ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    BLOODY PARTY! (ดอง)

    ลำดับตอนที่ #3 : Chapter1 New membeR

    • อัปเดตล่าสุด 4 ต.ค. 61


    แสงแดดยามเช้าสาดส่องลงมาที่ผืนทะเลอันกว้างใหญ่ทำให้ผิวน้ำเป็นประกายสวยงาม สายตาของชายหนุ่มจ้องมองมันด้วยความแปลกใจว่าทำไมสถานที่ที่เหมือนดินแดนแห่งความฝันแบบนี้ถึงเป็นที่ที่เขาต้องเอาชีวิตมาเสี่ยง ชายหนุ่มจากดินแดนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก้าวเท้าลงจากเรือที่มาส่งเขาที่ฝั่งของเกาะวงแหวนกลางทะเล จริงๆแล้วที่นี่นั้นมีสนามบินแต่ในตอนแรกเอาได้แวะเมืองที่ไม่ห่างจากที่นี่มากทำให้เขาตัดสินใจเหมาเรือมาถึงที่นี่ได้ ดอนนี่เดินไปตามทางเดินของท่าเรือ ในมือของเขานั้นมีแผนที่ที่บอกทางไปยังจุดหมายซึ่งมันมาจากเพื่อนของเขาที่จริงๆก็ทำงานร้านอาหารข้างๆสำนักงานนี้เท่านั้นเอง ในมือของเขายังถือแผนที่แน่นเพราะถึงเขาจะเคยไปที่สำนักงานนั้นมาแล้วเขาก็ไม่มั่นใจว่าตัวเองจะจำทางได้ดีพอจะเดินไปด้วยตัวเอง

    ผู้คนมากมายเดินสวนกันไปมาอย่างสบายอารมณ์ มีทั้งนักท่องเที่ยวและนักศึกษาทำให้เขาแอบคิดในใจว่าทำไมคนที่อายุเพิ่งผ่านคำว่าวัยรุ่นมาได้เพียงไม่นานนั้นต้องมาจริงจังกับชีวิตแบบนี้ แต่มันก็คงช่วยไม่ได้เพราะถ้าเขาไม่ทำงานนี้ที่บ้านก็คงไม่มีอะไรดีขึ้นเป็นแน่ ดอนนี่เดินมาตามแผนที่เรื่อยๆ เขาไม่อยากเรียกแท็กซี่เพราะเขากังวลเรื่องเงินไม่น้อยอีกทั้งเขายังมั่นใจว่าเขาเดินไหวแน่นอน จนในที่สุดดอนนี่ก็มาถึงหน้าสำนักงานขนาดใหญ่ในย่านที่มีแต่ตึกราชการ ตึกสีขาวสะอาดกะด้วยสายตาน่าจะสูงราวๆ6ชั้นเป็นอย่างต่ำและมีตัวอักษรสีทองเขียนคำว่า“Office of Martyrs

    ดอนนี่ยืนกลืนน้ำลายอยู่หน้าตึกเอื้อกใหญ่ก่อนจะเปิดประตูกระจกที่ติดฟิล์มไม่ให้เห็นอะไรด้านในเข้าไป พื้นที่ปูด้วยกระเบื้องหินอ่อนสีขาวเทาและผนังหินสีน้ำตาลแดงทำให้เขามั่นใจว่าถูกต้องตามความทรงจำกับที่มาครั้งก่อน ตรงหน้าของเขานั้นคือเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์สีเข้มที่มีพนักงานแต่งตัวเต็มยศตรงข้ามกับเขาที่ยังอยู่ในสภาพเสื้อยืดกางเกงขาสั้นอยู่ ชายหนุ่มกระชับสายของกระเป๋าเป้ทั้งสองข้างบนบ่าของเขาก่อนจะเดินตรงเขาไป และก่อนที่เขาจะได้พูดอะไรหญิงสาวก็พูดสวนขึ้นมาก่อน

