ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    BLOODY PARTY! (ดอง)

    ลำดับตอนที่ #4 : Chapter2 Bar at the basemenT

    • อัปเดตล่าสุด 6 ต.ค. 61


    ตึกๆๆๆ!

    เสียงฝีเท้าหนักวิ่งไปตามทางเล็กๆในเวลากลางคืนที่เงียบสงัดนั้นดูดังและไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเลยแม้แต่น้อย ชายร่างใหญ่กำยำผู้มีรอยแผลบนใบหน้านั้นดูแล้วไม่เหมือนคนที่จะมาวิ่งหนีใครด้วยอาการหืดหอบเช่นนี้ แต่เขาก็ต้องหนีเพราะคนที่ตามเขาอยู่นั้นอยู่คนละระดับกับเขาอย่างชัดเจน เขายังคงยิ่งเข้าไปในตรอกซอกซอยเรื่อยๆแม้จะไม่มีเสียงของใครตามมาด้านหลัง ที่ที่ปลอดภัยที่สุดของเขาในตอนนี้คือที่ไหนก็ได้ที่มีผู้คนพลุกพล่าน แต่สำหรับเวลาตีสองเศษแบบนี้การจะวิ่งไปจนถึงแหล่งเที่ยวกลางคืนด้วยขาที่อ่อนล้านั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่าย

    สุดท้ายแล้วเขาก็ตัดสินใจวิ่งไปอีกทาง ชายร่างใหญ่ลัดเลาะไปตรอกเล็กๆเพื่อไปยังสถานที่ที่เขาไม่เคยคิดว่าจะต้องไปพึ่งพิง เขาวิ่งไปจนถึงที่หมาย บาร์ขนาดเล็กที่มีทางเข้าเป็นตรอกบันไดลงไปชั้นใต้ดินนั้นมีเสียงกระดิ่งดังขึ้นเมื่อผู้มาเยือนเปิดประตูเข้าไป ทุกสายตาในร้านมองเขาเป็นตาเดียวก่อนที่เขาจะนั่งลงที่เคาน์เตอร์บาร์

    “แม็คเดอะไนฟ์(Mack the Knife)ที่หนึ่ง”

    เขาสั่งกับบาร์เทนเดอร์ด้วยท่าทางที่เหนื่อยอ่อนก่อนที่บาร์เทนเดอร์จะผายมือไปทางประตูที่อยู่ข้างๆเคาน์เตอร์เป็นสัญญาณให้เขาเข้าไปได้ ชายร่างใหญ่ไม่รอช้ารีบลุกและเดินเข้าไปในห้องนั้นทันที เขาปิดประตูแล้วนั่งลงบนโซฟาหนังสีแดงเข้มตรงข้ามกับชายสวมแว่นกันแดดในชุดสูทสีขาวสะอาด

    “มีอะไรให้รับใช้ครับ”

    ชาลส์ถามด้วยรอยยิ้มและรอให้อีกฝ่ายหายใจให้พอก่อนจะตอบคำถามของเขา

    “ผมหนีแก๊งค้ายาบลูฮาวายอยู่ อยากได้คนคุ้มกันจนถึงสนามบินหน่อย”

    “อ๋อ เรื่องแค่นี้เอง ได้สิครับ แล้วจ่ายเองหรือหัวหน้าจ่ายให้ล่ะครับ”

    ชาลส์ถามพลางจดรายละเอียดลงกระดาษอย่างใจเย็นเพราะด้านหลังประตูไม้ในห้องของเขานั้นอาจจะเป็นที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับใครก็ตามที่กำลังหาทางรอดอยู่

    “ผมโทรบอกหัวหน้าไว้แล้วครับ เขาจะเอาเงินมาให้เท่าที่คุณต้องการ”

    “ขอสักสองแสนมาลิค(สกุลเงินไอเดน 1มาลิคเท่ากับ25บาท)ก็พอครับ แค่วันเดียวใช่ไหมล่ะครับ”

    “ครับ พอถึงเช้าผมจะไปทันทีเลย”

