คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : ความเข้าใจผิดที่คิดไปเอง
- ร้านตัดเสื้อนฤบดินทร์ -
เมื่อนารานิทสงบสติอารมณ์ได้แล้ว ก็สังเกตเห็นว่ามีแขกมาเยือนแลไม่ใช่ใครที่ไหนคือคุณหญิงฟ้าสอางค์นั่นเอง
“คุณหญิงมานานหรือยังคะ ขอโทษนะคะที่วันนี้วุ่นวายเสียหน่อยเลยไม่ได้ต้อนรับคุณหญิง”
“ไม่เป็นไรค่ะ หญิงมาพร้อมพี่นนท์ค่ะ”
“พี่ลืมไปเลยมัวแต่ปลอบเรา น้องหญิงเขาอยากตัดชุดใหม่พี่ก็เลยพามาที่ร้านเพราะมีผ้าให้เลือกกับแบบให้ดู น้องหญิงสงสัยอะไรจักได้ถามเราได้เลย”
คุณชายนนทกูลอธิบายเหตุผลที่พาคุณหญิงฟ้าสำอางค์มาที่ร้านของนารานิท นารานิท นีฤนาถ คุณหญิงฟ้าสอางค์ก็ได้ทำความรู้จักสนิทสนมกันมากขึ้น
“คุณหญิง อยากได้แบบไหนชอบแบบไหนเลือกดลยค่ะ เดี๋ยวนีจักตัดให้สุดฝีมือเลยค่ะ แถมลัดคิวให้ด้วย”
“ไม่ต้องขนาดนั้นดอกค่ะคุณนี ขอบคุณมากนะคะ แต่ลัดคิวหญิงขอนะคะ”
ทั้งนีฤนาถแลคุณหญิงฟ้าสอางค์ต่างหัวเราะพร้อมกันเบา ๆ คุณชายนนทกูลที่สังเกตอยู่นานก็รู้สึกได้ว่าทั้งสองสนิทกันเร็วจนน่าแปลกใจจนเอ่ยถามขึ้นบ้าง
“สาว ๆ สนิทกันเร็วนะ จนพี่คิดว่ารู้จักกันมาก่อนแล้ว”
“แน่นอนอยู่แล้วค่ะ คุยเรื่องเดียวกันรู้เรื่องจักไม่ให้สนิทกันเร็วได้ไงคะ ต่อให้ไม่รู้จักกันมาก่อนก็สนิทกันได้ใช่ไหมคะพี่นิท คุณหญิง”
“ใช่ค่ะ”
นีฤนาถเป็นตอบคุณชายนนทกูล แลนารานิทกับคุณหญิงฟ้าสอางค์ก็เล่นไปกับเขาด้วยพูดพร้อมกัน ทำให้สามสาวพากันหัวเราะอย่างสนุก
“อีก 2-3 วัน คุณหญิงก็มารับชุดได้เลยนะคะ นิทจักเร่งตัดให้สุดฝีมือเลยค่ะ”
“คุณนิทไม่ต้องรีบดอกค่ะ หญิงรอได้ขอแค่ตัดออกมาหญิงใส่แล้วงามก็พอค่ะ”
“พี่ว่าน้องหญิงใส่อะไรก็งามหมดนั่นแหละค่ะ”
“หญิงไม่เชื่อคำพูดพี่นนท์ดอกค่ะ แต่ก็ขอให้จริงอย่างที่พี่นนท์ว่าก็แล้วกัน”
คุณชายนนทกูลเอ่ยชมคุณหญิงฟ้าสอางค์ตามความรู้สึกที่เห็นจริง ๆ แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจักไม่เชื่อคำพูดของเขาเลยเพราะหนีขึ้นรถไปเสียแล้ว
“คุณนิท หญิงกลับก่อนนะคะ ประเดี๋ยวจักมาใหม่”
“ค่ะ คุณหญิงเดินทางปลอดภัยนะคะ…จริงสิ นิทเกือบลืมไปเลย”
นารานิทนึกถึงคำพูดที่เคยคุยกับคุณชายนนทกูลไว้เมื่อคืนงานเลี้ยงเกี่ยวกับคุณหญิงฟ้าสอางค์ เลยอยากจักแกล้งพี่ชายสักหน่อย
“อะไรหรือคะ?”
