ลำดับตอนที่ #9
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : งานเลี้ยงของพวกจอห์นสัน
    “บ่ายนี้มีงานเลี้ยงที่สวนของพวกจอห์นสัน พวกเจ้าควรจะไป เฮ้อ ... ” โจเซเฟียทวนคำสั่งจากพ่อ “เรา ‘ควรจะ’ ไปซะทุกอย่างยกเว้นสิ่งที่เราอยากจะทำจริงๆ” นางบ่นของนางไปเรื่อยเปื่อย
    “เอาน่า มันก็ไม่ได้หนักหนาอะไรไม่ใช่เหรอ” น้องสาวถามระหว่างบนรถม้า จะเจอกันอีกแล้วสินะเฟรมลิน
    “อืม ในก็คงใช่” หญิงสาวมีสีหน้าไม่ค่อยสบายใจ
    “มีอะไรเหรอโจเซเฟีย”
    “ก็ ... งานรื่นเริง -- เจ้าคิดว่าไง” ผู้ถูกถามตอบ ลาลิเธียก็ยังไม่เข้าใจประเด็นอยู่ดี “เจ้าคิดว่าเราจะต้องเจอใครในงานนี่มั่งล่ะ” นางถอนหายใจแล้วเมินหน้าไปทางอื่น
    “เออ มันก็เยอะนะ แต่ถ้าพี่หมายถึงคนพิเศษอย่างเช่น ... อืม ... เมอร์คิวลัส เทรเชอร์ล่ะก็ ... ” คนพูดยิ้ม “เจ้ากลัวเขาหรือไงโจเซเฟีย”
    “เปล่า ข้าไม่ได้กลัว” หล่อนตอบ “ก็แค่ไม่อยากเจอเขาอีก ก็เท่านั้น” นางพึมพำเบาๆ
    “โถ โจเซเฟีย พี่คงไม่ได้กำลัง ... ” น้องสาวยิ้มเจ้าเล่ห์เบิกตาวาว กะพริบขนตางอนล้อพี่สาว
    “หยุดเลยลาลิเธีย เอาความคิดงี่เง่าของเจ้าออกจากหัวซะ” หญิงสาวพูดดุๆ แม้ทั้งโลกจะเหลือผู้ชายคนเดียวนางก็ไม่มีทางจะลงเอยกับเขาได้
    เมื่อรถม้าหยุดลงหน้าคฤหาสน์จอห์นสัน อันที่จริงมันเหมือนโรงแรมเสียมากกว่า โครงสร้างภายนอกเป็นอิฐโบราณให้ความรู้สึกเหมือนวนเวียนอยู่ในปราสาทเก่าๆ เมื่ออดีต ทีนี่มีโรงเบียร์ชั้นดี งานเลี้ยงนี้เป็นงานเล็กๆ ที่เชิญเฉพาะเหล่าเพื่อนฝูงเพื่อเป็นการต้อนรับการปรับปรุงสวนสาธารณะซึ่งเป็นหน้าเป็นตาของที่นี่
    “กุหลาบจากโอลด์แฮมเชียร์” โจเซเฟียยิ้มแล้วส่งกุหลาบแดงช่อใหญ่ให้เจ้าของบ้าน
    “ขอบคุณมากนะโจเซเฟีย” เฟรมลินรับด้วยความเต็มใจ มันจะมีความหมายมากไปกว่าการแสดงความยินดีรึเปล่านะ เขาเก็บความคิดของเขาไว้เงียบๆจนลืมคนยิ้มเก้ออีกคนนึง
    “โอ ไม่นะ” ช่วงนี้หญิงสาวกระซิบกับตัวเองบ่อยจริง ครั้งนี้ก็เช่นกัน
    “อะไร” น้องสาวถาม
    “ดูนั่นสิ” นางเพยิดหน้าไปทางโต๊ะเครื่องดื่มที่ตอนนี้ดูแน่นขนัด
    “ไหนกันล่ะพี่สาวที่รัก โอ สงสัยเราคงต้องเข้าไปทักเขาหน่อยแล้วล่ะ คนรู้จักกันไม่ใช่เหรอ” หญิงสาวไม่พูดเปล่าซ้ำยังลากตัวพี่สาวไปด้วย
