ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Remove the curse with love คำสาปถอนด้วยรัก

    ลำดับตอนที่ #5 : งานเลี้ยงต้อนรับ

    • อัปเดตล่าสุด 21 ธ.ค. 65


    นารานิทนึกถึงเรื่องเมื่อแต่วานที่คุยกับหม่อมมณีวรรณ ว่าหม่อมป้าเธอนั้นจักหาคู่ครองให้เธอได้ออกเรือนเสียที ก่อนที่เธอจักกลับร้าน เธอไม่คัดค้านอะไรก็เห็นดีเห็นงามไปกับผู้ใหญ่ แต่มาคิดทบทวนอีกทีเธอก็กังวลมิใช่น้อย ว่าใครกันที่จักยอมแต่งงานกับเธอ โดยที่เธอหารู้ไม่ว่าชายทั้งพระนครยอมพลีพร้อมใจที่จักได้แต่งงานกับเธอทั้งนั้น

    “พี่นิท”

    นีฤนาถเรียกนารานิท แต่ดูเหมือนว่าเธอจักไม่ได้ยิน

    “พี่นิทท!!”

    “คุณพระ…อะไรยัยนีพี่ตกใจหมดเลย”

    สาวเจ้าตกใจที่นีฤนาถเรียกแลเอามือกุมอกไว้

    “ก็นีเรียกพี่นิทไม่ได้ยินนี่คะ ท่านชายรอพี่นิทอยู่นะคะ”

    “หืม? ท่านชายพัทธ์เด็จมาหรือนี”

    “ค่ะ”

    นารานิทตกใจที่หม่อมเจ้าอสุราพิพัทธ์เสด็จมากะทันหันขนาดนี้ แถมไม่รู้เลยว่ามาเพราะเหตุใด แต่เธอก็เดินไปหาท่านชายด้วยความเต็มใจ

    “ขออภัยเพคะที่หม่อมฉันปล่อยให้พระองค์ทรงรอ”

    “ไม่เป็นไรดอก ผมเพิ่งจักมาถึงมิได้รอนานปานนั้นเสียหน่อยครับ”

    เธอมิได้ตอบอะไรเพียงแต่ยิ้มหวานเท่านั้น แลถามถึงเหตุผลที่ท่านชายเสด็จมา

    “ท่านชายเด็จมาที่นี่ ทรงต้องการชุดแบบใดเพคะ”

    “ชุดสำหรับงานเลี้ยงครับ เมื่อเช้าหม่อมมณีโทรไปหาผมที่วัง  บอกผมว่าจะจัดงานเลี้ยงต้อนรับคุณชายนนท์กลับมาอีก 2 อาทิตย์ แต่อยากให้ผมได้เตรียมตัวก่อน ก็แนะนำให้ผมมาตัดเสื้อร้านหนูนิท เพราะบอกว่าหากไม่รีบหนูนิทคงจักตัดเสื้อให้ผมมิทันแน่ เพราะลูกค้าคงจักเยอะแลขอให้ช่วยตัดชุดไปงานเลี้ยงแน่นอน”

    “เพคะ"

    นารานิทดูมิได้ใส่ใจกับการที่หม่อมเจ้าอสุราพิพัทธ์อธิบายเหตุผลสักเท่าใด เพราะมัวแต่จมอยู่กับความคิดของตัวเองแลวัดตัวท่านชาย จนไม่ทันได้รู้สึกตัวเลยว่าตัวเธอเองนั้นอยู่ใกล้กับท่านชายมากแค่ไหน รู้ตัวอีกทีหน้าทั้งสองคนก็ใกล้จนปลายจมูกแตะกันเล็กน้อย แลนารานิทก็เหมือนโอบกอดท่านชายพัทธ์อยู่อีกด้วย วินาทีนั้นสิ่งที่หม่อมเจ้าอสุราพิพัทธ์รู้สึกแลทรงคิดอยู่ คือเวลาที่หยุดหมุนเพียงชั่วครู่ กับพระทัยที่สั่นไหวจนรู้สึกได้ว่ามันดังก้องออกมาให้ได้ยิน แต่มิอาจรู้เลยว่านารานิทจักรู้สึกเช่นเดียวกันหรือไหม นารานิทเธอเองก็รู้สึกได้ถึงความหวั่นไหวนั้นแต่ไม่รู้ว่าทำไม แลเกิดขึ้นได้อย่างไร ทำได้เพียงแค่ผละตัวเองออกจากท่านชายอย่างแผ่วเบาเท่านั้น

