ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    วุ่นรัก สลับใจ ตีพิพม์ในชื่อ ตรวนร้ายวิวาห์ลวง

    ลำดับตอนที่ #5 : ความสับสนที่รุมเร้า

    • อัปเดตล่าสุด 9 ก.ย. 58


    5

    ความสับสนที่รุมเร้า

                    หญิงสาวแทบจะกลั้วน้ำยาป้วนปากเป็นครั้งที่ร้อย นับตั้งแต่ที่เดินหน้ามู่ทู่กลับเข้ามาบ้านด้วยสภาพหน้าผมเกรอะกรังไปได้เศษฟางหัวยุ่งเหยิง ชวนในคุณนายสุโกศลและหญิงรับใช้คนสนิทตื่นตะลึง หญิงสาวแสร้งบอกว่าหน้ามืดเผลอหกล้มบนกองฟาง แล้วก็ฉวยโอกาสที่จะยอมเสียมารยาด้วยการบอกว่าจะไม่ลงมาร่วมโต๊ะอาหารในช่วงเย็นเนื่องจากเวียนศรีษะ แต่อันที่จริงเธอไม่ต้องการจะเห็นหน้าคนที่เพิ่งจะปล้นจูบแรกไป

                    ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้น แต่พอนึกถึงเรียวลิ้นร้อนชำนาญการที่แทรกผ่านเข้ามาในริมฝีปากแล้วเคล้าคลึงถึงข้างใน พลอยชมพูก็ยืนเคลิ้มไปชั่ววูบ อดที่จะยอมรับไม่ได้ว่ามันก็เพลิดเพลินซู่ซ่าดีเหมือนกัน

                    “บ้าไปแล้ว! คิดอะไรแบบนั้นออกมาได้ยังไง”

                    หญิงสาวสบถกับตนเองก่อนที่จะวางขวดน้ำยาบ้วนปากลงกับที่ แล้วเดินหน้าบึ้งออกมาจากห้องน้ำทิ้งกายนั่งลงบนเตียง แต่ขณะที่กำลังโมโหกับความคิดเพี้ยนๆ ของตัวเองอยู่นั้น โทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้นและแน่นอนว่าผู้ที่โทรเข้ามาจะต้องเป็นพี่สาวของเธออย่างแน่นอน

                    “ว่าไงจ๊ะน้องสาวสุดสวย แผนการอ่อยเหยื่อไอ้บ้านนอกหน้าปลวกคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว ฮิๆๆๆ”

                    เรียวคิ้วคู่บางขมวดเข้าหากัน งงกับคำถามที่ตบท้ายด้วยเสียงหัวเราะคิกคักดูไม่ค่อยจะเข้ากันสักเท่าไหร่

                    “เรื่องที่พลอยต้องมาปลอมเป็นพี่เพื่อมาล่อไอ้หื่นนั่นมันน่าตลกตรงไหน”

                    “ฉันไม่ได้ขำเธอจ้ะยายน้องสาว ฉันกำลังขำ...อุ๊ย อย่าเล่นแบบนี้สิคะ มันจั๊กจี้นะ”

                    เรียวคิ้วคู่บางขมวดแน่นกว่าเก่า พฤติกรรมพี่สาวที่กำลังทำเสียงเล็กเสียงน้อยอยู่นี้มีแค่เรื่องเดียวเท่านั้น

                    “พี่เพชร...พี่ไปปล้ำผู้ชายของพี่ให้เสร็จก่อนแล้วค่อยมาคุยกับพลอยทีหลังก็ได้นะ”

                    “อุ๊ย! อย่าสิคะ อย่าจับตรงนั้น เพชรกำลังคุยกับน้องอยู่นะคะ ยายนี่ยิ่งอินโนเซ้นส์อยู่ จูบกับผู้ชายยังไม่เคยเลย นี่ถ้ารู้ว่าเรากำลังทำอะไรกัน พะ...เพชร อ๊าาา....”

