ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    DATE AN EVIL 1980 : DATE A LIVE Fanfiction

    ลำดับตอนที่ #3 : Episode 2 (That's what you call me.)

    • อัปเดตล่าสุด 15 เม.ย. 65


    555 ลงผิดอีกละ

     

    "ฉันไม่ได้ถามชื่อเธอ"

    พอเขาพูดแบบนั้นออกไปเธอก็เชิดหน้าหันไปทางอื่น สีหน้าก็แปลกไปดูพิลึกคน ฉันพูดอะไรผิดไปงั้นเหรอ? หรือว่ามันเป็นเรื่องปกติธรรมดาของมนุษย์ แต่อย่างไรก็ตาม ใครจะมีเวลาดึกๆดื่นๆมาคุยกับคนประเภทนี้ล่ะเนี่ย? นอนไม่หลับกันพอดี เขาหลับตาลงไปอีกครั้ง และท่าทางกำลังจะหลับลงสนิทด้วย

    "ฮึ" 

    รู้ได้ทันทีว่าผู้หญิงคนนี้กำลังเรียกร้องความสนใจจากเขาอยู่ แต่บ้าเอ๊ย ง่วงก็ง่วง เอาไงกับผู้หญิงคนนี้ดีล่ะเนี่ย? 

    "ขอโทษก็ได้" 

    พอเขาบอกขอโทษเธอก็รีบหันกลับมาด้วยสีหน้าที่เบิกบานมากขึ้นทันที เขาหรี่ตามองด้วยความเอือมระอา แต่คิดว่าสักพักเธอก็คงไปแล้วล่ะมั้ง

    "ไม่เป็นไรค่ะ เรื่องแบบนี้ฉันให้อภัยได้ แล้วคุณล่ะคะ... เป็นใครกัน?"

    เธอเอาหน้าเข้ามาใกล้กับเขามากขึ้น อย่ายิ้มแบบนั้นสิ น่าขนลุก แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังคงฟุบหลับแล้วแสดงอาการสงบเย็นอยู่

    "ก็เป็นอย่างที่เธอเห็น" 

    "จริงเหรอคะ?" 

    เธอขยับเข้ามาใกล้เขามากขึ้นอีก จนปลายผมของทั้งคู่เริ่มจะแตะกันแล้ว ยิ้มหวานๆที่ทำเอาใครหลายคนละลายได้เลย แต่กับเขาก็ได้แค่หลับตาลงไปอีกครั้ง

    " แต่ว่า คุณดูเหมือนคนละอย่างกับที่ฉันเห็นเลยนะคะ" 

    รูปร่างก็ดูดีพอๆกับนางแบบ แต่พอมองเข้าไปในดวงตาคู่ของเธอแล้ว รู้สึกเหมือนมีรังสีอำมหิตออกมาจากตัวเธอตลอดเวลาเลย และก็รู้สึกว่า ตาซ้ายที่มีเข็มนาฬิกาอยู่นั่นคงจะไม่ใช่คอนแทคเลนส์​แล้วล่ะมั้ง น่าจะเป็น ดวงตาจริงๆของเธอมากกว่า เหนือธรรมชาติชะมัด แต่ขี้เกียจจะมาต่อล้อต่อเถียง​กับคนแบบนี้แล้ว ต้องพูดยังไงให้เธอไปวะเนี่ย? 

    "เธอต้องการอะไรจากฉัน? "

    เขาถอยเก้าอี้ที่นั่งอยู่ให้ห่างจากตัวเธอออกไป ส่วนเธอเองก็ขยับเข้ามาตามเขา แล้วดูทำหน้าเข้า หันซ้ายหันขวาทำเหมือนไม่รู้ไม่ชี้​ น่าหมั่นไส้

    "แต่ดูท่าทางเธอคงจะไม่ใช่คนที่ฉันเคยเห็นทั่วๆไป เธอเป็นใครกันแน่?" 

