คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : การแก้เผ็ดที่ร้อนระอุ
6
การแก้เผ็ดที่ร้อนระอุ
ร่างบางพลิกไปมาอยู่บนที่นอนหนานุ่ม แต่ความสะดวกสบายที่แตกต่างจากฟูกธรรมดาๆ ที่บ้านสวนของเธอไม่ได้ทำให้หญิงสาวสามารถข่มตาให้หลับได้ทั้งๆ ที่ตอนนี้เข็มนาฬิกาบอกเวลาเช้าวันใหม่มาได้สามสิบนาที
“โอ้ย...หิว”
เสียงเล็กโอดครวญเบาๆ อยู่ในชุดนอนเบาพลิ้วที่พี่สาวของเธอยัดใส่กระเป๋ามา ด้วยความที่ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องตั้งแต่ช่วงเย็น หลังจากที่นอนพลิกไปมาอยู่หลายท่วงท่า ท้ายที่สุดเธอก็ตัดสินใจลุกขึ้นมาคว้าเสื้อคลุมสีหวานเข้ากับชุดนอนผ้าซาตินสุดเซ็กซี่ ก่อนจะค่อยๆ ย่องออกมานอกห้อง จุดหมายปลายทางคือห้องครัวโดยไม่ต้องสงสัย แม้เธอจะเพิ่งมาอาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้ แต่ช่วงกลางวันก่อนจะออกไปที่ไร่ เธอก็ใช้เวลาเดินเล่นสำรวจห้องหับในบ้านหลังโตจึงรู้ทิศทางแม้ว่าแสงไฟภายในจะสลัวก็ตามที
ตอนนี้ทุกๆ คนในบ้านคงจะกำลังหลับสนิท พลอยชมพูจึงเบาใจว่าคนที่ไม่อยากจะพบหน้า จะไม่โผล่มาเห็นตอนที่เธอกำลังแอบย่องมาเป็นผีตู้เย็นในช่วงค่ำคืนให้ต้องเสียฟอร์ม มือบางค่อยๆ เปิดตู้เย็นขนาดใหญ่อย่างเบามือ เธอเลือกที่จะไม่เปิดไฟในห้องครัวแล้วเริ่มหยิบน้ำรวมถึงของกินสารพัดด้วยสีหน้าที่สดชื่น เหมือนคนที่กำลังหิวโซแล้วได้รับการปลดปล่อยทันทีที่มีน้ำกับสารพัดขนมยัดเข้าไปในปาก แต่หลงชื่นใจได้เพียงไม่นานจู่ๆ แสงไฟในห้องครัวก็สว่างวาบ ร่างบางถึงกับสะดุ้ง รีบกลืนสิ่งที่กำลังเคี้ยวเข้าไปในลำคอแล้ววางสารพัดสิ่งที่ถืออยู่กลับเข้าไปในตู้เย็น เพื่อหันหลังกลับมา
“คุณ!”
