ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    SF Where's the love I can find? ...รักแท้อยู่ไหนกัน

    ลำดับตอนที่ #8 : TRICK 6 : นัดบอด...

    • อัปเดตล่าสุด 15 ต.ค. 55


                         


    TRICK 6 : นัดบอด...

                           ปฏิทินถูกผลัดเปลี่ยนเลื่อนผ่านไปตามวันเวลาที่ล่วงเลย ในที่สุดวันนี้ก็เป็นวันเสาร์ วันที่โจว คยูฮยอนรอคอยเสียที นาฬิกาลายแองกรี้เบิร์ดที่หน้าตามันดูโมโหสุดๆแผดเสียงลั่นปลุกคนที่นอนอืดอยู่บนที่นอนให้เด้งลุกขึ้นมาทำกิจธุระส่วนตัวในยามเช้าอย่างไม่มีอ้อยอิ่งเหมือนทุกๆวันที่ผ่านมา จะเหมือนได้อย่างไรกันเล่า ในเมื่อวันนี้เป็นวันนัดบอดของเค้ากับกระต่ายขาวตัวนุ่มนิ่มนั่นน่ะสิ

                    ไอบอม!!!! ตื่นโว้ยยย เดี๋ยวก็ไปสายหรอกเมื่อจัดการแต่งตัวอย่างหล่อเนี๊ยบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คยูฮยอนก็เดินมาปลุกเพื่อนที่นอนหน้าบวมอืดอยู่บนเตียง สายตาเหลือบมองนาฬิกาที่แขวนอยู่บนฝาผนังที่บ่งบอกว่าตอนนี้เป็นเวลา 7 โมงเช้า

                    อื้อๆๆ รู้แล้วๆ กี่โมงแล้ววะคิบอมลุกขึ้นนั่งบนเตียงพลางขยี้ตาไปมาเพื่อปรับโฟกัสภาพให้ชัดขึ้น ร่างสูงเหลือบมองนาฬิกาบ้าง

                    “7โมง ในเช้าวันเสาร์ คุณมึงปลุกกูทำเตี่ยอะไรไม่ทราบครับว่าพลาง     ตบหัวเพื่อนรักที่ยืนอยู่ข้างกายไปที ก่อนจะล้มตัวลงนอนต่ออย่างไม่ใส่ใจอีกคนที่เขย่าตัวเค้าไม่ยอมหยุด

                    อะไรกันอ่า ไอบอม มึงนัดกับกูไว้ไงว่าวันเสาร์เราจะไปนัดบอดด้วยกันอ่า ลุกเลยมึง กูไม่อยากไปสายในนัดสำคัญแบบนี้คยูฮยอนยังคงตื้อ ดื้อดึงจะให้เพื่อนไปด้วยให้ได้ ร่างสูงนั่งคร่อมบนตัวอีกคนพลางขย่มไปมา

                    เห้ย มึง มานั่งทำห่าไรบนตัวกูเนี่ย อย่ามาเอ็นซีกันแต่เช้านะเว้ยคิบอม  รีบเด้งตัวขึ้นนั่งก่อนจะผลักอีกคนให้พ้นจากตัว

                    กูไม่เอ็นซีกับคุณมึงหรอกครับ กูอยากเอ็นซีกับกระต่ายขาวของกู ดังนั้นมึงต้องลุกไปแต่งตัวแล้วไปงานนัดบอดกับกู นะๆๆๆ กูขอร้องนะ เพื่อนน้าใช้กำลัง       ก็แล้ว พูดดีๆก็แล้ว ด่าก็แล้ว คนตรงหน้าก็ไม่ยอมลุกไปแต่งตัวเสียที เอาวะลองอ้อน  ดูละกัน

                    เออๆ เห็นว่ามึงเป็นเพื่อนหรอกนะเว้ยถึงไปงานนัดบอดบ้าบออะไรเนี่ย     กูไม่ได้อยากไปเลยนะบอกไว้ก่อนว่าแล้วก็คว้าผ้าเช็ดตัวเข้าไปจัดการธุระตัวเอง              ขอบใจเว้ยมึง รักมึงที่สุดว่ะครับ จุ๊บๆว่าพลางทำปากจูจุ๊บอย่างทะเล้น    คิบอมที่หันมาเห็นถึงกับขนลุกเกรียวกับท่าทางของเพื่อน มือหนาตวัดผ้าเช็ดตัวที่พาดบ่าอยู่ขึ้นฟาดหน้าเพื่อนอย่างทนเห็นท่าทางนั้นไม่ไหว

                    “มึงนัดบอดห่าไรตอน 9 โมงเช้าวะ รีบหรอไงเมื่อจัดการอาบน้ำแต่งตัว ร่างสูงก็ลงมานั่งอ่านหนังสือพิมพ์พร้อมจิบกาแฟไปด้วยในยามเช้าเช่นนี้ พลางเอ่ยถามเพื่อนอย่างสงสัย

                    ก็นัดเช้าๆเผื่อเค้าสนใจไปเที่ยวกับกูต่อไง^^”

                    “เอาแค่ว่าเค้าจะทนเห็นหน้ามึงได้กี่นาทีเหอะ คนที่จะไปเจอนี่คือคนที่ร้านกาแฟคนนั้นใช่มั้ย ดูยังไงเค้าก็ไม่อยากเสวนากับมึงอ่าจริงๆ แล้วนี่มีใครไปบ้างเนี่ยเอ่ยถามอีกคนที่นั่งหน้าบู้ทันทีที่โดนเพื่อนตัดความหวัง

                    มึงชอบตัดกำลังใจเพื่อนว่ะ แทนที่จะให้ความหวังกันบ้าง แม่ง....วันนี้มีกู มีมึง มีเรียวอุค แล้วก็แฟนเรียวอุค มีกระต่ายขาวของกูแล้วก็มีเพื่อนเค้า เห็นเรียวอุคโทรมาบอกว่าเพื่อนกระต่ายขาวกูมี 2 คนแต่มาได้คนเดียว อีกคนเห็นว่าติดธุระ              กูเลยชวนมึงไปด้วยไง ไปคู่กับเพื่อนกระต่ายขาวกูหน่อย เดี๋ยวเค้าเหงาคยูฮยอนสาธยายถึงบุคคลที่มาร่วมงานในวันนี้ให้เพื่อนฟังโดยละเอียด

                    แล้วมึงมั่นใจได้ไงว่าคนที่คู่กูจะหน้าตาดี มึงเห็นหน้าเค้าแล้วหรือไง         ถ้าหน้าตาไม่ดีเท่าคนที่กูเล็งไว้อยู่ กูกลับเลยนะมึง   คิบอมยื่นคำขาดกับเพื่อน

                    เออ จะทำอะไรก็อย่าให้เสียมารยาทแล้วกันมึง ยังไงเค้าก็เพื่อนของว่าที่แฟนกู55 แต่เรียวอุคบอกว่าเพื่อนกลุ่มนี้เค้าหน้าตาดีกันหมดนะ เห็นว่าเป็นดาวคณะกันทั้ง 3 คนเลย คงสวยใช่ย่อยอ่า แล้วแต่มึงจะเลือกแล้วกันพูดในสิ่งที่ได้ยินมาให้เพื่อนฟังก่อนจะให้เพื่อนเป็นคนตัดสินใจเอง

                    อ่อ กูลืมบอก เพื่อนกระต่ายขาวกูเป็นผู้ชายหมดนะเว้ย มึงคงไม่มีปัญหากับการนัดบอดกับผู้ชายใช่มั้ย

                    “ไม่ละ หน้าตาดี นิสัยโอ กูก็ไม่มีปัญหาอะไร เตรียมตัวไปได้แล้วมึง        เดี๋ยวสายให้เค้ารอจะไม่ดีว่าพลางเก็บข้าวของที่ทานเสร็จไปล้าง

                     “ดงเฮ เสร็จหรือยัง จะถึงเวลานัดอยู่แล้วนะซองมินมองดูนาฬิกาข้อมือเรือนโปรดพลางเอ่ยเรียกเพื่อนที่มัวแต่เปลี่ยนชุดอยู่นานสองนาน

                    มาแล้วๆ เร่งจริงๆเลยซองมินว่าพลางวิ่งตึงตังๆลงจากบันไดบ้านชั้น 2

                    วิ่งลงบันไดเดี๋ยวหกล้มหน้าทิ่มขึ้นมา มินไม่พาไปโรงพยาบาลเพื่อศัลยกรรมหรอกนะว่าอีกคนที่ชอบวิ่งซนเป็นเด็กๆ

                    ตกลงมาจริงก็ไม่ไปหรอก ถึงยังไงก็หน้าตาดี ถึงหน้าจะคะมำลงมาก็ตามร่างบางอีกคนเอ่ยชมตัวเองอย่างอารมณ์ดี

                    จ้า พ่อคนหน้าตาดี แล้วนี่มัวแต่แต่งตัวอะไรนานสองนาน หน้าตาดีอยู่แล้วไม่ต้องแต่งมากมายหรอก แค่ไปทานข้าวกับพี่เยซองแค่เนี้ยจะแต่งอะไรกันนัก     เอ่ยถามเพื่อนที่อยู่ในชุดเสื้อยืดสีเหลืองอ่อนกับกางเกงยีนสีซีดแนบเรียวขาสวย

                    เค้าแต่งไปเจอว่าที่เพื่อนเขยหรอก ไปๆ อย่าให้เพื่อนเขยเค้ารอนาน”       ว่าพลางดันหลังอีกคนให้ออกจากบ้าน

                    เดี๋ยวๆ เพื่อนเขยอะไรกันซองมินจับมือที่ดันหลังตนเอาไว้ก่อนจะเอ่ยถามอย่างสงสัย

                    ก็ออร่าของซองมินมันบอกว่าซองมินกำลังจะได้เจอเนื้อคู่น่ะสิ ลางสังหรณ์เค้าแม่นนะ ซองมินก็รู้ดงเฮว่าพลางยิ้มหวานที่เพื่อนตนกำลังจะขายออกอีกคน

                    พูดอะไรไร้สาระน่ะด๊อง เราไปกินข้าวกับพี่เยซองกับเรียวอุคเองนะ จะไปเจอเนื้อคงเนื้อคู่ได้ยังไงกันบอกอย่างไม่อยากจะเชื่อ ทั้งๆที่ในใจก็เต้นตึกตักๆ    อย่างตื่นเต้น

