ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ลิขิตจากฟ้า ส่งฉันมาพบกับเธอ (The miracle of love)

    ลำดับตอนที่ #1 : การเริ่มต้นครั้งใหม่ที่มีเพียงเรา 2 คน

    • อัปเดตล่าสุด 13 ส.ค. 50


     

    ตัวฉันในตอนนี้มีชีวิตอยู่เพื่ออะไรกันนะ มันเป็นความคิดที่เกิดขึ้นมาในสมองของฉันเมื่อฉันตื่นขึ้นในโรงพยาบาล หลังจากที่รู้ว่าพ่อแม่ฉันและคนอื่นๆ ในครอบครัวของฉันเสียชีวิตเนี่ยจากอุบัติเหตุรถทัวร์ตกภูเขาเพราะหิมะถล่ม  คำถามต่อมาที่ผุดขึ้นมาในหัวก็คือ แล้วทำไมฉันไม่ตายล่ะ ทั้งที่น่าจะตายไปพร้อมๆกับทุกคนแล้ว ทำไมฉันกลับรอด ขณะที่ความคิดของฉันกำลังจมดิ่งลงสู่ความเศร้าหมอง  ฉันหันมองไปรอบห้องสีขาว  อีกมุมหนึ่งของห้องมีเด็กชายคนหนึ่งอายุประมาณฉันนอนอยู่ ดูท่าอาการเค้าจะหนักกว่าฉันเสียอีก  ฉันพยายามขยับตัวเพื่อลุกขึ้นจากเตียง  ทันใดนั้นเสียงพยาบาลก็ดังขึ้น  เธอรีบวิ่งมาประคองฉันให้นอนลงที่เดิม  เธอมองฉันด้วยสายตาที่อ่อนโยนมาก 
    จะทำอะไรก็กดปุ่มเรียกซิจ๊ะเดียวก็ล้มตกเตียงกันพอดี  แล้วเธอก็เดินอ้อมเตียงไปปรับสายน้ำเกลือ 
    ขอโทษนะคะ  เด็กคนนั้นเป็นใครเหรอคะ ฉันถามพยาบาลคนนั้น 
    เด็กคนนี้เค้าอยู่บนรถทัวร์คันหลังรถทัวร์ของเธอไง  รู้สึกว่าจะรอดมาคนเดียวเหมือนหนูเลยเธอพูดขณะที่เดินไปดูเด็กคนนั้น  จากนั้นเธอก็เดินออกจากห้องไป เมื่อได้ยินคำว่ารอดมาคนเดียว น้ำตาของฉันมันก็ไหลออกมาเกือบจะทันทีเลยก็ว่าได้ 


    เวลาผ่านไปหลายวันอาการฉันเริ่มดีขึ้นและเริ่มทำกายภาพ  แต่เด็กคนนั้นก็ยังไม่ตื่นขึ้นมาเลย  
    นายกับฉันจะว่าด้วยบุญหรือกรรมนะที่ทำให้เรามาเจอกัน  หากต้องแลกด้วยการสูญเสียคนที่เรารักไป  มันก็คงไม่คุ้มหรอกใช่ไหม  

