๆเลยนายนี่ ฮ่าๆๆ” ซองมินหัวเราะอีกคนที่ปล่อยไก่ตัวเบ้อเริ่มแบบท้องขัดท้องแข็ง
“กระต่ายขาวอ่า อย่าหัวเราะสิครับ ผมก็อายเป็นนะ” คยูเกาหัวอย่างเก้อเขินพลางลุกขึ้นยืนปัดฝุ่นที่ตูดออกหลังจากที่ทิ้งตัวลงนั่งบนพื้นเมื่อครู่
“ก็ท่าทางนายตลกจะตาย ฉันไม่เคยเห็นใครฮาเท่านายมาก่อนเลย มีอย่างที่ไหน มีจักรยานอยู่กับตัวดันวิ่งลากมาแทนที่จะปั่นตามมา 5555” ซองมินยังคงขำไม่หยุด คนร่างสูงจึงต้องดึงตัวอีกคนเข้ามากอดไว้พลางเอามืออีกข้างปิดปากคนร่างบางไม่ให้เสียงหัวเราะหลุดออกมาให้ได้ยิน
“ถ้ากระต่ายขาวยังล้อผม ถ้าผมได้ยินเสียงหัวเราะของกระต่ายขาวแม้แต่คิกเดียว ผมจะหอมแก้มกระต่ายขาวเป็นการทำโทษ” คยูฮยอนกระซิบบอกคนที่ดิ้นพล่านอยู่ในอ้อมกอด ซองมินหยุดชะงักลงพลางสงบปากสงบคำทันทีที่คนร่างสูงขู่บังคับด้วยข้อตกลงนี้
“ซองมินยังจะหัวเราะผมอยู่อีกมั้ยครับ” ร้องถามคนในอ้อมกอดเสียงแผ่ว ร่างกลมส่ายหน้าดิกจนคนร่างสูงถึบกับหลุดขำกับความหวาดกลัวที่คนร่างบางมี
“จะเลิกล้อผมแล้วใช่มั้ย” ซองมินรีบพยักหน้ารับอีกคน คนตัวบางยืนนิ่งไม่กล้าขยับเขยื้อนกลัวว่าจะโดนทำโทษอย่างที่คนร่างสูงขู่เอาไว้
“ดีมากครับ น่ารักมากๆ ผมยอมปล่อยซองมินก็ได้ ..จุ๊บ” ร่างสูงพูดอย่างเอาใจพลางตั้งท่าจะปล่อยอีกคนออกจากอ้อมกอด แต่ก่อนที่มือที่เกาะเกี่ยวอยู่นั้นจะหลุดออกมา ร่างสูงก็รีบฝังจมูกลงบนแก้มนิ่มก่อนเสียฟอดใหญ่
“ไอ้เสี่ยวเอ๋อ!!! ไอบ้านี่ หลอกหอมแก้มฉันอีกแล้วนะ มานี่เลยนะ!!!” ร่างบางร้องลั่นพลางรีบวิ่งตามอีกคนที่กระโดดขึ้นจักรยานแล้วปั่นหนีไปอย่างไว
“หยุดนะเสี่ยวเอ๋อ แฮ่กๆ....มานี่เดี๋ยวนี้เลยนะ” ร่างบางที่วิ่งตามมาเป็นระยะทางที่ค่อนข้างไกล หยุดยืนนิ่งพลางส่งเสียงร้องเรียกคนร่างสูงอย่าง ดูๆแล้วฉากนี้คุ้นๆมั้ยละ ....เหมือนฉากเมื่อกี้เลย แต่แค่สลับคนวิ่งกันก็เท่านั้นเอง555
“เหนื่อยแล้วหรอครับ ผมอุตส่าห์ take course ลดหุ่นให้ซองมินแบบฟรีๆเลยนะ”คยูฮยอนที่หันกลับมามองคนร่างบางที่หยุดวิ่งไล่ตามแล้วนั้นก็รีบปั่นจักรยานกลับมาหาคนที่หยุดวิ่งเพราะเหนื่อย พลางยักคิ้วให้อีกคนอย่างกวน
“นี่นาย !! นายว่าฉันอ้วนหรอ ” ร่างบางชี้หน้าพลางแหวลั่นเมื่อแปลได้ว่าคนตรงหน้ากำลังว่าเค้าอ้วน
“จุ๊ๆ ผมยังไม่ได้พูดเลยนะ ซองมินพูดเองทั้งนั้นเลย ฮ่าๆๆ” ถึงเวลาเอาคืนของคนร่างสูงบ้างแล้วละตอนนี้
“อย่างฉันไม่เรียกอ้วนหรอกย่ะ เค้าเรียกว่าอวบ ขาวๆอวบๆน่ารักจะตาย” ร่างบางเชิดหน้าอวดสรรพคุณตัวเองอย่างภาคภูมิใจ
“จริงด้วย อวบ...อวบระยะสุดท้ายเลย ฮ่าๆๆๆๆ” คยูหัวเราะลั่นเมื่อหลอกว่าอีกคนได้สำเร็จ ความภาคภูมิใจของร่างบางถูกอีกคนขยำมันจนป่นปี้
“เสี่ยวเอ๋อ แกตาย!!!!!” แรงฮึดมหาศาลมาจากไหนไม่รู้ร่างบางกระโดดตะครุบร่างตรงหน้าจนล้มกลิ้งลงไปกับพื้นพลางฟัดกันนัวอยู่กลางถนน
“โอ๊ยๆๆๆ ซองมินอ่า ผมยอมแล้วๆ ...อวบๆแบบนี้น่ารักแล้วครับ จริงๆนะ” คยูร้องลั่นเมื่อโดนอีกคนทั้งหยิกทั้งตีไปทั่วตัว รอยแดงเป็นจ้ำๆปรากฏบนผิวเนื้อขาวของคนร่างสูงที่นอนอยู่ใต้ร่างของกระต่ายตัวกลมที่นั่งคร่อมตัวเค้าเอาไว้...จะว่าไปท่ามันก็ส่อดีเนอะ ออนท๊อปซะด้วย -.,-
“ตายแล้วแม่หนู มาทำอะไรแบบนี้กลางถนน ประเจิดประเจ้อมากๆเลย ผู้ปกครองอยู่ไหนเนี่ย ทำไมไม่ดูแลลูกหลานเลย ปล่อยให้มาทำอะไรน่าเกลียดแบบนี้กลางถนนได้ยังไงกัน” จู่ๆก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาแทรกกลางระหว่างการทะเลาะวิวาทของคนทั้งคู่ ซองมินเงยหน้ามองผู้หญิงที่เข้ามาใหม่ พลางหันกลับมามองตัวเองว่าตอนนี้เค้านั้นกำลังทำอะไรอยู่ พอหันกลับมาเห็นการกระทำของตัวเอง ซองมินก็เด้งผึงขึ้นมาจากตัวคนร่างสูงในทันที
