คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ฉันอยากรู้จักเธอมากกว่านี้
“นี่ก็บ่ายคล้อยแล้ว นิทกับนีต้องขอตัวกลับก่อนนะคะหม่อมป้า ท่านลุง”
“อ้าว รีบกลับทำไมล่ะจ๊ะหนูนิท จักมิอยู่รับประทานอาหารเย็นร่วมกันก่อนหรือจ๊ะ?”
หญิงสาวเอ่ยขอตัวกลับบ้าน แต่โดนหม่อมป้าห้ามตัวไว้ไม่ให้กลับ
“เพราะหากมืดค่ำจักมิมีรถสามล้อถีบ แลนิทกับนีมิได้บอกแม่ไว้ด้วยว่าจักอยู่กับหม่อมป้าถึงรับประทานอาหารเย็นหน่ะค่ะ อีกอย่างงานที่ลูกค้าสั่งก็ยังมิแล้วเสร็จด้วยค่ะ เขามาแต่วาน แต่จักเอามะรืนนี้ สั่งตั้งหลายชุดค่ะ”
“โธ่ หนูนิทอยู่กับป้าก่อนนะ นานทีหนูจะมาหาป้า ประเดี๋ยวป้าให้คนขับรถไปบอกแม่นงนุชให้ว่ามิต้องรอเรา 2 คน แลจักให้พี่นนท์ไปส่งหลานเอง หรือให้หนูนีอยู่เป็นเพื่อนป้าก็ได้ ตกลงไหมจ๊ะ”
หม่อมมณีเกลี้ยกล่อมให้หลานสาวคนโปรดอยู่กับตนต่ออีกสักหน่อยให้หายคิดถึง แลมีเหตุผลอื่นในใจด้วย
“พี่นิทตามใจหม่อมป้าเถอะค่ะ นีเองก็อยากอยู่กับหม่อมป้า ส่วนแม่ไม่เป็นไรดอก ยังไงป้าผ่องก็อยู่เป็นเพื่อนแม่อยู่แล้ว”
“หนูนีพูดถูกใจป้าที่สุดเลย นะจ๊ะหนูนิทอยู่กับป้าต่อนะ”
นีฤนาถนานทีจะเห็นพ้องกับหม่อมป้า ก็เลยทำให้หม่อมมณีวรรณอ้อนนารานิทหนักขึ้นเพื่อให้หลานอยู่ต่อ เพราะรู้ว่าอ้อนยังไงนารานิทก็ต้องยอมเพราะเป็นคนใจอ่อนแต่ไหนแต่ไรแล้ว
“ก็ได้ค่ะหม่อมป้า แต่ให้ยัยนีอยู่นะคะ นิทต้องรีบกลับจริง ๆ ค่ะ”
นารานิทนั่งคิดสักนาทีก็ตัดสินใจยอมตามใจหม่อมป้า
“ได้เลยจ้ะ ขอบคุณจ๊ะหลานรัก หม่อมฉันก็ขอเชิญท่านชายพัทธ์รับเครื่องเสวยเย็นด้วยเลยนะเพคะ”
หม่อมมณีโผเข้ากอดหลานสักครู่ก็ปล่อย หันมาคุยเชิญชวนหม่อมเจ้าอสุราพิพัทธ์ให้อยู่รับเครื่องเสวยเย็นด้วยกัน
“กระผมคงต้องขอตัวนะครับ พอดีมีธุระด่วนนิดหน่อย นี่ก็สายมากแล้วครับ”
ท่านชายปฏิเสธหม่อมมณีด้วยความสุภาพ
“อย่างนั้นหรือเพคะ หม่อมฉันเสียดายจังเพคะ ไว้รับเครื่องเสวยเย็นด้วยกันครั้งหน้านะเพคะ”
“ได้เลยครับ คราวหน้าผมจะหาเวลามากกว่านี้ให้กับหม่อมมณีนะครับ”
“เพคะ เดี๋ยวหม่อมฉันจักไปส่งนะเพคะ หนูนิทไปกับป้าน๊ะจ๊ะ”
หม่อมมณีวรรณบอกจักเดินไปส่งหม่อมเจ้าอสุราพิพัทธ์ แลให้นารานิทไปด้วยกัน
“ค่ะ หม่อมป้า”
ถึงสาวเจ้าจักไม่เต็มใจไปด้วยสักเท่าใด แต่ก็เธอก็ไม่อยากจักขัดใจหม่อมป้ามากนัก แลเธอเองก็ต้องรีบกลับด้วยเช่นกัน
- หน้าวังนิรามาศ -
“หม่อมฉันขอให้ท่านชายเดินทางกลับปลอดภัยนะเพคะ”
“ขอบคุณครับหม่อมมณี”
หม่อมเจ้าอสุราพิพัทธ์ยกเมื่อไหว้หม่อมมณีวรรณ หม่อมณีก็ไหว้ตอบ แลท่านชายก็หันมาตรัสกับนารานิทบ้าง
