ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    วุ่นรัก สลับใจ ตีพิพม์ในชื่อ ตรวนร้ายวิวาห์ลวง

    ลำดับตอนที่ #4 : ทีเด็ดพิชิตราชสีห์

    • อัปเดตล่าสุด 30 ส.ค. 58


    4

    ทีเด็ดพิชิตราชสีห์


     

                    ในช่วงเช้าของวันถัดมา พลอยชมพูเลือกที่จะเติมพลังให้กับตัวเอง ด้วยการออกมาเดินเล่นรอบๆ บ้านที่รายล้อมไปด้วยดอกไม้สีสันสดใสนานาพันธุ์ กระนั้นก็ยังไม่วายเยื้องย่างเข้าเขตพื้นที่เพาะปลูกซึ่งอยู่ไม่ไกลจากอาณาเขตของตัวบ้านมากนัก เธอพบว่าบนที่ดินกว้างไกลสุดลูกหูลูกตาถูกแบ่งแยกสำหรับพืชพรรณแต่ละชนิดมากมายหลายอย่าง และที่ใกล้กับตัวบ้านมากที่สุดคงจะเป็นไร่องุ่นขนาดกะทัดรัด ไม่ได้ใช้เนื้อที่มากดังพืชผักตระกูลอื่นๆ ที่เป็นธุรกิจหลักบนผืนดินแห่งนี้

                    “สวัสดีครับคุณเพชรไพลิน จำผมได้มั้ยครับ ผมจ้อนที่เจอกันเมื่อวานนี้ยังไงล่ะครับ”

                    เสียงทักและรอยยิ้มเป็นมิตรทำให้หญิงสาวที่กำลังชื่นชมกับพวกองุ่น รอคอยวันเติบโตที่จะได้เก็บเกี่ยว หันหน้ามาทางชายหนุ่มดูจะแก่กว่าเธอสักสามถึงสี่ปี รูปร่างสันทัดผิวคล้ำเล็กน้อย

                    “จำได้สิคะ พละ...เอ่อ...เพชรไม่ใช่คนความจำสั้นสักหน่อย”

                    หญิงสาวเอ่ยทักพร้อมรอยยิ้ม ส่งผลให้คนงานรุ่นลุงกับรุ่นป้า คนหนุ่มและคนสาวอีกสี่ห้าคนที่เดินมาพร้อมกับนายจ้อนรีบยื่นหน้ามาทำความรู้จักกับเธอกันเป็นแถว

                    “ป้าชื่อละเมียดนะจ๊ะ นี่ลุงธันวา นังละมุดกับไอ้สำรวย พวกเราทุกคนดีใจและยินดีต้อนรับว่าที่นายหญิงกันทุกคน มีอะไรก็ขอให้บอก เรียกใช้พวกเราได้ตลอดไม่ต้องเกรงใจนะจ๊ะ”

                    อัธยาศัยคนที่ไร่แห่งนี้ดีจนน่าใจหาย หญิงสาวสัมผัสได้ว่าพวกเขามีความจริงใจที่จะต้อนรับเธอ ใช่ต้องการประจบเพราะเธอคือว่าที่เมียของเจ้านาย

                    “ขอบคุณทุกๆ คนมากค่ะ แต่เพชรไม่อยากรบกวนการทำงานของคนที่นี่ อีกอย่างเพชรสามารถดูแลตัวเองได้สบายค่ะ พวกป้าต่างหากล่ะคะ มีอะไรจะให้เพชรช่วยก็บอกเพชรได้ตลอด ไม่ต้องเกรงใจ”

                    “คุณเพชรนี่น่ารักจังเลยนะป้า”

                    คนงานรุ่นสาวอายุพอๆ กับนายจ้อนอดไม่ได้ที่จะชื่นชม ทุกๆ คนที่ไร่แห่งนี้ล้วนแต่เคยได้ยินชีวประวัติไฮโซเลิศหรูของเพชรไพลิน เวลาที่คุณนายสุโกศลเดินตามหลังลูกชายเข้ามาสาธยายให้ฟังถึงในไร่เกือบทุกวัน ทีแรกพวกเขาคิดว่าหญิงสาวจะเป็นคุณหนูจากเมืองหลวงที่อาจจะเข้าถึงยาก แต่ที่ไหนได้ เธอน่ารัก มีสัมมาคาราวะแม้ว่าพวกตนจะเป็นคนงานก็ตาม