    ฉันจ้องมองใบหน้าที่หลับไหลของเด็กคนนั้น  แต่แล้วดวงตาที่หลับไหลคู่นั้นก็เริ่มที่จะขยับ  มันน่าแปลกที่ฉันรู้สึกดีใจอย่าบอกไม่ถูกขณะที่กดปุ่มเหนือเตียงเพื่อเรียกพยาบาลเข้ามาดู  ความรู้สึกในตอนนั้นเหมือนกับว่าเค้าเป็นสิ่งสำคัญอีกสิ่งหนึ่งในชีวิตของฉันเลย 
    หลายวันต่อมาเค้าก็เริ่มอาการดีขึ้นและเดินได้  แล้วจู่ๆเค้าก็มาพูดกับชั้น 
    เธอพูดใช่ไหมว่าเป็นบุญหรือกรรมที่ทำให้เรามาพบกัน  ฉันว่ามันคงเป็นกรรมที่ต้องเสียคนในครอบครัวไป  แต่มันคงเป็นชะตามากกว่าที่ทำให้เรา 2 คนรอดมาเจอกันนะ  ว่าไหม  เค้าพูดแล้วก็ยิ้มเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น  มันช่างน่าแปลกใจที่เขายังทำหน้ายิ้มแย้มได้  ต่างกับตัวฉันที่ทำหน้าเศร้าหมอง  จากวันนั้นเค้าชอบชวนฉันไปนั่งที่ดาดฟ้าของโรงพยาบาล  
    นี่ฉันคุยกับเธอมา 2 วันแล้วยังไม่ได้แนะนำตัวเลย ฉันทาวาบาระ  ฮิเดยูกิแล้วเธอล่ะ” 
    ทาเคซาวะ  ยูกิฮิโกะ 
    ชื่อเรามีคำว่ายูกิเหมือนกันเลยนะบังเอิญจัง เค้าพูดแล้วหันกลับไปมองท้องฟ้าที่ดวงอาทิตย์กำลังตก 
    แล้วจากนี้เธอจะทำยังไงต่อไปล่ะ เขาถามฉัน 
    ไม่รู้ซิ ฉันคิดว่าจะไปหาทนายประจำตระกูลให้หาบ้านใหม่ให้อยู่เพราะฉันไปอยากกลับไปที่ที่ทุกคนเคยอยู่  ส่วนหลังเดิมถ้าก็คนจ้างคนมาดูแล เพราะฉันไม่อยากนึกถึงเรื่องในอดีตที่ช้ำใจอีก 
    เธอนี่ดีนะรู้ว่าต้องทำอะไร  ไม่เหมือนฉัน ฉันคงต้องหางานทำแล้วก็หาที่อยู่ใหม่เพราะบ้านที่ฉันอยู่เป็นบ้านเช่า  ตอนนี้คงต้องคิดว่าจะไปอยู่ไหนดี เค้าพูดแล้วก็หัวเราะ  ช่างน่าแปลกใจทั้งที่เค้าต้องเจอกันปัญหามากมายกว่าฉันหลายเท่าแต่ทำไมเค้ายังยิ้มออกมาได้  
    นายมาอยู่กับฉันไหมล่ะยังไงเราก็ไม่เหลือใครด้วยกันทั้งคู่นี้ ก็ยังดีกว่าอยู่คนเดียวจริงไหมล่ะ” 
    ไม่รู้ซิ แต่ก็ดีเหมือนกันนะ  อย่างน้อยก็ไม่ต้องเหงา  ไม่ต้องอยู่คนเดียว เค้าพูดแล้วกก้มมองที่พื้นเหมือนกำลังหลบสายตาเป็นครั้งแรกที่ฉันได้เห็นใบหน้าที่หมองเศร้าของเค้า นัยต์ตาของเค้าช่างดูว่างเปล่าเหลือเกิน


    2 อาทิตย์หลังจากนั้นทนายของคุณพ่อก็มาหาฉันเค้าพูดถึงสิทธิการถือครองมรดกต่างๆ มากมาย ซึ่งตอนนี้ฉันยังไม่สามารถถือครองได้ทั้งหมด แต่เท่าที่มีอยู่ก็ทำให้ใช้ชีวิต ม.ปลายที่เหลือได้อย่างสบาย

     

    เท่าที่ดูตอนนี้ฉันยังไม่ได้กรรมสิทธิ์ทั้งหมดแต่ฉันยังโชคดีที่มีอพาร์ตเม้นอยู่  ที่นั้นก็กว่าพอสมควรเลย  ความจริงเป็นของขวัญวันเกิดตอนอายุ 15  ไม่คิดว่าจะได้ไปอยู่เร็วขนาดนี้ขณะที่เดินไปปิดประตู

    อีก 2 วันเธอกับชั้นจะได้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว ดีใจไหม ฮิเดยูกิถามฉัน ท่าทางเค้าดูอารมณ์ดีมากๆ