                ร่างบางลุกขึ้นทันที อารมณ์ที่คิดว่าจะได้ปรึกษาหารือถึงอันตรายจากเป้าหมายเมื่อพี่สาวโทรมาขาดผึ่งไม่มีชิ้นดี

                    “ใครบอกว่าพลอยไม่เคยจูบกับผู้ชาย พลอยน่ะเคยจูบมาแล้ว เร่าร้อนเด็ดดวงอย่าบอกใครเลยด้วย”

                    หญิงสาวตะเบ็งเสียงจนแทบจะทำให้คนเป็นพี่จะผลักไสศรีษะของคนที่กำลังซุกอยู่ตรงระหว่างขา ทั้งๆ ที่ตอนแรกหล่อนตั้งใจจะโทรมาถามข่าวคราวความคืบหน้า หากไม่ติดตรงผู้ชายคนใหม่ป้ายแดงที่ไปสอยมาจากสปอร์ตคลับเลิศหรู อดรนทนให้หล่อนคุยธุระกับน้องสาวสักสองสามนาทีก่อนไม่ไหว

                    “ว่ายังไงนะ! นี่เธอไปมีเฟิร์สคิสกับเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ เด็ดด้วยอย่างนั้นเหรอ”

                    ตู๊ดดดดดด......

                    พลอยชมพูตัดสินใจตัดสายทิ้งตัดความรำคาญ อีกประการจะให้บอกได้อย่างไรว่าไอ้รสจูบเด็ดดวงที่ว่าเพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อกี้ กับผู้ชายที่เป็นเป้าหมายหลอกให้รักแล้วค่อยจากไป กระนั้นเธอเองก็ต้องยอมรับว่าสิ่งที่เผลอหลุดปากบอกพี่สาวเป็นความรู้สึกที่ยังติดอยู่ที่ปลายลิ้น เพราะรสสัมผัสจากอิทธฤทธิ์จริงๆ

                    “โอ๊ย! ไม่ได้ละ ฉันจะต้องลงมือทำอะไรสักอย่างให้แผนการสำเร็จไวๆ ขืนอยู่ที่นี่นานกว่านี้ได้ใจแตกเสียผู้เสียคนแน่ๆ”

                    สองมือบางยกขึ้นกุมศรีษะเหมือนต้องการสลัดความคิดวกวน เกี่ยวกับประสบการณ์ที่ต้องยอมรับว่าแม้มันจะน่าเจ็บใจ แต่เธอกลับไม่ได้รู้สึกเลวร้ายอย่างที่ควรจะเป็น

     

                    ในอีกฟากหนึ่ง บริเวณโต๊ะไม้หินอยู่ไม่ไกลจากโรงเพาะเห็ด ซึ่งมีกองฟางจำนวนหนึ่งที่ยังไม่ได้เก็บเข้าไปในโรงเก็บฟางเป็นฉากตั้งอยู่เบื้องหลัง ชายหนุ่มที่เพิ่งจะหายหน้าเขียวกำลังนั่งหน้าบึ้งบอกบุญไม่รับ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะแค้นจัดหรือว่าเสียฟอร์มจัดกันแน่

                    “น้ำเย็นๆ อีกสักแก้วไหมครับคุณอิฐ”

                    “ไม่ต้อง! ไปไกลๆ โว้ย! อารมณ์ไม่ดี!!

                    เสียงเข้มกระแทกคำใส่คนงานที่อุตส่าห์หิ้วกระติกน้ำแข็ง พร้อมยื่นแก้วมาให้ นายจ้อนรู้ดีว่าเรื่องแบบนี้คนเป็นนายคงจะทำใจยาก โดยเฉพาะคนที่อีโก้สูง มีแต่หญิงวิ่งตาม แทบจะยอมพลีกายเมื่อกวักมือ

                    “อย่าคิดมากเลยนะครับ ของยังไม่เสีย ไม่พังไม่สึกกร่อน วันนี้ไม่ได้ใช้งานเดี๋ยววันหน้าก็ได้เองนั่นแหละครับ อุ้ย!