    “อ้าว เมอร์คิวลัส มิน่าล่ะ โต๊ะมันถึงดูแน่น” เฟรมลินเดินตามพวกนางมาเอ่ยทักชายหนุ่มอีกคนที่ดูจะคุ้นเคยกันดี
    “สวัสดีท่านชายเมอร์คิวลัส” ลาลิเธียฉีกยิ้มทักทาย
    “ยินดีที่ได้เจอทุกคนที่นี่นะ” คนถูกทักตอบกลับมา ตาเขามองไปยังโจเซเฟียที่ก้มหน้างุดแล้วยิ้ม ลาลิเธียจึงสะกิดพี่สาว นางเงยหน้าขึ้นมาพบกับดวงตาอันอ่อนโยนแต่ร้อนแรงที่เคยเห็น วันนี้เขาดูดีมากกว่าปกติในเสื้อสีขาวสนิท ชายหนุ่มยังคงรอคำทักทายเล็กๆน้อยของเจ้าหล่อนอยู่ เขายิ้มพร้อมกับแก้วไวน์ในมือโดยไม่รู้หรอกว่ามันทำให้ภายในอกนางร้อนเป็นไฟ
    “ขอบคุณ” โจเซเฟียพูดกับเฟรมลินที่ยื่นแก้วน้ำผลไม้มาให้
    “ไม่ได้มาตั้งนาน” เมอร์คิวลัสพูด รู้สึกจะหมดหวังกับการรอแล้วล่ะ
    “ใช่สิ เจ้ามัวแต่ไปทำอะไรอยู่ล่ะ”
    “เดินเล่นแถวปักกิ่งน่ะสิ” เขาจิบไวน์
    “แค่เดินเล่นจริงเหรอ” เฟรมลินพูด ช่างตรงกับที่โจเซเฟียคิด “สาวๆที่นั่นไม่ถูกใจบ้างเลยหรือไง” เขาพูดต่อ
    “ชักไม่แน่ใจแล้วเหมือนกัน” ท่าทางของเขาดูดีมากๆ
    “ท่านชายเทรเชอร์ ช่วยส่งไวน์องุ่นให้ข้าหน่อยสิ” เสียงขัดจังหวะหวานๆ ดังมาจากด้านหลัง เจ้าของเสียงเป็นหญิงสาวในชุดหรูฟูฟ่องที่มีเพื่อนหญิงสองสามคนหนุนหลัง คนสนิทรอบข้างได้แต่เงียบรอคอยเหตุการณ์ต่อไป ซึ่งอาจจะทำให้ใครเสียหน้าไปเลยก็ได้
    “ได้สิ” ผิดขาดแฮะ เมอร์คิวลัสยิ้มและส่งสิ่งที่นางต้องการให้แต่โดยดี ผู้รับยืนนิ่งยังกับถูกตราตรึงด้วยสายตาของเขา
    “อลิเซีย ไวด์เดส ยินดีที่ได้รู้จักท่านชาย เรียกข้าว่าอลิเซียเฉยๆ ก็ได้” แก้มอลิเซียแดงระเรื่อเมื่อหล่อนยื่นมือมาข้างหน้า ดวงหน้าของนางเป็นรูปหัวใจน่าเอ็นดู เมื่อบวกเข้ากับดวงตากลมโตสีฟ้าและผมบลอนด์หยักศกก็ยิ่งทำให้นางดูคล้ายตุ๊กตาขึ้นไปอีก
    อลิเซียค่อยๆ ชักมือที่สัมผัสกับเมอร์คิวลัสออก “ข้าขอตัวก่อนนะ” นางยิ้มจนแทบจะปกปิดไม่อยู่ ท่านชายเพียงแต่ก้มศีรษะให้
    “คิดจะเปลี่ยนมาดเป็นนักรักแล้วเหรอเพื่อน” เฟรมลินถามเมื่อผู้หญิงเหล่านั้นเสร็จสิ้นการทอดสายตาและเดินผ่านไปแล้ว