“เมื่อคืนงานเลี้ยงพี่นนท์เคยบอกนิทว่าคุณหญิงหน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่ด้วยค่ะ”
“หนูนิท พอเลยค่ะ พี่กลับก่อนนะคะ”
“จริงหรือคะ คุณนิท พี่นนท์บอกหญิงหน้าตาขี้เหร่หรือคะ?”
“จริงค่ะ”
นารานิทเห็นสีหน้าคุณหญิงฟ้าสอางค์ท่าทางไม่พอใจ กับคุณชายนนทกูลที่ทำตัวไม่ถูก แล้วก็ขับรถออกไปไม่ลาสักคำ ก็แอบอดยิ้มออกมาไม่ได้ อยากจักรู้เหมือนกันว่าพี่ชายสุดที่รักจักง้อหญิงสาวอย่างไร หรือจักปล่อยให้ผู้หญิงงอนอย่างนี้ต่อไป
- วังหินขาว -
“ถึงวังแล้วครับ น้องหญิงเป็นอะไรหรือนั่งเงียบมาเสียสุดทางเลย”
“พี่นนท์มิรู้จริง ๆ หรือแกล้งมิรู้กันแน่คะว่าหญิงเป็นอะไร”
“พี่มิรู้จริง ๆ ครับ”
คุณหญิงฟ้าสอางค์พอได้ยินคำตอบของคุณชายนนทกูลก็ยิ่งเพิ่มทวีความไม่พอใจขึ้นมาอีก แล้วก็เดินหนีคุณชายกลับเข้าวังแต่โดนคุณชายรั้งไว้ทัน
“น้องหญิงเป็นอะไรก็บอกพี่ตรง ๆ สิครับ”
“บอกตรง ๆ หรือคะ ได้ค่ะ พี่นนท์หาว่าหญิงขี้ริ้วขี้เหร่หรือคะ”
“พี่ไม่ได้พูดอย่างนั้นนะครับ พี่แค่พูดว่าเราก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่สักเท่าใด”
“แปลว่าหญิงไม่สวยหรือคะ”
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะ”
“หญิงไม่ฟังแล้วค่ะ ในสายตาพี่นนท์หญิงไม่สวยเลยหรือคะ”
คุณหญิงฟ้าสอางค์ไม่รอฟังคำตอบจากคุณชายนนทกูลเลย ก็สะบัดมือคุณชายออกจากตนแลก็รีบเดินเข้าวังไป ทิ้งให้คุณชายยืนงงกับเหตุการณ์ตรงหน้า
“พี่นนท์นะพี่นนท์ เมื่อครู่บอกหญิงใส่อะไรก็งามไปหมด พอมาประเดี๋ยวนี้บอกหญิงขี้เหร่เสียได้”
คุณหญิงฟ้าสอางค์บ่นกับตัวเองเบา ๆ
- 3 วันถัดมา ร้านเสื้อนฤบดินทร์ -
“คุณนิท คุณนี หญิงมารับชุดค่ะ”
“เสร็จพอดีเลยค่ะคุณหญิง”
“หญิงขอลองนะคะ”
“ได้เลยค่ะ”
คุณหญิงฟ้าสอางค์เดินเข้าไปลองชุด พอลองชุดเสร็จกำลังจักเดินออกจากห้องลองชุดพร้อมกับเอ่ยถึงคุณชายนนทกูลก็ประจวบเหมาะกับที่คุณชายนนทกูลเข้ามาในร้านพอดี
“คุณนิทดูพี่นนท์ของคุณนิทสิคะ ผ่านมา 2 วันแล้วไม่ง้อหญิงเลย..”