                    เอาน่า ไปเดี๋ยวก็รู้เองละ ด๊องก็บอกอะไรมากกว่านี้ไม่ได้แล้วล่ะ แล้วฮยอกวันนี้ไปไหนตั้งแต่เช้า ไม่เห็นเลย ไม่ไปกับเราด้วยหรอว่าพลางชะเง้อคอกลับเข้ามามองในบ้าน

                    ฮยอกไปกับพี่หมอตั้งแต่เช้าแล้วล่ะ เห็นว่าจะไปซื้อของมาแปลงโฉมหรืออะไรซักอย่างเนี่ยละซองมินบอกเพื่อนเท่าที่รู้

                    อ้อ ไปกับเนื้อคู่อ่าหรอ ก็ดีนะพาไปเปลี่ยนซะมั่ง เป็นถึงดาวแต่งตัวเชยระเบิดเลยเพื่อนเค้าว่าอีกคนอย่างแซวๆในการแต่งตัวที่ดูจะไม่มิกซ์และไม่แมทซ์กันเอาซะเลย

                    อ้าว 2 สาวสวยจะไปไหนกันแต่เช้าครับเสียงทุ้มของผู้ชายดังขึ้นเรียกความสนใจจากคนทั้งคู่ที่ยืนพูดคุยกันอยู่หน้าบ้าน

                    นึกว่าโดนผู้ชายที่ไหนแซวแต่เช้า พี่ฮันนั่นเอง ไม่ไปทำงานหรอฮะวันนี้ซองมินหันมาเจอพี่ชายข้างบ้านที่ยืนเกาะขอบรั้วมอง  จึงเอ่ยทักทายด้วยรอยยิ้ม

                    ไม่ละ คนไข้รายเดียวของวันนี้ก็คืออึนฮยอกนั่นละ แต่ให้ไอวอนมันจัดการแทน พี่ขอพักผ่อนอยู่กับมหาหึงของพี่บ้าง

                    “ว่าใครเป็นมหาหึงกันจ้ะอยู่ๆสาวสวยอีกคนก็เข้ามาแทรกในบทสนทนา ร่างบางยืนซ้อนหลังคนรักพลางหยิกแก้มอย่างแรง

                    โอ๊ยๆๆ ฮีชอลๆ เดี๋ยวท่าแก้มผมย้อย ผมจะหอมแก้มคุณให้มันช้ำเลยจริงๆฮันคยองว่าพลางหันกลับมารวบตัวอีกคนเข้ามากอด ก่อนจะระดมหอมแก้มอีกคนทั้งซ้ายขวาแบบไม่หยุด

                    พอเลยฮันๆ อายน้องนุ่งบ้างสิ หยุดเลยๆ แล้วนี่เราสองคนจะไปไหนกันละเนี่ยมือบางปัดป้องอีกคนให้หยุดการกระทำ พลางถามน้องอีก 2 คนที่ยืนมองกันตาแป๋วกับการกระทำของชายหนุ่มคนรักของเค้าที่ถึงจะหยุดหอมแก้มแล้วแต่มือหนาก็ยังเกี่ยวเอวของเค้าไว้ไม่ปล่อย

                    ไปทานข้าวน่ะฮะ พอดีนัดกับพี่ที่ทำงานไว้ เค้าจะเลี้ยงข้าวเราสองคนเอ่ยบอกพี่ชายคนสวย เป็นเวลาเดียวกับที่แท๊กซี่ที่เรียกไว้มาพอดี

                    เดี๋ยวเราไปก่อนนะฮะ พี่ฮันพี่ฮีชอล ไว้เจอกันตอนเย็นๆนะฮะ ^^” ดงเฮเอ่ยลาคนทั้งคู่ พลางโบกมือบ๊าย บายพี่ชายทั้ง 2

                    พี่ฮันกับพี่ฮีรักกันดีจริงๆเลยเนอะด๊อง ฉันอยากมีแบบนี้บ้างจัง เฮ้อ    ถอนหายใจพลางเอ่ยบอกอย่างเหงาๆ

                    เดี๋ยวมินนี่ก็เจอ เชื่อเค้าสิ ...แต่ถึงมินนี่ไม่เจอ มินนี่ก็ยังมีเค้าน้าว่าพลางกอดเอวเพื่อนพลางถูไถหัวกับแขนอวบของเพื่อนอย่างอ้อนๆ

                    55 น่ารักอย่างนี้ อยากรู้จริงๆใครจะมาสอยเด็กดื้อแสนซนของมินนี่ไปน้า อยากจะเห็นหน้าจริงๆซองมินลูบหัวเพื่อนอย่างเอ็นดู พลางนั่งพูดคุยกันไปตลอดทาง ทั้งคู่มุ่งหน้าไปยังสถานที่ทานข้าวที่พี่เยซองนัดเอาไว้

                    ในที่สุดรถแท็กซี่ก็มาจอดที่หน้าร้านอาหารที่ได้นัดแนะกันไว้ ทั้งคู่เดินลงจากรถพลางสำรวจรอบๆร้านโดยทั่วอย่างตื่นเต้น

                    ร้านอาหารนี้ถูกตกแต่งในแบบที่ดูเป็นกันเองเหมือนกับเป็นบ้านเสียมากกว่า เหมือนบ้านไม้สีขาว 2 ชั้นที่ถูกตกแต่งด้วยภาพถ่ายน่ารักๆ และมีโพสอิท    ที่คนที่มาทานที่ร้านเขียนแปะความประทับใจไว้ให้คนที่มาใหม่ได้อ่านกัน ชั้นหนึ่งของร้านเป็นร้านเค้กที่มีของหวานวางเรียงรายในตู้โชว์ให้เลือกสรร บันไดวนสีขาวที่ตั้งอยู่กลางร้านนั้นนำพาคนทั้งคู่ให้ขึ้นไปที่ชั้น 2 ของร้าน แสงสีส้มอ่อนส่องสว่างทั่วบริเวณชั้น 2 ที่ซึ่งมีโต๊ะเก้าอี้สีขาวเข้าชุดกันนั้นถูกวางไว้อย่างเป็นระเบียบ

                    ซองมินๆๆ ทางนี้ๆเสียงเรียกที่คุ้นหูดังขึ้นที่มุมนึงของตัวร้าน ซองมินหันไปมองบุคคลที่เรียกตนก่อนจะเดินเข้าไปหาเมื่อเห็นว่าเป็นพี่เยซองคนที่นัดตนมา    มือบางก็จับมืออีกคนให้เดินเข้าไปใกล้โต๊ะที่หลบอยู่ตรงมุม

                    ตื่นเต้นว่ะมึงคยูฮยอนเขย่าแขนคิบอมอย่างตื่นเต้น พลางเอามือปิดหน้าอย่างทำอะไรไม่ถูก ใบหน้าหล่อที่เคยทะเล้นนั้นแดงซ่านอย่างเขินอาย ความรู้สึกของการมานัดบอดมันตื่นเต้นอย่างงี้นี่เอง

                    รอนานมั้ยพี่เยซอง เรียวอุคแล้วนั่น.....ซองมินที่เดินมาถึงโต๊ะเอ่ยทักคู่รักที่เป็นเจ้ามือเอ่ยเลี้ยงเค้าในวันนี้ ก่อนจะหันไปมองอีก 2 หนุ่มที่นั่งอยู่ในโต๊ะด้วย

                    เอ...ไอคนขวานั่นหน้าคุ้นๆแฮะ เคยเห็นที่ไหนน้าคนตัวบางยืนนึกว่าเคยเห็นผู้ชายคนนี้ที่ไหนมาก่อนหรือเปล่า ทำไมรู้สึกคุ้นหน้าอย่างบอกไม่ถูก

                    ขอโทษที่ไม่ได้บอกพี่ซองมินก่อนนะฮะว่าอุคจะพาเพื่อนมาทานข้าวด้วย คนนี้ คิ....

                    “อ้าว คิบอม/ อ้าว ดงเฮฮยอง มาที่นี่ได้ยังไงกันคนทั้งคู่เมื่อเงยหน้าขึ้นมามองกันก็ถึงกับชะงัก คนทั้งโต๊ะหันมามองทั้ง 2 คนที่เอ่ยทักกันอย่างตกใจ

                    55 ผมมาเป็นเพื่อนคยูฮยอนน่ะครับ แล้วฮยองละครับมาทำอะไรที่นี่

                    “ฮยองมาเป็นเพื่อนซองมินน่ะ ไม่คิดว่าโลกจะกลมแบบนี้นะเนี่ย

                    55 นั่นสิครับ แปลกใจมากๆเลย ไม่คิดว่าคนที่นัด... เอ่อ คนที่มาทานข้าวด้วยจะเป็นฮยองนะครับเนี่ยเกือบหลุดแล้วมั้ยละว่าวันนี้เป็นงานนัดบอด ทั้งๆที่   ไอคยูก็เตือนแล้วว่าสองคนที่มาในวันนี้ไม่รู้เรื่องที่จะมานัดบอดกัน พูดแล้วก็แปลก นัดเค้ามานัดบอด แต่ไม่บอกเค้าว่ามานัดบอด งงกันมั้ยละครับ ผมก็งงครับ เอาเป็นว่าเราเลิกพูดกันเถอะเนอะ 555

                    “2 คน นั่งก่อนสิ มาเหนื่อยๆ ทานน้ำทานอะไรก่อนมั้ย เดี๋ยวพี่สั่งให้ก็ได้ว่าพลางเชิญอีกคน 2 คนนั่ง ก่อนจะยื่นเมนูให้ดู ซองมินเองก็รับไปดูอย่างงงๆว่ามันเกิดอะไรขึ้น ดวงตาคู่สวยยังคงเหลือบมองคนตรงหน้าเป็นระยะๆพลางพยายามนึกว่าเคยเจอที่ไหนมาก่อนหรือเปล่า

                    อ่า ยังไม่ได้แนะนำเลย นี่เพื่อนอุคนะฮะ พี่ซองมินน่าจะเคยเจอแล้ว แนะนำให้พี่ดงเฮรู้จักด้วยเลยแล้วกันนะฮะ นี่โจว คยูฮยอนฮะ  ส่วนนั่นคิม คิบอม       2 คนนี้เพิ่งย้ายมาจากอเมริกามาเรียนที่เกาหลีห้องเดียวกับอุคน่ะฮะเอ่ยแนะนำอีก 2 คนให้คนร่างบางทั้งคู่ได้รู้จัก

