ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The boy who cry เมื่อผมกลายเป็นหนุ่มน้อยเวทมนตร์ [ดอง]

    ลำดับตอนที่ #4 : DRUG 1 หัดช่วยตัวเองซะ

    • อัปเดตล่าสุด 16 ธ.ค. 61


    Little Pixel Wing - Pastel Pink - Left by EmpressOfRosesDRUG 1 หัดช่วยตัวเองซะLittle Pixel Wing - Pastel Pink - Right by EmpressOfRoses

    เด็กหนุ่มตื่นขึ้นมาในตอนเช้าบนเตียงในห้องโทรมๆแคบๆของตัวเอง เขาลุกขึ้นนั่งแล้วหันซ้ายหันขวาเล็กน้อยก่อนจะถอนหายใจเมื่อนึกถึงฝันประหลาดเมื่อคืนนี้ เขาคิดว่ามันคงเป็นเพราะเมื่อวานเขาเครียดมากเขาเลยฝันไปว่าตัวเองได้กระโดดลงมาจากตึกสูง เจย์หันไปมองนาฬิกาที่บอกเวลาสี่ทุ่มของวันเสาร์ มันทำให้เขาดีดตัวออกจากเตียงแล้วคิดว่าอะไรกันที่ทำให้เขานอนหลับตั้งแต่คืนวันศุกร์ข้ามมาถึงตอนนี้ได้ แต่ก่อนที่เขาจะรีบลุกออกจากห้องก็มีเสียงดังขึ้น

    “นอนกินบ้านกินเมืองเกินไปแล้วไอ้ขยะสังคม”

    เสียงน่ารักๆที่เหมือนกับเสียงของเด็กผู้ชายดังขึ้นทำให้เจย์หันไปตามเสียงนั้น ก้อนกลมสีขาวนั้นมีลักษณะทางกายภาพที่ยากจะบอกว่ามันคืออะไร เพราะมันเป็นก้อนสีขาวที่เหมือนจะเป็นเยลลี่แต่ก็เหมือนจะเป็นแป้งหรืออะไรบางอย่าง โดยรวมแล้วมันค่อนข้างอธิบายยากทีเดียว แต่สสารรูปร่างประหลาดนี้กลับคุ้นตาราวกับหยุดออกมาจากความฝันของเจย์

    “มองหาพ่อมึงเหรอ จะไปทำห่าอะไรก็ไปสิเจ้างั่ง”

    เสียงนั้นยังคงดังออกมาจากปากที่ดูเหมือนยิ้มนั่นโดยที่ปากไม่มีการขยับเลยแม้แต่น้อย ดวงตากลมโตน่ารักจ้องมองมาที่เจย์ที่ยังคงสับสนอย่างไร้อารมณ์ก่อนที่มันจะลอยเข้ามาใกล้เขาทำให้เขาพยายามถอยหนีก่อนจะล้มลง

    “นะ...นี่มันฝันบ้าอะไรเนี่ย”

    “ฝันเรอะ? บ้ารึเปล่าไอ้มนุษย์ มึงตื่นแล้วนี่ไง”

    ก้อนกลมๆทีลอยอยู่นั้นพูดเมื่อเห็นเจย์พยายามหยิกแก้มของตัวเองก่อนที่มันจะเล่าว่าการฆ่าตัวตายของเจย์นั้นไม่ใช่ความฝันและมันนั้นคือพระเจ้า

    “แล้ว...ทำไมผมต้องมีชีวิตอยู่ต่อด้วยล่ะ”

    “เพราะตายในวันที่ฉันไม่ต้องการ ก็แค่นั้นแหละ”

    ก้อนกลมที่อ้างตัวว่าเป็นพระเจ้าพูดก่อนจะเปล่งแสงเป็นประกายออกมาแล้วกลายเป็นเด็กหนุ่มผู้มีผิวสีขาวซีด ผมสีขาว สวมเสื้อสีขาว และแม้แต่ดาดำของเขาเองก็เป็นสีขาว

    “มึงบังอาจมาตายในวันที่กูกำลังอารมณ์ดี”