    “หม่อมฉันขอโทษเพคะ หากทำกิริยาไม่เหมาะสมอีกแล้ว”

    “ไม่เป็นไรดอก ผมไม่ถือสาดอกก็หนูนิทต้องทำงานจริงไหม?”

    ท่านชายทรงถามนารานิทพร้อมกับแย้มพระสรวลเล็กน้อย เธอยังคงมิตอบอะไรเช่นเคย คนที่พูดน้อยเช่นเธอแถมยังมีความคิดอยู่ในหัวตลอดเวลาเช่นนี้ก็ไม่รู้เช่นกันว่าจักตอบอะไรกลับไป 

    หลังจากวัดตัวกันเสร็จนารานิทก็เสนอแบบผ้าแลรูปแบบแฟชั่นให้หม่อมเจ้าอสุราพิพัทธ์ได้ทอดเนตรว่าทรงต้องการแบบใดผ้าสีอะไรแลเนื้อผ้าเป็นอย่าไร ใช้เวลาร่วมกันก็ 1 ชั่วยามเศษ เกือบ 2 ชั่วยาม เลยทีเดียว จนท่านชายยอมเสด็จกลับเพราะทรงมีธุระต่อ 

    “ผมขอตัวก่อนนะครับ พอดีมีธุระต่อครับ”

    “เพคะ อีก 2-3 วัน จักได้ฉลององค์เพคะ หม่อมฉันจักรีบเร่งตัดให้เร็วที่สุดเพคะ”

    “มิต้องขนาดนั้นดอกครับ ผมไม่รีบเร่งอะไรงานก็อีกตั้ง 2 อาทิตย์ แลผมไม่อยากให้หนูนิทต้องมาหักโหมเพราะอะไรแบบนี้เลยครับ”

    “เพคะ ขอบพระทัยเพคะ ทรงเดินทางปลอดภัยนะเพคะ”

    เหมือนนารานิทจักไม่ได้สนใจคำพูดของหม่อมเจ้าอสุราพิพัทธ์ที่สื่อถึงความเป็นห่วงเธอเลยสักนิด แลท่านชายไม่ได้ยื้อเธอที่จักคุยกันต่อ กลับบอกลาเธอเช่นเดิมที่เคยทำเมื่อแต่วาน ท่านชายพัทธ์จับมือนารานิทขึ้นมาโดยที่สาวเจ้าไม่ทันได้ตั้งตัวเลย แลบรรจบลงจูบบนมืออย่างแผ่วเบาเช่นเดิม ก่อนจักเสด็จออกจากร้านไป  ทิ้งให้นารานิทงงงันกับใจที่สั่นไหวอยู่ผู้เดียวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า เธอหวั่นไหวอีกแล้วหรือเพราะเหตุใดกัน

     

    - 3 วันถัดมา ร้านนฤบดินทร์ -

    กริ๊งง..

    เสียงประตูหน้าร้านเปิดขึ้น นีฤนาถเห็นลูกค้าเดินมาก็รีบมาต้อนรับทันที

    “สวัสดีค่ะ..ท่านชายพัทธ์ มารับฉลององค์หรือเพคะ?”

    “ใช่ครับ..แล้วนี่หนูนิท..”

