ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    || LOVE Share .. รักเราแบ่งกัน || [YAOI]

    ลำดับตอนที่ #7 : รู้แล้วอย่าบอกใคร ...

    • อัปเดตล่าสุด 21 ต.ค. 52










                  จริงๆแล้วผมเป็นคนที่ไม่ค่อยโดดเด่นซักเท่าไหร่   แค่ส่วนสูงของผมคนอื่นก็บังมิดแล้ว
      นอกจากเพื่อนร่วมห้องกับเพื่อนในสภาฯแล้วก็คงจะไม่มีใครรู้จักผมหรอก (คิดว่านะ)   


                  
    แล้วไอ้ตำแหน่งศิลป์สภาที่ผมแสนจะภาคภูมิใจก็ช่างเป็นงานที่มืดมนซะเหลือเกิน ทำไมน่ะเหรอครับ?? ก็เพราะคนอื่นๆจะรู้จักเราที่ผลงาน ไม่มีใครรู้หรอกครับว่าใครทำ เพราะงานศิลป์จะต้องเสร็จก่อนงานอื่นๆเสมออยู่แล้ว ฝ่ายศิลป์อย่างเราๆก็เลยโดดไปป่วนฝ่ายอื่นๆซะงั้น (ส่วนผมชอบฝ่ายเทคนิคครับ มันเท่ดี ฮ่าๆ)


                    แล้วจู่ๆในวันธรรมดาๆของคนธรรมดาอย่างผมที่กำลังนอนซมไข้อยู่นั้น กลับมีคนๆนึงเดินเข้ามาในห้องสภา ขอให้ผมช่วยวาดรูปงานเจ้าปัญหาของมิสยุพาให้   รู้สึกจะชื่อฟิล์มที่อยู่ชมรมดนตรีนี่หว่า
    !? คนดังนะเนี่ยยยย [--คิดเองเออเอง]


              ด้วยความดีใจ ผมก็เลยตบปากรับคำไปแบบไม่ทันคิด และไม่ต้องเดาเลยว่าวันรุ่งขึ้นผมจะเป็นหวัด


      “ ฟี่


      “ มึงอยู่ไหนว้า
    !!!!!ตะวันส่องตูดแล้วนะมึง !!!!!


      “ กูไม่ฉะบายยยยย”


      “ เสียงมึงนี่
    อ้อนนนนกูซะจริง”


      “เชี่ยย
    !! มึงเห็นซองน้ำตาลเอ4 ที่อยู่บนโต๊ะมั้ย ?? เออ นั่นแหละ ! เดี๋ยวฟิล์มมาเอา มึงช่วยรอให้กูหน่อยนะ บาย !!!



                   ผมรีบกรอกคำพูดลงไปอย่างรวดเร็วก่อนจะรีบวางสายไปในทันที โดยไม่รอฟังเสียงโวยวายของปลายสายซักนิด ฮ่าๆ
    !! ใช้งานประธานนักเรียนเป็นอีกกิจกรรมนึงที่ทำให้คนป่วยสดชื่นนนน ^_______^

         ว่าแล้วก็เอี้ยวตัวไปมองนาฬิกาที่ชี้เลขแปดเด่นหราอยู่บนหัวเตียง เหลือก็แต่ว่าฟิล์มจะไม่ลืม คงไม่ลืมหรอก

     


                    
                      BANG !! BANG !! GAME OVER !!!!! Ha ! Ha ! Ha!
    ฟุ่บ !



