คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : การจากลาที่แสบเจ็บปวด
ท่ามกลางกองเพลิงที่ลุกโชติช่วงอยู่ตรงหน้าเรือของกองทัพปฏิวัติ ดราก้อนได้ใช้พลังของเขาทำการเปิดทางในเกรย์เทอร์มินอลให้คนที่อาศัยอยู่ที่นั่น
“ถึงขนาดเผาทั้งเมืองพร้อมย่างสดไปด้วย ใจคอโหดเหี้ยมสิ้นดี” สาวหน้ายักษ์นานอีวานคอฟพูดขึ้นมาและมองไปรอบๆ เกรย์เทอร์มินอล
“นั้นสินะครับ เลวพอๆ กับพวกที่ทำลายบ้านเกิดของพวกผมเลย” ชายหนุ่มผมยาวสีน้ำทะเลและมัดรวบผมเอาไว้เอ่ยขึ้นมาพลางมองดูผู้คนที่วิ่งตรงมาทางเรือของพวกเขา
“ว่าก็ว่าเถอะเธอน่ะ ถึงกับคอยสอดส่องความเป็นไปของประเทศที่อยู่ห่างไกลจากอีสท์บลูอีกนะ เธอมีความผูกพันอะไรกับที่นี่งั้นเหรอ” อีวานหันไปถามดราก้อนอย่างสงสัย
“ประเทศนี้คือตัวอย่างของสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับโลกในอนาคต โลกที่กำจัดแต่ในสิ่งที่ไม่ต้องการน่ะไม่มีความสุขรออยู่หรอก สักวันหนึ่งฉันจะเปลี่ยนแปลงโลกนี้ให้พวกนายเห็น” ดราก้อนตอบออกมาด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
“คุณดราก้อนพูดได้ดีไปเลยนี่ครับ” ชายผมสีทะเลแต่ตัดสั้นกว่าคนแรกเอ่ยขึ้นมาขณะที่นั่งอยู่ที่ขอบของเรือและมองไปด้านล่าง
"ประเทศแบบนี้เองก็มีเด็กๆ ที่ลืมตาขึ้นมาดูโลก" ดราก้อนเดินไปทางหัวเรือก่อนจะชูกำปั้นของตนเองขึ้นและตะโกนออกไป
"คนที่มีใจคิดจะต่อสู้เพื่ออิสรภาพ ขอจงขึ้นมาบนเรือลำนี้" เมื่อดราก้อนพูดจบพวกคนจากเกรย์เทอร์มินอลก็เฮลั่น
ดราก้อนหันไปมองเด็กหนุ่มฝาแฝดที่ตอนนี้พวกเขานั้นเหม่อมองออกไปทางกลองเพลิงอย่างไรจุดหมาย
“พวกเธอกำลังคิดถึงเรื่องที่เกาะมินเทรสอยู่สินะ” ดราก้อนถามออกไปจนทั้งสองคนหันมามอง
“นั้นสินะ ตอนนั้นไฟก็ลุกไหม้ไปหมดเหมือนกันนี่นะ” คนผมสั้นตอบออกมา และลงมายืนที่ดาดฟ้าเรือ
“มันดันทำให้เรานึกถึงน้องของพวกเราน่ะครับ ปีนี้ก็คงสิบขวบแล้ว มีความสุขอยู่รึเปล่านะ” ชายผมยาวสีน้ำทะเลยกดาบข้างเอวขึ้นมามองดูอัญมณีเม็ดที่สามพร้อมๆ กับยกยิ้มขึ้นมา
“โทรุจะร้องไห้เหรอ” น้องชายฝาแฝดเอ่ยถามออกไป
“นายต่างหากเล่าโทยะที่ร้องไห้ เมื่อหกปีก่อนตอนแยกจากโรคุก็ร้องจนตาบวมเลยนี่” โทรุตอบกลับไปอย่างเจ็บแสบ
“อึก ทำอย่างกับนายไม่ร้องงั้นแหละ” และทั้งสองคนก็กัดกันอยู่พักหนึ่งก่อนจะแยกออกจากกัน