    “พี่นิทไม่อยู่ดอกเพคะ ออกไปซื้อผ้ากับแม่ประเดี๋ยวสาย ๆ จักกลับเข้ามาเพคะ”

    นีฤนาถไม่รอให้หม่อมเจ้าอสุราพิพัทธ์ได้รับสั่งจบ ก็เอ่ยสวนตอบขึ้นมาทันทีราวกับรู้ทัยท่านชายว่าต้องการจักถามอะไรเกี่ยวกับนารานิทพี่สาวของเธอ

    แลหม่อมเจ้าอสุราพิพัทธ์ก็ไม่รับสั่งอะไรอีกเลย แค่รับฉลององค์ที่เตรียมไว้แลเสด็จกลับออกไปทันที ไม่นานนักนารานิทกับแม่นงนุชก็กลับมาเข้ามาที่ร้าน 

    “เอ้า..พี่นิท แม่ กลับมาแล้วหรือคะ?”

    “ใช่จ้ะ”

    นีฤนาถเอ่ยถามขึ้น แลนงนุช นฤบดินทร์ แม่ของนารานิทแลนีฤนาถก็เป็นคนตอบลูกสาวคนเล็ก

    “เมื่อสักครู่นี้ท่านชายพัทธ์เด็จมาแลเด็จกลับไปก่อนที่พี่นิทกับแม่จักเข้ามาประเดี๋ยวเดียวเอง มิได้สวนทางกันดอกหรือ เพราะท่านชายรับสั่งถามถึงพี่นิทด้วยค่ะ”

    นารานิทไม่ได้ตอบอะไร ทำเป็นเมินสิ่งที่นีฤนาถพูด จนนีฤนาถแลแม่นงนุชรู้สึกได้ว่านารานิทเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ใครจักสามารถรู้ความในใจของเธอได้ ก็เพียงได้แต่รอให้เจ้าตัวเป็นคนเล่าเองเท่านั้นแหละ นารานิทเธอเพียงรู้สึกว่าการอยู่ใกล้ชายคนนี้อัยตรายสำหรับความรู้สึกของเธอ หากเพียงห่างการเท่าใดก็จักยิ่งดีเท่านั้น

     

    - 2 อาทิตย์ถัดมา วังนิรมาศ -

    งานเลี้ยงต้อนรับคุณชายนนทกูล นิรณากุล เริ่มขึ้นในช่วงหัวค่ำ  แขกเรื่อที่ได้รับเชิญต่างพากันมาร่วมงาน นารานิทมัวแต่วุ่นวายจัดเตรียมอาหารแลเครื่องดื่มที่จักต้องเสิร์ฟแขกในงานโดยที่เจ้าตัวไม่ได้สนใจงานด้านนอกสักนิด 

    “หนูนิททำไมยังอยู่ตรงนี้อยู่จ๊ะ แม่นงนุชกับแม่นีเขาไปแต่งตัวกันหมดแล้ว เราก็ต้องไปด้วยนะ”

    “นิทไม่เป็นไรดอกค่ะ หม่อมป้า ในครัวยังมิแล้วเสร็จเลยค่ะ”

    “ไม่ต้องแล้ว ปล่อยให้พวกบ่าวมันทำกันเองบ้างเถอะ งานเริ่มได้มินานนัก หนูนิทรีบมากับป้าเถอะจ้ะ”

    นารานิทไม่ยอมเข้าไปในงานจนหม่อมมณีวรรณต้องมาตามเองกับมือ แต่เธอก็ยังไม่ยอมไปจนหม่อป้าต้องใช้ลูกอ้อนเสียหน่อยแล้ว

    “นิทมิอยากไปเลยค่ะหม่อมป้า นิทอยากอยู่ในครัวเสียมากกว่า”

    “โธ่ หนูนิท ไปกับป้าเถอะนะจ๊ะ นะ ป้าขอร้องนะจ๊ะหนูนิท”

    “ค่ะหม่อมป้า”

