คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Episode 0 (Welcome home.)
"แสงสีขาวและแสงสีดำ"
ไร้ซึ่งรูปร่างและตัวตน ระบุถึงการมีอยู่ของสิ่งเหล่านั้นไม่ได้เลย เห็นแค่มวลสารเรืองแสงสีขาวและสีดำลอยไปลอยมาอยู่รอบๆตัว แต่ภายในนั้นก็ทรงอานุภาพ และเต็มไปด้วยสิ่งที่ยากจะหยั่งถึง
ใครบางคนเนรมิตบางอย่างขึ้นมา เป็นสสาร 3 อย่างที่ไม่มีรูปร่างแน่นอน ลอยไปมาไร้ซึ่งจุดหมาย ในอวกาศที่แสนกว้างใหญ่ไพศาล เราขอเรียกผู้ที่เนรมิตสิ้งเหล่านี้ขึ้นมาว่า "ผู้ให้กำเนิด"
สามสิ่งนี้ได้ล่องลอยไปเรื่อยๆ ตามทางที่มีอยู่ โดยที่ไม่ได้แยกจากกันไปไหน แต่มีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้น ที่สามารถก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาได้ในระหว่างทาง สิ่งนี้เริ่มเป็นก้อนเนื้อขนาดใหญ่ เริ่มเป็นรูปร่างคล้ายสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญา มีแขนมีขา มีอวัยวะต่างๆ ซึ่งสามารถระบุได้เลยว่าเป็นมนุษย์ ส่วนอีกสองสิ่งที่เหลือก็ล่องลอยตามกันไป จนกระทั่งมาสิ้นสุดที่อาณาจักรแห่งหนึ่ง ที่ในปัจจุบันเรียกว่า "ทางช้างเผือก (Milky-way)"
สิ่งหนึ่งที่ก่อรูปร่างเป็นมนุษย์แล้วอยู่ในสภาพที่หลับไหล ลอยไปได้ด้วยแรงขับเคลื่อนจากอีกสองสิ่งที่เหลือ ระหว่างทางก็มีแต่ดาวเคราะห์น้อยไม่ก็ดาวหางอยู่เต็มไปหมด แต่ทั้งสามสิ่งก็ผ่านมันมาได้อย่างปลอดภัย ไปจนกระทั่งถึงส่วนย่อยที่อยู่ประมาณขอบๆของอาณาจักร ซึ่งในปัจจุบันเรียกว่า "ระบบสุริยะ (Solar system) "
รู้สึกว่ามันเริ่มจะเข้าใกล้ความเป็นจริงแล้ว วันเวลาช่างยาวนานในจักรวาลอันเคว้งคว้างแห่งนี้ แต่ในที่สุด ทั้งสามสิ่งก็ได้มาเจอกับจุดหมายปลายทางสักที
1980
@ดาวเคราะห์สีน้ำเงินที่เรียกว่าโลก (Earth)
"ตื่นได้แล้วนะ"
ก่อนหน้านี้เพียง 1 วัน มีบางอย่างได้ถือกำเนิดขึ้นในดินแดนแห่งนี้ เราขอเรียกว่า DEM และ DEM นี้ก็ให้กำเนิดอะไรบางอย่างขึ้นมา ที่เป็นต้นกำเนิด ของหายนะทั้งปวง
แสงสีดำและแสงสีขาวได้แยกกันไปแล้ว ทิ้งไว้แต่ร่างมนุษย์ผู้หนึ่งที่นอนในสภาพเปลือยเปล่าอยู่ที่ริมแม่น้ำแห่งหนึ่ง ตอนนี้ก็เป็นเวลาที่ดวงอาทิตย์จะลับขอบฟ้าไปแล้ว แสงอาทิตย์อ่อนๆบวกกับบรรยากาศที่เปลี่ยนไปทำให้เขาต้องลืมตาขึ้นมา โอ๊ย! แสงอะไรวะเนี่ย? แสบตาชะมัด เขาเอามือมาบังตาไว้แล้วหันไปด้านบน เห็นเป็นแผ่นฟ้าสีส้มๆ มีก้อนสีขาวๆอยู่ประปราย ไม่เหมือนกับที่ผ่านมา มีแต่สีดำกับจุดเล็กๆสว่างๆอยู่เต็มไปหมด แต่ว่า อากาศที่นี่อบอุ่นชะมัดเลย ไม่เหมือนกับตอนที่หลับอยู่ เหน็บหนาวอย่าบอกใคร จากเสียงวู่มว่ามที่เคยได้ยินตอนนี้กลับเป็นหวิวๆซ่าๆ สบายหูอย่างบอกไม่ถูก ที่นี่มันที่ไหนกัน?
