ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กุหลาบเเห่งโอลด์เเฮมเชียร์

    ลำดับตอนที่ #7 : คำขอโทษจากเจ้าของร้านผ้า

    • อัปเดตล่าสุด 15 ก.ค. 48


         ก็อกๆๆ



         “บรูตัส” โจเซเฟียเปล่งเสียงเรียกเจ้าของบ้าน



         “ท่านหญิง” ชายร่างสูงเปิดประตูให้ “ทำไมท่านหญิงไม่บอกก่อนล่ะว่าจะมา” เขาดึงประตูเข้าไปด้านในตัวบ้านเป็นการเชื้อเชิญ



         “โทษที เอลดาร์ล่ะ” หญิงสาวถามพลางมองไปรอบๆ โจเซเฟียเดินเข้าไปหาน้องชายวัยเดียวกันที่เป็นลูกพี่ลูกน้องของนาง เอลดาร์ ฟาร์มุนด์



         เอลดาร์เป็นบุตรของฟีนิกซ์และซีเปีย ทั้งสองเป็นน้องท้องเดียวกันของควอนเต้ โชคดีที่เขาไม่มีอาการผิดปกติทางร่างกายอื่นได้นอกจากเป็นใบ้เท่านั้น การรับฟังและการได้ยินยังเป็นไปได้ดี น่าสงสารแต่ว่าพูดตอบไม่ได้ ช่างน่าอัดอั้นตันใจยิ่งนัก



         เมื่อเกือบยี่สิบปีที่แล้วฟีนิกซ์เกิดลักลอบได้เสียกับน้องสาวตนเอง เรื่องมาแดงขึ้นเมื่อซีเปียท้อง ควอนเต้ -- ซึ่งตอนนั้นดำรงตำแหน่งท่านเจ้าของโอลด์แฮมเชียร์แล้ว -- กลัวว่าจะเป็นที่ติฉินนินทาของผู้อื่นจึงขับไล่น้องทั้งสองออกจากนิวาสสถาน หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็พบหลานชายของตนในตะกร้าหน้าบ้านพร้อมจดหมายแสดงตัว และแล้วเอลดาร์ก็ตกอยู่ในความดูแลของแพทย์ประจำคฤหาสน์ตั้งแต่นั้นมา



         เขายิ้มให้พี่และน้องสาว



         “เป็นไงบ้าง” โจเซเฟียถาม เอลดาร์ยิ้มตอบ



         “ยังไม่มีทีท่าว่าอยากจะพูดขึ้นมาอีกเลยท่านหญิง เมื่อวันก่อนข้าพาเขาออกไปนั่งรถเล่นรอบเมืองมา” บรูตัสแถลง



         “รอบเมืองเลยเหรอ แถวนี้มีอะไรน่าสนใจบ้าง” หญิงสาวนั่งบนเก้าอี้รับแขกแล้วจิบชา เอลดาร์ยักไหล่ตอบแล้วหันไปหาปลาทองในโหลแก้ว เขาลูบไล้ไปตามโหลนั่นแล้วหัวเราะพลางกวักมือเรียกลาลิเธียซึ่งก็เดินไปอย่างจำใจ



         เอลดาร์ชี้ไปที่ปลาทองแล้วเบิกตา



         “ใช่ มันตัวโตมาก เจ้าให้อาหารมันมากไปรึเปล่า” เอลดาร์ตอบโดยการยิ้มแล้วหยิบถุงอาหารปลาที่เหลืออยู่เกือบครึ่งถุงเทลงไป “โอ ข้ารู้แล้วล่ะ” ลาลิเธียกึ่งยิ้มกึ่งหัวเราะ



         คนใบ้ทำไม้ทำมือเป็นนัยว่า ‘เจ้ายิ้มสวยดีนะ’ ทำเอาคนถูกชมยิ้มต่อไม่หยุดแล้วหันไปเจอกับรอยยิ้มภายใต้จมูกโด่งเป็นสันของเขา (ที่มีให้กับปลาทอง) เขาคงจะเป็นชายที่สมบูรณ์แบบหากมีพ่อแม่ดั่งคนปกติทั่วไป ตาแหลมคมคล้ายเหยี่ยวตัดกับขอบตาสีดำดูน่าหลงใหล โครงหน้าเขาลอกแบบจากพ่อมาอย่างไม่มีบิดพลิ้ว







         ราวๆ สิบโมงเช้า หญิงสาวทั้งสองก็ออกจากเรือนแพทย์ตรงไปยังโรงนาเพื่อเรียกรถเทียมม้า



         รถม้าแล่นไปทางตะวันออกกินระยะทางยี่สิบกว่าไมล์ เมื่อถึงที่หมายก็หยุดลงหน้าประตูเหล็กใหญ่โตแต่ก็ยังไม่มากพอที่จะปิดบังปราสาทหลังใหญ่สีขาวที่อยู่ภายหลังประตูบานนั้นซึ่งเป็นที่รู้จักในนาม ‘เอลวีฟ’ได้



         “โจเซเฟีย” เจ้าของบ้านส่งเสียงเรียกเพื่อนสาวขณะนั่งเล่นเพลินๆใต้ต้นไม้



         “อากาศที่นี่ไม่เคยไม่สดชื่นเลยนะ” ผู้ถูกทักสูดอากาศเข้าไปเต็มปอด



         “จริงอย่างที่เจ้าว่าล่ะ”



         “นี่อลิซาเบธ ข้าจะมาชวนเจ้าไปตัดเสื้อน่ะนะ” ลาลิเธียพูดขึ้นมาบ้าง



         “อืม ว่าไปข้าก็ไม่ได้แวะร้านเสื้อนานแล้ว งั้นมัวรออะไรกันอยู่ล่ะ” นางลุกขึ้นยืน “ว่าแต่ ... ได้ผ้ากันรึยัง”