“ผมไปก่อนนะครับหนูนิท”
“เพคะ ท่านชาย”
นารานิทเพียงแค่เอ่ยสั้น ๆ แลยกมือไหว้ ท่านชายก็ไหว้ตอบ แล้วจับมือนารานิทขึ้นมาจูบบนมือสาวเจ้าอย่างแผ่วเบาแลถนุถนอม ตามแบบคนฝาหรั่งที่นิยมทำกัน
“ผมอยากรู้จักหนูนิทมากกว่านี้ ไว้มีเวลาเรามาทำความรู้จักกันนะครับ”
เธอไม่ได้ตอบกลับท่านชายไป เพียงแค่ส่งยิ้มกลับไปให้ ท่านชายตรัสเสร็จก็เสด็จขึ้นรถกลับออกไปจากวังนิรามาศ
หม่อมมณีวรรณเห็นดังนั้น ก็อมยิ้มสุขใจโดยที่นารานิทมิได้สังเกตเห็นเลย เพราะมัวแต่ขบคิดกับสิ่งที่เกิดขึ้นแลสิ่งที่หม่อมเจ้าอสุราพิพัทธ์ทำในวันนี้ ไม่เคยมีชายใดแตะต้องตัวเธอได้มากเท่านี้มากก่อน แลทำให้เธอรู้สึกหวั่นใจเล็กน้อยแล้วกระมัง?
- วังเสี้ยวหฤทัย -
เพราะวังนิรมาศอยู่ไกลเกินไปหน่อย เลยทำให้หม่อมเจ้าอสุราพิพัทธ์เสด็จถึงวังเสี้ยวหฤทัยเกือบจักตะวันตกดิน
“จักมิทันการเสียแล้ว”
ท่านชายตรัสกับองค์เองอย่างนั้น แลทรงวิ่งไปยังท้ายวังแทบจักทันที โดยที่มีใครคนหนึ่งรอคอยท่านชายที่ท้ายวังอยู่ก่อนแล้ว
“วันนี้เด็จมาสายนะเพคะ ฝ่าบาท”
“ได้โปรด อย่าเพิ่งพูดอะไรเลย ช่วยฉันด้วย”
ท่านชายทรงวิ่งมาอย่างเหน็ดเหนื่อย แลก็เกิดอาการแปลกประหลาดอย่างที่เคยเป็นทุกที จนทำให้ทนไม่ไหวถึงกับทรุดตัวลงกับพื้น ทั้งหายพระทัยไม่ออก ทั้งแน่นอุระอย่างกับจักระเบิดออกมาอย่างนั้น แลร้อนรุ่มไปทั้งตัว ไม่นานนักหญิงสาวปริศนาที่อยู่ตรงหน้าท่านชายยื่นแก้วน้ำที่มีของเหลวสีแดงให้ท่านชายเสวย ไม่นานท่านชายก็ทรงอาการดีขึ้น
“ขอบใจ ฉันดีขึ้นมากแล้ว”
“ทรงรู้องค์ไหมเพคะ ว่าฝ่าบาทหน่ะทรงอาการแย่ลงเรื่อย ๆ ทุกปีเลยนะเพคะ”
“ทำไมฉันจักไม่รู้ล่ะ นี่ร่างกายฉันนะ เกตระนี”
“หม่อมฉันทรงเป็นห่วงเพคะ”
หญิงสาวปริศนาที่อยู่ตรงหน้า เธอชื่อเกตระนี คอยดูแลหม่อมเจ้าอสุราพิพัทธ์ในเรื่องที่ไม่มีใครรู้ทุก ๆ อย่าง
“ฉันไม่เป็นไรแล้ว แล้วนี่เอาเลือดตัวอะไรให้ฉันดื่ม”
“เลือดกระต่ายเพคะ หม่อมฉัน ทดลองเลือดของสัตว์มาหลายชนิดแล้วเพคะ ฝ่าบาทไม่ถูกกับเลือดชนิดไหนเลย แต่วันนี้หม่อมฉันลองเลือดกระต่ายให้พระองค์ได้เสวย กับไม่เป็นอะไรแถมยังปกติอีกด้วย หม่อมฉันคิดว่าเราควรใช่เลือดกระต่ายจะเหมาะที่สุดนะเพคะ ยิ่งเสวยมากเท่าใด ยิ่งยื้อเวลาได้นานเท่านั้นเพคะ 1 แก้ว เท่ากับ 1 ชั่วยามเพคะ”
เกตระนีอธิบายให้ท่านชายฟังถึงเหตุผลเพราะอะไรถึงต้องเสวยเลือดกระต่าย
“นี่คงเป็นอีกคืนที่ฉันรอดไปได้สินะ แลมันจักเป็นอย่างนี้เช่นทุกคืนหรือเปล่า?”