    “เปล่าหรอกน่า คนอื่นขอให้ช่วย ทำได้ก็ทำ” เขาตอบเรียบๆ แต่กลับทำให้ใครบางคนหมั่นไส้ (ใครว่าท่านชายเทรเชอร์หยิ่ง ไม่จริ๊ง ไม่จริง เมื่อกี้เขายังจับมือกับอลิเซียอยู่เลย น่าอิจฉาจัง -- เสียงจากด้านหลังแว่วมาให้ได้ยิน)
    “ช่วงค่ำหลังพระจันทร์ขึ้น ดาวตรงโน้นจะสวย แสงจันทร์จะสาดเข้ามุมนั้นพอดี” เจ้าของที่แนะนำ
    “งั้นเราไปหาที่นั่งทางนั้นกันเถอะนะ” น้องสาวเสนอ นัยน์ตาแฝงไปด้วยความคิด
    “ทางนี้ ตามมาสิ”
    ทั้งสี่คุยกันไปเรื่อยเปื่อย แต่ดูเหมือนโจเซเฟียไม่ค่อยจะอยากพูดซักเท่าไหร่ เมอร์คิวลัสเล่าให้ฟังว่าเขาไปพักผ่อนที่จีนสองอาทิตย์ อันที่จริงก็ไปติดต่อเรื่องท่าจอดเรือสินค้า เทรเชอร์ทำธุรกิจท่องเที่ยวอยู่บ้าง แต่ช่วงหลังนี่มักจะไม่มีเวลาและหาลูกค้ายาก
    เฟรมลินกับเมอร์คิวลัสรู้จักกันมาตั้งแต่อายุสิบสอง จะว่าไปพวกเขาก็สนิทกันพอสมควรเพราะเมอร์คิวลัสไม่ใช่คนช่างพูดซ้ำยังอยู่ในตระกูลร่ำรวยเลยทำให้ไม่ค่อยมีใครกล้าคบกับเขาและถึงกับเกลียดขี้หน้าเขาไปเสียอีก (ข้อนี้โจเซเฟียเห็นด้วย) เฟรมลินยังจำเรื่องที่อันเดรีย โรล็องแกล้งเมอร์คิวลัสได้ อันเดรียเป็นลูกคนใหญ่คนโตและตัวร้ายประจำโรงเรียน เขากระชากสร้อยห้อยแหวนแต่งงานของพ่อแม่เมอร์คิวลัสไป
    “ตอนนั้นเมอร์คิวลัสเหมือนพวกขี้โรคจะตาย ไม่คิดว่าโตมาแล้วจะดูดีขนาดนี้หรอกนะ นั่นแหละ เขาก็วิ่งไล่ตามอันเดรียไป ใครก็รู้ว่าหมอนั่นเป็นนักวิ่ง ตามเท่าไหร่เขาก็ไม่ทัน ข้าเล่นอยู่แถวนั้นพอดี ข้าก็เลยเตะลูกบอลไปโดนท้องเขาเข้า เล่นเอาอันเดรียพูดไม่ออกเลยล่ะ หลังจากนั้นเมอร์คิวลัสถึงจะมาเอาสร้อยของเขาคืนไป เราก็เลยเป็นเพื่อนกันนับแต่นั้น และตั้งแต่ที่ข้าช่วยเขาก็ทำให้เราสองคนดังขึ้นมาเยอะ”
    “แต่ก็เกือบถูกพวกโรล็องเล่นเอาเหมือนกัน โชคดีที่มีคนเห็นเหตุการณ์หลายคน มันเลยเป็นอุบัติเหตุไป” เพื่อนเสริมขึ้นมา
    “แล้วตอนนี้แหวนนั่นอยู่ไหนเหรอ” ลาลิเธียที่ฟังมาตลอดถาม
    “อยู่นี่” เมอร์คิวลัสยื่นนิ้วก้อยข้างขวาให้หญิงสาวดู แหวนที่ล้อมนิ้วเขาอยู่เป็นเเหวนสีทองเรือนเกลี้ยงไร้หัวแหวน มีอักษรสลักเบาๆเป็นคำว่าเทรเชอร์
    “เอ่อ เฟรมลิน ข้าอยากไปเข้าห้องน้ำจะไปยังไงดีล่ะ” หญิงสาวคนเดิมกล่าวขึ้น
    “ให้ข้าพาไปจะดีกว่า มาสิลาลิเธีย” ชายหนุ่มยืนขึ้นแล้วพานางลุกออกไป
    ทิ้งให้โจเซเฟียและเมอร์คิวลัสอยู่กันสองคน
