คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : รอยยิ้มของคนเจ้าเล่ห์
7
รอยยิ้มของคนเจ้าเล่ห์
หลังจากที่เมื่อคืนรอดเงื้อมมือมาจากชายหนุ่มได้เธอก็เอาแต่นึกโทษโกรธตัวเองถึงความใจง่าย แค่โดนกอดจูบลูบคลำก็อ่อนเป็นขี้ผึ้งลนไฟ ที่น่าเจ็บใจที่สุดคือแม้เธอจะรู้สึกเสียใจที่โดนย่ำยี แต่อีกใจกลับไขว้เขวเหมือนจะยินยอมพร้อมใจ หญิงสาวไม่รู้ว่าอาการที่เกิดขึ้นเป็นเพราะตั้งแต่เด็กจนโตหรือแม้แต่ตอนเรียนมหาวิทยาลัย เธอมีแต่เพื่อนผู้หญิงที่สนิทชิดเชื้อ เพื่อนผู้ชายส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นประเภทที่ระบุเพศแน่ชัดไม่ได้ คนงานที่สวนถ้าไม่เด็กกว่าก็แก่กว่าจนไม่รู้สึกวูบวาบหวั่นไหวเวลาพบเจอ ดังนั้นพอมาเจอคนที่รูปร่างหน้าตาหล่อเว่อร์แบบอิทธิฤทธิ์ ถึงเธอจะนึกเหม็นขี้หน้า แต่พอถูกเขาจู่โจมก็ปั่นป่วนเหมือนผู้หญิงไร้เดียงสาที่ไม่เคยใกล้ชิดกับเพศผู้มาก่อนหรือไม่ แต่ที่แน่ๆ งานนี้มีเคืองไปถึงคนเป็นพี่ ผู้ที่เป็นสาเหตุให้เธอต้องมาจมอยู่ในบ้านหลังนี้และต้องเกือบเสียพรหมจารีย์ที่หวงแหนไป
กระนั้นเมื่อเธอค้นกระเป๋าซึ่งยังไม่ได้เอาของทั้งหมดมาเก็บเข้าตู้ เพื่อหาชุดใส่เตรียมลากกระเป๋าหนีออกไปจากไร่แต่หัววัน เธอก็เกิดความโลเลเมื่อเห็นอุปกรณ์ที่พี่สาวจับยัดมาให้ ไม่ว่าจะเป็นสเปรย์พริกไทยหรือแม้แต่เครื่องช็อตไฟฟ้า เธอสัมผัสได้ถึงความห่วงใยที่มีให้กันแม้ภายนอกพี่ของเธอจะดูเลิศเชิดหยิ่งและเห็นแก่ตัว แต่จริงๆ แล้วก็มีอยู่บ่อยครั้งที่พี่สาวออกตัวเป็นห่วงอยู่หลายครั้งเหมือนกัน
ร่างบางทอดถอนหายใจมาอีกเฮือก ตอนนี้เวลาก็ล่วงเลยมาเกือบจะเจ็ดโมงเช้า อีกสามสิบนาทีจะได้เวลาลงไปโต๊ะรับประทานอาหาร การบอกกล่าวขอลาจากคุณนายสุโกศลเธอยังไม่รู้สึกลำบากใจเท่ากับการโทรไปหาพี่แล้วบอกว่างานนี้คงต้องถอนตัว กระนั้นเมื่อหวนระลึกถึงสิ่งที่อาจจะต้องเสีย ซึ่งมันไม่คุ้มกับสิ่งที่จะได้ มือบางก็จัดการคว้าโทรศัพท์มือถือขึ้นมาอย่างแน่วแน่ ตัดสินใจโทรออกไปไม่ว่าจะเป็นยังไงก็ตาม
“พี่เพชร พลอยมีเรื่องจะคุยด้วย คือว่า....”