“ไม่ใช่นะครับ อย่าเพิ่งเข้าใจผิดนะ” ร่างบางส่ายหัวเป็นพัลวันว่าตนไม่ได้ทำเรื่องบัดสีอย่างที่อีกคนกล่าวหา
“ลุกขึ้นมาเลยนะ นายนี่มัน ฮึ่ยยย!!!!” ซองมินฉุดอีกคนที่นอนกลิ้งคลุกฝุ่นอยู่ที่พื้นให้ลุกขึ้นยืน พลางชี้หน้าอย่างคาดโทษ
“ขอโทษนะครับที่ทำให้แตกตื่น ขอโทษจริงๆครับ”คนทั้งคู่หันไปโค้งขอโทษคนที่เดินผ่านไปผ่านมารอบๆกับการทะเลาะวิวาทที่เกิดขึ้น
“เพราะนายคนเดียวเลยเสี่ยวเอ๋อ ดูซิเนี่ยตัวฉันมอมแมมไปหมดเลย แล้วไหนจะสายตาคนที่เดินผ่านไปผ่านมาอีก ตายๆๆๆ ฉันจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนเนี่ย” มือบางปัดฝุ่นที่เลอะชุดนักศึกษาสีขาวออกจากตัวพลางต่อว่าคนร่างสูงที่ยืนปัดอยู่ข้างๆไปด้วย
“อะไรกัน ซองมินนั่นละกระโดดมาทับผมก่อน” ร่างสูงยังคงเถียง เมื่อเรื่องเกิดแล้วความผิดกลับถูกโยนมาที่ตนเพียงคนเดียว
“ก็ถ้านายไม่ว่าฉันอ้วน ฉันจะโดดทับนายมั้ยเล่า ชิ คุยแล้วอารมณ์เสียจริงๆ ไม่คุยด้วยแล้ว ไปล้างเนื้อล้างตัวดีกว่า” ซองมินว่าพลางเดินเข้าไปในสนามเด็กเล่นที่ตนมากับคนร่างสูงเมื่อตอนเดทกันครั้งก่อน ร่างบางเดินไปเปิดก๊อกน้ำสาธารณะพลางวักน้ำขึ้นล้างเนื้อล้างตัวที่มีแต่ฝุ่นจากพื้นถนน
“กระต่ายขาวอ่า โกรธผมหรอ ....ขอโทษนะครับ” คยูฮยอนเดินเข้ามาง้อคนตัวอวบที่ยืนล้างหน้าอยู่ ซองมินเชิดหน้าหนีอีกคน มือบางลูบไล้น้ำเย็นๆไปตามเนื้อตามตัว ทำเป็นเมินอีกคนที่เดินมาง้อ
“ดีกันเถอะนะๆๆๆ นะ ซองมินนะ” มือหนาเขย่าแขนอวบเบาๆง้องอนให้อีกคนยอมคืนดีด้วยแต่ก็ไม่เป็นผม เมื่อร่างอวบๆตรงหน้ายังยืนนิ่งทำเหมือนเค้าเป็นธาตุอากาศอยู่
“ซองมินๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” คนร่างสูงกระหน่ำรัวเรียกชื่อคนร่างบางไม่หยุดปากจนซองมินต้องหันมามองหน้า
“ฉันรู้น่าว่าฉันชื่อซองมิน จะเรียกทำป้าอะไรนัก มีอะไร ...เรียกอยู่ได้” ร่างบางบอกอย่างติดจะรำคาญที่อีกคนไม่ยอมหยุดเรียกชื่อเค้าเสียที
“มี...มีไรอยู่ในจั๊ก!” ยังคงตามสเต็ปกับการง้อด้วยมุกเสี่ยวของโขว คยูฮยอน
“จั๊ก? ขั๊กกะแร้นายอ่าหรอ แล้วนายมาบอกฉันทำบ้าอะไร ก็ไปเอาออกซะสิ ถ้าคันนักก็ไปเอาน้ำมาล้าง จะมายืนเรียกชื่อฉันเพื่อ?” ซองมินร้องถามอีกคนอย่างไม่เข้าใจ เมื่อกี้ยังง้ออยู่ดีๆ นี่มาเปลี่ยนเรื่องไปเป็นจั๊กกะแร้เฉยเลย
“โธ่ ไม่ใช่มีอะไรอยู่ในจั๊กกะแร้ ผมหมายถึง มีไรอยู่ในจั๊ก มีรักอยู่ในใจ ต่างหากละครับ ฮิ้ววววว~~” ยังจะหน้าด้านเล่นจนได้ ซองมินละเพลีย
“ช่วยหยุดเสี่ยวสักนาทีได้ไหมนายเนี่ย” แม้ปากจะต่อว่าแต่แก้มอูมๆนั้นก็ห้ามไม่อยู่จริงๆที่จะอมยิ้มจนเต็มแก้มกับมุขที่ปล่อยมาผิดที่ผิดเวลาแบบนี้
“แน่ะๆๆ ทำเป็นว่าเราเสี่ยว ตัวเองก็ชอบเถอะ ยิ้มใหญ่เลยๆๆ อันแหน่ะๆ” คยูจิ้มแก้มป่องๆของกระต่ายขาวตัวอวบที่กลั้นยิ้มซะแก้มบวมเป่งอย่างล้อเลียน
“บ้าหรอ ใครว่าฉันชอบมุขเสี่ยวๆของนายกัน ฉันแค่ผะอืดผะอมจะอ้วกกับมุขเลี่ยนๆของนายต่างหากเล่า” ว่าพลางเดินหนีอย่างเขินๆ ร่างอวบเดินไปทิ้งตัวลงนั่งที่ชิงช้าไม้ที่ใหญ่พอจะรองรับตูดหนักๆนี้ได้ คยูเองก็ไม่รอช้าที่จะเดินตามคนร่างบางไปเช่นกัน
“กระต่ายขาวรู้อะไรมั้ย...เวลาที่กระต่ายขาวยิ้มแบบนี้ มันน่ารักมากเลยรู้หรือเปล่า” คยูฮยอนเดินมาหยุดยืนหน้าชิงช้าของคนร่างบาง มือหนาเกาะโซ่ที่อีกคนกำลังแกว่งไกวให้หยุดลง พลางเอ่ยบอกอีกคนให้รู้ตัวว่าตัวเองนั้นน่ารักขนาดไหน