                    “เพชรอยากรู้จังค่ะว่าทำไมที่ไร่องุ่นนี่ถึงดูกะทัดรัดไม่เหมือนกับไร่อื่นๆ แล้วแบบนี้เวลาเก็บเกี่ยวจะพอกับความต้องการของลูกค้าหรือคะ”

                    พลอยชมพูเป็นพวกสนใจเรื่องการเพาะปลูกเข้าไส้ เธอรักธรรมชาติ รักดิน รักกลิ่นอายที่ทำให้เธอรู้สึกสดชื่นมากกว่าน้ำหอมราคาแพงที่พี่สาวของเธอชอบฉีดพรมตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า ทว่านายจ้อนก็ยิ้มแก้มปริ เห็นเป็นช่องทางจะได้โม้เจ้านาย อดไม่ได้ที่จะแอบลุ้นให้ทั้งสองได้เป็นทองแผ่นเดียวกัน

                    “ไร่นี้เป็นไร่ที่คุณอิฐปลูกไว้สำหรับเก็บองุ่นเพื่อใช้ส่วนตัวหรือแจกจ่ายให้กับคนงานนะครับ คุณอิฐไม่ได้ตั้งใจที่จะปลูกเพื่อเอาไปขาย เผอิญว่าหลังจากที่คุณอิฐเรียนจบคณะเกษตรศาสตร์จากมหาลัยมีชื่อในกรุงเทพฯ ก็ต่อโทด้านบริหารก่อนที่จะไปเรียนต่อต่างประเทศจนจบปริญญาเอก ตอนอยู่ที่ต่างประเทศคุณอิฐก็เที่ยวศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับการทำไร่ทำสวนของที่นั่น ออกไปเที่ยวชนบทอยู่เป็นประจำ แล้ววันหนึ่งก็ไปเห็นไร่องุ่นที่คนทางโน้นปลูกไว้สำหรับเก็บมาทำแยม ทำขนมหรือเอาไปขาย คุณอิฐก็เลยแค่อยากจะลองทำที่ไร่แห่งนี้ดูบ้างเท่านั้นเองครับ”

                    เรียวคิ้วคู่บางเลิกขึ้นนิดหนึ่ง เธอไม่เคยได้ยินประวัติทางความรู้ความสามารถใดๆ ของอิทธิฤทธิ์จากปากพี่สาวมาก่อน เธอเดาว่าหล่อนคงไม่ใส่ใจหรือหลีกเลี่ยงที่จะฟังมัน ด้วยคิดว่าอิทธิฤทธิ์เป็นแค่คนบ้านนอก ที่ร่ำรวยเพราะที่ดินมรดกแน่ๆ กระนั้นเธอก็ยังประหลาดใจกับดีกรีที่อิทธิฤทธิ์มีรวมถึงอดที่จะนึกไปถึงพี่สาวไม่ได้ว่า หากเพรชไพลินได้รู้ว่าชายหนุ่มไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่แต่ถึงกับหล่อขั้นเทพแล้วยังจะมีดีกรีจบจากนอก พี่ของเธอจะนึกเปลี่ยนใจอยากขอทวงตำแหน่งนี้คืนไปหรือไม่ ทว่าในระหว่างที่หญิงสาวกำลังยืนนึกอะไรเพลินๆ จู่ๆ ก็มีเสียงฝีเท้าคู่หนึ่งเดินเข้ามา พร้อมน้ำเสียงที่กรรโชกจากทางด้านหลัง

                    “มายืนทำบ้าอะไรอยู่ตรงนี้ ไม่รู้หรือไงว่าแม่ของฉันกำลังนั่งรอกินข้าวเช้ากับเธออยู่”

                    พลอยชมพูรีบหันมาจ้องกับนัยน์ตาคู่สีดำ ที่กำลังยืนใส่อารมณ์แบบหัวฟัดหัวเหวี่ยง

                    “ฉันไม่รู้นี่ว่าบ้านคุณกินข้าวเช้ากันกี่โมง พูดดีๆ ก็ได้ ฉันตั้งใจที่ไหน ที่จะปล่อยให้คุณกับแม่ต้องนั่งรอ”

                    “ฉันกับแม่...ประสาทหรือเปล่า เธอคิดหรือว่าฉันจะมาเสียเวลารอกินข้าวเช้ากับเธอ เหมือนแม่ของฉันที่ว่าง และมีเวลามากพอสำหรับผู้หญิงบ้าบอทำตัวไร้สาระ”

