ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    BLOODY PARTY! (ดอง)

    ลำดับตอนที่ #5 : Chapter3 The return of the young maN

    • อัปเดตล่าสุด 7 ต.ค. 61


    ในห้องทำงานของชาลส์นั้นเงียบสนิทอยู่พักใหญ่แทบไม่มีเสียงอะไรเกิดขึ้นเลยการเคลื่อนไหวเดียวในห้องคือก้อนน้ำแข็งในแก้วบรั่นดีของชาลส์ที่ขยับจากการละลายเล็กน้อย เพราะชาลส์กำลังมองสำรวจร่างกายของแขกคนพิเศษของเขา ร่างกายของชายหนุ่มดูแข็งแรงขึ้นมากเมื่อเทียบกับครั้งล่าสุดที่พวกเขาทั้งสองคนได้เจอกัน และที่ทำให้ชาลส์หุบยิ้มไม่ได้จนถึงตอนนี้ก็เป็นเพราะเขาไม่คิดว่าจะได้เจอกับมินโฮอีกครั้งด้วยซ้ำ

    “คิดถึงฉันเหรอมินโฮ”

    ชาลส์พูดพร้อมลุกขึ้นไปนั่งข้างๆชายหนุ่ม เขาไม่ได้หวังคำตอบจากคำถามนั้นแต่หวังความกลัวจากแววตาของมินโฮมากกว่า

    “เอ...หรือคิดถึงอย่างอื่นกันนะ”

    ชาลส์พูดลอยๆพร้อมวางแขนโอบบ่าของมินโฮแต่มือของเขาก็ถูกจับไว้ทำให้ต้องยอมยกแขนออก

    “ผมอยากจะหางานสักหน่อยคุณชาลส์”

    “เหอะ ตอนฉันมีงานให้ไม่เห็นนายจะแคร์”

    ชาลส์บ่นก่อนยกแก้วบรั่นดีขึ้นมาดื่ม แม้เขาจะทำท่าทางเล่นตัวอยู่ไม่น้อยแต่ทุกคนก็รู้ดีว่าตอนที่มินโฮหนีไปจากที่นี่นั้นชาลส์คือคนที่ไม่แยแสอะไรมากที่สุด เขาไม่ไดมองมินโฮเป็นอะไรไปมากกว่าสินค้าเช่าที่ขายไปก็ไม่ได้ราคาเลย อาจจะเพราะมินโฮนั้นเป็นเด็กที่แก๊งค้ามนุษย์เอามาให้ชาลส์เพื่อขัดดอกค่าหนี้ที่ติดอยู่ก็เท่านั้น

    “อย่าเงียบสิ ตอนหนีไปฉันอุส่าไม่ให้ใครไปตามเก็บ เลยได้ใจกลับมารึยังไง”

    “...ผมขอโทษครับคุณชาลส์ ผมไม่ได้ได้ใจนะครับ แค่ตอนนี้ผมทำงานเป็นนักฆ่ารับจ้างอยู่ แต่อาจจะเพราะผมไม่ได้มีเส้นสายแบบคุณงานมันก็เลยไม่มากนัก”

    “ก็เลยจะกลับมาพึ่งเจ้านายเก่างั้นเหรอ”

    ชาลส์พูดแทรกประโยคของมินโฮที่ดูจะกำลังหนักใจทำให้เขาพยักหน้ารับแบบไม่ค่อยเต็มใจนัก

    “รู้ไหมฉันขนลุกมากๆเลยที่นายพูดสุภาพๆกับฉัน ฉันจำได้ว่าคำล่าสุดที่นายเรียกฉันตอนเด็กๆเนี่ยน่าจะเป็นไอ้สถุลหรืออะไรนี่แหละ”

    คำพูดของชาลส์นั้นทำให้มินโฮรู้ว่าเจ้านายเก่าของเขานั้นกำลังจะตอบปฏิเสธข้อเสนอที่มินโฮอุส่ามาถึงที่นี่ ห้องเงียบลงอีกครั้งและมินโฮก็ได้แต่มองชาลส์ที่จิบบรั่นดีในแก้วโดยไม่พูดอะไรก่อนที่เขาจะกลืนน้ำลาย

    “ช่วยหางานเพิ่มให้ผมหน่อยเถอะนะครับ ไม่ต้องให้ผมเขาเป็นคนของที่นี่ก็ได้”