    “สวัสดีค่ะ มาติดต่ออะไรคะ ได้นัดไว้รึเปล่า”

    เธอถามด้วยรอยยิ้มทำให้ดอนนี่ประหม่าเล็กน้อยก่อนจะยื่นโทรศัพท์มือถือที่เปิดหน้าอีเมลรับรองจากทางทีมเอ็มเองให้เธอดู

    “ขอเวลาสักครู่นะคะ”

    เจ้าหน้าที่สาวพูดพร้อมกับรับโทรศัพท์ของเขาไปแล้วเริ่มตรวจสอบอะไรบางอย่างในคอมพิวเตอร์ของเธอก่อนที่จะหันมาพูดกับเขาอีกครั้งพร้อมกับคืนของของเขาให้

    “นั่งรอสักครู่นะคะ พอดีตอนนี้เจ้าหน้าที่ประชุมกันอยู่ เดี๋ยวจะมีคนลงมารับนะคะ”

    “อ่า ครับ ขอบคุณครับ”

    “ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวฉันพาไปเอง!

    เสียงใสๆดังขึ้นทำให้ทั้งสองคนที่เคาน์เตอร์หนไปมองหญิงสาวผมดำมัดจุกกลมๆสองข้างที่เพิ่งเดินเข้ามา เธอเดินตรงมาที่ดอนนี่ทันทีก่อนจะตบเข้าที่หลังของเขาแรงๆสองสามครั้งเพื่อเป็นการทักทาย

    “หวัดดีๆ เมื่อวานเราคุยเรื่องนายกันอยู่ล่ะนะ รีบไปเหอะ”

    สาวตัวเล็กพูดพร้อมกับดึงเสื้อของดอนนี่และลากเขาไปขึ้นลิฟต์อย่างรวดเร็ว เธอทำตัวสบายๆราวกับที่นี่ไม่ใช่ที่ทำงานและการแต่งตัวของเธอก็สามัญธรรมดาแม้จะดูดีกว่าที่ดอนนี่ใส่อยู่ตอนนี้ก็ตาม

    “หวัดดีอีกรอบนะ ฉันเหม่ยลี่ นายล่ะ”

    “อ่า...ดอนนี่ครับ”

    ดอนนี่ตอบอย่างประหม่าเมื่ออีกฝ่ายชวนคุยระหว่างที่ลิฟต์กำลังขยับขึ้น

    “ได้ยินมาว่าเป็นนักกีฬามาก่อนหรอ เสียดายนะวันที่นายมาทดสอบร่างกายฉันไม่อยู่ ฉันเองก็เคยเป็นนักกีฬานะ ฮะๆๆ แหม คิดถึงเรื่องนั้นจังเลย”

    เหม่ยลี่พูดด้วยท่าทางร่าเริงและผ่อนคลายทำให้คู่สนทนาลดความกังวลลงอย่างไม่รู้ตัว

    “งั้นหรอครับ”

    “แล้วคนที่ทดสอบร่างกายให้นายวันนั้นใครหรอ”

    “เอ่อ...รู้สึกจะ...คุณริฮานน่าหรืออะไรนี่แหละครับ คือผมจำได้ว่าชื่อเธอยาว”

    “อ้อๆๆ เข้าใจละ โอ๊ะ ถึงแล้วล่ะ รีบไปกันเถอะ นอกจากโต๊ะทำงานแล้วเรามีที่พักให้นายด้วยนา”

    เหม่ยลี่พูดขึ้นเมื่อเห็นลิฟต์มาถึงชั้นที่ต้องการ ทันทีที่ประตูเปิดออกหญิงสาวก็รีบออกไปอย่างรวดเร็วทำให้ดอนนี่ต้องเร่งฝีเท้าตามด้วยอย่างช่วยไม่ได้ แต่พอถึงห้องที่ติดป้ายว่าห้องประชุมเหม่ยลี่ก็รีบจัดเสื้อผ้าก่อนจะเคาะประตูอย่างมีมารยาท เมื่อประดูเปิดออกทำให้ดอนนี่เห็นห้องประชุมที่ถูกจัดอย่างเรียบร้อยและเป็นทางการแต่ด้านในนั้นกลับมีคนอยู่เพียงแค่สามคนเท่านั้น และหนึ่งในนั้นก็เป็นคนที่เขาคุ้นหน้าคุ้นตาพอสมควร