“เวลาที่ซองมินอมยิ้ม แก้มจะบวมขึ้นมาแบบนี้ น่ารักสุดๆไปเลยละ” มือหนาลูบไล้แก้มอีกคนที่พองลมขึ้นมาอย่างน่ารัก พลางเอ่ยชมอย่างที่ใจคิด หน้าหวานเจือสีแดงระเรื่ออย่างเขินๆที่อีกคนมาชมกันต่อหน้าต่อตาแบบนี้
“บ้า >////<” ซองมินเสมองทางอื่นไม่กล้าสบสายตาของคนที่จ้องมองมาแบบไม่วางตา
“อ่ะ...ผมให้” จู่คยูฮยอนก็ยื่นอมยิ้มมาให้คนร่างบาง ซองมินหันมามองของในมือคนร่างสูง คิ้วเรียวเลิ่กขึ้นสูงเป็นเชิงถาม
“กินแล้วจะได้อมยิ้มให้กันบ่อยๆ....” ว่าพลางยิ้มหวานส่งอมยิ้มให้คนร่างบางที่มองตนตาไม่กระพริบ
‘กินแล้วจะได้อมยิ้มให้กันบ่อยๆนะ’ ภาพของเด็กผู้ชายตัวเล็กที่ยืนส่งอมยิ้มให้เค้าด้วยรอยยิ้มในความทรงจำซ้อนทับไปกับภาพของคนร่างสูงตรงหน้า ถ้อยคำที่เคยได้ยินเมื่อในอดีตวันนี้เค้ากลับมาได้ยินมันอีกครั้ง หลังจากที่ห่างหายไปกว่า 10 ปี
“นายอมยิ้ม....” ร่างบางพึมพำเรียกชื่อคนในความทรงจำเบาๆ มือบางยื่นไปรับอมยิ้มจากมืออีกคน ดวงตากลมโตยังคงจ้องมองคนตรงหน้าไม่ละสายตา หยดน้ำสีใสเอ่อคลอรอบดวงตาเมื่อเห็นภาพของคนที่ตนตามหามานานนับ 10 ปี
“ครับ?...กระต่ายขาวเรียกผมว่าอะไรนะ” เสียงทุ้มดึงคนร่างอวบออกมาจากภวังค์จินตนาการเมื่อครู่ให้กลับมาสู่โลกแห่งความจริง
“คยู....” เมื่อมองหน้าชัดๆว่าเป็นใคร เสียงใสที่ติดจะสั่นเครือก็ร้องเรียกชื่อคนตรงหน้าออกมาแทน ดวงตาคู่สวยสั่นระริกวาวไปด้วยหยาดน้ำที่เตรียมจะล่วงหล่นลงมาได้ทุกเมื่อ เมื่อคิดถึงเรื่องราวในอดีต
“ซองมินเป็นอะไร ....ทำไมทำหน้าเหมือนจะร้องไห้อย่างนั้นละ ผมทำอะไรผิดหรือเปล่า เป็นอะไรครับ ร้องไห้ทำไม” ร่างสูงร้องถามอย่างตกใจเมื่อจู่ๆอีกคนก็ร้องไห้ออกมาเสียเฉยๆ
“เปล่าๆ ....มันก็แค่เรื่องบังเอิญน่ะ เรากลับกันเถอะ ฉันอยากกลับบ้านแล้ว” ว่าพลางลุกขึ้นเดินนำอีกคนออกมาไปจากสนามเด็กเล่น คยูฮยอนได้แต่มองตามแผ่นหลังบางไป ขายาวๆค่อยๆก้าวตามคนที่อารมณ์เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงอย่างงงๆ
ระยะทางจากสนามเด็กเล่นถึงบ้านของสามลีนั้นไม่ได้ไกลเลย แต่ทำไมวันนี้มันช่างไกลในความรู้สึกของคนทั้งคู่นักนะ บรรยากาศความเงียบแผ่ปกคลุมไปทั่วเส้นทางที่คนร่างสูงปั่นจักรยานผ่าน ดอกไม้สีสดที่ขึ้นตามข้างทางดูหม่นลง เมื่อคนที่นั่งซ้อนท้ายอยู่ด้านหลังของเค้าเอาแต่เงียบมาตลอดทาง จนเค้าไม่กล้าที่จะชวนคุย
“ขอบใจนะที่ขี่มาส่ง กลับบ้านดีๆละ....ฝันดีนะ” ดวงตาสวยดูหม่นลงอย่างเห็นได้ชัด รอยยิ้มที่เคยมีจางๆบนใบหน้าหวานกลับกลืนหายไปหลังม่านน้ำตาเมื่อครู่ ซองมินเอ่ยลาคนมาส่งพลางตั้งท่าจะเข้าบ้าน แต่กลับมีมืออีกคนมารั้งไว้เสียก่อน
“เป็นอะไรไปครับ ทำไมถึงดูเศร้าแบบนี้ละ ...ผมทำอะไรผิดหรือเปล่า” ร่างสูงถามอย่างไม่เข้าใจ เค้าทำอะไรผิดงั้นหรอ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน ??
“ไม่มีอะไรหรอก นายกลับเถอะ เดี๋ยวดึกแล้วมันจะอันตรายนะ” เมื่ออีกคนไม่ยอมบอกอะไร เค้าก็คงจะเค้นอะไรไม่ได้มากเมื่อเจ้าตัวไม่อยากจะเล่า
“ครับ ฝันดีนะซองมิน” ร่างสูงบอกลาพลางปล่อยแขนคนร่างอวบให้เดินกลับเข้าไปในบ้าน
“ผมต้องรู้ให้ได้ว่าซองมินเป็นอะไร ...ทุกครั้งที่เราไปสนามเด็กเล่นนั่น ทำไมแววตาของซองมินถึงได้ดูเศร้าแบบนี้ตลอด ถ้าถึงขั้นร้องไห้แบบนี้มันคงไม่ธรรมดาแล้วสินะ แล้วอมยิ้มนั่นอีกละ มันต้องมีอะไรแน่ๆ ...ผมต้องรู้ให้ได้” ร่างสูงว่าอย่างหมายมั่น ความลับครั้งนี้เค้าจะต้องไขมันให้ได้แน่นอน!!!