    ชาลส์ยังคงนิ่ง เขาไม่ได้คิดอะไรในหัวไม่แม้แต่จะระแวง เพียงแค่เขาอยากรู้ว่ามินโฮจะต้องการงานจากเขาขนาดไหนก็เท่านั้น และภายใต้ใบหน้านิ่งเฉยของชาลส์นั้นเขากำลังสะกดกลั้นไม่ให้ตัวเองหลุดหัวเราะกับการกระทำของชายหนุ่มแม้ว่าเขาจะรู้สึกขำขนาดไหนก็ตาม

    “คุณชาลส์อย่าเงียบสิครับ ผมรวบรวมความกล้านานมากเลยนะครับเพื่อจะมาเจอคุณน่ะ”

    มินโฮพูด เขาเริ่มลังเลแล้วว่าจะแสดงออกแบบไหนเพื่อขอร้องชายตรงหน้าดีและพยายามใช้สมองนึกย้อนไปให้มากที่สุดเพื่อที่จะนึกให้ออกว่าชาลส์ในความทรงจำของเขานั้นเป็นคนที่ต้องเอาใจยังไงกันแน่ แต่เขาก็นึกไม่ออกเพราะในความทรงจำของเขานั้นชาลส์คือหนึ่งในคนที่เขาไม่เคยมองเห็นตัวตนอะไรเลยมากที่สุด

    “มินโฮ ฉันพูดจริงๆนะนายกลับไปดีกว่า เดี๋ยวโรแบร์โตกลับมาเมื่อไรคงทำอะไรที่นายไม่ชอบแน่”

    ชาลส์พูดเมื่อเห็นมินโฮใช้เวลาคิดนานเกินไปพร้อมเอื้อมไปเทบรั่นดีลงในแก้วเพิ่ม เขาอยากจะกัดขอบแก้วเพื่อสะกดอารมณ์ของตัวเองที่แทบจะระเบิดหัวเราะได้ตลอดเวลา และเขายิ่งรู้สึกอยากหัวเราะมากขึ้นเมื่อมินโฮยังคงเงียบอยู่แบบนี้โดยที่เขาไม่รู้เลยว่าคำพูดของเขานั้นมีคีย์เวิร์ดบางอย่างที่ทำให้ชายหนุ่มคิดวิธีที่จะขอร้องเขาออกแล้ว

    มินโฮจับแก้วในมือของชาลส์ที่ถือแก้วอยู่ก่อนจะกระดกบรั่นดีในแก้วนั้นทำให้ชาลส์ถึงกับนิ่งไปแต่ระหว่างที่ชาลส์ยังอึ้งอยู่นั้นมินโฮก็ใช้มือทั้งสองประคองแก้มของชาลส์ก่อนจะประกบจูบลงที่ปากของเขา แก้วในมือของชาลส์หลุดลงกระแทกกับพื้นจนแตกเพราะความตกใจของเขา เขาแทบไม่รู้รสของแอลกอฮอล์ที่ไหลเข้ามาในปากแต่เมื่อเขาตั้งตัวได้ก็เป็นจังหวะเดียวกับที่มินโฮถอยออกพอดี

    “เดี๋ยวนี้มีแต่คุณโรแบร์โตในหัวแล้วเหรอครับ”

    มินโฮถามด้วยรอยยิ้มบางๆแบบที่ชาลส์ไม่เคยเห็นทำให้ชาลส์หลุดหัวเราะเบาๆออกมาเพราะความขำทั้งหมดที่เขากลั้นไว้นั้นถูกความตกใจกระแทกหายไปหมดแล้ว

    “แค่พูดเพราะคนที่ต้องระวังโรแบร์โตน่าจะเป็นนาย แล้วก็เข้าใจซะใหม่ ฉันไม่พวกบ้ากามที่จะนอนกับลูกน้องของตัวเองไปทั่ว ฉันไม่ให้นายมาเป็นพนักงานของที่นี่แค่เพราะนายกล้าจูบฉันแบบนั้นหรอกนะ”