                    เสียงทุ้มทวนคำก่อนจัดด่าใส่เป็นชุด ริมฝีปากอิ่มตอนนี้เริ่มเม้นเข้าหากัน แต่กระนั้นก็พยายามสะกดกั้นจิตใจด้วยเห็นแก่ความสำเร็จของแผนการ

                    “ใจเย็นๆ สิครับคุณอิฐ ไม่เห็นจำเป็นจะต้องว่าคุณเพรชถึงขนาดนั้นก็ได้นี่ครับ”

                    “หุบปากไอ้จ้อน...แกพาทุกๆ คนไปที่ไร่ข้าวโพดได้แล้ว ส่วนฉันจะไปเรือนผักไฮโดรโปนิกส์”

                    “ที่นี่มีเรือนผักไฮโดรโปนิกส์ด้วยอย่างนั้นเหรอ”

                    ระหว่างที่ชายหนุ่มกำลังชี้หน้าสั่งงานลูกน้อง จู่ๆ หญิงสาวก็โพร่งขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น การปลูกผักไร้ดินคือสิ่งที่เธอกับพ่อกำลังคิดที่จะลองทำ แต่แน่นอนว่าจำเป็นเหลือเกินที่จะต้องหาเวลาไปศึกษาความรู้เพิ่มเติม

                    “ทำไม มีอะไรน่าตื่นเต้น”

                    ร่างสูงหันมามองหญิงสาวคิ้วขมวด เขาไม่คิดว่าผู้หญิงในเมืองหลวงเรียนจบคณะอักษรศาสตร์ มีประวัติไฮโซติดตัวมายาวเหยียดจะมีความสนใจเรื่องเพาะปลูก

                    “เปล่า...ไม่มีอะไร คุณก็ไปทำงานของคุณละกัน ส่วนฉันจะกลับไปทานข้าวเช้ากับแม่ของคุณ”

                    ร่างบางรีบหันหลังตีตัวจาก ภายในหัวของเธอวางแผนไว้แล้วว่าการมาที่ไร่แห่งนี้นอกจะเพื่อพี่กับแม่แล้ว เธอจะใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ด้วยการไปศึกษาหาความรู้จากเรือนผักที่ว่านี้เสียเลย หากแต่การจะเข้าไปป้วนเปี้ยนช่วงที่อิทธิฤทธิ์กำลังอยู่ที่นั่นคงไม่ใช่เวลาเหมาะ หญิงสาวรอให้ตะวันเริ่มฉายแสงแรงกล้า คนที่มีงานล้นมือเพราะพืชผักนานาชนิดหลากหลายบนที่ดินมากมายเช่นนี้คงไม่มีวันหมกตัวอยู่ที่หนึ่งที่ใดนานกว่าสองชั่วโมงเป็นแน่

                    หญิงสาวเริ่มปลีกตัวออกมาจากคุณนายสุโกศล เธอเลือกหารองเท้าส้นที่เตี้ยที่สุดเท่าที่จะหามาได้ เนื่องจากกระเป๋าเสื้อผ้าใบโตที่เธอยังไม่ได้จัดการกับมันนั้น ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าเครื่องสำอางเครื่องประดับรวมไปถึงชุดชั้นในคือสิ่งที่พี่ของเธอจัดเตรียมและอนุญาตให้เธอพกมันมา นอกเหนือจากนี้สมบัติส่วนตัวของเธอ ทั้งรองเท้าผ้าใบเซอร์ๆ กางเกงยีนส์ตัวเก่งสีซีดสุดรัก หรือเสื้อเชิ้ตเสื้อยืดสวมใส่ง่ายๆ สบายๆ ที่เธอชอบ พี่ของเธอริบมันไว้เป็นตัวประกัน จะส่งคืนก็ต่อเมื่อแผนการในครั้งนี้สำเร็จแล้วเท่านั้น

                    ข้ออ้างที่ว่าจะขอไปเดินเล่นใช้ได้ผลกับคุณนายสุโกศล นางไม่ซักไซ้อะไรมากและให้อิสระต่อแขกคนสำคัญของบ้าน ทำให้หญิงสาวรู้สึกคุ้นเคยและเป็นกันเองกับนางรวมถึงคนอื่นๆ ได้อย่างว่องไว หากแต่ในขณะที่หญิงสาวกำลังเดินลัดเลาะไปตามไร่องุ่นกำลังจะทะลุไปที่ไร่อีกไร่หนึ่ง จู่ๆ นายจ้อนก็โผล่มาได้จังหวะ ช่วงที่ต้องการความช่วยเหลือพอดี