      “ฮื่อ
    !! พี่นิ๊งปิดไม ??” ผมขมวดคิ้วมุ่นมองดูหน้าจอทีวีที่มืดสนิทก่อนจะเงยหน้าไปหาพี่สาวที่กำลังยืนหน้าบึ้งอยู่ข้างจอทีวี พลางเดินเอามือมาแตะหน้าผากของผม


      “ ตัวร้อนจี๋เลยยย  ไข้ขึ้นแล้วนะเนม ไปนอนได้แล้ว”


      “ หยุดเลยๆ เนมเพิ่งจะกินยาเมื่อกี้เอง
    โอ๊ยยย!!!” พูดจบผมดันโดนโบกหัวซะได้ แต่พอผมเงยหน้าขึ้นไปมองค้อนก็ได้แต่รอยยิ้มกวนๆของพี่นิ๊งกลับมาแทน


      “ สงสัยต้องเอาไอ้เจ้าเครื่องนี่ไปทิ้งซะแล้วมั้งง
    ~ เพราะเนมไม่ฟังที่พี่พูดเลย” พี่นิ๊งพูดพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ พลางมอง PS2 น้อยๆที่น่าสงสารของผมไม่วางตา   อะโด่ ~ !!! ใช้มุกนี้ผมไม่กลัวหรอก !! ก็ไอ้ PS2 นั่นพี่นิ๊งเป็นคนซื้อให้ผมเองแท้ๆ จะทิ้งมันลงได้ไง๊ ~~

     
                ผมยืนกอดอกยักคิ้วท้าทายกลับ แต่แล้วเจ้ามารร้ายในคราบหญิงสาวก็หิ้ว
    PS2 ของผมไปยังประตูบ้าน  เฮ้ยยยยยย!!!?? เอาจริงงงงงงงอ้ะ !!!


      “ อ้า ๆ
    !!!! ไปนอนแล้วๆๆๆ !!!!” ผมรีบวิ่งปร๋อขึ้นห้องนอนไปอย่างรวดเร็ว โดยมีเสียงหัวเราะชั่วร้ายของพี่นิ๊งดังไล่หลัง

      
                          
           
    นี่เห็นแก่  PS2 หรอกนะ !!!!!! แบร่ !!!!!!!!

     

                    ผมเดินวนไปวนมาเหมือนหนูติดจั่นอยู่ในห้องนอน   ก็จะให้ผมไปนอนได้ยังไงในเมื่อผมเพิ่งจะตื่นไปเล่นเกมเมื่อกี้  แต่ถ้าลงไปตอนนี้พี่นิ๊งมีหวังหิ้ว PS2 ผมไปทิ้งแน่นอน        อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกก !!!!!!! เบื่อโว๊ยยยยยยยย !!!!!



               และในเวลาที่ผมกำลังรู้สึกเหมือนตกนรกขุมมืดมิด แสงสว่างสีทองอร่ามก็ส่องประกายออกจากกระเป๋านักเรียนของผมที่เปิดอ้าอยู่  (เวอร์ไปๆ)  ผมรีบหยิบมันขึ้นมาทันที และแล้วสิ่งที่อยู่ในมือผมก็คือ
    ….…. หนังสือการ์ตูนที่เพิ่งซื้อเมื่อวาน !!!!!!!!


             เยสสสสสสสสสสสส
    !!!!!!  ไม่รอช้า ผมรีบกระโดดขึ้นไปนอนบนเตียง พลางอ่านหนังสือในมืออย่างสบายใจ  สบายใจมากซะจนไม่รู้สึกตัวเลยว่ามีใครกำลังย่องเบาเข้าห้องของผมอย่างเงียบๆ



              และแล้วลางสังหรณ์ของผมก็สั่งให้ผมหันหลังกลับไป พลางสั่งเสีย
    PS2 ผู้โชคร้ายที่อาจจะไปนอนเล่นอยู่ที่กองขยะจริงๆ  แต่คนที่ผมพบกลับเป็น ฟิล์ม !!!!



      “ อ้าว ฟิล์ม มาได้ไงเนี่ย ?” แต่คำตอบของผมกลับเป็นถุงขนมถุงใหญ่ที่ลอยมากระทบหัวผม   นี่ก็อีกคน นี่ต้องให้ปักป้ายไว้บนหัวมั้ยว่ากูป่วยอยู่
    !!!