คุณชายนนทกูลเห็นคุณหญิงฟ้าสอางค์สวมชุดใหม่ที่นารานิทตัดให้ก็ตกตลึงไปกับความงามของคุณหญิงทั้งที่ตัวเองมิได้ถูกใจผู้หญิงคนใดด้วยซ้ำ
“พี่นนท์มาได้อย่างไรคะ”
“…”
คุณหญิงฟ้าสอางค์ถามคุณชายนนทกูลด้วยความตกใจ แต่คนถูกถามมิได้ตามอะไรเพราะมัวแต่ตะลึงกับความสวยของหญิงสาวตรงหน้าอยู่
“พี่นนท์!!”
“อะไรยัยนี พี่ตกใจหมดเลย"
นีฤนาถเป็นฝ่ายเรียกคุณชายนนทกูลเสียบ้าง ทำเอาเจ้าตัวสะดุ้งโหยงเลยทีเดียว
“เมื่อครูคุณหญิงถามว่าพี่นนท์มาได้อย่างไร…คุณหญิงสวยใช่ไหมล่ะ”
“สวย..เอ้ย..ไม่ใช่..เมื่อครู่ว่าอย่างไรนะ”
คุณชายนนทกูลเจอคำถามของนีฤนาถเข้าถึงกลับไปไม่เป็นเลยทีเดียว
“ตกหลุมรักคุณหญิงแล้วล่ะสิ”
“พอเลยยัยนี หยุดหยอกพี่ได้แล้ว”
“พี่นนท์มาง้อคุณหญิงหรือคะ”
ทุกคนต่างเข้าใจว่าคุณชายนนทกูลมาที่ร้านเพราะมาง้อคุณหญิงฟ้าสอางค์แต่เปล่าเลย คุณชายมาเพราะเรื่องอื่นต่างหาก
"พี่มาหาพวกเรานั่นแหละ ความจริงพี่ไปหาน้องหญิงที่วัง แต่น้องหญิงมาที่นี่แล้วก็ถือว่าพี่มาชวนสาว ๆ ไปทะเลพร้อมกันทั้งหมดเลยนะ พอดีว่าเพื่อนพี่เพิ่งกลับมาจากอเมริกาพร้อมภริยาแล้วก็ซื้อบ้านพักตากอากาศไว้ที่บางแสน แล้วนี่ก็ซัมเมอร์แล้วด้วยเลยอยากจักชวนพวกเราไปพักตากอากาศที่นู้นเลย สนใจอยากไปกันไหม?”
“ไปค่ะนีอยากไป นีไม่เคยไปทะเลเลยค่ะ”
“ถ้าจักไปก็ต้องขอแม่ก่อนนะคะ นิทอย่างไรก็ได้”
“หญิงอยากไปค่ะ หญิงอยากรู้ว่าทะเลเมืองไทยจักสวยเหมือนที่อเมริกาไหม”
“เรื่องขออนุญาตผู้ใหญ่ประเดี๋ยวพี่จัดการให้แต่ว่าเราสามคนไปแน่นะ ห้ามเปลี่ยนใจนะ”
“ไม่มีเปลี่ยนใจค่ะ”
คุณหญิงฟ้าสอางค์กับนีฤนาถพูดพร้อมกัน เพราะทั้งสองตื่นเต้นที่จักได้ไปเที่ยวทะเลมากกว่านารานิทเสียอีก
“แล้วจักไปกันเมื่อไหร่คะ พี่นนท์”
“อีก 4 วันค่ะ”
คุณชายนนทกูลตอบคำถามของนารานิท การไปทะเลครั้งนี้เธอคิดว่าคงมีแค่คุณชายนนทกูล เพื่อนคุณชายนนทกูล นีฤนาถ คุณหญิงฟ้าสอางค์ แลตนเองเท่านั้นที่ไป โดยที่เธอไม่รู้เลยว่าการไปทะเลครั้งนี้จักสร้างความเปลี่ยนแปลงในชีวิตให้กับเธอมากเท่าใด
- ทะเลบางแสน ที่บ้านพักตากอากาศ -
“บ้านสวยมากเลยนะคะ เพื่อนพี่นนท์ตาดีชะมัดเลย”