                    อ้อ...ฉันนึกออกแล้ว นายเสี่ยวที่มาจีบฉันที่ร้านใช่มั้ยซองมินเอ่ยถามด้วยสีหน้าบูดบึ้งเมื่อนึกได้ว่าคนตรงหน้าเป็นใคร

                    เอ่อ...เป็นเกียรติมากครับที่กระต่ายขาวจำผมได้ด้วยคยูฮยอนมองใบหน้าสวยหวานที่ถึงแม้จะบึ้งตึงแต่ก็คงความน่ารักไม่สร่างนั้นอย่างหลงใหล

                    บอกกี่ทีแล้วว่าฉันมีชื่อเป็นของฉันเอง ไม่ได้ชื่อกระต่ายขาวอย่างที่นายเรียกซักหน่อยซองมินเชิดหน้าเถียงอีกคนขาดใจ

                    อ่า เอางี้ เดี๋ยวฉันแนะนำสองคนนี้ให้รู้จักเอง นี่ลีซองมิน รุ่นน้องที่ทำงานฉันเอง ส่วนนั่นลีดงเฮ เพื่อนของซองมินเค้าน่ะดงเฮยิ้มรับคำพลางยื่นมือไปจับอีก 2 คนอย่างเป็นมิตร ก่อนจะหันมามองซองมินที่นั่งหน้าบึ้งอยู่ๆข้างๆ จนดงเฮต้องสะกิดให้ทำตาม ร่างบางจึงยื่นมือออกไปจับกับมือของคิบอมด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะลงนั่งที่ของตัวเองโดยไม่สนใจมืออีกคนที่ยื่นมารอจับแม้แต่น้อย

                    สั่งอะไรทานก่อนแล้วกันนะ ทุกคนคงยังไม่ได้ทานข้าวมา เดี๋ยวเรากินไปคุยกันไปแล้วกันเนอะเยซองว่าพลางเรียกบริกรมาสั่งอาหาร ทุกคนต่างก้มหน้า    ก้มตาดูเมนู ก่อนจะสั่งอาหารที่ตัวเองอยากกินกันในวันนี้

                    ดีใจจังเลยนะครับที่ได้มานั่งทานข้าวกับดงเฮฮยองวันนี้ พอดีผมมีเรื่องจะปรึกษาเกี่ยวกับรายงานที่ผมกำลังจะทำน่ะครับ ฮยองคงไม่ว่าใช่มั้ยครับ ถ้าวันนี้ทานข้าวเสร็จผมจะขอให้ฮยองช่วยผมทำรายงานหน่อยน่ะครับเอ่ยหาข้ออ้างที่จะได้อยู่กับคนที่ถูกใจต่ออีกหน่อย ดงเฮมีสีหน้าครุ่นคิดสักพัก ก่อนจะหันไปมองซองมินที่นั่งอยู่ข้างกาย

                    มินนี่ ทานเสร็จแล้วเราไปไหนกันต่อหรือเปล่าอ่าหันไปถามเพื่อนของตัวเอง ก่อนจะได้รับการส่ายหน้ามาแทนคำตอบ

                    งั้นเค้าขอไปช่วยคิบอมทำงานได้มั้ยอ่าว่าพลางส่งสายตาอ้อนๆมาเป็นเชิงขอร้อง คิบอมเองก็ส่งสายตาอ้อนวอนด้วยคน ซองมินมองหน้าทั้งคู่สลับกันไปมา ก่อนจะยิ้มหวานพลางพยักหน้ารับอย่างอนุญาต

                    เย้ๆ ซองมินของเค้าน่ารักที่สุดในสามโลก เค้าสัญญาจะไม่กลับบ้านดึก แล้วก็จะโทรหาเป็นระยะๆด้วย ^^” ว่าเหมือนเด็กสาวอายุ 14 ที่ขอคุณแม่ออกไปเที่ยวกับแฟนครั้งแรก ซองมินเองก็พอจะมองออกว่าพ่อหนุ่มตรงหน้านั้นสนใจเพื่อนของตน และเพื่อนของตนก็แอบสนใจพ่อหนุ่มคนนี้ไม่น้อยเลย จำได้ลางๆว่าเคยมาส่งกันที่บ้านด้วย

                    ผมก็สัญญาว่าจะพาไปส่งที่บ้านอย่างปลอดภัย ไม่ดึกแน่นอนครับผม    คิบอมตะเบ๊ะรับแบบพลทหารพร้อมรอยยิ้มแก้มป่องที่ระบายเต็มใบหน้าบวมๆนั้น

                    อือ ฝากด๊องด้วยแล้วกันนะ อย่าปล่อยให้ซนมากนัก ดูแลกันดีๆนะ         ไปเที่ยวน่ะซองมินฝากฝังเด็กน้อยของเค้ากับคิบอม

                    มินนี่อ่า เค้าไม่ใช่เด็กๆแล้วนะว่าพลางทำแก้มป่องอย่างงอนๆเรียกเสียงหัวเราะในความน่ารักได้ทั้งโต๊ะ เรียวอุคที่เห็นลงเอยกันไป 1 คู่ก็แอบแท๊กมือกับ    แฟนหนุ่มเบาๆ แต่อีกคู่นี่สิ ท่าจะปัญหาใหญ่ ที่จัดนัดบอดครั้งนี้เพื่อคยูฮยอนเลยนะเนี่ย แต่คิบอมดันได้คู่ไปง่ายๆก่อนเพื่อนซะงั้น

                    ระหว่างที่รออาหารเรามาแนะนำตัวกันหน่อยแล้วกันเนอะ ไหนๆก็มากัน   6 คนแบบนี้ ครบคู่พอดีเลย ถือซะว่ามานัดบอดแล้วกันนะ เยซองที่อาวุโสที่สุดในโต๊ะกล่าวเรียกความสนใจจากทุกคนบนโต๊ะ

                    อะไรกัน ไหนพี่บอกจะเลี้ยงข้าวไง นี่มานัดบอดอะไรกัน แล้วไหน 6 คน  ไหนมาเป็นคู่ อ้อ หมายถึงมินคู่ด๊อง แล้วก็สองคนนั้นคู่กันใช่ปะซองมินเอ่ยท้วงพลางชี้ที่ตัวเองกับเพื่อนรัก ก่อนจะชี้ไปยังชายหนุ่มอีก 2 คนที่นั่งอยุ่ฝั่งตรงข้าม

                    นี่ ถ้าจะคู่กันเองแบบนั้นกลับไปกินข้าวที่บ้านก็ได้มั้งซองมิน  เลือกเอาแล้วกันใครอยากคู่ใคร นายจะเอาคยูฮยอนหรือคิบอมก็ว่าไปเยซองให้สิทธิ์อีกคนใน  การเลือกซองมินหันไปมองหน้าเพื่อนรัก ก่อนจะมองหน้าคิบอม และจบลงด้วยใบหน้ากวนๆของคยูฮยอน เฮ้อ ..นี่คือโอกาสให้เลือกงั้นหรอ มันบีบบังคับกันชัดๆ

                    ด๊องอยากคู่กับใคร มินนี่ให้เลือกเลยสุดท้ายก็ต้องตามใจเพื่อนตัวเองซองมินหันไปถามเพื่อนอีกคนที่มาด้วยกัน  และเป็นที่แน่นอนที่ดงเฮจะต้องเลือก       คิบอม มือเล็กๆชี้คนที่นั่งฝั่งตรงข้ามพลางยิ้มน้อยๆอย่างน่ารัก ซองมินก็พยักหน้ารับเป็นอันรับรู้ ก่อนจะหันไปมองหน้าคู่จำเป็นของตนเองพลางถอนหายใจ

                    อะไรกันครับ มองหน้าผมแล้วถอนหายใจนี่หมายความว่ายังไงกัน                 คยูรีบท้วงขึ้นมาทันทีที่เห็นการกระทำอีกคน รู้สึกเสียเซลฟ์อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน พูดแล้วก็หมั่นไส้ไอบอม ไม่น่าชวนแม่งมาเลยครับทุกคน มาถึงก็คว้าของไปแดกก่อนเพื่อนเลยครับ สุดท้ายเหลืออะไรให้เพื่อนแดกครับ ....แห้วไงครับ

                    เฮ้อ ไม่มีอะไรหรอกน่า พูดไปยังไงฉันก็ต้องคู่กับนายอยู่ดีละ ฝากตัวด้วยละกันนะมือบางยื่นไปให้คนตรงหน้าจับ ร่างสูงไม่รอช้าที่จะได้สัมผัสมือนิ่มนั้นทันใด ใบหน้าหล่อกวนๆนั้นระบายยิ้มกว้างอย่างดีใจที่ในทีสุดงานนี้ก็ไม่เสียเปล่า

                    เอาละ ไหนๆก็ตกลงเรื่องคู่กันเรียบร้อยแล้ว มาแนะนำตัวกันก่อนดีกว่าเผื่อจะทำให้พวกนายรู้จักกันมากขึ้น ฉันเริ่มก่อนเลยแล้วกันนะถามความเห็นคน   บนโต๊ะก่อนจะเริ่มแนะนำตัวเอง

                    ฉัน คิมจงอุน อีกชื่อนึงเพื่อนเรียกกันว่าเยซอง เรียนอยู่มหาวิทยาลัยโซล    ปี 4 สาขาวิศวะไฟฟ้า เป็นนักร้องนำของวงมหาลัย สถานะมีเจ้าของแล้ว  จีบไม่ได้ เจ้าของหวงมาก มีใครสงสัยอะไรมั้ย ...ถ้าไม่มีฉันจะผ่านไปคนต่อไปเลยนะเยซองเอ่ยถามพลางมองหน้าคนร่วมโต๊ะแต่ละคน เมื่อไม่เห็นใครถามจึงเลื่อนผ่านไปที่     คนต่อไป ซึ่งก็คือคยูฮยอนนั่นเอง

                    สวัสดีครับ ผมโจว คยูฮยอน เรียนอยู่ที่โรงเรียนโซล อินเตอร์ ม ปลาย ปี 3 อายุปีนี้ก็ประมาณ 19 ปี รักการร้องเพลงเป็นชีวิตจิตใจ สเปคที่ชอบ ชอบขาวๆอวบๆ หน้าตาน่ารักๆครับ มีใครสงสัยอะไรมั้ยครับคยูฮยอนแนะนำตัวเสร็จก็หันมองคนที่เหลือเผื่อใครมีคำถาม