++++++++++++
อืมมาอัพเเหะๆ ขอบคุนที่ยังมีคนมาอ่านนะคะ จะให้เเก้ตรงไหนก็บอกกันได้นะ +++
    “เอาน่า มันก็ไม่ได้หนักหนาอะไรไม่ใช่เหรอ” น้องสาวถามระหว่างบนรถม้า จะเจอกันอีกแล้วสินะเฟรมลิน
    “อืม ในก็คงใช่” หญิงสาวมีสีหน้าไม่ค่อยสบายใจ
    “มีอะไรเหรอโจเซเฟีย”
    “ก็ ... งานรื่นเริง -- เจ้าคิดว่าไง” ผู้ถูกถามตอบ ลาลิเธียก็ยังไม่เข้าใจประเด็นอยู่ดี “เจ้าคิดว่าเราจะต้องเจอใครในงานนี่มั่งล่ะ” นางถอนหายใจแล้วเมินหน้าไปทางอื่น
    “เออ มันก็เยอะนะ แต่ถ้าพี่หมายถึงคนพิเศษอย่างเช่น ... อืม ... เมอร์คิวลัส เทรเชอร์ล่ะก็ ... ” คนพูดยิ้ม “เจ้ากลัวเขาหรือไงโจเซเฟีย”
    “เปล่า ข้าไม่ได้กลัว” หล่อนตอบ “ก็แค่ไม่อยากเจอเขาอีก ก็เท่านั้น” นางพึมพำเบาๆ
    “โถ โจเซเฟีย พี่คงไม่ได้กำลัง ... ” น้องสาวยิ้มเจ้าเล่ห์เบิกตาวาว กะพริบขนตางอนล้อพี่สาว
    “หยุดเลยลาลิเธีย เอาความคิดงี่เง่าของเจ้าออกจากหัวซะ” หญิงสาวพูดดุๆ แม้ทั้งโลกจะเหลือผู้ชายคนเดียวนางก็ไม่มีทางจะลงเอยกับเขาได้
    เมื่อรถม้าหยุดลงหน้าคฤหาสน์จอห์นสัน อันที่จริงมันเหมือนโรงแรมเสียมากกว่า โครงสร้างภายนอกเป็นอิฐโบราณให้ความรู้สึกเหมือนวนเวียนอยู่ในปราสาทเก่าๆ เมื่ออดีต ทีนี่มีโรงเบียร์ชั้นดี งานเลี้ยงนี้เป็นงานเล็กๆ ที่เชิญเฉพาะเหล่าเพื่อนฝูงเพื่อเป็นการต้อนรับการปรับปรุงสวนสาธารณะซึ่งเป็นหน้าเป็นตาของที่นี่
    “กุหลาบจากโอลด์แฮมเชียร์” โจเซเฟียยิ้มแล้วส่งกุหลาบแดงช่อใหญ่ให้เจ้าของบ้าน
    “ขอบคุณมากนะโจเซเฟีย” เฟรมลินรับด้วยความเต็มใจ มันจะมีความหมายมากไปกว่าการแสดงความยินดีรึเปล่านะ เขาเก็บความคิดของเขาไว้เงียบๆจนลืมคนยิ้มเก้ออีกคนนึง
    “โอ ไม่นะ” ช่วงนี้หญิงสาวกระซิบกับตัวเองบ่อยจริง ครั้งนี้ก็เช่นกัน
    “อะไร” น้องสาวถาม
    “ดูนั่นสิ” นางเพยิดหน้าไปทางโต๊ะเครื่องดื่มที่ตอนนี้ดูแน่นขนัด
    “ไหนกันล่ะพี่สาวที่รัก โอ สงสัยเราคงต้องเข้าไปทักเขาหน่อยแล้วล่ะ คนรู้จักกันไม่ใช่เหรอ” หญิงสาวไม่พูดเปล่าซ้ำยังลากตัวพี่สาวไปด้วย
    “อ้าว เมอร์คิวลัส มิน่าล่ะ โต๊ะมันถึงดูแน่น” เฟรมลินเดินตามพวกนางมาเอ่ยทักชายหนุ่มอีกคนที่ดูจะคุ้นเคยกันดี