“สวยใช่ไหมละนี พี่ว่านะเราย้ายมาอยู่ที่นี่ตลอดเลยไหม”
“บ้าหรอพี่นนท์ นีก็ต้องกลับพระนครไหมละคะ”
นีฤนาถกับคุณชายนนทกูลพูดหยอกล้อกันขณะที่เดินเข้าบ้านพักตากอากาศของเพื่อนคุณชาย
“ยินดีต้อนรับนะครับทุกคน ทุกคนตามสบายนะครับ ผมชื่อภูรินทน์ ศิริลักษณา หรือภูครับ ส่วนนี่ภริยาผมชื่อ ไอริสซ่า หรือไอริส เธอเป็นคนอเมริกาครับ”
“ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนนะคะ”
“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับ/ค่ะ”
ไอริสซ่าเริ่มการทักทายกับทุกคนก่อนเธอพูดภาษาไทยได้ไม่ค่อยชัดแต่ก็พอฟังรู้เรื่อง แต่ทุกคนก็ตอบรับคำทักทายเธออย่างดี
“เชิญทุกคนเข้าบ้านก่อนนะครับ ส่วนของผมจักให้บ่าวเอาขึ้นไปเก็บให้ มี 3 ห้องนอนใหญ่นะครับ จักมี 2 ห้องที่อยู่ตรงข้ามกัน ห้องขวามือเป็นห้องของสาว ๆ ส่วนห้องซ้ายมือจักเป็นห้องของหนุ่ม ๆ นะครับ เชิญทุกคนตามสบายเลยครับ มิต้องเกรงใจ”
ภูรินทน์ อธิบายว่าใครจักพักอยู่ที่ใดในบ้านบ้าง การที่ภูรินทน์พูดว่าห้องของหนุ่ม ๆ ทำให้นารานิทกับนีฤนาถสงสัยไม่น้อยว่าจักมีใครมาเพิ่มอีกหรือเปล่า แต่ก็มิกล้าถามอะไรให้มากนัก
สามสาวขึ้นไปเก็บของเปลี่ยนชุดข้างบนปล่อยให้คุณชายนนทกูลกับเพื่อนคุยเล่นกันไป
- ห้องนอน 3 สาว -
“เรามาเปลี่ยนชุดกันเถอะ จะใส่ชุดไหนเล่นน้ำดีนะ?”
“นั่นสิคะ หญิงก็เตรียมมาหลายชุดเลย เรามาเลือกดูกันไหมคะ”
คุณหญิงฟ้าสอางค์กับนีฤนาถ เปิดกระเป๋าและเลือกชุดที่จะใส่ลงเล่นน้ำกัน ก็มีแต่นารานิทที่ไม่สนใจ มัวแต่จัดกระเป๋าอย่างเดียว
“อ้าว พี่นิทไม่มาเลือกชุดกันหรือคะ”
“นั่นสิคะ จักใส่ชุดของหญิงก็ได้นะคะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ คุณหญิงนิทไม่เล่นน้ำดอกค่ะ”
“ทำไมหรือคะ คุณนิท”
“ก็พี่นิทเขากลัวน้ำน่ะสิคะ”
นีฤนาถอธิบายเหตุผลที่นารานิทกลัวน้ำ เพราะว่าเคยเล่นซนกับคุณชายนนทกูลตอนเด็กมาก่อน แลเกิดจมอุบัติเหตุตกน้ำเลยเป็นสาเหตุที่นารานิทกลัวน้ำ
“ไม่เป็นไรค่ะ แต่แต่งชุดว่ายน้ำแล้วอยู่ริมหาดเฉย ๆ ก็ได้ค่ะ”
"ไม่ดีกว่าค่ะคุณหญิง นิทเกรงใจขออยู่ที่บ้านช่วยป้าศรีเขาทำครัวดีกว่าค่ะ"
