ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Remove the curse with love คำสาปถอนด้วยรัก

    ลำดับตอนที่ #6 : จะทำให้เธอรักให้ได้

    • อัปเดตล่าสุด 21 ธ.ค. 65


    - ในวังนิรมาศ -

    นารานิทรู้สึกแปลกกับเหตุการณ์ตรงหน้า และอธิบายไม่ถูกว่าความรู้สึกทั้งหมดที่เกิดขึ้นระหว่างเธอแลหม่อมเจ้าอสุราพิพัทธ์คืออะไร ไม่มีใครแลอะไรมาอธิบายให้เธอฟังได้ว่ามันคืออะไรกับความรู้สึกที่เกิดขึ้น เธอสะบัดความคิดในหัวทิ้งแลเดินไปยังห้องสมุดในวัง สิ่งเดียวที่ทำให้เธอรู้สึกสงบทั้งความคิดแลจิตใจก็มีแค่หนังสือเล่มโปรดที่ชอบอ่านเท่านั้น

    เธอเปิดอ่านหนังสือในบทที่ชอบที่สุด เพราะเมื่อไหร่ที่เธออ่านมันราวกับเวลาหยุดหมุนอยู่ชั่วครู่สะกดเธอไม่ให้ละสายตาจากไปไหนได้เลย นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้จิตใจเธอสงบทุกครั้งที่อ่านหนังสือ

    “มาหลบตรงนี้เอง ผมตามหาคุณเสียทั่วเทียว”

    “คุณพระ!! ท่านชาย..”

    “ผมทำหนูนิทตกใจหรือครับ”

    หม่อมเจ้าอสุราพิพัทธ์ทรงเห็นนารานิทตกใจเลยเสด็จเข้าไปใกล้อย่างช้า ๆ แลยกหัตถ์สัมผัสแก้มนวลของหญิงสาวอย่างแผ่วเบาพร้อมกับตรัสช้า ๆ ขึ้น

    “ท่านชายอย่าทรงทำให้หม่อมฉันต้องออกห่างจากท่านเลยเพคะ”

    นารานิทเอ่ยขึ้นเสียงแข็งพร้อมกับจักก้าวเดินออกไปจากห้องหนังสือ เพราะสิ่งที่ท่านชายทรงทำเมื่อครู่นั้นทำให้เธอว้าวุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก แต่มิทันจักก้าวออกไปจากห้องหนังสือนารานิทก็ถูกหม่อมเจ้าอสุราพิพัทธ์จับแขนรั้งเธอไว้เสียอย่างนั้น เพราะแรงดึงเบา ๆ ทำให้เธอเซหันไปหาท่านชายอย่างมิทันตั้งตัว ทำให้ใบหน้าของทั้งสองใกล้กันมากจนเกินงาม ดวงตาสีดำอมแดงจ้องมองนารานิทอย่างมิวางตาด้วยความมีเลศนัยแฝงอยู่ ทำให้เธอต้องหันหน้าหนีแต่ก็โดนหม่อมเจ้าอสุราพิพัทธ์จับคางเธอหันกลับมาอย่างแผ่วเบา 

    “ท่านชายจักทรงทำอะไรเพคะ?”

    “หนูนิทคิดว่าผมจักทำอะไรล่ะครับ”

    “มิทราบได้เพคะ แต่ทรงปล่อยหม่อมฉันเถอะเพคะ”

    “จักให้ผมปล่อยหนูนิท หนูนิทก็ต้องยอมคุยกับผมดี ๆ นะครับ”

    “ทรงปล่อยหม่อมฉันก่อนสิเพคะ”

    “หนูนิทก็หยุดนิ่งก่อนสิครับ”

    หม่อมเจ้าอสุราพิพัทธ์สรวลเล็กน้อยในลำศอ ที่หยอกเย้านารานิทเล่น ทำให้เธอจนปัญญาที่จักต่อล้อต่อเถียงด้วยได้แต่ยอมทำตาม ในเมื่อเธออยู่เฉย ๆ แล้วก็เหมือนราวกับว่าอยู่ให้อ้อมแขนของท่านชายเสียอย่างนั้น ไม่เพียงแค่นั้นท่านชายก็เหมือนกับโอบกอดเธอเช่นกันไออุ่นแผ่ซ่านมาจากคนตรงหน้า ทำให้เธอทำสิ่งใดไม่ถูกเลยทีเดียวเทียว หัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะทำไมต้องเกิดขึ้นตอนนี้ด้วยนะ เธอมิเข้าใจเลย