                    ถาม...ชอบเพื่อนฉันหรออยู่ๆดงเฮก็ยกมือขึ้นมา ก่อนจะยิงคำถามแบบตรงๆกลับไปแสกหน้าอีกคน

                    เอ่อ....ก็...ก็ชอบครับร่างสูงยืนอ้ำอึ้งอยู่นานแต่สุดท้ายก็พูดออกไปตามใจคิดอยู่ดี ซองมินหันไปหยิกเอวเพื่อนรักเบาๆเป็นการทำโทษกับคำถามที่              ร่างบางถามไป ดงเฮเองก็หัวเราะคิกคักๆอย่างสะใจ

                    มีใครจะถามอะไรอีกมั้ยครับคยูฮยอนเกาหัวอย่างเก้อๆ

                    ถามอีก...ชอบตรงไหนหรอ ...โอ๊ย มินนี่อ่า เค้าเจ็บนะดงเฮยังคงแกล้งเพื่อนและคนร่างสูงไม่เลิก ร่างบางยังคงยิงคำถามอย่างต่อเนื่อง คยูฮยอนเองก็ยัง   ไม่ทันได้ตอบอะไร ดงเฮก็โดนเพื่อนทำโทษซะก่อน

                    ไม่มีใครถามอะไรแล้ว นายนั่งลงเถอะ คนต่อไปเลยซองมินจัดการ       ทุกอย่างเองเสร็จสรรพ ก่อนจะหันไปค้อนเพื่อนที่นั่งลูบหัวตัวเองป้อยๆด้วยความเจ็บจากมือที่เขกลงมา

                    อ่า...ตาผมแล้วหรอ ....ผมคิมคิบอม โรงเรียนเดียวกับคยูฮยอนและรยออุค ม ปลายปี 3 อายุ 19 ครับ เป็นคนพูดไม่บ่อย แต่ยิ้มให้หน่อยอ่าพอได้ครับ มีใครอยากถามอะไรมั้ยครับคิบอมแนะนำตัวเองเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยถามคนที่เหลือบนโต๊ะ

                    ถาม...สเปคที่ชอบเป็นแบบไหนหรอดงเฮรีบยกมือขึ้นมาแต่ยังไม่ทันจะถามก็โดนซองมินแทรกขึ้นมาเสียก่อน มือบางจึงค่อยๆลดลงเพื่อรอฟังคำตอบอย่างตั้งใจ เพราะมันดันเป็นคำถามเดียวกับที่ตนตั้งใจจะถามคนตรงหน้าเช่นกัน

                    อืมสเปคหรอครับ ผมเป็นคนไม่มีสเปคที่แน่นอน การจะชอบใครสักคนผมว่าไม่จำเป็นต้องกำหนดรูปลักษณ์หรือลักษณะที่เราชื่นชอบหรอกครับ ผมว่าแค่มองแล้วรู้สึกว่าใช่ เรียนรู้แล้วรู้สึกว่าเข้าใจกัน รักกันแล้วรู้สึกว่ามีความสุข ผมว่าคนๆนั้นนั่นละครับเป็นคนที่ใช่สำหรับเรา หากเราคาดหวังกับสเปคที่ตั้ง เราคงหาคนในอุดมคติแบบนั้นบนโลกนี้ไม่เจอหรอกครับถ้อยคำที่คมคายนั้นเปรียบเสมือนมีดคมที่ถูกเหวี่ยงมาปักที่กลางใจ

                    ผู้ชายอะไร นอกจากหล่อแล้วยังมีความคิดอีก นี่มันสเปคฉันชัดๆ หึหึ     อย่างนี้ปล่อยหลุดมือก็โง่แล้วดงเฮแสยะยิ้มพลางก้มหน้านั่งหัวเราะหึหึอย่างน่ากลัวกับตนเอง

                    เอ่อ..ดงเฮฮยองเป็นอะไรหรือเปล่าครับ ผมพูดอะไรผิดหรือเปล่า ได้ยินเสียงเหมือนฮยองหัวเราะถามอย่างเสียเซลฟ์เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆจากใคร   สักคนหลังได้ยินคำตอบของตน

                    อ๋อ เปล่า ฉันจะหัวเราะทำไมละ คิบอมออกจะตอบดีขนาดนี้ ร่างบางสะบัดบ็อบขึ้นเงยหน้ามองอีกคน พลางแปรเปลี่ยนสีหน้าจากรอยยิ้มเจ้าเล่ห์แลดู    น่ากลัวเมื่อครู่กลับกลายเป็นรอยยิ้มหวาน มือบางปรบเข้าหากันเบาๆอย่างชื่นชม ซองมินมองดูอาการของเพื่อนแล้วถึงกับหลุดขำ ดูท่าคนนี้ดงเฮจะถูกใจจริงนะ      จากแม่หมอที่ชอบทำพิธีน่ากลัวๆเวลาเที่ยงคืน แปรเปลี่ยนเป็นเด็กสาววัย15         แรกรักเชียว ดูแอ๊บเข้าสิ 555

                    “55 ขอบคุณครับ มีใครอยากถามอะไรอีกหรือเปล่าครับว่าพลางกวาดสายตามองทุกคนรอบๆกาย

                    จริงๆฉันมีอีกเยอะเลยล่ะคำถามน่ะ แต่เดี๋ยวยังไงก็ต้องไปช่วยคิบอมทำงานอยู่แล้วค่อยไปถามนอกรอบก็ได้เนอะ จะได้ให้คนอื่นเค้าได้แนะนำตัวกันบ้างย้ำชัดอีกครั้งว่าจบจากนัดบอดนี่ทั้งคู่ยังมีนัดเดท เอ้ย นัดทำงานกันต่ออีก

                    งั้นฝั่งนี้เริ่มที่เรียวอุคมาเลยแล้วกันนะซองมินหันไปบอกน้องเล็กของโต๊ะอีกคนที่นั่งอยู่ข้างๆ รยออุคพยักหน้ารับก่อนจะลุกขึ้นแนะตนเองให้คนอื่นรู้จัก

                    อันยองฮาเซโย เรียวอุค อิมนีดา อยู่โรงเรียนเดียวกับสองคนนั้น ม. ปลายปี 3 ฮะ สิ่งที่ชอบที่สุดคือเสียงของพี่เยซอง สถานะปัจจุบันมีเจ้าของแล้วฮะ ทักทายทุกคนด้วยรอยยิ้มหวานน่ารักสมเป็นน้องเล็กของกลุ่ม เยซองลูบผมคนรักอย่างเอ็นดู

                    อ้าว จบแล้วหรอ ไม่ให้ใครถามอะไรหน่อยหรอพอคนตัวเล็กแนะนำตัวจบก็ลงนั่งยิ้มหวานให้แฟนหนุ่มทันใด โดยไม่มีถามว่าใครมีคำถามอะไรมั้ย                    ซองมินถึงกับงงที่อยู่ๆก็ถึงตาตนเสียเร็ว

                    อุคเห็นว่าทุกคนที่นี่กีรู้จักอุคดี คงไม่มีใครถามอะไรหรอกมั้งฮะ เชิญพี่            ซองมินแนะนำตัวต่อดีกว่าฮะ

                    “โอเคๆ ฉัน ลีซองมิน อยู่มหาวิทยาลัยโซล ปี 3 เป็นดาวคณะคหกรรม ชอบทำอาหารเป็นชีวิตจิตใจ สิ่งที่รักที่สุดในชีวิตมีอยู่ไม่มีกี่อย่าง นอกจากครอบครัว ก็มีเพื่อนอย่างดงเฮและอึนฮยอก และอย่างสุดท้ายคือการทำอาหารซองมินลุกขึ้นอธิบายความเป็นตัวเองพลางส่งผ่านสิ่งที่ตนชื่นชอบไปให้คนที่อยากรู้จักได้รับรู้

                    ถ้าผมสนใจอยากเป็นคนทานอาหารคนนั้นต้องทำยังไงครับคยูฮยอน    ยกมือขึ้นถามสิ่งที่สงสัย ซองมินหันไปมองหน้าอีกคนเต็มๆตา ก่อนจะแสยะยิ้ม

                    อยากทานก็มาจีบฉันเป็นแฟนให้ติดแล้วกัน แต่ไม่เอาด้วยวิธีมุกเสี่ยวนะ ฉันจะอ้วกน่ะ ถ้าไม่มีอะไรแล้วให้ดงเฮแนะนำตัวต่อเลยแล้วกันนะ ว่าอย่างตัดบท

                    เดี๋ยวครับ ผมจะจีบกระต่ายขาวให้ติด สัญญานะครับว่าถ้าเราเป็นแฟนกันจะทำอาหารให้ผมทานคยูฮยอนเอ่ยท้วงขึ้นมา ก่อนจะรอคำตอบจากคนร่างบาง

                    ได้ ถ้านายทำได้ ฉันจะทำอาหารให้ทานทุกมื้อในฐานะที่นายเป็นแฟนฉันซองมินรับคำอย่างมั่นใจ ก่อนจะลงนั่งเพื่อให้ดงเฮได้ขึ้นมาแนะนำตนเองต่อไป

                    สวัสดีทุกคน ฉันลีดงเฮ เรียนอยู่มหาวิทยาลัยโซลปี3 เป็นดาวคณะประวัติศาสตร์เขมร เอกไสยศาสตร์ สิ่งที่ชื่นชอบคือสิ่งลี้ลับที่น่าค้นหารวมไปถึง       ไสยศาสตร์ด้านต่างๆ มีความสามารถพิเศษคือมีลางสังหรณ์ที่แม่นยำ สามารถทำนายทายทักอนาคตอันใกล้ให้แก่คนใกล้ชิดได้และยังมองเห็นออร่าที่แสดงอารมณ์ของแต่ละคนอีกด้วย  มีใครอยากรู้ประวัติฉันอีกมั้ย

                    “ผมอยากรู้สเปคของดงเฮฮยองครับคิบอมยกมือขึ้นถามอีกคน ถ้าฉันตอบว่าสเปคที่ฉันชอบคือนายจะได้มั้ยเนี่ยพ่อแก้มบวม  แต่ก็นะ เราต้องรักนวลสงวนตัวหน่อย

