คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : รู้แล้วอย่าบอกใคร ...
จริงๆแล้วผมเป็นคนที่ไม่ค่อยโดดเด่นซักเท่าไหร่ แค่ส่วนสูงของผมคนอื่นก็บังมิดแล้ว นอกจากเพื่อนร่วมห้องกับเพื่อนในสภาฯแล้วก็คงจะไม่มีใครรู้จักผมหรอก (คิดว่านะ)
แล้วไอ้ตำแหน่งศิลป์สภาที่ผมแสนจะภาคภูมิใจก็ช่างเป็นงานที่มืดมนซะเหลือเกิน ทำไมน่ะเหรอครับ?? ก็เพราะคนอื่นๆจะรู้จักเราที่ผลงาน ไม่มีใครรู้หรอกครับว่าใครทำ เพราะงานศิลป์จะต้องเสร็จก่อนงานอื่นๆเสมออยู่แล้ว ฝ่ายศิลป์อย่างเราๆก็เลยโดดไปป่วนฝ่ายอื่นๆซะงั้น (ส่วนผมชอบฝ่ายเทคนิคครับ มันเท่ดี ฮ่าๆ)
แล้วจู่ๆในวันธรรมดาๆของคนธรรมดาอย่างผมที่กำลังนอนซมไข้อยู่นั้น กลับมีคนๆนึงเดินเข้ามาในห้องสภา ขอให้ผมช่วยวาดรูปงานเจ้าปัญหาของมิสยุพาให้ รู้สึกจะชื่อฟิล์มที่อยู่ชมรมดนตรีนี่หว่า !? คนดังนะเนี่ยยยย [--คิดเองเออเอง]
ด้วยความดีใจ ผมก็เลยตบปากรับคำไปแบบไม่ทันคิด และไม่ต้องเดาเลยว่าวันรุ่งขึ้นผมจะเป็นหวัด
“ ฟี่
”
“ มึงอยู่ไหนว้า !!!!!ตะวันส่องตูดแล้วนะมึง !!!!!”
“ กูไม่ฉะบายยยยย”
“ เสียงมึงนี่
อ้อนนนนกูซะจริง”
“เชี่ยย !! มึงเห็นซองน้ำตาลเอ4 ที่อยู่บนโต๊ะมั้ย ?? เออ นั่นแหละ ! เดี๋ยวฟิล์มมาเอา มึงช่วยรอให้กูหน่อยนะ บาย !!!”
ผมรีบกรอกคำพูดลงไปอย่างรวดเร็วก่อนจะรีบวางสายไปในทันที โดยไม่รอฟังเสียงโวยวายของปลายสายซักนิด ฮ่าๆ!! ใช้งานประธานนักเรียนเป็นอีกกิจกรรมนึงที่ทำให้คนป่วยสดชื่นนนน ^_______^
ว่าแล้วก็เอี้ยวตัวไปมองนาฬิกาที่ชี้เลขแปดเด่นหราอยู่บนหัวเตียง เหลือก็แต่ว่าฟิล์มจะไม่ลืม
คงไม่ลืมหรอก
BANG !! BANG !! GAME OVER !!!!! Ha ! Ha ! Ha!
ฟุ่บ !
“ฮื่อ !! พี่นิ๊งปิดไม ??” ผมขมวดคิ้วมุ่นมองดูหน้าจอทีวีที่มืดสนิทก่อนจะเงยหน้าไปหาพี่สาวที่กำลังยืนหน้าบึ้งอยู่ข้างจอทีวี พลางเดินเอามือมาแตะหน้าผากของผม
“ ตัวร้อนจี๋เลยยย ไข้ขึ้นแล้วนะเนม ไปนอนได้แล้ว”
“ หยุดเลยๆ เนมเพิ่งจะกินยาเมื่อกี้เอง
โอ๊ยยย!!!” พูดจบผมดันโดนโบกหัวซะได้ แต่พอผมเงยหน้าขึ้นไปมองค้อนก็ได้แต่รอยยิ้มกวนๆของพี่นิ๊งกลับมาแทน
“ สงสัยต้องเอาไอ้เจ้าเครื่องนี่ไปทิ้งซะแล้วมั้งง ~ เพราะเนมไม่ฟังที่พี่พูดเลย” พี่นิ๊งพูดพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ พลางมอง PS2 น้อยๆที่น่าสงสารของผมไม่วางตา อะโด่ ~ !!! ใช้มุกนี้ผมไม่กลัวหรอก !! ก็ไอ้ PS2 นั่นพี่นิ๊งเป็นคนซื้อให้ผมเองแท้ๆ จะทิ้งมันลงได้ไง๊ ~~
ผมยืนกอดอกยักคิ้วท้าทายกลับ แต่แล้วเจ้ามารร้ายในคราบหญิงสาวก็หิ้ว PS2 ของผมไปยังประตูบ้าน เฮ้ยยยยยย!!!?? เอาจริงงงงงงงอ้ะ !!!