                    “พี่จ้อนคะ”

                    หญิงสาวตะโกนเรียกพลางโบกมือกวักไกว่กลางอากาศ ระหว่างที่นายจ้อนกำลังเดินคุยกับเพื่อนคนงานคนหนึ่ง

                    “เรียกผมหรือครับ”

                    คนงานหนุ่มทำหน้าเหรอหรา ขณะที่หญิงสาวเร่งฝีเท้าเข้าหา ริมฝีปากอิ่มระบายยิ้มอย่างเป็นมิตรกลับไป

                    “อย่าสุภาพนักสิคะ เมื่อวานยังแทนตัวเองว่าพี่อยู่เลย”

                    “แหม...ก็เมื่อวานผมไม่รู้นี่ครับว่าคุณเพชรคือว่าที่เมียของคุณอิฐ ถ้ารู้นะ ผมไม่กล้าเรียกน้องคนสวย ทำหน้าชีกอใส่หรอกครับ”

                    นายจ้อนยกมือขึ้นลูบศีรษะ เหมือนจะกลัวหญิงสาวคิดติดใจกับเรื่องเมื่อวาน แต่ก็ยังติดน้ำเสียงทีเล่นทีจริงอยู่ดี

                    “เพชรไม่ถือค่ะ รู้อยู่แล้วว่าพี่จ้อนไม่ใช่พวกชีกอจริงๆ ว่าแต่พี่พอจะบอกเพชรได้มั้ยคะว่าเรือนผักไฮโดรโปนิกส์มันอยู่ที่ไหน คือ เพชรเบื่อๆ ไม่มีอะไรทำ เลยอยากไปเดินเล่นที่นั่นสักหน่อย”

                    “อ๋อ...ไปไม่ยากหรอกครับ เดินตรงไปเรื่อยๆ ทางนั้น สักสองกิโลก็ถึง ถ้าคุณเพชรสนใจที่จะไปจริงๆ เดี๋ยวผมหาคนขับรถไปส่งให้”

                    “โอ้ย...ไม่ต้องค่ะ สองกิโลใกล้ๆ แค่นี้ เพชรเดินไปได้เองสบายมาก ไกลกว่านี้ยังเคยเลย...ขอบคุณนะคะ”

                    หญิงสาวระบายยิ้มท่าทีเริงร่า ก่อนจะกล่าวคำลาและก็เร่งฝีเท้าเดินไปตามทางที่นายจ้อนบอก สร้างความงุนงงให้สองคนงานพอประมาณ

                    “ไหนคุณนายเคยบอกว่าคุณเพชรไพลินเป็นพวกไฮโซ ชีวิตไม่เคยเปื้อนดิน ไปไหนมาไหนมีแต่ขับรถยนต์หรูๆ แล้วไหง๋ถึงได้สามารถเดินเท้าสองกิโลกลางแดดเปรี้ยงๆ แบบนี้ได้ล่ะวะ”

                    เพื่อนคนงานรุ่นเดียวกันหันมาถาม ยามมองตามหญิงสาวที่เร่งฝีเท้าจากไปอย่างกระฉับกระเฉง

                    “เรื่องนั้นข้าไม่รู้ว่ะ...แต่ที่แน่ๆ ข้าอยากให้คุณเพชรได้กับนาย ถ้าคุณเพชรได้กับนายนะ รับรอง..มันส์”

                    นายจ้อนปิดท้ายด้วยน้ำเสียงที่เน้นหนัก ก่อนจะเดินกลับไปทำงานของตนต่อแล้วปล่อยให้เพื่อนคนงานยืนงงอยู่กับที่ว่าอะไรคือความมันส์ สำหรับการที่เจ้านายจะได้หญิงสาวมาเป็นเมีย

     

                    ขณะที่แสงแดดกำลังร้อนระอุ ใบหน้าหวานก็ดูจะเปล่งปลั่งมีรอยยิ้ม โดยเฉพาะเมื่อเห็นเรือนเพาะผักไฮโดรโปนิกส์ขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงหน้า โครงสร้างหลังคาสูงดูปลอดโปร่ง และบรรดาผักที่อยู่ในภาชนะที่ใช้ปลูกกำลังเป็นต้นกล้าน้อยๆ รอวันที่เจริญเติบโต