    เขามองไปที่คุรุมิอย่างจ้องจะจับผิด

    " ฮุฮุ ช่างสังเกตดีนะคะเนี่ย คุณมองตาฉันคุณก็รู้แล้วใช่มั้ยล่ะคะ?"

    ยิ่งพอมองไปที่ดวงตาที่เป็นนาฬิกานั้นแล้ว ก็ยิ่งมั่นใจได้ว่า ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่คนทั่วๆไปแน่นอน อันตรายกว่าที่คิดไว้ ต้องไม่ให้เธอล่วงรู้อะไรเกี่ยวกับฉันไปได้มากกว่านี้ เขาลุกขึ้นมานั่งแล้วถอนหายใจเบาๆ แต่นั่นก็ยิ่งทำให้เธอดูหลงไหลอะไรบางอย่างในตัวเขาขึ้นมาทันที

    "ให้ตายสิ เธอทำให้ฉันนอนไม่หลับ"

    " เอ๊ะ? จริงเหรอคะ? ต้องขอโทษด้วยนะคะที่มารบกวนคุณตอนที่กำลังนอนอยู่" 

    "ถ้าไม่มีอะไรก็ไปได้แล้ว หรือถ้ายังคงมีธุระกับฉันอยู่ก็รีบสะสางให้เสร็จสรรพภายในคืนนี้ซะ ไม่อย่างนั้นฉันจะไม่นับว่าเธอเป็นมิตรกับฉันแล้ว"

    เธอยิ้มหวาน พร้อมกับหยิบกระดาษแผ่นหนึ่ง​ขึ้นมา เขามองไปที่กระดาษแผ่นนั้นแบบงงๆ แต่คิดไว้แล้ว ว่าที่เธอมาครั้งนี้ต้องมีข้อเสนอและผลประโยชน์เป็นแน่

    " นี่คือพันธะ-"

    "เอามันออกไปให้พ้นระยะสายตาของฉันซะ" 

    (หน้าเริ่มหมอง)​"ไม่ตอบเร็วไปหน่อยเหรอคะ?" 

    " นั่นน่ะคือผลประโยชน์ของเธอ ส่วนฉันก็คงมีฐานะแค่พวกค้ำประกันที่มีประโยชน์แค่ช่วงกู้เท่านั้น แต่ตอนใช้คืนก็ผลักไสภาระมาให้ฉันคนเดียว" 

    "แต่คุณยังไม่ได้ฟังที่ฉันพูดเลยนะคะ" 

    "แล้วจำเป็นมั้ยที่ต้องทำ? "

    " แต่คุณยังไม่รู้เลยนะคะว่ามันคืออะไร ฉันหวังดีกับคุณนะคะ"

    เขาหยิบเอาใบเซ็นสัญญาจากมือคุรุมิมาอ่านอย่างฝืนใจ แต่สักพักเขาก็เอาใบเซ็นสัญญานั้นคืนเธอไป จากนั้นเขาก็กลับไปอยู่ในท่าฟุบหลับอีกครั้ง อะไรวะ? ตอนเกรด 1 อาจารย์ไม่ได้ให้คัดลายมือรึไง?

    " ของแบบนั้นฉันไม่ทำหรอก ผู้ถูกเลือกบ้าบออะไรนั่นก็ไม่ได้มีแค่ฉันซะหน่อย ไปทำกับคนอื่นไม่ได้รึไง? "

    "ทำไมล่ะคะ? หรือว่า... ไม่ชอบฉันงั้นเหรอคะ?"

    เออสิไอ้_ัส

    จะมายื้ออีกนานแค่ไหนเนี่ย? ใจจริงก็อยากจะรับเอามาพิจารณาอยู่ แต่ถึงยังไงจะให้เสี่ยงไปแบบนั้น... 

