คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : DRUG 1 หัดช่วยตัวเองซะ
DRUG 1 หัดช่วยตัวเองซะ
เด็กหนุ่มตื่นขึ้นมาในตอนเช้าบนเตียงในห้องโทรมๆแคบๆของตัวเอง
เขาลุกขึ้นนั่งแล้วหันซ้ายหันขวาเล็กน้อยก่อนจะถอนหายใจเมื่อนึกถึงฝันประหลาดเมื่อคืนนี้
เขาคิดว่ามันคงเป็นเพราะเมื่อวานเขาเครียดมากเขาเลยฝันไปว่าตัวเองได้กระโดดลงมาจากตึกสูง
เจย์หันไปมองนาฬิกาที่บอกเวลาสี่ทุ่มของวันเสาร์
มันทำให้เขาดีดตัวออกจากเตียงแล้วคิดว่าอะไรกันที่ทำให้เขานอนหลับตั้งแต่คืนวันศุกร์ข้ามมาถึงตอนนี้ได้
แต่ก่อนที่เขาจะรีบลุกออกจากห้องก็มีเสียงดังขึ้น
“นอนกินบ้านกินเมืองเกินไปแล้วไอ้ขยะสังคม”
เสียงน่ารักๆที่เหมือนกับเสียงของเด็กผู้ชายดังขึ้นทำให้เจย์หันไปตามเสียงนั้น
ก้อนกลมสีขาวนั้นมีลักษณะทางกายภาพที่ยากจะบอกว่ามันคืออะไร
เพราะมันเป็นก้อนสีขาวที่เหมือนจะเป็นเยลลี่แต่ก็เหมือนจะเป็นแป้งหรืออะไรบางอย่าง
โดยรวมแล้วมันค่อนข้างอธิบายยากทีเดียว
แต่สสารรูปร่างประหลาดนี้กลับคุ้นตาราวกับหยุดออกมาจากความฝันของเจย์
“มองหาพ่อมึงเหรอ จะไปทำห่าอะไรก็ไปสิเจ้างั่ง”
เสียงนั้นยังคงดังออกมาจากปากที่ดูเหมือนยิ้มนั่นโดยที่ปากไม่มีการขยับเลยแม้แต่น้อย
ดวงตากลมโตน่ารักจ้องมองมาที่เจย์ที่ยังคงสับสนอย่างไร้อารมณ์ก่อนที่มันจะลอยเข้ามาใกล้เขาทำให้เขาพยายามถอยหนีก่อนจะล้มลง
“นะ...นี่มันฝันบ้าอะไรเนี่ย”
“ฝันเรอะ? บ้ารึเปล่าไอ้มนุษย์ มึงตื่นแล้วนี่ไง”
ก้อนกลมๆทีลอยอยู่นั้นพูดเมื่อเห็นเจย์พยายามหยิกแก้มของตัวเองก่อนที่มันจะเล่าว่าการฆ่าตัวตายของเจย์นั้นไม่ใช่ความฝันและมันนั้นคือพระเจ้า
“แล้ว...ทำไมผมต้องมีชีวิตอยู่ต่อด้วยล่ะ”
“เพราะตายในวันที่ฉันไม่ต้องการ ก็แค่นั้นแหละ”
ก้อนกลมที่อ้างตัวว่าเป็นพระเจ้าพูดก่อนจะเปล่งแสงเป็นประกายออกมาแล้วกลายเป็นเด็กหนุ่มผู้มีผิวสีขาวซีด
ผมสีขาว สวมเสื้อสีขาว และแม้แต่ดาดำของเขาเองก็เป็นสีขาว
“มึงบังอาจมาตายในวันที่กูกำลังอารมณ์ดี”
เด็กหนุ่มแปลกประหลาดพูดพร้อมกับเหยียบอกของเจย์ที่ล้มอยู่กับพื้นให้ติดผนังห้อง
“แล้วยังไม่ยอมตื่นมาฟังคำอธิบายรอบแรกอีก”
ทุกสิ่งที่เขาพูดนั้นไม่ทำให้เจย์เข้าใจอะไรมากขึ้นเลยแม้แต่น้อย
มันกลับทำให้เจย์ยิ่งสับสนเข้าไปใหญ่เสียมากกว่า
“กูจะบอกให้นะไอ้ขยะ
ตอนนี้จอมมารกำลังจะวางแผนยึดครองโลกครั้งหนึ่งหมื่นสามพันสี่ร้อยห้าสิบเจ็ดและโลกของพวกแกจะต้องวิบัติแล้วตกอยู่ภายใต้เงามืด
สำหรับพระเจ้าอย่างกูแค่ดีดนิ้วไอ้จอมมารห่านั่นก็หลับได้แล้ว
แต่พวกมึงต้องหัดรับผิดชอบโลกของตัวเองซะบ้าง จะให้กูนั่งช่วยพวกมึงตลอดได้ไงวะ?! เพราะงั้นถึงเวลากู้โลกแล้วโว้ย!!”