    ชาลส์พยักหน้าก่อนจะบอกให้เขานั่งรอที่นี่ไปจนกว่าจะถึงเช้า ก่อนที่เขาจะเดินออกมาจากห้องทำงานของตัวเอง แต่เมื่อเขาปิดประตูลงแล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อหันไปเจอหญิงสาวผมสีฟ้าสว่างยืนรออยู่พร้อมกระเป๋าหูหิ้วใบใหญ่และเธอได้โยนกระเป๋านั่นลงมาที่ปลายเท้าของเขา

    “5แสนจะพอซื้อแม็คเดอะไนฟ์สักแก้วไหมคุณชาลส์”

    นาตาลีถามพร้อมยกยิ้มเล็กๆทำให้ชาลส์ต้องส่ายหน้าเบาๆแต่เขาก็ไม่ได้ปฏิเสธเธอ ชาลส์ดีดนิ้วเรียกหญิงสาวที่นั่งเบื่อๆรองานอยู่ที่เคาน์เตอร์บาร์ให้จัดการกับเรื่องนี้ให้เขา เธอลุกออกจากเก้าอี้กลมที่เธอนั่งอยู่เป็นชั่วโมงก่อนจะเดินเข้าไปในห้องทำงานของชาลส์ในทันที

    “นั่งด้วยกันหน่อยไหมครับคุณนาตาลี ไม่สิ คุณบลูฮาวาย

    ชาลส์กล่าวชวนพร้อมกับก้มลงหยิบกระเป๋าใส่เงินของนาตาลี ประตูห้องทำงานสีน้ำตาลเข้มถูกเปิดออกอีกครั้งแต่กลับไม่มีใครอยู่ด้านใน ไม่มีแม้แต่คราบเลือด แม้จะแปลกใจแต่มันก็ไม่ได้ทำให้หญิงสาวถามอะไรและเดินเข้าไปด้านใน

    “ขอเหล้าแรงๆเอาใจลูกค้าที่รักของฉันหน่อย ยกเข้ามาให้ด้วยนะ”

    ชาลส์สั่งทำให้บาร์เทนเดอร์พยักหน้ารับก่อนที่เขาจะปิดประตูห้องลง ชาลส์ทิ้งตัวลงนั่งตรงข้ามหญิงสาวที่นั่งไขว่ห้างและวางแขนทั้งสองลงที่ขอบพนักพิงของโซฟาวางอย่างวางมาด

    “ว่าแล้วว่ามันต้องมาที่นี่ ลูกน้องของพวกค้ายาในชิลี มันจ้องจะยึดตลาดแถวนี้อยู่รอมร่อ”

    นาตาลีพูดด้วยท่าทางนิ่งๆแต่ก็แฝงด้วยความไม่พอใจ

    “ฮะๆๆ แต่ดันมามีคู่แข่งที่เป็นพวกกัดไม่ปล่อยแบบพวกคุณสินะครับ แต่ช่วงนี้มันเป็นช่วงเสี่ยงนะครับ ถึงคู่แข่งจะลดอย่างรวดเร็วแต่ก็ต้องมาระแวงพวกสุนัขรับใช้ประธานาธิบดีพวกนั้นอีก”

    ชาลส์พูดและเว้นวรรคเมื่อบาร์เทนเดอร์ยกเครื่องดื่มเข้ามาให้ และเริ่มพูดต่อเมื่อเสียงปิดประตูเงียบลง

    “แต่มีข่าวมาว่าได้สมาชิกใหม่อีกแล้วนะครับ”

    “หืม? ใครบ้าไปเข้าไอ้หน่วยปัญญาอ่อนนั่นกัน”

    นาตาลีถาม แม้ว่าดูเหมือนเธอจะไม่ค่อยสนใจพวกเจ้าหน้าที่พิเศษที่มาคอยจัดการกับอาชญากรแต่เธอก็อยากรู้เรื่องนี้ไว้บ้าง สำหรับอาชญากรแล้วทีมเอ็มไม่ใช่ยอดคนอะไร พวกเขาเป็นแค่เจ้าหน้าที่ที่อยู่สูงกว่าตำรวจขึ้นไปหนึ่งขั้นก็เท่านั้น อีกทั้งการเข้าทีมเอ็มนั้นก็เป็นเรื่องที่ไม่ได้เกินความสามารถของพวกศักยภาพสูงๆสักคนด้วยซ้ำ สอบยิงปืน ต่อสู้ เรียกว่าไม่มีอะไรที่เรียกร้องความสนใจของนาตาลีได้เลยแม้แต่น้อย