    "ฉันถามว่าไปทำกับคนอื่นไม่ได้รึไง? ฉันมีดีตรงไหน? เอาแต่นั่งหลับอยู่ในร้านเหล้า ไม่มีใครมาหาเรื่องก็ถือว่าโชคดีเท่าไหร่แล้ว ถ้าเธออยากได้คนนักก็ไปติดป้ายประกาศไม่ก็แจกใบปลิวตามข้างถนนซะสิ อย่ามายุ่งอะไรกับคนไม่มีจุดมุ่งหมายอย่างฉันเลย โว๊ะ ยัยนี่" 

    "จุดมุ่งหมาย งั้นเหรอคะ? "

    เธอเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างขึ้นได้ เธอยิ้มหวานอีกครั้ง จากนั้นเธอก็ลุกขึ้นเหมือนกำลังจะกลับแล้ว ให้ตายสิ กลับไปอย่างนี้ตั้งแต่แรกก็ดีแล้วแท้ๆ

    " ถ้างั้น... ฉันจะทำตามที่คุณบอกก็แล้วกันค่ะ ไว้เจอกันนะคะ"

    เธอเดินออกจากร้านไปแล้ว คืนนี้เขาก็ฟุบหลับอยู่ตรงนั้นอย่างสบายใจไม่มีใครรบกวน ถึงแม้จะมียุงบินหึ่งๆอยู่ข้างหูสักสองสามตัวก็เถอะ แต่เธอจะกลับมาอีกงั้นเหรอ? ต้องรับมือยังไงต่อไปดีวะเนี่ย? 

    ในใบเซ็นสัญญาแผ่นนั้น กล่าวถึงผลประโยชน์ของการทำสัญญาบางอย่างระหว่างทั้งคู่ ซึ่งยังไม่รู้เนื้อความทั้งหมด แต่ว่า เขาคงไม่เผลอไปทำง่ายๆ เพราะดูจากเงื่อนไข มันเสี่ยงเกินกว่าที่จะเป็นสัญญาทั่วๆไปแล้ว ว่าแต่ทำไมจะต้องเป็นฉันด้วย? 

    >>>รุ่งเช้า

    แสงแดดที่เริ่มทะลุผ่านหน้าต่างแล้วส่องเข้ามาที่หน้าเขา ทำให้เขาต้องพยายามลืมตาขึ้นมา ร้านเหล้า​ยังไม่เปิด พวกเด็กเสิร์ฟ​ก็คงจะยังไม่ตื่นกัน จากนั้นเขาก็ลุกออกไปล้างหน้าแปรงฟันในห้องน้ำ

    "ยังอยู่ในหัวอีกเหรอเนี่ย?" 

    เขาพยายามตบหน้าตัวเองเพื่อที่จะลืมเรื่องเมื่อคืนนี้ แต่ว่ามันยังคงอยู่ในหัวสมอง​ของเขาไม่หายไปเลย เจ็บมือชะมัด เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตัวเองยังใส่หน้ากากอยู่

    "ผู้หญิงคนนั้น... ดูดีชะมัดเลย หน้าตาก็ดีรูปร่างก็ดี เวลายิ้มก็น่ารักอีก  แต่ก็ดูลึกลับ... แต่เดี๋ยวก่อน นี่ฉันคิดอะไรอยู่เนี่ย?" 

    เขาบ้วนน้ำที่อยู่ในปากแล้วพยายามตบหน้าตัวเองอีกครั้ง ลืมอีกแล้วว่าตัวเองใส่หน้ากากอยู่ คราวนี้กระดูกนิ้วคงร้าวไปนิดนึงแล้วล่ะมั้ง ล่อตบแรงซะขนาดนั้น แต่อยู่ดีๆใจมันก็วอกแวก​ไปไหนก็ไม่รู้ ให้ตายสิ

    " แต่ทำไมเธอถึงต้องเข้ามาหาฉันด้วย? อันตราย ไว้ใจไม่ได้ ต้องระแวงตัวเองเอาไว้"