แต่บางครั้งการที่เราไปขุดความลับในอดีตขึ้นมาก็อาจจะไปสะกิดแผลในใจของใครบางคนก็เป็นได้นะ โจว คยูฮยอน......
(ต่อ)
“แก.... นั่นใช่สวยสังหารของแก๊งค์สามดาวหรือเปล่าน่ะ // น่าจะใช่นะแก สวยดุอย่างที่เค้าลือกันจริงๆนั่นล่ะ ดูๆแล้วก็ชักจะน่ากลัวเนอะแก” เสียงผู้หญิงสองคนที่ซุบซิบนินทากัน ลอยมาเข้าหูแม่สาวสวยสังหารที่วันนี้มานั่งอยู่ที่โรงเรียนมัธยมที่ตัวเองจบไปเมื่อหลายปีก่อน ตาคมที่กรีดอายไลน์เนอร์อย่างหนาตวัดมองคนทั้งคู่อย่างดุๆ เป็นผลให้สองสาวนั้นรีบจรลีหนีหายไปในทันใด
“เฮ้อ~~ นายเลิกเรียนหรือยังเนี่ยคิบอม ฉันเบื่อจะนั่งฟังเสียงคนพวกนี้ซุบซิบนินทาจะแย่อยู่แล้ว” ร่างบางถอนหายใจอย่างเหนื่อยๆกับการต้องมานั่งฟังคนที่เดินผ่านไปผ่านมาซุบซิบนินทาด้วยเสียงที่ไม่ได้เบาเลยซักนิด
‘เลิกเรียนหรือยัง ฉันรอนายอยู่ที่ม้านั่งหน้าแป้นบาสนะ’ มือบางกดยุกยิกๆก่อนจะส่งข้อความไปหาคนที่ตนเองกำลังรออยู่
‘มารับผมจริงๆด้วย นูนาน่ารักที่สุด ขึ้นมาหาผมที่ห้องสิครับ 3-A นะ’ ไม่นานนักก็มีเสียงเตือนข้อความเข้า ดงเฮอ่านข้อความภายในพลางลุกขึ้นเดินไปหาคนร่างสูงที่ห้อง หลายๆคนที่กำลังมองคนร่างบางอยู่ห่างๆ แม้ว่าจะชื่นชมในความสวย แต่ก็หวาดกลัวกับความสวยที่น่ากลัวนี้ ...สมแล้วที่ได้ฉายาว่า สวยสังหาร !!!
“ก๊อกๆๆ....คิบอม” มือบางเคาะประตูห้องเรียน พลางเลื่อนเปิดเข้าไปด้านใน หัวเล็กๆชะโงกดูภายในห้องก็เห็นคิบอมกับเด็กผู้หญิงอีกคนที่อยู่ในห้องด้วยกัน
“คิบอม สอนภาษาอังกฤษตรงนี้ให้ซองอึนหน่อยสิ” หญิงสาวยื่นสมุดแลคเชอร์ที่เรียนวันนี้ให้คนร่างสูงดูพลางลากเก้าอี้เข้าไปนั่งข้างๆชายหนุ่มที่กำลังเก็บกระเป๋าเตรียมจะกลับบ้าน
“อ่า...ซองอึนไม่เข้าใจที่อาจารย์สอนวันนี้หรอ?” คิบอมหันมาถามอีกคนที่จ้องมองมาตาแป๋วพลางส่ายหน้าช้าๆอย่างน่ารัก แต่ดูแล้วในสายตาลีดงเฮ มันจะดูหน้าหมั่นไส้มากกว่านะ
“อ่า เดี๋ยวสอนสักแปปนึงก็ได้ ได้แปปเดียวนะ พอดีว่าฉันมีนัดน่ะ” คิบอมว่าพลางวางกระเป๋าลงบนเก้าอี้ตัวเดิม ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งข้างๆหญิงสาวเพื่อสอนเนื้อหาภาษาอังกฤษในวันนี้ให้หล่อน
“ขอบคุณนะคิบอม นายใจดีที่สุดเลย” หญิงสาวยิ้มหวานอย่างมีความสุข ปากก็เอ่ยเจื้อยแจ้วถามนู่นถามนี่ แต่ตานี่จ้องมองคนตรงหน้าราวกับจะกลืนกินเข้าไปเสียให้ได้
“เข้าใจหรือยังตรงนี้ มีอะไรจะถามอีกหรือเปล่า หืม?” คิบอมที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาอธิบาย ไม่ได้สนใจสายตาแทะโลมที่หญิงสาวส่งมาให้แม้แต่น้อยเอ่ยถามเมื่อสรุปเนื้อหาสำคัญให้จนหมดแล้ว
“มี...คิบอมมีแฟนหรือยังอ่า” ถามคำถามนอกบทเยนที่คาใจเสียเหลือเกิน
“ไม่เกี่ยวกับเนื้อหาสักหน่อย ถามทำไมหรอ”
“เปล่า ก็แค่อยากรู้ เห็นคนมาชอบตั้งเยอะแยะ เลยอยากรู้ว่าคิบอมมีแฟนหรือยัง ไม่เห็นคบกับใครที่เข้ามาหาสักคน”
“แฟนหรอ...ยังไม่มีหรอก แต่... // จริงหรอ คิบอมยังไม่แฟนหรอ” ยังไม่ทันที่คนร่างสูงจะพูดจบประโยค หญิงสาวก็ลุกขึ้นมากระโดดโลดเต้นแสดงความดีใจอย่างออกนอกหน้าเสียก่อน มือบางเกาะแขนแกร่งแน่นพลางถูไถหัวกับต้นแขนที่มีแต่มัดกล้าม