เธอไม่คิดจริงๆ ว่าคนที่โผล่มายืนอยู่ตรงหน้าจะเป็นร่างสูงในชุดนอนสีเข้ม ยืนมองเธอแล้วกระตุกยิ้ม เสมือนสังเวชกันก็ไม่ปาน
“นึกว่าจะแน่ ที่แท้ก็เก่งแค่เปลือกนอก”
ริมฝีปากอิ่มเม้มเข้าหากัน เขาคงตั้งใจจะเสียดสีเรื่องที่เธอทำอวดดีไม่ยอมลงมากินข้าวเมื่อช่วงเย็น
“ฉันไม่ได้คิดที่จะทำเป็นเก่ง แค่ที่ตอนเย็นไม่ลงมากินข้าวเพราะกำลังพะอืดพะอมกับรสจูบแย่ๆ ของคุณ”
“เหรอ...แต่ฉันคิดว่าไม่ หน้าตาของเธอดูเหมือนจะชอบตอนที่ฉันสอดลิ้นเข้าไปไม่ใช่หรือ”
ร่างสูงยืนกอดอกทำสีหน้ายียวนพร้อมคำพูดจี้ใจดำ
“ฉันขยะแขยงไม่ใช่ชอบ คุณนี่มันหลงตัวเองจนน่าคลื่นไส้”
หญิงสาวเริ่มแผดเสียงขึ้นมา และนั่นคือสัญญาณที่ไม่ดี ชายหนุ่มไม่ได้แน่ใจอย่างร้อยเปอร์เซนต์ว่าคนที่ไม่ยอมลงมากินข้าวจะหิวโหยจนแอบย่องเข้ามาในห้องครัวยามวิกาล แต่เขาก็ตัดสินใจลงมาซุ่มรอเพื่อดูว่าเธอจะลงมาหรือไม่ ดังนั้น เมื่อเธอมายืนอยู่ตรงนี้ เขาจึงไม่ต้องการให้เสียงแว้ดๆ ของเธอทำให้คนอื่นตื่น รังแต่จะเสียเวลาและโอกาสที่จะได้เอาคืน ร่างสูงจึงรีบเดินเข้าหา หญิงสาวถึงกับตกใจรีบก้าวเท้าถอย
“คุณจะทำอะไร ออกไปไกลๆ เลยนะ อย่าหาว่าฉันไม่เตือน”
คนตัวเล็กทำท่าขู่ฟ่อๆ แต่แน่นอนว่าคราวนี้อิทธิฤทธิ์ก็ย่อมต้องเตรียมตัวมาดี
“เมื่อกี้เธอบอกกับฉันว่าขยะแขยงไม่ได้ชอบ ฉันก็แค่อยากจะแน่ใจว่าเธอคิดอย่างนั้นจริงๆ”
“อย่านะ...ปล่อยฉัน บอกให้ปล่อย”
เพียงไม่กี่ก้าวชายหนุ่มก็สามารถประชิดตัวหญิงสาวได้ แต่ก็ไม่ใช่ง่ายที่เขาจะกำราบ เพราะทันทีที่คว้ามือข้างหนึ่งของเธอได้ หญิงสาวก็จัดการใช้มืออีกข้างทุบรัวมาตามท่อนแขน แผงอกและหัวไหล่ มิหนำซ้ำยังพยายามที่จะดิ้นรนให้ตัวเองหลุดออกจาการจับกุม ทว่าความช่ำชองของชายหนุ่มและกำลังก็มีมากกว่า แต่ก่อนที่เขาจะทำอะไรมากกว่านี้สิ่งแรกที่ต้องจัดการคือมือไม้ของเธอที่ตอนนี้เริ่มเปลี่ยนมาเป็นข่วนหน้าข่วตาเขาอย่างกับแมว
“เธอนี่มันฤทธิ์เยอะจริงๆ ดีเหมือนกัน แบบนี้เร้าใจดี ฉันชอบ”
“ทุเรศ! ไอ้โรคจิต ไอ้ทะลึ่ง!”
