ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    BLOODY PARTY! (ดอง)

    ลำดับตอนที่ #6 : Chapter4 TroublemakeR

    • อัปเดตล่าสุด 8 ต.ค. 61


    แสงแดดยามเที่ยงสาดส่องเข้ามาในห้องผ่านผ้าม่านของโรงแรมนั้นสว่างจ้าจนบ่งบอกอุณหภูมิภายนอก หญิงสาวที่อยู่บนเตียงตื่นขึ้น เธอลุกขึ้นนั่งและต้องชะงักเพราะหัวของเธอหมุนเล็กน้อย มันอาจเป็นเพราะการสังสรรค์มากจนเกินไปเมื่อคืนนี้ที่ทำให้เธอแทบจะหมดสภาพ โชคดีที่วันนี้เป็นวันเสาร์เธอจึงไม่ต้องออกไปไหน

    “อรุณสวัสดิ์ครับ”

    เสียงทุ้มนุ่มของใครบางคนทำให้เธอหันไปตามเสียงนั้นและมองเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่นั่งอยู่บนโซฟาปลายเตียง ดูเหมือนเขาจะเป็นคนที่หามเธอมาถึงโรงแรมเมื่อคืนนี้

    “เมื่อคืนคุณเมามากเลยนะครับ คราวหน้าก็ระวังหน่อย”

    ชายหนุ่มพูดพร้อมรอยยิ้ม ดูเหมือนเขาจะไม่รู้กิตติศัพท์ของฟอนด้า หญิงสาวที่ฉาวที่สุดเท่าที่ใครบนเกาะจะนึกออก

    “เหอะ เรื่องของฉันน่า ฉันจะเมาก็ไม่เกี่ยวกับนาย”

    เธอพูดพร้อมกับเอื้อมไปหยิบกระเป๋าที่วางอยู่ข้างๆเตียงและเอาบุหรี่ในนั้นออกมาจุดโดยไม่สนใจว่ามันจะเป็นห้องปิดในโรงแรม

    “ไม่ได้ให้ระวังเรื่องดื่มครับ ให้ระวังเรื่องร้องไห้ซบอกผู้ชายจนเสื้อเขาเปื้อน”

    ชายหนุ่มแปลกหน้าพูดพร้อมกับเปิดเสื้อนอกของเขาให้เธอเห็นเสื้อเชิ้ตสีขาวที่ตรงอกมีรอยเหมือนคราบน้ำสีจางๆที่คงจะเป็นน้ำตาของเธอผสมกับเครื่องสำอาง

    “ผมไปล่ะครับ ไว้เจอกันนะ”

    ชายหนุ่มพูดและเดินออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว ทันทีที่เขาปิดประตูลงฟอนด้าก็ขว้างรองเท้าของเธอไปที่ประตูพร้อมกับสบถออกมา

    “เจอกันพ่อมึงดิ”

    ฟอนด้าลุกออกจากเตียง เธออาบน้ำแล้วโทรเรียกให้รถส่วนตัวของเธอมารับและรีบตรงกลับบ้านในทันที คฤหาสน์หลังใหญ่ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่ปลีกวิเวกพอสมควร แต่ถึงแบบนั้นมันก็ยังน่ารำคาญเพราะมักจะมีนักข่าวมาอออยู่ที่หน้าประตูบ้านของเธออยู่เสมอ และไม่รู้ว่าเพราะอะไรวันนี้ฟอนด้าถึงมีอารมณ์เปิดกระจกรถให้กับนักข่าวที่รอเธออยู่หน้าประตู

    “คุณฟอนด้าครับ เมื่อคืนออกมาจากผับชื่อดังพร้อมกับผู้ชายจริงหรือเปล่าครับ”

    เสียงถามของชายคนหนึ่งดังขึ้นโดยที่เธอยังไม่ทันได้อ้าปากอนุญาตให้ถาม มันทำให้ฟอนด้ายิ้มเล็กน้อยก่อนจะหยิบแก้วกาแฟที่ช่องวางแก้วข้างประตูรถมาสาดใส่หน้าของเขา

    “เสือก”