“โทรมาแต่เช้าก็ดีเลยยายพลอย พี่มีเรื่องจะเล่าให้ฟัง พี่เพิ่งจะพบกับรักแรก ไม่น่าเชื่อเลยว่ามันจะเกิดขึ้นมาได้”
เสียงร่าเริงจากปลายทางทำให้พลอยชมพูอึกอัก แต่เมื่อได้ยินว่าพี่สาวไปพบเจอรักแรกพบเธอก็เหยียดกายนั่งตัวตรง สีหน้าแสดงความตกใจขึ้นมาทันที
“รักแรกพบเหรอ ใช่ผู้ชายคนเดียวกับที่พี่กำลังจะกินตับตอนที่โทรมาหาพลอยครั้งล่าสุดหรือเปล่า”
“ไม่ใช่ย่ะ! นั่นมันแค่ของกินเล่น รักแรกที่พี่พูดถึง พี่หมายถึงคนที่เพิ่งจะเจอที่งานวันเกิดเพื่อนเก่าของพี่ต่างหาก”
เพชรไพลินส่งเสียงเหมือนเอ็ดมาในคราวแรก หล่อนไม่ค่อยชอบให้ใครพูดถึงของใช้แล้วที่เขี่ยทิ้งให้รำคาญหู แต่พอเริ่มเกริ่นถึงเทพบุตรในฝัน หล่อนก็เริ่มสาธยายถึงความเป็นสุภาพบุรุษที่ไม่เคยพบเจอ ให้เกียรติไม่แตะเนื้องต้องตัวทั้งๆ ที่พยายามให้ท่าแบบมีชั้นเชิงอยู่หลายคราว เพชรไพลินและผู้ชายคนนั้นต่างรู้สึกถูกตาต้องใจตั้งแต่แรกเห็น บุคลิกรูปร่างหน้าตาการศึกษาทุกอย่างดีพร้อม ตรงตามแบบที่หล่อนต้องการทุกอย่าง
“พี่ต้องขอบใจพลอยมากๆ เลยนะที่พลอยยอมช่วยพี่ เสียสละปลอมเป็นพี่ไปอยู่ที่ไร่นั่น ถ้าหากพลอยไม่ช่วยป่านนี้พี่คงจะอยู่ตรงนั้น ต้องทนเห็นหน้าคนที่ไม่ได้รัก และพลาดโอกาสที่จะเจอกับคนที่พี่กำลังตามมาหาทั้งชีวิต”
วลีของคนเป็นพี่เน่าได้ใจ แต่ถึงอย่างนั้นคนเป็นน้องที่กำลังนั่งฟังนิยายความรักฉบับสายฟ้าแลบก็สับสน ไม่รู้ว่าควรจะแสดงความยินดีให้กับพี่ของเธอ หรือแสดงความเวทนาให้กับตนเองก่อนดี พลอยชมพูรู้เสมอว่าพี่สาวที่ทั้งสวย ทั้งฉลาดและเข้าสังคมได้ดี ไม่เหมือนเธอที่กว่าจะเอ็นติดก็ใช้เวลาอ่านหนังสือคูณสองเท่าของคนเป็นพี่ รูปร่างหน้าตาเหมือนกันด้วยความที่เป็นฝาแฝดจนบ่อยครั้งคนใกล้ชิดยังแยกไม่ออก แต่พี่ของเธอก็มีปมในเรื่องของความรักความอบอุ่น คนที่ทำใจไม่ได้มากที่สุดตอนพ่อแม่เลิกกันคือเพชรไพลิน ในตอนนั้นแม่ของเธอเลือกที่จะเลี้ยงดูพวกเธอ โดยให้สิทธิ์คนเป็นพ่อแค่มาเยี่ยมหรือพาไปอยู่ด้วยช่วงปิดเทอม