                    อืม แบบที่ชอบหรอ คงเป็นผู้ชายที่ดูมีอะไรลึกลับ น่าค้นหา มีความสนใจในเรื่องเดียวกัน พูดคุยกันแล้วสนุกละมั้ง ชีวิตของฉันมีเพื่อนไม่มากนักหรอก ก็แค่อยากได้ใครสักคนที่เป็นทั้งเพื่อนและคนรักในเวลาเดียวกันได้น่ะแม้คำตอบจะไม่ระบุเจาะจงแต่ก็ยังพอมีหวังเมื่อตัวเองก็รู้สึกเข้าข่ายในสเปคที่ร่างบางชื่นชอบอยู่บ้าง

                    แล้วเรื่องอะไรที่ฮยองสนใจอยู่ตอนนี้ละครับ

                    “เรื่องที่สนอยู่ตอนนี้ คงเป็นการตามหาเนื้อคู่ละมั้ง บางครั้งอนาคตของเราก็เป็นความลับที่น่าไขปริศนามากที่สุดนะคนตัวบางยิ้มหวานพลางนึกไปถึงเงาในกระจกวันนั้นที่เค้าเห็น หากเป็นคนตรงหน้าที่ถามตัวเองจ้อยๆคนนี้คงดีไม่น้อย

                    อ่า สงสัยเราจะสนใจเรื่องเดียวกันเลย ฮยองสนใจตามหาเนื้อคู่ไปพร้อมผมมั้ยครับคำถามกึ่งเชิญชวนเช่นนี้ก็เรียกใบหน้าที่ขึ้นสีเป็นริ้วๆด้วยความเขินอายได้ดีไม่น้อย ไม่เพียงแค่ดงเฮ แม้แต่เรียวอุคกับซองมินเองที่ได้ยินก็ยังรู้สึกเขินตามไปด้วยเช่นกัน

                    กระต่ายขาวของผมจะยิ้มเขินไปกับเพื่อนทำไมครับ คิบอมมันไม่ได้จีบกระต่ายขาวสักหน่อยนะ ทีมันหยอดแบบนี้ละเขิน ทำไมไม่ว่ามันเสี่ยวบ้างละครับ     ทีตอนผมเล่นแบบนี้บ้าง  ด่าเอาๆเลยอ่า

                    “ของอย่างงี้มันอยู่ที่หน้าตา ลีลา และอารมณ์ อันนี้เรียกเสี่ยวแบบมีระดับไง นายหัดดูอย่างเพื่อนนายไว้บ้างนะ จะเสี่ยวขอเสี่ยวแบบมีระดับหน่อยนะ เสียงแง้วๆที่ดังเรียกร้องความสนใจเมื่อครู่นั้นหุบลงอย่างฉับพลันเมื่อโดนตอกกลับมาเสียหน้าหงาย เสียงหัวเราะของคนในโต๊ะดังขึ้นแทนที่ เมื่อเห็นหน้าง้ำงออย่างน้อยใจของคยู

                    หลังจากที่แนะนำตัวกันเสร็จ ทุกคนก็หันมาสนใจอาหารที่เพิ่งจัดวางลง   บนโต๊ะ สายตาของทั้งหกคนจดจ้องอยู่ที่อาหารเช้ามื้อแรกของวันนี้ด้วยความหิว     มือหลายคู่เริ่มจับจองช้อนส้อมเป็นของตนเองก่อนจะจ้วงอาหารเหล่านั้นเข้าปากกันอย่างเอร็ดอร่อย และการเป็นเมะที่ดีก็ต้องมีความเป็นสุภาพบุรุษในการดูแลเคะของตนเองให้ดี ร่างสูงแต่ละคนทำหน้าที่คอยตักอาหารอร่อยๆให้คนตรงข้ามตนได้ทานอย่างไม่ขาดปาก เรียกได้ว่าถึงเวลาทำคะแนนก็ได้กันไปเต็มสิบอย่างไม่มีขาดตกบกพร่อง บรรยากาศของคนแปลกหน้าในคราแรกถูกแทนที่ด้วยเสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะ ความสัมพันธ์จากคนรู้จักค่อยๆพัฒนาใกล้ชิดมากขึ้นเรื่อยๆเมื่อได้เรียนรู้ในความเป็นตัวตนของอีกฝ่าย

                    เอาละนี่มันก็จะเที่ยงแล้ว หลังทานอาหารกันเสร็จแล้วรู้สึกว่าเริ่มสนิทกันมากขึ้นมั่งมั้ยเมื่ออาหารในจานตรงหน้าหมดลง เยซองก็เปิดประเด็นใหม่ขึ้นมา    ทุกคนต่างมองหน้ากันและกันก่อนจะพยักหน้ารับแทนคำตอบ

                    ฉันก็ขอพูดอะไรสักหน่อยแล้วกันนะสำหรับการนัดทานข้าวกันในวันนี้ จริงๆวันนี้ก็เปรียบเหมือนการนัดสังสรรค์กึ่งๆกับการนัดบอด การที่นายจะได้เจอใครสักคนที่รู้สึกใช่ หรือรู้สึกถูกชะตานั้นไม่ใช่เรื่องง่าย และก็เป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาในการศึกษาเรื่องราวของคนๆนึงที่เราสนใจ ฉันว่าบางครั้งความรักก็เปรียบเสมือนหนังสือ ครั้งแรกที่นายจับมันขึ้นมาเป็นเพราะนายสนใจปกและรูปลักษณ์ของหนังสือ การที่นายอ่านเรื่องย่อหรือคำโปรยปกด้านหลังแล้วนายเกิดความสนใจก็เปรียบเสมือนการที่นายได้ยินเรื่องราวของใครคนนึงที่นายชื่นชอบอยู่แล้วรู้สึกว่า       นี่แหละคือคนที่ฉันกำลังมองหา

                     การที่นายตกลงใจที่จะซื้อหนังสือเล่มนั้นเพื่อนำกลับไปอ่านที่บ้านก็เหมือนกับการที่นายตกลงคบกับใครสักคนเพื่อศึกษาและเรียนรู้นิสัยของเค้าอย่างจริงจัง ช่วงนี้แหละคือช่วงที่สำคัญ บางครั้งหน้าปกและคำโปรยที่นายได้อ่าน อาจเป็นเพียงแค่เปลือกนอกที่ทำให้นายสนใจ เนื้อหาด้านในอาจจะไม่ตรงใจหรือไม่สนุกอย่างที่นายเคยคิดก็เป็นได้ ก็เหมือนกับการที่นายศึกษานิสัยใจคอกับใครสักคน เมื่อเราเห็นนิสัยที่แท้จริงของเค้าที่ไม่ตรงกับสิ่งที่เราเคยคิดเอาไว้ เราก็อาจจะเลิกอ่านหนังสือเล่มนั้นกลางคันก็เป็นได้ หรือไม่เราอาจจะอ่านมันจนจบเล่มแล้ววางมันทิ้งไว้บนตู้หนังสือไม่ได้แตะต้องมันอีก

                     ฉันอยากให้พวกนายทุกคนรู้จักเลือกหนังสือ พิจารณากันดีๆก่อนตกลงใจจะซื้อมัน อย่ามองเพียงแค่ปกหรือเรื่องย่อเพียงเท่านั้น ฉันขอให้พวกนายเจอหนังสือเล่มที่กำลังตามหา ขอให้นายอ่านมันจนจบและรู้สึกสนุกไปกับการได้อ่านมัน และไม่เคยคิดจะเบื่อที่จะหยิบมันขึ้นมาอ่านอีกครั้งและอีกครั้ง นี่คือสิ่งที่คนรักกันควรจะเป็น หากพวกนายยังอยากจะลองศึกษาหนังสือเล่มที่ฉันแนะนำให้ในวันนี้ ฉันก็ขอให้พวกนายสนุกกับการอ่านหนังสือนะ ฉันที่เป็นคนแนะนำหนังสือเรื่องนี้คงยินดีน่าดูหากทุกคนตกลงใจที่จะซื้อมันและอ่านมันจนจบ^^” พี่ใหญ่ของโต๊ะฝากข้อคิดให้น้องๆได้คิดกัน ก่อนจะปิดงานได้อย่างสวยงาม

                    “เดี๋ยวฉันจะพาเรียวอุคไปเที่ยวซักหน่อยนะ ไหนๆก็หยุดงานมาแล้วก็ขอใช้เวลาให้เต็มที่ซักหน่อย เจอกันที่ทำงานพรุ่งนี้นะซองมิน เราด้วยละดงเฮ ดูแลตัวเองดีๆกันนะ อย่าเที่ยวกันจนกลับดึกดื่นละ เดี๋ยวพี่ไปก่อนนะ บายรยออุคและเยซองโบกมือบ๊าย บายสี่คนที่เหลือพลางเดินจับมือกันออกไปจากสถานที่ตรงนี้

                    มินนี่จะให้เค้าไปส่งที่บ้านก่อนมั้ย หรือจะไปไหนหรือเปล่า เดี๋ยวเค้าไปส่ง ไม่อยากให้เพื่อนกลับคนเดียวดงเฮหันมาถามเพื่อนรักอย่างเป็นห่วง

                    ไม่เป็นไรหรอกด๊อง เดี๋ยวเค้าเดินเล่นแถวๆนี้หรือไม่ก็อาจจะกลับบ้านเลยน่ะ ด๊องไปทำงานกับคิบอมเถอะ แดดเริ่มจะร้อนแล้ว มายืนตากแดดนานๆ    เดี๋ยวไม่สบายเอานะ มีอะไรต้องรีบโทรหาเค้านะ ฝากด๊องด้วยนะคิบอมซองมิน  โบกมือลาอีกคู่ที่ขอตัวไปทำงานที่ห้องสมุดใกล้ๆแถวนี้ ดงเฮเองก็ยังคงเป็นห่วงเพื่อน แต่ก็โดนเพื่อนตัวอวบดันหลังให้เดินไปกับคนร่างสูงจนได้        ..