    >>>ที่สนามเด็กเล่น

    ที่นี่เป็นพื้นทราย มีเครื่องเล่นสำหรับเด็กอยู่เต็มไปหมด ซึ่งด้วยขนาดตัวของเขาก็คงใหญ่เกินกว่าจะเล่นอะไรพวกนี้ได้ คงมีแค่ชิงช้าที่สูงๆหน่อย ซึ่งเขามาที่นี่เพื่ออะไรก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ว่า คงจะมีอะไรมาดลใจเขาเป็นแน่ แถมวันนี้อากาศก็ไม่ได้ร้อนมาก ถึงตอนนี้เหงื่อจะท่วมตัวเขาแล้วก็เถอะ

    เขานั่งลงที่ชิงช้า มองไปรอบๆก็เห็นแต่บ้านเรือน ตรงนี้คงเป็นจุดชมวิวไม่ได้ เห็นเด็กผู้ชายคนหนึ่งและผู้หญิงคนหนึ่งกำลังเล่นกระดานหก​อยู่ แต่อยู่ดีๆ เด็กผู้หญิงก็สูญเสียการทรงตัว หล่นลงมาจากกระดานหกนั้นแล้วล้มลง แถมยังมีแผลถลอกเลือดซิบๆ เด็กผู้ชายจึงรีบลงดูทันที

    "เป็นอะไรหรือเปล่า?" 

    ฉัน... 

    เด็กผู้ชายก็เลยอ้าปากเป่าไปที่แผลของเด็กผู้หญิงคนนั้น เขาก็ทำหน้างงภายใต้หน้ากาก

    "ดีขึ้นรึยัง?"

    "อืม" 

    "งั้นกลับบ้านไปทำแผลกันนะ" 

    ทั้งคู่ก็จูงมือกันกลับบ้านของทั้งคู่ไป แต่ทำไมฉันถึงรู้สึกอิจฉาแปลกๆ มันก็ตามประสาเด็กแหละ แต่ที่อยากรู้ก็คือ ที่เป่าให้นั่น ให้ทรายที่ติดอยู่มันออกไปรึเปล่า? ฉันไม่ค่อยเชื่อสักเท่าไหร่ว่าการเป่าแบบนั้นจะทำให้แผลทุเลาลงได้ แต่ทำไมพวกมนุษย์ยังเชื่อแบบนั้นกันอยู่? แต่ว่ามันคงเป็นธรรมดาของมนุษย์ล่ะมั้ง 

    เห็นเด็กคนหนึ่งนั่งอยู่บนเครื่องเล่นแบบเดียวกับเขาแต่อยู่อีกฝั่งหนึ่ง ผมยาวสีเขียวมิ้นท์ เสื้อแขนยาวสีดำ แต่เดี๋ยว ทำไมฉันถึงรู้สึกคุ้นๆกับเด็กคนนั้น? จำได้แล้ว เด็กคนนี้ที่ฉันเผลอเตะบอลไปโดนหัวนี่เอง น่าอายชะมัด รอยฟกช้ำยังอยู่นิดหน่อยด้วย แต่ดูจากสีหน้า ทำไมยิ่งมองแล้วยิ่งหดหู่วะ?

    เขานั่งครุ่นคิดอยู่ แต่ก็มีผู้หญิงผมยาวสีเทา หน้าตาดูสาวๆป้าๆ แต่ท่าทางดูแข็งๆ ชุดที่ใส่ดูสะอาดสะอ้าน​ เสื้อนี่มันเงาดีจัง กำลังแจกกระดาษอะไรสักอย่างเหมือนกับใบปลิว จนเธอคนนั้นเข้ามาหาเขา พร้อมกับยื่นใบปลิวที่คิดว่าคงไม่ช่วยโฆษณา​อะไรได้มากนักให้กับเขา ส่วนเขาพอได้ใบปลิวนั่นแล้วก็อ่านอยู่สักพัก แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรหรอก แต่ดูท่าทางเธอจะสนใจเขาไม่น้อยเลยทีเดียว

    " นายดูน่าสนใจดีนะ"

    "มีอะไรหรือเปล่า? " 

    "ฉันหมายถึง นายน่ะเป็นคนแรกและน่าจะคนเดียวด้วยที่ตั้งใจอ่านใบปลิวที่ฉันแจกให้" 