    “ก็ไม่ใช่คนอันตรายอะไรหรอกครับ ผมว่าออกจะธรรมดาด้วยซ้ำ”

    “ถ้านายว่าอย่างนั้นก็โอเค ฉันไม่สนใจพวกนั้นหรอก ถึงตอนตั้งขึ้นมาเมื่อหลายปีที่แล้วจะบอกว่าเอาไว้ไล่เก็บพวกเราก็เหอะนะ แต่ก็ไม่เห็นจะมายุ่งกันเลยนี่”

    นาตาลีพูดและยอมรับว่าตอนที่ประกาศตั้งทีมนี้ใหม่ๆเธอเองก็กังวลอยู่ไม่น้อย แต่ชาลส์กลับตรงกันข้าม เขากังวลกับสถานการณ์ตอนนี้มากกว่าวันแรกที่พวกนั้นโผล่เข้ามาในรายชื่อหน่วยงานซะอีก

    “คุณชอบสงครามเย็นเหรอครับ ตรึงกันไปกันมาแบบนี้ อย่างกับเล่นเกมจ้องตาเลยนะครับ”

    “เอาเถอะ ฉันไม่ล้ำเส้นพวกนั้นอยู่แล้ว ข้อเสียของไอ้พวกนั้นก็คือมีคนน้อยนี่แหละนะ ทำทีละสามสี่คดี ชาตินี้ก็ไม่จบหรอก ปล่อยให้มันไล่เก็บคนอื่นให้เต็มที่เถอะ”

    “แหม...ถ้าพูดแบบนั้นก็แย่สิครับ เพราะมีข่าวว่าเร็วๆนี้พวกเขาจะเริ่มลงมือเรื่องยาเสพติดในเขตเหนือแล้วนะครับ”

    “ใครบอกนายอีกล่ะ ทำตัวรู้ไปซะทุกอย่างอย่างกับเป็นหมอดูตลอดเลยนะ”

    นาตาลีถามอย่างสงสัยเพราะชาลส์มักจะรู้เรื่องของคนอื่นไปทั่วก่อนใครอยู่บ่อยๆ แม้แต่เรื่องที่แทบเป็นไปไม่ได้ที่จะรู้

    “ผมมีผู้ช่วยที่น่ารักอยู่น่ะครับ”

    “ฉันล่ะอยากได้ผู้ช่วยคนนั้นของนายจริงๆเลยนะ”

    “เสียใจด้วยนะครับ พอดีเขาไม่รับงาน”

    “รู้น่าชาลส์ คุยเรื่องอื่นเถอะ”

    นาตาลีเบี่ยงประเด็นเพราะจริงๆแล้วเธอก็ไม่ได้สนใจนักหาข้อมูลที่คอยคาบข่าวมาบอกชาลส์เสียเท่าไร ก็แค่แซวไปตามเรื่องตามราว

    “ฉันอยากจ้างโรแบร์โตหน่อยน่ะ พอมีคิวให้เร็วๆนี้ไหม”

    “มีแน่ครับ แต่ต้องหลังจากเขากลับจากฝรั่งเศสซะก่อนนะครับ”

    “เมื่อไร”

    คำถามของลูกค้าทำให้ชาลส์รีบหยิบสมุดจดของตัวเองขึ้นมาเปิดดูแต่เขาก็ยักไหล่ตอบคำถามนั้นไปในที่สุด

    “พอดีเป็นงานของลูกค้าแสนรักของผมคนหนึ่งน่ะครับ ไม่มั่นใจว่าจะกลับตอนไหน แต่ผมโทรถามให้ก็ได้นะครับ”

    “ดี เดี๋ยวนี้เลย ฉันก็อยากคุยกับมันอยู่”