แต่พอรู้สึกตัวแล้วได้ลืมตาดูชัดๆ ก็เห็นว่ามีกลุ่มคนใส่ยูนิฟอร์มสีน้ำเงินยืนมุงอยู่แล้ว ใช่แล้ว นั่นคือตำรวจ แต่ว่าเขาไม่รู้ไง ว่าแต่ พวกเขามองอะไรมาที่ฉัน?
"สงสัยเมื่อคืนจะไม่เป็นท่าเลยสินะ"
พูดอะไรวะเนี่ย? ให้ตายสิ ฟังไม่รู้เรื่องเลย แต่ตำรวจก็เอาอะไรไม่รู้มาล็อกข้อมือทั้งสองข้สงของเขาเอาไว้ แล้วลากตัวเขาเข้าไปในวัตถุอะไรก็ไม่รู้ วิ่งได้ด้วย แถมอากาศก็เย็นอีกต่างหาก มันกำลังวิ่งไปเร็วมาก ว้าว! สุดยอดไปเลย! แต่ก็ไม่มีใครบอกเขาเลยเหรอว่า ตำรวจพวกนั้นกำลังพาเขาไปที่โรงพัก ก็แหงล่ะ เปลือยซะขนาดนั้น ใครเห็นก็ว่าเป็นคนบ้าไม่ก็คนเมาที่ยัดสาเกไปประมาณสิบกั๊ก
พอมาถึงสถานที่แห่งหนึ่ง ตำรวจก็ลากตัวเขาไปในสถานที่นั้นทันที แต่เดี๋ยวสิ! จะพาฉันไปไหนน่ะ? แถมอากาศในนี้มันเย็นพอๆกับเมื่อกี้เลย ตำรวจเอาแผ่นอะไรนุ่มๆก็ไม่รู้ยื่นให้เขา ยืนงงเลยทีนี้ ไอ้แผ่นนี่มันคืออะไรวะ? ตำรวจเห็นท่าทางของเขาก็เลยจับแขนแล้วสวมแผ่นนั้นเข้าไปคลุมร่างกายท่อนบน แล้วจับขาให้ยกขึ้นแล้วสวมแผ่นคล้ายๆกันนั้นขึ้นไปคลุมร่างกายท่อนล่าง รู้สึกว่าอากาศมันอุ่นขึ้นหน่อยๆแฮะ แต่พอมีอะไรมาใส่ก็รู้สึกไม่ค่อยชินเลย ตำรวจลากเขามายืนอยู่ตรงที่ข้างหลังเขามีป้ายสีขาวและมีสเกลสีดำเป็นเส้นๆอยู่ จากนั้นก็เอากระดาษอะไรก็ไม่รู้มาให้เขาถือ แล้วตำรวจก็เอาอุปกรณ์บางอย่างมาเล็งไปที่ตัวเขา พอตำรวจกดปุ่มก็มีเสียงดัง "แชะ" พร้อมกันนั้นก็มีแสงออกมาด้วย แสบตาชะมัด
จากนั้นตำรวจก็พาเขาไปอยู่ในห้องกรงซี่ๆแห่งหนึ่ง ตำรวจผลักเขาเข้าไปในห้อง แล้วก็เอากุญแจล็อกประตูเอาไว้ เอ่อ พาฉันมาอยู่ที่ไหนอีกเนี่ย? ในห้องนี้มีเขาและอีกคนหนึ่งซึ่งมองเขาด้วยท่าทางที่ไม่ค่อยชอบหน้าเท่าไหร่ แต่พอลองจับที่ใบหน้าทำไมมันรู้สึกแข็งๆวะ ทั้งที่คนอื่นหน้าก็ดูนิ่มๆหมดเลย พอมองออกไปที่กระจกนอกห้องจึงได้รู้ว่า ใบหน้าของเขาแปลกไปจากคนอื่น เพราะว่าเขาใส่หน้ากากปิดบังใบหน้าไว้ตลอดเวลา ซึ่งเขาก็ไม่รู้อีกแหละว่าไอ้ที่เขาใส่อยู่เป็นหน้ากาก
"โดนข้อหาอะไรมา?"