    “ที่นี้จักทรงปล่อยหม่อมฉันได้หรือยังเพคะ ท่านชาย”

    นารานิทย้ำคำว่า ‘ท่านชาย’ เป็นพิเศษเพื่อประชดหม่อมเจ้าอสุราพิพัทธ์

    “ยังครับ คุณต้องตอบผมมาก่อนว่าวันนี้คุณเป็นอะไร เหมือนใจมิอยู่กับเนื้อกับตัวเลย”

    “อยากทรงทราบไปทำไมเพคะ หม่อมฉันปกติดี ปล่อยหม่อมฉันเถอะเพคะ”

    ไม่รู้อะไรดลพระทัยทำให้ท่านชายพัทธ์ทรงนึกสนุกแกล้งนารานิทไม่ยอมปล่อยเธอให้ออกจากอ้อมแขนเลย 

    นารานิทไม่ยอมหยุดนิ่งก็ทำให้ทั้งสองใกล้กันมากกว่าเดิม ถึงขั้นที่ปากของทั้งสองคนโดนกันได้อย่างพอดี

    ทั้งคู่ต่างตกใจโดยเฉพาะนารานิทที่ตกใจมากหว่าหม่อมเจ้าอสุราพิพัทธ์เสียอีก แลทำให้เธอผลักท่านชายออกไปจากตัวเอง แลกำลังจักเดินออกจากหนังหนังสือไป แต่ท่านชายทรงมายืนอยู่ตรงหน้าหญิงสาวขวางทางเธอไว้ แลบรรจงลงจูบหญิงสาวตรงหน้าอีกครั้งอย่างตั้งพระทัย แต่มิให้เธอได้ตั้งตัวเลย เธอพยายามขัดขืนแต่สู้แรงของท่านชายที่กดจูบเธออยู่ไม่ได้สักนิดเลยทำได้แค่ปล่อยไปเช่นนั้นด้วยความโกรธไม่น้อยเลย เธอไม่เคยรู้สึกโกรธใครเท่านี้มาก่อนเลย

    “ท่านชายอย่างทรงดูหมิ่นหม่อมฉันเช่นนี้นะเพคะ”

    “ผมแค่เผลอ..ขอประทานโทษด้วยครับ”

    หม่อมเจ้าอสุราพิพัทธ์เผลอหลุดปากพูดคำที่ไม่สมควรจักพูดออกไปเสียแล้ว แลท่านชายเองก็มิคิดแก้ตัวอะไร

    “เพคะ”

    นารานิทตอบกลับหม่อมเจ้าอสุราพิพัทธ์สั้น ๆ ด้วยความโกรธ เพราะท่านชายรับสั่งว่าที่เกิดขึ้นทั้งหมดแค่เผลอ แล้วจักให้เธอทำอย่างไรได้ ได้แค่เพียงเดินออกจากห้องหนังสือด้วยความโกรธเท่านั้น ไม่ทันได้คิดทบทวนอะไรก็เจอนีฤนาถทะเลาะกับคุณชายตรีพิมานตรงหน้าห้องหนังสือเสียอย่างนั้น

    “โอ้ย!! นี่คุณชายเดินอย่างไรของคุณให้มาชนฉันเนี่ย”

    “โทษผมได้อย่างไรคุณนั่นแหละ เดินมิดูตาม้าตาเรือมาชนผม”

    “ไหนม้าไหนเรือ มีแต่คุณนั่นแหละที่มาชนฉัน”

    นีฤนาถกับคุณชายตรีพิมานเดินตามหานารานิทจนไม่ระวังทำให้เดินชนกันเข้า แล้วทะเลากันเสียใหญ่โต เป็นจังหวะที่นารานิทเดินออกมาพอดีทำให้ห้ามทัพกันทัน

    “ทะเลาะอะไรกันคะคุณชาย ยัยนี”

    “อ้าว พี่นิท นีตามหาเสียตั้งนานหม่อมป้าเรียกหาเพคะ แล้วก็อีตาคุณชายมาโดนชนนีค่ะขอโทษสักคำก็มิมี”

    “แล้วเราไปเรียกคุณชายเขาอย่างนั้นได้อย่างไร ขอโทษคุณชายเลยนะที่พูดจาไม่สุภาพ พี่ว่าไม่รู้ใครผิดใครถูกก็ควรขอโทษทั้งคู่นะ”

    “ผมขอโทษนะครับคุณนี ผมผิดเองที่ชนคุณ”