    "ตั้งใจงั้นเหรอ? ก็แค่... อยากรู้อยากเห็นนิดหน่อยล่ะมั้ง" (หันไปทางเด็กคนนั้น)​

    ใบปลิวแผ่นนี้มีเนื้อหาถึงการรับสมัครหน่วยก้าน​ดีไปเป็นทหารของหน่วยนั้น ดูแล้วก็ไม่ได้น่าสนใจมาก เพราะลำพังแค่ดันพื้นยังได้แค่สองสามครั้งเอง

    "ถ้างั้นฉันคงคิดถูกแล้วล่ะ ฉันคืออเดปตัสวัน เอลเลน ยินดีที่ได้รู้จัก"

    จะคุยกับฉันก็ช่วยพูดในคำที่ฉันรู้หน่อยสิ

    คนที่ชื่อเอลเลนยื่นมือซ้ายมาให้เขา  แต่ทำไมเขาถึงรู้สึกแหยๆกับมือแบบนั้นวะ? รับสมัครทหารแต่ดูท่าทางแล้วเธอไม่น่าจะใช่ทหาร มือนี่ดูบางเบาและเกลี้ยงเกลาซะเหลือเกิน ถ้าเผลอไปแตะมีหวังคงยุบลงไปเป็นแถบๆ และยิ่งยื่นมือมาด้วยท่าทางที่สุดแสนจะมั่นใจด้วย ไว้ใจไม่ได้เลย

    เขาเหมือนจะยื่นมือซ้ายไปรับ แต่พอคิดอะไรบางอย่างขึ้นได้ก็รีบชักมือกลับมาทันที

    " มือเปื้อนไวรัสปะเนี่ย?" 

    เอลเลนนิ่งอยู่สักพัก

    "ว้าย! ไอ้บ้า ฉันน่ะล้างมือทุก 30 นาทีย่ะ!" (ท่าทางดูโวยวายแบบนี้ใช่ทหารจริงๆปะเนี่ย?)​

    "เอาล่ะๆ เข้าเรื่องเถอะ เธอบอกว่ากำลังรับสมัครทหารใช่มั้ย? แล้วมีการทดสอบมั้ย? เช่นดันพื้นหรือดึงข้ออะไรประมาณเนี้ย "

    " ทดสอบทหารนะ ต้องมีแน่นอน แต่สำหรับนาย ฉันจะส่งเรื่องถึงผู้บัญชาการ​ให้พิจารณาเป็นพิเศษ"

    "งั้นเหรอ? ก็ดีใช้ได้ แต่ว่า... (ลุกขึ้นยืน)​ ฉันไม่ค่อยได้สนใจมันเท่าไหร่ ขอโทษด้วย และฉันก็ไม่ค่อยชอบทำงานที่แบบว่า อยู่ภายใต้บังคับบัญชาของใครบางคนอะไรประมาณเนี้ย, ถ้างั้นฉันจะลองเอากลับไปคิดดูละกัน ถ้าฉันต้องการฉันจะโทรไปตามเบอร์ในใบนี่ โอเคมั้ย? " 

    " ฉันไม่ขัดข้อง​ในการตัดสินใจของนาย แต่นาย ก็ควรจะคิดให้ดีด้วยก็แล้วกัน หวังว่าเราจะได้เจอกันอีก"

    เอลเลนหลีกออกมาจากตัวเขาแล้ว แต่เหมือนว่ายังมีเรื่องที่ค้างคาเอาไว้ในใจ อะไรกัน? คุณชายคนนี้เล่นตัวชะมัดเลย  แต่หน่วยก้านดีกว่าคนทั่วไปอีก ถ้าจะปฏิเสธก็รู้สึกเสียดายอยู่ 

    ส่วนเขาก็กำลังจะเดินออกไปจากสนามเด็กเล่นแล้ว แต่ก็สะดุดตาตรงที่ป้าคนนั้นเดินไปหาเด็กคนที่เขาเคยเจอมาก่อน ท่าทางคงเป็นแม่ของเด็กล่ะมั้ง แต่ด้วยท่าทางที่ดูยื้อยุดฉุดกระชาก​นั่นแล้ว... มันก็คงเป็นธรรมดาของมนุษย์ล่ะมั้ง