    ชาลส์พูด เขายังคงใจแข็งไม่ให้ชายหนุ่มเข้ามาทำงานที่นี่แต่เขาก็ไม่ได้ใจร้ายจนมองไม่เห็นความพยายามของมินโฮ และชาลส์เองก็ชอบเรื่องประหลาดใจมากกว่าใครๆ ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นก็นับว่าทำให้เขาแปลกใจได้มากที่สุดในรอบหลายเดือนทีเดียว ชาลส์จึงลุกขึ้นก่อนจะพูดกับมินโฮ

    “นายกลับไปได้แล้ว ถ้ามีงานอะไรที่นายพอทำได้ฉันจะโทรไปหา ทิ้งเบอร์ไว้ให้ด้วยก็แล้วกัน”

    คำพูดของชาลส์นั้นทำให้มินโฮยิ้มออกก่อนที่เขาจะทิ้งนามบัตรไว้แล้วขอตัวกลับ หลังจากชายหนุ่มกลับไปแล้วชาลส์ก็เดินออกมาจากห้อง บาร์ที่ไร้ลูกค้านั้นมีเพียงคนของเขานั่งอยู่นิดหน่อยและพวกเขาก็มองชาลส์ด้วยท่าทางแปลกใจ

    “ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อะไรน่ะชาลส์”

    มิซูกิถามด้วยความสงสัยแต่ชาลส์ก็ยังไม่ตอบอะไร เขากลับบอกให้บาร์เทนเดอร์ไปเก็บเศษแก้วในห้องของเขาแทน

    “ไอ้เด็กนั่นมันหาเรื่องบอสเหรอครับ”

    เสียงของชายอีกคนที่นั่งอยู่ด้วยพูดอย่างไม่พอใจ วิงที่อยู่กับชาลส์มานานรู้จักและรู้เรื่องของมินโฮเป็นอย่างดีและเขาก็รู้ดีด้วยว่าความพยศของมินโฮนั้นมากขนาดไหน

    “ใช่ วิง เขาเกือบฆ่าฉันแล้ว”

    ชาลส์พูดอย่างอารมณ์ดี เขาฉีกยิ้มกว้างพลางนึกถึงรสจูบของชายหนุ่ม ถ้าแก้วใบนั้นไม่ใช่ของเขาเองและชายหนุ่มที่เจตนาจะฆ่าเขาด้วยเครื่องดื่มเมื่อกี้เขาคงจะตายไปเสียแล้ว

    “เด็กนั่นโตขึ้นมากเลย ทำเอาฉันไม่ได้ตั้งตัวเลยล่ะ”

    “งั้นให้ผม...”

    “ใจเย็น ฉันชอบมัน มันดูมีประโยชน์กว่าสมัยก่อนมาก ปล่อยมันไปก่อน”

    ชาลส์ปรามวิงที่ดูจะเดือดร้อนแทนเขามากจนเกินไปพลางคิดในใจว่าเขานั้นไม่เคยคิดเลยว่าเด็กหนุ่มตัวผอมๆที่ถูกเอามาขัดดอกด้วยความไม่เต็มใจและหนีจากเขาไปเมื่อไม่กี่ปีก่อนจะกลับมาพร้อมกับร่างกายที่ดูสมราคานักฆ่าและกล้าเผชิญหน้าตรงๆกับเขาได้

     


    หลังจากออกมาจากบาร์แล้วมินโฮก็พยายามทำตัวปกติที่สุดจนเขาขับรถมาไกลพอที่จะรู้สึกว่าปลอดภัย ชายหนุ่มรีบหักรถจอดข้างทางในทันทีก่อนที่เขาจะลงจากรถเพื่อสงบสติแต่ดูเหมือนมันจะไม่เป็นผล มินโฮอาเจียนออกมา ในท้องของเขาปั่นป่วนไปหมด ตั้งแต่ก้าวแรกที่เดินลงบันไดหน้าทางเข้าบาร์ใจของเขาก็สั่นไม่หยุด ไม่ใช่เพราะเขาอ่อนแอหรือขี้ขลาดแต่ความหลังฝังใจนั้นมันไม่ง่ายเลยที่จะเผชิญหน้า และเมื่อเขาได้เจอกับชาลส์ เขาก็ยิ่งรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเพียงกวางที่กำลังจะถูกเสือขย้ำมากขึ้นไปอีก