“คิบอม!!!” ดงเฮที่ยืนสังเกตการณ์อยู่นานเดินเปิดประตูเข้ามาในห้องเพื่อขัดจังหวะการลวนลามผู้ชายของหญิงสาวคนนี้อย่างชัดเจน คิบอมยิ้มหวานทันทีที่เห็นว่าใครเข้ามาหาตนที่ห้อง มือหนาแกะแขนที่เกาะหนึบออกจากตัวพลางเดินเข้าไปรับอีกคน
“มาแล้วหรอครับ ให้รอตั้งนาน ทำไมพึ่งขึ้นมาละครับ” ความสนใจทั้งหมดพุ่งเป้าไปที่ชายหนุ่มหน้าสวยดุที่มาใหม่ ซองอึนได้แต่ยืนมองคนทั้งคู่ที่ยิ้มหวานให้กัน โดยที่ไม่มีใครสนใจตนเลย
“อ้อ พอดีมัวยืนดูนกกระจอกจิกหนอนของคนอื่นกินอยู่น่ะ” ว่าอย่างกระแทกกระทั้นใส่หญิงสาวอีกคนที่ยืนอยู่ให้ดูมีตัวตนขึ้นมาบ้าง
“อ่า...มันน่าสนใจขนาดนั้นเลยหรอครับ ผมว่ามันดูน่ากลัวมากกว่านะ”
“น่ากลัวสิ น่ากลัวมากเลยละ ดีนะฉันมาไล่นกตัวนั้นทัน เลยไม่โดนขโมยไปน่ะ”
“เอาเถอะๆ เรากลับกันดีกว่าคิบอม ฉันอยากกลับแล้วล่ะ เดี๋ยวขากลับเราแวะซื้อเครปหน้าโรงเรียนกันก่อนนะ ฉันอยากกินไม่ได้กินนานมากแล้วอ่า” ดงเฮว่าพลางเดินเข้าไปควงแขนอย่างออดอ้อนแสดงความเป็นเจ้าของอย่างเต็มที่ หน้าสวยหันมายักคิ้วให้หญิงสาวเพียงหนึ่งที่ยืนดีดดิ้นอยู่ด้านหลังอย่างกำชัย
“คิบอม ซองอึนกลับบ้านก่อนนะ ไว้พรุ่งนี้เจอกันนะ” ซองอึนรีบคว้ากระเป๋าพลางเอ่ยลาชายหนุ่มที่พยักหน้ารับอย่างไม่ได้ใส่ใจอะไร
“ฉันไม่ยอมแพ้เธอหรอกนะ ฝากไว้ก่อนเถอะ....” ก่อนไปยังไม่วายมากระซิบขู่
“กลัวจังเลย ~~ รีบๆมาเอาคืนนะ ไม่รับฝากนาน เดี๋ยวเสียดอก!!!” ดงเฮยิ้มหวานรับคำขู่ พลางทำท่าว่ากลัวจนตัวสั่นอย่างกวนประสาท ซองอึนได้แต่ทำหน้าปั่นปึงเดินกระทืบเท้าปึงปังออกไปจากห้องด้วยความโมโห
“อะไรกันหรอครับนูนา” คิบอมหันมาถามอีกคนอย่างสงสัย แต่ก็ได้รับการส่ายหน้ามาแทนคำตอบ
“เปล่า ไม่มีอะไรหรอก เราไปกันเถอะคิบอม อยากกินเครปแล้ว~~~” คิบอมเดินกลับไปหยิบกระเป๋าที่โต๊ะพลางเดินกลับมาจับมืออีกคนให้ออกไปด้วยกัน
“คิบอม...เดี๋ยว!!!” ร่างบางมองสำรวจทั่วตัวอีกคน ก่อนจะสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติบางอย่าง มือบางดึงด้ายสีแดงที่โผล่พ้นออกมานอกกระเป๋ากางเกงนักเรียนของคนร่างสูงออกมา
‘หนอยยยย นึกว่าใสซื่อ เห็นแอ๊บซะ นี่ก็ใช่ย่อยนะเนี่ย’ ด้ายแดงก้อนกลมที่ถูกปั้นไว้แล้วยัดใส่กางเกงของคนร่างสูงเอาไว้ ถ้าเป็นคนธรรมดา มันก็จะเป็นเพียงด้ายแดงธรรมดาๆ ...แต่สำหรับเจ้าแม่คาถาอย่างลีดงเฮแล้วนั้น มันไม่ใช่ของธรรมดาแน่นอน
‘คาถาใกล้ชิดรักแท้ ....นำด้ายแดงปั้นเป็นก้อนกลมตั้งจิตอธิษฐานขอให้เราได้อยู่ใกล้รักแท้ นำไปใส่ไว้ที่กระเป๋าของคนที่แอบชอบ แล้วความรักครั้งนี้จะสมหวัง ข้อควรระวัง ต้องห้ามผู้ใดพบเห็นหรือดึงด้ายแดงนี้ออกยกเว้นคนที่เราแอบชอบเท่านั้น’
“นี่อะไรหรอครับนูนา” คิบอมมองด้ายสีแดงเส้นเล็กในมือของคนข้างกายพลางเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าดงเฮเอาแต่ยืนจ้องมัน
“อ้อ ก็แค่เศษด้ายน่ะคิบอม ไม่มีอะไรหรอก เราไปกันเถอะ” มือบางยัดด้ายแดงลงกระเป๋าของตัวเอง พลางควงแขนชายหนุ่มออกจากห้องเรียนห้องนี้ไป...