    “ไง ดอนนี่ ฉันว่าแล้วว่านายต้องได้งานแน่ๆ”

    หญิงสาวผมดำยาวที่ทักเขานั้นคือคนเดียวกับที่เขาเจอในวันที่ทดสอบร่างกาย เธอเกือบจะหักแขนเขาในวันนั้นแล้วแต่ตอนนี้เธอกลับทำท่าทางสบายอารมณ์แทน

    “สวัสดีครับ คุณอลัมสยาห์ ยินดีที่ได้พบคุณนะครับ”

    ชายหนุ่มสวมแว่นผมสีเขียวหม่นพูดด้วยใบหน้าที่มีรอยยิ้มประดับเล็กน้อยก่อนจะสวมกอดเขาเบาๆตามมารยาทในแบบของตัวเองแล้วถอยออก

    “ผมฟาซิล เบอร์วินครับ รับผิดชอบงานพิสูจน์หลักฐาน ส่วนทางนี้คือ...”

    ชายหนุ่มพูดพร้อมผายมือไปทางอีกสองคนด้านหลัง

    “คุณแอนเจลีก้า ริฮานน่า กับคุณโฮรัง คิม ทั้งสองคนนี้จะเป็นเพื่อนร่วมห้องทำงานของคุณครับ แน่นอนว่ารวมถึงคุณเหม่ยลี่ด้วย”

    “ครับ ฝากเนื้อฝากตัวด้วย”

    “จริงๆก็ยังมีอีกคนในห้องทำงานของคุณแต่ดูเหมือนจะออกไปทำงานข้างนอกน่ะครับ และทางที่ดีผมว่าคุณอย่าไปสนใจเขานักจะดีกว่า โดยเฉพาะต้นไม้บนโต๊ะของเขาน่ะครับ”

    ฟาซิลกล่าวก่อนจะยื่นเอกสารบางอย่างให้ดอนนี่และขอตัวไปทำงานของตัวเองพร้อมกับบอกให้ทุกคนทำความรู้จักกันเสียหน่อยก่อนจะเริ่มงาน

    “อีกคนนี่ใครหรอครับ”

    ดอนนี่ถามระหว่างเดินตามทั้งสามสาวไปที่ห้องทำงานจริงๆทำให้โฮรังหันกลับมาตอบ

    “โนอาห์น่ะ จริงๆไม่ได้ไปทำงานอะไรหรอก แค่มหาลัยมีสอบแค่นั้นเอง ประเด็นคือเขาไม่ชอบให้ใครไปยุ่งกับต้นไม้ของเขาน่ะ”

    โฮรังตอบพร้อมยักไหล่พอเป็นสัญญาณว่าไม่ต้องไปสนใจเรื่องนั้นมากก็ได้ ดอนนี่มาถึงโต๊ะทำงานของเขามันเป็นโต๊ะสำนักงานทั่วๆไปที่สะอาดเอี่ยมและไม่มีรอยขีดข่วนใดๆราวกับเพิ่งยกมาให้เขาโดยเฉพาะ

    “เฮ้ๆ”

    เหม่ยลี่เรียกดอนนี่ที่กำลังจะจัดของวางไว้บนโต๊ะพร้อมกับยื่นกล่องปากกาเล็กๆให้เขา

    “ฉันให้ ถือซะว่ารับขวัญวันเข้างานนะ!