เด็กหนุ่มด่ากราดพร้อมกับเพิ่มแรงกดที่เท้า
“แล้วผมจะช่วยโลกได้ไงเล่า”
เจย์ถามกลับทำให้อีกฝ่ายยกเท้าออกแล้วถอนหายใจ
ก่อนที่จะพูดด้วยท่าทางที่ดูสงบลงเล็กน้อย
“ฉันให้พลังของฉันกับแกไปแล้ว
ถึงมันจะเป็นแค่หนึ่งส่วนล้านของพลังของฉันทั้งหมดก็เถอะ แกจะใช้มันได้ถ้าแกแตะที่ตราของฉันบนตัวแก
ก็แค่นั้นแหละ ไปรับผิดชอบชีวิตตัวเองได้แล้ว”
เด็กหนุ่มแปลกประหลาดพูดเพียงแค่นั้นก่อนจะหายตัวไปในทันที
ทำให้เจย์ที่ยังคงสับสนทำอะไรไม่ได้นอกจากตั้งสติแล้วกลับไปนอนบนเตียงของตัวเอง
นาฬิกาบอกเวลาตีสองเด็กหนุ่มยังคงนอนไม่หลับ
เขาไม่มั่นใจว่าเขาบ้าไปแล้วหรือนี่คือฝันร้ายกันแน่
สุดท้ายแล้วเจย์จึงลุกขึ้นแล้วหยิบเสื้อกันหนาวสีแดงที่มีอยู่ตัวเดียวมาสวมแล้วออกไปข้างนอก
จุดหมายปลายทางเดียวที่เขานึกออกในเวลานี้คือร้านสะดวกซื้อเปิดยี่สิบสี่ชั่วโมงที่อยู่ถัดไปจากบ้านของเขาประมาณครึ่งกิโลเมตร
เจย์นั้นเข้าไปซื้อไอศครีมก่อนจะเดินไปนั่งเล่นในสวนสาธารณะที่อยู่ไม่ไกลนัก
แต่ระหว่างที่เขากำลังนั่งเบื่อๆอยู่นั่นเองเขาก็รู้สึกเจ็บที่ต้นคอขึ้นมา
ความเจ็บนั้นเป็นความรู้สึกที่แปลก
มันเจ็บในระดับที่เขาทนได้เหมือนกับว่าถูกมดกัดหลายๆตัวพร้อมกันและมันยังรู้สึกยิบๆอยู่ที่คอของเขาไม่หยุดแม้เขาจะลอยเกาหรือลูบมันก็ตาม
“เฮ้ มานั่งอยู่ตรงนี้คนเดียวได้ยังไงเนี่ยหนุ่มน้อย”
เสียงของใครบางคนดังขึ้นจากด้านหลังก่อนที่ขาของเจย์จะถูกกระชากทำให้เขาล้มหน้าฟาดกับพื้นอย่างจัง
เจย์มองไปที่ข้อเท้าของเขา มันถูกสิ่งเหมือนกับเถาวัลย์สีเขียวพันไว้ แต่ก่อนที่เขาจะได้พิจารณาอะไรมากกว่านั้นเขาก็ถูกมันลากเข้าไปใกล้ขึ้นช้าๆก่อนจะถูกยกขึ้นกลางอากาศอย่างรวดเร็ว
เจย์ที่ถูกยกห้อยหัวอยู่นั้นพยายามมองลงไปด้านล่าง
สิ่งที่เขาเห็นคือต้นไม้ขนาดใหญ่มีปากอยู่ตรงกลาง
เขากำลังจะโดนหย่อนลงไปในปากกว้างๆที่มีฟันแหลมคมทับซ้อนกันอยู่หลายชั้น
แต่ก่อนที่เขาจะถูกกินเถาวัลย์ที่รัดข้อเท้าของเขาอยู่ก็ขาดพร้อมใครบางคนที่กระโดดคว้าเขาไปอีกทาง
ก่อนที่เขาจะตกลงไป เขาหันกลับไปมองต้นไม้แปลกประหลาดนั่นอีกครั้ง แต่ตอนนี้กลับมีไฟสีดำลุกท่วมไปหมดพร้อมกับเสียงกรีดร้องที่ดังสนั่นไปทั่ว