    เป็นเช่นนี้ทุกที หม่อมป้าขอร้องเธอทีไรเป็นต้องใจอ่อนเสียทุกที จักมีครั้งใดบ้างไหมที่เธอสามารถยืนกรานความคิดของตัวเองได้จนสุดไม่ต้องใจอ่อนเช่นนี้ เธอมิอย่างออกไปเจอใหเใครเป็นที่จับตามองเลย แลที่สำคัญเธอไม่อยากเจอหม่อมเจ้าอสุราพิพัทธ์ ท่านนั้นเป็นที่สุด

    หม่อมมณีวรรณเห็นหลานสาวยอมเช่นนี้ ก็ดีใจรีบพาตัวออกจากครัวไปห้องแต่งตัวที่เตรียมไว้ แล้วลงมือแต่งตัวให้กับหลานสาวคนโตอย่างบรรจงประณีต ไม่เกิน 1 ชั่วยาม นารานิทก็แต่งตัวเสร็จพร้อมเข้างานเลี้ยง

    นารานิทสวมชุดราตรีสีขาวราวกับไข่มุก ปาดไหล่แขนยาว กระโปรงฟูยาวจนถึงข้อเท้าเผยให้เห็นเท้าแลรองเท้าส้นสูงสีเงินเข้ากับชุดที่สวมใส่ มีโบว์สีแดงคาดเอวประดับไว้ด้านหลังเข้ากับลวดลายกระโปรงเต็มไปด้วยดอกกุหลาบสีแดงสดให้เห็นถึงความสวยแลสง่า เธอก้าวเดินลงกระไดอย่างช้า ๆ แลมั่นคง ผมที่ยาวสลวยประดับด้วยโบว์สีแดงแลดอกกุหลาบแดงดอกเล็ก ๆ พลิ้วไหวไปตามจังหวะการก้าวลงกระไดของนารานิท เสียงรองเท้าส้นสูงกระทบกับกระได ทำให้ผู้คนหันมองเธอเป็นตาเดียว แลตกตะลึงในความงามที่หาที่ใดเปรียบมิได้ของนารานิท ไม่เว้นหม่อมเจ้าอสุราพิพัทธ์เช่นกันที่ยังคงมองนารานิทอย่างไม่วางเนตร พร้อมกับตกหลุมรักเธอเป็นครั้งที่ 2 แล้วกระมัง แต่ทรงมิรอช้าท่านชายกำลังก้าวเดินไปหานารานิทเพื่อจักขอเต้นรำแต่กลับถูกคุณชายนนทกูลตัดหน้าไปเสียก่อน ทำให้ได้เพียงแต่มองทั้งสองเต้นรำกัน

    “ทำไมวันนี้น้องพี่สวยที่สุดเลยคะ ให้เกียรติเต้นรำกับพี่ที่เป็นเจ้าของงานสักเพลงนะคะ เจ้าหญิงของพี่”

    “โธ่ พี่นนท์ อย่าล้อนิทเล่นสิคะ นิททำตัวไม่ถูกกันพอดี หม่อมป้าแต่งตัวให้นิทเสียเวอร์เลยค่ะ”

    “หม่อมแม่ทำถูกแล้วค่ะ นิทสวยมากเลย เต้นรำกับพี่นะ”

    “ได้ค่ะ นิทเต้นมิเก่งนะคะ ถ้าเหยียบเท้าพี่นนท์นิทไม่รู้ด้วยนะ”

    “พี่อยากโดนเหยียบเท้าจักแย่ค่ะ”

    นารานิทแลคุณชายนนทกูลหัวเราะด้วยกันกับคำหยอกล้อของคุณชาย แลทั้งสองเต้นรำกันกลางฟลอร์ที่จัดไว้ มีแต่ผู้คนจับจ้องเพราะอยากจักรู้นักว่าหญิงสาวที่ทั้งสวยแลงดงามขนาดนี้เป็นใครกัน ทำไมถึงไม่เคยได้พบเห็นมาก่อน แล้วคุณชายนนทกูล นิรณากุลรู้จักกับเธอได้อย่างไร