พลอยชมพูกวักแกว่งมือข้างที่เป็นอิสระไปมา แต่แล้วเขาก็จับร่างของเธอให้พลิกหัน และกดตัวของเธอลงจนหน้าท้องแทบจะแนบไปกับโต๊ะขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ชิดติดกำแพง หญิงสาวพยายามขัดขืน เธอไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไรจนกระทั่งสัมผัสได้ว่าชายหนุ่มกำลังใช้เชือกที่คงจะพกติดตัวมา รัดข้อมือทั้งสองของเธออย่างแน่นหนาไว้ด้านหลัง จนเธอรู้สึกเจ็บและไม่สามารถดิ้นรนอะไรได้อีก
“ปล่อยฉันนะ ไม่อย่างนั้นฉันจะร้อง”
“ถ้าคิดว่ามีปัญญาแหกปากร้องได้ก็ร้องไป”
พูดยังไม่ทันจะขาดคำร่างสูงก็โน้มตัวเข้าหา แทบจะกดแนบทับแผ่นหลังบางเจตนาคือไม่ต้องการให้เธอดิ้นรนขัดขืน ระหว่างที่เขากำลังใช้ผ้าผืนหนึ่งที่พกมารัดปากของเธอให้แน่นไม่ต่างอะไรกับที่ข้อมือ พลอยชมพูพยายามใช้กำลังเฮือกสุดท้ายเพื่อดิ้นสู้ ทั้งสะบัดใบหน้าไม่ให้เขาทำการข่มเหงได้ แต่ท้ายที่สุดไม่ว่าจะยังไงแรงของเธอก็แพ้คนตัวโตแข็งแกร่ง อิทธิฤทธิ์สามารถพันธนาการเธอได้สำเร็จดังที่เขาตั้งใจ ตอนนี้เธอไม่สามารถยกมือขึ้นมาปกป้องตัวหรือโต้ตอบ รวมทั้งไม่สามารถเปล่งเสียงใดๆ ออกมาได้นอกจากเสียงอู้อี้ที่ชายหนุ่มคงจะเดาได้ว่ามันคือคำด่าปนแช่งชักหักกระดูก แต่สักพักหญิงสาวก็ต้องใจหาย เพราะแม้ร่างสูงจะเหยียดกายไม่ได้ทับทาบบนแผ่นหลังของเธอ แต่นับตั้งแต่ช่วงเอวลงไปยังคงประกบแนบอยู่ที่บั้นท้ายงอนงามของเธอ
“ฉันว่าให้เธออยู่ท่านี้ก็ดี ผู้หญิงมือไม้อยู่ไม่สุขแบบเธอจะได้ไม่ทำอะไรให้ฉันหมดอารมณ์ขึ้นมาได้อีก”
“อะอำอะไอ ไอ้อ้า”
เสียงอู้อี้ดังพอจับใจความได้ ริมฝีปากหยักกระตุกยิ้มขึ้นมาขณะที่มือข้างหนึ่งยังคงกดอยู่ที่แผ่นหลัง เพื่อให้ลำตัวของหญิงสาวแนบชิดไปกับโต๊ะเนื้อแข็ง แต่กระนั้นสะโพกสอบก็เริ่มที่จะถอยออกมา เพียงนิดหนึ่งให้ได้ใช้สายตาชื่นชมกับสะโพกกลมสวยที่ติดตาตรึงใจเขาตั้งแต่เธอโก่งลำตัวโค้งอยู่ตรงหน้ากระโปรงรถตั้งแต่วันแรกที่พบเจอ ณ ตอนนี้ท่วงท่าไม่ได้ต่างอะไรกันมาก จะต่างกันก็ตรงที่เขากำลังถือไพ่เหนือกว่าเท่านั้นเอง
“จะทำอะไรเธอน่ะเหรอ...เมื่อกี้เธอว่าฉันทุเรศโรคจิตและทะลึ่งใช่มั้ย ถ้าอย่างนั้นฉันก็จะทำมันทั้งสามอย่าง สมกับที่เธอว่าทุกประการ”
ชายหนุ่มจงใจประชดกันเห็นๆ แต่ที่มากกว่าคงจะเป็นความต้องการที่จะกำราบ เอาชนะและแก้เผ็ดรวมถึงปลดปล่อยความอยากบางประการให้หนำจิตหนำใจ หญิงสาวได้ฟังก็เริ่มดิ้น แค่เพียงจูบสติเธอก็แทบกระเจิง ถ้าขืนเขาทำอะไรมากไปกว่านั้นเธอจะต้องเสียคนเอาแน่ๆ หากแต่ด้วยท่วงท่าที่ไม่เอื้ออำนวย มือก็ถูกรัด จะใช้มุขปากกัดยังทำไม่ได้ ท้ายที่สุดหลังจากที่นัยน์ตาคู่สีดำจับจ้องสะโพกกลมกลึงจนพอใจมือหนาก็จัดการดึงชายเสื้อคลุมตัวยาวขึ้นมาแทบจะคลุมศรีษะของคนที่ดิ้นรน
ช่วงเวลานั้นอิทธิฤทธิ์ไม่อาจละสายตาไปจากเรียวขาขาวสวย และบั้นท้ายที่แทบจะเลยพ้นจากชุดนอนตัวสั้น เลิกขึ้นมาจนแทบจะเห็นกางเกงชั้นในอยู่รอมร่อ
“รสนิยมชุดนอนกับชุดชั้นในไม่เลวนี่ เห็นแล้วมีอารมณ์ดี”
“ไอ้อ้า!”