    ชาลส์ถอนหายใจกับความเอาแต่ใจของนาตาลีแต่เขาก็รีบกดโทรศัพท์เพื่อโทรหาลูกน้องของตัวเองและหวังว่ามันจะยังไม่นอนตอนนี้ และเพื่อความสะดวกชาลส์จึงกดเปิดลำโพงเอาไว้ด้วยเผื่อนาตาลีอยากจะพูดอะไรกะทันหัน

    “ชะ..เชาว์(ภาษาอิตาลี:ciao) โรแบร์โตพูดอยู่ครับ”

    เสียงทักทายภาษาอิตาลีที่ดูเหมือนกำลังทำอะไรสักอย่างอยู่ทำให้ชาลส์ไม่มั่นใจว่ามันเกิดขึ้นเพราะปลายสายเพิ่งตื่นหรืออะไรกันแน่

    “โรแบร์โต จะกลับมาวันไหน มีลูกค้าจ่อจะเอาคิวนายอยู่นะ”

    “อ๊ะ...อีกสามวันครับ ผะ..ผมใกล้จะเสร็จแล้ว ขออีกสามวันนะครับ”

    “ฉันว่ามันจะเสร็จในความหมายอื่นมากกว่า”

    นาตาลีพูดเมื่อเสียงในสายมีท่าทีที่ไม่ปกติสุดๆ เมื่อเป็นแบบนั้นชาลส์เลยกดตัดสายไปก่อนพร้อมกับขอโทษลูกค้าของเขา

    “ไม่ต้องหรอก ใช่ว่าทำงานกับมันครั้งแรก ขนาดตอนมันไปช่วยงานแก๊งฉันมันยังจัดกับลูกน้องฉันในรถเลย”

    นาตาลีทำสีหน้าเบื่อโลก แม้เธอจะไม่ค่อยถูกกับนิสัยของโรแบร์โตนักแต่เธอก็ต้องการเขามากกว่าคนอื่นๆเพราะการพลีกายเพื่องานรึเปล่าก็ไม่รู้ของโรแบร์โตนั้นเหมาะกับงานที่เธอจะทำเสมอ

     “ฮะๆ ผมไม่นึกว่าเขาจะมีเซ็กซ์ตอนตี3นะครับ”

    “ทำยังกับว่ามันไม่เคยขึ้นคร่อมนายไปได้ มีคนนินทาให้ฟังนะว่ายันเช้าน่ะ”

    นาตาลีพูดแล้วยกแก้วช็อตบนโต๊ะกระดกรวดเดียวจนหมดก่อนจะทำท่าเหมือนจะหยิบกระเป๋าเงินออกมาแต่ชาลส์ก็พูดปรามไว้ก่อน

    “ผมเลี้ยงครับ แล้วก็ไม่ต้องเอาเรื่องนั้นไปนินทาต่อด้วยนะครับ”

    “เหอะ เป็นบุญฉันนะเนี่ยที่ได้นายเลี้ยงเหล้า ฉันกลับล่ะ ถ้าโรแบร์โตกลับมาแล้วก็บอกด้วยแล้วกัน งานรอบนี้ฉันขอจ้างเขาแบบไม่มีกำหนดเลย”

    นาตาลีพูดพร้อมลุกขึ้นทำให้ชาลส์แอบสงสัยว่างานนั้นคืองานอะไรกัน

    “งานใหญ่เหรอครับ”

    “ไอ้เรื่องใหญ่น่ะมันก็เรื่องหนึ่ง แต่มันเป็นงานที่วุ่นวายมากกว่า”

    นาตาลีตอบก่อนจะเดินออกจากห้องไปโดยไม่กล่าวลา แม้ทั้งคู่จะทำงานด้วยกันมาไม่น้อยแต่ต่างฝ่ายต่างก็เดาความคิดของอีกฝ่ายไม่ได้อยู่บ่อยๆ และครั้งนี้ชาลส์เป็นฝ่ายที่มีคำถามในใจ แต่เขาก็รู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องที่เขาจะถามออกไป

    ในขณะที่เขากำลังนั่งกระดิกขาเขียนบางอย่างลงในสมุดอยู่นั้นประตูก็เปิดออก แต่ไม่ใช่ประตูหน้า มันเป็นประตูที่ถูกทำให้เหมือนกับชั้นหนังสือแบบฝังผนังภายในห้อง หญิงสาวที่ทำงานเสร็จแล้วเดินออกมาจากห้องนั้นก่อนจะถอดถุงมือของเธอออก

