คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Chapter2 Bar at the basemenT
ตึกๆๆๆ!
เสียงฝีเท้าหนักวิ่งไปตามทางเล็กๆในเวลากลางคืนที่เงียบสงัดนั้นดูดังและไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเลยแม้แต่น้อย
ชายร่างใหญ่กำยำผู้มีรอยแผลบนใบหน้านั้นดูแล้วไม่เหมือนคนที่จะมาวิ่งหนีใครด้วยอาการหืดหอบเช่นนี้
แต่เขาก็ต้องหนีเพราะคนที่ตามเขาอยู่นั้นอยู่คนละระดับกับเขาอย่างชัดเจน
เขายังคงยิ่งเข้าไปในตรอกซอกซอยเรื่อยๆแม้จะไม่มีเสียงของใครตามมาด้านหลัง
ที่ที่ปลอดภัยที่สุดของเขาในตอนนี้คือที่ไหนก็ได้ที่มีผู้คนพลุกพล่าน
แต่สำหรับเวลาตีสองเศษแบบนี้การจะวิ่งไปจนถึงแหล่งเที่ยวกลางคืนด้วยขาที่อ่อนล้านั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
สุดท้ายแล้วเขาก็ตัดสินใจวิ่งไปอีกทาง ชายร่างใหญ่ลัดเลาะไปตรอกเล็กๆเพื่อไปยังสถานที่ที่เขาไม่เคยคิดว่าจะต้องไปพึ่งพิง
เขาวิ่งไปจนถึงที่หมาย
บาร์ขนาดเล็กที่มีทางเข้าเป็นตรอกบันไดลงไปชั้นใต้ดินนั้นมีเสียงกระดิ่งดังขึ้นเมื่อผู้มาเยือนเปิดประตูเข้าไป
ทุกสายตาในร้านมองเขาเป็นตาเดียวก่อนที่เขาจะนั่งลงที่เคาน์เตอร์บาร์
“แม็คเดอะไนฟ์(Mack the
Knife)ที่หนึ่ง”
เขาสั่งกับบาร์เทนเดอร์ด้วยท่าทางที่เหนื่อยอ่อนก่อนที่บาร์เทนเดอร์จะผายมือไปทางประตูที่อยู่ข้างๆเคาน์เตอร์เป็นสัญญาณให้เขาเข้าไปได้
ชายร่างใหญ่ไม่รอช้ารีบลุกและเดินเข้าไปในห้องนั้นทันที เขาปิดประตูแล้วนั่งลงบนโซฟาหนังสีแดงเข้มตรงข้ามกับชายสวมแว่นกันแดดในชุดสูทสีขาวสะอาด
“มีอะไรให้รับใช้ครับ”
ชาลส์ถามด้วยรอยยิ้มและรอให้อีกฝ่ายหายใจให้พอก่อนจะตอบคำถามของเขา
“ผมหนีแก๊งค้ายาบลูฮาวายอยู่
อยากได้คนคุ้มกันจนถึงสนามบินหน่อย”
“อ๋อ เรื่องแค่นี้เอง
ได้สิครับ แล้วจ่ายเองหรือหัวหน้าจ่ายให้ล่ะครับ”
ชาลส์ถามพลางจดรายละเอียดลงกระดาษอย่างใจเย็นเพราะด้านหลังประตูไม้ในห้องของเขานั้นอาจจะเป็นที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับใครก็ตามที่กำลังหาทางรอดอยู่
“ผมโทรบอกหัวหน้าไว้แล้วครับ
เขาจะเอาเงินมาให้เท่าที่คุณต้องการ”
“ขอสักสองแสนมาลิค(สกุลเงินไอเดน
1มาลิคเท่ากับ25บาท)ก็พอครับ แค่วันเดียวใช่ไหมล่ะครับ”
“ครับ
พอถึงเช้าผมจะไปทันทีเลย”
ชาลส์พยักหน้าก่อนจะบอกให้เขานั่งรอที่นี่ไปจนกว่าจะถึงเช้า