เสียงอู้อี้พยายามด่าทอ แต่แล้วก็แทบจะสติเสียทันทีที่มือหนาเริ่มสอดเข้ามาในชุดนอนตัวสวย แล้วค่อยๆ ไล้ฝ่ามือลูบที่แผ่นหลังช้าๆ แต่สร้างความรู้สึกวาบหวามให้หญิงสาวจนน่าใจหาย
“เป็นไง รู้สึกยังไงบ้าง”
ชายหนุ่มโน้มลำตัวลงเพื่อกระซิบถาม แต่แน่นอนว่าไม่มีคำพูดอะไรโต้ตอบกลับมา นอกจากอาการแข็งขันที่พยายามต่อต้าน กระนั้นชายหนุ่มก็พอใจที่เห็นว่าหญิงสาวบ่ายเบี่ยงที่จะสบตา เป็นอันรู้ว่าเธอก็ไหวหวั่นอยู่เหมือนกัน ชายหนุ่มค่อยๆ ผละลำตัวออก พร้อมกับค่อยๆ ไล้ฝ่ามือลงมาจนถึงบั้นท้ายงอนสวย เขาทั้งลูบไล้บีบจับจนความรู้สึกบางอย่างเริ่มจู่โจม เธอพยายามที่จะเอาชนะความรู้สึกเช่นนั้น รวมทั้งพยายามที่จะเอาชนะการรุกรานจากมือหนา แต่จนแล้วจนรอดยิ่งสู้ก็ยิ่งพ่ายแพ้ เพราะในยามที่มือหนากำลังวนเวียนลูบไล้บั้นท้ายของเธอ ร่างสูงก็ค่อยๆ โน้มลำตัวมาทาบ พร้อมกับดึงชุดนอนของเธอขึ้นไปจนเกือบจะถึงท้ายทอย เพื่อที่เขาจะได้ใช้ริมฝีปากจุมพิตบนแผ่นหลัง หัวไหล่ และซอกคอของเธอได้อย่างหนำจิตหนำใจ
ตอนนี้พลอยชมพูรู้สึกสั่นสะท้าน แค่เพียงสัมผัสน้อยนิดของอิทธิฤทธิ์ก็แทบจะทำให้ไร้สติ เธอไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะไม่เคยใกล้ชิดผู้ชายจนหวั่นไหว หรือเป็นเพราะความหล่อเหลา ร่างกายแข็งแกร่งกำยำ รวมถึงเสน่ห์บางอย่างในตัวของเขากันแน่ ที่ทำให้เธอแทบจะไม่เป็นตัวอของตัวเอง
เมื่อเห็นว่าคนที่เคยดิ้นรนขัดขืนเริ่มที่จะอ่อนเป็นขี้ผึ้ง มือหนาก็จัดการปลดผ้าที่มัดริมฝีปากออก ให้เธอได้เป็นอิสระและดูสิว่าหญิงสาวจะพูดเช่นไร
“อย่า...ปล่อยฉัน อย่าทำแบบนี้”
เสียงของหญิงสาวกระเส่าจนแทบจะเบาหวิว
“ปากของเธอพูดแบบนั้น แต่ดูเหมือนร่างกายจะไม่ใช่นะ”
ใบหน้าคมซุกไซ้ กดจมูกโด่งเป็นสันลงบนลำคอไล้ขึ้นไปถึงแก้มเนียน สองมือที่กำลังสอดเข้าไปในชุดนอนตัวจิ๋วค่อยๆ เคลื่อนจากบั้นท้ายขึ้นมาที่แผ่นหลัง มุ่งหน้าสัมผัสทรวงอกคู่อิ่มพร้อมๆ เสียงแห่งความพึงพอในความความเนียนนุ่มเต็มอิ่มในกำมือ