    เหม่ยลี่พูดด้วยรอยยิ้ม ดูเหมือนเธอจะเตรียมตัวต้อนรับพนักงานใหม่มาดีกว่าใครๆอาจจะเพราะเธอรู้สึกว่าพนักงานใหม่ก็ไม่ต่างกับเด็กเข้าใหม่ในโรงเรียนนัก หญิงสาวเดินอย่างสบายอารมณ์กลับไปที่โต๊ะของตัวเองหลังฟังคำขอบคุณจากเด็กใหม่แล้ว ดอนนี่ไม่ได้วางกล่องนั้นลงบนโต๊ะ เขาเอามันใส่กระเป๋าเป้เพราะคิดว่าคงไม่ใช้ของที่คนอื่นอุส่าให้มาง่ายๆและอยากเก็บเอาไว้ก่อน

    ดอนนี่บรรจงจัดของของเขาบนโต๊ะรวมไปถึงกรอบรูปหนึ่งอันที่ดูมีความหมายกับเขามากเหลือเกิน

    “รูปครอบครัวหรอไอ้หนู”

    เสียงทักทำให้เขาหันไป มันเป็นเสียงทุ้มเข้มของชายวัยกลางคนร่างสูง เขาสวมเสื้อนอกสีเข้มและมีกลิ่นควันบุหรี่ฟุ้งรอบตัวทำให้รู้ได้ทันทีว่าเขาเพิ่งทำอะไรมา

    “เอ่อ...ครับ”

    “เป็นแฟมิลี่แมนดีนี่ ฉันมารับน่ะ ต้องให้นายรีบเอาของไปเก็บที่ห้องก่อน เดี๋ยวเย็นนี้เรามีงานสำคัญกัน”

    “ห๊ะ...อ่า...ครับ เข้าใจแล้วครับ”

    ชายแปลกหน้าพูดแล้วรีบเดินออกไปจากห้องโดยไม่หันมามองว่าเด็กใหม่จะเดินทันเขาหรือไม่ พวกเขาลงลิฟต์มาจนถึงชั้นล่าง ในลานจอดรถใต้ดินที่แสนเงียบสงัดนั้นเต็มไปด้วยรถหรูที่ดูใหม่และไฮเทคแต่ชายวัยกลางคนกลับเดินไปขึ้นรถกระบะที่ดูธรรมดาๆคันหนึ่งแทน ซึ่งดอนนี่ก็แอบโล่งเพราะถ้าคันอื่นเขาคงไม่กล้าขึ้นเป็นแน่

    ในรถนั้นเงียบมากแม้ทั้งสองจะนั่งข้างกัน ชายวัยกลางคนขับรถต่อไปโดยไม่พูดถึงจุดหมายแม้แต่น้อยนั่นทำให้ดอนนี่รู้สึกอึดอัดมากและท่าทางเขาจะแสดงสีหน้ามากไปเสียหน่อยทำให้คนขับรถต้องถอนหายใจ

    “ฉันบาเทล เป็นหัวหน้าเจ้าหน้าที่ภาคสนาม ว่าง่ายๆก็หัวหน้าหน่วยของนายนั่นแหละ”

    ชายแปลกหน้าแนะนำตัวก่อนจะพูดต่อโดยไม่เว้นช่องให้ดอนนี่พูดอะไรกลับเลย

    “ฉันรู้จักนายแล้ว และจะบอกไว้เลยจะไอ้หนู เราทำงานกัน24ชั่วโมง ถึงจะมีเวลาให้กลับไปนอนแต่นายก็ต้องมาทำงานทุกครั้งที่เสียงโทรศัพท์ดัง แล้วก็ใส่เครื่องแบบมาด้วย”

    บาเทลพูดอย่างรวบรัดเพื่อให้ดอนนี่เข้าใจว่าเวลางานที่ระบุไว้ว่า9โมงเช้าถึง1ทุ่มนั้นเป็นเพียงเวลานั่งแช่ในสำนักงานเท่านั้น ดอนนี่ไม่มีปัญหาอะไรกับเรื่องนี้ โดยปกติเขาก็ไม่ใช่คนตื่นยากอยู่แล้ว แต่ปัญหาของเขาน่าจะเป็นการที่เขาไม่รู้ว่าจะแต่งตัวทันรึเปล่าเสียมากกว่า