    เด็กหนุ่มแปลกประหลาดพูดพร้อมกับเหยียบอกของเจย์ที่ล้มอยู่กับพื้นให้ติดผนังห้อง

    “แล้วยังไม่ยอมตื่นมาฟังคำอธิบายรอบแรกอีก”

    ทุกสิ่งที่เขาพูดนั้นไม่ทำให้เจย์เข้าใจอะไรมากขึ้นเลยแม้แต่น้อย มันกลับทำให้เจย์ยิ่งสับสนเข้าไปใหญ่เสียมากกว่า

    “กูจะบอกให้นะไอ้ขยะ ตอนนี้จอมมารกำลังจะวางแผนยึดครองโลกครั้งหนึ่งหมื่นสามพันสี่ร้อยห้าสิบเจ็ดและโลกของพวกแกจะต้องวิบัติแล้วตกอยู่ภายใต้เงามืด สำหรับพระเจ้าอย่างกูแค่ดีดนิ้วไอ้จอมมารห่านั่นก็หลับได้แล้ว แต่พวกมึงต้องหัดรับผิดชอบโลกของตัวเองซะบ้าง จะให้กูนั่งช่วยพวกมึงตลอดได้ไงวะ?! เพราะงั้นถึงเวลากู้โลกแล้วโว้ย!!

    เด็กหนุ่มด่ากราดพร้อมกับเพิ่มแรงกดที่เท้า

    “แล้วผมจะช่วยโลกได้ไงเล่า”

    เจย์ถามกลับทำให้อีกฝ่ายยกเท้าออกแล้วถอนหายใจ ก่อนที่จะพูดด้วยท่าทางที่ดูสงบลงเล็กน้อย

    “ฉันให้พลังของฉันกับแกไปแล้ว ถึงมันจะเป็นแค่หนึ่งส่วนล้านของพลังของฉันทั้งหมดก็เถอะ แกจะใช้มันได้ถ้าแกแตะที่ตราของฉันบนตัวแก ก็แค่นั้นแหละ ไปรับผิดชอบชีวิตตัวเองได้แล้ว”

    เด็กหนุ่มแปลกประหลาดพูดเพียงแค่นั้นก่อนจะหายตัวไปในทันที ทำให้เจย์ที่ยังคงสับสนทำอะไรไม่ได้นอกจากตั้งสติแล้วกลับไปนอนบนเตียงของตัวเอง

    นาฬิกาบอกเวลาตีสองเด็กหนุ่มยังคงนอนไม่หลับ เขาไม่มั่นใจว่าเขาบ้าไปแล้วหรือนี่คือฝันร้ายกันแน่ สุดท้ายแล้วเจย์จึงลุกขึ้นแล้วหยิบเสื้อกันหนาวสีแดงที่มีอยู่ตัวเดียวมาสวมแล้วออกไปข้างนอก จุดหมายปลายทางเดียวที่เขานึกออกในเวลานี้คือร้านสะดวกซื้อเปิดยี่สิบสี่ชั่วโมงที่อยู่ถัดไปจากบ้านของเขาประมาณครึ่งกิโลเมตร

    เจย์นั้นเข้าไปซื้อไอศครีมก่อนจะเดินไปนั่งเล่นในสวนสาธารณะที่อยู่ไม่ไกลนัก แต่ระหว่างที่เขากำลังนั่งเบื่อๆอยู่นั่นเองเขาก็รู้สึกเจ็บที่ต้นคอขึ้นมา ความเจ็บนั้นเป็นความรู้สึกที่แปลก มันเจ็บในระดับที่เขาทนได้เหมือนกับว่าถูกมดกัดหลายๆตัวพร้อมกันและมันยังรู้สึกยิบๆอยู่ที่คอของเขาไม่หยุดแม้เขาจะลอยเกาหรือลูบมันก็ตาม

    “เฮ้ มานั่งอยู่ตรงนี้คนเดียวได้ยังไงเนี่ยหนุ่มน้อย”