ในยามที่กำลังจะหลับไหลหญิงสาวไม่เคยสวมบราเซียร์และครั้งนี้ก็เช่นกัน เธอถูกเขาดึงร่างให้เหยียดขึ้น โดยมีแผงอกกว้างและลำตัวที่แข็งแกร่งรองรับอยู่ด้านหลัง ริมฝีปากหยักและจมูกกดแนบลงบนหัวไหล่ สูดลมหายใจพร้อมกับกลิ่นกายที่หอมหวนของเธอ ใบหน้าสวยค่อยๆ เชิดขึ้นขณะที่ชายหนุ่มค่อยๆ เปลี่ยนให้เธอหันกลับมาประจันหน้า อิทธิฤทธิ์ไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังเคลิ้มหลงกับความหวานฉ่ำของเธอมากน้อยขนาดไหน แต่เขาชอบทุกครั้งที่ได้ยินเสียงเล็กๆ ครางอยู่ในลำคอ ร่างกายบอบบางที่เบียดเสียดไปมาเหมือนหญิงสาวที่ยังไม่ประสา
“ฉันยอมให้คุณชนะก็ได้ พะ...พอได้แล้ว...ปล่อยฉัน”
พลอยชมพูพยายามรวบรวมกำลังเพื่อเอ่ยคำนี้ ยามที่ริมฝีปากหนาที่กำลังบดเบียดริมฝีปากของเธอราวขยี้ แต่สำหรับอิทธิฤทธิ์แล้วยังไม่พอ เธอทำให้เขากระหาย แทบจะควบคุมตัวเองไม่ได้ และยังมีอีกหลายอย่างที่เขาต้องการลิ้มรสให้ตัวของเธอ
“อย่าเพิ่งยอมแพ้กันง่ายๆ สิ เธอยังไม่เสร็จเลยนะ”
“เสร็จบ้าบออะไร...ฉันไม่อยากให้คุณมาถูกเนื้อต้องตัวฉันอีกแล้ว”
หญิงสาวเน้นน้ำเสียงชัดถ้อยชัดคำ ขณะที่นัยน์ตาคู่คมจับจ้องและริมฝีปากหยักที่ทรงเสน่ห์ค่อยๆ ระบายยิ้มออกมา
“เธอพูดว่าไม่อยากให้ฉันถูกเนื้อต้องตัว ในขณะที่มือทั้งสองของฉันกำลังจับหน้าอกเธออย่างเมามันเนี่ยนะ”
เรียวคิ้วคู่บางขมวดเข้าหากัน สีหน้าเจ็บใจจนแทบอยากจะยกมือขึ้นมาทุบเขาแต่ก็ทำไม่ได้ สุดท้ายจึงเปลี่ยนมาดิ้นรนพยายามสลัดสองมือหนาให้หลุดออก เธอทำสำเร็จแต่นั่นเป็นเพราะชายหนุ่มยอมที่จะปล่อยมือออกมาเพื่อรวบลำตัวเล็กๆ ขึ้นไปนั่งอยู่บนโต๊ะไม้เนื้อดี
“ไม่ อย่านะ กรี๊ดดด”
พลอยชมพูตัดสินใจกรี๊ดร้องทันทีที่ชายหนุ่มกำลังจะดึงกางเกงชั้นในตัวจิ๋วของเธอลงมา กระทำให้มือหนาต้องหยุดชะงักเพื่อยกมันขึ้นมาปิดปากของเธอ
“เธอไม่เสียตัวหรอก ปล้ำผู้หญิงไม่ใช่วิสัยของฉัน”
“ถ้าไม่คิดจะปล้ำฉัน แล้วทำแบบนี้ทำไม”
หญิงสาวรีบสะบัดหน้าให้ฝ่ามือของเขาหลุด ส่งเสียงถามด้วยความตกใจปนโกรธเคือง แต่ริมฝีปากหยักก็ยังกระตุกยิ้มยียวนกลับมา