‘ เธอยังอ่อนหัดนัก ลีซองอึน อย่าคิดมาลองดีกับคนอย่างฉัน!!! ’
“กลับดึกจังนะดงเฮ ไปไหนมาละ ไม่ได้เข้าเรียนไม่ใช่หรอวันนี้” อึนฮยอกเดินออกมาจากครัวพลางเอ่ยทักคนร่างบางที่เพิ่งจะกลับถึงบ้าน
“พอดีไปรับคิบอมที่โรงเรียนน่ะ แล้วก็เลยไปหาอะไรทานด้วยกันเลย แล้วนี่มินนี่ยังไม่กลับบ้านอีกหรอ เห็นคิบอมบอกว่านายเสี่ยวเอ๋อไปรับตั้งแต่เมื่อเย็นนี่นา” ดงเฮถามถึงเพื่อนอีกคนที่วันนี้ไม่เห็นออกมายืนดุอยู่หน้าบ้าน ทั้งๆที่ปกติแล้วถ้าเค้าหรืออึนฮยอกกลับบ้านดุ จะมีซองมินมายืนเท้าเอววีนอยู่หน้าบ้านเป็นประจำ
“รายนั้นกลับบ้านมาคนแรกเลย นู่น ขึ้นไปนอนแล้วละ ไม่รู้วันนี้เป็นอะไร นอนเร็วผิดปกติ ดูเซื่องๆซึมๆยังไงก็ไม่รู้ ฮยอกก็เป็นห่วงอยู่เนี่ย” บอกเพื่อนอีกคนที่เพิ่งกลับมาให้ช่วยกันดูกระต่ายตัวอวบที่วันนี้ทำหน้าเหมือนกระต่ายป่วย
“ไว้พรุ่งนี้เราค่อยถามแล้วกันเนอะ ซองมินคงเครียดอะไรนิดหน่อยเหมือนอย่างเคยนั่นละ ให้มินนี่พักผ่อนให้พอก่อน เกิดอะไรขึ้นเราค่อยมาเค้นเอาพรุ่งนี้”
“อืม เอาอย่างนั้นก็ได้ ...แล้วนี่ด๊องทานข้าวมาแล้วใช่มั้ย จะทานอะไรอีกหรือเปล่า ฮยอกจะได้หาให้”
“ไม่เอาแล้วละ ฮยอกไปอาบน้ำนอนเถอะ เดี๋ยวด๊องทำอะไรอีกนิดหน่อยแล้วจะตามไปนะ” ดงเฮดันหลังเพื่อนให้เดินขึ้นไปพักผ่อนที่ชั้นสองของบ้าน เมื่อเห็นว่าเพื่อนหายขึ้นไปบนห้องเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ร่างบางก็ค่อยๆควักด้ายแดงที่เก็บเอาไว้ออกมาจากกระเป๋า
“ฉันจะทำให้ความรักของเธอขาดสะบั้นให้ดู ลีซองอึน หึหึ~~” เสียงหัวเราะอันน่ากลัวพร้อมแววตาโหดเหี้ยมจ้องมิงด้ายแดงในมือพลางแสยะยิ้ม มือบางอีกข้างเอื้อมไปคว้ากรรไหรที่วางอยู่บนชั้นมาตัดด้ายแดงทิ้งเป็นเส้นๆแบบขาดสะบั้น
“หึหึ ฮ่าๆๆ”เท้าเล็กบดขยี้ลงบนเศษได้ที่กองอยู่ที่พื้นพลางหัวเราะลั่น ก่อนที่คนร่างบางจะโกยมันไปทิ้งในถังขยะ (เดี๋ยวซองมินตื่นมาดุเอา ...เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า เหนือดงเฮยังมีซองมินที่น่ากลัวกว่า....)
“โอ๊ะ โอวววว วันนี้มันข้างขึ้น 15 ค่ำนี่นา ~~ ได้เวลาสนุกแล้วสิ ๆๆ” ร่างบางที่เหลือบไปเห็นปฏิทินที่ใช้ดูข้างขึ้นข้างแรมสำหรับดูฤกษ์ถึงกับยิ้มหวาน เมื่อวันนี้เป็นวันข้างขึ้นที่พระจันทร์ดวงโตจะกลมสวยลอยเด่นอยู่บนท้องฟ้า ดงเฮคว้าผ้าเช็ดตัวไปอาบน้ำอาบท่าชำระร่างกายก่อนทำพิธีในคืนนี้
ไม่นานนักร่างบางก็ออกมาพร้อมกับชุดคลุมตัวยาวสีขาวเหมือนชุดกราวน์ของคุณหมอ แต่ชุดนี้ดูขลังกว่ากันเยอะ เหมือนหมอนะ ...หมอผีน่ะ
“ พอดีเลยละยัยซองอึน ปกติแล้วฉันจะทำพิธีเสริมความสวยให้ตัวเองในวันข้างขึ้นนะ แต่วันนี้พิเศษสำหรับเธอเลยจริงๆ ฉันจะทำให้เธอรู้ ว่าเธอไม่มีทางชนะฉันได้แน่นอน เพราะคิมคิบอม คือเนื้อคู่ของฉันเท่านั้น!!! ”
‘ฉันเก่งกว่า ฉันสวยกว่า ฉันมีดีกว่า .....ๆๆๆๆ’ ดงเฮกางกระดาษสีขาวแผ่นใหญ่ลงบนพื้นสนามหญ้าบริเวณที่แสงจันทร์ตกกระทบพอดิบพอดี มือบางหยิบพู่กันอันใหญ่มาจุ่มลงบนหมึกสีแดง พลางตวัดเป็นชื่อของศัตรูหัวใจลงบนกระดาษ ภายในก็ตั้งจิตอธิษฐานอย่างตั้งมั่นว่าตนเองนั้นมีดีกว่า
‘ลี ซองอึน’ ลายมือสวยตวัดลงบนกระดาษขาวอย่างงดงาม ตัวหนังสือหนาสีแดงเข้มดังเลือดปรากฏให้เห็นผ่านการสะท้อนของแสงจันทร์ เรียวปากอิ่มยกยิ้มอย่างพอใจกับผลงานตรงหน้า มือบางวางพู่กันลงก่อนจะหยิบแผ่นกระดาษแล้วชูขึ้นหาดวงจันทร์
“ข้า ลีดงเฮ มีดีกว่าลี ซองอึนคนนี้ นับร้อยนับพันเท่า แคว่กกก!!!” มือบางฉีกกระดาษแผ่นโตจนขาดออกจากกัน นิ้วเรียวขยำเศษกระดาษที่ถูกฉีกเป็นชิ้นๆปั้นเป็นก้อนกลมพลางขุดหลุมที่สนามหญ้าหลุมเล็กๆก่อนจะโยนมันลงไปแล้วกลบดินซ้ำ เท่านี้ก็เป็นอันเสร็จพิธีสำหรับค่ำคืนนี้แล้วล่ะ....
....เช้าวันรุ่งขึ้น....