    หญิงสาวตอบนิ่งพร้อมกับสั่งให้รถเข้าไปในบ้านทันที ฟอนด้าที่ต้องเจออะไรแบบนี้แทบไม่มีเว้นวันทำให้เธอแทบจะประสาทแต่เธอก็ต้องพยายามทำเป็นไม่สนใจ

    ฟอนด้าลงจากรถหรูที่สะอาดเอี่ยมเมื่อมีคนมาเปิดประตูให้ เธอเดินเข้าบ้านโดยไม่สนใครแม้แต่น้อยก่อนจะรีบเดินขึ้นห้องของตัวเองในทันที คฤหาสน์หลังใหญ่ที่ดูโอ่อ่านี้เงียบสงบราวกับมีแค่เธอคนเดียวที่อาศัยอยู่ที่นี่ ซึ่งมันเป็นแบบนี้เสมอเพราะพ่อบุญธรรมของเธอนั้นแทบจะไม่มีเวลากลับบ้านด้วยซ้ำ อีกทั้งคนใช้ในบ้านก็ไม่ค่อยคุยกับคนอารมณ์รุนแรงแบบเธอเท่าไร บางครั้งฟอนด้าก็แอบสงสัยว่าคนที่ไม่สนใจญาติพี่น้องและไม่แม้แต่คิดจะแต่งงานแบบริคนั้นจะรับเด็กแบบเธอมาเป็นลูกบุญธรรมทำไมกัน

    ระหว่างที่ฟอนด้าเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ในห้องของเธอนั้นก็มีเสียงข้อความเข้าทำให้เธอกดเปิดดู มันเป็นข้อความจากชายแปลกหน้าเมื่อเช้าที่ดูเหมือนว่าเขาจะแอบเอาเบอร์ของเธอไปตอนที่เธอกำลังเมาอยู่ ฟอนด้ามองมันอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจกดบล็อคมันไปในที่สุด

    “มีแต่พวกน่ารำคาญ”

    หญิงสาวพูดกับตัวเองแล้วปาโทรศัพท์ลงบนเตียงโดยไม่สนใจว่ารายชื่อที่ถูกบล็อกของเธอตอนนี้มันเยอะพอจะสร้างทีมฟุตบอลได้สักสองทีมแล้ว

     


    “อะไรนะ?! ให้ฉันพักงานเหรอ?!

    เสียงตวาดของชายหนุ่มนั้นดังมากจนทำให้เพื่อนร่วมงานคนอื่นๆในออฟฟิศหันมองไปทางเดียวกัน เสียงนั้นดังออกมาจากห้องทำงานของหัวหน้าของพวกเขานั่นเองแต่เสียงตวาดดังลั่นนั้นไม่ใช่เสียงของหัวหน้า มันเป็นเสียงของคนที่ใครๆในที่ทำงานก็รู้ดีว่าเป็นตัวปัญหาอันดับท็อปของที่นี่ สำนักข่าวไอดีเอ็น(IDN News agency)นั้นเป็นสำนักข่าวชั้นแนวหน้าของเกาะไอเดน พวกเขานำเสนอข่าวมากมายรวมถึงตีพิมพ์หนังสือพิมพ์และหนังสือบางชนิด อีกทั้งยังมีช่องโทรทัศน์ของตัวเองอีกด้วย แต่สิ่งที่ทำให้สำนักข่าวแห่งนี้ต้องมีปัญหาและถูกด่าทออยู่หลายครั้ง หนึ่งในเหตุผลของข้อผิดพลาดนั้นก็คือการที่พวกเขารับชายคนนี้เข้ามาทำงาน

    สตีเฟ่น แสตนเฟอร์ดินาน สิ่งมีชีวิตที่สร้างรอยโหว่ขนาดใหญ่ให้กับสำนักข่าวไอดีเอ็นนั้นคือคนที่กำลังสร้างเสียงรบกวนให้กับเพื่อนร่วมงานอยู่ในขณะนี้ แม้เขาจะอายุใกล้เลขสามเต็มที่แต่ทุกคนรู้ดีว่าเขายังทำตัวงี่เง่าและไม่คิดถึงความเป็นจริงอยู่เสมอ

    “เอาน่า สตีเฟ่น คิดซะว่าไปพักร้อนสักสามสี่เดือนก็แล้วกัน นายทำอะไรไม่ได้หรอก รอบนี้ท่านประธานสั่งมาเองเลยด้วย”

    “แต่ฉันยังมีข่าวที่ทำค้างไว้นะ!!