    คุณชายตรีพิมานชิงขอโทษนีฤนาถก่อน พร้อมส่งสายตากวนประสาททำอย่างกับตนเป็นผู้ชนะอย่างนั้นแหละ ทำให้นีฤนาถโมโหขึ้นไปอีกแลได้แค่พูดขอโทษส่ง ๆ ไป

    “ขอโทษค่ะ”

    นารานิทได้ยินคำขอโทษของน้องสาวเสร็จก็รีบไปจากหน้าห้องหนังสือท่าทางดูเหมือนโกรธผู้ใดอยู่จนทำให้นีฤนาถสงสัย แถมเธอยังสังเกตเห็นหม่อมเจ้าอสุราพิพัทธ์ให้ห้องหนังสืออีกด้วย

    “ประเดี๋ยวก่อนพี่นิท ทำไมท่านชายถึงอยู่ห้องหนังสือกับพี่ได้”

    “ไม่มีอะไรดอกยัยนี รีบไปกันเถอะหม่อมป้ารออยู่”

    “ค่ะ”

    นีฤนาถรับคำพี่สาวแต่โดยดีแลเก็บความสงสัยไว้กับตนเอง เพราะรู้อยู่แก่ใจถึงถามไปอย่างไรหากเจ้าตัวไม่อยากบอกก็ไม่มีวันได้รู้ได้ดอก

     “หนูนิท หายไปที่ใดมาจ๊ะ ป้าให้บ่าวไปตามหาก็มิเจอ”

    “นิทไปหลบที่ห้องหนังสือมาค่ะหม่อมป้า”

    หม่อมมณีวรรณถามหลานสาวสุดที่รักว่าหายไปที่ใดเพราะมีเรื่องสำคัญอยากจักคุยด้วย

    “ไม่เป็นไรจ๊ะ อย่างไรหนูนิทก็มาแล้ว ป้าจักพูดตรง ๆ เลยแล้วกัน”

    “อะไรหรือคะหม่อมป้า”

    นารานิทถามด้วยความสงสัย แต่เธอก็เดาได้ไม่ยาก คงจักเป็นเรื่องการแต่งงานอีกนั่นแหละ

    “ป้าคุยกับแม่นงนุชเขาแล้ว แม่หนูนิทไม่ติดอะไร แลหม่อมพิมเดือนเขาก็มิขัดข้อง ป้าเลยอยากจะหมั้นหมายให้หนูนิทกับคุณชายตรีพิมานเขา แลให้ตานนท์หมั้นหมายกับหนูฟ้าสอางค์นะจ๊ะ แต่ยังมิรีบให้เป็นคู่หมายกันไปก่อน ให้เวลาได้ทำความรู้จักกันก่อน หากถึงเวลาหมั้นไม่ถูกใจกันก็ยังมิสาย”

    “ผมแล้วแต่หม่อมแม่ อย่างไรก็ได้ครับ”

    “หนูนิทล่ะจ๊ะ ว่าอย่างไรเอ่ย”

    หม่อมมณีวรรณเห็นหลานสาวนิ่งเงียบไป ไม่ตอบอะไร เลยถามย้ำอีกครั้ง

    ระหว่างที่นารานิทครุ่นคิดอยู่นั้นว่าควรจักตอบอย่างไร ก็มีหลายคนรอฟังคำตอบของเธออยู่ ไม่ว่าจักเป็นหม่อมมณีวรรณ หม่อมพิมเดือน คุณชายตรีพิมาน หรือมิเว้นแม้แต่หม่อมเจ้าอสุราพิพัทธ์เองที่ตามเธอมาห่าง ๆ แต่ทันได้ยินทุกอย่าง ก็ทรงยืนรอฟังคำตอบของเธออยู่ห่าง ๆ อย่างไม่ไกล 

    “นิทแล้วแต่หม่อมป้าแลแม่ค่ะ”

    หม่อมมณีวรรณกับหม่อมพิมเดือนได้ยินคำตอบของหลานสาวกับว่าที่ลูกสะใภ้นั้นก็ทำหน้าชื่นใจมีความสุขกับคำตอบที่ได้ยิน ไม่แม้แต่คุณชายตรีพิมานเองที่แอบยิ้มอยู่นิด ๆ  แต่นีฤนาถบังเอิญเห็นรอยยิ้มนั้นทำให้เกิดหมั่นใส้ในใจเล็กน้อย