“เพคะ มันจักเป็นแบบนี้เช่นทุกคืนเพคะ”
“แล้วเลือดกระต่ายนี่เธอหามันมาอย่างไร?”
“เป็นกระต่ายป่าเพคะ ที่อาศัยอยู่ในป่าลึกเท่านั้น แลเป็นกระต่ายที่มีอายุยืนที่สุด 1 ตัว สามารถเสวยไปได้ถึง 2 เดือน เพคะเพราะหม่อมฉันสกัดเลือด 1 หยด ผสมกับสมุนไพรชนิดอื่นๆด้วยเพคะ”
เกตระนีอธิบายให้หม่อมเจ้าอสุราพิพัทธ์ซ้ำ ท่านชายไม่เพียงตรัสรับสั่งอะไร พลางคิดในทัยว่าเหตุใดวันนี้แตะต้องตัวผู้หญิงคนนั้นแล้วถึงไม่ได้ผลเหมือนกับแต่วานเลย ก็เสด็จกลับวังไปเสียดื้อ ๆ อย่างนั้น ทิ้งให้หญิงสาวมองตามตาละห้อยจนตัดพ้อกับตัวเอง
“เพราะเหตุใดฝ่าบาทของหม่อมฉันถึงเปลี่ยนไปเพียงนี้เพคะ หากเป็นเมื่อก่อนพระองค์จะทรงรับสั่งกับหม่อมฉันมากกว่านี้”
ไม่เพียงแค่นี้เมื่อคืนวานท่านชายก็ทรงเปลี่ยนไปตั้งแต่พบหญิงคนนั้น คนที่อยู่ในคำทำนาย เกตระนีคิดในใจดังนี้ เธอไม่มีทางยอมแน่นอน จะไม่ปล่อยให้ท่านชายพัทธ์ไปเป็นของใครแน่นอน แม้เธอจักรู้ตัวดีว่าเธอเองก็เป็นหนึ่งผู้ในคำทำนายเช่นกัน แต่จักให้ทำอย่างไรได้ เพราะเธอมิใช่ผู้ที่ถอนคำสาปได้
- ห้องบรรทมหม่อมเจ้าอสุราพิพัทธ์ -
ท่านชายนั่งประทับบนเตียงแลทรงอ่านหนังสือเล่น ก็พาลนึกถึงหญิงสาวที่พบวันนี้เสียอย่างนั้น ถึงกับแย้มพระสรวลออกมาเบา ๆ ใคร่ทรงระลึกถึงคำพูดที่เคยรับสั่งไว้กับนารานิท แลทรงคิดว่าจักทำอย่างไรให้ได้รู้จักกับเธอมากขึ้นกว่านี้นะ เพราะเธอทั้งอ่อนหวาน น่าเอ็นดูถนุถนอม มีสมบัติของผู้ดี หากใครรักใคร่ได้ไปครองก็คงจักต้องเชิดชูดูแลเธอมดไม่ให้ไต่ ไรไม่ให้ตอมอย่างแน่นอน แลท่าทีของเธอตอนนั้น ไม่มีทีท่าว่ารังเกียจแลก็ไม่ได้ยินยอมแม้แต่อย่างไร เพียงแค่ยิ้มกลับมา รอยยิ้มนั้นก็ทำให้พระทัยของท่านชายรู้สึกสั่นไหวแลพองโตเหลือเกิน ทรงคิดดังนั้น ก็รับสั่งกับองค์เองเบาๆว่า
“ฉันอยากรู้จักเธอมากว่านี้จัง หนูนิท เหตุใดถึงทำให้ฉันหวั่นไหวได้ขนาดนี้กัน?”
เครื่องเสวยเย็น = อาหารเย็น ตรัส,รับสั่ง = พูด อุระ = อก นั่งประทับ = นั่งอยู่
ความคิดเห็น