“ฉันชอบวิธีตาต่อตาฟันต่อฟัน ในเมื่อตอนบ่ายเธอจับเจ้านี่ของฉัน ฉันก็จะจับเธอคืนบ้าง จากนั้นก็ถือว่าเราเจ๊ากันไป”
ชายหนุ่มชี้นิ้วทิ่มลงมาที่จุดยุทธศาสตร์ระหว่างขา พลอยทำให้นัยน์ตาคู่หวานต้องก้มมองตาม จากนั้นหน้าก็แดงซ่านเพราะจะว่าไปเธอก็เพิ่งจะมาระลึกถึงความแข็งแกร่งอลังการเต็มฝ่ามือขึ้นมาได้
“อย่านะ ไอ้...อื้อออ”
ก่อนที่คำด่าทอจะหลุดออกมา ริมฝีปากหนาก็รีบประกบจูบ ยิ่งชายหนุ่มได้สัมผัสเธอมากเท่าไหร่ ลมหายใจเน้นหนักก็ยิ่งผสานกับเรียวลิ้นที่กำลังเคลื่อนไล้ มือข้างที่โอบรอบเอวเล็กๆ กระชับแน่นไม่ให้เธอสามารถดิ้นหนี เสียงทุ้มคำรามอย่างพอใจ เขาอยากจะเข้าไปในกายของเธอใจแทบขาด แต่สติที่ยังเหลือฉุดรั้งไม่ให้ทำ เขาไม่อยากกลายเป็นคนต่ำช้าเพราะความยากที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับผู้หญิงคนไหนมาก่อน
“พอได้แล้ว ฉันขอร้อง”
ใบหน้าหวานแดงก่ำ นัยน์ตาแทบจะปิดสนิทไม่อยากลืมขึ้นมาสู้หน้าจึงหันไปทางอื่น มาถึงตรงนี้อิทธิฤทธิ์ก็รู้สึกว่าเขาควรจะต้องพอ ถ้าขืนยังได้สำรวจเรือนร่างเย้ายวนต่อ สติที่ยังหลงเหลือคงจะต้องขาดผึ่งเอาแน่ๆ
“ถ้าขอร้องกันดีๆ ตั้งแต่แรก ฉันก็คงจะปล่อยเธอไปตั้งนานแล้ว”
มือหนายอมละออกจากเรือนร่างของหญิงสาวทั้งที่ตนเองยังต้องการ จากนั้นจึงค่อยเอื้อมมือไปแก้มัดให้กับเธอ
“ฉันจะบอกแม่ของคุณ ว่าคุณทำอะไรกับฉันบ้าง”
พอได้สติหน่อยอารมณ์ฮึดของหญิงสาวก็กลับมา เสียงกระเส่าเพราะหายใจไม่ทัน กลับมาแว้ดๆ ได้จนน่าทึ่ง
“เหรอ...เธอจะบอกแม่ฉันว่า ฉันจูบเก่งจนเธอเคลิ้มเผลอแลกลิ้นกับฉันร่วมสิบกว่านาที แถมฉันยังเล้าโลมเก่ง แค่จับนมกับไอ้นั่นของเธอ ก็ทำให้เธอแทบจะครางลั่นครัวอย่างนั้นน่ะเหรอ”
“หน็อย...คุณนี่มัน พอกันที ฉันเกลียดคุณ และจะไม่ทนอยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว”
พลอยชมพูหัวเสียจนแทบอยากจะหักคอเขาซะตรงนี้ เธอรีบจัดการแต่งตัวให้เรียบร้อย จากนั้นก็ยกสองมือขึ้นมาผลักอกหนาแล้วเร่งฝีเท้าเดินออกไป ปล่อยให้อิทธิฤทธิ์ยืนหน้าบึ้งอยู่กับที่ ทั้งที่เขาควรจะเปรมปรีดิ์ทันทีที่ได้ยินเธอพูดว่าจะไปจากที่นี่
ความคิดเห็น