      “ ไม่สบายแล้วไม่บอก เดี๋ยวก็หาว่ากูทารุณกรรมศิลป์สภาอีก” ก็
    กูลืม แฮะๆ


      “ เมื่อวานกูไปหามึงแล้วนะ” แถมห้องชมรมมึงโค ตะ ระ หลอน


      “ คร้าบๆ ฟิล์มขอโทษครับ” ว่าแล้วมันก็ไหว้ผมอีก เอ้ออ รวยวัฒนธรรมกันซะจริงชมรมนี่ (ผมจะตายเร็วเพราะมันไหว้ผมมั้ยเนี่ยย??)



                  หลังจากนั้นเราก็นั่งคุยกันอยู่สักพัก สรุปว่าฟิล์มคิดว่าที่ผมป่วยเพราะตัวเองเป็นต้นเหตุ ซึ่งจริงๆแล้วผมไข้ขึ้นมาได้หลายชั่วโมงก่อนหน้านั้นแล้ว แต่ขืนผมบอกไปผมก็โดนยึดขนมอ่ะดิครับ เรื่องนี้เรื่องใหญ่เลย



                   ช่วงเวลาแห่งความสุขมักจะผ่านไปเร็วเสมอ ผมเริ่มรู้สึกว่าแอร์ในห้องชักจะเย็นเกินไปทั้งๆที่ไม่มีใครไปปรับอุณหภูมิซักนิด   โธ่
    ~ ผมสัญญาว่าผมจะกินน้ำเยอะ ผมจะพักผ่อนให้เพียงพอ กินอาหารตามหลักโภชนาการที่พี่นิ๊งทำ แต่อย่าให้ผมไข้ขึ้นเลยยยยยยยยยยยยยย


               คำขอของผมดูเหมือนจะได้ผลขึ้นมาบ้าง ถ้าไม่ติดที่ไอ้คนความรู้สึกไวข้างๆจะสังเกตเห็น


      
      “ งั้นกูกลับก่อนนะเว้ย มึงจะได้นอนพักบ้าง” ฟิล์มพูดพลางเดินตรงไปยังประตู แต่ก็ยังไม่วายจะหันกลับมาอวยพรส่งท้าย  และก็เป็นอีกครั้งที่ผมตบปากรับคำไปแบบไม่ทันคิดอีกแล้ว


      “ พรุ่งนี้หาย ชัวร์” ปากกกกกกหนอปาก



                 หลังจากที่ประตูห้องนอนของผมปิดไปแล้ว ทั้งๆที่ผมควรจะคิดหนักว่าทำยังไงดีใหหวัดหายทันวันพรุ่งนี้ แต่ผมกลับอดคิดถึงเรื่องนี้ไม่ได้    จริงๆแล้วมันไม่จำเป็นเลยที่จะต้องมาเยี่ยมผม เราเพิ่งคุยกันเมื่อวาน พูดได้ไม่เต็มปากเลยว่าเรารู้จักกันแล้ว  แบบนี้จะเรียกว่าผมได้เพื่อนใหม่รึยังนะ?
    ……

     

     

     

        [ โปรดส่งใครมารักกกก ฉันที ~ อยู่อย่างนี้มันหนาวเกินไป~ อยากจะรู้รักแท้มันเป็นเช่นไร มีจริงใช่ไหม ~]

     

     
                 โนเกีย
    5610 ของผมสั่นครืดๆอยู่บนโต๊ะเสียงดังจนผมเผลอสะดุ้งโหยง ผมรีบรับสายทันทีโดยไม่ทันได้ดูว่าใครโทรมา เหมือนเป็นปฏิกิริยาโต้ตอบอัตโนมัติ


      “หวัดดีครับ
    …. ฮื่อ ….  อ้าวเหรอ ….  ได้ๆ …..  คร้าบบบๆๆๆ   หวัดดีฮะ” ที่แท้ก็พี่นิ๊งน่ะเอง นึกว่าใครที่ไหน  วันนี้วันศุกร์ แถมพี่นิ๊งก็ไม่อยู่บ้าน ถ้างั้นผมก็ เล่นเกมโต้รุ่งได้อ่ะดิ !!!!! เยสสสสสสส !!!!

