ลำดับตอนที่ #7
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : คำขอโทษจากเจ้าของร้านผ้า
    ก็อกๆๆ
    “บรูตัส” โจเซเฟียเปล่งเสียงเรียกเจ้าของบ้าน
    “ท่านหญิง” ชายร่างสูงเปิดประตูให้ “ทำไมท่านหญิงไม่บอกก่อนล่ะว่าจะมา” เขาดึงประตูเข้าไปด้านในตัวบ้านเป็นการเชื้อเชิญ
    “โทษที เอลดาร์ล่ะ” หญิงสาวถามพลางมองไปรอบๆ โจเซเฟียเดินเข้าไปหาน้องชายวัยเดียวกันที่เป็นลูกพี่ลูกน้องของนาง เอลดาร์ ฟาร์มุนด์
    เอลดาร์เป็นบุตรของฟีนิกซ์และซีเปีย ทั้งสองเป็นน้องท้องเดียวกันของควอนเต้ โชคดีที่เขาไม่มีอาการผิดปกติทางร่างกายอื่นได้นอกจากเป็นใบ้เท่านั้น การรับฟังและการได้ยินยังเป็นไปได้ดี น่าสงสารแต่ว่าพูดตอบไม่ได้ ช่างน่าอัดอั้นตันใจยิ่งนัก
    เมื่อเกือบยี่สิบปีที่แล้วฟีนิกซ์เกิดลักลอบได้เสียกับน้องสาวตนเอง เรื่องมาแดงขึ้นเมื่อซีเปียท้อง ควอนเต้ -- ซึ่งตอนนั้นดำรงตำแหน่งท่านเจ้าของโอลด์แฮมเชียร์แล้ว -- กลัวว่าจะเป็นที่ติฉินนินทาของผู้อื่นจึงขับไล่น้องทั้งสองออกจากนิวาสสถาน หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็พบหลานชายของตนในตะกร้าหน้าบ้านพร้อมจดหมายแสดงตัว และแล้วเอลดาร์ก็ตกอยู่ในความดูแลของแพทย์ประจำคฤหาสน์ตั้งแต่นั้นมา
    เขายิ้มให้พี่และน้องสาว
    “เป็นไงบ้าง” โจเซเฟียถาม เอลดาร์ยิ้มตอบ
    “ยังไม่มีทีท่าว่าอยากจะพูดขึ้นมาอีกเลยท่านหญิง เมื่อวันก่อนข้าพาเขาออกไปนั่งรถเล่นรอบเมืองมา” บรูตัสแถลง
    “รอบเมืองเลยเหรอ แถวนี้มีอะไรน่าสนใจบ้าง” หญิงสาวนั่งบนเก้าอี้รับแขกแล้วจิบชา เอลดาร์ยักไหล่ตอบแล้วหันไปหาปลาทองในโหลแก้ว เขาลูบไล้ไปตามโหลนั่นแล้วหัวเราะพลางกวักมือเรียกลาลิเธียซึ่งก็เดินไปอย่างจำใจ
    เอลดาร์ชี้ไปที่ปลาทองแล้วเบิกตา
    “ใช่ มันตัวโตมาก เจ้าให้อาหารมันมากไปรึเปล่า” เอลดาร์ตอบโดยการยิ้มแล้วหยิบถุงอาหารปลาที่เหลืออยู่เกือบครึ่งถุงเทลงไป “โอ ข้ารู้แล้วล่ะ” ลาลิเธียกึ่งยิ้มกึ่งหัวเราะ
    คนใบ้ทำไม้ทำมือเป็นนัยว่า ‘เจ้ายิ้มสวยดีนะ’ ทำเอาคนถูกชมยิ้มต่อไม่หยุดแล้วหันไปเจอกับรอยยิ้มภายใต้จมูกโด่งเป็นสันของเขา (ที่มีให้กับปลาทอง) เขาคงจะเป็นชายที่สมบูรณ์แบบหากมีพ่อแม่ดั่งคนปกติทั่วไป ตาแหลมคมคล้ายเหยี่ยวตัดกับขอบตาสีดำดูน่าหลงใหล โครงหน้าเขาลอกแบบจากพ่อมาอย่างไม่มีบิดพลิ้ว
    ราวๆ สิบโมงเช้า หญิงสาวทั้งสองก็ออกจากเรือนแพทย์ตรงไปยังโรงนาเพื่อเรียกรถเทียมม้า