    เสียงของใครบางคนดังขึ้นจากด้านหลังก่อนที่ขาของเจย์จะถูกกระชากทำให้เขาล้มหน้าฟาดกับพื้นอย่างจัง เจย์มองไปที่ข้อเท้าของเขา มันถูกสิ่งเหมือนกับเถาวัลย์สีเขียวพันไว้ แต่ก่อนที่เขาจะได้พิจารณาอะไรมากกว่านั้นเขาก็ถูกมันลากเข้าไปใกล้ขึ้นช้าๆก่อนจะถูกยกขึ้นกลางอากาศอย่างรวดเร็ว เจย์ที่ถูกยกห้อยหัวอยู่นั้นพยายามมองลงไปด้านล่าง สิ่งที่เขาเห็นคือต้นไม้ขนาดใหญ่มีปากอยู่ตรงกลาง เขากำลังจะโดนหย่อนลงไปในปากกว้างๆที่มีฟันแหลมคมทับซ้อนกันอยู่หลายชั้น

    แต่ก่อนที่เขาจะถูกกินเถาวัลย์ที่รัดข้อเท้าของเขาอยู่ก็ขาดพร้อมใครบางคนที่กระโดดคว้าเขาไปอีกทาง ก่อนที่เขาจะตกลงไป เขาหันกลับไปมองต้นไม้แปลกประหลาดนั่นอีกครั้ง แต่ตอนนี้กลับมีไฟสีดำลุกท่วมไปหมดพร้อมกับเสียงกรีดร้องที่ดังสนั่นไปทั่ว

    “เสียงดังชิบหาย ไปได้แล้วคุโระ เดี๋ยวมีคนมา”

    ชายร่างสูงแปลกหน้าแต่งตัวด้วยเสื้อที่ทำจากกำมะหยี่และโค้ทยาวสีดำสนิทพูดพร้อมกับเสยผมของตัวเอง ดวงตาสีเหลืองใต้หน้ากากสีขาวนั้นมองมาที่ชายหนุ่มที่ประคองร่างของเจย์อยู่ก่อนที่จะรีบวิ่งออกไป ชายแปลกหน้าอีกคนที่สวมหน้ากากครึ่งหน้า และแต่งตัวเหมือนพวกไม่เต็มบาทพอๆกันวิ่งตาม แต่เพราะอะไรก็ไม่อาจทราบได้เขากลับดึงร่างของเจย์ที่ยังมึนงงไปด้วยก่อนที่ทั้งสามจะมาหยุดที่ซอยเปลี่ยวแห่งหนึ่ง

    “ถอดชุด”

    ชายร่างสูงพูดก่อนจะมีแสงสว่างวาบขึ้นรอบตัวเขาแล้วชุดพิลึกๆของเขาก็กลับกลายเป็นชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์ธรรมดารวมถึงหน้ากากของเขาก็หายไปด้วย

    “ให้ตายดิ ถ้าฉันไม่ทำงานดึกคงไม่รู้ตัวหรอกนะ...อ๊ะ”

    เขาหันกลับมามองเพื่อนของตัวเองแล้วชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นเจย์ที่ถูกอีกคนหนึ่งลากมาด้วย ชายแปลกหน้าทำตัวไม่ถูก เขาหันกลับไปทางเดิมก่อนจะถามขึ้น

    “คุโระ นายลากหมอนั่นมาทำไม”

    เขาถามโดยไม่หันมามอง ดูเหมือนเขาจะไม่อยากให้ใครเห็นหน้าเสียเท่าไร

    “ไม่เป็นไรหรอกคุณทอมัส เขาเป็นพวกเรา”

    คุโรเซะพูดพร้อมกับถอดชุดของตัวเองออกในลักษณะเดียวกันกลับเป็นชุดไปรเวทธรรมดาๆ และเผยใบหน้านิ่งเฉยของเขาที่ไร้หน้ากากปกปิดให้เจย์เห็น ทอมัสหันกลับมาเมื่อได้ยินคำพูดของคุโระเซะ ก่อนจะมองไปที่คอของชายหนุ่ม ตราสีดำคล้ายรอยสักที่มีรูปร่างคุ้นตาทำให้เขาถอนหายใจออกอย่างโล่งอกก่อนจะพูดต่อ