“ อ้า ๆ!!!! ไปนอนแล้วๆๆๆ !!!!” ผมรีบวิ่งปร๋อขึ้นห้องนอนไปอย่างรวดเร็ว โดยมีเสียงหัวเราะชั่วร้ายของพี่นิ๊งดังไล่หลัง
นี่เห็นแก่ PS2 หรอกนะ !!!!!! แบร่ !!!!!!!!
ผมเดินวนไปวนมาเหมือนหนูติดจั่นอยู่ในห้องนอน ก็จะให้ผมไปนอนได้ยังไงในเมื่อผมเพิ่งจะตื่นไปเล่นเกมเมื่อกี้ แต่ถ้าลงไปตอนนี้พี่นิ๊งมีหวังหิ้ว PS2 ผมไปทิ้งแน่นอน อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกก !!!!!!! เบื่อโว๊ยยยยยยยย !!!!!
และในเวลาที่ผมกำลังรู้สึกเหมือนตกนรกขุมมืดมิด แสงสว่างสีทองอร่ามก็ส่องประกายออกจากกระเป๋านักเรียนของผมที่เปิดอ้าอยู่ (เวอร์ไปๆ) ผมรีบหยิบมันขึ้นมาทันที และแล้วสิ่งที่อยู่ในมือผมก็คือ
.
. หนังสือการ์ตูนที่เพิ่งซื้อเมื่อวาน !!!!!!!!
เยสสสสสสสสสสสส !!!!!! ไม่รอช้า ผมรีบกระโดดขึ้นไปนอนบนเตียง พลางอ่านหนังสือในมืออย่างสบายใจ สบายใจมากซะจนไม่รู้สึกตัวเลยว่ามีใครกำลังย่องเบาเข้าห้องของผมอย่างเงียบๆ
และแล้วลางสังหรณ์ของผมก็สั่งให้ผมหันหลังกลับไป พลางสั่งเสีย PS2 ผู้โชคร้ายที่อาจจะไปนอนเล่นอยู่ที่กองขยะจริงๆ แต่คนที่ผมพบกลับเป็น
ฟิล์ม !!!!
“ อ้าว ฟิล์ม มาได้ไงเนี่ย ?” แต่คำตอบของผมกลับเป็นถุงขนมถุงใหญ่ที่ลอยมากระทบหัวผม นี่ก็อีกคน นี่ต้องให้ปักป้ายไว้บนหัวมั้ยว่ากูป่วยอยู่ !!!
“ ไม่สบายแล้วไม่บอก เดี๋ยวก็หาว่ากูทารุณกรรมศิลป์สภาอีก” ก็
กูลืม แฮะๆ
“ เมื่อวานกูไปหามึงแล้วนะ” แถมห้องชมรมมึงโค ตะ ระ หลอน
“ คร้าบๆ ฟิล์มขอโทษครับ” ว่าแล้วมันก็ไหว้ผมอีก เอ้ออ รวยวัฒนธรรมกันซะจริงชมรมนี่ (ผมจะตายเร็วเพราะมันไหว้ผมมั้ยเนี่ยย??)