    รถม้าแล่นไปทางตะวันออกกินระยะทางยี่สิบกว่าไมล์ เมื่อถึงที่หมายก็หยุดลงหน้าประตูเหล็กใหญ่โตแต่ก็ยังไม่มากพอที่จะปิดบังปราสาทหลังใหญ่สีขาวที่อยู่ภายหลังประตูบานนั้นซึ่งเป็นที่รู้จักในนาม ‘เอลวีฟ’ได้
    “โจเซเฟีย” เจ้าของบ้านส่งเสียงเรียกเพื่อนสาวขณะนั่งเล่นเพลินๆใต้ต้นไม้
    “อากาศที่นี่ไม่เคยไม่สดชื่นเลยนะ” ผู้ถูกทักสูดอากาศเข้าไปเต็มปอด
    “จริงอย่างที่เจ้าว่าล่ะ”
    “นี่อลิซาเบธ ข้าจะมาชวนเจ้าไปตัดเสื้อน่ะนะ” ลาลิเธียพูดขึ้นมาบ้าง
    “อืม ว่าไปข้าก็ไม่ได้แวะร้านเสื้อนานแล้ว งั้นมัวรออะไรกันอยู่ล่ะ” นางลุกขึ้นยืน “ว่าแต่ ... ได้ผ้ากันรึยัง”
    “เดี๋ยวเจ้าเอารถไปจอดข้างหลังก็ได้นะเจมีน” อลิซาเบธสั่งคนม้าหยุดรถหน้าร้านสวอนนิ่ง -- ชื่อมันคุ้นๆ หูโจเซเฟียนะ  -- ทั้งหมดเดินเข้าไปด้วยกัน
    “โอ ใครจะไปรู้ว่ามันคือร้านผ้า” ลาลิเธียกำลังตะลึงในความใหญ่โตของร้าน
      “เลือกดูก่อนสิ” โจเซเฟียพูดแล้วมองไปรอบๆ อย่างเรื่อยเปื่อย
    “เจ้ารู้จักที่นี่ได้ยังไง” ฟาร์มุนด์คนน้องถาม
    “เผอิญว่าข้าเป็นเพื่อนกับเจ้าของร้าน ถ้าเจอแล้วข้าจะแนะนำให้รู้จักละกัน” อลิซาเบธตอบ
    โจเซเฟียเดินไปทางอื่นจึงไม่ได้ยินสิ่งที่หญิงสาวทั้งสองสนทนากัน นางแตะปลายผ้าคลุมไหล่ที่ไหวเพราะแรงลมเบาๆ
    “ชอบเหรอท่านหญิง” เสียงที่เคยได้ยินมาก่อนทักทาย
    “ท่านชายวินสเลต” นางกล่าวเรียบๆและปล่อยมือจากผ้าผืนนั้น
    “เดี๋ยวสิท่านหญิง” เขาคว้าข้อมือของโจเซเฟียอีกคราเมื่อเห็นว่านางจะเดินหนี “ข้าขอโทษที่ทำให้ท่านหญิงโกรธเมื่อวันนั้น ยกโทษให้ข้าเถิดนะ”
    “ข้าไม่ได้โกรธอะไรท่าน กรุณาปล่อย” หญิงสาวสะบัดข้อมือ
    “แล้วทำไมท่านหญิงต้องหลบหน้าข้าล่ะ”
    “แล้วทำไมข้าต้องอยากเจอหน้าท่านด้วยล่ะ” รู้สึกว่านางจะถนัดในการย้อนคำพูดชายคนนี้เสียจริง “หลีกทางข้า หรือไม่ก็ไปในที่ที่ท่านมา”
    “แต่นี่ร้านข้านะ -- เถอะน่าท่านหญิง ข้าจะไม่ทำให้ท่านหญิงไม่พอใจข้าอีก ข้าจะไม่พูดแบบนั้นอีกแล้ว อภัยข้านะ ท่านหญิงฟาร์มุนด์” เขาพูด
    “ก็ได้ แต่ข้ายังยืนยันว่าข้าไม่ได้โกรธอะไรท่านชาย ตอนนี้ข้าต้องขอตัวก่อนนะ”
    “ตามสบาย ท่านหญิง” เฮนรี่ตอบพลางยิ้มด้วยความอารมณ์ดี แต่เขาก็ยังคงเดินหน้าต่อเรื่อยๆ
    “แล้วท่านเดินตามข้ามาทำไม” โจเซเฟียถามด้วยความรำคาญเต็มที
    “บริการลูกค้า” เฮนรี่พูดหน้าตาเฉย เขายังแอบยิ้มอีกต่างหาก