“เสียงดังชิบหาย ไปได้แล้วคุโระ เดี๋ยวมีคนมา”
ชายร่างสูงแปลกหน้าแต่งตัวด้วยเสื้อที่ทำจากกำมะหยี่และโค้ทยาวสีดำสนิทพูดพร้อมกับเสยผมของตัวเอง
ดวงตาสีเหลืองใต้หน้ากากสีขาวนั้นมองมาที่ชายหนุ่มที่ประคองร่างของเจย์อยู่ก่อนที่จะรีบวิ่งออกไป
ชายแปลกหน้าอีกคนที่สวมหน้ากากครึ่งหน้า และแต่งตัวเหมือนพวกไม่เต็มบาทพอๆกันวิ่งตาม
แต่เพราะอะไรก็ไม่อาจทราบได้เขากลับดึงร่างของเจย์ที่ยังมึนงงไปด้วยก่อนที่ทั้งสามจะมาหยุดที่ซอยเปลี่ยวแห่งหนึ่ง
“ถอดชุด”
ชายร่างสูงพูดก่อนจะมีแสงสว่างวาบขึ้นรอบตัวเขาแล้วชุดพิลึกๆของเขาก็กลับกลายเป็นชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์ธรรมดารวมถึงหน้ากากของเขาก็หายไปด้วย
“ให้ตายดิ
ถ้าฉันไม่ทำงานดึกคงไม่รู้ตัวหรอกนะ...อ๊ะ”
เขาหันกลับมามองเพื่อนของตัวเองแล้วชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นเจย์ที่ถูกอีกคนหนึ่งลากมาด้วย
ชายแปลกหน้าทำตัวไม่ถูก เขาหันกลับไปทางเดิมก่อนจะถามขึ้น
“คุโระ นายลากหมอนั่นมาทำไม”
เขาถามโดยไม่หันมามอง
ดูเหมือนเขาจะไม่อยากให้ใครเห็นหน้าเสียเท่าไร
“ไม่เป็นไรหรอกคุณทอมัส เขาเป็นพวกเรา”
คุโรเซะพูดพร้อมกับถอดชุดของตัวเองออกในลักษณะเดียวกันกลับเป็นชุดไปรเวทธรรมดาๆ
และเผยใบหน้านิ่งเฉยของเขาที่ไร้หน้ากากปกปิดให้เจย์เห็น
ทอมัสหันกลับมาเมื่อได้ยินคำพูดของคุโระเซะ ก่อนจะมองไปที่คอของชายหนุ่ม
ตราสีดำคล้ายรอยสักที่มีรูปร่างคุ้นตาทำให้เขาถอนหายใจออกอย่างโล่งอกก่อนจะพูดต่อ
“แล้วทำไมนายไปนั่งให้ไอ้ตัวพิลึกนั่นกินล่ะเนี่ย
ถ้ารู้ว่าพวกเดียวกันฉันคงให้จัดการเองไปแล้ว”
“คะ..คุณพูดอะไร ผมจะไปจัดการมันได้ยังไง”
คำพูดและท่าทางสับสนของเจย์นั้นทำให้คุโรเซะและทอมัสมองหน้ากันอย่างช่วยไม่ได้
“เฮ้อ สรุปพระเจ้าบอกนายแค่นั้นเหรอเนี่ย”
ทอมัสกุมขมับเมื่อฟังเรื่องที่เจย์เล่า ในขณะที่เจย์ยังนั่งตัวเกร็งอยู่บนโซฟาราคาแพงที่คอนโดราคาสูงลิบของทอมัส
“เจ้าก้อนกลมนั่นเอาแต่ใจจริงๆ”
คุโรเซะพูดพลางจิบชาที่ทอมัสชงมาให้
ทอมัสค่อยๆเล่ารายละเอียดต่างๆที่จริงๆพระเจ้าก็ไม่ได้ให้พวกเขามามากมายนัก