                    การปรากฏตัวของเธอดูจะสร้างความสนอกสนใจให้กับคนงานในเรือนเพาะปลูกนี้ ไม่มีคนไหนที่จะไม่รู้จักชื่อของเพชรไพลิน ทั้งๆ ที่เธอเพิ่งจะมาอยู่ที่นี่ได้วันที่สอง ซึ่งนั่นก็อาจจะเป็นผลพวงมาจากความขยันหมั่นเพียรของคุณนายสุโกศลในการตามติดลูกชายแล้วพร่ำบ่นแต่เรื่องของเธอนั่นเอง เธอจึงได้รับการต้อนรับที่ดีโดยไม่ต้องสงสัย และตอนนี้ก็กำลังเพลิดเพลินกับการเดินชมการทำงานของคนงาน ได้รับความรู้ถึงกระบวนการเพาะปลูกโดยการซักถาม เรียกได้ว่าแทบจะใช้เวลาหมดไปครึ่งค่อนวันกับการอยู่ในที่แห่งนั้น และมันก็นานพอที่จะทำให้ใครบางคนวกกลับมาในช่วงเย็น ดังนั้นชายหนุ่มจึงรู้สึกแปลกใจไม่น้อยกับภาพที่กำลังเห็นหญิงสาวไฮโซ ที่น่าจะนอนตากแอร์อยู่กับบ้าน กำลังช่วงคนงานของเขาหยอดน้ำปุ๋ยให้กับพืชผักที่กำลังงอกเงย

                    “เธอมาทำบ้าอะไรที่นี่!

                    เสียงเข้มที่ดังขึ้นมาจากทางด้านหลังทำให้คนที่กำลังเพลิดเพลินอยู่ จำต้องเม้มริมฝีปาก ชะงักค้างอยู่ในท่าเดิมร่วมสองวินาที ก่อนที่จะเหยียดตัวขึ้นแล้วหันมาทางคนที่กล่าวหาว่าเธอบ้าติดกันถึงสองครั้งในวันเดียว

                    “ฉันจะมาทำบ้าอะไรที่นี่มันก็เป็นเรื่องของฉัน ส่วนคุณจะรีบไปทำบ้าอะไรที่ไหนก็เชิญรีบๆ ไป เร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดี”

                    “นี่เธอกล้าไล่ฉัน คนที่เป็นเจ้าของที่นี่ หลังจากที่มาก่อกวนการทำงานคนของฉันโดยไม่ได้รับอนุญาตอย่างนั้นเหรอ”

                    “เท่าที่ฉันรู้ที่ดินทุกผืนยังเป็นชื่อของแม่คุณ และฉันก็เป็นแขกของแม่คุณ มีสิทธิท์ที่จะไปไหนมาไหนได้โดยอิสระเสรี ไม่จำเป็นต้องขออนุญาตลูกชายที่ยังไม่ได้เป็นเจ้าของ แต่ทึกทักเอาเองอย่างหน้าไม่อายแบบคุณ!

                    การโต้เถียงของทั้งสองดุเดือดเผ็ดมัน โดยเฉพาะประโยคหลังที่หญิงสาวกล้าเชิดหน้าชูคอเน้นน้ำเสียงใส่หน้าอิทธิฤทธิ์ เป็นเหตุให้บรรดาคนงานพากันถอยหลังออกไปตั้งหลักด้วยเกรงว่าระเบิดกำลังจะลง

                    “หึ๊! กล้ามาก...ลูกคุณหนูอย่างเธอคงจะเป็นพวกมีแต่คนก้มหัวให้ คิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่สูงส่งกว่าใคร จนลืมคำว่ามารยาทขั้นพื้นฐานทางสังคม ที่ควรจะมีต่อเจ้าบ้าน ต่อให้ฉันจะเป็นเพียงว่าที่เจ้าบ้านก็เถอะ”

                    ริมฝีปากหยักบิดขึ้นท้ายน้ำเสียง แล้วแบบนี้มีหรือที่คนอย่างพลอยชมพูจะยอม

                    “คุณนี่มันปากสถุน เสียดายที่จบมาสูงแต่สันดานต่ำ เที่ยวว่าใครต่อใครไม่มีมารยาท ทำตัวยิ่งใหญ่ เคยส่องกระจกดูตัวเองบ้างมั้ยว่าไอ้ที่พูดมามันตัวคุณเองทั้งนั้น”

                    “มันจะมากเกินไปแล้วนะ หุบปากแล้วออกไปจากที่นี่ก่อนที่ฉันจะหมดความอดทน”