หลังจากนั้นเราก็นั่งคุยกันอยู่สักพัก สรุปว่าฟิล์มคิดว่าที่ผมป่วยเพราะตัวเองเป็นต้นเหตุ ซึ่งจริงๆแล้วผมไข้ขึ้นมาได้หลายชั่วโมงก่อนหน้านั้นแล้ว แต่ขืนผมบอกไปผมก็โดนยึดขนมอ่ะดิครับ เรื่องนี้เรื่องใหญ่เลย
ช่วงเวลาแห่งความสุขมักจะผ่านไปเร็วเสมอ ผมเริ่มรู้สึกว่าแอร์ในห้องชักจะเย็นเกินไปทั้งๆที่ไม่มีใครไปปรับอุณหภูมิซักนิด โธ่~ ผมสัญญาว่าผมจะกินน้ำเยอะ ผมจะพักผ่อนให้เพียงพอ กินอาหารตามหลักโภชนาการที่พี่นิ๊งทำ แต่อย่าให้ผมไข้ขึ้นเลยยยยยยยยยยยยยย
คำขอของผมดูเหมือนจะได้ผลขึ้นมาบ้าง ถ้าไม่ติดที่ไอ้คนความรู้สึกไวข้างๆจะสังเกตเห็น
“ งั้นกูกลับก่อนนะเว้ย มึงจะได้นอนพักบ้าง” ฟิล์มพูดพลางเดินตรงไปยังประตู แต่ก็ยังไม่วายจะหันกลับมาอวยพรส่งท้าย และก็เป็นอีกครั้งที่ผมตบปากรับคำไปแบบไม่ทันคิดอีกแล้ว
“ พรุ่งนี้หาย ชัวร์” ปากกกกกกหนอปาก
หลังจากที่ประตูห้องนอนของผมปิดไปแล้ว ทั้งๆที่ผมควรจะคิดหนักว่าทำยังไงดีใหหวัดหายทันวันพรุ่งนี้ แต่ผมกลับอดคิดถึงเรื่องนี้ไม่ได้ จริงๆแล้วมันไม่จำเป็นเลยที่จะต้องมาเยี่ยมผม เราเพิ่งคุยกันเมื่อวาน พูดได้ไม่เต็มปากเลยว่าเรารู้จักกันแล้ว แบบนี้จะเรียกว่าผมได้เพื่อนใหม่รึยังนะ?
[ โปรดส่งใครมารักกกก ฉันที ~ อยู่อย่างนี้มันหนาวเกินไป~ อยากจะรู้รักแท้มันเป็นเช่นไร มีจริงใช่ไหม ~]
โนเกีย 5610 ของผมสั่นครืดๆอยู่บนโต๊ะเสียงดังจนผมเผลอสะดุ้งโหยง ผมรีบรับสายทันทีโดยไม่ทันได้ดูว่าใครโทรมา เหมือนเป็นปฏิกิริยาโต้ตอบอัตโนมัติ
“หวัดดีครับ
. ฮื่อ
. อ้าวเหรอ
. ได้ๆ
.. คร้าบบบๆๆๆ
หวัดดีฮะ” ที่แท้ก็พี่นิ๊งน่ะเอง นึกว่าใครที่ไหน วันนี้วันศุกร์ แถมพี่นิ๊งก็ไม่อยู่บ้าน ถ้างั้นผมก็
เล่นเกมโต้รุ่งได้อ่ะดิ !!!!! เยสสสสสสส !!!!
จะว่าไปนี่ก็เพิ่งจะ
สามทุ่ม
ครึ่ง เอง
. เฮ้ยยยยยยยยย !!!!??? สามทุ่มครึ่งแล้วเหรอวะเนี่ยยยยยย !!!?? ผมมองบรรยากาศเงียบสงัดมืดสนิทนอกห้องสภา และแล้วเรื่องผีที่ผมเคยเอาไปหลอนคนอื่นๆในสภาก็ดูเหมือนมันจะย้อนกลับมาทำร้ายผมเองซะแล้ว
ผมหันซ้ายหันขวา พยายามยืนเอาหลังชนฝา ภายในห้องที่เงียบสงัด เสียงเข็มนาฬิกาวันนี้ทำไมมันฟังดูน่าขนลุกอย่างนี้วะเนี่ยยยยย !!?? ว่าแล้วหน้าไอ้ประธานวงโยฯก็ลอยละลิ่วเข้ามาในหัว จนผมนึกสาปแช่งในใจ
ผมรีบเอามือโกยสมบัติที่ตั้งกองอยู่บนโต๊ะของผมลงกระเป๋าอย่างลวกๆ พลางจัดแจงใส่หูฟังเข้าที่ให้เรียบร้อย อย่างน้อยๆเพลง Hip Hop มันก็น่าจะมีประโยชน์บ้างในตอนนี้
ผมสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดเหมือนนักกีฬากำลังจะลงแข่ง แล้วในที่สุด ผมปาดมือรวดเดียวไปที่สวิตช์ไฟรวดเดียวจนไฟดับหมด ก่อนจะซอยเท้าออกวิ่งฝ่าความมืดแบบไม่คิดชีวิต !!!