                    คนงานหนุ่มพยายามปลอบแต่ดูเหมือนมันจะไปแตะต่อมเดือดผู้เป็นนายให้อย่างจัง พอเห็นนัยน์ตาเข้มหันมาจ้อง นายจ้อนก็เงียบ แต่เมื่อเจ้านายไม่ได้ด่าอะไรออกมา นายจ้อนจึงแย้มปากเพื่อพูดต่อ

                    “ว่าแต่ว่า คุณอิฐเริ่มที่จะปิ๊งคุณเพชรแล้วใช่มั้ยล่ะครับ”

                    “ปิ๊งกะผีอะไร! แกเอาสมองส่วนไหนคิดถึงพูดออกมาได้ว่าคนอย่างฉันจะไปปิ๊งยายลูกคุณหนูประหลาด ปากก็จัดแถมยัง....”

                    อิทฤทธิ์ลุกขึ้นมา ชี้หน้านายจ้อน ลงน้ำหนักเสียงทุกถ้อยทุกคำที่เอ่ยถึงหญิงสาว แต่ประโยคสุดท้ายคือสิ่งที่เขาไม่รู้ว่าจะพรรณาเธอออกมาในรูปแบบไหนดี

                    “แถมยังแสบและก็สวยสุดๆ ด้วยใช่มั้ยล่ะครับ”

                    นายจ้อนถือโอกาสช่วยเติมคำในช่องว่าง ขณะที่เจ้านายกำลังสติแตก คงจะทั้งช็อคและโมโหเพราะตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเจอผู้หญิงคนไหนกล้าทำให้ตนเองอยู่ในสภาพเหมือนถูกฆ่าหมกฟางได้มาก่อน แต่ถึงอย่างนั้นชายหนุ่มก็ต้องยอมรับว่าหญิงสาวไฮโซที่เคยคิดว่าจะต้องทำตัวหรูหราไร้สาระ แสบและสวยแถมยังมีรูปร่างที่เย้ายวนกลิ่นกายหอมหวานได้ถึงใจจริงๆ

                    “คุณอิฐเริ่มที่จะชอบคุณเพชรแล้วใช่มั้ยล่ะครับ”

                    พอเห็นคนเป็นนายทำหน้าเข้มแต่ไม่โต้ตอบ ซ้ำยังยืนนิ่งเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่คนเดียว นายจ้อนก็ได้ทีทำยื่นหน้า ระบายยิ้มถามคำถามเดิมให้คนเป็นนายต้องหันมากระแทกเสียงใหม่

                    “แกเห็นฉันเป็นพวกโรคจิตหรือไง ถึงคิดว่าฉันจะไปหลงชอบผู้หญิงซาดิสม์อย่างยายเพชรไพลินได้”

                    “ผมก็ไม่ได้คิดว่าคุณอิฐจะโรคจิตนะครับ แต่ผมไม่เคยเห็นคุณลงมือปล้ำผู้หญิงที่ไหนมาก่อน แถมยังพูดเสมออีกว่า มีแต่พวกเดรัจฉานเท่านั้นที่ใช้กำลังขืนใจผู้หญิงที่เขาไม่ยินยอม”

                    ย้อนกลับไปตอนที่คนงานหนุ่มตัดสินใจเดินมาดูว่าที่เมียเจ้านายถึงเรือนผักไฮโดรโปนิกส์ แต่กลับมารู้จากคนงานด้วยกันว่าหญิงสาวถูกคนเป็นนายฉุดกระชากออกไปทางโรงเก็บฟาง นายจ้อนจึงรีบวิ่งตามมาทันได้ยินเสียงเอะอะโวยวาย ก่อนที่จะมาเห็นสภาพเจ้านายถูกจับหมกฟางแต่หญิงสาวหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ กระนั้นคนงานหนุ่มก็พอจะจับต้นชนปลายจากเสียงวิวาทและสภาพที่เห็นได้ว่าก่อนหน้านั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง

                    สิ่งที่นายจ้อนเผยออกมาทำให้เรียวคิ้วคู่หนาขมวดหมุ่น เขายอมรับว่าตนเองเป็นพวกชื่นชอบเรื่องอย่างว่า แต่ก็ไม่เคยสักครั้งที่จะขาดสติใช้กำลังปลุกปล้ำใครต่อใคร หญิงสาวทุกคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตล้วนยินยอม บางคนแทบจะพุ่งเข้าหาเลยก็ว่าได้ แต่กับหญิงสาวที่คนเป็นแม่หมายตามาเป็นสะใภ้กลับทำให้เขารู้สึกหวั่นไหว ไม่ว่าจะเป็นแววตาคู่หวานที่เด็ดเดี่ยวแต่ไร้ซึ่งความจองหองในแบบสาวเมืองกรุงผู้มาจากชนชั้นมีฐานะ รูปร่างที่ดูทะมัดทะแมงแต่แลเห็นส่วนเว้าส่วนโค้งได้อย่างชัดเจน กลิ่นกายของเธอก็หอมกรุ่น เป็นแบบธรรมชาติที่ไม่มีน้ำหอมมาปรุงแต่ง เพียงคิดแค่นี้เลือดในกายของชายหนุ่มก็แทบจะพลุ่กพล่าน ริมฝีปากหวานๆ ที่ได้สัมผัสตอกย้ำให้เขารู้สึกกระหายขึ้นมา

                    ทว่าในช่วงที่ชายหนุ่มกำลังตกอยู่ในสภาวะสับสน จู่ๆ เสียงฝีเท้าสองคู่ก็ดังขึ้นมา พร้อมกับการปรากฏตัวของคนเป็นแม่กับนางกำไล ที่มีศักดิ์เป็นแม่แท้ๆ ของนายจ้อนนั่นเอง

                    “ตาอิฐ! บอกแม่มาเดี๋ยวนี้เลยนะว่าแกไปทำอะไรหนูเพชรหรือเปล่า ทำไมหนูเพชรถึงได้ไม่อยากลงมากินข้าว แถมยัง...อุ้ย!

                    อารมณ์โมโหควันแทบออกหูของคนเป็นแม่มีอันสะดุด ตรงที่ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนหันหน้ามาแล้วทำให้นางประจักษ์ชัดถึงสารรูปผมเผ้ายุ่งเหยิง ทั่วทั้งตัวมีเศษฟางติดอยู่ ดูยับเยินไม่ต่างอะไรกับหญิงสาวอีกคนแม้แต่น้อย

                    “เอ่อ...ดูท่าว่างานนี้จะสูสีนะคะคุณนาย”

                    นางกำไลที่กำลังยืนอึ้งเคียงคู่กันหันมาแสดงความคิดเห็น ซึ่งแท้จริงแล้ว ตั้งแต่ที่พวกนางเห็นสภาพของพลอยชมพู พวกนางก็สงสัยว่างานนี้อิทธิฤทธิ์จะมีเอี่ยวหรือไม่ จนแล้วจนรอดเมื่อไม่เห็นว่าเขาจะกลับไปทานข้าวเย็นที่บ้านเพื่อให้ซักไซ้ ทั้งสองนางก็ร้อนใจออกมาตามกระทั่งมาถึงหน้าโรงเก็บฟางแห่งนี้

                    “หู๋ยยยย...แม่ สูสีกันอย่างกับกิ่งทองใบหยก เสียดายแม่กับคุณนายมาช้าไป ไม่งั้น...”

                    “หุบปาก!!

                เสียงเข้มตะเบ็งขึ้นมาก่อนที่คนงานหนุ่มจะเผยว่า หากแม่ของเขาและนางกำไลมาไวกว่านี้คงจะได้เห็นเขาหมดสภาพอยู่บนกองฟางแบบใบหน้าเขียวคล้ำแน่ๆ

                    “หมายความว่ายังไง ทำไมยายนั่นไม่ลงมากินข้าว”