ก่อนที่เขาจะเดินออกมาจากห้องทำงานของตัวเอง แต่เมื่อเขาปิดประตูลงแล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อหันไปเจอหญิงสาวผมสีฟ้าสว่างยืนรออยู่พร้อมกระเป๋าหูหิ้วใบใหญ่และเธอได้โยนกระเป๋านั่นลงมาที่ปลายเท้าของเขา
“5แสนจะพอซื้อแม็คเดอะไนฟ์สักแก้วไหมคุณชาลส์”
นาตาลีถามพร้อมยกยิ้มเล็กๆทำให้ชาลส์ต้องส่ายหน้าเบาๆแต่เขาก็ไม่ได้ปฏิเสธเธอ
ชาลส์ดีดนิ้วเรียกหญิงสาวที่นั่งเบื่อๆรองานอยู่ที่เคาน์เตอร์บาร์ให้จัดการกับเรื่องนี้ให้เขา
เธอลุกออกจากเก้าอี้กลมที่เธอนั่งอยู่เป็นชั่วโมงก่อนจะเดินเข้าไปในห้องทำงานของชาลส์ในทันที
“นั่งด้วยกันหน่อยไหมครับคุณนาตาลี
ไม่สิ คุณบลูฮาวาย”
ชาลส์กล่าวชวนพร้อมกับก้มลงหยิบกระเป๋าใส่เงินของนาตาลี ประตูห้องทำงานสีน้ำตาลเข้มถูกเปิดออกอีกครั้งแต่กลับไม่มีใครอยู่ด้านใน
ไม่มีแม้แต่คราบเลือด
แม้จะแปลกใจแต่มันก็ไม่ได้ทำให้หญิงสาวถามอะไรและเดินเข้าไปด้านใน
“ขอเหล้าแรงๆเอาใจลูกค้าที่รักของฉันหน่อย
ยกเข้ามาให้ด้วยนะ”
ชาลส์สั่งทำให้บาร์เทนเดอร์พยักหน้ารับก่อนที่เขาจะปิดประตูห้องลง
ชาลส์ทิ้งตัวลงนั่งตรงข้ามหญิงสาวที่นั่งไขว่ห้างและวางแขนทั้งสองลงที่ขอบพนักพิงของโซฟาวางอย่างวางมาด
“ว่าแล้วว่ามันต้องมาที่นี่
ลูกน้องของพวกค้ายาในชิลี มันจ้องจะยึดตลาดแถวนี้อยู่รอมร่อ”
นาตาลีพูดด้วยท่าทางนิ่งๆแต่ก็แฝงด้วยความไม่พอใจ
“ฮะๆๆ
แต่ดันมามีคู่แข่งที่เป็นพวกกัดไม่ปล่อยแบบพวกคุณสินะครับ
แต่ช่วงนี้มันเป็นช่วงเสี่ยงนะครับ
ถึงคู่แข่งจะลดอย่างรวดเร็วแต่ก็ต้องมาระแวงพวกสุนัขรับใช้ประธานาธิบดีพวกนั้นอีก”
ชาลส์พูดและเว้นวรรคเมื่อบาร์เทนเดอร์ยกเครื่องดื่มเข้ามาให้
และเริ่มพูดต่อเมื่อเสียงปิดประตูเงียบลง
“แต่มีข่าวมาว่าได้สมาชิกใหม่อีกแล้วนะครับ”
“หืม?
ใครบ้าไปเข้าไอ้หน่วยปัญญาอ่อนนั่นกัน”
นาตาลีถาม
แม้ว่าดูเหมือนเธอจะไม่ค่อยสนใจพวกเจ้าหน้าที่พิเศษที่มาคอยจัดการกับอาชญากรแต่เธอก็อยากรู้เรื่องนี้ไว้บ้าง
สำหรับอาชญากรแล้วทีมเอ็มไม่ใช่ยอดคนอะไร
พวกเขาเป็นแค่เจ้าหน้าที่ที่อยู่สูงกว่าตำรวจขึ้นไปหนึ่งขั้นก็เท่านั้น
อีกทั้งการเข้าทีมเอ็มนั้นก็เป็นเรื่องที่ไม่ได้เกินความสามารถของพวกศักยภาพสูงๆสักคนด้วยซ้ำ
สอบยิงปืน ต่อสู้ เรียกว่าไม่มีอะไรที่เรียกร้องความสนใจของนาตาลีได้เลยแม้แต่น้อย
“ก็ไม่ใช่คนอันตรายอะไรหรอกครับ
ผมว่าออกจะธรรมดาด้วยซ้ำ”
