ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กุหลาบเเห่งโอลด์เเฮมเชียร์

    ลำดับตอนที่ #5 : ในห้องหนังสือ

    • อัปเดตล่าสุด 3 พ.ค. 48


         “ข้าจะพาท่านไปเที่ยวชมห้องหนังสือ เชิญทางนี้” วาลเดียร์เดินนำหน้ากับลาลิเธีย ส่วนเกรกอรี่ขอแยกตัวไป



         ทางเดินของโอลด์แฮมเชียร์กว้างขวาง ระยะทางจากห้องทำงานไปยังห้องหนังสือนับว่ายาวไกลทีเดียว ผนังทางเดินเป็นสีครีมอ่อนๆประดับด้วยต้นไม้เล็กๆและรูปภาพของท่านเจ้าและเครือญาติรุ่นก่อนๆ



         “ท่านหญิงว่าท่านชายเทรเชอร์ดูเป็นไงบ้าง” เขาพูดกับลาลิเธียเบาๆระหว่างที่เทรเชอร์ทั้งสองกำลังชมผนังอยู่



         “ก็คงดีอยู่หรอก แต่เขาเงียบเกินไปจนดูหยิ่ง แล้วข้าก็ไม่ชอบคนหยิ่ง”



         “โอกาสที่ท่านหญิงจะได้เขามาเป็นพี่เขยมีสูงเชียว” วาลเดียร์ยิ้มกับตัวเอง



         “อะไรกัน ทำไมเจ้าว่าเช่นนั้น” ดวงตากลมโตสีน้ำผึ้งล้อถามและหัวเราะ



         “ข้าดูจากสายตาท่านเจ้าแล้ว ท่านคงอยากให้ท่านหญิงโจเซเฟียสบาย”



         “เฮอะ แต่ดูท่าทางโจเซเฟียจะไม่คิดอย่างนั้นนะ” จริงล่ะ นางรู้จักพี่สาวตัวเองดี







         “ถึงแล้ว ลอร์ดเทรเชอร์” วาลเดียร์พูดพร้อมเปิดประตูห้องหนังสือบานหนาเเละหนักออก



         “โอ ใหญ่กว่าที่นอร์ธแธมเชียร์มาก” ทาร์ทัสพูด



         “นี่คือห้องหนังสือใหญ่ของบ้าน ยังมีอีกสองห้องทางด้านหลังและด้านบน แต่นี่คือห้องที่เหล่าฟาร์มุนด์โปรดปรานที่สุด ห้องนวนิยาย” วาลเดียร์แนะนำเสร็จสรรพ



         “อลังการ คือนิยามของข้าต่อห้องหนังสือนี่” ทาร์ทัสกล่าวชม



         “ขอบคุณท่านเจ้า ในห้องนี้ประดับไปด้วยรูปภาพของท่านเจ้านางท่านก่อนๆ” เขาผายมือไปยังผนัง “ท่านเจ้านางเอเลน่า มารดาแห่งท่านหญิงโจเซเฟียเเละลาลิเธีย” วาลเดียร์ขยับเข้าใกล้รูปวาดบนผนังด้านที่ว่าซึ่งเป็นรูปของหญิงสาวผมทอง ดวงตาสีน้ำตาลพราวประกาย ผิวขาวอมเหลือง นิ้วมือเรียวประดับด้วยแหวนและอัญมณีสีทับทิม นางนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้และกำลังส่งยิ้มให้ทุกคน



         “งามมาก งามจนข้าไม่แปลกใจเลยว่าใยบุตรีของนางจึงได้ชื่อว่างามที่สุด” ทาร์ทัสมองรูปภาพนั้น



         ทาร์ทัส เทรเชอร์เป็นหนุ่มใหญ่ที่แลดูไม่แก่นัก ผมสีดอกเลาดัดและมัดไว้หลวมๆด้านหลังศรีษะแบนเรียว ตาสีเขียวดั่งพงไพรบ่งบอกถึงตัวตนของเขา ว่าเป็นคนใจเย็น สุขุม รอบคอบและฉลาด ใบหน้ายังคงมีร่องรอยของความหนุ่มในอดีตอยู่เสมอ ซึ่งก็คงไม่ต่างอะไรจากเมอร์คิวลัสในยามปัจจุบัน