ชายคนนี้พูดคล้ายๆกับคนเมื่อกี้เลย แต่ยังไงก็ฟังไม่รู้เรื่องอยู่ดี เขาได้แต่นั่งนิ่งอยู่ อย่าหาว่าหยิ่งเลย เขาฟังไม่รู้เรื่องจริงๆ
"ไม่รู้งั้นเหรอ? ฮะๆ แปลกดีนะ เมื่อคืนคงเมาได้ที่เลยล่ะสิ แต่ว่า อย่างน้อยฉันก็ยังมีเพื่อนอยู่ด้วย คงจะทำให้ฉันเหงาน้อยลงไปได้เยอะเลยล่ะ, ฉันโดนข้อหาฆ่าคนตาย เพราะตอนนั้นฉันก็เมาจนไม่ได้สติเหมือนกับนายนั่นแหละ ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ฉันก็คงจะตั้งใจทำงาน ไม่มาสำมะเลเทเมาแบบนี้หรอก ว่าแต่ เอ็งชื่ออะไร? รู้จักไว้ไม่เสียหายหรอกน่า"
เขายังเงียบอยู่
" เมาจนลืมชื่อตัวเองไปแล้วสินะ แต่ช่างเถอะ แค่จำหน้าก็คงจะทักทายกันได้แล้วล่ะมั้ง"
พล่ามอะไรก็ไม่รู้ฟังไม่รู้เรื่องเลย แถมน่ารำคาญชะมัด เขาทนไม่ได้จึงเอามือจับประตูกรงแล้วก็แหกเอาเป็นช่องว่างขนาดใหญ่พอให้ออกไปได้ ชายคนนั้นเห็นต่างก็ตกตะลึงไปพักใหญ่ จากนั้นเขาก็มุดออกไปเพื่อมองหาอาหารกิน เพราะรู้สึกว่าท้องไส้จะเริ่มต้องการน้ำย่อย และน้ำย่อยก็เริ่มจะต้องการอาหารแล้ว เพราะถึงจะฟังภาษาญี่ปุ่นไม่รู้เรื่อง แต่อย่างน้อยก็มีสัญชาตญาณในเรื่องพวกนี้ ปล่อยไว้คงไม่ดีต่อร่างกาย
"แรงนั่น..."
เขาคนนั้นรีบมุดตามออกไปทันที เขาก็ได้มองตามไปด้วยความรู้สึกสะเทือนใจเล็กน้อย นั่นคงเป็น... สิ่งที่สำคัญสำหรับพวกนี้สินะ แต่เดี๋ยวมันก็คงไม่ได้อยู่กับเราไปชั่วนิรันดร์หรอกมั้ง พอเห็นชายคนนั้นถือของบางอย่างไปไขทางเข้าจนมันเปิดออกและออกไปได้แล้ว เขาก็พังกำแพงแล้วก็ออกไปจากที่นี่ แทนที่จะเดินออกตามไปเนี่ยนะ? แต่ไม่นานชายคนนั้นก็โดนตำรวจจับเข้ามาใส่ไว้ในห้องขังเช่นเดิม ตำรวจพอเห็นกำแพงเป็นรูใหญ่นั้นก็เล่นเอางงกันใหญ่เลยทีเดียว ต้องไปดูกล้องวงจรปิดโดยด่วน
เขาออกมาได้แล้วก็ตกอยู่ในภาวะเคว้งคว้างไปชั่วขณะ ตอนนี้ท้องฟ้าก็เริ่มมืดลง เห็นแต่เสาที่มีแสงสว่างๆ แต่นี่มันอะไรวะเนี่ย? เห็นแต่อะไรวิ่งอยู่เต็มไปหมด มีสิ่งปลูกสร้างใหญ่ๆสูงเสียดฟ้า ทางสีเทาๆที่พุ่งตรงไป บ้างก็โค้งเป็นวง ดูลายตาชะมัดเลย แต่อากาศทำไมมันร้อนกว่าเมื่อกี้นี้? ไอ้น้ำใสๆที่ซึมออกมาจากตัวนี่มันอะไรเนี่ย? โอ๊ย! เหนียวตัวชะมัด เหม็นอีกต่างหาก แต่ภายในท้องก็ต้องการอาหารอีก วุ่นวายอะไรเบอร์นี้ เขาก็เดินไปตามทางต่อไปเพื่อหาอาหาร เห็นกระดาษเหลี่ยมๆแผ่นหนึ่งลอยมาตกตรงหน้าก็แปลกใจ ลองหยิบมาดูรู้สึกลื่นมือแปลกๆ บางทีมันอาจจะมีประโยชน์ก็ได้จึงถือมันไว้แล้วเดินต่อไป โดยที่เขาไม่รู้ว่ากระดาษแผ่นนั้นเป็นธนบัตรที่เอาไว้แลกเปลี่ยนสิ่งต่างๆ