อ้ากกกกกกกกกกกก !!!! ไอ้เชี่ยฟิล์มบ้า !!!!!!! อย่าให้เจอนะมึงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง !!!!!!!!!!!!
“ ไปสุขุมวิทครับพี่” ผมบอกที่หมายกับคุณน้าคนขับก่อนจะเอนตัวลงพิงเบาะนุ่มในรถแท็กซี่ ลองหยิบมือถือขึ้นมาเช็คดูอีกครั้ง เผื่อว่าอาจจะเป็นผมเองที่ไม่ได้รับสายแต่มันก็
. ไม่มี แต่ผมก็ไม่ได้โกรธมันหรอกครับ แค่เมื่อตอนกลางวันก็ยุ่งซะขนาดนั้น วันนี้ถ้ามันจำทางกลับบ้านได้คงเรียกว่าเก่งแล้วล่ะ ฮ่าๆ
ผมมองดูแสงสีที่อยู่นอกกระจกรถ จนเผลอคิดอะไรเรื่อยเปื่อย
เรื่อยเปื่อย
จนเคลิ้มนิดๆ
อืม แอร์เย็นจัง
ยังไม่หลับหรอกน่า แค่ขอ
หลับตานิดเดียว
แป๊บเดียว
เดี๋ยว
ก็
ตื่
น
เบาะที่นั่งข้างๆผมเริ่มยวบลงเหมือนมีคนอยู่ข้างๆ ลมหายใจแผ่วๆรดอยู่ข้างแก้มของผม มันใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เรื่อยๆ และ
.
“ เฮ้ย ??” ผมสะดุ้งสุดตัวพลางกรอกตาไปมาอย่างรวดเร็ว เสียงวิทยุในรถช่วยเรียกสติของผมให้กลับคืนมาอีกครั้ง ยังอยู่บนรถแท็กซี่นี่หว่า ??? เมื่อกี้
ฝันถึงคืนวันนั้นอีกแล้วเหรอวะ???
ผมพยายามจัดแจงท่านั่งให้อยู่ในสภาพปกติ เพราะเมื่อกี้ดันเผลอนอนแผ่ไปซะเต็มที่ จะว่าไปเรื่องเมื่อคืนก่อนที่ผมไปค้างบ้านฟิล์ม
อ่ะแน่ะ
คิดว่าผมไม่รู้ล่ะสิ ผมรู้หรอกน่าว่าฟิล์มอุตส่าห์ตื่นมาดูแผลผมตั้งหลายครั้ง (มึงก็ไม่รู้จริงๆนั่นแหละ)
ปิ๊งงง ป่องงงงงงงงงงงงงง !!!!
เสียงออดดังถี่ระรัวลั่นไปทั้งบ้าน จนผมจำใจต้องผละออกจากถ้วยมาม่าที่กำลังอืดได้ที่ น่ากิน
ผมเดินไปแหวกผ้าม่านออกก็เห็นรถตู้แปลกตามาจอดอยู่ที่หน้าบ้านของผม แต่ไม่นานรุ่นน้องที่คุ้นตาก็เดินออกมาจากรถ พร้อมกับหิ้วปีกไอ้คนที่ปล่อยให้ผมวิ่งสู้ฟัดมาเมื่อเย็นอย่างทุลักทุเลจนผมต้องรีบออกไปเปิดประตูบ้าน
“ มาไงวะเนี่ย ??” ผมถามอาร์ทที่กำลังยืนเกาหัวเก้ๆกังๆอยู่ ขณะที่ผมปล่อยให้รุ่นน้องในชมรมดรตรีหิ้วร่างขี้เมาเข้าบ้านผม
“ ก็
กูโทรถามโน่ แล้วปุณณ์มันเลยบอกให้มาส่งบ้านมึง เชี่ยฟิล์มมันซัดเข้าไปเยอะ กูก็เลยไม่กล้าไปส่งบ้านมัน มึงก็รู้นี่หว่าว่าแม่บ้านเชี่ยฟิล์มแม่งโคตรโหด ขืนกูเอาคุณฟิล์มไปส่งทั้งอย่างนี้มีหวังชมรมโดนยุบแน่ ”
“ ยุบก็ดี” ผมพูดแหย่อาร์ทที่กำลังทำหน้าซีเรียสยิ่งกว่ามันเอ็นท์ไม่ติดเล่นๆ
“ ฮื้ออออ ~~” ฮ่าๆ ดูมันทำหน้าดิครับ ยังกะลูกหมาตกน้ำ
“เออๆ กูเข้าใจๆ มึงอ่ะ กลับบ้านได้แล้ว ดึกมากยิ่งไม่ดี” ไม่รู้ผมตาฝาดไปเองรึเปล่าที่เห็นประกายดาววิ๊งๆอยู่ในตาไอ้อาร์ท เอาเป็นว่าตอนนี้บ้านผมมีเด็กหลงทางคนนึงกำลังหลับสบายใจเฉิบอยู่บนโซฟา
ผมยืนรอจนกว่ารถตู้จะขับออกไปจากซอย เฮ้อออ ~ เอาวะ อย่างน้อยก็ดีกว่านอนคนเดียวละกัน
ปึงงงง !!!