“ถ้านายว่าอย่างนั้นก็โอเค
ฉันไม่สนใจพวกนั้นหรอก
ถึงตอนตั้งขึ้นมาเมื่อหลายปีที่แล้วจะบอกว่าเอาไว้ไล่เก็บพวกเราก็เหอะนะ
แต่ก็ไม่เห็นจะมายุ่งกันเลยนี่”
นาตาลีพูดและยอมรับว่าตอนที่ประกาศตั้งทีมนี้ใหม่ๆเธอเองก็กังวลอยู่ไม่น้อย
แต่ชาลส์กลับตรงกันข้าม
เขากังวลกับสถานการณ์ตอนนี้มากกว่าวันแรกที่พวกนั้นโผล่เข้ามาในรายชื่อหน่วยงานซะอีก
“คุณชอบสงครามเย็นเหรอครับ
ตรึงกันไปกันมาแบบนี้ อย่างกับเล่นเกมจ้องตาเลยนะครับ”
“เอาเถอะ
ฉันไม่ล้ำเส้นพวกนั้นอยู่แล้ว ข้อเสียของไอ้พวกนั้นก็คือมีคนน้อยนี่แหละนะ
ทำทีละสามสี่คดี ชาตินี้ก็ไม่จบหรอก ปล่อยให้มันไล่เก็บคนอื่นให้เต็มที่เถอะ”
“แหม...ถ้าพูดแบบนั้นก็แย่สิครับ เพราะมีข่าวว่าเร็วๆนี้พวกเขาจะเริ่มลงมือเรื่องยาเสพติดในเขตเหนือแล้วนะครับ”
“ใครบอกนายอีกล่ะ
ทำตัวรู้ไปซะทุกอย่างอย่างกับเป็นหมอดูตลอดเลยนะ”
นาตาลีถามอย่างสงสัยเพราะชาลส์มักจะรู้เรื่องของคนอื่นไปทั่วก่อนใครอยู่บ่อยๆ
แม้แต่เรื่องที่แทบเป็นไปไม่ได้ที่จะรู้
“ผมมีผู้ช่วยที่น่ารักอยู่น่ะครับ”
“ฉันล่ะอยากได้ผู้ช่วยคนนั้นของนายจริงๆเลยนะ”
“เสียใจด้วยนะครับ
พอดีเขาไม่รับงาน”
“รู้น่าชาลส์
คุยเรื่องอื่นเถอะ”
นาตาลีเบี่ยงประเด็นเพราะจริงๆแล้วเธอก็ไม่ได้สนใจนักหาข้อมูลที่คอยคาบข่าวมาบอกชาลส์เสียเท่าไร
ก็แค่แซวไปตามเรื่องตามราว
“ฉันอยากจ้างโรแบร์โตหน่อยน่ะ
พอมีคิวให้เร็วๆนี้ไหม”
“มีแน่ครับ
แต่ต้องหลังจากเขากลับจากฝรั่งเศสซะก่อนนะครับ”
“เมื่อไร”
คำถามของลูกค้าทำให้ชาลส์รีบหยิบสมุดจดของตัวเองขึ้นมาเปิดดูแต่เขาก็ยักไหล่ตอบคำถามนั้นไปในที่สุด
“พอดีเป็นงานของลูกค้าแสนรักของผมคนหนึ่งน่ะครับ
ไม่มั่นใจว่าจะกลับตอนไหน แต่ผมโทรถามให้ก็ได้นะครับ”
“ดี เดี๋ยวนี้เลย
ฉันก็อยากคุยกับมันอยู่”
ชาลส์ถอนหายใจกับความเอาแต่ใจของนาตาลีแต่เขาก็รีบกดโทรศัพท์เพื่อโทรหาลูกน้องของตัวเองและหวังว่ามันจะยังไม่นอนตอนนี้
และเพื่อความสะดวกชาลส์จึงกดเปิดลำโพงเอาไว้ด้วยเผื่อนาตาลีอยากจะพูดอะไรกะทันหัน
“ชะ..เชาว์(ภาษาอิตาลี:ciao)
โรแบร์โตพูดอยู่ครับ”
เสียงทักทายภาษาอิตาลีที่ดูเหมือนกำลังทำอะไรสักอย่างอยู่ทำให้ชาลส์ไม่มั่นใจว่ามันเกิดขึ้นเพราะปลายสายเพิ่งตื่นหรืออะไรกันแน่
“โรแบร์โต
จะกลับมาวันไหน มีลูกค้าจ่อจะเอาคิวนายอยู่นะ”
“อ๊ะ...อีกสามวันครับ
ผะ..ผมใกล้จะเสร็จแล้ว ขออีกสามวันนะครับ”