                    มือหนายกขึ้นมาชี้หน้าหญิงสาว ก่อนที่จะชี้ไปตรงทางออกควบคู่การขับไล่รุนแรง มาถึงตรงนี้ฟาดเส้นสุดท้ายของเธอก็ขาดผึ่ง เธอรักสุนัขชอบน้องหมาเป็นชีวิตแต่ไม่ชื่นชอบการถูกขับไล่เหมือนหมูเหมือนหมาอย่างแน่นอน

                    “ไม่ออก! หัวเด็ดตีนขาดยังไงก็ไม่ไป ถ้าคุณอยากให้ฉันเดินออกไปนักก็คุกเข่าขอร้องอ้อนว้อนให้สมกับความหน้าตัวเมียของคุณสิ แล้วฉันจะไป”

                “เพชรไพลิน!!

                    “กรี๊ดดดด!! จะทำอะไรปล่อยฉันนะ ไอ้สถุน!

                    ท้ายเสียงตะโกนกร้าวของชายหนุ่ม กลับกลายเป็นเสียงกรีดร้องของหญิงสาวต่อท้าย ทันทีที่อิทธิฤทธิ์พุ่งเข้าหา ฉุดร่างเล็กๆ ของเธอขึ้นมาพาดกับบ่า พาเดินออกไปนอกเรือนเพาะปลูก ท่ามกลางสายตาของเหล่าคนงานสี่ห้าชีวิตที่พากันยืนหน้าซีด ไม่มีใครกล้าเข้าไปห้ามด้วยเห็นว่ามันคือเรื่องของว่าที่ผัวเมียในอนาคต

     

                    “ปล่อยฉันบอกให้ปล่อย ไอ้บ้า ไอ้สถุน ไอ้คนไม่มีปัญญาซ่อมรถเอง โอ้ย!!

                    หลังจากที่พ่นคำด่าสารพัดมาตลอดทาง จนไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาต่อว่าต่อขาน คนที่จับเธอหัวทิ่มเดินออกจากเรือนผักไร้ดินมาไม่รู้ทิศรู้ทางอย่างบ้าดีเดือด ก็จับเธอโยนทิ้งลงบนกองฟางสูงท่วมหัว มองไปรอบๆ ไม่เห็นคนงานที่ไหนแม้แต่คนเดียว

                    “พาฉันมาที่นี่ทำไม”

                    “พามาทิ้งให้หายบ้า และก็หุบปากซะ ไม่งั้นฉันจะเอาฟางยัดเข้าไปในปากของเธอ”

                    ดูท่าสภาพผมเป็นลอนสลวยที่พี่สาวจับเธอเซ็ทมาตั้งแต่เมื่อวาน เมื่อถูกผสมเข้ากับเศษฟางจนยุ่งเหยิง แถมยังติดตามเนื้อตามตัวสภาพมอมแมมจะทำให้อิทธิฤทธิ์พอใจ ริมฝีปากหยักถึงได้แสยะยิ้ม ยามกอดอกยืนมองเธอกลับมา

                    “เก็บเอาไว้ยัดใส่ปากคุณเองเถอะ ไอ้เฮงซวย!

                    “นี่เธอ!

                    ร่างบางรีบลุกขึ้นยืน ซ้ำยังคว้าเศษฟางมาหนึ่งกำมือใหญ่ๆ ขว้างใส่หน้าคนที่กล้ามาเยาะเย้ย จนมือหนาต้องรีบยกขึ้นมาปกป้อง แต่หญิงสาวก็ยังไม่หยุดที่จะโน้มตัวลงไปคว้าฟางเป็นกอบเป็นกำมาขว้างใส่เขาให้หายแค้น ท้ายที่สุดอิทธิฤทธิ์ก็เริ่มหมดความอดทน เขาเคยคั่วกับลูกคุณหนูไฮโซมากมาย แต่ไม่เคยเจอใครที่ร้ายทั้งปากและพฤติกรรมเท่ากับคุณหนูไฮโซที่แม่หามาให้แม้แต่คนเดียว

                    “หยุด! ถ้าหากยังไม่หยุดฉันจะไม่ปราณีเธออีกต่อไป!