    “นี่ก็ดึกมากแล้วดิฉันขอพาลูกกลับก่อนนะคะหม่อมมณี”

    “ได้เลยค่ะหม่อมจันทร์ฉาย ประเดี๋ยวดิฉันจักให้ตานนท์ไปส่งนะคะ”

    “ไม่เป็นไรดอกค่ะหม่อม วันนี้ยัยฟ้าเขาขับรถมาเอง มิรบกวนหม่อมกับคุณชายดอกค่ะ ไว้คราวหน้านะคะ”

    “ได้เลยค่ะ ไหน ๆ ก็จักดองกันแล้ว วันหลังดิฉันจักไปเยี่ยมวังของหม่อมจันทร์ กับให้ตานนท์พาหญิงฟ้าไปเที่ยวนะคะ”

    “ตามใจหม่อมมณีเลยค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ”

    หม่อมจันทร์ฉายขอตัวกลับวังกับคุณหญิงฟ้าสอางค์ คุณหญิงมิเพียงเดินกลับไปอย่างเดียงเพียงแต่หันกลับมามองคุณชายนนทกูลที่มิได้สนใจตนเลย พร้อมกับพึมพำน้อยใจอยู่ผู้เดียว 

    “พี่นนท์จำหญิงมิได้”

    ทางด้านหม่อมพิมเดือนพอเห็นว่าหม่อมจันทร์ฉายแลคุณหญิงฟ้าสอางค์ขอตัวกลับไปก่อนแล้วตนก็ควรจักขอตัวกลับไปบ้างจึงเอ่ยขึ้นโดยไม่คิดอะไรมาก

    “หม่อมจันทร์ฉายขอตัวกลับไปแล้วดิฉันว่าดิฉันก็สมควรจักกลับได้แล้วเหมือนกันค่ะ”

    “กลับอย่างปลอดภัยนะคะหม่อมพิมเดือน”

    “ขอบคุณค่ะ ตาตรีลาหม่อมป้าสิลูก”

    “ผมลานะครับหม่อมป้า คุณน้า แล้วก็คุณนิท”

    “จ๊ะ ขับรถดี ๆ นะคะคุณชาย”

    หม่อมมณีวรรณยืนส่งแขกของตัวเองเรียบร้อย ก็ไล่ให้คุณชายนนทกูลมาส่งแม่กับน้อง ๆ กลับบ้าน 

     

    - บ้านนฤบดินทร์ -

    “ถึงแล้วครับ ทุกคน”

    “ขอบคุณนะ ตานนท์ที่มาส่งแม่กับน้อง เราก็กลับวังดี ๆ ล่ะ”

    “ครับแม่”

    นงนุชพูดกับลูกเสร็จก็เดินขึ้นบ้านไป นีฤนาถก็เดินตามขึ้นไป แต่นารานิทถูกคุณชายนนทกูลรั้งเอาไว้

    “ประเดี๋ยวก่อนค่ะ น้องนิท”

    “พี่นนท์มีอะไรหรือคะ?”

    “พี่รู้นะว่าเราไม่ได้อยากหมั้นกับไอ้คุณชายตรีอะไรนั่น แล้วทำไมถึงไปรับปากหม่อมแม่อย่างนั้นล่ะ”

    “ก็นิทมิอยากขัดใจหม่อมป้าค่ะ ต่อให้นิทขัดใจไปหม่อมป้าก็อ้อนจนนิทใจอ่อนอีกนั้นแหละค่ะ”

    เธออธิบายเหตุผลให้พี่ชายสุดที่รักฟัง เพราะอะไรเธอถึงไม่อยากขัดใจหม่อมมณีวรรณ ต่อให้ขัดใจไปเธอก็ใจอ่อนอย่างที่พูดอยู่ดี

    “เราก็บอกไปสิว่ามีคนรักอยู่แล้ว”

    “พี่นนท์จักให้นิทโกหกคุณป้าหรือคะ?”

    “เปล่าค่ะ พี่หมายถึงกับท่านชายพัทธ์น่ะ”

    “พี่นนท์หมายความอย่างไรคะ?”

    นารานิทเธอไม่เข้าใจความหมายที่พี่ชายตั้งใจจักสื่อถึง

    “พี่คิดว่าท่านชายจักต้องถูกทัยนิทเป็นแน่ แลเราเองก็คงเริ่มจักหวั่นไหวกับท่านแล้วใช่ไหมคะ?”