ผมเผลอปิดประตูแรงไปหน่อย ทำเอาคนที่นอนอยู่บนโซฟาเริ่มขยับตัว
“ โทษที ทำให้ตื่นรึเปล่า”
“ อือ” เสียงอู้อี้ฟังไม่ได้ศัพท์ของฟิล์มดังแผ่วๆจนผมต้องเดินเข้าไปนั่งที่เบาะข้างๆ
“เมาแอ๋เชียวนะมึง” ผมแกล้งแซวมันไปแย็บนึง แต่ดูเหมือนฟิล์มมันจะเมามากจนทำอะไรไม่ถูก
“ ไหวป่าววะ?? จะอ้วกมั้ย?” ผมลองเรียบๆเคียงๆถามดู ซึ่งมันก็ได้แต่ส่ายหัวยิกๆ
“ จะอาบน้ำมั้ย ? เผื่อจะสร่างเมา” เห็นพี่นิ๊งเมากลับมาก็มักจะอาบน้ำทุกที แต่เจ้าตัวปัญหาก็ยังส่ายหัวต่อไป
“ หนาวมั้ย กูจะได้ไปเอาผ้าห่ม”
“ อืม”
“ แล้วมึงจะเอาอะไรอีกเปล่า?” ผมหันกลับไปถามฟิล์มอีกครั้งเพราะจะได้ไม่ต้องเดินไปมาหลายรอบ
“ น้ำ
” เสียงแหบพร่าของฟิล์มน่ากลัวจนผมต้องรีบไปเทน้ำใส่แก้ว แต่พอผมเดินกลับยังโซฟา ก็เห็นฟิล์มกำลังพยายามทรงตัวนั่งให้ได้ ผมเลยวางแก้วเอาไว้ก่อนจะเดินไปช่วยพยุงมัน แต่จู่ๆไอ้นี่ดันทิ้งตัวลงนอนซะอย่างนั้นจนผมถูกตัวมันพาลทับลงไปนอนด้วยซะอีก
และในเวลาที่ผมจะหันหน้ากลับมาด่ามันซักหน่อย ผมก็รู้สึกได้ว่าใบหน้าของเราจะใกล้กันมากเกินไปแล้ว ใกล้กันจนผมเริ่มหายใจติดขัด และกลิ่นเหล้าจางๆของคนตรงหน้าก็ทำให้ผมรู้ว่าฟิล์มยังไม่สร่างเมาดี แต่ดวงตาสีน้ำตาลเข้มของฟิล์มนั้นกลับดูเหม่อลอยเหมือนกำลังมองไปในที่ที่ไกลแสนไกลจนผมเริ่มจะกลัว
“ ฟิล์ม”
“ มิก”
“หือ??”