    มนุษย์นี่ มีแต่คนไว้ใจไม่ได้อยู่เต็มไปหมดเลย

    "นี่"

    เขาเอามือไปจับไหล่เธอจากด้านหลัง

    "เอ๋? อะไรอีกล่ะ? อย่าบอกนะว่าตัดสินใจได้แล้ว"

    "เธอเป็นอะไรกับเด็กคนนี้"

    "พี่เลี้ยงน่ะ เธออยู่ในศูนย์เด็กกำพร้า ฉันเลยพาเธอออกมาเดินเล่นหน่อย แต่ดูทำสิ ดื้อด้านไม่ยอมกลับบ้าน"

    (เอาแต่พึมพำอยู่)​"กลับบ้าน... บ้านของเด็กคนนี้อยู่ที่ไหนกันแน่?"

    "บ่นไร? "

    " ก็ไม่นี่"

    เขานิ่งอยู่

    >>>ตกเย็นที่ร้านเหล้า

    อาทิตย์เริ่มลาขอบฟ้าไปอีกครั้ง ร้านเหล้าเปิดแล้ว ทันทีที่เปิดก็เริ่มมีคนเข้ามาเลย หนึ่งในนั้นก็คือลุงคนนั้นที่เคยอยู่ในห้องขังเดียวกัน เขามาที่นี่เพื่อมาหาชายคนนี้โดยเฉพาะ

    "อ้าว! ไม่เจอกันนานเลย สบายดีมั้ย? "

    ที่บอกว่านานนี่แค่สองสามวันเองเหรอ

    "รับอะไรดีครับ?"(น้ำเสียงอันนุ่มนวลนั้น)​

    "งั้นขอสาเก 3 ที่แล้วกันนะ พอดีว่าฉันชวนเพื่อนมาด้วย" 

    ลุงคนนั้นก็กลับไปหาเพื่อนของเขาที่กำลังนั่งคุยกันอยู่ที่โต๊ะหนึ่ง จากนั้นเขาก็เรียกพนักงานเสิร์ฟมา

    " สาเก 3 ที่ เสิร์ฟโต๊ะ 8"

    "ครับ! "

    เด็กเสิร์ฟ​รับคำแล้วรีบไปตามออเดอร์​ทันที ส่วนเขาก็ยังคงนั่งครองถิ่นอยู่ที่เดิม คือที่โต๊ะยาวหน้าเคาน์เตอร์​

    คืนนี้ก็เป็นไปอย่างปกติ แต่รู้สึกว่าช่วงนี้คนอกหักมีเยอะหน่อย ก็คงจะมาระบายอารมณ์อยู่ที่ร้านเหล้าสักแห่งแหละ นั่นก็คงเป็นธรรมดาของมนุษย์ล่ะมั้ง

    เขายังคงนั่งฟุบหลับอยู่ที่เดิม โดยที่ไม่ได้สนใจในเรื่องของผู้หญิงคนนั้นเลย แต่ก็ยังอดคิดไม่ได้ว่าคืนนี้เธอจะมาที่นี่อีกหรือเปล่า? แต่ใจจริงก็ไม่ได้อยากให้มาเท่าไหร่นัก

    แต่แล้วจากเมื่อกี้ที่มีผู้คนคุยกันเสียงดังแซด แต่อยู่ดีๆมันก็หยุดลงไปเอง จากนั้น เขาก็สัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง สิ่งที่กำลังก้าวเข้ามาหาเขา เสียงฝีเท้าที่มันยิ่งดังขึ้นเรื่อยๆ แต่เขาก็เลือกที่จะอยู่กับการหลับไหลในคืนนี้ คงจะเป็นเด็กเสิร์ฟมาเช็ดโต๊ะ ไม่น่าจะแปลกอะไร

    "ว้าว ใครน่ะ? สวยชะมัดเลย" 

    "แต่หน้าตาดูเด็กมากเลยนะ เข้าร้านเหล้าได้แล้วเหรอ?" 