“ถึงจะทำตัวร่าเริงยังไงแต่พวกเธอก็ยังเป็นห่วงน้องชายที่ชื่อโรคุคนนั้นอยู่ตลอดเวลาสินะ ถึงจะมีสิ่งยืนยันว่าพวกเขาไม่ตายอยู่ก็เถอะ” อีวานเอ่ยขึ้นมาพลางมองไปที่ฝาแฝดทั้งสองที่แสดงสีหน้าเศร้าสร้อยออกมา
“ทำไงได้ล่ะครับ ก็ตอนนั้นโรคุแค่สามขวบเองนะ” โทยะพูดออกไปแล้วเดินไปพูดคุยกับโทรุต่ออย่างกับเมื่อครู่นี้พวกเขาไม่ได้ตีกันมาก่อน
“เฮือก!” เอสดีดตัวขึ้นมานั่งและมองไปรอบ ตัวก่อนจะเจอกับโรคุที่ส่งยิ้มมาให้เขาพร้อมๆ กับเลือดที่ยังติดอยู่ที่ใบหน้า
“นายออกไปไหนมาเหรอ” เอสถามออกไปพลางเช็ดเลือดที่ติดอยู่ที่หน้าคนที่เขารักออก
“ไปจัดการพวกที่จะมาขโมยสมบัติเราน่ะ ตอนนั้นผมฆ่าเจ้าบลูแจมไปนายจะไม่เกลียดผมใช่ไหม” โรคุถามออกมาด้วยเสียงสั่นๆ
“ไม่หรอก ฉันคิดไว้อยู่แล้วล่ะว่านายต้องเคยฆ่าคนมาก่อน แล้วก็ขอบคุณนะที่ไปหาพวกยาและอาหารมาให้น่ะ” เอสยกมือขึ้นไปลูบหัวโรคุอย่างอ่อนโยน
“อื้ม ขอบคุณนะ”
“ม ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันแบกดาดันไปเอง เราไปกันเถอะ”
เอสจัดการแบกดาดันขึ้นหลังแล้วเดินกลับไปยังบ้านบนภูเขาคอร์โบ พอมาถึงลูฟี่ก็กระโดดเข้ามากอดพวกเขาทั้งคู่พร้อมๆ กับร้องไห้ออกมาเสียงดัง
พอกลับเข้ามาในบ้านโรคุก็เล่าเรื่องที่เกินขึ้นทั้งหมด และก็บอกไปว่าตัวเขานั้นฆ่าอีกฝ่ายไปแล้วด้วย ถึงคนอื่นๆ จะตกใจแต่ก็ไม่มีคนตกใจอะไรมากมายอะไร ส่วนมากโรคุจะออกไปหาอาหารและยามาให้เพราะเขาเป็นคนเดียวที่เจ็บน้อยสุด
“เอส ทำไมตอนนั้นไม่ยอมหนีไปล่ะ” ดาดันถามขึ้นมาขณะที่นอนอยู่ และนั้นก็เป็นคำถามที่ติดค้างคาอยู่ในใจของโรคุด้วยเช่นกัน
“บางครั้งฉันก็รู้สึกว่าเลือดขึ้นหน้า ฉันกลัวว่าถ้าหนีไปจะสูญเสียสิ่งสำคัญไป เพราะตอนนั้นน่ะลูฟี่ก็อยู่ข้างหลังฉันด้วย ฉันก็ไม่แน่ใจเท่าไหร่ แต่ก็คงเป็นเพราะเรื่องนั่นแหละ”
เมื่อได้ฟังคำตอนนั้นของเอส โรคุก็พูดไม่ออกเลยว่าตัวเองนั้นรู้สึกยังไง เขารู้สึกมีความสุขมากๆ เลยที่ได้มาเจอกับเอส และถ้าได้เจอกับซาโบะอีกเขาจะเล่าเรื่องนี้ให้เจ้าตัวฟังทั้งหมดเลย
ทว่าตอนที่โดงุระกลับมานั้นกับมาบอกพวกเขาว่าซาโบะนั้นตายไปแล้ว ทั้งเขา เอส และลูฟี่ก็ไม่อย่าจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน ทั้งๆ ที่คิดว่าซาโบะจะมีความสุขดีแท้ๆ แต่เจ้าตัวกลับออกทะเลไปพร้อมๆ กับโดนพวกมังกรฟ้าฆ่าตาย
“ไม่ ไม่จริง ไม่จริงใช่ไหม ไม่น้าาาาา!” โรคุตะโกนออกมาอย่างสิ้นสติแล้วสร้างกรมน้ำขึ้นมาขังตัวเองเอาไว้