ระหว่างทางก็เห็นผู้คนมากมายในการกระทำต่างๆ เห็นผู้คนเดินกันไปเป็นคู่ เป็นกลุ่มเล็กกลุ่มใหญ่ บ้างก็เดินไปคนเดียว แต่ละคนแต่ละกลุ่มก็มีสีหน้าท่าทางไม่เหมือนกันเลย บ้างก็กระโดดโลดเต้น บ้างก็เดินคอตกอยู่ มาถึงจุดหนึ่งที่มีผู้คนอยู่กันแออัด เขาก็ต้องพยายามแทรกกลุ่มคนเหล่านั้นผ่านไปเพื่อจะเดินไปตามทาง มีบางคนเดินตามทางมาแทรกกลุ่มคนพวกนี้เช่นกัน แต่ในกลุ่มนั้นก็มีบางคนเกิดความไม่พอใจจนต้องทะเลาะวิวาทหาเรื่องตบตีกัน เขาก็ยังคงเดินตามทางโดยที่ไม่ได้สนใจสิ่งรอบนอกเลย จนกระทั่งเขาก็ได้กลิ่นอะไรบางอย่างที่ส่อไปในทางว่า นี่อาจจะเป็นอาหารของเขา ให้ตายสิ หาตั้งนาน เขาก็รีบเดินไปตามกลิ่นนั้นทันที โดยที่มือยังคงจับกระดาษแผ่นนี้ไว้แน่น
พอมาถึงก็เห็นเป็นแผงที่เหมือนจะขายอะไรสักอย่าง แต่ก็พอรู้ว่าเป็นอาหาร เพราะกลิ่นที่ว่านั่นก็มาจากที่นี่ เห็นชายวัยกลางคนยืนอยู่พร้อม ท่าทางน่าจะเป็นเจ้าของที่นี่ แต่เขาจะหยิบอาหารมาเลยงั้นเหรอ?
"รับอะไรดีครับ?"
ชายคนนี้พูดภาษาที่คล้ายกับก่อนหน้านี้อีกแล้ว คราวนี้เขาก็เริ่มจะคุ้นชินแล้ว เขาจึงชี้ไปที่ขนมปังชนิดหนึ่ง ที่เขาว่ากันว่าเป็นขนมปังที่อร่อยที่สุด ชื่อว่าคินาโกะปัง ซึ่งในปัจจุบันก็มีคนเหมาไปหมดร้านจนแทบจะไม่มีใครได้ทานอยู่แล้วในทุกๆวัน รู้แล้วสินะว่าเป็นใคร แต่ไม่นานอาหารที่ชื่อว่าคินาโกะปังอันน่าลิ้มลองก็ถูกแพ็คใส่ซองอะไรสักอย่างเรียบร้อยแล้ว แต่ถึงขนาดแพ็คแล้วก็ยังหอมกรุ่นจนแทบจะอดใจไม่ไหว
"3500 เยนครับ"
แต่พอเขาดูที่มืออีกที ก็ปรากฏว่าไอ้แผ่นกระดาษมันหายไปแล้ว ยังไม่ต้องสนใจว่ามันหามาได้ยังไง แต่ให้ตายเถอะ จะเอาอะไรจ่ายเขาไปดีล่ะเนี่ย? สั่งมาแล้วด้วย แต่เผอิญว่าสิ่งเดียวที่มีค่าที่มีอยู่ของเขาคือ แหวนเพชรวงหนึ่งที่เขาเจอมาอยู่ในกระเป๋ากางเกงเท่านั้น
เขาก็เอาแหวนวงนั้นให้เจ้าของร้านดู ซึ่งพอเห็นแล้วเจ้าของร้านก็ต้องน้ำตาคลอกันเลยทีเดียว เมื่อแหวนวงนั้น เป็นแหวนหมั้นของเขาที่จะเอาไปขอหมั้นกับหญิงสาวคนหนึ่ง แต่เขาทำหายเมื่อ 5 ปีก่อนหน้านี้
"หนุ่มครับ... ผมให้หมดร้านเลยครับ แหวนนี่... ขอบคุณมากเลยนะครับ"
เขาก็ส่งแหวนวงนั้นให้กับเจ้าของร้านไปแบบงงๆ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ลำพังที่ชายคนนี้พูดมายังฟังไม่รู้เรื่องเลย
"ขอบคุณมากเลยนะครับ... (น้ำตาคลอ) เพราะแหวนนี่ เป็นแหวนที่ผมทำหายเมื่อ 5 ปีก่อน ผมก็นึกว่า... ฮึก... ผมจะไม่เจอมันอีกแล้วซะอีก... ถ้างั้นผมขอตัวก่อนนะครับ ผมจะไปหมั้นกับสุดที่รักของผม"
น้ำที่ออกจากตานั่นมันคืออะไร? แล้วทำไมใบหน้าของชายคนนี้ถึงดูเปลี่ยนไปด้วย? เขาได้แต่ยืนงง แต่เจ้าของร้านก็เดินมาหาเขาพร้อมกับตบไหล่เขาเบาๆ
"นี่ไอ้หนุ่ม ฉันเชื่อนะ ว่าสักวันสิ่งที่เจ้าทำจะต้องมีคนเห็น ขอให้โชคดีนะ"
จากนั้นเจ้าของร้านก็เดินจากไปด้วยความปลื้มปิติในใจ ทิ้งไว้เพียงตัวเขาที่งงงวยและอาหารอันโอชะนี้เท่านั้น แต่อย่างน้อย ได้ของพวกนี้มาคงรองท้องได้ยาวเลยทีเดียว
(ตะโกนออกมา)"ทานให้อร่อยนะ!!"