    เสียงฝีเท้านั้นเงียบลง แต่เสียงฮือฮาก็ดังขึ้นทั่วร้าน ต่างคนต่างก็ซุบซิบกันถึงเรื่องบางอย่าง ได้ยินเสียงลากเก้าอี้จากข้างๆเขา จากนั้นก็เหมือนมีคนเรียกชื่อใครก็ไม่รู้อยู่ข้างๆหูเขา

    "เคนชินโตะซัง" 

    อะไร? คืออะไร? นี่เขาเรียกกันว่าชื่อใช่มั้ย? แต่ฟังดูแปลกๆพิลึก กำลังเรียกใครอยู่? คิดดังนั้นก็ไม่ได้แสดงอาการตอบสนองแต่อย่างใด แต่ก็ยังได้ยินเสียงเรียกข้างๆหูอีก

    "เคนชินโตะซังคะ" 

    แต่ว่า ถ้าเป็นคนอื่นก็คงจะมาแล้ว แต่ทำไมเธอถึงยังเรียกชื่อเดิมซ้ำๆ พร้อมกับสะกิดที่ไหล่ของเขา

    "เคนชินโตะซัง" 

    แบบเนี้ย

    เขาทนต่อสิ่งเร้านี้ไม่ไหว จึงได้ตอบสนองออกไปในที่สุดด้วยการลืมตา เขาเห็นผู้หญิงคนนั้น นั่งอยู่ในท่าเดียวกันกับเขา กำลังจ้องมองเขาอย่างใกล้ชิด สุดท้ายก็โผล่มาอีกแล้ว คืนนี้จะได้นอนดึกอีกมั้ยเนี่ย? แต่สังหรณ์ใจไม่ดีเลย

    "อะไรกัน? นี่มาอีกแล้วเหรอ?" 

    แต่เขาก็ยังพูดออกไปด้วยอาการเย็นชา​ 

    "เมื่อกี้เธอเรียกใคร?" 

    "ก็ เรียกคุณไงล่ะคะ" 

    "แล้วไอ้ที่เรียกเคนชินโตะนั่นมันหมายถึงอะไร?" 

    " ฉันก็...ตั้งชื่อให้คุณใหม่ยังไงล่ะคะ"(ยิ้มหวาน)​

    "อะไรของเธอ?" 

    "แหม... ก็คุณน่ะไม่มีชื่อเลยนี่คะ จะให้ฉันเรียกแต่คำว่าคุณมันก็แปลกอยู่ ถูกมั้ยคะ?" 

    ชื่องั้นเหรอ? มันคืออะไรกัน? แต่ดูเหมือนว่ามันจะน่าอายไปหน่อยถ้าถามไปเลยตรงๆ อะไรวะ ยิ่งคิดยิ่งเครียด

    "แล้วมาหาฉัน มีธุระอะไรนอกจากพันธะบ้าบอคอแตกอะไรนั่นมั้ย?

    เขารินค็อกเทลใส่แก้วไวน์สองแก้ว จากนั้นเขาก็ยกแก้วไวน์แก้วหนึ่งขึ้นมาจิบเล็กน้อย

    "ต้องมีมากกว่านั้นสิคะ"

    เธอหยิบแก้วไวน์ที่มีค็อกเทลอยู่ในนั้นอีกแก้วหนึ่งขึ้นมาจิบเล็กน้อยเช่นกัน

    "ไม่งั้น ฉันจะมาหาคุณทำไมล่ะคะ"

    "เอาล่ะ รีบๆว่ามาซะ"

    "คุณรู้จัก DEM มั้ยคะ?"

    DEM เหรอ? ชื่อนี่อย่างเท่เชียว ฟังแล้วดูขัดหูแปลกๆ แล้วอยู่ดีๆเธอก็ถามเรื่องนี้ แต่อย่างไรก็ตาม บางทีเรื่องพวกนี้อาจจะมีประโยชน์สำหรับเขาในภายหลังก็ได้

    "ไม่รู้จัก ทำไม?"