“นูนาครับ !!! ตื่นหรือยัง นูนา....” คิบอมที่เตรียมตัวจะไปโรงเรียนแต่เช้าตะโกนเรียกคนที่อยู่บนบ้านเสียงสนั่น อึนฮยอกที่ความรู้สึกไวกว่าลุกขึ้นจากเตียงพลางเดินไปเปิดม่านที่ระเบียงดูว่าใครกันมาตะโกนเรียกแต่เช้า
“ใครน่ะ!!! อ้อ นายนั่นเอง มาหาดงเฮหรอ ฮ้าววว” ร่างบางขยี้ตาปรับแสงและโฟกัสพลางเพ่งมองคนที่ยืนอยู่หน้าประตูบ้านว่าเป็นใคร ชายหนุ่มในชุดนักเรียน 2 คนยืนอยู่หน้าบ้านเหมือนอย่างทุกวัน จำได้คนนึงชื่อคยูฮยอน อันนั้นแฟนของซองมิน ส่วนอีกคนที่แหกปากอยู่นั่นน่าจะเป็นคิมคิบอม เนื้อคู่ของดงเฮสินะ
“พี่สาวคนสวยครับ พี่ดงเฮตื่นหรือยังครับ” คิบอมยิ้มหวานให้พี่สาวคนสสวยที่โผล่หน้าออกมาที่ระเบียงพร้อมกับชุดนอนสีหวานแหววลายดอกไม้
“ยังหรอก เดี๋ยวพี่ปลุกให้นะ พวกนายปีนรั้วเข้ามาคอยด้านในก่อนแล้วกันนะ โดดมาทางรั้วข้างๆบ้านพี่ฮันนั่นละ” อึนฮยอกชี้ไปที่รั้วเล็กๆที่เป็นขอบระหว่างบ้านตัวเองกับบ้านของพี่ชายข้างบ้านคนทั้งคู่ดู ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้องเพื่อปลุกอีก 2 คนให้ตื่นเตรียมตัวไปเรียน
“ดงเฮอ่า ...ดงเฮ ตื่นได้แล้ว เนื้อคู่มาหาน่ะ ดงเฮ....” มือบางเขย่าตัวอีกคนที่นอนอืดอยู่บนเตียงให้ลุกจากที่นอน
“หืม...อะไรนะ” ดงเฮลุกขึ้นมานั่งด้วยความงัวเงียพลางเอ่ยถามอึนฮยอกที่ดูเหมือนสติจะยังไม่เต็ม 100 พอกัน
“เนื้อคู่ของด๊องอ่า รออยู่ข้างล่าง รีบๆไปอาบน้ำแล้วไปส่งเด็กในสังกัดเข้าเรียนได้แล้ว ” ว่าพลางทิ้งตัวลงนอนบนเตียงของตัวเองต่อ เพราะวันนี้อึนฮยอกไม่มีคลาสที่จะต้องไปเรียน
“ฮยอกอ่า...มินนี่ละ เรายังไม่ได้คุยกับมินนี่กันเลยนะ ตื่นขึ้นมาก่อนสิ ไปช่วยกันปลุกมินนี่ก่อน เร็ววววว” ดงเฮลุกขึ้นมาแงะเพื่อนออกจากเตียงประหนึ่งแกะหอยนางรมออกจากเปลือก สองร่างชวนกันเดินไปที่เตียงของเพื่อนกระต่ายที่คลุมโปงซะมิด
“1...2...ซั่ม!!!” ทั้งคู่ให้สัญญาณกันและกันพลางทิ้งตัวลงกระโดดทับร่างที่นอนอยู่บนเตียง แต่ 2 คู่หูก็ถึงจุกเมื่อกระโดดลงมาแล้วกลับไม่เจอเจ้าตัว เลยกระแทกโดนเตียงแข็งๆแทนที่จะเป็นเนื้อนิ่มของคนตัวอวบ
“อ้าว ไม่อยู่นี่ ไปไหนของเค้านะ” ดงเฮเปิดผ้าห่มออกดูก็เห็นแต่หมอนข้างลายกระต่ายที่นอนแน่นิ่งอยู่ใต้ผ้าห่ม พลางหันไปถามเพื่อนอีกคนอย่างสงสัย
“ก็ตื่นมาพร้อมกัน ถามฮยอกแล้วฮยอกจะไปถามใครเล่า มินนี่คงลุกไปเตรียมอาหารเช้าละมั้ง ไปๆ อาบน้ำอาบท่าก่อน ปล่อยพ่อเนื้อคู่อยู่ข้างล่างนานๆเดี๋ยวเหี่ยวกันพอดี” อึนฮยอกว่าพลางดันหลังเพื่อนให้เข้าไปจัดการตัวเองในห้องน้ำ ส่วนตนก็เดินไปทิ้งตัวลงนอนฆ่าเวลาอยู่บนเตียงนุ่มเหมือนเดิม
“คิบอมมมมม” เสียงใสตะโกนดังมาก่อนตัวเรียกให้คนร่างสูงที่ยืนรออยู่ที่สนามหญ้าหน้าบ้านต้องรีบวิ่งมาเกาะประตูบ้าน
“อ่า นูนาตื่นแล้ววววว เปิดประตูให้ผมหน่อยสิครับ” มือหนาเคาะกระจกให้อีกคนเปิดประตูให้เข้าไปในบ้าน ดงเฮเดินไปเปิดประตูบ้านเชื้อเชิญแขกเข้ามานั่งด้านในระหว่างที่ตนทานอาหารเช้า
“อ้าวคยู นายก็มาด้วยหรอ แล้วนี่กินอะไรกันมาหรือยังอ่า กินด้วยกันมั้ย ...อ่า มินนี่ไม่ได้ทำอะไรเผื่อไว้เลย มีแค่แซนวิชสองอันเอง ...มินนี่ๆๆๆ” ดงเฮร้องเรียกเพื่อนที่น่าจะอยู่ในครัวให้ แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับใดๆกลับมา
“ซองมินตื่นแล้วหรอครับ” คยูฮยอนเอ่ยถามอีกคนที่เดินหาเพื่อนจนทั่วบ้านแต่ก็ไม่พบร่างอวบๆเหมือนอย่างทุกวัน
“ไปไหนของเค้าแต่เช้านะ” เดินไปเดินมาก็มาหยุดหน้าตู้เย็นที่มีโพสต์อิสของเพื่อนแปะไว้
‘ฉันออกไปทำงานตอนเช้า มีเรียนต่อตอนบ่าย อาหารเช้าวางไว้ให้แล้ว อย่าลืมทานก่อนไปเรียนนะ’ โน้ตที่สิ้นสุดแค่นี้ ไม่ได้บอกรายละเอียดอะไรมากมายนัก ดงเฮเดินกลับมาหาพ่อสองหนุ่มที่นั่งคอยอยู่พลางยื่นโน้ตให้อ่าน