แต่เมื่อถึงวันที่พ่อและแม่ของเธอต้องแยกจาก เธอกับพี่ตัดสินใจหนีออกจากบ้านเพราะรับไม่ได้กับความแตกแยก เด็กหญิงในวันสิบสองสองคน มีเงินติดตัวจากกระปุกออมสินที่เก็บหอมรอมริบ เมื่อเรียกแท๊กซี่พาพวกตนออกไปไกลจากบริเวณบ้านได้ ทั้งสองก็ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน ฝนตกอากาศหนาวและเพชรไพลินก็ยังคงร้องไห้ นั่งโอบกอดและสัญญาว่าจะดูแลเธอที่เป็นน้อง จะมีกันและกันตลอดไป
ท้ายที่สุดเมื่อเวลาล่วงเลยผ่านมาถึงช่วงเย็น พ่อและแม่ของเธอก็สามารถตามหาจนกระทั่งพบที่สวนสาธารณะซึ่งพ่อและแม่ชอบพามาตอนที่ยังมีความเป็นครอบครัวอยู่ ผลจากการกระทำเช่นนั้นทำให้พวกท่านทั้งสองทะเลาะกันยกใหญ่ พ่อของเธอเปลี่ยนใจและยืนกรานว่าจะรับเธอและพี่ไปดูแลเพราะสาวสังคมอย่างแม่ของเธอไม่มีปัญญาดูแลลูกถึงสองคนได้ เหตุเป็นเพราะในช่วงนั้นคนเป็นพ่อได้แยกตัวออกไปอยู่ข้างนอกชั่วระยะเวลาหนึ่งก่อนที่จะหย่า เธอและพี่อยู่บ้านกับคนเป็นแม่ตามที่ทั้งสองได้ตกลงกัน
แน่นอนว่าแม่ของพวกเธอไม่ยอม ทั้งสองเริ่มมีปากเสียง ขุดเรื่องเก่าๆ ที่เป็นปมปัญหาขึ้นมาพูด หนักเข้าแม่ของเธอก็เริ่มผลักไสพ่อและไล่ให้ไปให้พ้นจากชีวิต คนเป็นพ่อเองก็ไม่ยอม และเริ่มพูดถึงประเด็นที่จะฟ้องร้องขอสิทธิ์เลี้ยงดูลูก การทะเลาะบานปลายใหญ่โตต่อหน้าต่อตาเธอและพี่ เพชรไพลินเริ่มสะอึกสะอื้นร้องไห้ทำอะไรไม่ถูก เธอจึงตัดสินประกาศว่าจะเป็นคนไปอยู่กับพ่อและให้พี่สาวอยู่กับแม่ แบ่งกันอย่างเท่าเทียมเพื่อให้ทั้งคู่หยุดที่จะห่ำหั่นกัน ท้ายที่สุดทั้งพ่อและแม่ก็ต้องเงียบ ทั้งคู่รู้ว่ากำลังทำให้ลูกเสียใจ การทะเลาะกันต่อหน้าลูกๆ เองก็เป็นเรื่องที่โง่ที่สุด
พ่อและแม่ของเธอจึงคิดว่าการแบ่งลูกกันจึงน่าจะเป็นเรื่องที่ดี แต่กระนั้นพี่ของเธอก็ยังคงร่ำไห้ต่อว่าว่าทำไมเธอถึงคิดที่จะทิ้งกัน ส่วนคนเป็นแม่ก็เสียใจคิดว่าเธอต้องการที่จะอยู่กับพ่อมากกว่า นั่นจึงเป็นเหตุที่ทำให้หลังจากนั้นเธอไม่ค่อยได้คลุกคลีกับคนเป็นแม่สักเท่าไหร่ เมื่อระยะเวลาเริ่มผ่านพ้นทั้งเธอและพี่โตขึ้น ดูเหมือนความคิดของเพชรไพลินที่ว่าพ่อและน้องสาวทอดทิ้งจะทุเลา หล่อนยังคงติดต่อกับน้องสาว นัดเจอพูดคุยกันแต่กับคนเป็นพ่อหล่อนไม่ค่อยจะได้ไปเยี่ยมเยียน ซึ่งนั่นก็ไม่ได้ต่างอะไรจากตัวเธอที่ไม่ค่อยจะกล้าไปเยี่ยมเยียนคนเป็นแม่ด้วยเหมือนกัน