    “สวัสดีท่านชายเมอร์คิวลัส” ลาลิเธียฉีกยิ้มทักทาย
    “ยินดีที่ได้เจอทุกคนที่นี่นะ” คนถูกทักตอบกลับมา ตาเขามองไปยังโจเซเฟียที่ก้มหน้างุดแล้วยิ้ม ลาลิเธียจึงสะกิดพี่สาว นางเงยหน้าขึ้นมาพบกับดวงตาอันอ่อนโยนแต่ร้อนแรงที่เคยเห็น วันนี้เขาดูดีมากกว่าปกติในเสื้อสีขาวสนิท ชายหนุ่มยังคงรอคำทักทายเล็กๆน้อยของเจ้าหล่อนอยู่ เขายิ้มพร้อมกับแก้วไวน์ในมือโดยไม่รู้หรอกว่ามันทำให้ภายในอกนางร้อนเป็นไฟ
    “ขอบคุณ” โจเซเฟียพูดกับเฟรมลินที่ยื่นแก้วน้ำผลไม้มาให้
    “ไม่ได้มาตั้งนาน” เมอร์คิวลัสพูด รู้สึกจะหมดหวังกับการรอแล้วล่ะ
    “ใช่สิ เจ้ามัวแต่ไปทำอะไรอยู่ล่ะ”
    “เดินเล่นแถวปักกิ่งน่ะสิ” เขาจิบไวน์
    “แค่เดินเล่นจริงเหรอ” เฟรมลินพูด ช่างตรงกับที่โจเซเฟียคิด “สาวๆที่นั่นไม่ถูกใจบ้างเลยหรือไง” เขาพูดต่อ
    “ชักไม่แน่ใจแล้วเหมือนกัน” ท่าทางของเขาดูดีมากๆ
    “ท่านชายเทรเชอร์ ช่วยส่งไวน์องุ่นให้ข้าหน่อยสิ” เสียงขัดจังหวะหวานๆ ดังมาจากด้านหลัง เจ้าของเสียงเป็นหญิงสาวในชุดหรูฟูฟ่องที่มีเพื่อนหญิงสองสามคนหนุนหลัง คนสนิทรอบข้างได้แต่เงียบรอคอยเหตุการณ์ต่อไป ซึ่งอาจจะทำให้ใครเสียหน้าไปเลยก็ได้
    “ได้สิ” ผิดขาดแฮะ เมอร์คิวลัสยิ้มและส่งสิ่งที่นางต้องการให้แต่โดยดี ผู้รับยืนนิ่งยังกับถูกตราตรึงด้วยสายตาของเขา
    “อลิเซีย ไวด์เดส ยินดีที่ได้รู้จักท่านชาย เรียกข้าว่าอลิเซียเฉยๆ ก็ได้” แก้มอลิเซียแดงระเรื่อเมื่อหล่อนยื่นมือมาข้างหน้า ดวงหน้าของนางเป็นรูปหัวใจน่าเอ็นดู เมื่อบวกเข้ากับดวงตากลมโตสีฟ้าและผมบลอนด์หยักศกก็ยิ่งทำให้นางดูคล้ายตุ๊กตาขึ้นไปอีก
    อลิเซียค่อยๆ ชักมือที่สัมผัสกับเมอร์คิวลัสออก “ข้าขอตัวก่อนนะ” นางยิ้มจนแทบจะปกปิดไม่อยู่ ท่านชายเพียงแต่ก้มศีรษะให้
    “คิดจะเปลี่ยนมาดเป็นนักรักแล้วเหรอเพื่อน” เฟรมลินถามเมื่อผู้หญิงเหล่านั้นเสร็จสิ้นการทอดสายตาและเดินผ่านไปแล้ว
    “เปล่าหรอกน่า คนอื่นขอให้ช่วย ทำได้ก็ทำ” เขาตอบเรียบๆ แต่กลับทำให้ใครบางคนหมั่นไส้ (ใครว่าท่านชายเทรเชอร์หยิ่ง ไม่จริ๊ง ไม่จริง เมื่อกี้เขายังจับมือกับอลิเซียอยู่เลย น่าอิจฉาจัง -- เสียงจากด้านหลังแว่วมาให้ได้ยิน)