                    คยูฮยอน ฝากส่งซองมินเพื่อนฉันทีนะ อย่าให้เดินกลับคนเดียวนะดงเฮยังไม่วายตะโกนกลับมาบอกด้วยความเป็นห่วง

                    ฉันกลับคนเดียวได้น่าด๊อง  ไม่ต้องให้หมอนี่ไปส่งหรอกซองมินเองก็ตะโกนตอบกลับเพื่อนรักไป ก่อนจะหันมามองคนข้างกายที่ยังคงยืนมองตนไม่ไปไหน

                    นายเองก็กลับบ้านดีๆแล้วกันนะ ถ้างั้นแยกกันตรงนี้เลยแล้วกัน ไปนะ บายซองมินโบกมือให้อีกคนพลางเดินแยกจากคนร่างสูงมา ในใจตอนแรกก็นึกอยากกลับไปนอนเล่นที่บ้าน ไหนๆวันนี้ก็ได้หยุดงานทั้งที แต่อีกใจก็อยากไปเดินเล่นอยู่เหมือนกัน เอาไงดีน้า

                    เพื่อนๆไม่อยู่ไม่ใช่หรอครับ กลับไปนอนเล่นที่บ้านคงเหงาแย่เลยนะ    เสียงทุ้มนุ่มดังขึ้นทางด้านหลังของคนที่กำลังยืนใช้ความคิดอยู่ ซองมินสะดุ้งเบาๆ พลางหันไปมองคนร่างสูงที่ตนเพิ่งเดินแยกมาเมื่อกี้

                    เอ้า นายยังไม่กลับบ้านอีก ไม่ต้องไปส่งฉันหรอก ฉันกลับเองได้

                    “แต่ผมกลับบ้านเองไม่ได้ครับ อยากให้คนไปส่งยิ้มอย่างกวนๆให้อีกคน

                    โตจนป่านนี้แล้วกลับบ้านเองไม่เป็นได้ไง นายนี่มัน ซองมินทำเสียงฮึดฮัดอย่างขัดใจ พลางมองหน้าอีกคน

                    “ไปเดินเล่นกันมั้ยครับ ผมกลับไปก็ต้องอยู่บ้านคนเดียว น่าเบื่อจะตาย กระต่ายขาวเองกลับบ้านไปก็ต้องอยู่คนเดียวเหมือนกันไม่ใช่หรอครับ นะๆๆ ไปเที่ยวเป็นเพื่อนผมหน่อยนะ ตั้งแต่ผมกลับมาที่นี่ ผมยังไม่ค่อยได้ไปเที่ยวไหนเลย พาเที่ยวหน่อยนะครับว่าพลางส่งสายตาแป๋วอ้อนวอนอีกคนราวกับเป็นเด็กน้อย แล้วอย่างนี้จะไม่ให้ซองมินใจอ่อนได้อย่างไรกัน หรือคนตรงหน้านี้จะรู้กันนะว่าเค้าแพ้ทางเด็ก    ขี้อ้อนขนาดไหน

                    อือ ก็ได้ๆ เห็นว่าวันนี้ว่างไม่มีอะไรทำหรอกนะถึงยอมไปด้วยน่ะ อยากไปไหนละว่ามาสิเอ่ยถามอีกคนแต่ก็ได้เพียงรอยยิ้มหวานๆกลับมาแทนคำตอบ

                    ที่ไหนก็ได้ครับ ให้เลือกเลยว่าอยากไปที่ไหน ผมจะไปด้วยทุกที่เลยครับ

                    “พูดเองนะ ถ้าฉันพานายไปฆ่าก็อย่ามาร้องนะ แล้วก็เลิกเรียกฉันว่ากระต่ายขาวได้แล้ว ฉันบอกว่าฉันชื่อซองมินไง

                    “ครับ ซองมิน ^^”

                    เอ๊ะ แต่ฉันแก่กว่านายนะ ทำไมไม่เรียกฉันว่าพี่ละ พี่ซองมินน่ะเรียกเป็นมั้ยเอ่ยท้วงความอาวุโสของตน เพราะตั้งแต่คุยกันมานอกจากคนตรงหน้าจะไม่เรียกชื่อตนแล้วยังไม่มีคำว่าพี่หน้าสรรพนามกระต่ายขาวที่คนร่างสูงเรียกแม้แต่น้อย

                    เรียกว่าพี่ซองมินก็เรียกได้นะครับ แต่ผมไม่อยากเรียก ผมไม่อยากให้พี่เป็นพี่ผมนี่นา เรียกซองมินเฉยๆได้มั้ยครับ^^” ยืนยันย้ำชัดสถานะว่าไม่ได้ต้องการพี่ชาย แต่เป็นสถานะอื่นที่อยากให้คนร่างบางได้เป็น

                    บ้าฉันไม่เถียงกับนายแล้ว เรียกอะไรก็เรียกไปเถอะ ตอนนี้จะไปไหนก็รีบไปเถอะเดี๋ยวแดดจะร้อนมือบางพัดโบกใบหน้าที่รู้สึกร้อนขึ้นทันทีที่ได้ยินคำของ     คนร่างสูง พลางรีบตัดบทพาคนตัวโตกว่าไปขึ้นรถเมล์ทันที

                    บนรถเมล์ที่แน่นไปด้วยฝูงชนที่มาจากทั่วทุกสารทิศ อย่าว่าแต่หาที่นั่งเลย แค่พื้นที่จะแทรกตัวขึ้นไปยืนยังแทบจะไม่มีเลยจริงๆ ซองมินเดินเบียดๆเข้าไปด้านในเพื่อเกาะเสาไว้ไม่ให้ล้ม ตามมาด้วยคยูฮยอนที่อยู่ไม่ไกลคนร่างบางเท่าไรนัก

                    ติ๊ดๆๆเสียงข้อความเข้าดังขึ้นทำให้มือบางต้องล้วงลงไปในกระเป๋าเพื่อหยิบมือถือขึ้นมาดู แต่ด้วยความแคบของรถเมล์ทำให้การค้นของนั้นไม่สะดวกนัก   มือบางที่กำลังรื้อค้นของในกระเป๋าดันไปกระแทกเข้ากับเป้าแข็งๆของผู้ชายอีกคนที่ยืนติดกับตนอยู่ ซองมินพยักหน้าเป็นเชิงขอโทษอีกคน ก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาดู

                    เค้าถึงที่ห้องสมุดแล้ว มินนี่กลับบ้านปลอดภัยดีมั้ย เค้าเป็นห่วงนะ’                เป็นข้อความจากดงเฮนั่นเอง มือบางกดข้อความส่งกลับไปให้อีกคนหายห่วง ก่อนจะหันกลับมาเกาะเสาเช่นเคย แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคืออะไรแข็งๆที่ตามมาดุนอยู่ด้านหลังของตน และอยู่ๆก็มีมือล้วงเข้ามาในเสื้อยืดของตนพลางลูบไล้ไปตามหน้าท้องเนียน ร่างบางรีบหันกลับไปมองคนที่กระทำการลวนลามตนก็เห็นเป็นผู้ชายคนที่เค้าเอามือไปโดนของสงวนเมื่อครู่

                    เห็นหน้าเธอแล้วทำให้ฉันเกิดอารมณ์ ยิ่งเธอมาสัมผัสโดนของฉันมันยิ่งทำให้ฉันอยาก ดังนั้นเธอต้องรับผิดชอบไม่พูดเปล่ามือสากๆที่ลูบไล้เลื่อนขึ้นไปที่เม็ดบัวสีหวาน ซองมินรีบสะบัดมืออีกคนออกอย่างรังเกียจ แต่ผู้ชายคนนั้นก็ยังไม่ยอมรามือง่ายๆ

                    หมับ!!!ขอโทษนะครับ คนนี้แฟนผมไม่ทราบว่าคุณจะทำอะไรครับ             มือหนาคว้ามืออีกคนออกจากเสื้อของคนร่างบางพลางบีบมันแน่นด้วยความโมโห แม้น้ำเสียงจะนิ่งและคงไว้ซึ่งความสุภาพ แต่หน้าตาบ่งบอกว่าตอนนี้คนร่างสูงโกรธมากแล้ว เค้ายืนมองเหตุการณ์อยู่ตลอดและเห็นไอโรคจิตคนนี้มองร่างบางมาตั้งแต่ขึ้นรถแล้วด้วย และก็เป็นไปตามคาดที่มันเดินไปลวนลามกระต่ายขาวของเค้าถึงที่

                    ขอโทษครับ ไม่ทราบว่ามีแฟนแล้ว

                    “ถึงยังไม่มีแฟนก็ไม่สมควรทำกับใครเค้าแบบนี้ จำไว้นะไอโรคจิต ”            คยูฮยอนหักมือที่กำแน่นนั้นเสียงดังกร๊อบ ก่อนจะตามมาด้วยเสียงโอดครวญของผู้ชายคนนั้นที่ดูเหมือนกระดูกข้อมือจะเคลื่อนเป็นแน่

                    ซองมินเป็นอะไรหรือเปล่าหันไปถามอีกคนที่ยืนมองด้วยสายตาที่หวาดกลัวอยู่ไม่น้อย มือหนาฉุดแขนอีกคนพลางดึงตัวเข้ามาซุกที่อก

                    ขอโทษที่เข้ามาช่วยช้า มันไม่ได้ทำอะไรใช่มั้ยถามพลางลูบหัวอีกคนอย่างปลอบโยน ซองมินส่ายหน้าน้อยๆ ยอมรับว่าตกใจกลัวกับเหตุการณ์เมื่อครู่อยู่มาก และไม่คิดว่าจะมีใครมาช่วยตนเอง ดีนะที่คยูฮยอนเข้ามาช่วยเหลือเค้าก่อนที่จะเสร็จไอโรคจิตนั่นบนรถเมล์ เมื่อเห็นที่นั่งว่าง  คยูฮยอนจึงพาคนร่างบางไปลงนั่ง ก่อนที่จะใช้ร่างกายของตนเองยืนคร่อมไม่ให้ใครเข้าใกล้คนร่างบางอีก

                    เดี๋ยวถึงที่ที่อยากไปแล้วบอกผมนะ

                    รถเมล์คันใหญ่เคลื่อนผ่านไปตามเส้นทางเรื่อยๆ แม้ว่ามันจะขยับเขยื้อนได้เชื่องช้านักเนื่องจากรถที่ติดมากก็ตาม