“ซองมินต้องหลบหน้าผมแน่ๆเลย เมื่อคืนโทรหาก็ไม่ยอมรับ โทรหาตอนเช้าก็ไม่รับอีก ข้อความก็ไม่ตอบ ต้องเป็นเพราะเรื่องเมื่อวานแน่ๆเลย” คยูว่าอย่างสันนิษฐานพลางคิดไปถึงเหตุการณ์เมื่อวาน ครั้งแรกกับการได้เห็นน้ำตาของคนที่มักจะด่าเค้าปาวๆอยู่เสมอ
“เมื่อวาน? เกิดอะไรขึ้นหรอ ฉันเห็นมินนี่ซึมๆมาตั้งแต่เมื่อวานแล้วเหมือนกัน กลับมาถึงก็ไม่พูดไม่จา ข้าวปลาไม่กิน พุ่งขึ้นเตียงนอนไปเลย ถามอะไรก็ไม่ยอมตอบ นายไปทำอะไรเพื่อนฉันงั้นหรอ” อึนฮยอกที่เดินลงมาได้ยินบทสนทนาเอ่ยถามอีกคนอย่างสงสัยปนไม่พอใจนิดๆ
“เปล่านะครับ ไม่ได้ทำอะไรเลยจริงๆ แต่อยู่ๆเค้าก็ร้องไห้ออกมาเฉยเลย ผมยังงงๆอยู่เลยว่าเค้าเป็นอะไร”
“ร้องไห้เหรอ? ปกติซองมินไม่ค่อยร้องไห้หรอกนะ อยู่กับพวกเรามาตั้ง 5-6 ปี นับได้เลยว่าร้องไห้กี่ครั้ง นี่นายไปทำอะไร ทำไมเค้าถึงร้องไห้ มานี่เลยๆ เรื่องนี่ต้องเคลียร์กันยาว” ดงเฮว่าพลางลากแขนคยูให้ไปลงนั่งที่โซฟา แต่แค่แขนเรียวแตะแขนของคนร่างสูงเท่านั้นละ คิบอมก็สับมือฉับลงมาที่มือของทั้งคู่ให้แยกกันทันที พลางเอามือดงเฮมาจับแขนของตนแทน
“ไอคยู นูนาบอกให้ไปนั่งที่โซฟาก็ไปสิวะ มายืนทำเบื๊อกอะไรเล่า” คิบอมหันไปต่อว่าเพื่อนที่ยืนมองการกระทำของเพื่อนรักอย่างงงๆ ดงเฮหัวเราะคิกกับการกระทำของคนร่างสูงที่แสดงออกอย่างชัดเจนเลยว่าหึง
“ไหนเล่ามาซิว่าเกิดอะไรขึ้นน่ะ” คยูฮยอนเริ่มต้นเล่าเรื่องเมื่อวานให้เพื่อนของกระต่ายขาวทั้งสองคนฟังอย่างละเอียด ดงเฮกับอึนฮยอกได้แต่มองหน้ากันสลับกับมองหน้าคยูฮยอน
“ฉันว่าต้องเป็นคนนั้นแน่เลยด๊อง” อึนฮยอกเดาจากสถานการณ์ที่คยูเล่ามาจนจบ ดงเฮเองก็พยักหน้ารับเห็นด้วยในทันที
“คนนั้น? ใครหรอครับ?” คยูอดสงสัยไม่ได้เลยต้องเอ่ยถามคนที่เข้าใจกันอยู่แค่สองคน
“รักเก่าน่ะ ตั้งแต่เด็กแล้วมั้งเห็นว่า แต่ฉันก็ไม่รู้อะไรมากหรอก ฉันกับด๊องเพิ่งย้ายมาอยู่กับซองมินที่นี่สมัยตอนขึ้นปี 1 เดิมบ้านนี้เป็นบ้านของซฮงมินเค้าน่ะ”
“แล้วซองมินไม่เคยเล่าอะไรให้พี่ฟังหรอครับ”
“คนเราก็ต้องมีบ้างละนะ บางเรื่องที่อยากจะเก็บไว้ในใจคนเดียว ถ้าซองมินเค้าไม่อยากเล่า พวกเราก็ไม่อยากคาดคั้นเอาความหรอก ....เห็นเค้าเปรยๆมาแค่เป็นรักเมื่อตอนเด็กๆน่ะ บอกสัญญากันเอาไว้ แต่ไม่รู้เรื่องแบบละเอียดหรอกนะ” ดงเฮเองก็ให้รายละเอียดอะไรไม่ได้มาก รู้เพียงแต่เพราะรักครั้งนั้นทำให้ซองมินไม่เคยคิดจะมีใครอีก ยังคงยึดมั่นในสัญญาตลอดมา
“อ่า ถ้าอย่างนั้นเราจะช่วยซองมินได้ยังไงกันละครับเนี่ย” คยูฮยอนว่าอย่างจนปัญญา เมื่อไม่รู้ถึงปัญหาแล้วจะหาวิธีการแก้กันได้อย่างไร
“ในเมื่อไม่รู้ ก็ต้องล้วงให้เจอก่อนสิ” ดงเฮว่าพลางยิ้มอย่างเจ้าเล๋ห์ ทุกคนในวงสนาทนาหันมาใกห้ความสนใจคนร่างบางกันเป็นตาเดียว
“ยังไงหรอครับนูนา” คิบอมเองก็เก็บความสงสัยไว้ไม่ไหว เมื่อหน้าดงเฮฉายแววประกายวิบวับอย่างชัดเจน
“ฉันมีแผนแล้วล่ะ .....” ร่างบางคล้องคอทุกคนให้เข้ารวมกันเป็นกลุ่มพลางกระซิบกระซาบให้ฟังถึงแผนการ ซึ่งกไม่รู้ว่าจะกระซิบกันทำไมในเมื่อ นอกจากพวกเค้า 4 คนที่อยุ่กันในบ้าน ก็ไม่เห็นจะมีใครอื่นเลยนี่นา (เอ๊ะหรือกลัวไรเตอร์กับรีดเดอร์จะได้ยิน?)
talk : โอ๊ยๆๆๆ หายไปนานมากเลยยยยย กลับมาแว้วๆๆๆๆๆ จะพยายามน้าาา ขอกำลังใจหน่อยสิทุกคนนนน เค้าอยากจะอัพเรื่องนี้ให้จบเหลือเกิน ดองจนหนอนจะขึ้นแว้ววววว ลงครบแล้ว 100 จบด้วยพาร์ทคิเฮ อาหมวยโหดดด อย่าคิดมีเรื่องกับเทอเชียว 5555 แล้วแผนของดงเฮจะเป็นอะไร เดี๋ยวเจอกันนะจ้ะ คิคิ รักทุกคนเสมอ เลยอัพให้ ท่าทุกคนรักเค้า อ่านแล้วก็เม้นให้เค้าวันละนิดจิตแจ่มใสนะเออ 5555
ความคิดเห็น