    “แล้วทำไมนายไปนั่งให้ไอ้ตัวพิลึกนั่นกินล่ะเนี่ย ถ้ารู้ว่าพวกเดียวกันฉันคงให้จัดการเองไปแล้ว”

    “คะ..คุณพูดอะไร ผมจะไปจัดการมันได้ยังไง”

    คำพูดและท่าทางสับสนของเจย์นั้นทำให้คุโรเซะและทอมัสมองหน้ากันอย่างช่วยไม่ได้

     


    “เฮ้อ สรุปพระเจ้าบอกนายแค่นั้นเหรอเนี่ย”

    ทอมัสกุมขมับเมื่อฟังเรื่องที่เจย์เล่า ในขณะที่เจย์ยังนั่งตัวเกร็งอยู่บนโซฟาราคาแพงที่คอนโดราคาสูงลิบของทอมัส

    “เจ้าก้อนกลมนั่นเอาแต่ใจจริงๆ”

    คุโรเซะพูดพลางจิบชาที่ทอมัสชงมาให้ ทอมัสค่อยๆเล่ารายละเอียดต่างๆที่จริงๆพระเจ้าก็ไม่ได้ให้พวกเขามามากมายนัก พระเจ้าเรียกพวกเขาว่าหนุ่มน้อยเวทมนตร์ พวกเขาถูกเลือกจากชายหนุ่มที่ตายภายในสัปดาห์ที่ผ่านมาเพื่อสู้กับจอมมารโดยที่พระเจ้าอ้างว่ามนุษย์ควรพึ่งพาตัวเองเสียบ้าง โดยทุกคนนั้นอยู่ในเมืองนี้ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศที่ทรงอิทธิพลที่สุดแห่งหนึ่งของโลก(ขี้เกียจตั้งชื่อ) แต่พวกเขานั้นไม่รู้ว่ามีทั้งหมดกี่คน หรือแต่ละคนเป็นใครบ้าง และคุโรเซะกับทอมัสเองก็เจอกันโดยบังเอิญเท่านั้น

    โดยปกติแล้วปีศาจจะไม่มีกลิ่นอายของมนตร์ดำจนกว่ามันจะใช้พลัง และเมื่อมีพลังด้านมืดอยู่ใกล้ๆในรัศมีสิบเมตรพวกเขาจะรู้สึกเจ็บแปล๊บเบาๆที่ตราของตัวเอง แต่หากมีปีศาจออกอาละวาดจะมีการแจ้งเตือนผ่านของติดตัวที่คล้ายตลับกระจกพับรูปร่างเป็นแป้นกลมๆ โดยปกติมันจะเป็นกระจกธรรมดาแต่เมื่อมีเหตุร้ายมันจะสั่นเตือนจนกว่าจะถูกเปิดออกและส่วนที่เป็นกระจกจะกล้ายเป็นแผนที่นำทาง ซึ่งเจย์เองก็มีเพียงแค่เขาไม่รู้และทิ้งมันไว้บนเตียงเท่านั้น

    พวกเขาสามารถใช้พลังตอนที่ไม่แปลงร่างได้แต่มันจะมีพลังแค่หนึ่งในสามของพลังจริงเท่านั้น ในการแปลงร่างนั้นก็ไม่ได้มีอะไรซับซ้อนเพียงแค่พูดว่าแปลงร่างเมื่อต้องการและพูดถอดชุดเมื่อต้องการถอดก็เท่านั้น ชุดนั้นสามารถขาดได้หากถูกทำให้เสียหายแต่เมื่อพวกเขาแปลงร่างอีกครั้งมันก็จะกลับสู่สภาพเดิมของมันเอง ชุดนั้นไม่สามารถโจมตีได้ด้วยสิ่งที่ไม่ใช่เวทมนตร์เช่นกระสุนปืนหรือมีด แต่หากสิ่งที่โจมตีมีการเจือปนของเวทมนตร์หรือปีศาจเพียงนิดเดียวมันก็สามารถเสียหายได้ หน้ากากเองก็เช่นกันที่ต้องถอดโดยผู้สวมหรือคนที่ใช้เวทมนตร์ได้เท่านั้น