     

          จะว่าไปนี่ก็เพิ่งจะ สามทุ่ม ครึ่ง เอง  …. เฮ้ยยยยยยยยย !!!!??? สามทุ่มครึ่งแล้วเหรอวะเนี่ยยยยยย !!!??  ผมมองบรรยากาศเงียบสงัดมืดสนิทนอกห้องสภา และแล้วเรื่องผีที่ผมเคยเอาไปหลอนคนอื่นๆในสภาก็ดูเหมือนมันจะย้อนกลับมาทำร้ายผมเองซะแล้ว   



                ผมหันซ้ายหันขวา พยายามยืนเอาหลังชนฝา  ภายในห้องที่เงียบสงัด เสียงเข็มนาฬิกาวันนี้ทำไมมันฟังดูน่าขนลุกอย่างนี้วะเนี่ยยยยย
    !!?? ว่าแล้วหน้าไอ้ประธานวงโยฯก็ลอยละลิ่วเข้ามาในหัว จนผมนึกสาปแช่งในใจ



                 ผมรีบเอามือโกยสมบัติที่ตั้งกองอยู่บนโต๊ะของผมลงกระเป๋าอย่างลวกๆ  พลางจัดแจงใส่หูฟังเข้าที่ให้เรียบร้อย อย่างน้อยๆเพลง
    Hip Hop มันก็น่าจะมีประโยชน์บ้างในตอนนี้

       

               ผมสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดเหมือนนักกีฬากำลังจะลงแข่ง   แล้วในที่สุด ผมปาดมือรวดเดียวไปที่สวิตช์ไฟรวดเดียวจนไฟดับหมด ก่อนจะซอยเท้าออกวิ่งฝ่าความมืดแบบไม่คิดชีวิต
    !!!

     

            อ้ากกกกกกกกกกกก !!!! ไอ้เชี่ยฟิล์มบ้า !!!!!!! อย่าให้เจอนะมึงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง !!!!!!!!!!!!

     

     

      “ ไปสุขุมวิทครับพี่” ผมบอกที่หมายกับคุณน้าคนขับก่อนจะเอนตัวลงพิงเบาะนุ่มในรถแท็กซี่  ลองหยิบมือถือขึ้นมาเช็คดูอีกครั้ง เผื่อว่าอาจจะเป็นผมเองที่ไม่ได้รับสายแต่มันก็ …. ไม่มี   แต่ผมก็ไม่ได้โกรธมันหรอกครับ แค่เมื่อตอนกลางวันก็ยุ่งซะขนาดนั้น  วันนี้ถ้ามันจำทางกลับบ้านได้คงเรียกว่าเก่งแล้วล่ะ ฮ่าๆ

     

          ผมมองดูแสงสีที่อยู่นอกกระจกรถ จนเผลอคิดอะไรเรื่อยเปื่อย เรื่อยเปื่อย จนเคลิ้มนิดๆ อืม แอร์เย็นจัง ยังไม่หลับหรอกน่า แค่ขอหลับตานิดเดียว แป๊บเดียวเดี๋ยวก็ตื่



             เบาะที่นั่งข้างๆผมเริ่มยวบลงเหมือนมีคนอยู่ข้างๆ ลมหายใจแผ่วๆรดอยู่ข้างแก้มของผม มันใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เรื่อยๆ และ
    ….