จนกระทั่งทั้งเธอและพี่เริ่มเข้าสู่วัยสาว ความสวย ความเก่งและการเป็นสาวเจ้าเสน่ห์ของเพชรไพลินทำให้มีแต่คนห้อมล้อม เพชรไพลินรู้สึกเหมือนสิ่งต่างๆ เหล่านี้กำลังเข้ามาเติมเต็มความรักความอบอุ่นที่ขาดหาย อีกทั้งคนเป็นแม่ก็เลี้ยงดูแบบมีเท่าไหร่ก็ประเคนให้ ท้ายที่สุดเพชรไพลินก็แทบจะเหมือนคนเป็นแม่ทุกกระเบียดนิ้ว จะต่างกันก็ต้องที่หล่อนมีความเป็นสาวสมัยใหม่สูง มองเรื่องความสัมพันธ์ทางกายของชายและหญิงเป็นสิ่งเท่าเทียม ในฐานะที่เธอเป็นน้องได้เคยเตือนและปรามถึงความไม่เหมาะสมนับครั้งไม่ถ้วน แต่พี่สาวของเธอก็ไม่เคยที่จะรับฟัง
มาตอนนี้พี่ของเธอกำลังบอกว่าเจอคนที่ใช่ที่เคยใฝ่ฝันมาเป็นชาติ ไม่ใช่พวกที่สนใจหล่อนเพราะความสวยหรือความรวยเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา ซึ่งนั่นก็เท่ากับว่าหากคนคนนี้เป็นตัวจริง ชีวิตของพี่เธอก็น่าจะอยู่กับร่องกับรอยไม่ทำตัวเหมือนเมื่อก่อน
“เอาเป็นว่า แค่นี้ก่อนละกันนะพลอยต้องรีบลงไปกินข้าวกับพวกเขา”
“อ้าว...เดี๋ยวสิยายพลอย พี่ยังเล่าไม่จบเลย”
พลอยชมพูตัดสายทิ้ง ในหัวใจรู้สึกชีช้ำ เจอคนเป็นพี่สาธยายมาซะแบบนี้ น้ำเสียงหรือก็แจ่มใสจนสัมผัสได้ว่าผู้ชายที่เล่าให้ฟังไม่เหมือนกับรายก่อนหน้าจริงๆ แล้วเธอจะกล้าดับฝันคนเป็นพี่ขณะที่กำลังรุ่งได้อย่างไร เมื่อไม่มีทางเลือกและคงต้องลุยต่อ พลอยชมพูตัดสินใจใช้เวลาอีกห้านาทีที่เหลือโทรศัพท์กลับไปหาคนเป็นพ่อ เพราะได้สัญญาเอาไว้แล้วว่าจะติดต่อรายงานตัวทุกสองถึงสามวัน ดีที่ว่าเธอสามารถเอาเรื่องที่ไปเรียนรู้จากเรือนผักไร้ดินเมื่อวานมาโม้ให้พ่อฟังได้ คนเป็นพ่อจึงเชื่อคำโกหกที่ว่าขอมาเยี่ยมเพื่อนที่เพชรบูรณ์ และคงจะขออยู่ยาวเพื่อศึกษาเกี่ยวกับสารพัดสิ่งที่น่าจะนำไปใช้ในสวนเล็กๆ ของคนเป็นพ่อคือเรื่องจริง
หลังจบการสนทนาไปพร้อมกับการถอนหายใจอีกหนึ่งเฮือก พลอยชมพูก็ตัดสินใจเดินลงไปที่ห้องรับประทานอาหารด้านล่าง ซึ่งแน่นอนว่าตอนนี้มีคุณนายสุโกศล นางกำไลและลูกมืออีกสองคน รวมถึงใบหน้าเข้มๆ ของอิทธิฤทธิ์พรั่งพร้อมอยู่ที่โต๊ะเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“เธอมาสาย มารยาททางสังคมของเธอนี่พิการเกินกว่าที่ฉันคิดไว้เสียอีกนะ”