    “ถ้าข่าวที่นายว่าคือการออกไปไล่กระทืบหรือพูดเสียมารยาทใส่ใครอีกก็พับมันไปได้เลย”

    “หา? แต่...”

    “ไม่มีแต่ ออกไป”

    คำสั่งเด็ดขาดของหัวหน้าทำให้เขาต้องเดินออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ ดูเหมือนว่าการที่เขาถูกพักงานรอบนี้ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะเมื่อชั่วโมงก่อนที่เขาไปต่อยยามหน้าบ้านของประธานธิบดีที่พยายามกันเขาออกจากพื้นที่ตามคำสั่งของฟอนด้าที่มองนักข่าวทุกคนหน้าบ้านเป็นหนอนแมลง แต่ก็ยังโชคดีที่เขาไม่ใช่คนที่โดนกาแฟสาดใส่หน้า ไม่งั้นเขาคงวีนแตกใส่หญิงสาวคนนั้นเป็นแน่

    สตีเฟ่นเก็บของของตัวเองบางอย่างใส่กระเป๋าเป้ของเขาก่อนจะเดินออกมาจากออฟฟิศอย่างหัวเสีย เขาคิดวนไปมาอยู่ในรถว่าจะเอายังไงต่อดีจนในที่สุดเขาก็คิดอะไรโง่ๆขึ้นมาได้ว่า ถ้าเขามีข่าวดีๆสักข่าวไปให้หัวหน้า ไม่แน่เขาอาจจะได้กลับไปทำงานต่อเร็วขึ้นก็ได้ เมื่อคิดได้แบบนั้นสตีเฟ่นก็รีบโทรหาคนรู้จักคนหนึ่งของเขาทันทีก่อนที่จะขับรถไปยังสถานที่ๆนัดกันอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มนัดกับคนรู้จักของเขาที่ย่านท่องเที่ยวแห่งหนึ่งในร้านกาแฟที่พวกเขาเคยเจอกันบ้างเป็นครั้งคราว ด้วยความรีบร้อนสตีเฟ่นจึงเดินไปด้วยความเร็วจนลืมมองระยะของคนที่เดินสวนมาก ทำให้เด็กหนุ่มผมสีแดงสดชนเข้ากับไหล่ของเขา เด็กหนุ่มคนนั้นชะงักพร้อมกับกล่าวขอโทษแต่เขาก็ไม่ได้สนใจและรีบเดินต่อไปในทันทีจนถึงร้านกาแฟที่นัดกันไว้ สตีเฟ่นสั่งกาแฟที่หน้าเคาน์เตอร์และรีบนั่งลงตรงข้ามกับหญิงสาวที่คุ้นหน้าในทันที

    “ไง สตีเฟ่น ไม่มีงานแล้วเหงาเลยสิ”

    หญิงสาวที่นั่งรอเขาอยู่เอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม ดูเหมือนชีวิตของเธอจะราบรื่นจนน่าหมั่นไส้ทีเดียว

    “ไม่ต้องแซวเลย ชาร์ลอต

    สตีเฟ่นตอบเพื่อนสาวของเขาด้วยท่าทางอารมณ์เสียก่อนที่เขาจะหยิบสมุดจดเล่มเล็กๆออกมาจากกระเป๋าเสื้อเพื่อเตรียมจะจดสิ่งที่เธอจะบอก

    “ถึงจะอยากได้ข่าวก็ไม่เห็นต้องรีบขนาดนั้นเลย”

    “ช่างฉันเถอะน่า ที่บอกว่ามีอะไรน่าสนใจน่ะ รีบๆบอกมาได้แล้ว”

    “แค่บอกว่าน่าสนใจนะ ไม่รู้ว่ามันจะมีประโยชน์อะไรรึเปล่า”

    ชาร์ลอตพูดก่อนจะวางนามบัตรสีแดงเลือดหมูลงบนโต๊ะ นามบัตรเรียบหรูพิมพ์ด้วยตัวอักษรสีทองอย่างดีทำให้อ่านง่ายและสะดวกพอสมควร

    “เฮนดริน่าคลับ(Hendrina Club)เหรอ?”