      “ เฮ้ย ??” ผมสะดุ้งสุดตัวพลางกรอกตาไปมาอย่างรวดเร็ว เสียงวิทยุในรถช่วยเรียกสติของผมให้กลับคืนมาอีกครั้ง     ยังอยู่บนรถแท็กซี่นี่หว่า ???  เมื่อกี้
    ฝันถึงคืนวันนั้นอีกแล้วเหรอวะ???



               ผมพยายามจัดแจงท่านั่งให้อยู่ในสภาพปกติ เพราะเมื่อกี้ดันเผลอนอนแผ่ไปซะเต็มที่  จะว่าไปเรื่องเมื่อคืนก่อนที่ผมไปค้างบ้านฟิล์ม
    อ่ะแน่ะ คิดว่าผมไม่รู้ล่ะสิ  ผมรู้หรอกน่าว่าฟิล์มอุตส่าห์ตื่นมาดูแผลผมตั้งหลายครั้ง (มึงก็ไม่รู้จริงๆนั่นแหละ)

     



     

                                  ปิ๊งงง ป่องงงงงงงงงงงงงง !!!!


               เสียงออดดังถี่ระรัวลั่นไปทั้งบ้าน จนผมจำใจต้องผละออกจากถ้วยมาม่าที่กำลังอืดได้ที่ น่ากิน


               ผมเดินไปแหวกผ้าม่านออกก็เห็นรถตู้แปลกตามาจอดอยู่ที่หน้าบ้านของผม แต่ไม่นานรุ่นน้องที่คุ้นตาก็เดินออกมาจากรถ พร้อมกับหิ้วปีกไอ้คนที่ปล่อยให้ผมวิ่งสู้ฟัดมาเมื่อเย็นอย่างทุลักทุเลจนผมต้องรีบออกไปเปิดประตูบ้าน


      “ มาไงวะเนี่ย ??” ผมถามอาร์ทที่กำลังยืนเกาหัวเก้ๆกังๆอยู่ ขณะที่ผมปล่อยให้รุ่นน้องในชมรมดรตรีหิ้วร่างขี้เมาเข้าบ้านผม


      “ ก็
    กูโทรถามโน่ แล้วปุณณ์มันเลยบอกให้มาส่งบ้านมึง   เชี่ยฟิล์มมันซัดเข้าไปเยอะ กูก็เลยไม่กล้าไปส่งบ้านมัน มึงก็รู้นี่หว่าว่าแม่บ้านเชี่ยฟิล์มแม่งโคตรโหด ขืนกูเอาคุณฟิล์มไปส่งทั้งอย่างนี้มีหวังชมรมโดนยุบแน่ ”


      “ ยุบก็ดี” ผมพูดแหย่อาร์ทที่กำลังทำหน้าซีเรียสยิ่งกว่ามันเอ็นท์ไม่ติดเล่นๆ


      “ ฮื้ออออ
    ~~” ฮ่าๆ ดูมันทำหน้าดิครับ ยังกะลูกหมาตกน้ำ


      “เออๆ กูเข้าใจๆ มึงอ่ะ กลับบ้านได้แล้ว ดึกมากยิ่งไม่ดี” ไม่รู้ผมตาฝาดไปเองรึเปล่าที่เห็นประกายดาววิ๊งๆอยู่ในตาไอ้อาร์ท เอาเป็นว่าตอนนี้บ้านผมมีเด็กหลงทางคนนึงกำลังหลับสบายใจเฉิบอยู่บนโซฟา


                ผมยืนรอจนกว่ารถตู้จะขับออกไปจากซอย  เฮ้อออ
    ~ เอาวะ อย่างน้อยก็ดีกว่านอนคนเดียวละกัน

     


                                   ปึงงงง !!!