    “นี่...ผมต้องเผชิญอะไรบ้างครับเนี่ย”

    เจย์ถามเมื่อฟังคำอธิบายของทอมัสหมด สีหน้าเขานั้นดูไม่เต็มใจที่จะรับพลังนี้นัก แต่ทอมัสก็ยืนยันว่าเขาไม่มีทางทำอะไรกับประสงค์ของพระเจ้าหัวร้อนได้หรอก

    “ฉันกลับล่ะ”

    คุโรเซะพูดขึ้นเมื่อเห็นนาฬิกาบอกเวลาตีสามกว่า เขาต้องรีบกลับก่อนที่คนที่บ้านจะตื่น และเพียงแค่กล่าวลาเสียงปิดประตูก็ดังขึ้นเสียแล้ว

    “ฉันไปส่งไหมเจย์ หรือจะค้างที่นี่ก็ได้นะ”

    ทอมัสถามด้วยรอยยิ้มใจดีแต่เจย์ก็ส่ายหน้า เขายังเกรงใจที่จะค้างในบ้านของคนที่เพิ่งรู้จักกันเช่นนี้ ทอมัสจึงไปส่งเขาที่บ้านและบอกเขาว่าควรจะหาอะไรมาปิดคอของเขาเสียหน่อย


    Divider by custom--boxes



    Pastel Divider by Toyeeba

    Kao Emoji-11 (Sneaky) [V1] by Jerikutoคุยกันแป๊บKao Emoji-11 (Sneaky) [V1] by Jerikuto
    ตอนแรกออกแล้วในที่สุดดดดด
    มาออกแค่วันเดียวก่อนเปิดเทอมเฉย
    ต้องขอบคุณท่านที่ปรึกษาและรีดเดอร์กิตติมาศักดิ์และบุหรี่สองมวน
    ที่ทำให้สมองเราขับเคลื่อนนะครับ
    คือตอนจะแต่งมันดันไปคิดจุดกลางๆก่อนเลยออกช้าหน่อยเพราะวนหาจุดเริ่มอยู่555
    โดยแต่ละตอนผมจะใช้คำว่าDRUGแทนChapterนะครับ
    ดรั้งที่เป็นสแลงการเสพยานั่นแหละครับ6666
    แต่ละตอนจะยาวประมาณ3-4หน้านะครับ(คือสั้นถ้าเทียบกับมาตรฐานของผมที่อยู่ที่5หน้า)
    ประเด็นหลักๆคือหัวไม่แล่นแนวแฟนตาซีอย่างที่เคยบอกครับ
    แล้วก็แค่อยากเขียนฉากแค่นั้นเอง ไม่ได้ตั้งใจเขียนเนื้อเรื่อง555

    รู้สึกยังไงหรือคิดว่าสำเนียงการเขียนเป็นยังไงบ้างก็บอกได้ละครับ
    เพราะเรื่องนี้ผมเอามันส์มากๆ ไม่แคร์อะไรเท่าไร
    ถ้าผมสะเปะสะปะหรือเละเทะไปก็ดึงผมกลับอ่าวได้นะครับ

    ตอนแรกผมตั้งใจจะให้เป็นสีชมพูดทั้งหมดเลยยันตัวอักษร แต่กลัวคนอ่านตาพล่ากันก่อนเลยเอางี้ดีกว่า

    แล้วก็ได้อิมเมจจอมมารกับพระเจ้าเวอร์แปลงร่างเป็นคนแล้วนะครับ
    ที่ช้าเพราะผมอยากให้พระเจ้ากับจมมารมีรูปที่มาจากนักวาดคนเดียวกันน่ะ
    คือจริงๆก็ตั้งใจว่าจะให้มันแปลงเป็นแป๊ะอะไรก็ได้นั่นแหละแต่เอาอิมเมจหนุ่มน้อยมาเป็นร่างแปลงร่างหลักน่ะ

    Pastel Divider by Toyeeba

    Syringe cute (left) by LoliGhostContinue anyway? by kicked-in-teethSyringe cute (right) by LoliGhost
    B
    E
    R
    L
    I
    N
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×