    “เพลงจบแล้วเราไปหาหม่อมป้ากันเถอะค่ะ”

    “ได้ค่ะ”

    ทั้งสองคนพากันเดินไปยังโต๊ะที่มีหม่อมเจ้าพิษณุ หม่อมมณีวรรณ แม่นงนุช หม่อมเจ้าอสุราพิพัทธ์ นีฤนาถ แลแขกอีก 4 คน 

    “อ้าวเดินมากันพอดี แม่จักแนะนำให้รู้จัก นี่หม่อมพิมเดือนกับลูกชาย คุณชายตรีพิมาน เทวรางค์กูล ญาติท่านพ่อ กับหม่อมจันทร์ฉายกับลูกสาว คุณหญิงฟ้าสอางค์ สุวดี เพื่อนแม่เองจ๊ะ แลนี่ลูกชายของดิฉัน นนทกูล กับหลานสาวดิฉัน นารานิท เองค่ะ”

    หม่อมมณีวรรณแนะนำแขก 4 คนที่มาร่วมโต๊ะให้กับนารานิทแลคุณชายนนทกูลได้รู้จักทันทีที่มาถึงโต๊ะ ทั้งสองไหว้แขกอย่างงามแลร่วมโต๊ะด้วยกัน

    “ตายจริงหลานสาวหม่อมณีเองหรือคะ ดิฉันคิดว่าเป็นคนรักของคุณชายเสียอีก”

    หม่อมจันทร์ฉายเอ่ยขึ้นตรง ๆ  เพื่อให้ตนเองหายสงสัย

    “มิใช่ดอกค่ะ คนนี้เขาเป็นพี่เป็นน้องกันแลสนิทกันเป็นพิเศษค่ะ”

    หม่อมมณีวรรณเอ่ยแก้ตัวให้กับลูกชายแลหลานสาว

    “ถ้าหากอย่างนั้น ทั้งสองคนมีคนรักเป็นตัวเป็นตนหรือยังจ๊ะ?”

    หม่อมพิมเดือนเป็นฝ่ายถามบ้าง เพราะอยากจักจับคู่ให้ลูกชายของตนเต็มแก่เสียแล้ว ก็นารานิทั้งงามพร้อมทั้งหน้าตาแลกิริยาขนาดนี้ใคร ๆ ก็คงหมายปองอยากได้ไปครองทั้งนั้น หม่อมพิมเดือนเองก็เป็นหนึ่งในนั้นที่จักอยากได้นารานิทมาเป็นลูกสะใภ้ 

    “ไม่มีค่ะ”

    “ไม่มีครับ”

    สองพี่น้องตอบหม่อมพิมเดือนพร้อมกัน ใครได้ยินคำตอบอย่างนั้นก็เป็นพากันโล่งอกโล่งใจที่นารานิทยังมิมีคนรักกับเขาสักที หนุ่ม ๆ ทั้งพระนครก็มีโอกาสกันทั้งนั้น โดยเฉพาะหม่อมเจ้าอสุราพิพัทธ์ ที่ดีทัยเป็นพิเศษที่ได้รับรู้ว่านารานิทยังมิมีผู้ใด ท่านชายจักไม่ปล่อยเธอหลุดมือเป็นแน่ พระองค์รับสั่งกับองค์เองในทัย

    “หากอย่างนั้นหนูนิทได้ชอบพอกับใครเป็นพิเศษหรือไม่จ๊ะ”

    หม่อมพิมเดือนก็ยังคงถามนารานิทต่อเนื่อง ก็หม่อมอยากได้ลูกสะใภ้คนนี้จนตัวสั่น ก็ต้องเอาให้แน่ว่าว่าที่ลูกสะใภ้ในอนาคตของหม่อมมีใครในใจหรือยัง