“ฉันว่ามันจะเสร็จในความหมายอื่นมากกว่า”
นาตาลีพูดเมื่อเสียงในสายมีท่าทีที่ไม่ปกติสุดๆ
เมื่อเป็นแบบนั้นชาลส์เลยกดตัดสายไปก่อนพร้อมกับขอโทษลูกค้าของเขา
“ไม่ต้องหรอก ใช่ว่าทำงานกับมันครั้งแรก
ขนาดตอนมันไปช่วยงานแก๊งฉันมันยังจัดกับลูกน้องฉันในรถเลย”
นาตาลีทำสีหน้าเบื่อโลก
แม้เธอจะไม่ค่อยถูกกับนิสัยของโรแบร์โตนักแต่เธอก็ต้องการเขามากกว่าคนอื่นๆเพราะการพลีกายเพื่องานรึเปล่าก็ไม่รู้ของโรแบร์โตนั้นเหมาะกับงานที่เธอจะทำเสมอ
“ฮะๆ
ผมไม่นึกว่าเขาจะมีเซ็กซ์ตอนตี3นะครับ”
“ทำยังกับว่ามันไม่เคยขึ้นคร่อมนายไปได้
มีคนนินทาให้ฟังนะว่ายันเช้าน่ะ”
นาตาลีพูดแล้วยกแก้วช็อตบนโต๊ะกระดกรวดเดียวจนหมดก่อนจะทำท่าเหมือนจะหยิบกระเป๋าเงินออกมาแต่ชาลส์ก็พูดปรามไว้ก่อน
“ผมเลี้ยงครับ
แล้วก็ไม่ต้องเอาเรื่องนั้นไปนินทาต่อด้วยนะครับ”
“เหอะ เป็นบุญฉันนะเนี่ยที่ได้นายเลี้ยงเหล้า
ฉันกลับล่ะ ถ้าโรแบร์โตกลับมาแล้วก็บอกด้วยแล้วกัน
งานรอบนี้ฉันขอจ้างเขาแบบไม่มีกำหนดเลย”
นาตาลีพูดพร้อมลุกขึ้นทำให้ชาลส์แอบสงสัยว่างานนั้นคืองานอะไรกัน
“งานใหญ่เหรอครับ”
“ไอ้เรื่องใหญ่น่ะมันก็เรื่องหนึ่ง
แต่มันเป็นงานที่วุ่นวายมากกว่า”
นาตาลีตอบก่อนจะเดินออกจากห้องไปโดยไม่กล่าวลา
แม้ทั้งคู่จะทำงานด้วยกันมาไม่น้อยแต่ต่างฝ่ายต่างก็เดาความคิดของอีกฝ่ายไม่ได้อยู่บ่อยๆ
และครั้งนี้ชาลส์เป็นฝ่ายที่มีคำถามในใจ
แต่เขาก็รู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องที่เขาจะถามออกไป
ในขณะที่เขากำลังนั่งกระดิกขาเขียนบางอย่างลงในสมุดอยู่นั้นประตูก็เปิดออก
แต่ไม่ใช่ประตูหน้า มันเป็นประตูที่ถูกทำให้เหมือนกับชั้นหนังสือแบบฝังผนังภายในห้อง
หญิงสาวที่ทำงานเสร็จแล้วเดินออกมาจากห้องนั้นก่อนจะถอดถุงมือของเธอออก
“เป็นไงบ้างมิซูกิ
เลอะเทอะเหรอ”
“เปล่าหรอก
น้ำลายมันเปื้อนถุงมือตอนล็อกคอน่ะ”
มิซูกิตอบเจ้านายด้วยสีหน้านิ่งๆเหมือนทุกครั้งก่อนจะเดินออกไปจากห้องของชาลส์ปล่อยให้เขานั่งเงียบๆอยู่คนเดียว
แต่ก็ไม่นานนักเพราะอยู่ๆหญิงสาวก็เดินกลับเข้ามาอีกครั้งพร้อมกับพูดประโยคที่ทำให้ชาลส์ต้องอดประหลาดใจไม่ได้
“ชาลส์ เพื่อนเก่ามาหา”
“หืม? ใครกันมาตอนตี3เนี่ยนะ”
ยังไม่ทันทีมิซูกิจะตอบอะไรชายหนุ่มคนหนึ่งก็เดินเข้ามาด้านในทำให้ชาลส์ต้องยิ้มออกมา
“แหม
ไม่เจอกันตั้งหลายปีนะ มินโฮ”
ความคิดเห็น