    มินโฮยืนพิงต้นไม้ริมทางอยู่พักใหญ่ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรไปยังเบอร์ที่คุ้นเคย และปลายสายก็รู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้นเพราะเธอเป็นคนที่สั่งให้มินโฮทำเรื่องนี้ด้วยตัวเอง

    “สำเร็จไหม”

    ปลายสายถามด้วยเสียงที่ดูจริงจังเหมือนกับทุกๆวันที่ผ่านมาทำให้มินโฮแอบเสียดายที่อีกฝ่ายไม่คิดจะปลอบเขาเลย

    “แน่นอน ไร้ที่ติเลยล่ะ”

    มินโอตอบด้วยความมั่นใจทั้งที่จริงๆในใจเขาเกือบจะหลุดต่อยชาลส์ในใจไปหลายรอบแล้วก็ตาม เขาบอกกับปลายสายว่าชาลส์จะโทรมาหากมีงานและเขารู้ดีว่าคนแบบชาลส์นั้นไม่เคยรับปากใครลอยๆทำให้ปลายสายพอใจกับงานที่เขาทำสำเร็จอยู่พอสมควร แต่เธอก็ตัดสายไปโดยไม่ได้พูดอะไรต่อ มินโฮทิ้งตัวลงนั่งพิงต้นไม้อย่างหมดแรงทั้งที่เขาก็ไม่ได้ทำอะไรหนักหนามา เขามองถนนที่เงียบสงบอย่างเหม่อลอยไม่มีแม้รถสักคันที่จะวิ่งผ่านและความเงียบก็เริ่มทำให้จิตใจของเขานั้นฟุ้งซ่านไปตามเรื่องตามราว

    “เฮ้ ของแบบนี้มันจะได้ราคาสักเท่าไรกัน”

    เสียงของชายหนุ่มผมสีน้ำตาลเข้มสวมแว่นกันแดดถามด้วยท่าทางไม่พอใจ เด็กหนุ่มที่นั่งอยู่นั้นไม่รู้เลยว่าสายตาของเขาหลังแว่นกันแดดสีเข้มนั้นแสดงอารมณ์แบบไหนอยู่กันแน่ แต่เด็กหนุ่มกลับรู้ดีว่าในสายตาของชายฉกรรจ์ร่างใหญ่ที่พาเขามาที่นี่นั้นกลัวชายตรงหน้าขนาดไหน

    “น่า...คุณชาลส์ แค่อาทิตย์เดียวนะครับ ขอยืดไปอีกหน่อย”

    ชายร่างใหญ่ขอร้องราวกับผู้แพ้ทั้งที่คนที่เขากลัวนั้นดูจากภายนอกแล้วน่าจะอ่อนแอกว่าเขามาก เด็กหนุ่มได้แต่นั่งเงียบๆฟังการสนทนาของทั้งสอง ในหัวของเขายังคงว่างเปล่าไม่มีสิ่งใดนอกจากภาพของครอบครัวที่ถูกฉีกกระชาก แต่ในขณะที่เขายังคงนิ่งอยู่นั้นอยู่ๆก็มีเสียงตะโกนดังขึ้นทำให้เขาหลุดจากภวังค์ของตัวเอง

    “อย่า...อย่า! คะ..คุณชาลส์ เดี๋ยวก่อน!!

    ชายร่างใหญ่ถูกใครบางคนลากออกไปอีกทางแต่เด็กหนุ่มที่ไม่ได้ฟังบทสนทนาอย่างตั้งใจนั้นไม่รู้เลยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

    “วิง อย่าให้เลอะเทอะนักล่ะ”

    ชายในชุดสูทพูดก่อนจะหันมามองเด็กหนุ่มด้วยรอยยิ้มที่ยากจะบอกว่าเขากำลังอยู่ในอารมณ์ไหนกันแน่

    “นายชื่ออะไร”

    “ค..คุณ...คุณคะ คุณชื่ออะไร ให้ฉันตามรถพยาบาลไหม”

    เสียงใสๆของใครบางคนทำให้มินโฮสะดุ้ง เขาหลุดจากภวังค์ของตัวเองและมองเห็นใบหน้าของหญิงสาวที่จับบ่าของเขาไว้ทำให้เขาปัดมือเธอออกในทันที

    “ไม่... ไม่ ขอบคุณ”