    “มิมีดอกค่ะ นิทมิได้รู้จักกับชายใดที่ไหนนอกเสียจากพี่นนท์คนเดียวค่ะ”

    ความจริงแล้วนารานิทก็เพิ่งจักรู้จักหม่อมเจ้าอสุราพิพัทธ์เมื่อไม่นานนี้เอง จักให้บอกว่ารู้จักท่านชายด้วย คงขายหน้าแย่ประเดี๋ยวใครก็หาว่าเธอชอบท่านชายกันพอดี

    “แล้วอายุอานามเท่าใดแล้วล่ะจ๊ะ คิดจักแต่งงานเมื่อใดกันล่ะ”

    “หม่อมแม่พอเถอะครับ ประเดี๋ยวคุณนิทเขาอึดอัดกันพอดี”

    หม่อมพิมเดือนถามซักไซ้นารานิท จนคุณชายตรีพิมานร้องห้ามปรามหม่อมแม่ของตน ส่วนนารานิทเธอก็มีน้ำใจมากพอที่จักตอบคำถามของหม่อมพิมเดือนด้วยความเต็มใจ

    “ไม่เป็นไรดอกค่ะ นิทเต็มใจตอบค่ะคุณชาย นิทเพิ่งจักอายุได้ 20 ปีเมื่อไม่นานมานี้เองค่ะ เรื่องแต่งงานนิทไม่ได้คิดเลยค่ะ หม่อมป้าบอกจักเป็นคนจัดหาให้ค่ะ”

    “ตายจริง อายุเท่ากับตาตรีเลย หนูนิทกับตาตรีคงจักเป็นเพื่อนกันได้นะลูก”

    “ค่ะ นิทขอตัวก่อนนะคะ”

    นารานิทรับคำแค่สั้น ๆ ไม่พูดอะไรอีกแลเดินออกมาจากโต๊ะ ทุกคนบนโต๊ะก็ดูออกกันหมดว่าหม่อมพิมเดือนอยากได้นารานิทมาเป็นลูกสะใภ้ของตน ถึงได้ถามนารานิทขนาดนี้ แต่ใครจักพูดอะไรได้ทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับผู้ใหญ่ทั้งนั้น ไม่มีใครทันสังเกตสีหน้าของเธอเลยสักนิด ว่าที่เธอบอกว่าไม่อึดอัดนั้นความเป็นจริงแล้วเธออึดอัดแค่ไหนที่จักต้องพูดเรื่องแบบนี้ ก็คงมีแต่หม่อมเจ้าอสุราพิพัทธ์ เท่านั้นกระมังที่สังเกตเห็นสีหน้านั้นของเธอว่าเธอมีความในใจที่พูดออกมาไม่ได้ ท่านชายทำได้แค่ลุกออกจากโต๊ะไปหานารานิท

    “หนูนิทให้เกียรติ เต้นรำกับผมสักเพลงนะครับ”

    จู่ ๆ หม่อมเจ้าอสุราพิพัทธ์ก็ขอนารานิทเต้นรำ ทำทุกคนแปลกใจอย่างเหลือล้น เพราะไม่เพียงแค่ท่านชายจะมางานเลี้ยงกลางคืน แต่ยังขอหญิงสาวแปลกหน้าเต้นรำอีกด้วย

    “เพคะ”