    “เป็นไงบ้างมิซูกิ เลอะเทอะเหรอ”

    “เปล่าหรอก น้ำลายมันเปื้อนถุงมือตอนล็อกคอน่ะ”

    มิซูกิตอบเจ้านายด้วยสีหน้านิ่งๆเหมือนทุกครั้งก่อนจะเดินออกไปจากห้องของชาลส์ปล่อยให้เขานั่งเงียบๆอยู่คนเดียว แต่ก็ไม่นานนักเพราะอยู่ๆหญิงสาวก็เดินกลับเข้ามาอีกครั้งพร้อมกับพูดประโยคที่ทำให้ชาลส์ต้องอดประหลาดใจไม่ได้

    “ชาลส์ เพื่อนเก่ามาหา”

    “หืม? ใครกันมาตอนตี3เนี่ยนะ”

    ยังไม่ทันทีมิซูกิจะตอบอะไรชายหนุ่มคนหนึ่งก็เดินเข้ามาด้านในทำให้ชาลส์ต้องยิ้มออกมา

    “แหม ไม่เจอกันตั้งหลายปีนะ มินโฮ

    B
    E
    R
    L
    I
    N
     Ã Â¸Å“ลการค้นหารูปภาพสำหรับ line png
    คุยกันแป๊บ

    รอบนี้ลองปรับดูนิดหน่อยครับ คือลองเน้นตัวหนากับชื่อตัวละครที่ออกครั้งแรกดูตามคำแนะนำ
    ยังไม่ชินเท่าไรเลยแปลกๆสำหรับผม
    ส่วนวงเล็บนี่นิสัยปกติของผมครับสำหรับคำทับศัพท์ ภาษาต่างประเทศแล้วก็อะไรที่ต้องขยายความ แบบพวกศัพท์เฉพาะ
    คืออาจจะเล่าแบบนี้ล่ะครับ พาร์ทของหลายๆฝ่ายสลับกันไปโดยไม่เว้นช่วงเวลาให้ห่างกันมาก
    เป็นการแต่งที่ทรมานทรกรรมพอสมควรครับ คือตัวละครมันเยอะจริงๆ555

    อ้อ แล้วก็ที่ผมแคปมาแปะเพราะความกังวลในตอนที่แล้วเรื่องมันมีแทบสีดำเขียนว่าพบความผิดปกติบนหน้าอัพนิยายเนี่ย
    ตอนนี้โล่งใจแล้วนะครับ พอดีได้รุ่นพี่ที่เขียนนิยายที่เพิ่งได้รู้จักตอนเริ่มเขียนเรื่องนี้บอกมา
    "มันขึ้นเพราะมึงกดอัพแจ้งเตือนตอนเดิมซ้ำเยอะเกินจำเป็นไงคะดอก"
    ช่างเป็นรุ่นพี่ที่สุภาพ555 เอาเป็นว่าผมก็กดอัพตอนแนะนำตัวละครบ่อยจริงๆนั่นแหละ
    ยังไม่ชินกับเว็บนี้มันก็จะแลลนๆหน่อยนะ

    แล้วเรื่องนี้ผมกะว่าจะไม่รีไรท์นะครับ คือถ้าตรงไหนพลาดหรืออะไรเนี่ยผมปล่อยเลยครับ
    เก็บเอาไว้ดู เรื่องแรกทั้งที่ต้องสะสมความกากไว้ดูต่างหน้า
    เรื่องนี้ก็คงเรื่อยๆไม่ซีเรียสครับ ไม่ได้จริงจังมากมายแต่ก็จะพยายามเต็มที่นะ
    มีอะไรก็บอกกันได้ ให้กำลังใจกันหน่อยนะครับ

    ปล.ผมเผลอเรียกนาตาลีว่านาตาชาบ่อยมากเลย ไม่รู้เพราะช่วงนี้ดูข่าวหนังสปินออฟของนาตาชา โรมานอฟมากไปรึเปล่า
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×