               ผมเผลอปิดประตูแรงไปหน่อย ทำเอาคนที่นอนอยู่บนโซฟาเริ่มขยับตัว


      “ โทษที  ทำให้ตื่นรึเปล่า”


      “ อือ” เสียงอู้อี้ฟังไม่ได้ศัพท์ของฟิล์มดังแผ่วๆจนผมต้องเดินเข้าไปนั่งที่เบาะข้างๆ


      “เมาแอ๋เชียวนะมึง” ผมแกล้งแซวมันไปแย็บนึง แต่ดูเหมือนฟิล์มมันจะเมามากจนทำอะไรไม่ถูก


      “ ไหวป่าววะ?? จะอ้วกมั้ย?” ผมลองเรียบๆเคียงๆถามดู ซึ่งมันก็ได้แต่ส่ายหัวยิกๆ


      “ จะอาบน้ำมั้ย ? เผื่อจะสร่างเมา” เห็นพี่นิ๊งเมากลับมาก็มักจะอาบน้ำทุกที แต่เจ้าตัวปัญหาก็ยังส่ายหัวต่อไป


      “ หนาวมั้ย กูจะได้ไปเอาผ้าห่ม”


      “ อืม”


      “ แล้วมึงจะเอาอะไรอีกเปล่า?” ผมหันกลับไปถามฟิล์มอีกครั้งเพราะจะได้ไม่ต้องเดินไปมาหลายรอบ


      “ น้ำ
    ” เสียงแหบพร่าของฟิล์มน่ากลัวจนผมต้องรีบไปเทน้ำใส่แก้ว แต่พอผมเดินกลับยังโซฟา ก็เห็นฟิล์มกำลังพยายามทรงตัวนั่งให้ได้ ผมเลยวางแก้วเอาไว้ก่อนจะเดินไปช่วยพยุงมัน แต่จู่ๆไอ้นี่ดันทิ้งตัวลงนอนซะอย่างนั้นจนผมถูกตัวมันพาลทับลงไปนอนด้วยซะอีก



                   และในเวลาที่ผมจะหันหน้ากลับมาด่ามันซักหน่อย ผมก็รู้สึกได้ว่าใบหน้าของเราจะใกล้กันมากเกินไปแล้ว  ใกล้กันจนผมเริ่มหายใจติดขัด และกลิ่นเหล้าจางๆของคนตรงหน้าก็ทำให้ผมรู้ว่าฟิล์มยังไม่สร่างเมาดี  แต่ดวงตาสีน้ำตาลเข้มของฟิล์มนั้นกลับดูเหม่อลอยเหมือนกำลังมองไปในที่ที่ไกลแสนไกลจนผมเริ่มจะกลัว


      “ ฟิล์ม”


      “ มิก”


      “หือ??”



                  ไม่รอให้ผมพูดอะไรอีก ฟิล์มก็โน้มหน้าลงมาจนริมฝีปากของเราแนบสนิทกัน ทำเอาผมตกใจจนแทบจะตั้งสติไม่อยู่ ผ่านไปนานเท่าไหร่ก็ไม่รู้ที่เราสัมผัสจูบกับแบบนี้ แล้วจู่ๆ ลิ้นอุ่นๆของฟิล์มก็แทรกเข้ามาในโพรงปากของผมราวกับกำลังควานหาบางสิ่ง แต่ที่แน่ๆคือตอนนี้ร่างกายของผมมันเริ่มจะรู้สึกแปลกๆเข้าไปทุกที  ผมพยายามใช้ลิ้นดันลิ้นของมันออกไปแต่กลับกลายเป็นว่าผมจะยิ่งทำให้มันยุ่งเข้าไปอีก

     

                  ลิ้นของเราเกี่ยวกระหวัดพันกันจนแยกไม่ออกว่าของใครเป็นของใคร แต่น่าแปลกที่แอร์เย็นขนาดนี้ แต่ผมกลับรู้สึกร้อนจนเหงื่อเริ่มซึมตามใบหน้า   ผมพยายามใช้มือทั้งทุบทั้งผลักคนตรงหน้าออก  ในที่สุด ฟิล์มก็ผละออกจากริมฝีปากผมซะที  และสิ่งแรกที่ผมจะทำก็คือสูดเอาอากาศเข้าปอดให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะจูบเมื่อครู่เกือบจะฆ่าผมทั้งเป็น