         “ท่านพ่อ ข้าอยากจะอยู่ที่นี่ซักครู่ จะว่ากระไรไหม” เมอร์คิวลัสพูดขึ้น ประโยคสุดท้ายเขาหันไปถามวาลเดียร์ ชายหนุ่มยิ้มน้อยๆบนเรียวปาก ลาลิเธียจึงไม่แปลกใจในสิ่งที่วาลเดียร์บอกกับนาง



         “ไม่มีปัญหาหากนั่นคือความต้องการของท่านชาย” ผู้ถูกถามตอบ



         “ขอบคุณ” สีหน้าท่านชายกลับไปราบเรียบเช่นเดิม



         “เออ แต่ข้าไม่ค่อยชอบอยู่ในนี้ซักเท่าไหร่น่ะสิ” ทาร์ทัสบ่น “เจ้าอยู่คนเดียวได้ไหม”



         เมอร์คิวลัสพยักหน้า



         “งั้น เจ้าพาข้าไปที่อื่นดีกว่านะวาลเดียร์ หวังว่าเจ้าจะไปห้องอาหารถูกนะ” เขายิ้มให้ลูกชาย



         “น่าจะได้ ได้ ท่านพ่อ”



         “ไปกันเถอะ ข้าไม่ชอบกลิ่นหนังสือเลยล่ะ” เทรเชอร์ยิ้มอีกและปล่อยให้ลูกชายอยู่ตามลำพัง







         โจเซเฟียนั่งรอให้พ่อเดินออกห่างไปซักครู่แล้วจึงออกจากห้องทำงาน



         “ข้าไปขลุกอยู่ในห้องหนังสือยังจะดีซะกว่าเห็นหน้าพวกเทรเชอร์” พูดจบนางก็เดินทางไปยังที่หมาย “หวังว่าวาลเดียร์จะพาพวกนั้นออกไปแล้วนะ” โจเซเฟียผลักประตูเข้าไป



         ภายในห้องมีกลิ่นอับหนังสือ เงียบสงบ แต่เปิดไฟทิ้งไว้



         “โล่งอก” นางพึมพำแล้วเดินไปที่ชั้นหนังสือ



         โจเซเฟียเจอหนังสือที่ตนต้องการแล้ว แต่ มันอยู่สูงเกินไป



         นางพยายามเอื้อม เอื้อมขึ้นไปอีก เขย่งปลายเท้าขึ้น สูงขึ้น  สูงขึ้น จนในที่สุดก็ถึงจุดหมาย มือของนางจับได้สันหนังสือ นางดึงมันลงมา และแรงดึงนั้นเองทำให้ทำให้หนังสือสีเขียวเล่มบางตกลงมาด้วย โจเซเฟียก้มลงไปหยิบ แต่แล้วนางก็เกือบจะหวีดร้องออกมาด้วยความตกใจเมื่อเห็นมือข้างหนึ่งที่ไม่ใช่ของนางลอยอยู่เหนือหนังสือ ฤาถิ่นนี้จะมีอาถรรพ์ เป็นไปไม่ได้ เพราะนี่คือโอลด์แฮมเชียร์ของนาง



         “ท่านชายเทรเชอร์” โจเซเฟียร้องเมื่อเห็นเจ้าของมือ



         เมอร์คิวลัส เทรเชอร์ เป็นชายร่างผอมสูง ใบหน้าเรียว จมูกแหลม คางมน ขนตาดำสนิท ผมสีดำตัดสั้นเพียงต้นคอ ตาสีเขียวคล้ายมรกตเหมือนพ่อ แตกต่างเพียงความแวววาวร้อนแรงที่ทออยู่ในดวงตาเเต่ก็เเฝงไปด้วยความนิ่งดั่งทะเลไร้คลื่น สมกับที่เขาเป็นท่านชายผู้ร่ำรวยและหรูหราด้วยผิวขาวที่จัดได้ว่าขาวมากของเขา