    “นิทมิได้หวั่นไหวเสียหน่อยค่ะ”

    “พี่ไม่คิดอย่างนั้นนะคะ ถึงจักมีบ้างบางครั้งที่พี่มิชอบท่านเพราะท่านเอาแต่ถึงเนื้อถึงตัวเรา แต่ท่านก็เหมาะสมกับเรามากกว่าคุณชายตรีอีกนะ”

    คุณชายนนทกูลพูดทุกอย่างที่เห็นระหว่างหม่อมเจ้าอสุราพิพัทธ์กับนารานิทให้เจ้าตัวฟัง แต่เจ้าตัวก็ปฏิเสธน่ะสิ สงสัยคงจักยังไม่รู้หัวใจตัวเอง ตัวเขาเองก็มิขัดข้องดอก น้องรักใครเขาก็รักด้วย 

    “พี่นนท์จักไปรู้อะไรคะ พี่นนท์เคยมีความรักหรอคะ?”

    “ไม่เคยค่ะ แต่พี่ก็เห็นมานักต่อนักละคนมีความรักแล้วไม่รู้ตัวเนี่ย”

    “พี่นนท์คิดว่านิทกับท่านชายชอบพอกันหรือคะ?”

    “ใช่ค่ะ”

    ยอมรับกันตรง ๆ อย่างนี้ นารานิทมีอึ้งเล็กน้อยกับคำตอบของพี่ชาย

    “นิทคิดว่านิทคงไม่ได้ชอบท่านชายดอกค่ะ เราเพิ่งรู้จักกันเอง แล้วจักไปชอบกันได้อย่างไรคะ”

    “แน่ใจนะ ไม่รู็จักหรือคะ รักแรกพบนะไม่ต้องให้รู็จักแล้วค่อยรักดอก แต่รักแล้วค่อยทำความรู้จักกันต่างหากค่ะ”

    “แน่ใจค่ะ ว่าแต่พี่นนท์เถอะ”

    “พี่ทำไมหรือคะ?”

    “เรื่องคุณหญิงฟ้าสอางค์อย่างไรคะ นิทรู้นะคะว่าพี่นนท์เองก็มิได้สนใจเธอ แลยังไม่ได้รู้จักเธออีกด้วย”

    นารานิทเป็นฝ่ายเปลี่ยนเรื่องพูดถึงว่าพี่คู่หมายของพี่ชายบ้าง ก็เอาแต่พูดว่าเธอมิได้มีใจให้ว่าที่คู่หมาย ตัวเองก็เหมือนกันนั่นแหละ

    “ใช่ แต่เธอก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่สักเท่าใดก็พอรับได้”

    “ขี้ริ้วขี้เหร่เสียที่ไหนคะ เธอออกจักงาม สะสวยเสียขนาดนั้น พี่นนท์มองอย่างไรว่าเธอขี้เหร่ คอยดูนะนิทจักฟ้องเจ้าตัวว่าพี่นนท์บอกว่าเธอไม่สวย”

    “พี่ไม่ได้บอกว่าเธอขี้เหร่เสียหน่อย แค่บอกว่าพอรับได้เองค่ะ”

    “ถึงอย่างนั้นก็เถอะ พี่นนท์เองก็มิได้รักเธอแล้วจักหมั้นหมายกับเธอทำไมหรือคะ?”

    “พี่ก็ไม่อยากขัดใจหม่อมแม่เหมือนกับเรานั่นแหละ แต่ก็มิได้มีคนรักเหมือนกับเราด้วย จักแต่งงานหรือไม่แต่งงานก็มิต่างอะไรกัน อาจจักแค่แต่งสักพักแล้วก็อย่ากันก็ได้ ไม่ได้เสียหายอะไร”

    “แต่คุณหญิงเธอเป็นฝ่ายเสียหายนะคะ”

    “ก็ถ้าเป็นคำสั่งของผู้ใหญ่แลพี่เองก็ไม่ได้แตะต้องเธอเลย เธอก็มิเสียหายดอก”

    “คอยดูเถอะสักวันพี่จักรักเธอ”

    “ไม่มีทางดอกค่ะ”

    “ไม่เชื่อรอดูได้เลยค่ะ”

    “ค่ะ พี่ไม่เถียงเราแล้ว ยังไงก็พักผ่อนเยอะ ๆ คิดทบทวนให้ดีนะคะ พี่กลับก่อนนะ”

    “ค่ะ พี่นนท์กลับวังดี ๆ นะคะ”