ยังไม่ทันที่คุณนายกับหญิงรับใช้ที่หันไปส่งยิ้มให้แขกของบ้านจะทันได้อ้าปากพูดอะไร คนที่กำลังนั่งหน้าเข้มก็ชิงเอ่ยปากทักทายไปเสียก่อน วินาทีนั้นร่างบางเดินมาถึงที่โต๊ะและกำลังจะเคลื่อนเก้าอี้เพื่อนั่งลง แต่เธอก็จำต้องยืนอยู่อย่างนั้นแล้วยกข้อมือขึ้นมาดูนาฬิกา
“สายไปสิบห้าวินาที”
“จะวินาทีหรือหนึ่งนาทีก็ถือว่าสาย หรือว่าไม่จริง”
“เอ๊ะ! ตาอิฐนี่ยังไงนะ เจอหนูเพชรเป็นไม่ได้ ปากสุนัขตลอด....หนูอย่าไปสนใจเลยนะจ๊ะ รีบนั่งลงทานข้าวเถอะ ป้ารู้ว่าหนูคงจะเหนื่อยจากการเดินทางมาที่นี่ และก็คงจะยังปรับตัวไม่ค่อยได้กับสถานที่ด้วยใช่มั้ยล่ะจ๊ะ”
“ผมว่าไม่น่าจะเหนื่อยจากการเดินทางหรอกนะครับ แต่น่าจะเหนื่อยจนเข่าอ่อนจากเรื่องอื่นมากกว่า”
ค่อยเป็นแม่หันมาค้อนควับ นางจับประเด็นไม่ได้ว่าคำพูดกำกวมใบหน้ายียวนของลูกชายมีความนัย เพียงแค่รู้สึกว่าเป็นคำพูดที่ไม่เหมาะสมจึงส่งเสียงปราม
“พอได้แล้วนะตาอิฐ เกรงใจแม่และให้เกียรติหนูเพชรบ้างสิ นี่แขกของแม่และเมียของแกในอนาคตนะ”
“จริงด้วยค่ะคุณอิฐ ถ้าขืนคุณอิฐแซวคุณเพชรมากไปกว่านี้ ป้ากลัวว่าคุณอิฐจะแย่เหมือนเมื่อวานนี้นะคะ แล้วอย่าหาว่าป้าไม่เตือน”
นางกำไลโน้มตัวลงมากระซิบที่ข้างหูคนเป็นนาย พลอยทำให้อิทธิฤทธิ์หน้าตึงขึ้น เขาเดาเอาว่าไอ้คนงานสุดซี้อย่างนายจ้อน คงเอาเรื่องที่เขาหมดสภาพอยู่บนกองฟางไปเม้าท์ให้ผู้เป็นแม่ฟังต่อนอกรอบอย่างแน่นอน
“ไม่เป็นไรค่ะคุณป้า พลอยไม่ถือ เรามาทานข้าวให้สบายใจกันดีกว่านะคะ”
หญิงสาวพยายามทำเป็นนิ่ง ทั้งที่คำกระเซ้าของชายหนุ่มทำให้เธอฉุนและหน้าแดงระเรื่อ และนั่นก็ทำให้คุณนายสุโกศลดูจะเอ็นดูเธอมากพอๆ กับนางกำไล เมื่อเห็นว่าเธอเป็นคนมีความอดทน รู้จักไว้หน้าผู้ใหญ่แม้จะถูกยั่วยุ ก็ไม่แสดงพฤติกรรมแย่ๆ เหมือนกับลูกชายตัวดีของนาง
“ป้าว่าวันนี้จะพาหนูเข้าไปเที่ยวในเมือง ดูของสวยๆ งามๆ ด้วยกันดีมั้ยจ๊ะ”
“ผมว่าอย่าดีกว่า ผมตั้งใจจะพาเพชรไพลินขับรถเล่น ชมวิวดูธรรมชาติรอบๆ ไร่ของเราพอดีน่ะครับ”
ตอนแรกที่คนเป็นลูกเอ่ยปากขัด คุณนายสุโกศลก็นึกว่าจะตามมาด้วยคำพูดไม่เข้าหู แต่ที่ไหนได้...พออิทธิฤทธิ์เอ่ยปากอาสาพาหญิงสาวออนเดอะทัวร์เท่านั้นแหละ ทั้งคุณนายและหญิงรับใช้ก็หน้าบานทันที