    เอี๊ยดดดดดดดดด!!!!” อยู่ๆรถคันโตก็เบรกเสียสุดตัว ทำให้คนร่างสูงที่  ยืนคร่อมอยู่นั้นไม่ทันได้เกาะเสาให้มั่นคง ทำให้ร่างทั้งร่างล้มพับลงมาทับคนที่ตนเองยืนคร่อมอยู่ เป็นจังหวะเดียวกับที่ซองมินเงยหน้าขึ้นมองคนบนร่างในพอดี ทำให้ปากของทั้งสองคนแตะกันโดยไม่ตั้งใจ ดวงตากลมโตคู่สวยเบิกกว้างเมื่อมีสัมผัสอุ่นๆมาแตะโดนที่ริมฝีปากเบาๆ

    เอ่อ ขอโทษครับ พอดีรถมันเบรก ผมไม่ทันระวังร่างสูงเองก็ตกใจไม่     แพ้กัน คยูฮยอนรีบลุกขึ้นจากตัวอีกคนพลางหันหลังให้อย่างทำอะไรไม่ถูก มือหนายกขึ้นแตะที่ปากตัวเองเบาๆ สัมผัสเมื่อครู่ยังคงรู้สึกได้จางๆที่ริมฝีปาก ไม่ต่างจากซองมินที่เผลอยกมือขึ้นแตะริมฝีปากตนเองเช่นกัน แม้มันจะเป็นเพียงอุบัติเหตุเล็กๆ  ที่เกิดขึ้นเพียงไม่กี่วินาที แต่ดันก่อเหตุไว้เสียใหญ่โตให้คนทั้งคู่ได้ใจตุ้มๆต่อมๆเล่น

    ไปเถอะ ถึงแล้วเมื่อถึงที่หมายร่างบางก็กระตุกเสื้ออีกคนเป็นสัญญาณ คยูฮยอนพยักหน้ารับ พลางถือวิสาสะจับมืออีกคน ก่อนจะพากันเบียดผู้คนที่แน่นเอียดนั้นลงมาจากรถ

    ที่นี่คือ….” เสียงทุ้มเอ่ยถามอีกคน พลางกวาดตามองไปทั่วบริเวณ ด้านหน้าของเค้าตอนนี้เป็นเครื่องเล่นหวาดเสียวมากมาย เสียงกรีดร้องดังลั่นปกคลุมทั้งสถานที่ ผู้คนมากมายทั้งชายหญิง ไม่ว่าจะมาเป็นคู่ มากลับกลุ่มเพื่อนหรือแม้แต่มาเป็นครอบครัวเองก็ตาม

    สวนสนุกไงละ ….จะว่าไปก็ไม่ได้มานานแล้วนะเนี่ย คิดถึงวันเก่าๆจัง   พูดพลางนึกย้อนไปถึงวันเวลาเก่าๆที่เค้าเคยมาเล่นที่นี่ ล่าสุดคงจะเป็นเมื่อตอน      ปีหนึ่งสินะ ตอนที่อึนฮยอกไปหักอกชาวบ้านเค้ามา ด้วยความเป็นแม่พระก็มาร้องห่มร้องไห้เสียใหญ่โต เค้ากับดงเฮเลยพามาร้องตะโกนปลดปล่อยที่นี่ วันเวลามันช่างผ่านไปเร็วจังเลยนะ นี่ก็ผ่านมาสองปีแล้วหรอเนี่ยที่เค้าไม่ได้มาเหยียบที่แห่งนี้เลย

    ซองมินจะพาผมมาเล่นเครื่องเล่นที่นี่หรอครับสะกิดไหล่อีกคนพลางถาม ซองมินที่เล่นกับตุ๊กตามาสคอตกระต่ายสีขาวตัวโตอยู่หันมามองคนที่พามาด้วย

    นายชอบกลางวันหรือกลางคืนมากกว่ากันร่างบางไม่ได้ตอบคำถามของคนร่างสูง แต่กลับถามคำถามกลับมาแทน

    อืมคงเป็นกลางวันมั้งครับ ผมว่าเวลากลางวันเป็นเวลาที่เราได้ทำกิจกรรมหลายๆอย่าง ได้เล่นได้พูดคุยกับคนมากมาย ตอนกลางคืนสิ่งเดียวที่คนเราทำก็คือนอน แบบนั้นน่าเบื่อออกนะผมว่า แล้วซองมินชอบกลางวันหรือกลางคืนละ

    ฉันหรอ….อืม ฉันชอบทั้งสองอย่างเลยละ

                    “อ้าว ขี้โกงนี่นา มันเป็นคำถามที่ให้เลือกนะครับเอ่ยท้วงอีกคนที่ไม่ยอมเลือกคำตอบของคำถาม

                    ฮ่าๆ ก็มันเลือกไม่ได้นี่นา ไม่ว่าจะเป็นกลางวันหรือกลางคืนฉันก็ชอบทั้งนั้นละ ที่ฉันชอบที่สุดคือนี่ต่างหากละว่าพลางชี้มือขึ้นฟ้าให้คนร่างสูงได้มองตาม

                    ในเวลากลางวันสิ่งที่สวยที่สุดก็คือเจ้าก้อนขาวๆที่ลอยอยู่บนนั้นไงละ     ถ้านายลองนอนมองมัน แล้วจินตนาการว่ามันคืออะไร นายก็จะรู้สึกสนุกไปกับมันส่วนในเวลากลางคืนสิ่งที่สวยที่สุดก็คือดวงดาวไงละ ท้องฟ้าสีมืดที่มีดวงดาว             โปรยปรายไปทั่ว เวลาฉันมองสองสิ่งนี้มันทำให้ฉันรู้สึกสบายใจ จริงๆมันเป็นความสุขที่เป็นความลับของฉันนะ ฉันไม่เคยบอกใครเลยละ แต่เค้าว่ากันว่าคนเราเวลามีความสุขก็ต้องรู้จักแบ่งปัน และนายจะเป็นคนแรกที่ฉันจะแบ่งให้ซองมินยิ้มหวานพลางหันไปเล่นกับเจ้ากระต่ายตัวโตอีกครั้ง คยูฮยอนยืนมองแผ่นหลังของอีกคนด้วยหัวใจที่พองโต รู้สึกดีไม่น้อยที่ได้เป็นคนแรกที่ร่างบางแบ่งปันความรู้สึกดีๆให้

                    เจ้ากระต่ายตัวนี้น่ารักเนอะ สีขาวด้วยซองมินหันมาหาอีกคน   เหมือนซองมินไงครับ กระต่ายขาวขนปุกปุย

                    “ไหนๆวันนี้เราก็มาลองเดทกันแล้ว นายเองก็ตั้งชื่อเล่นให้ฉันแล้ว ฉันตั้งชื่อเล่นให้นายบ้างดีกว่า ดีมั้ยถามอย่างนึกสนุก

                    ดีสิครับ เรียกกันด้วยชื่อเล่นจะได้ดูเป็นคู่ไงครับ  แล้วซองมินจะให้ผมชื่ออะไรถามอย่างสงสัย

                    อือ เอาอะไรดีน้า…. เอาเป็นนายเสี่ยวเอ๋อเป็นไง น่ารักดีอ่า เพราะเวลานายไม่เสี่ยวแล้วหน้านายดูเอ๋อๆ ดูตอนนี้สิ ฮ่าๆๆว่าพลางชี้หน้าหัวเราะอีกคน  เมื่อคยูฮยอนทำหน้าเอ๋อตามที่ร่างบางพูดเด๊ะ

                    ไม่มีชื่ออื่นหรอครับ ชื่อตุ๊ดแท้ TT”

                    น่ารักออก หรือจะให้เรียกคยูฮยอนกับซองมินเหมือนเดิม

                    “ไม่เอาครับ เอาเสี่ยวเอ๋อก็ได้ ผมยอมแล้วสุดท้ายก็ต้องยอมรับชื่อนี้เพราะอยากเป็นคนพิเศษของร่างบาง

                    งั้นเราไปกันเถอะ ไหนๆวันนี้ก็มาเดทกันแล้ว ฉันก็จะพานายไปดูความสุขของฉัน เผื่อมันจะทำให้นายมีความสุขบ้างว่าพลางยื่นมือให้อีกคนจับ คยูฮยอนเองก็ไม่รอช้าที่จะจับมือนุ่มของคนร่างบางเช่นกัน

                    ระหว่างทางที่เดินไปสถานที่แห่งความสุขของซองมินนั้น ร่างบางก็จะคอยหยุดแวะทักทายตุ๊กตามาสคอตด้วยใบหน้ายิ้มแย้มตลอดทาง คยูฮยอนที่ยืนสังเกตคนร่างบางอยู่ตลอดจึงพอจับได้ว่า อีกสิ่งหนึ่งที่เป็นความสุขของซองมินนั่นก็คือการที่ได้เล่นกับตุ๊กตามาสคอตนั่นเอง มือบางถือลูกโป่งสวรรค์3-4ใบเหมือนเด็กน้อย     พลางยิ้มหวานอย่างมีความสุข

                    ถึงแล้ว ที่นี่ไง สถานที่แห่งความสุขที่รวมกลางวันกลางคืนไว้ให้ฉัน       ว่าพลางชี้ให้ดูป้ายขนาดใหญ่ที่เขียนไว้ว่า

                    ‘ท้องฟ้าจำลอง’  คยูอยอนจัดการซื้อตั๋วเข้าชมสองใบ ก่อนจะจูงมืออีกคนเข้าไปด้านใน ท้องฟ้าจำลองแห่งนี้มีคนดูไม่มากนัก นอกจากเค้าสองคนก็มีเพียงเด็กเล็กๆประมาณสองสามคนเท่านั้นเอง เค้าทั้งคู่จึงหามุมสงบนั่งมองท้องฟ้าสีใสที่ถูกจำลองขึ้น

                    เวลาได้นั่งมองท้องฟ้าแบบนี้ ฉันรู้สึกสงบที่สุดเลยรู้มั้ย นายว่าก้อนเมฆ     ที่ลอยอยู่นั้นเป็นรูปอะไรกันมือบางชี้ไปที่เมฆก้อนใหญ่พลางพยายามจินตนาการไปต่างๆนานา

                    ผมว่ามันเหมือนซองมินคำตอบที่ได้ทำเอาร่างบางหันมามองคน          ข้างกายอย่างสงสัย

                    ก็เพราะว่าในสายตาผมมองเห็นแต่พี่คนเดียวน่ะสิครับ ทุกๆอย่างที่มองก็เลยเห็นเป็นพี่ไปหมดเลยเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้มหวานหยดที่มาพร้อมกับมุกเสี่ยวตามสไตล์คยูฮยอน