    นารานิทตอบรับคำขอนั้นอย่างไม่ค่อยเต็มใจสักเท่าไร แต่ก็เพราะเธอไม่อยากนั่งอยู่ตรงนี้ด้วยเช่นกันจึงเลือกที่จักออกไปเต้นรำดีกว่า ทั้งสองไปยืนกลางฟลอร์แล้วเริ่มเต้นรำกันอย่างช้า ๆ ส่วนสูงของนารานิทไม่เตี้ยเกินไปหรือสูงเกินไปทำให้อยู่ระดับปลายติ่งกรรณของหม่อมเจ้าอสุราพิพัทธ์พอดีในขณะที่ใส่ส้นสูง ส่วนท่าชายก็รูปวรกายสูงใหญ่แข็งแรงทำให้ดูสมส่วนเวลาเต้นรำคู่กัน ใครพบเห็นก็ต่างมองว่าทั้งสองนั้นเหมาะสมกันราวกับกิ่งทองใบหยกเลยทีเดียว มีเพียงหม่อมพิมเดือนเท่านั้นที่ไม่อยากยอมรับความจริงข้อนี้ ก็หม่อมอยากให้นารานิทได้คู่กับคุณชายตรีพิมานลุกชายของตนเท่านั้น

    “หนูนิทดูไม่พอใจเท่าใดนะครับ”

    “ท่านชายทรงเห็นด้วยหรือเพคะ”

    น้ำเสียงที่ดูห่างเหินนั้นทำหม่อมเจ้าอสุราพิพัทธ์อึ้งไปเล็กน้อย

    “ใช่ครับ หนูนิทดูไม่พอใจที่จักต้องพูดเรื่องแต่งงานเลยนะครับ”

    “เพคะ หม่อมฉันรู้สึกสับสนนิดหน่อยกับเรื่องนี้ ได้โปรดท่านชายอย่าทรงรับสั่งถึงเลยนะเพคะ”

    ท่ายชายพัทธ์ไม่หยุดพยายามที่จักชวนนารานิทคุยขณะเต้นรำ 

    “ครับ แล้วหนูนิทชอบเต้นรำหรือไม่ครับ?”

    “ไม่เพคะ หม่อมฉันเต้นรำมิเก่ง”

    “แต่ที่ผมเห็นก็เต้นเก่งแล้วนะครับ”

    “ท่านชายต้องไม่เชื่อแน่เพคะว่าหม่อมฉันเหยียบเท้าพี่นนท์ไป 3 ครั้งแล้วเพคะ”

    ท่านชายพัทธ์ได้ยินอย่างนั้นก็สรวลเบา ๆ ในลำศอใส่นารานิท

    “อย่างนั้นหรือครับ ผมหวังว่าจักไม่โดนหนูนิทเหยียบเท้าเหมือนคุณชายนนท์นะคครับ"

    “หม่อมฉันจักพยายามไม่เหยียบเท้าท่านชายนะเพคะ”

    หม่อมเจ้าอสุราพิพัทธ์เพียงรับสั่วหยอกล้อนารานิทไปอย่างนั้นเเต่ดูเหมือนเธอจักจริงจังไปหน่อย แต่พระองค์ก็ไม่ทรงยอมแพ้ พยายามที่จักชวนหญิงสาวตรงหน้าคุยต่ออย่างไม่ลดละ

     "แล้วหนูนิทชอบอะไรมากที่สุดครับ”

    “หนังสือเพคะ”

    “เรื่ออะไรบ้างหรือครับ”

    “เรื่องโฉมงามกับเจ้าชายอสูร นางซิน แลเดอะนักแครกเกอร์เพคะ”

    หม่อมเจ้าอสุราพิพัทธ์ได้ทรงฟังคำตอบของนารานิทก็กลับรับสั่งไม่ออกอีกเลย แลเธอก็ไม่ได้ถามท่านชายกลับด้วยเพราะเธอคิดว่าเธอพูดมากแล้ว แลเธอก็ไม่เคยพูดกับใครได้เยอะเท่านี้มาก่อนเลย เธออยู่ใกล้ท่านชายอย่างมิทันได้ตั้งตัวอีกแล้วแลใกล้เกินไปแล้วด้วย เมื่อเธอสัมผัสได้ว่าเพลงจบลงแล้ว ก็รีบเอ่ยขอตัวทันที

    “หม่อมฉันขอตัวก่อนนะเพคะ”

    “ประเดี๋ยว..”