พระเจ้าเรียกพวกเขาว่าหนุ่มน้อยเวทมนตร์ พวกเขาถูกเลือกจากชายหนุ่มที่ตายภายในสัปดาห์ที่ผ่านมาเพื่อสู้กับจอมมารโดยที่พระเจ้าอ้างว่ามนุษย์ควรพึ่งพาตัวเองเสียบ้าง
โดยทุกคนนั้นอยู่ในเมืองนี้ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศที่ทรงอิทธิพลที่สุดแห่งหนึ่งของโลก(ขี้เกียจตั้งชื่อ)
แต่พวกเขานั้นไม่รู้ว่ามีทั้งหมดกี่คน หรือแต่ละคนเป็นใครบ้าง และคุโรเซะกับทอมัสเองก็เจอกันโดยบังเอิญเท่านั้น
โดยปกติแล้วปีศาจจะไม่มีกลิ่นอายของมนตร์ดำจนกว่ามันจะใช้พลัง
และเมื่อมีพลังด้านมืดอยู่ใกล้ๆในรัศมีสิบเมตรพวกเขาจะรู้สึกเจ็บแปล๊บเบาๆที่ตราของตัวเอง
แต่หากมีปีศาจออกอาละวาดจะมีการแจ้งเตือนผ่านของติดตัวที่คล้ายตลับกระจกพับรูปร่างเป็นแป้นกลมๆ
โดยปกติมันจะเป็นกระจกธรรมดาแต่เมื่อมีเหตุร้ายมันจะสั่นเตือนจนกว่าจะถูกเปิดออกและส่วนที่เป็นกระจกจะกล้ายเป็นแผนที่นำทาง
ซึ่งเจย์เองก็มีเพียงแค่เขาไม่รู้และทิ้งมันไว้บนเตียงเท่านั้น
พวกเขาสามารถใช้พลังตอนที่ไม่แปลงร่างได้แต่มันจะมีพลังแค่หนึ่งในสามของพลังจริงเท่านั้น
ในการแปลงร่างนั้นก็ไม่ได้มีอะไรซับซ้อนเพียงแค่พูดว่าแปลงร่างเมื่อต้องการและพูดถอดชุดเมื่อต้องการถอดก็เท่านั้น
ชุดนั้นสามารถขาดได้หากถูกทำให้เสียหายแต่เมื่อพวกเขาแปลงร่างอีกครั้งมันก็จะกลับสู่สภาพเดิมของมันเอง
ชุดนั้นไม่สามารถโจมตีได้ด้วยสิ่งที่ไม่ใช่เวทมนตร์เช่นกระสุนปืนหรือมีด
แต่หากสิ่งที่โจมตีมีการเจือปนของเวทมนตร์หรือปีศาจเพียงนิดเดียวมันก็สามารถเสียหายได้
หน้ากากเองก็เช่นกันที่ต้องถอดโดยผู้สวมหรือคนที่ใช้เวทมนตร์ได้เท่านั้น
“นี่...ผมต้องเผชิญอะไรบ้างครับเนี่ย”
เจย์ถามเมื่อฟังคำอธิบายของทอมัสหมด สีหน้าเขานั้นดูไม่เต็มใจที่จะรับพลังนี้นัก
แต่ทอมัสก็ยืนยันว่าเขาไม่มีทางทำอะไรกับประสงค์ของพระเจ้าหัวร้อนได้หรอก
“ฉันกลับล่ะ”
คุโรเซะพูดขึ้นเมื่อเห็นนาฬิกาบอกเวลาตีสามกว่า เขาต้องรีบกลับก่อนที่คนที่บ้านจะตื่น
และเพียงแค่กล่าวลาเสียงปิดประตูก็ดังขึ้นเสียแล้ว
“ฉันไปส่งไหมเจย์ หรือจะค้างที่นี่ก็ได้นะ”
ทอมัสถามด้วยรอยยิ้มใจดีแต่เจย์ก็ส่ายหน้า เขายังเกรงใจที่จะค้างในบ้านของคนที่เพิ่งรู้จักกันเช่นนี้ ทอมัสจึงไปส่งเขาที่บ้านและบอกเขาว่าควรจะหาอะไรมาปิดคอของเขาเสียหน่อย
ความคิดเห็น