    “ช่วงค่ำหลังพระจันทร์ขึ้น ดาวตรงโน้นจะสวย แสงจันทร์จะสาดเข้ามุมนั้นพอดี” เจ้าของที่แนะนำ
    “งั้นเราไปหาที่นั่งทางนั้นกันเถอะนะ” น้องสาวเสนอ นัยน์ตาแฝงไปด้วยความคิด
    “ทางนี้ ตามมาสิ”
    ทั้งสี่คุยกันไปเรื่อยเปื่อย แต่ดูเหมือนโจเซเฟียไม่ค่อยจะอยากพูดซักเท่าไหร่ เมอร์คิวลัสเล่าให้ฟังว่าเขาไปพักผ่อนที่จีนสองอาทิตย์ อันที่จริงก็ไปติดต่อเรื่องท่าจอดเรือสินค้า เทรเชอร์ทำธุรกิจท่องเที่ยวอยู่บ้าง แต่ช่วงหลังนี่มักจะไม่มีเวลาและหาลูกค้ายาก
    เฟรมลินกับเมอร์คิวลัสรู้จักกันมาตั้งแต่อายุสิบสอง จะว่าไปพวกเขาก็สนิทกันพอสมควรเพราะเมอร์คิวลัสไม่ใช่คนช่างพูดซ้ำยังอยู่ในตระกูลร่ำรวยเลยทำให้ไม่ค่อยมีใครกล้าคบกับเขาและถึงกับเกลียดขี้หน้าเขาไปเสียอีก (ข้อนี้โจเซเฟียเห็นด้วย) เฟรมลินยังจำเรื่องที่อันเดรีย โรล็องแกล้งเมอร์คิวลัสได้ อันเดรียเป็นลูกคนใหญ่คนโตและตัวร้ายประจำโรงเรียน เขากระชากสร้อยห้อยแหวนแต่งงานของพ่อแม่เมอร์คิวลัสไป
    “ตอนนั้นเมอร์คิวลัสเหมือนพวกขี้โรคจะตาย ไม่คิดว่าโตมาแล้วจะดูดีขนาดนี้หรอกนะ นั่นแหละ เขาก็วิ่งไล่ตามอันเดรียไป ใครก็รู้ว่าหมอนั่นเป็นนักวิ่ง ตามเท่าไหร่เขาก็ไม่ทัน ข้าเล่นอยู่แถวนั้นพอดี ข้าก็เลยเตะลูกบอลไปโดนท้องเขาเข้า เล่นเอาอันเดรียพูดไม่ออกเลยล่ะ หลังจากนั้นเมอร์คิวลัสถึงจะมาเอาสร้อยของเขาคืนไป เราก็เลยเป็นเพื่อนกันนับแต่นั้น และตั้งแต่ที่ข้าช่วยเขาก็ทำให้เราสองคนดังขึ้นมาเยอะ”
    “แต่ก็เกือบถูกพวกโรล็องเล่นเอาเหมือนกัน โชคดีที่มีคนเห็นเหตุการณ์หลายคน มันเลยเป็นอุบัติเหตุไป” เพื่อนเสริมขึ้นมา
    “แล้วตอนนี้แหวนนั่นอยู่ไหนเหรอ” ลาลิเธียที่ฟังมาตลอดถาม
    “อยู่นี่” เมอร์คิวลัสยื่นนิ้วก้อยข้างขวาให้หญิงสาวดู แหวนที่ล้อมนิ้วเขาอยู่เป็นเเหวนสีทองเรือนเกลี้ยงไร้หัวแหวน มีอักษรสลักเบาๆเป็นคำว่าเทรเชอร์
    “เอ่อ เฟรมลิน ข้าอยากไปเข้าห้องน้ำจะไปยังไงดีล่ะ” หญิงสาวคนเดิมกล่าวขึ้น
    “ให้ข้าพาไปจะดีกว่า มาสิลาลิเธีย” ชายหนุ่มยืนขึ้นแล้วพานางลุกออกไป
    ทิ้งให้โจเซเฟียและเมอร์คิวลัสอยู่กันสองคน
++++++++++++
อืมมาอัพเเหะๆ ขอบคุนที่ยังมีคนมาอ่านนะคะ จะให้เเก้ตรงไหนก็บอกกันได้นะ +++
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น