เช้าวันต่อมาโรคุก็ยอมออกมาจากกรงน้ำของเขา และออกไปหาเอสที่ถูกมันอยู่ด้านนอก และมันก็มีนกนางนวลบินมาส่งจดหมายพอดีด้วย
“หัวหน้า! เกิดเรื่องแล้วครับ จดหมายครับ จดหมาย เขาส่งจดหมายมาก่อนจะออกทะเลครับ”
โดงุระโวยวายออกมาพลางยื่นจดหมายให้ดาดันดู เอสที่ถูกแก้เชือกออกมาแล้วก็รับจดหมายมาพร้อมๆ กับอ่านระหว่างทางไปยังริมทะเล ที่พวกเขาทั้งสี่คนชอบไปอยู่กัน
[เอส โรคุ ลูฟี่ พวกนายคงจะไม่โดนไฟไหม้กันใช้ไหม? ถึงจะเป็นห่วงแต่ฉันก็เชื่อว่าพวกนายต้องปลอดภัย มันอาจจะผิดต่อพวกนาย แต่ในขณะที่พวกนายอ่านจดหมายฉันคง... กำลังอยู่ในทะเลแล้วล่ะ ด้วยเหตุผลหลายอย่างฉันจึงตัดสินใจออกทะเลไปก่อน ปลายทางของฉันไม่ใช่ประเทศนี้ เป็นที่ไหนสักแห่ง ฉันจะไปที่นั่นแล้วก็จะเก่งขึ้น เพื่อเป็นโจรสลัด! พอได้เป็นโจรสลัดที่มีอิสระยิ่งกว่าใคร พวกเราทั้งสี่คนจะมาเจอกันใหม่นะ เราจะได้เจอกันสักที่ในทะเลกว้างที่มีอิสระในสักวันหนึ่ง ว่าแต่ว่านะเอส ระหว่างฉันกับนายใครเป็นพี่กันนะ พี่ชายสองคนกับน้องสองคน สายสัมพันธ์แปลกๆ นี่น่ะคือสมบัติของฉันเลย ถึงลูฟี่จะเป็นเด็กอ่อนแอและขี้แยแต่ก็เป็นน้องของพวกเราฝากดูแลด้วยนะ]
นั้นคือทั้งหมอที่เอสอ่านให้กับเขาฟัง ถึงเขาจะเห็นว่ามีปล.ต่อท้ายด้วย แต่เอสไม่อ่านให้ฟังเขาก็จะไม่ตื้อถามอะไรเจ้าตัวหรอกนะ
พอเดินมาถึงริมทะเลที่ชอบมาบ่อยๆ แล้วความอัดอั้นในใจของเอสก็พรั่งพรูออกมาไม่หยุด จนโรคุต้องเข้าไปกอดปลอดทั้งๆ ที่ตัวเองก็ร้องไห้ออกมาเหมือนกันแท้
ผ่านไปประมาณสิบกว่านาทีได้พวกเราก็หยุดร้อง แล้วนั่งห้องขาลงไปกับกับขอบผานั้น
“นายไม่เป็นอะไรแล้วใช่ไหม”
“อา ขอบคุณนะโรคุที่อยู่ด้วยกัน” เอสเช็กน้ำตาของเขาออกก่อนจะเอนตัวลงมาซบไหล่ของเขาอย่างอ่อนแรง
“นี่เอส ปล.ที่เขียนในจดหมาย”
“ช่างปล. เถอะ” เอสหันมาหาเขาและเข้ามาจูบเขาอย่างเก้ๆ กังๆ
“ก็ได้ ช่างมันเถอะ” โรคุยอมให้อีกฝ่ายจูบลงมาอีกครั้ง ถึงจะไม่มีประสบการณ์เรื่องนี้กันทั้งคู่ แต่ค่อยๆ เรียนรู้ไปก่อนแล้วกัน
ฉันไม่คิดจะบอกปล.นั้นหรอกนะ
[ปล. ถึงฉันจะไม่อยู่แต่คะแนนที่ฉันทำไว้จะไม่ลดแน่นอน เจอกันอีกทีฉันนี้ล่ะจะเป็นเจ้าของของโรคุล่ะ]
วันต่อมาลูฟี่ก็ไม่ยอมกินข้าวเลยแม้แต่น้อย เขากับเอสที่กินข้าวเช้าเสร็จแล้วก็เดินไปหาลูฟี่ที่นอนคว่ำอยู่ที่ริมฝาพร้อมๆ กับร้องไห้ไปด้วย เอสจึงจัดการเขกหัวไปหนึ่งที
“คิดจะทำตัวแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่กัน สมบัติที่เราซ่อนไปหาไปหมดเลยตอนนี้ก็เหลือแค่ส่วนที่โรคุเป็นคนซ่อนเอาไว้ก็ยังอยู่ แต่ว่าเรื่องสมบัติน่ะช่างมันเถอะ ถึงมันจะเป็นสมบัติที่ฉันกับซาโบะเก็บไว้ทำทุนเพื่อเป็นโจรสลัดก็เถอะ แต่สุดท้ายซาโบะก็ไม่ได้ใช้มัน เพราะงั้นฉันก็ไม่สนแล้วล่ะ” โรคุยื่นฟังเอสอยู่แล้วก็มองไปยังทะเลที่ไม่มีที่สิ้นสุดเบื้องหน้า
"เอส... ฮึก ฉันน่ะ เก่งให้มากกว่านี้" ลูฟี่พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงสั่นๆ
"มากกว่านี้ มากขึ้นไปอีก เก่งขึ้นมากกว่านี้ อยากจะแข็งแกร่งขึ้นไปอีก เพราะพอเป็นแบบนั้นก็จะสามารถปกป้องทุกอย่างเอาไว้ได้ จะได้ไม่ต้องสูญเสียใครไปอีก"
เมื่อเห็นท่าทีเจ็บปวดขนาดนั้นของลูฟี่ ในใจของโรคุก็เจ็บปวดด้วยเช่นเดียวกัน แต่ก็ไม่อาจทำอะไรได้ไปมากกว่าการปลอบใจ
“เพราะงั้นฉันขอร้องล่ะนะ เอสกับโรคุน่ะ ห้ามตายเด็ดขาดเลยนะ” เอสที่ได้ยินแบบนั้นก็จัดการเขกหัวลูฟี่ไปอีกที
“พูดอะไรบ้าๆ ก่อนจะมาห่วงฉันน่ะ ห่วงตัวเองก่อนเหอะ นายน่ะอ่อนแอกว่าฉันกับโรคุตั้งเยอะ” โรคุมองการกระทำแบบนั้นของเองแล้วหัวเราะออกเบาๆ
“ฟังให้ดีแล้วก็จับไปซะลูฟี่ ฉันจะไม่ตายเด็ดขาด ซาโบะน่ะฝากให้ฉันดูแลนาย ฉันสัญญาว่าฉันจะไม่ตายเด็ดขาด ใครมันจะตายโดยทิ้งน้องชายขี้แยอย่างนายไว้ได้กันเล่า”
โรคุที่เห็นการตอบกลับของเอสก็ต้องกลั้นขำอีกครั้ง ทั้งๆ ที่เจ้าตัวสามารถตอบออกไปดีๆ ได้แต่คนมันซึนนี่นะ สงสัยคงจะติดมาจากดาดันแน่เลย
“ฉันมันหัวไม่ดีเพราะงั้นเลยไม่รู้ว่าซาโบะไปทำอะไรถึงถูกฆ่าตาย แต่มันต้องเป็นอะไรที่ตรงข้ามกับอิสระแน่ๆ ซาโบะตายไปก็ยังไม่ได้คว้าอิสรภาพ แต่พวกเราที่แลกจอกเหล้ากับซาโบะยังมีชีวิตอยู่ จำไว้นะลูฟี่ พวกเราจะต้องมีชีวิตแบบที่ไม่นึกเสียใจภายหลัง นายด้วยนะโรคุ”
“อื้ม” โรคุขาดรับอีกฝ่ายออกไป
“สักวันพวกเราจะต้องออกทะเลไปให้ได้ ได้ใช่ชีวิตอย่างที่อยาก มีอิสระมากกว่าใครๆ และนั้นก็จะทำให้เราต้องมีศัตรูมากมาย ปู่ก็จะกลายเป็นศัตรูต้องเสี่ยงชีวิตตอนอายุสอบเจ็ดพวกเราจะออกเรือ พวกเราจะไปเป็นโจรสลัด!” เอสพูดออกมาอย่างหนังแน่นในสิ่งที่หวังจนโรคุอดที่จะยกยิ้มขึ้นมาไม่ได้
“แต่ผมยังไม่คิดเรื่องโจรสลัดหรอกนะ แต่จะมีค่าหัวให้พวกนายเห็นก็แล้วกัน” เอสกับลูฟี่หันมองหน้ากันและพยักหน้าเข้าใจกับความคิดของโรคุ
ชิเซน โทรุ
สามารถความคุมสายลมได้
ชิเซน โทยะ
สามารถสร้างไฟฟ้าออกมาและเรียกสายไฟได้ด้วย
ความคิดเห็น