นารานิทปฏิเสธเสียงแข็ง แต่เหมือนนีฤนาถกับคุณหญิงฟ้าสอางค์จักไม่ยอม ค่อยขยับเข้าไปใกล้สาวเจ้าที่ละนิดจนเจำเป็นต้องถอยหลังติดกับผนังห้องหนีไปไหนไม่ได้ ทั้งสองก็จับนารานิทมาแต่งตัวสวมชุดว่ายน้ำที่เหมาะกับเธออย่างต้องการจนสำเร็จ
"คุณหญิง ยัยนีจักทำอะไรกันคะ นิทไม่เอาด้วยนะคะ"
"พี่นิทหนีพวกเราสองคนไม่พ้นดอกค่ะ หึหึ"
"ไม่เอานะ~~"
- 5 นาทีผ่านไป -
"เห้อ~ เสร็จสักทีเหนื่อยใช่เล่น คุณนิทก็แรงเยอะเอาเรื่องเหมือนกันนะคะ"
คุณหญิงฟ้าสอางค์เธอแต่งตัวให้นารานิทเสร็จก็ทำเกือบเหนื่อยหอบทีเดียว เพราะสาวเจ้าดิ้นไม่หยุดเลย แถมไม่ยอมให้จับแต่งตัวกันง่าย ๆ เสียด้วย
"เสร็จแล้วพวกเราก็ไปกันเถอะค่ะ ประเดี๋ยวพี่นนท์จักรอนาน"
"ได้เลยค่ะคุณนี"
ทั้งสามพากันเดินออกจากห้องไปที่ชายหาด
- ชายหาด -
“ เฮ้ สาวๆมาทางนี้”
“พวกเรากำลังไป”
ไอริสซ่าเห็นนารานิท นีฤนาถ คุณหญิงฟ้าสอางค์ สามสาวกำลังเดินมาก็รีบเรียกให้ไปเล่นน้ำที่ชายหาดด้วยกัน
ตึก..ตึก..โคร้มม!!!
“โอ๊ยย!!”
“โอ๊ยย!!”
นารานิทล้มลงกับพื้นทรายโดยที่มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งทับเธอไว้ เด็กผู้หญิงที่หน้าตาน่ารัก แต่คล้ายใครสักคนเธอคิดเช่นนั้น
“ตัวเล็กไม่เป็นไรใช่ไหมจ๊ะ?”
“ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณนะคะที่รับหญิงไว้ แล้วขอโท…”
“หญิงรัตน์!! พ่อบอกกี่ครั้งแล้วคะ ว่าอย่าวิ่งซนหนีเกตระนีเขาอย่างนี้ทำไมไม่ฟังเลย”
นารานิทกำลังสำรวจตัวเด็กน้อยตรงหน้าว่ามีที่ใดบาดเจ็บหรือไม่ แลมีแผลถลอกที่หัวเข่าจริง ๆ ส่วนเด็กน้อยตรงหน้าเมื่อรู้ตัวว่าเป็นคนผิดที่ไปวิ่งชนพี่สาวคนสวยเข้าก็กำลังจักขอโทษก็โดนผู้เป็นพ่อดุมาตามหลังเสียก่อน เมื่อนารานิทได้ยินเสียงของคนที่แทนตัวเองว่าพ่อของเด็กน้อยคนนี้ แต่น้ำเสียงของเขากับคุ้นเคยเหลือเกินทำให้เธอต้องเงยหน้าขึ้นแลก็พบกับหม่อมเจ้าอสุราพิพัทธ์ ซึ่งทำให้เธอตกใจไม่น้อยทีเดียวที่บังเอิญเจอท่านชายในสถานที่แบบนี้เพราะเธอพยายามหลบหน้าท่านชายมาเกือบทั้งอาทิตย์แล้ว
“ท่าน..ชายเด็จมาได้อย่างไรเพคะ?”
“ผมมาเที่ยวพักผ่อนกับครอบครัวครับ”
“ครอบครัว..?”