         เมอร์คิวลัสไม่ว่ากระไร เขาเพียงแต่จ้องมองดวงหน้าสีชมพูของหญิงสาวแล้วเก็บหนังสือให้เข้าที่



         โจเซเฟียรู้สึกถึงความร้อนที่แผ่ซ่านตามใบหน้าเมื่อสบตาเขา จะขยับตัวหรือพูดอะไรก็ทำไม่ได้คล้ายถูกตรึงอยู่กับที่ ชายหนุ่มคิดว่าเป็นการไม่ดีเท่าไหร่ที่มายุ่มย่ามในบ้านของคนอื่น (โดยเฉพาะเวลาเจ้าของบ้านจับได้) เขาจึงเดินออกจากห้องไป



         “ท่านจะอยู่ที่นี่ก่อนก็ได้นะ” ร่างบางพูดออกไปแล้วค่อยมาแปลกใจทีหลัง “เอ่อ ... ข้าหมายถึง มันคงไม่ดีนักถ้าท่านจะมาเดินเพ่นพ่านในบ้านข้า” เหตุผลพอฟังได้ ก็จริงอยู่นั่นล่ะ นางถึงไม่เข้าใจความคิดของท่านพ่อตัวเอง



         ผู้ได้รับเชิญหยุด ถ้าเขาเป็นเจ้าของบ้านก็คงคิดเช่นกัน อีกอย่าง คำเชื้อเชิญจากสตรีไม่ใช่สิ่งที่ควรปฏิเสธ เขาจึงหันหลังกลับมาและยิ้มอย่างอ่อนโยนบางๆ แล้วนั่งลงข้างนาง ทำให้ผู้นั่งอยู่ก่อนต้องหันหน้าหนีด้วยความกลัวใจตัวเอง หญิงสาวแอบหัวเราะกับท่าทีของเขา



         “ขอบคุณ ท่านหญิง” เมอร์คิวลัสกล่าว



         ชายหนุ่มใจลอยไปยังโต๊ะ ส่วนท่านหญิงก็พลิกหนังสือไปเรื่อยแต่อ่านรู้เรื่องได้ยากเต็มที







         เวลาผ่านไปแล้วไปเล่า โจเซเฟียเงยหน้ามองนาฬิกา



         “จวนจะหกโมงแล้ว ไปสายเดี๋ยวโดนเอ็ดอีก” นางปิดหนังสือวางไว้ที่โต๊ะแล้วออกจากห้องไปโดยมีเทรเชอร์หนุ่มเดินตาม



         “หกโมงแล้วยังไม่เปิดไฟกันอีกหรือนี่” โจเซเฟียบ่นเมื่อทางเดินมืดมาก นางคงจะไม่หลงทางหรอก หากแต่ผู้มาเยือนล่ะ



         “โอ๊ย !” เมอร์คิวลัสชนเสาตรงหัวมุมเข้าอย่างจัง หญิงสาวชั่งใจอยู่ซักครู่แล้วจึงหันหลังกลับไปดูอาการคนซุ่มซ่ามที่เอามือกุมศรีษะ



         “เป็นอะไรมากไหม” นางถาม



         “ไม่” เขาส่ายหน้าและค่อยๆ ยืนขึ้นด้วยความมึน เมอร์คิวลัสทำท่าเหมือนจะล้ม โจเซเฟียเลยจับแขนเขาไว้ แต่เมื่อนึกได้ว่านั่นคือท่านชายเทรเชอร์ผู้ซึ่งไม่ต้องการความช่วยเหลือใดใด นางจึงปล่อยให้คนตัวใหญ่พิงกำแพง เมื่อเห็นว่าเขาค่อยยังชั่วแล้วจึงเดินออกมา



         “เดินระวังด้วยล่ะ” เจ้าหล่อนพูดกับเขา “ถ้าท่านชายไม่อยากเดินชนอะไรอีกน่ะ” นางยิ้มเยาะซึ่งเขาก็มองไม่เห็น เมอร์คิวลัสเดินตามอย่างว่าง่าย









    ++++++++++++++++++++++++



    ขอบคุนที่มาเยี่ยมนะคะ





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×