         “เดี๋ยวเจ้าเอารถไปจอดข้างหลังก็ได้นะเจมีน” อลิซาเบธสั่งคนม้าหยุดรถหน้าร้านสวอนนิ่ง -- ชื่อมันคุ้นๆ หูโจเซเฟียนะ  -- ทั้งหมดเดินเข้าไปด้วยกัน



         “โอ ใครจะไปรู้ว่ามันคือร้านผ้า” ลาลิเธียกำลังตะลึงในความใหญ่โตของร้าน



          “เลือกดูก่อนสิ” โจเซเฟียพูดแล้วมองไปรอบๆ อย่างเรื่อยเปื่อย



         “เจ้ารู้จักที่นี่ได้ยังไง” ฟาร์มุนด์คนน้องถาม



         “เผอิญว่าข้าเป็นเพื่อนกับเจ้าของร้าน ถ้าเจอแล้วข้าจะแนะนำให้รู้จักละกัน” อลิซาเบธตอบ



         โจเซเฟียเดินไปทางอื่นจึงไม่ได้ยินสิ่งที่หญิงสาวทั้งสองสนทนากัน นางแตะปลายผ้าคลุมไหล่ที่ไหวเพราะแรงลมเบาๆ



         “ชอบเหรอท่านหญิง” เสียงที่เคยได้ยินมาก่อนทักทาย



         “ท่านชายวินสเลต” นางกล่าวเรียบๆและปล่อยมือจากผ้าผืนนั้น



         “เดี๋ยวสิท่านหญิง” เขาคว้าข้อมือของโจเซเฟียอีกคราเมื่อเห็นว่านางจะเดินหนี “ข้าขอโทษที่ทำให้ท่านหญิงโกรธเมื่อวันนั้น ยกโทษให้ข้าเถิดนะ”



         “ข้าไม่ได้โกรธอะไรท่าน กรุณาปล่อย” หญิงสาวสะบัดข้อมือ



         “แล้วทำไมท่านหญิงต้องหลบหน้าข้าล่ะ”



         “แล้วทำไมข้าต้องอยากเจอหน้าท่านด้วยล่ะ” รู้สึกว่านางจะถนัดในการย้อนคำพูดชายคนนี้เสียจริง “หลีกทางข้า หรือไม่ก็ไปในที่ที่ท่านมา”



         “แต่นี่ร้านข้านะ -- เถอะน่าท่านหญิง ข้าจะไม่ทำให้ท่านหญิงไม่พอใจข้าอีก ข้าจะไม่พูดแบบนั้นอีกแล้ว อภัยข้านะ ท่านหญิงฟาร์มุนด์” เขาพูด



         “ก็ได้ แต่ข้ายังยืนยันว่าข้าไม่ได้โกรธอะไรท่านชาย ตอนนี้ข้าต้องขอตัวก่อนนะ”



         “ตามสบาย ท่านหญิง” เฮนรี่ตอบพลางยิ้มด้วยความอารมณ์ดี แต่เขาก็ยังคงเดินหน้าต่อเรื่อยๆ



         “แล้วท่านเดินตามข้ามาทำไม” โจเซเฟียถามด้วยความรำคาญเต็มที



         “บริการลูกค้า” เฮนรี่พูดหน้าตาเฉย เขายังแอบยิ้มอีกต่างหาก



         “เชิญท่านไปบริการน้องกับเพื่อนข้าดีกว่า” พูดจบหล่อนก็เดินไปทางลาลิเธียและอลิซาเบธและหวังว่าคงจะมีใครช่วยเหลือนางได้



         “อ้าวเฮนรี่ วันนี้เจ้าอยู่ร้านด้วย”



         “ข้าก็ต้องมีที่อยู่เป็นหลักเป็นแหล่งบ้างสิ” เขาตอบอลิซาเบธ อารมณ์เขายังดีไม่เลิก



         “เออ ลาลิเธีย นี่เฮนรี่ วินสเลตแห่งสวอนนิ่ง เฮนรี่ นี่ลาลิเธียกับโจเซเฟีย บุตรีลอร์ดฟาร์มุนด์”



         “ยินดีที่ได้รู้จัก” เฮนรี่กล่าว



          เจ้าของร้านช่วยหญิงสาวเลือกซื้อสินค้า ลาลิเธียพอจะมองออกว่าเขาคิดยังไงกับพี่สาวนาง แต่ดูท่าทางพี่สาวที่รักจะตั้งแง่กับเขาเสียจริง เฮอะ คงยากล่ะเฮนรี่เอ๋ย







         “ไม่ให้ข้าไปส่งจริงๆเหรอ”



          “จริงสิ” โจเซเฟียกล่าวลาแล้วสั่งรถออก







          “ข้าสั่งให้เจมีนกลับไปแล้วนะ” หลังจากที่หญิงสาวเสร็จกิจในร้านเสื้อเเล้วก็คงต้องกลับบ้านใครบ้านมัน เเต่พี่สาวตัวดีสั่งให้คนรถกลับไปก่อนเนี่ยนะ



          “งั้นเราก็ต้อง ‘เดิน’ กันน่ะสิ โจเซเฟีย”



           “อืม ใช่ หิวจัง นี่ก็เย็นแล้ว หาอะไรกินกันหน่อยเถอะ” หญิงสาวพูดแล้วเดินเลียบทางเท้าไปเรื่อยจนถึงร้านกาแฟ



    +++++++++++++++++++



    เรื่องนี้เรื่องเเรก ฝากนิดๆ ละกันนะคะ โพสกันเยอะจะเป็นกำลังใจให้ผู้เขียนด้วยค่ะ









    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×