เธออึ้งไปเล็กน้อยกับคำตอบของท่านชายที่พระองค์ทรงตรัสว่ามาเที่ยวกับครอบครัวแลบังเอิญเธอเหลือบไปเห็นหญิงสาวคนหนึ่งที่กำลังเดินมาพอดีคงเป็นแม่ของเด็กน้อยคนนี้กระมัง สิ่งที่ตาเห็นกับสิ่งที่ได้ยินทำให้เธอรู้สึกสับสนมากขึ้นกว่าเดิมเสียอีก
“ท่านพ่อ..หญิงไม่เป็นไรเพคะ”
“ไหนให้พ่อดูหน่อย ว่าเจ็บตรงไหนบ้าง”
“หญิงรัตน์คะ ทำไมถึงวิ่งซนอย่างนี้คะรู้ไหมว่าท่านพ่อเป็นห่วงแค่ไหน”
เกตระนีวิ่งมาตามหลังหม่อมเจ้าอสุราพิพัทธ์เกือบจักติด ๆ แล้วก็มาเห็นว่าทั้งหม่อมเจ้าอสุราพิพัทธ์แลคุณหญิงรัตน์ณากำลังคุยอยู่กับหญิงสาวแปลกหน้า ที่เธอรู้สึกว่างามกว่าเธอเสียเองจนเหมือนเธอมิอาจสู้ได้ อาจจักเป็นเธอคนนี้ที่ทำให้พระทัยของท่านชายเปลี่ยนหันเหไปจากเธอ
"ฝ่าบาทเพคะ หญิงรัตน์บาดเจ็บตรงไหนหรือไม่เพคะ"
"ฉันคิดว่าไม่บาดเจ็บตรงไหนนะ"
นารานิทได้ยินคำตอบของหม่อมเจ้าอสุราพิพัทธ์ที่ตอบกลับหญิงสาวที่เธอคิดว่าอาจจักเป็นแม่ของเด็กน้อยตรงหน้า ว่าลูกของท่านชายไม่ได้บาดเจ็บตรงไหนทั้ง ๆ ที่ก็มีแผลถลอกที่หัวเข่าให้เห็นอยู่เต็มตา ทำให้รู้สึกทนไม่ได้ที่ทำไมท่านชายถึงไม่ใส่พระทัยลูกของพระองค์เองขนาดนี้เป็นพ่อเป็นแม่แท้ ๆ
“ไม่บาดเจ็บหรือเพคะ ฝ่าบาทมิเห็นหรือเพคะว่าเธอมีแผลถลอกที่หัวเข่า”
"หญิงรัตน์หกล้มเป็นแผล เหตุใดถึงไม่บอกพ่อ"
"คนเป็นพ่อเป็นแม่ ไม่จำเป็นต้องให้ลูกบอกดอกเพคะ ต้องสังเกตตัวลูกเอง"
นารานิทอดที่จักโมโหไม่ได้ถ้าหากไม่บอกท่านชายก็คงจักไม่ก้มลงมองตัวเล็กเลยแม้แต่น้อย แถมยังดุตัวเล็กอีก ทำให้เธอต้องโต้ตอบกลับไปเช่นนั้น
"ลูกของผม ผมดูแลเองได้ หญิงรัตน์เรากลับกันเถอะ พ่อจักทำแผลให้"
หม่อมเจ้าอสุราตอบกลับนารานิทด้วยความกริ้วเล็กน้อยแลอุ้มหญิงรัตน์กลับไปยังบ้านพักของพระองค์ ส่วนเกตระนีก็ไม่วายตามไปพร้อมกลับหันมาบอกนารานิทว่าตนเป็นแม่ของหญิงรัตน์ ซึ่งทำให้นารานิทรู้สึกโมโหมากกว่าเดิมเสียอีก
"ฝ่าบาททรงรอเกตด้วยเพคะ ส่วนเธอจำเอาไว้เลยนะฉันเป็นแม่ของหญิงรัตน์ฉันก็ดูแลลูกเองได้"
"ขอบคุณสักคำก็ไม่มี"
นารานิทบ่นกับตัวเองเบา ๆ พร้อมกับคิดไปพลาง ๆ ผู้หญิงคนนั้นเขาก็ยืนยันกับเธอว่าเป็นแม่ของตัวเล็ก ส่วนท่านชายก็แทนตัวเองว่าพ่ออีกด้วย แค่มองเห็นกับได้ยินก็ตัดสินได้เลยว่าเขา 3 คนเป็นครอบครัวกันแน่นอน แลเธอเองก็ควรจักต้องถอยห่างออกมามิให้ถลำลึกไปมากกว่านี้ โดยที่เธอมิรู้เลยว่าสิ่งที่เห็นอาจจักไม่ใช่สิ่งที่เป็นก็เป็นได้
ความคิดเห็น