    “เชิญท่านไปบริการน้องกับเพื่อนข้าดีกว่า” พูดจบหล่อนก็เดินไปทางลาลิเธียและอลิซาเบธและหวังว่าคงจะมีใครช่วยเหลือนางได้
    “อ้าวเฮนรี่ วันนี้เจ้าอยู่ร้านด้วย”
    “ข้าก็ต้องมีที่อยู่เป็นหลักเป็นแหล่งบ้างสิ” เขาตอบอลิซาเบธ อารมณ์เขายังดีไม่เลิก
    “เออ ลาลิเธีย นี่เฮนรี่ วินสเลตแห่งสวอนนิ่ง เฮนรี่ นี่ลาลิเธียกับโจเซเฟีย บุตรีลอร์ดฟาร์มุนด์”
    “ยินดีที่ได้รู้จัก” เฮนรี่กล่าว
      เจ้าของร้านช่วยหญิงสาวเลือกซื้อสินค้า ลาลิเธียพอจะมองออกว่าเขาคิดยังไงกับพี่สาวนาง แต่ดูท่าทางพี่สาวที่รักจะตั้งแง่กับเขาเสียจริง เฮอะ คงยากล่ะเฮนรี่เอ๋ย
    “ไม่ให้ข้าไปส่งจริงๆเหรอ”
      “จริงสิ” โจเซเฟียกล่าวลาแล้วสั่งรถออก
      “ข้าสั่งให้เจมีนกลับไปแล้วนะ” หลังจากที่หญิงสาวเสร็จกิจในร้านเสื้อเเล้วก็คงต้องกลับบ้านใครบ้านมัน เเต่พี่สาวตัวดีสั่งให้คนรถกลับไปก่อนเนี่ยนะ
      “งั้นเราก็ต้อง ‘เดิน’ กันน่ะสิ โจเซเฟีย”
      “อืม ใช่ หิวจัง นี่ก็เย็นแล้ว หาอะไรกินกันหน่อยเถอะ” หญิงสาวพูดแล้วเดินเลียบทางเท้าไปเรื่อยจนถึงร้านกาแฟ
+++++++++++++++++++
เรื่องนี้เรื่องเเรก ฝากนิดๆ ละกันนะคะ โพสกันเยอะจะเป็นกำลังใจให้ผู้เขียนด้วยค่ะ
    “บรูตัส” โจเซเฟียเปล่งเสียงเรียกเจ้าของบ้าน
    “ท่านหญิง” ชายร่างสูงเปิดประตูให้ “ทำไมท่านหญิงไม่บอกก่อนล่ะว่าจะมา” เขาดึงประตูเข้าไปด้านในตัวบ้านเป็นการเชื้อเชิญ
    “โทษที เอลดาร์ล่ะ” หญิงสาวถามพลางมองไปรอบๆ โจเซเฟียเดินเข้าไปหาน้องชายวัยเดียวกันที่เป็นลูกพี่ลูกน้องของนาง เอลดาร์ ฟาร์มุนด์
    เอลดาร์เป็นบุตรของฟีนิกซ์และซีเปีย ทั้งสองเป็นน้องท้องเดียวกันของควอนเต้ โชคดีที่เขาไม่มีอาการผิดปกติทางร่างกายอื่นได้นอกจากเป็นใบ้เท่านั้น การรับฟังและการได้ยินยังเป็นไปได้ดี น่าสงสารแต่ว่าพูดตอบไม่ได้ ช่างน่าอัดอั้นตันใจยิ่งนัก
    เมื่อเกือบยี่สิบปีที่แล้วฟีนิกซ์เกิดลักลอบได้เสียกับน้องสาวตนเอง เรื่องมาแดงขึ้นเมื่อซีเปียท้อง ควอนเต้ -- ซึ่งตอนนั้นดำรงตำแหน่งท่านเจ้าของโอลด์แฮมเชียร์แล้ว -- กลัวว่าจะเป็นที่ติฉินนินทาของผู้อื่นจึงขับไล่น้องทั้งสองออกจากนิวาสสถาน หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็พบหลานชายของตนในตะกร้าหน้าบ้านพร้อมจดหมายแสดงตัว และแล้วเอลดาร์ก็ตกอยู่ในความดูแลของแพทย์ประจำคฤหาสน์ตั้งแต่นั้นมา
    เขายิ้มให้พี่และน้องสาว