                    ฮ่าๆ นายเสี่ยวเอ๋อ นายนี่มันเสี่ยวไม่ทิ้งลายจริงๆ ฉันนึกว่าวันนี้จะไม่ได้ยินอะไรเสี่ยวๆจากปากนายแล้วนะเนี่ยเอ่ยบอกอย่างแซวๆ พลางหันไปสนใจท้องฟ้าด้านบนอีกครั้ง จากก้อนเมฆที่ลอยละล่องบนผืนผ้าสีฟ้ากว้าง แปรเปลี่ยนเป็นก้อนเมฆสีทองที่โดนแดดยามเย็นส่องกระทบ ดวงอาทิตย์ดวงโตค่อยๆลับลงที่ขอบฟ้า ก่อนที่ดวงจันทร์สีเหลืองนวลจะค่อยๆเด่นชัดขึ้นในเวลาที่ผืนฟ้าแปรเปลี่ยนเป็นสีดำ

                    ดูนั่นสิคยู กลุ่มดาวลูกไก่ละ สวยเนอะ ฉันเองก็อยากมีดาวเป็นของตัวเองบ้างจัง

                    จริงหรอครับ เอาเป็นอะไรดีครับ กลุ่มดาวกระต่ายมั้ย เดี๋ยวผมช่วยเลือกซองมินอยากได้ดวงไหนครับว่าพลางชี้มือหากันสองคนจากกลุ่มดาวนับร้อยที่ปรากฏเด่นบนท้องฟ้า

                    นั่นเลย ดวงนั้นเลย สวยสุด มันคือดาวซองมิน หรือดาวกระต่ายขาวละซองมินชี้ไปที่ดวงดาวที่ส่องสว่างอยู่ดวงเดียวข้างพระจันทร์ที่กลมเต็มดวง

                    นายไม่หาบ้างหรอคยู เอาดาวข้างๆฉันมั้ย เวลาฉันอยู่บนดาวนั้นฉันจะได้ไม่เหงาซองมินถามพลางคัดเลือกดาวให้คนข้างกายได้อยู่ใกล้ๆตน

                    ไม่ละครับ ผมมีดาวเป็นของตัวเองแล้วล่ะครับ

                    จริงหรอ ไม่เห็นบอกกันเลย ดวงไหนละที่นายเลือกไว้ถามอย่างสงสัย

                    ดวงนี้ไงครับว่าพลางประคองใบหน้าสวยให้มองหน้าตนชัดๆพลางชี้     เข้าไปในดวงตาสีนิลของตนเองที่สะท้อนภาพของคนตรงหน้า ยิ่งมองเข้าไปลึกเท่าไรก็ยิ่งเหมือนหลุมดำที่ดึงดูดไม่ให้ละสายตาออกจากดวงตาคู่นี้ได้เลย

                    ไหนละคยู ดวงดาวของนายเอ่ยถามอีกคนเสียงแผ่ว หัวใจรู้สึกเต้นแรงเมื่อมองตาใครสักคนและเห็นภาพของตนเองสะท้อนดั่งกระจก

                    ซองมินไงครับ ดวงดาวของผม ผมไม่อยากให้ดวงดาวของผมไปลอยเด่นบนท้องฟ้าให้ใครจับจอง แต่ผมอยากให้ดวงดาวคู่นี้อยู่ในสายตาผมแบบนี้ตลอดไปน่ะครับบางครั้งคำรักที่ว่าเสี่ยว แต่พอได้บรรยากาศช่วยเสริมแบบนี้มันก็ฟังแล้ว รู้สึกดีแปลกๆนะ ซองมินมองจ้องตาอีกคนด้วยดวงตากลมโตแป๋ว  คยูฮยอนค่อยๆเลื่อนใบหน้าเข้าหาอีกคนช้าๆ ก่อนจะกดจูบลงบนหน้าผากเนียนเบาๆ

                    ผมรู้ว่าซองมินไม่ชอบคนเสี่ยว ผมรู้ว่าผมยังคงเป็นเด็กที่คิดจะปีนเกลียว และผมรู้ว่ามันยังคงเร็วไปที่คุณจะตัดสินใจซื้อหนังสือเล่มนี้อย่างที่พี่เยซองเป็น           คนแนะนำ แต่ผมขอได้มั้ยครับ ขอให้พี่ลองเปิดใจอ่านมันดีๆ ผมไม่รู้ว่าหนังสืออย่างผมจะมีค่าพอให้ซองมินอ่านจนจบมั้ย แต่คพี่คือเจ้าของที่มีค่ากับหนังสืออย่างผมมากจริงๆ

                    “คยู.ร่างบางครางเรียกชื่ออีกคนเสียงแผ่ว

                    ผมไม่ได้เร่งรัดเอาคำตอบอะไรจากพี่ แค่อยากบอกให้รู้ไว้เท่านั้นละครับ ค่อยๆอ่านค่อยๆตัดสินใจนะครับ ผมรอได้เสมอ แต่วันไหนที่พี่อึดอัดแล้วอยากให้ผมเลิกรอ ผมก็ยินดีหากมันเป็นคำขอของซองมิน

                    ขอบคุณนะสำหรับความรู้สึกดีๆที่นายให้ แต่ฉันว่ามันคงจะยังเร็วไปถ้าจะให้คำตอบอะไรตอนนี้ ฉันจะไม่บังคับให้นายรอ วันไหนที่นายเจอคนที่ถูกใจกว่า         เจอคนที่นายชอบมากกว่าฉัน ฉันเองก็ยินดีให้นายไปเหมือนกัน

                    ครับ ขอบคุณสำหรับความสุขในวันนี้ที่พี่แบ่งปันให้ผมเช่นกัน ไว้คราวน่าหากเรามีโอกาสได้เดทกันอีกครั้ง ผมจะแบ่งปันความสุขของผมให้พี่เช่นกัน”                 มือหนาลูบมือบางเบาๆพลางยกขึ้นจูบแทนคำขอบคุณที่ให้ไว้

                    ไปกันเถอะครับ นี่ก็เริ่มเย็นแล้วล่ะ เรากลับบ้านกันดีกว่าเนอะหลังจากที่ชมท้องฟ้าจำลองจบ ก็ถึงเวลากลับบ้านของคนทั้งคู่กันแล้ว

                    เดี๋ยวๆคยู ขอแวะที่นี่ก่อนได้มั้ย ฉันไม่ได้มานั่งนานมากแล้วในขณะที่   ทั้งคู่กำลังเดินเข้าหมู่บ้าน ร่างบางก็หันไปเห็นสนามเด็กเล่นของหมู่บ้านที่เมื่อ            สมัยเด็กๆเคยมาเล่น จึงเอ่ยเรียกคนร่างสูงให้หยุดเดินก่อน ขาเรียวบางเดินเข้าไปใน       สนามเด็กเล่น พลางนึกย้อนไปถึงสมัยเด็ก สมัยที่ตนเคยเล่นเครื่องเล่นเหล่านี้กับเด็กผู้ชายที่เป็นเหมือนรักแรกของเค้า ร่างบางเดินตรงไปที่ชิงช้าไม้ที่ยังคงสภาพเหมือนเดิม เหมือนเมื่อ 15 ปีที่แล้ว

                    นายรู้มั้ย นี่คือสถานที่แห่งความทรงจำของฉันเลยนะร่างบางพูดไว้          แค่นั้น ก่อนจะลงนั่งบนชิงช้าไม้พลางไกวน้อยๆ

                    ฉันเข้าใจว่าอดีตคือสิ่งที่มีไว้จำ แต่บางครั้งมันก็จำจนฝังลึกจนยากที่จะลืมเลยละ เฮ้อ…” เมื่อนึกถึงเรื่องราวที่ตนรอคอยก็รู้สึกหนักใจเสียเหลือเกิน

                    ซองมินอยากจะระบายอะไรหรือเปล่าครับเมื่อเห็นสีหน้าเศร้าของ      คนตัวบางร่างสูงก็อดถามไม่ได้จริงๆ

                    ฉันยังไม่พร้อมจะพูดถึงมัน   ไม่สิ  ฉันไม่อยากจะรื้อฟื้นมันขึ้นมาต่างหาก ช่างมันเถอะ อดีตก็คืออดีต เรากลับบ้านกันเถอะว่าพลางลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินนำอีกคนกลับไปที่บ้านของตนเอง

                    กลับบ้านดีๆละ เดินระวังๆด้วย ฝันดีนะเสี่ยวเอ๋อเมื่อมาถึงหน้าบ้านก็โบกมือลาคนที่มาส่งทันที คยูฮยอนยิ้มให้อีกคนพลางโบกมือลา

                    ฝันดีครับกระต่ายขาวแล้วเจอกันในฝันนะครับ

                    “เจอกันทั้งวันแล้วนายยังจะตามมาหลอกหลอนฉันถึงในฝันอีกหรอไง ฮ่าๆร่างบางเอ่ยแซวพลางหันหลังเข้าบ้านไป คยูฮยอนเมื่อเห็นร่างบางกลับเข้าบ้านแล้วจึงเดินกลับบ้านของตนเองบ้างเช่นกัน

                    แหม บอกคนอื่นว่าอย่ากลับบ้านดึกแต่ตัวเองละกลับซะมืดเชียวนะ   อึนฮยอกและดงเฮที่มาถึงบ้านก่อนแล้วรีบเดินมากระแหนะกระแหนเพื่อนในทันใด

                    ไปไหนมาวันนี้ ไหนบอกไม่ชอบเค้าไง หายไปกับเค้าซะดึกดื่นเชียวนะ

                    “โอ๊ยๆ ไม่ต้องลากกันก็ได้น่า เล่าแล้วๆ เล่าให้หมดเลย แต่ด๊องกับฮยอกต้องเล่าให้ฟังด้วยว่าวันนี้ไปไหนกันมา โอเคปะ

                    “ได้เลย เริ่มที่คนกลับบ้านช้าสุดกันก่อนเลยแล้วกันว่าพลางหยิบหมอนหยิบขนมมานั่งคุยกันที่ห้องนั่งเล่น ดูท่าคืนนี้คงได้เม้าท์มอยกันอีกยาวไกลแน่นอน

     


    talk : อยากได้คู่นัดบอดแบบไหนกันเอ่ย พี่เย่ บอม หรือคยู ^^ ไปเลือกเอาแลวกันเนอะ รักรีดเดอร์

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×