                    “จะทำอะไรฉัน! คิดว่าคนอย่างฉันจะกลัวเหรอ แน่จริงก็เข้ามาเลย ตัวต่อตัวตอนนี้เลยก็ได้”

                    สองมือคู่เล็กยกขึ้นมาตั้งการ์ด หลังจัดการดึงแขนเสื้อตัวเองขึ้น ท่าทีมาดมั่นท้าตีท้าต่อยทำให้เรียวคิ้วคู่หนาอดไม่ได้ที่จะขมวดเข้าหากัน อย่างแรกเขานึกสงสัยเหลือเกินว่ารูปร่างอรชรอย่างเธอจะเอาแรงที่ไหนมาต่อกรคนรูปร่างสูงใหญ่เช่นเขา อย่างที่สองคือช่างมัน...ท่าทางของเธอช่างกวนเหลือร้าย และถ้าเขาไม่ทำอะไรสักอย่างคนอย่างเธอคงจะยิ่งได้ใจ

                    ร่างสูงตรงดิ่งเข้าหา ระยะกระชั้นทำให้เธอไม่ทันได้ตั้งหลัก สองมือคู่หนาคว้าข้อมือเล็กๆ แล้วดึงให้เธอเข้ามาแนบชิดไม่ต่างอะไรกับกระชาก ใบหน้าคมอยู่ใกล้กับหญิงสาวเพียงแค่คืบจนแทบจะสัมผัสถึงลมหายใจของกันและกันได้

                    “เธอคิดว่าคนอย่างฉันจะจัดการเธอด้วยการท้าตีท้าต่อยอย่างนั้นเหรอ”

                    วินาทีที่ริมฝีปากหยักกระตุกยิ้มขึ้นมา พลอยชมพูต้องยอมรับว่ามันทำให้ใบหน้าหล่อเหลามีเสน่ห์รุนแรงจนหัวใจของเธอสั่นสะท้าน เกิดมาเธอไม่เคยใกล้ชิดกับผู้ชายคนไหนเท่านี้ จึงไม่แปลกที่จะรู้สึกประหม่าขึ้นมา

                    “ถ้าไม่ท้าตีท้าต่อย แล้วคนสถุนหน้าตัวเมียอย่างคุณจะใช้วิธีไหนมาจัดการฉัน”

                    ต้นน้ำเสียงฟังตะกุกตะกักเล็กน้อย แต่พอตั้งหลักได้ เธอก็เชิดหน้าท้าทายโดยหารู้ไม่ว่านั่นกำลังเข้าทางเขาพอดี

                    “คนหน้าตัวเมียอย่างฉันน่ะเหรอ...หึ๊! ก็คงจะใช้วิธีแบบคนหน้าตัวผู้เขามักจะทำกันล่ะมั้ง”

                    “หมายความว่ายังไง อื้อออ...”

                    ท้ายเสียงถูกกลืนหายไปกับริมฝีปากหยัก ที่โน้มลงมาประกบริมฝีปากเล็กๆ ตามติดมาด้วยมือหนาที่จงใจตรึงปลายคางเล็กๆ ไว้ไม่ให้ดิ้นหนีไปไหน ยามที่เรียวลิ้นร้อนๆ กำลังสำรวจความพึงพอใจในรสจูบ ก่อนที่จะค่อยๆ บีบแก้มเนียนใส ให้เธอเปิดริมฝีปากขณะที่กำลังดิ้นรน

                    มือเล็กๆ ที่เป็นอิสระยกขึ้นมาทุบร่างสูงพัลวัน ทว่าร่างกายของชายหนุ่มนั้นแข็งแกร่งเกินกว่าที่เคยประมาณเอาไว้มาก มันไม่ต่างอะไรกับกำลังทุบหินผาที่ไม่อาจต่อกร พลอยชมพูได้แต่ตะเกียกตะกาย ผลักไสใบหน้าเพื่อหลีกหนี แต่จนแล้วจนรอดพละกำลังที่เธอมีก็ไม่อาจต่อต้านเงื้อมมือเพียงข้างเดียวของเขาได้

                    โดยเฉพาะยามที่ปลายลิ้นร้อนฉ่ำล่วงล้ำเข้ามา เคล้าคลึงเวียนวนจนความตกใจปนโกรธเคืองเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความรู้สึกแปลกๆ ชายหนุ่มเองก็รู้สึกถึงความซาบซ่านในรูปร่างอรชร รสจูบหวานลิ้น กลิ่นหอมรัญจวนในแบบที่ไม่คิดว่าจะได้รับจากสาวเมืองกรุงที่มักจะมีการปรุงแต่ง และเสียงครางเล็กๆ ยามเธอขัดขืน สุดท้ายเลยอดไม่ได้ที่จะดูดดื่มกับเรียวลิ้นเล็กๆ แบบจัดหนัก ก่อนที่จะค่อยๆ ผละริมฝีปากพร้อมกับขบกัดริมฝีปากของเธอเบาๆ

                    “ตอนแรกว่าจะแค่สั่งสอนเล่นๆ แต่เธอนี่ไม่เลว...ขอจัดเต็มเลยก็แล้วกัน”

                    “ไอ้บ้า! พูดอะไรของคุณ ว้าย!