    หลังขับรถมาได้ไม่นานบาเทลก็หยุดรถที่คอนโดแห่งหนึ่งซึ่งไม่ไกลจากสำนักงานนัก เรียกว่าขับรถเพียง5นาทีก็ถึงได้ง่ายๆหรือจะเดินมาก็ได้ด้วยซ้ำ มันเป็นคอนโดที่ค่อนข้างดูดีและมีราคาพอสมควร โดยบาเทลบอกว่าพนักงานของทีมเอ็มส่วนมากก็อยู่ที่นี่กัน เพราะมันเป็นคอนโดของทีมโดยเฉพาะที่ซื้อขาดจากบริษัทดั้งเดิมแล้ว ด้านในนั้นมีสวัสดิการที่ครบครัน ทั้งอาหาร กาแฟ หรือแม้แต่เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เรียกว่าไม่ต่างกับโรงแรมดีๆสักแห่งเลย

    ชายหนุ่มผู้ไม่เคยสัมผัสสิ่งเหล่านี้เดินเข้าไปข้างในอย่างเกร็งๆ สำหรับครอบครัวชนชั้นกลางล่างแบบเขาแล้วนั้นการจะเข้ามาอยู่ในที่แบบนี้แทบเป็นไปไม่ได้เลย แต่เขาก็ต้องตกใจยิ่งกว่าเมื่อถึงห้องของตัวเอง ห้องนอนที่กว้างพอสมควรถูกแยกจากห้องนั่งเล่นอย่างชัดเจนและมีห้องอาบน้ำขนาดใหญ่อยู่พร้อม อีกทั้งยังมีตู้เก็บอุปกรณ์ขนาดใหญ่ไว้สำหรับเก็บอาวุธและอุปกรณ์เสริมต่างๆรวมถึงชุดเครื่องแบบของเขาก็ถูกแขวนไว้ในนั้นด้วย แต่ก่อนที่ชายหนุ่มจะโดนความแปลกหูแปลกตาเข้าครอบงำบาเทลก็ถามคำถามกับเขาเล็กน้อย

    “นายใช้อาวุธอะไรได้บ้าง มีด ปืน หรือจะบ้าบอถึงขั้นเป็นดาบยาว แต่ว่าบอกก่อนนะว่าหน่วยเราเน้นอาวุธระยะใกล้มากกว่า”

    “ผมมีของๆผมอยู่ครับ แต่มีดกับดาบก็ใช้เป็นครับ ผมใช้ของมีคมได้ทุกอย่าง แต่ปืนนี่ไม่ค่อยแม่น”

    ดอนนี่พูดพร้อมกับวางกระเป๋าเป้ลงบนโซฟาขนาดใหญ่ทำให้บาเทลเกิดความสงสัยเล็กน้อย

    “ในถุงผ้าที่ยื่นออกมาจากกระเป๋านายนั่นมันอะไร”

    เขาถามเมื่อสังเกตเห็นถุงผ้าหูรูดที่เป็นสาเหตุทำให้ดอนนี่รูปซิปกระเป๋าเป้ของเขาได้ไม่สุด ดอนนี่มองหน้าบาเทลเล็กน้อยก่อนจะดึงถุงผ้านั้นออกมาแล้วดึงของด้านในออก มันเป็นมีดยาวสองเล่มที่มีลักษณะไม่คุ้นตา ใบมีดนั้นคมทั้งสองด้านและมีทรงหยักตั้งแต่โคนจรดปลาย

    “มีดหรอ”

    “จะเรียกแบบนั้นก็ได้ครับ แต่ถ้าแถวบ้านผมเขาเรียกว่ากริช”