                    ครั้นเอ่ยปากปรามคนงานหนุ่มจนต้องหง๋อ ใบหน้าคมก็หันไปทางนางกำไล

                    “คือ อย่างนี้ค่ะ คุณเพชรกลับมาที่บ้านด้วยสภาพเดียวกันกับคุณอิฐ แล้วก็บอกดิฉันกับคุณนายว่าหน้ามืดจึงเผลอหกล้ม และก็ขอตัวที่จะไม่ลงมาทานข้าวเย็นเพราะว่าเวียนหัวน่ะค่ะ”

                    อิทธิฤทธิ์ได้ฟังก็ทำหน้าเข้ม เจตนาของเธอคงไม่แคล้วไม่อยากที่จะต้อนทนเห็นหน้าของเขาอย่างแน่นอน

                    “ไม่กินก็ดี ไม่เปลืองข้าว แม่จะโวยวายเดือดร้อนไปทำไม”

                    “ตายแล้วตาอิฐ พูดจาแบบนั้นได้ยังไง หนูเพชรน่ะเป็นแขกของแม่ และก็กำลังจะมาเป็นเมียของแก แกควรที่จะใส่ใจและก็ทำตัวดีๆ กับเขาให้มากๆ ไม่ใช่มาทำแบบนี้”

                    “เรื่องนั้นมีแต่แม่ที่ตกลงอยู่คนเดียว ผมบอกตอนไหนว่าจะเอายายนั่นมาเป็นเมีย”

                    “ถึงเรื่องนั้นมันจะเป็นแค่ความต้องการของแม่ แต่มันก็เป็นเรื่องดีสำหรับแก คิดดูสิว่าแกจบก็ตั้งสูงจากเมืองนอกเมืองนา ฐานะก็ดีการงานก็เด่น ทั่วทั้งตำบลนี้มีผู้หญิงที่ไหนเหมาะสมกับแกเท่ากับหนูเพชรที่มาจากครอบครัวดี มีการศึกษา สวย กิริยามารยาทก็เรียบร้อย น่ารักน่าเอ็นดูได้ถึงขนาดนี้”

                    “เรียบร้อย!! น่ารักน่าเอ็นดู!!

                    เสียงเข้มเน้นสองคำนี้ ทำหน้าตาอยากจะค้านแบบหัวชนฝา

                    “เรื่องอื่นผมไม่รู้หรอกนะว่ายายลูกคุณหนูไฮโซจากเมืองกรุงของแม่จะร่ำเรียนมาสูงส่ง มีความรู้ความสามารถขนาดไหน แต่ไอ้เรื่องกิริยามารยาทกับความน่าเอ็นดู ผมว่าบางทีแม่น่าจะไปเช็คมาใหม่ดีกว่านะ”

                    อิทธิฤทธิ์เดินลงน้ำหนักเท้าจากไปทันทีที่พูดจบ เขาไม่รู้จักผู้หญิงที่แม่หามาให้และไม่คิดที่จะสืบค้นประวัติใดๆ ของเธอ แต่สิ่งหนึ่งที่เขาค่อนข้างแน่ใจคือเธอไม่ได้เป็นไปในแบบที่แม่ของเขาสาธยาย ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องกิริยามารยาทหรือความเรียบร้อยดุจลูกผู้ดี และถ้าหากคนเป็นแม่ไม่เคยกรอกหูถึงเรื่องพวกนี้มาก่อน เขาจะต้องนึกว่าเธอเป็นอะไรที่ตรงข้ามกับที่แม่ของเขากล่าวมาอย่างแน่นอน

                    แต่ถึงจะอย่างนั้น เมื่อได้คิดถึงความแสบสันที่เธอทำเอาไว้ อีกทั้งความหอมหวานจากกลิ่นกายก็ยังไม่จางหาย ชายหนุ่มจึงเลิกที่จะสนใจเรื่องพฤติกรรมขัดกับสิ่งที่เคยได้รับรู้มาเปลี่ยนเป็นตั้งเป้าหมายเพื่อที่จะแก้เผ็ดคืน และแน่นอนว่าคราวนี้เขาจะทำให้เธอเป็นฝ่ายล้มลงไปนอนจนสิ้นแรงเช่นเดียวกับที่เธอได้ทำเอาไว้กับเขา


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×