             แต่ปล่อยได้ไม่นาน มือซนๆของไอ้คนไม่สร่างเมาตรงหน้าก็เริ่มล้วงเข้าไปในเสื้อยืดของผม ก่อนที่จะเอาจมูกโด่งๆของมันไซร้เข้าที่ต้นคอทำเอาหัวสมองของผมขาวโพลนไปหมด



      “ ฟะ ฟิล์ม  ฟิล์ม ฟิล์ม”  ผมเรียกชื่อมันอย่างรัวๆเผื่อว่ามันจะสร่างเมาขึ้นมาได้บ้าง แต่ก็เปล่าเลยสักนิด มือของฟิล์มลูบไล้ผ่านช่องท้องจนผมเผลอเกร็งไปทั้งตัว



             แต่คราวนี้ ไม่ว่าผมจะผลัก หรือเตะมันก็ไม่สะทกเลยสักนิด  เชี่ยนี่เมาแล้วแรงควายชิบ
    !!!  แต่ถ้าผมยังขืนปล่อยตัวไปตามอารมณ์แบบนี้ คืนนี้คงไม่โสภาสำหรับผมแน่นอน



              ผมรวบรวมแรงทั้งหมด ก่อนที่หมัดลุ่นๆจะถูกปล่อยตรงไปที่ช่องท้องเข้าอย่างจังจนร่างสูงเผลอร้องเสียงหลง น้ำหนักตัวทั้งหมดทิ้งลงมาใส่ผมจนผมต้องพยายามเบียดตัวออกจากโซฟาไปนั่งแปะอยู่ที่พื้น



              ลมหายใจผมถี่ระรัว กับร่างกายที่ปั่นป่วน  แล้วริมฝีปากของผมที่เปียกชุ่ม ก็เป็นเครื่องหมายยืนยันได้อย่างดีว่าทุกอย่างไม่ใช่ความฝัน

     

     

            กลิ่นกาแฟลอยมาแตะจมูกของผมรับแสงอาทิตย์แรกของยามเช้า   ใช่ ผมยังนั่งอยู่ที่เดิมตลอดทั้งคืน กับกาแฟถ้วยที่สี่  เสียงทีวีที่กำลังประกาศข่าวยามเช้าที่ผมไม่คิดจะฟังมันซักนิด   ก็แค่เปิดไว้ ไม่ให้ผมฟุ้งซ่านเกินไป



               แต่แล้วเจ้าตัวต้นเหตุที่ทำให้ผมนอนไม่หลับทั้งคืนกำลังนอนแผ่สบายอยู่บนโซฟาตัวเดิม  ตลอดทั้งคืนผมแค่นั่งภาวนา ขอให้เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดผ่านไปเหมือนฝัน ขออย่าให้ฟิล์มจำได้ เพราะผมไม่แน่ใจว่าผมจะมองหน้าเขาติดรึเปล่า


      “ มิก
    เหรอ”

     

                  และแล้วเวลาก็ผ่านผมไปแบบไร้ความหมายจนเมื่อเข็มนาฬิกาที่ฝาบ้านชี้เลขเก้า ฟิล์มก็เริ่มที่จะรู้สึกตัว และนี่ก็เป็นเวลาที่ผมกลัวที่สุด


      “ เชี่ยเนม มึงตื่นแม่งโคตรเช้าอะ” ฟิล์มเดินขยี้ตาพลางลากเก้าอี้มานั่งที่ฝั่งตรงข้ามกับผมที่โต๊ะอาหาร ซึ่งผมก็ได้แต่ยิ้มออกไปเท่านั้น 
    ผมไม่กล้าพูดอะไรออกไป เพราะถ้าผมเผลอ ผมอาจเสียเพื่อนไปถึงหนึ่งคน