    “อือ ฉันไม่เคยไปหรอกนะแต่มีคนเคยบอกฉันว่ามีเด็กอายุไม่ถึงเกณฑ์ทำงานที่นั่น ถ้าสนใจนายก็ไปสิ ผู้ชายน่าจะเข้าไปง่ายกว่านะ”

    ชาร์ลอตพูดแล้วยกแก้วกาแฟขึ้นดื่ม สตีเฟ่นหยิบนามบัตรนั้นขึ้นมาก่อนจะมองที่อยู่ที่เขียนไว้ มันเป็นคลับที่อยู่ในย่านเที่ยวกลางคืนของเขตใต้ใกล้ท่าเรือซึ่งห่างจากที่ๆเขาอยู่พอสมควรแต่เขาก็ไม่มีทางเลือก ถ้าเขาอยากได้ข่าวเขาก็คงต้องไปแม้ว่าจะมีต้นตอเป็นเพียงแค่ข่าวลือก็ตาม

    “น่าดีใจนะที่เธอยกงานให้แบบนี้”

    สตีเฟ่นพูด เขาแปลกใจเล็กน้อยที่เพื่อนร่วมสายงานจะยอมยกข่าวน่าสนใจให้เขาในยุคที่การแข่งขันสูงแบบนี้

    “ฉันไม่สนใจข่าวค้าประเวณีหรอกนะ อีกอย่างฉันมีเรื่องที่น่าสนใจกว่า”

    “สำหรับเธอมีอะไรน่าสนใจกว่าอาชญากรรมด้วยเหรอ”

    “ก็นะ...พอดีฉันตามคดีๆหนึ่งอยู่แล้วน่ะ ไม่เสี่ยงทิ้งงานนี้ไปวิ่งไล่ข่าวลือหรอก”

    ชาร์ลอตตอบ งานของเธอนั้นแม้จะอยู่ในสายเดียวกับสตีเฟ่นแต่มันต่างกันพอสมควร เพราะชาร์ลอตนั้นทำงานอิสระ เมื่อได้ข่าวที่น่าสนใจมาเธอก็ขายให้กับสำนักข่าวให้พวกเขาไปเขียนข่าวต่อกันเอง ซึ่งมันเป็นแนวทางที่คนหัวร้อนไม่ง้อลูกค้าแบบสตีเฟ่นไม่น่าจะทำได้ และเพราะเป็นงานอิสระที่มีแนวโน้มขึ้นลงสูงมากจึงไม่แปลกที่ชาร์ลอตจะไม่อยากทิ้งงานที่ทำอยู่เพื่อไปเสี่ยง

    “พอจะบอกได้ไหม ฉันอยากรู้น่ะ”

    “...ไม่ได้หรอกนะ”

    ชาร์ลอตตอบด้วยรอยยิ้มก่อนที่เธอจะลุกขึ้นแล้วขอตัวกลับก่อน สตีเฟ่นมองหญิงสาวเดินออกจากร้านไปก่อนจะกระดกกาแฟของตัวเองจนหมดแล้วเดินไปที่เคาน์เตอร์เพื่อจะจ่ายเงิน แต่เมื่อเขาล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงแล้วเขาก็ต้องสบถขึ้นอย่างช่วยไม่ได้

    “ชิบหาย...”

     


    ชายหนุ่มวัยรุ่นเดินไปตามทางของย่านการค้า เขาก้าวไปพร้อมกับฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีเพราะในมือของเขามีกระเป๋าสตางค์หนังสีน้ำตาลเข้มที่เป็นของใครบางคนอยู่ และเขาได้ลองเปิดดูแล้วว่ามันเงินอยู่ประมาณร้อยมาลิคซึ่งมันทำให้กินอาหารแพงๆได้สามสี่มื้อทีเดียว

    “ลาภลอยๆ กระเป๋านี่ก็น่าจะพอมีราคาอยู่น้า”