    เขาพูดก่อนจะลุกขึ้นทำให้เธอถอนหายใจอย่างโล่งอก

    “สีหน้าคุณไม่ดีเลยนะคะ ถ้ายังไงฉันมียาแก้เมาค้างในรถ คุณจะเอาหน่อยไหมคะ”

    “ไม่ล่ะครับคุณสกาเล็ต

    มินโฮตอบหญิงสาวในชุดกาวทำให้เธอตกใจที่เขาเรียกชื่อของเธอแต่ก่อนสกาเล็ตจะถามอะไรเขาก็ใช้นิ้วชี้ที่ป้ายเล็กๆบนอกของเธอ

    “ฮะๆ ท่าทางจะไม่ได้เมาจริงๆนะคะเนี่ย”

    “ผมดูเหมือนคนเมาเหรอ”

    “แล้วคนประเภทไหนจะมานั่งข้างถนนหลังเที่ยงคืนบนถนนเส้นที่เป็นกลับจากย่านท่องราตรีล่ะคะ”

    สกาเล็ตพูดติดตลกทำให้มินโฮกรอกตาเล็กน้อยและคิดว่าเขาอาจจะเหมือนวัยรุ่นเสเพลสักคนที่เพิ่งกลับจากผับจริงๆก็ได้

    “แล้วคุณล่ะครับ ใส่ชุดกาวเที่ยวผับเหรอ”

    “ถ้าฉันตอบว่าใช่ล่ะคะ”

    “คุณก็คงต้องกินยาแก้เมาค้างนั่นแล้วล่ะครับ”

    “ฮะๆๆ ไม่หรอกค่ะ ฉันแค่กำลังจะไปทำงาน”

    สกาเล็ตตอบทำให้มินโฮนึกสงสัยว่างานอะไรกันที่จะต้องออกไปทำตั้งแต่ตีสี่ครึ่งแต่ดูเหมือนชุดกาวของหญิงสาวจะตอบคำถามของเขาในตัวเรียบร้อยแล้ว

    “ผมนี่โชคดีจริงๆนะครับ ที่ไม่ถูกใครมาฆ่าตายแถวนี้ก่อนที่คุณจะมาเจอ”

    “ฉันว่าถ้าคุณอยู่ตรงนั้นคงไม่มีใครฆ่าคุณได้ดีกว่ายุงหรอกค่ะ”

    “ฮะๆๆ นั่นสินะครับ”

    “งั้นฉันขอตัวนะคะ คุณไม่เป็นไรแล้วนี่นา”

    “ครับ แล้วพบกัน”

    มินโฮพูด เขาก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเขาถึงพูดแบบนั้นแต่มันทำให้คู่สนทนาของเขาหัวเราะเล็กน้อย

    “ฉันคงไม่พูดว่าแล้วพบกันกับคนที่ไม่ชื่อหรอกนะคะ”

    “แต่ผมรู้ชื่อคุณนะ”

    มินโฮตอบด้วยรอยยิ้มและสกาเล็ตก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับ เธอแค่เดินไปขึ้นรถของตัวเองแล้วขับออกไปปล่อยให้ชายหนุ่มยืนนิ่งอยู่พักหนึ่งแล้วเขาก็ตบเข้าที่ไหล่ของตัวเองก่อนจะรำพึงเบาๆ

    “ยุงเยอะชะมัด”

     Ã Â¸Å“ลการค้นหารูปภาพสำหรับ line png
    คุยกันแป๊บ

    ตอนแรกว่าจะลงพรุ่งนี้ แต่ได้สิ่งที่ต้องการแล้วก็เลยลงต่อเลยครับ
    คือวันนี้อยู่บ้านคนเดียวอะ อย่างเหงา
    ไม่รู้จะทำอะไรด้วย
    ฟุ้งซ่านๆสุดๆ55 นี่ยังนั่งโง่ๆคิดแค่จะกินอะไรดีเย็นนี้อยู่เลย
    คอมเม้นคุยกันได้นะครับ
    อย่าลืมให้กำลังใจกันหน่อยนะ
    หรือจะเดาก็ได้นะครับว่าตอนหน้าจะเกี่ยวกับอะไร
    แต่ผมเป็นคนเล่าไม่ต่อเนื่องเท่าไรอะนะ555

    B
    E
    R
    L
    I
    N
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×