    " เปล่าหรอกค่ะ ก็แค่... ฟังผ่านๆมาเท่านั้นเองแหละค่ะ ว่าหน่วยนั้นจะรับสมัครคนเข้ามาทำงาน คนอย่างคุณนี่ก็ พอไปเป็นคนของหน่วยนั้นได้เลยนะคะ"

    จำได้แล้ว ยัยป้าคนนั้นที่มาแจกใบปลิวให้เมื่อเช้านี้ นั่นเขาเรียกว่า DEM งั้นเหรอ? ดูไม่เข้ากับบุคลิกเลย ไม่อายตัวเองเลยรึไง? 

    " ถ้าไปเป็นพวกนั้น ฉันยอมขายเหล้าโง่ๆอยู่ที่นี่ดีกว่า"(จิบค็อกเทลในแก้ว)​

    " ฮุฮุ ฉันเข้าใจค่ะ, ชนค่ะ"

    "คืออะไร? มีธรรมเนียมแบบนี้ด้วยเหรอ? "

    เธอเอาแก้วค็อกเทลที่ถืออยู่มาชนกันกับของเขาจนเกิดเสียงเบาๆ จากนั้นเคนชินโตะก็ยกแก้วขึ้นดื่มจนหมด ส่วนคุรุมิก็ยกแก้วขึ้นดื่มจนเหลือก้นแก้วเอาไว้นิดหน่อย

    " ไม่ยักรู้ว่า เธอก็มีนิสัยขี้เหล้าแบบนี้ด้วย"

    " ทำไมเหรอคะ? หน้าตาฉันมันไม่ให้งั้นเหรอคะ? 

    "ก็เปล่าอยู่หรอก ก็แค่ผู้หญิงหน้าตาดีรุ่นเด็กอย่างเธอมาดื่มเหล้าแบบเนี้ย ฉันรู้สึกเหมือนกำลังพรากผู้เยาว์"(มีเหมือนรถหุ้มเกราะสีดำวิ่งผ่าน ทำเอาระแวงไปอีกยาวเลย)​

    " จริงเหรอคะ? คุณนี่ตลกดีนะคะ ฉันชอบจังเลยค่ะ, แล้วฉันควรจะเป็นอะไรเหรอคะถึงจะเหมาะสมกับตัวฉัน? "

    เคนชินโตะคิดอยู่สักพัก

    "นางแบบ ไม่ก็นักแสดง"

    "จริงเหรอคะ? แต่ว่า... ฉันแสดงไม่เป็นนะคะ"

    เงียบ

    " มีอะไรหรือเปล่าคะ? "

    " ลืมๆมันไปเถอะ"(รินค็อกเทลใส่แก้วของเขา)​

    " หน้ากากแบบนั้น คุณไม่อึดอัดเลยเหรอคะ? "

    เคนชินโตะในลุคที่ใส่หน้ากากอยู่ตลอดเวลา หน้ากากลายสานเส้นกว้างๆนี้ ทำไมฉันถึงต้องใส่มันด้วย? และแถมไม่เคยคิดที่จะถอดมันออกอีกต่างหาก แปลกแฮะ

    แต่ความจริงแล้วนั้น...

    "ไม่รู้สิ มันคงเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายฉันแล้วล่ะมั้ง"

    "งั้นเหรอคะ? คงจะทรมานน่าดูเลยสินะคะ น่าเอ็นดูจัง" (ตรงไหนวะ? )

    "เรื่องนั้นช่างเถอะ ตอนนี้ อย่างเดียวที่ฉันคิดก็คือ ฉันอยากจะนอนแล้ว"

    "ตายจริง นี่ฉันรบกวนเวลาคุณมากไปเหรอคะเนี่ย? แต่ว่า ขอคุยอีกสักครู่เดียวจะได้มั้ยคะ? เคนชินโตะซัง"

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×