    หัวขโมยหนุ่มพูดกับตัวเองเบาๆก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบๆแล้วเขาก็เจอสิ่งที่เข้าตาโดยบังเอิญ หญิงสาวผมสีอ่อนที่นั่งอยู่ที่ม้านั่งของย่านการค้านั้นช่างสะดุดตาเขา แต่ดูเหมือนเธอจะหยุดสายตาของผู้ชายที่เดินผ่านแทบทุกคนด้วยซ้ำ ใบหน้าน่ารักที่ดูเหมือนแต่งหน้าอ่อนๆและดวงตาสีน้ำเงินเป็นประกายนั้นชวนให้อยากจับจ้อง อีกทั้งเสื้อผ้าที่เธอใส่ก็ดูเข้ากับเธอมากเสียจนนึกภาพคนอื่นใส่ชุดเดียวกับเธอแล้วดูดีขนาดนี้ไม่ออก โอทิสไม่รอช้า ด้วยความเป็นวัยรุ่นใจร้อนและมั่นหน้าทำให้เขาเดินตรงเข้าไปหาเป้าหมายในทันที

    “นี่ รอใครอยู่เหรอ”

    เขาทักอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มแต่รอยยิ้มของเธอที่ยิ้มกลับมานั้นทำให้ใจของเขาสั่นระรัวจนไม่รู้จะพูดอะไรต่อ

    “ไม่ได้รอใครหรอกค่ะ”

    เสียงหวานตอบเขาอย่างเป็นมิตรทำให้เขารู้สึกว่าเธอนั้นช่างไร้ที่ติ ไม่มีจุดไหนเลยที่บกพร่องในตัวเธอ

    “งั้นเหรอ ผมชื่อโอทิสนะ ขอนั่งด้วยได้ไหม”

    โอทิสถามและนั่งลงโดยไม่รอคำตอบซึ่งอีกฝ่ายก็ไม่ได้ว่าอะไร โอทิสเดาว่าเธออาจจะโดนจีบจนชินแล้วก็เป็นได้ หญิงสาวไม่ได้ทำท่าทางสนใจเขามากนักแต่เขาก็พยายามจะทำความรู้จักกับเธอ

    “นี่ เรียนอยู่ที่ไหนเหรอ”

    “ฉันเรียนจบแล้วล่ะค่ะ เพิ่งจบจากเอโคล โพลีเทคนิค(ภาษาฝรั่งเศส:École polytechnique)น่ะ”

    “หืม? ไม่ใช่มหาวิทยาลัยของเกาะนี้สินะ”

    “ค่ะ ฉันมาจากฝรั่งเศสน่ะ”

    หญิงสาวตอบทำให้เขารู้ว่าเธอน่าจะอายุมากกว่าเขาหลายปีทีเดียว

    “งั้นเหรอ แต่พี่สาวเหมือนเด็กมัธยมเลยนะ นึกว่ารุ่นใกล้ๆกันซะอีก”

    โอทิสพูดด้วยรอยยิ้มทำให้อีกฝ่ายดูเขินอายเล็กน้อยและเมื่อรู้แล้วว่าเธอไม่ได้เรียนจบที่นี่เขาจึงถามต่อ

    “แล้วมาทำอะไรเหรอ”

    “อือ...ก็มาทำงานน่ะค่ะ”

    “อ๋อ แล้ววันนี้หยุดสินะ”

    “ประมาณนั้นค่ะ”

    “งั้นไปเที่ยวกันไหม เดี๋ยวผมเลี้ยงขนมก็ได้น้า”

    โอทิสพูดชวนแต่หญิงสาวก็ลังเลเล็กน้อยก่อนที่เธอจะยักไหล่และตอบตกลง เธอคงคิดว่าเด็กแบบโอทิสไม่น่าจะมีพิษมีภัยอะไรกับเธอ

    “งั้นเอาเป็นเครปแล้วกันนะ”

    “ได้เลย ผมรู้จักร้านดีๆด้วยนะ!