      “ เออ เมื่อคืน
    ” ผมเผลอสะดุ้งเล็กน้อย แต่ก็โชคดีที่ฟิล์มมันไม่ทันเห็น


      “เมื่อคืน
    ทำไมวะ” คนตรงหน้าคงไม่รู้หรอกว่าตอนนี้หัวใจผมกำลังเต้นถี่ยิบ ยิ่งผมจ้องเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาลเข้มคู่นั้นเมื่อไหร่ผมก็รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ บางทีฟิล์มอาจจะจำได้หรือไม่ได้?

     

            “ เมื่อคืน กูเมาเหมือนหมามั้ย??”


      “ ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง” จบประโยค ฟิล์มก็หัวเราะร่าจนผมรู้สึกได้ว่าเขาจำมันไม่ได้จริงๆ



              ทั้งๆที่ผมควรจะดีใจที่คำภาวนาของผมเป็นผล แต่แล้วความรู้สึกบางอย่างกลับทำให้ผมรู้สึกตัว


          ว่าตลอดทั้งคืนที่ผมเอาแต่นั่งคิด ผมก็รู้ว่าผมกำลังโกหก
    จริงๆแล้วผมไม่อยากให้เรื่องราวทั้งหมดมันผ่านไป ผมไม่อยากให้มันเป็นเพียงแค่ความฝัน

     

          

                                        
    ………….  มึงจำไม่ได้จริงๆเหรอวะ ?? ……  ฟิล์ม……..

     




     


     

       สาส์นจากกองขยะ : ก่อนอื่นเลย ถังมีเรื่องอยากจะบอกทุกท่านว่า …. ถัง …. ขอโต๊ดดดดดดดดดดด !!!! ถังผิดไปแล้ว ถังสมควรตายยยย >O<  มาช้าดีกว่าไม่มานะจ๊ะ (ถังในชุดเกราะกันเกี๊ยะเต็มตัว) วันนี้นี่ถังถึงกับแต่หักกันเลยนะ (ระหว่างโน๊ตบุ๊ค กะ มือถัง T^T) ช่วงนี้น้องเนมกำลังฉับฉน ฮ่าๆ ส่วนน้องฟิล์มนอนรักษาตัวอยู่ที่ รพ. เนื่องจากตอนที่แล้วโดนท่านผู้อ่านปาเกี๊ยะใส่ (สมน้ำหน้า) จากตอนที่ 5 ก็ขอมอบรางวัลให้คุณ Pang ที่เล่นเกมตอบคำถามถูกนะจ๊ะ ติดต่อรับอ้อมกอดอันอบอุ่นของถังได้ตลอด 24ชม จ้า ฮ่าๆ (รู้สึกว่าตอนที่ 5 ดูเหมือนนักอ่านทุกท่านจะพยายามหลีกเลี่ยงการเล่นสนุกกับถังนะเนี่ย กระซิกๆ Y^Y) 

            
              อ่อย
    ~~ หมดแรงแย้วววว แต่จะขอสปอยล์ตอนหน้าไว้นิสสสนึงว่า หลังจากที่ป้าถังและหลานฟิล์มโดนปาเกี๊ยะใส่มาตลอด 7 ตอนที่ผ่านมา ตอนหน้า อะหึหึหึหึ ฮิย่ะฮะฮะฮะ

      ปล. ไม่ว่าชื่อตอนเราจะเสี่ยวขนาดไหน แต่ริงโทนอินเทรนด์นะจ๊า ฮ่าๆๆๆๆ !!!  อ้อ จากชื่อตอนคงจะเห็นแล้วนะคะว่าน้องเนมเค้าบอกว่า รู้แล้วอย่าบอกใคร จุ๊ๆๆ =3= (แต่บอกน้องฟิล์มได้ เย้ยยย !!!)



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×