ไม่รอให้ผมพูดอะไรอีก ฟิล์มก็โน้มหน้าลงมาจนริมฝีปากของเราแนบสนิทกัน ทำเอาผมตกใจจนแทบจะตั้งสติไม่อยู่ ผ่านไปนานเท่าไหร่ก็ไม่รู้ที่เราสัมผัสจูบกับแบบนี้ แล้วจู่ๆ ลิ้นอุ่นๆของฟิล์มก็แทรกเข้ามาในโพรงปากของผมราวกับกำลังควานหาบางสิ่ง แต่ที่แน่ๆคือตอนนี้ร่างกายของผมมันเริ่มจะรู้สึกแปลกๆเข้าไปทุกที ผมพยายามใช้ลิ้นดันลิ้นของมันออกไปแต่กลับกลายเป็นว่าผมจะยิ่งทำให้มันยุ่งเข้าไปอีก
ลิ้นของเราเกี่ยวกระหวัดพันกันจนแยกไม่ออกว่าของใครเป็นของใคร แต่น่าแปลกที่แอร์เย็นขนาดนี้ แต่ผมกลับรู้สึกร้อนจนเหงื่อเริ่มซึมตามใบหน้า ผมพยายามใช้มือทั้งทุบทั้งผลักคนตรงหน้าออก ในที่สุด ฟิล์มก็ผละออกจากริมฝีปากผมซะที และสิ่งแรกที่ผมจะทำก็คือสูดเอาอากาศเข้าปอดให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะจูบเมื่อครู่เกือบจะฆ่าผมทั้งเป็น
แต่ปล่อยได้ไม่นาน มือซนๆของไอ้คนไม่สร่างเมาตรงหน้าก็เริ่มล้วงเข้าไปในเสื้อยืดของผม ก่อนที่จะเอาจมูกโด่งๆของมันไซร้เข้าที่ต้นคอทำเอาหัวสมองของผมขาวโพลนไปหมด
“ ฟะ ฟิล์ม ฟิล์ม ฟิล์ม” ผมเรียกชื่อมันอย่างรัวๆเผื่อว่ามันจะสร่างเมาขึ้นมาได้บ้าง แต่ก็เปล่าเลยสักนิด มือของฟิล์มลูบไล้ผ่านช่องท้องจนผมเผลอเกร็งไปทั้งตัว
แต่คราวนี้ ไม่ว่าผมจะผลัก หรือเตะมันก็ไม่สะทกเลยสักนิด เชี่ยนี่เมาแล้วแรงควายชิบ !!! แต่ถ้าผมยังขืนปล่อยตัวไปตามอารมณ์แบบนี้ คืนนี้คงไม่โสภาสำหรับผมแน่นอน
ผมรวบรวมแรงทั้งหมด ก่อนที่หมัดลุ่นๆจะถูกปล่อยตรงไปที่ช่องท้องเข้าอย่างจังจนร่างสูงเผลอร้องเสียงหลง น้ำหนักตัวทั้งหมดทิ้งลงมาใส่ผมจนผมต้องพยายามเบียดตัวออกจากโซฟาไปนั่งแปะอยู่ที่พื้น
ลมหายใจผมถี่ระรัว กับร่างกายที่ปั่นป่วน แล้วริมฝีปากของผมที่เปียกชุ่ม ก็เป็นเครื่องหมายยืนยันได้อย่างดีว่าทุกอย่างไม่ใช่ความฝัน
กลิ่นกาแฟลอยมาแตะจมูกของผมรับแสงอาทิตย์แรกของยามเช้า ใช่
ผมยังนั่งอยู่ที่เดิมตลอดทั้งคืน กับกาแฟถ้วยที่สี่ เสียงทีวีที่กำลังประกาศข่าวยามเช้าที่ผมไม่คิดจะฟังมันซักนิด ก็แค่เปิดไว้
ไม่ให้ผมฟุ้งซ่านเกินไป
แต่แล้วเจ้าตัวต้นเหตุที่ทำให้ผมนอนไม่หลับทั้งคืนกำลังนอนแผ่สบายอยู่บนโซฟาตัวเดิม ตลอดทั้งคืนผมแค่นั่งภาวนา ขอให้เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดผ่านไปเหมือนฝัน ขออย่าให้ฟิล์มจำได้ เพราะผมไม่แน่ใจว่าผมจะมองหน้าเขาติดรึเปล่า
“ มิก
เหรอ”
และแล้วเวลาก็ผ่านผมไปแบบไร้ความหมายจนเมื่อเข็มนาฬิกาที่ฝาบ้านชี้เลขเก้า ฟิล์มก็เริ่มที่จะรู้สึกตัว และนี่ก็เป็นเวลาที่ผมกลัวที่สุด
“ เชี่ยเนม มึงตื่นแม่งโคตรเช้าอะ” ฟิล์มเดินขยี้ตาพลางลากเก้าอี้มานั่งที่ฝั่งตรงข้ามกับผมที่โต๊ะอาหาร ซึ่งผมก็ได้แต่ยิ้มออกไปเท่านั้น
ผมไม่กล้าพูดอะไรออกไป เพราะถ้าผมเผลอ
ผมอาจเสียเพื่อนไปถึงหนึ่งคน
“ เออ เมื่อคืน
” ผมเผลอสะดุ้งเล็กน้อย แต่ก็โชคดีที่ฟิล์มมันไม่ทันเห็น
“เมื่อคืน
ทำไมวะ” คนตรงหน้าคงไม่รู้หรอกว่าตอนนี้หัวใจผมกำลังเต้นถี่ยิบ ยิ่งผมจ้องเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาลเข้มคู่นั้นเมื่อไหร่ผมก็รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่
บางทีฟิล์มอาจจะจำได้
หรือไม่ได้?