นั่นก็คงเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับเขาเหมือนกันสินะ มนุษย์นี่ช่างวิเศษจริงๆ
หาทำเลในการกินของพวกนี้สักหน่อย เผอิญว่าท้องฟ้ามืดๆแบบนี้จะไปกินที่ไหนดีล่ะ? เขาเดินไปตามทางก็เห็นริมแม่น้ำแห่งหนึ่งมีม้านั่งอยู่สองตัว ตรงนั้นน่าจะปลอดภัย เป็นที่กินอาหารของฉันได้ คิดได้ดังนั้นก็ตรงไปยังม้านั่งตรงนั้นทันที
เขานั่งกินของที่ได้มาบนม้านั่งริมแม่น้ำอย่างอิ่มหนำสำราญ ซึ่งโดยปกติก็ไม่มีใครมานั่งตรงนี้ตอนกลางคืนหรอก แต่ว่าไม่เห็นผู้คนแล้ว แสงไฟภายในสิ่งปลูกสร้างที่เคยมีอยู่ แต่ตอนนี้มันก็ดับลงสนิท เหลือเพียงแค่ไอ้เสาพวกนี้ที่ตั้งอยู่เรียงรายเท่านั้น ที่มันยังคงมีแสงส่องสว่างไว้นำทางผู้คนอยู่ อากาศเริ่มเย็นลงแล้ว ความมืดนี้ทำให้ฉันรู้สึกหวิวๆ แปลก
เขามองไปอีกฝั่งหนึ่งของแม่น้ำ ถึงจะไม่ค่อยได้เห็นอะไรมาก แต่ก็เห็นเสาแบบเดียวกับแถวนี้เรียงกันอยู่ ฝั่งนั้นไม่มีม้านั่ง มีแต่รั้วกั้นเอาไว้ ฝั่งนั้นก็ไม่มีใครอยู่ รู้สึกวังเวงชะมัด กินมาตั้งนานแล้วทำไมยังไม่หมดสักที? หรือว่าเราสั่งมาเยอะเกินไป แถมความหิวก็ดูเหมือนจะลดลงไปเพียงนิดเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตาม มีอะไรให้ดูเล่นๆแล้ว
มีก้อนวัตถุที่คล้ายๆกับพายุกำลังดิ่งลงมา ท้องฟ้าตรงนั้นหมุนเป็นเกลียวใหญ่ รอบๆก็มีลมพัดกระโชกแรงจนต้นไม้เอนเอียงเกือบหักโค่น ทำเอาซองอาหารที่หมดแล้วของเขาปลิวไปตามแรงลม อะไรเนี่ย? เริ่มไม่ดีแล้วล่ะมั้ง เขารีบกินของที่ยังเหลืออยู่จนหมด จากนั้นก็ถอยออกมาจากม้านั่งตรงนั้น แต่พอหันไปทางอีกฝั่ง ก็พบว่ามีอะไรบางอย่างกำลังคืบคลานเข้ามาด้วยความเร็วสูง แถมพัดพาพื้นดินและเสาไฟพวกนั้นมาด้วย ยืนยันได้แล้วว่า ไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน เสียงกระหึ่มกึกก้องดังไปทั่วบริเวณ แผ่นดินกำลังแตกเป็นเสี่ยงๆ ผู้คนรีบวิ่งออกมาเพื่อไปที่ใดสักแห่ง แต่ว่าชายคนนี้ กลับยังคงยืนอยู่นิ่ง
"ยินดีต้อนรับ เข้าสู่จักรวาลของพวกเรา"
"เอ๊ะ? นี่ฉันลืมโปรแกรมภาษาญี่ปุ่นไว้ให้เขาเหรอเนี่ย?"
ความคิดเห็น