“จริงเหรอตาอิฐ นี่ผีเจ้าป่าเจ้าเขาเข้าสิงหรือช่วยดลใจให้แกมีความคิดเป็นผู้เป็นคนกันนี่หึ๊”
“เอ่อ...แต่เพชรอยากเข้าเมืองกับคุณป้ามากกว่านะคะ เมื่อวานเพชรเดินเล่นรอบๆ ไร่แถวๆ นี้แล้วค่ะ”
“มันไม่เหมือนกัน เมื่อวานเธอเดินเล่นแค่บริเวณใกล้ๆ มีไร่อื่นๆ ที่เธอยังไม่ได้ไปอีกเยอะ ในฐานะที่ฉันเป็นว่าที่เจ้าของที่นี่ ฉันจึงอยากพาแขกคนสำคัญไปเยี่ยมชมให้ทั่วๆ และถ้าเธออยากจะเข้าเมือง เดี๋ยวฉันขับรถพาเธอไปเอง รับรองตลอดทั้งวันไม่มีเบื่อ แถมมีสยิวตบท้าย...เอ่อ คือผมหมายถึงสนุกสนานแน่ๆ นะครับ”
ชายหนุ่มรีบพูดขัดทันทีที่หญิงสาวปฏิเสธอย่างร้อนรน กระนั้นคำตบท้ายที่ทำให้คุณนายสุโกศลและนางกำไลหันมามองหน้าแบบงงๆ ก็ทำให้เขาต้องรีบเปลี่ยนคำพูดใหม่ เอาให้เนียนและดูมีน้ำใจกับหญิงสาวมากที่สุด
“แม่เห็นด้วยที่สุด ไปนะจ๊ะหนูเพชร ถือว่าเห็นแก่ป้าและให้โอกาสตาอิฐได้แก้ตัว ดูแลเทคแคร์หนูให้สมกับที่หนูอุตส่าห์มาที่นี่เถอะนะจ๊ะ”
“ใช่ค่ะ คุณอิฐน่ะอันที่จริงเป็นคนดีมีน้ำใจนะคะ ป้าเลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็กรับรองได้ว่าถ้าคุณเพชรได้ลองใกล้ชิด คุณเพชรจะรู้ได้ทันทีว่าคุณอิฐของป่าน่ะประเสริฐขนาดไหน
“ไม่ค่ะ..คือ หนู”
“เอาเป็นว่า เอารถคันโปรดแม่ไปขับเลยนะส่วนไอ้แก่ค้างปีที่แกชอบขับเก็บเอาไว้ก่อน แม่อยากให้หนูเพชรสะดวกสบายมากที่สุด เดี๋ยวแม่จะไปหยิบกุญแจมาให้ด้วยตัวของแม่เอง”
“ส่วนป้าจะรีบไปทำของว่างให้นะคะ เผื่อว่าคุณๆ ทั้งสองจะหิวระหว่างทาง หรือนึกอยากจะแวะนั่งลงที่ลานหญ้าเพื่อปิกนิคกัน”
ทั้งคุณนายและบ่าวต่างรีบกุลีกุจอเดินออกไปจากโต๊ะอาหาร ไม่ทันได้สังเกตสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกของหญิงสาวที่พยายามปฏิเสธพร้อมส่ายศีรษะไปมา ความมีน้ำใจและความตื่นเต้นของพวกนางกลายเป็นการมัดมือชกให้เธอต้องจำยอมโดยไม่ตั้งใจ เธอนึกอยากจะย้อนกลับไปโทรศัพท์หาพี่สาวแล้วต่อว่าต่อขานถึงสิ่งที่ลืมพูดไปเมื่อเช้านี้ใหม่ด้วยความขุ่นเคือง แต่การที่เธอต้องหันหน้ากลับมาแล้วเห็นสายตาคนที่กำลังนั่งกระตุกยิ้มยักคิ้วให้แบบกวนๆ ถือเป็นสิ่งที่เธอแค้นเคืองมากที่สุด
ความคิดเห็น