    คุณชายนนทกูลลูบหัวน้องสาวเบา ๆ เช่นเคย ก่อนจะกลับขึ้นรถแลขับออกไป ได้แค่คิดในใจว่า 'จักทำให้ปฏิเสธหัวใจตัวเองไม่ได้เลยล่ะ ยัยน้องรัก'

    “พี่นนท์กับแล้วหรอลูก”

    “ค่ะแม่”

    “แล้วคุยอะไรกันตั้งนานสองนาน”

    “ก็ไม่มีอะไรมากดอกค่ะ”

    นงนุชถามลูกด้วยความเอ็นดู

    “แม่ว่าจักถามเราเหมือนกัน เรื่องหมั้นหมายของลูกกับคุณตรีพิมานน่ะ”

    “ทำไมหรือคะ”

    “แม่รู้ว่าลูกไม่ได้เต็มใจแต่ตามใจหม่อมป้าอย่างนั้นนิทจะมิอึดอัดใจหรอลูก”

    นงนุชถามลูกด้วยความเป็นห่วงเธอเลี้ยงนารานิทมากับมือเธอรู้จักลูกของเธอดี มีแต่พี่สาวของเธออย่างหม่อมมณีวรรณที่มิได้เข้าใจหลานเลยสักนิด 

    “นิทไม่เป็นไรดอกค่ะ นิทมิอยากขัดใจหม่อมป้า”

    “แม่รู้นะว่าลูกมิอยากขัดใจหม่อมป้า แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ ถ้าพูดกันตรง ๆ อย่างไรหม่อมป้าก็ต้องเข้าใจ”

    นงนุชเอ่ยกับลูกสาวด้วยเหตุด้วยผลแลด้วยความเป็นห่วง

    “แต่ถึงอย่างไรตอนนี้นิทก็ตอบตกลงไปแล้วนะคะ จักให้กลับคำก็จักเสียถึงหม่อมป้าได้ อีกอย่างหม่อมป้าก็ให้เวลาเราเรียนรู้กันด้วยนะคะ”

    “แต่นิท ความรู้สึกของลูกที่มีต่อคุณชายตรีพิมานก็สำคัญเหมือนกันนะ ต่อให้เรียนรู้กันอย่างไรหากมิมีใจแต่แรกก็เปล่าประโยชน์ อย่าปล่อยให้เรื่องมันถลำลึกไปเลยลูก”

    “ค่ะ ถ้าหากต้องหมั้นหมายต้องแต่งกันจริง ๆ  ประเดี๋ยวก็รักกันเองค่ะ นิทเหนื่อย ขอตัวก่อนนะคะ”

    นารานิทเอ่ยจบ ไม่เปิดโอกาสให้แม่นงนุชได้เอ่ยอะไรอีก ก็เดินเข้าห้องนอนของตัวเองไปเสียดื้อ ๆ  เธอไม่อยากพูดเรื่องพวกนี้เสียเลย เป็นเรื่องใหญ่ที่เกินกำลังของเธอไปแล้ว เธอไม่รู้เลยว่าควรจักทำอย่างไรต่อไปดีนอกเสียจากปล่อยให้มันเป็นไป 

    “อะไรจักเกิดก็ต้องเกิดล่ะนะ เฮ้ออ~”

    สาวเจ้าสบถกับตัวเองเบา ๆ

     

    - วังเสี้ยวหฤทัย -

    หม่อมเจ้าอสุราพิพัทธ์ทรงได้แต่คิดซ้ำ ๆ ถึงคำพูดของนารานิทที่เอ่ยตอบรับหมั้นหมายกับคุณชายตรีพิมาน ทำให้ทรงรู้สึกร้อนรุ่มอยู่ในทัยไม่หาย ว่าควรทำอย่างไรมิให้เสียนารานิทไปดี แต่พอทรงระลึกถึงเหตุการณ์ในห้องหนังสือที่ทรงจูบหญิงสาวถึงสองครั้ง ก็ทำให้รู้สึกพระทัยเต้นแรงอย่างไม่เป็นจังหวะแลทำให้เผลอแย้มพระสรวลออกมาอย่างมิทันรู้องค์ แลทรงคิดได้ว่าก่อนจักถึงวันหมั้นของนารานิท ท่านชายก็ยังมีเวลาที่จักทำให้เธอเปลี่ยนใจมองมาที่ท่านชายจนต้องยกเลิกงานหมั้นเป็นแน่

    “นารานิทฉันจักทำให้เธอรักฉันให้ได้ ให้โอกาสฉันได้รักเธอบ้าง”

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×