                    มือบางกำแน่นเตรียมที่จะเหวี่ยงหมัดใส่คนตรงหน้า แต่ยังไม่ทันที่จะยกมือขึ้นชายหนุ่มก็เป็นฝ่ายจัดการผลักเธอล้มลงไปที่กองฟาง วินาทีนั้นหัวใจของหญิงสาวแทบหลุดร่วง ทันทีที่ร่างสูงโถมกายลงมาเกือบจะทับกับร่างของเธอ

                    “อย่านะนี่จะทำอะไร!

                    “อย่าอินโนเซ้นส์ไปหน่อยเลย เธอก็น่าจะรู้ตัวดีอยู่แล้วว่าเธอมาที่นี่เพื่อมาเป็นเมียของฉัน”

                    “นี่คุณจะปล้ำฉันเหรอ!!

                    มือบางยันแผงอกหนา เบิกตากว้างเล่นถามกันแบบตรงๆ ขณะที่ร่างสูงกำลังจับต้นแขนบอบบางเพื่อกดให้ร่างของเธอนอนราบลงไป

                    “ใช่ แต่จะเรียกว่าซ้อมเข้าหอกันก็ได้ เผื่อว่าถ้าเธอเด็ดถูกใจ ฉันอาจจะนึกอยากแต่งงานกับเธอขึ้นมาจริงๆ”

                    พลอยชมพูรู้สึกโมโหจี๊ดดด...และปรี๊ดดดด...จนขึ้นสมอง แถมเขายังทำท่าเตรียมจะประกบริมฝีปากกับเธออีกครั้ง เธอไม่คิดอะไรมากตอบได้คำเดียวว่าจะต้องจัดการสั่งสอนเขากลับคืน หากแต่ท่วงท่าที่กำลังเพลี่ยงพล้ำไม่เอื้ออำนวยต่อการใช้ไม้เด็ดคือเตะผ่าหมาก กระนั้นเพียงเสี้ยววินาทีที่กำลังจะกลายเป็นเบี้ยให้เขาขยี้เล่น มือบางก็จัดการเอื้อมลงต่ำ กอบกุมความแข็งแกร่งใต้สะดือไม่มีหวั่นเกรง แล้วบีบเต็มแรงชนิดว่าถ้านี่เป็นผลส้มก็คงจะแหลกคามือ เพียงเท่านั้นคนที่คิดว่าตนมีกำลังและชั้นเชิงเหนือกว่าก็แทบจะแหลกมลาย คำว่าจุกและเจ็บยังน้อยไป ร่างสูงถึงกับนิ่ง นอนแนบใบหน้าลงกองฟางหลังจากที่หญิงสาวฉวยโอกาสลุกขึ้นยืนตอนที่เขากำลังหน้าเขียว

                    “อย่าคิดว่าตัวเองเป็นที่ต้องการของตลาดนักสิ ฉันมาที่นี่เพราะสมเพชคนที่ไม่มีปัญญาหาเมียเอง และเห็นใจแม่คุณที่ต้องเที่ยวหาผู้หญิงให้ลูกชายห่วยๆ มาสืบพันธุ์ แต่น่าสงสาร...ดูท่าว่าตอนนี้คุณคงจะเป็นหมัน หรือไม่ก็ไร้น้ำยาไปซะแล้ว เช๊อะ!

                    พลอยชมพูถากถางยามได้ที ก่อนโน้มตัวลงไปคว้ากองฟางมาสองกำมือ แล้วทุ่มมันใส่หน้าคนที่กำลังจ้องมองเธออย่างเจ็บใจ หากแต่ว่าจุกจนลุกขึ้นมาโต้ตอบอะไรไม่ได้ หญิงสาวรู้สึกปลอดโปร่งหลังจัดการชำระคดีกับอิทธิฤทธิ์ จึงเดินเชิดหน้าทิ้งเขาเอาไว้ตรงนั้นและจากไปอย่างสบายอารมณ์


     

        





    ขอให้พรุ่งนี้เป็นวันเริ่มต้นที่สดชื่นนะคะ



     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×