“ เมื่อคืน กูเมาเหมือนหมามั้ย??”
“ ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง” จบประโยค ฟิล์มก็หัวเราะร่าจนผมรู้สึกได้ว่าเขาจำมันไม่ได้จริงๆ
ทั้งๆที่ผมควรจะดีใจที่คำภาวนาของผมเป็นผล แต่แล้วความรู้สึกบางอย่างกลับทำให้ผมรู้สึกตัว
ว่าตลอดทั้งคืนที่ผมเอาแต่นั่งคิด ผมก็รู้ว่าผมกำลังโกหก
จริงๆแล้วผมไม่อยากให้เรื่องราวทั้งหมดมันผ่านไป
ผมไม่อยากให้มันเป็นเพียงแค่ความฝัน
. มึงจำไม่ได้จริงๆเหรอวะ ??
ฟิล์ม
..
สาส์นจากกองขยะ : ก่อนอื่นเลย ถังมีเรื่องอยากจะบอกทุกท่านว่า
. ถัง
. ขอโต๊ดดดดดดดดดดด !!!! ถังผิดไปแล้ว ถังสมควรตายยยย >O< มาช้าดีกว่าไม่มานะจ๊ะ (ถังในชุดเกราะกันเกี๊ยะเต็มตัว) วันนี้นี่ถังถึงกับแต่หักกันเลยนะ (ระหว่างโน๊ตบุ๊ค กะ มือถัง T^T) ช่วงนี้น้องเนมกำลังฉับฉน ฮ่าๆ ส่วนน้องฟิล์มนอนรักษาตัวอยู่ที่ รพ. เนื่องจากตอนที่แล้วโดนท่านผู้อ่านปาเกี๊ยะใส่ (สมน้ำหน้า) จากตอนที่ 5 ก็ขอมอบรางวัลให้คุณ Pang ที่เล่นเกมตอบคำถามถูกนะจ๊ะ ติดต่อรับอ้อมกอดอันอบอุ่นของถังได้ตลอด 24ชม จ้า ฮ่าๆ (รู้สึกว่าตอนที่ 5 ดูเหมือนนักอ่านทุกท่านจะพยายามหลีกเลี่ยงการเล่นสนุกกับถังนะเนี่ย กระซิกๆ Y^Y)
อ่อย ~~ หมดแรงแย้วววว แต่จะขอสปอยล์ตอนหน้าไว้นิสสสนึงว่า หลังจากที่ป้าถังและหลานฟิล์มโดนปาเกี๊ยะใส่มาตลอด 7 ตอนที่ผ่านมา ตอนหน้า อะหึหึหึหึ ฮิย่ะฮะฮะฮะ
ปล. ไม่ว่าชื่อตอนเราจะเสี่ยวขนาดไหน แต่ริงโทนอินเทรนด์นะจ๊า ฮ่าๆๆๆๆ !!! อ้อ จากชื่อตอนคงจะเห็นแล้วนะคะว่าน้องเนมเค้าบอกว่า รู้แล้วอย่าบอกใคร จุ๊ๆๆ =3= (แต่บอกน้องฟิล์มได้ เย้ยยย !!!)
ความคิดเห็น