    “เป็นไงบ้าง” โจเซเฟียถาม เอลดาร์ยิ้มตอบ
    “ยังไม่มีทีท่าว่าอยากจะพูดขึ้นมาอีกเลยท่านหญิง เมื่อวันก่อนข้าพาเขาออกไปนั่งรถเล่นรอบเมืองมา” บรูตัสแถลง
    “รอบเมืองเลยเหรอ แถวนี้มีอะไรน่าสนใจบ้าง” หญิงสาวนั่งบนเก้าอี้รับแขกแล้วจิบชา เอลดาร์ยักไหล่ตอบแล้วหันไปหาปลาทองในโหลแก้ว เขาลูบไล้ไปตามโหลนั่นแล้วหัวเราะพลางกวักมือเรียกลาลิเธียซึ่งก็เดินไปอย่างจำใจ
    เอลดาร์ชี้ไปที่ปลาทองแล้วเบิกตา
    “ใช่ มันตัวโตมาก เจ้าให้อาหารมันมากไปรึเปล่า” เอลดาร์ตอบโดยการยิ้มแล้วหยิบถุงอาหารปลาที่เหลืออยู่เกือบครึ่งถุงเทลงไป “โอ ข้ารู้แล้วล่ะ” ลาลิเธียกึ่งยิ้มกึ่งหัวเราะ
    คนใบ้ทำไม้ทำมือเป็นนัยว่า ‘เจ้ายิ้มสวยดีนะ’ ทำเอาคนถูกชมยิ้มต่อไม่หยุดแล้วหันไปเจอกับรอยยิ้มภายใต้จมูกโด่งเป็นสันของเขา (ที่มีให้กับปลาทอง) เขาคงจะเป็นชายที่สมบูรณ์แบบหากมีพ่อแม่ดั่งคนปกติทั่วไป ตาแหลมคมคล้ายเหยี่ยวตัดกับขอบตาสีดำดูน่าหลงใหล โครงหน้าเขาลอกแบบจากพ่อมาอย่างไม่มีบิดพลิ้ว
    ราวๆ สิบโมงเช้า หญิงสาวทั้งสองก็ออกจากเรือนแพทย์ตรงไปยังโรงนาเพื่อเรียกรถเทียมม้า
    รถม้าแล่นไปทางตะวันออกกินระยะทางยี่สิบกว่าไมล์ เมื่อถึงที่หมายก็หยุดลงหน้าประตูเหล็กใหญ่โตแต่ก็ยังไม่มากพอที่จะปิดบังปราสาทหลังใหญ่สีขาวที่อยู่ภายหลังประตูบานนั้นซึ่งเป็นที่รู้จักในนาม ‘เอลวีฟ’ได้
    “โจเซเฟีย” เจ้าของบ้านส่งเสียงเรียกเพื่อนสาวขณะนั่งเล่นเพลินๆใต้ต้นไม้
    “อากาศที่นี่ไม่เคยไม่สดชื่นเลยนะ” ผู้ถูกทักสูดอากาศเข้าไปเต็มปอด
    “จริงอย่างที่เจ้าว่าล่ะ”
    “นี่อลิซาเบธ ข้าจะมาชวนเจ้าไปตัดเสื้อน่ะนะ” ลาลิเธียพูดขึ้นมาบ้าง
    “อืม ว่าไปข้าก็ไม่ได้แวะร้านเสื้อนานแล้ว งั้นมัวรออะไรกันอยู่ล่ะ” นางลุกขึ้นยืน “ว่าแต่ ... ได้ผ้ากันรึยัง”
    “เดี๋ยวเจ้าเอารถไปจอดข้างหลังก็ได้นะเจมีน” อลิซาเบธสั่งคนม้าหยุดรถหน้าร้านสวอนนิ่ง -- ชื่อมันคุ้นๆ หูโจเซเฟียนะ  -- ทั้งหมดเดินเข้าไปด้วยกัน
    “โอ ใครจะไปรู้ว่ามันคือร้านผ้า” ลาลิเธียกำลังตะลึงในความใหญ่โตของร้าน
      “เลือกดูก่อนสิ” โจเซเฟียพูดแล้วมองไปรอบๆ อย่างเรื่อยเปื่อย
    “เจ้ารู้จักที่นี่ได้ยังไง” ฟาร์มุนด์คนน้องถาม
    “เผอิญว่าข้าเป็นเพื่อนกับเจ้าของร้าน ถ้าเจอแล้วข้าจะแนะนำให้รู้จักละกัน” อลิซาเบธตอบ
    โจเซเฟียเดินไปทางอื่นจึงไม่ได้ยินสิ่งที่หญิงสาวทั้งสองสนทนากัน นางแตะปลายผ้าคลุมไหล่ที่ไหวเพราะแรงลมเบาๆ