    ดอนนี่พูดก่อนจะเก็บของมีคมของเขาเข้าที่เดิม แม้จะมีรูปร่างที่พิลึกแต่กลับทำให้บาเทลสนใจในรายละเอียดของใบมีดที่จงใจทำทรงให้แปลกและที่รูปร่างที่แม้จะดูไม่อันตรายแต่น่าจะสร้างผลลัพธ์ที่เขาคิดไม่ถึงได้เป็นแน่

    “ว่าแต่ดอน ฉันไม่ได้อ่านมาว่านายทำอะไรมาก่อน รู้แค่ว่าเป็นนักกีฬาโอลิมปิก อย่าบอกนะว่าแข่งมวยมาน่ะ”

    “ฮะๆๆ เปล่าครับ ผมเพิ่งออกมาจากคุกน่ะ”

    คำตอบด้วยรอยยิ้มของดอนนี่ทำให้บาเทลรู้สึกแปลกๆกับท่าทางนั้น

    “นายทำอะไรมา”

    “ตอนแรกน่ะผมเป็นนักกีฬาปันจักสีลัตครับ คุณอาจจะไม่รู้จักหรอก วันแข่งดันมีคู่แข่งจงใจทำให้ขาผมหักก่อนแข่งน่ะ ขาผมใช้หนักมากเท่าเดิมไม่ได้แล้ว ด้วยความที่สมัยนั้นอารมณ์ร้อนด้วยแหละครับผมพอออกจากโรงพยาบาลผมก็เลยเล่นมันเกือบตายเลย”

    ดอนนี่เล่าพลางเอาของออกจากกระเป๋า ในน้ำเสียงของเขามีความรู้สึกผิดเจือปนอยู่เล็กน้อยในขณะที่เขายังไม่หยุดเล่า

    “บ้านผมน่ะไม่ได้อยู่บนกองเงินกองทองนะครับ พอผมทำงานอะไรที่เงินดีๆไม่ได้เหมือนเก่ามันก็ยิ่งแย่ผมก็เลยโกรธแค่นั้นแหละ แต่ถ้ารู้ว่าทำไปแล้วมันจะมาลำบากเอาตอนนี้ก็ไม่น่าทำซะตั้งแต่ตอนนั้นเลยนะครับ รู้งี้ก็คงยอมปลดเกษียณจากนักกีฬาไปเป็นคนขับรถแถวบ้านดีๆไม่ต้องเข้าซังเตให้เสียประวัติแล้ว ฮะๆ”

    “หึ นายดูโตขึ้นนะ”

    “พูดเหมือนเรารู้จักกันมาก่อนเลยนะครับ”

    “คนที่เล่าเรื่องโง่ๆตัวเองได้แบบมีสำนึกมันก็ดูโตขึ้นทั้งนั้นแหละ เอาล่ะอย่าชักช้า กลับไปที่ทำงานกันได้แล้ว อ้อ เปลี่ยนชุดด้วย นายจะคีบแตะไปต่อยกับใครไม่ได้หรอกนะไอ้หนู”

    บาเทลพูดพร้อมตบหลังของดอนนี่เต็มแรงก่อนจะเดินออกไปรอนอกห้องจนชายหนุ่มเปลี่ยนชุดเสร็จ เสื้อเชิ้ตสีขาวผูกเนกไทเรียบร้อยกับกางเกงขากระบอกสีกรมทาดูเข้ากับชายหนุ่มชาวเอเชียผู้มีใบหน้าที่ดูเข้มและสวมแว่นได้พอดิบพอดี เสียก็แต่มันดันไปเข้าในความหมายที่ดูเหมือนพนักงานบริษัทแทนนี่สิ

    ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ line png
    คุยกันแป๊บ

    อย่างที่บอกไปตอนแรกนะครับว่าเพิ่งเคยแต่งนิยายในเว็บนี้แล้วก็แต่งรับสมัครครั้งแรก
    "ถามก่อนเลยว่าพออ่านกันได้มั้ย555"
    คือผมก็อยากรู้เรื่องการใช้ภาษาแล้วก็การเรียบเรียงของผมว่ามันเป็นยังไงบ้างสำหรับคนอ่านทั่วๆไป
    เพราะถ้าจะให้พูดตรงๆ ผมมาจากสายเขียนนิยายติดเรทครับ ติดขนาดที่เรียกว่าเรื่องเสียวแทนนิยายเลยก็ได้
    ซึ่งคนอ่านแนวนั้นก็ไม่ได้สนใจเนื้อหาอะไรมากหรอกครับ555
    เลยอยากถามไว้ก่อนน่ะนะว่าพอมาแต่งนิยายทั่วๆไปแล้วมันพอไปได้มั้ย

    อีกอย่างคือตอนนี้รู้ซึ้งถึงความสุดยอดในการแต่งนิยายประเภทนี้แล้วครับ แม่งลำบากจริงๆ
    ลำบากตรงที่แบบตอนแต่งต้องพยายามนึกเรื่องตัวละครแล้วก็เปิดหน้าแนะนำตัวละครวนไว้ดูสลับกับนิยายที่เขียนอยู่ตลอดนี่แหละ
    แบบ โหย พวกที่เขารับกันยี่สิบสามสิบตัวหลายๆหมวดนี่เขาทำได้ไงวะ
    5555

    แต่ก็ม็มันส์ดีครับ แปลกๆดี
    อ้อ แล้วก็ผมแต่งนิยายในเวิร์ดนะครับ คือแต่งในมือถือไม่ได้ ไม่มีอารมณ์
    ก็ไม่มั่นใจว่าตอนหนึ่งมันสั้นไปรึเปล่านะ แค่ประมาณ5หน้าในเวิร์ด

    ตัวละครตอนนี้เต็มไปหมวดหนึ่งนะครับคือบอลจอยท์ แบบแปลกใจเพราะตอนแรกคิดไว้ว่าหมวดนี้ร้างแน่ๆ ข้อกำจัดมันเยอะ

    ส่วนเนื้อเรื่องนะครับชี้แจงนิดหนึ่งว่า อาจจะค่อนข้างหยาบคายพอสมควร
    แต่จะพยายามไม่ให้ถึงขั้นโดนแบนนะครับ 
    ประเด็นคือมันมีตัวละครล่อส้นเท้าทีมงานเด็กดีให้กดแบนอยู่นิดหน่อย 
    อย่างโรแบร์โตหรือบลูฮาวายที่แสดงออกถึงอะไรที่มันไม่สมควรอย่างชัดเจนอยู่ครับ
    แต่ก็จะพยายามระวังนะ ไม่เคยลงเว็บนี้ไม่รู้ลิมิตมันแค่ไหน ถ้าวันไหนโดนแบนก็แผ่ส่วนบุญให้ผมด้วยนะครับ
    (แต่แบบสมัยก่อนผมแต่งในธัญวลัยก็เคยโดนแบนมาแล้วรอบสองรอบ แต่อันนั้นมันอนาจารไง ก็แบบ...555)
    และอีกอย่าง นิยายของเรานะครับผมไปอ่านๆกฎมาละ มีแววว่าจะส่อผิดกฎเยอะเลย555
    ทำใจกันไปนะครับ แล้วก็อย่ากดรายงานกันเลยนะได้อยู่กันยาวๆ

    นี่ผมต้องติดป้าย18+หรือเตือนอะไรในหน้านิยายมั้ยเนี่ย

    อ้อ แล้วก็มันมีของขวัญจากเด็กดีที่ทำให้ผมไม่สบายใจอยู่นิดหนึ่งครับ
    เห็นมั้ยครับ ตัวอักษรในช่องสีดำ อันนี้คือยังไม่เป็นไรใช่มั้ย
    คือผมใหม่มากสำหรับเว็บนี้ ก็อาจจะแบบลนๆหน่อย555


    B
    E
    R
    L
    I
    N
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×