    เด็กหนุ่มพูดอย่างสดใสก่อนจะลุกขึ้นและทำท่าจะเดินไปแต่หญิงสาวก็คว้ามือของเขาเอาไว้ นิ้วมือเรียวเล็กและสัมผัสของมือที่นุ่มนวลทำให้โอทิสชะงักและหน้าแดงขึ้นเล็กน้อย

    “ฉันเดินช้าน่ะค่ะ ค่อยๆไปนะ”

    เธอพูดด้วยรอยยิ้มทำให้เขาพยักหน้าแล้วค่อยๆเดินไปพร้อมกับเธอ ก่อนที่เขาจะนึกบางอย่างขึ้นมาได้

    “จะว่าไปพี่สาวชื่ออะไรเหรอ”

    “ฮะๆ ดันลืมแนะนำตัวซะได้ ฉันชื่อรอนค่ะ”

     Ã Â¸Å“ลการค้นหารูปภาพสำหรับ line png
    คุยกันแป๊บ

    เย้ เสร็จแล้ววววว
    รอบนี้เน้นETC.ครับ555 มีแล้วต้องใช้ให้คุ้ม

    เมื่อวานพอบอกให้เม้นคุยกันได้ก็คุยกันจริงจังมากครับ รวมๆเม้นหลักเม้นย่อยน่าจะเกือบร้อย
    คือมีเม้นหนึ่ง ตอบกลับกัน50กว่า555 ดาชบอร์ดกระตุกสามรอบอะ
    สนุกมากๆ ไม่นึกว่าแบบนิยายเราจะมีคนอ่านที่บันเทิงขนาดนี้

    มีเรื่องจะขยายความหน่อย อย่างแรกคือเรื่องของคลับครับ ที่ในเรื่องเรียกว่าเฮนดริน่าคลับ
    ซึ่งในแนะนำตัวละครเนี่ยเขาเขียนว่าเล้าจน์ครับ
    ถามว่ามันมีประเด็นอะไร คือจะขออธิบายว่า คลับ ผับ บาร์
    ของไทยกับสากลมีการให้ความหมายของแต่ละคำที่ต่างกันพอสมควรครับ
    คือชื่อประเภทของสถานบันเทิงมันเยอะมากครับ ยิบย่อยเลยล่ะ แต่จะขอพูดแค่หลักๆนะ
    1. อย่างบาร์ แบบบอลจอยท์งี้ อันนี้ไม่เท่าไรครับ
    เพราะบาร์เข้าใจตรงกันว่าคือสถานที่ดื่ม พบปะเพื่อนฝูง เน้นแอลกอฮล์ เด่นที่คอนเซปท์ร้านและค็อกเทล
    ไม่ได้มีดนตรีจริงจังหรือเสียงเฮฮามาก สงบๆหน่อย
    2. คาเฟ่ สำหรับคนไทยคือร้านกาแฟและขนม แต่ตะวันตกคือร้านที่ขายกาแฟ ไวน์ เบียร์ และมีพวกแซนวิชกับสลัด
    3. ผับ ส่วนมากคนไทยหมายถึงที่ไปเต้นแบบตื๊ดๆน่ะครับ
    แต่สำหรับตะวันตก ผับคือร้านอาหารไว้สำหรับดื่มหลังเลิกงาน นั่งอ่านหนังสือพิมพ์ ดูบอล
    4. ส่วนคลับ ผับในภาษาไทยก็คือคลับในภาษาอังกฤษครับ ที่มีดีเจมิกซ์เพลงและเปิดแผ่น
    เพราะแบบนี้เขาถึงใช้คำว่าgo clubbingเวลาจะชวนใครไปตื๊ดนั่นแหละครับ
    5. ส่วนเล้าจน์เนี่ย มันจะฟิลกึ่งๆนั่งดริ้งค์หน่อย มีสาวนั่ง หิ้วกลับได้ตามราคาที่จ่าย
    ซึ่งปกติมันไม่ใช้คำที่ใช้โจ่งแจ้งแบบในไทย
    ผมเลยลดให้ร้านของทาเนียเรียกว่าคลับ และจะยึดการใช้ประเภทของสถานบันเทิงตามแบบนี้นะครับ
    เพราะนิยายเรามันที่แบ็คกราวน์ค่อนข้างสากลๆเนอะ

    อะไรที่รู้สึกว่าควรจะปรับความเข้าใจหรือพอเป็นความรู้นิดๆหน่อยๆที่ผมพอรู้ เคยอ่าน หรือเคยฟังมา
    ผมก็จะเอามาพูดตรงนี้นะครับ
    ถ้าไม่ชอบก็ขอโทษด้วย แต่ถึงไม่ชอบก็จะทำครับ555
    รู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหามนะครับ

    B
    E
    R
    L
    I
    N
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×