    “ชอบเหรอท่านหญิง” เสียงที่เคยได้ยินมาก่อนทักทาย
    “ท่านชายวินสเลต” นางกล่าวเรียบๆและปล่อยมือจากผ้าผืนนั้น
    “เดี๋ยวสิท่านหญิง” เขาคว้าข้อมือของโจเซเฟียอีกคราเมื่อเห็นว่านางจะเดินหนี “ข้าขอโทษที่ทำให้ท่านหญิงโกรธเมื่อวันนั้น ยกโทษให้ข้าเถิดนะ”
    “ข้าไม่ได้โกรธอะไรท่าน กรุณาปล่อย” หญิงสาวสะบัดข้อมือ
    “แล้วทำไมท่านหญิงต้องหลบหน้าข้าล่ะ”
    “แล้วทำไมข้าต้องอยากเจอหน้าท่านด้วยล่ะ” รู้สึกว่านางจะถนัดในการย้อนคำพูดชายคนนี้เสียจริง “หลีกทางข้า หรือไม่ก็ไปในที่ที่ท่านมา”
    “แต่นี่ร้านข้านะ -- เถอะน่าท่านหญิง ข้าจะไม่ทำให้ท่านหญิงไม่พอใจข้าอีก ข้าจะไม่พูดแบบนั้นอีกแล้ว อภัยข้านะ ท่านหญิงฟาร์มุนด์” เขาพูด
    “ก็ได้ แต่ข้ายังยืนยันว่าข้าไม่ได้โกรธอะไรท่านชาย ตอนนี้ข้าต้องขอตัวก่อนนะ”
    “ตามสบาย ท่านหญิง” เฮนรี่ตอบพลางยิ้มด้วยความอารมณ์ดี แต่เขาก็ยังคงเดินหน้าต่อเรื่อยๆ
    “แล้วท่านเดินตามข้ามาทำไม” โจเซเฟียถามด้วยความรำคาญเต็มที
    “บริการลูกค้า” เฮนรี่พูดหน้าตาเฉย เขายังแอบยิ้มอีกต่างหาก
    “เชิญท่านไปบริการน้องกับเพื่อนข้าดีกว่า” พูดจบหล่อนก็เดินไปทางลาลิเธียและอลิซาเบธและหวังว่าคงจะมีใครช่วยเหลือนางได้
    “อ้าวเฮนรี่ วันนี้เจ้าอยู่ร้านด้วย”
    “ข้าก็ต้องมีที่อยู่เป็นหลักเป็นแหล่งบ้างสิ” เขาตอบอลิซาเบธ อารมณ์เขายังดีไม่เลิก
    “เออ ลาลิเธีย นี่เฮนรี่ วินสเลตแห่งสวอนนิ่ง เฮนรี่ นี่ลาลิเธียกับโจเซเฟีย บุตรีลอร์ดฟาร์มุนด์”
    “ยินดีที่ได้รู้จัก” เฮนรี่กล่าว
      เจ้าของร้านช่วยหญิงสาวเลือกซื้อสินค้า ลาลิเธียพอจะมองออกว่าเขาคิดยังไงกับพี่สาวนาง แต่ดูท่าทางพี่สาวที่รักจะตั้งแง่กับเขาเสียจริง เฮอะ คงยากล่ะเฮนรี่เอ๋ย
    “ไม่ให้ข้าไปส่งจริงๆเหรอ”
      “จริงสิ” โจเซเฟียกล่าวลาแล้วสั่งรถออก
      “ข้าสั่งให้เจมีนกลับไปแล้วนะ” หลังจากที่หญิงสาวเสร็จกิจในร้านเสื้อเเล้วก็คงต้องกลับบ้านใครบ้านมัน เเต่พี่สาวตัวดีสั่งให้คนรถกลับไปก่อนเนี่ยนะ
      “งั้นเราก็ต้อง ‘เดิน’ กันน่ะสิ โจเซเฟีย”
      “อืม ใช่ หิวจัง นี่ก็เย็นแล้ว หาอะไรกินกันหน่อยเถอะ” หญิงสาวพูดแล้วเดินเลียบทางเท้าไปเรื่อยจนถึงร้านกาแฟ
+++++++++++++++++++
เรื่องนี้เรื่องเเรก ฝากนิดๆ ละกันนะคะ โพสกันเยอะจะเป็นกำลังใจให้ผู้เขียนด้วยค่ะ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น