    เมื่อเต้นรำจบนารานิทไม่สนใจผู้ใดอีกเธอกับวิ่งเข้าวังนิรมาศไปดื้อ ๆ เสียอย่างนั้น ทิ้งให้ท่านชายพัทธ์แปลกพระทัยแลงุนงงกับเหตุการณ์ตรงหน้า แลรั้งเธอไว้ไม่ทันอีกแล้ว แต่ครั้งนี้พระองค์ไม่ยอมปล่อยเธอไปอีกเป็นครั้งที่สองแน่ ทรงคิดดังนั้นก็ตามนารานิทไป แต่เธอก็หายไปจนได้

     

    ฝ่ายคุณชายตรีพิมานได้เพียงแต่มองนารานิทเต้นรำกับคนที่ใครก็ต่างคิดว่าเหมาะสมกับเธอ ส่วนเขานั้นเทียบไม่ได้เลย โอกาสจักทำความรู้จักคุ้นเคยก็มิมีได้เพียงแต่อาศัยหม่อมแม่พิมเดือนเท่านั้น แต่ก็ดูจักไม่มีประโยชน์อะไร

    “ถ้าหากจักมองจนตาหลุดออกจากเบ้าขนาดนั้นไม่ตามไปละคะ”

    “คุณคุยกับผมหรอครับ?”

    “คิดว่าฉันคุยกับใครหรอคะ?”

    “อากาศครับ”

    นีฤนาถเปิดบทสนทนาด้วยความกวนนิด ๆ ตามประสาเธอแต่ดูเหมือนว่าเธอจักเจอมวยถูกคู่ซะแล้วเพราะอีกใฝ่ก็ใช่ย่อยเช่นกัน อีตาบ้านี่เธอจักคุยกับอากาศได้อย่างไรมีแต่คนบ้าเท่านั้นแหละ แต่เธอไม่ได้บ้า นีฤนาถกร่นด่าคุณชายตรีพิมานในใจ ที่เธอเข้าไปคุยกับคุณชายตรีพิมานเพราะเธอสังเกตเห็นว่าคุณชายเขาดูสนใจพี่นิทมิใช่หน่อยแต่เพราะความไม่กล้าเสียนั่นที่ทำให้โดนคู่แข่งคว้าตัวพี่นิทไป ก็เลยอยากจักเข้าไปช่วยสักหน่อย แต่ดูเหมือนเธอจักช่วยผิดคนเสียแล้ว

    “เป็นคุณชายแท้ ๆ เรื่องจีบหญิงก็ทำไม่เป็น”

    "นี่คุณว่าผมหรือ"?"

    “ใช่ ถ้าฉันไม่ว่าคุณจักให้ฉันไปว่าหมา..เอ้ย..ใครที่ไหนละคะ แต่ฉันว่าฉันคุยกับอากาศอยู่นะ”

    นีฤนาถทำท่ามองไปมองมาก่อนจะตอบคุณชายตรีพิมานแล้วก็เดินจากไปเสียดื้อๆ ทิ้งให้คุณชายตรีพิมานยืนอึ้งในคำตอบที่เธอตอบแลได้แต่เจ็บใจน้อย ๆ ยัยตัวแสบ สวยสุักครึ่งหนึ่งของพี่สาวก็ไม่มี ยังจักกวนเสียนี่ คุณชายทำให้เพียงนึกต่อว่านีฤนาถในใจเท่านั้น

    เห็นอีกฝ่ายอึ้งในคำตอบของเธอ นีฤนาถก็รู้สึกสะใจมิใช่หน่อย ก็ใครใช้ให้มากวนเธอก่อนเล่า โดยหารู้ไม่ว่าเธอก็โดนคุณชายตรีพิมานด่าเธอในใจอยู่


    แย้มพระสรวล = ยิ้ม  ฉลององค์ = ชุด  ทอดเนตร = มองดู  ติ่งกรรณ = ติ่งหู  วรกาย = ร่างกาย  ศอ = คอ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×