    ฉันต้องกลับไปเอาของที่บ้านก่อนไม่รู้เจ้าของบ้านเช่าจะยังเก็บไว้หรือเปล่า เพราะเรานอนโรงพยาบาลตั้งเดือนนึง  สงสัยป่านนี้โดนเอาไปขาดทำค่าเช่าหมดแล้วมั้ง

     

    และแล้ววันที่ฉันจะได้ออกไปจากโรงพยาบาลก็มาถึง ฉันนั่งรถแท๊กซี่ไปกับฮิเดยูกิ แถวบ้านเค้าเป็นย่านที่มีคนพลุกพล่าน วุ่นวายแต่ดูมีชีวิตชีวา ไม่นานนักฉันและเค้าก็มาถึงบ้านเช่าเก่าๆ หลังหนึ่ง เมื่อเค้าลงจากรถก็รีบวิ่งไปยังบ้านของเจ้าของที่อยู่ถัดไปนึงเดียว หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งยืนอยู่หน้าบ้านหลังนั้น  
    ฉันนึกว่าแกจะตายซะแล้วตอนนี้บ้านนั้นฉันให้คนอื่นเช่าแทนแล้ว แล้วก็นี่ของของแก ส่วนพวกทีวีตู้เย็น ฉันถือว่าเป็นค่าเช้าที่ค้าง แล้วก็มีกล่องใบนึงแม่แกมาฝากไว้ก่อนไปฉันยังไม่ได้เปิดแกเปิดเองแล้วกัน เค้าพูดแล้วเดินไปหลังบ้านโดยไม่มีท่าทีสนใจจเด็กหนุ่มตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย  
    ก็ยังดีที่เค้ายังไม่ทิ้งของส่วนตัวของฉันสงสัยทีเหลือคงโดนขายเป็นค่าเช่าที่ค้างไปแล้วมั้ง แต่ก็ดีจะได้ไม่ต้องคิดถึงมันอีก เค้าพูดแล้วยกของที่เหลืออยู่ออกไปด้านนอก

     

    “We are fight………….naotonomete…………” เสียงโทรศัพท์ของฉันดังขึ้น

    ได้เดี๋ยวฉันจะไปถึงในอีก 1 ชั่วโมง แค่นี้นะ

    ไปกันเถอะ ทนายบอกว่าเตรียมอพาร์ตเม้นไว้ให้แล้ว เราไปดูกันดีกว่าว่าชอบหรือเปล่า แล้วฉันก็ช่วยเค้ายกข้าวของพรุงพรังขึ้นรถแท๊กซี่ไป 
    ต่อไปนี้นายเป็นคนสำคัญในชีวิตของฉันนะ ห้ามหนีฉันไปไหนเด็ดขาดฉันพูดและจัดมือเค้าไว้แน่น เค้ากุมมือของฉัน 
    ฉันจะอยู่กับเธอจนเธอเบื่อเลยคอยดู มันช่างเป็นช่วงเวลาที่สบายใจอย่างบอกไม่ถูกเลยที่เดียว

     

    คุณหนู  ที่นี้เป็นอพาร์ตเม้นของคุณครับ  แต่ที่นี่ยังไม่ได้ตกแต่งอะไรนะครับเพราะมันกระทันหันมาก ส่วนนี้บัตรเครดิตของคุณครับ แล้วก็นี้เอกสารรับเงิน 5% ของรายได้ทั้งหมดที่ได้จากอสังหาริมทรัพย์กับบริษัทของคุณพ่อและคุณแม่ของคุณครับ จะโอนเข้าบัญชีทุกต้นเดือน กรุณาอ่านอย่างถี่ถ้วนนะครับถ้าสงสัยตรงไหนก็โทรหากระผมได้ทุกเวลาครับ แล้วอีก 1 อาทิตย์กระผมจะมารับเอกสาร เมื่อพูดจบเค้าก็ขึ้นรถคันสีดำคันใหญ่ออกไป

     

    ไปดูกันดีกว่าว่าในห้องเป็นยังไง ฉันลากข้าวของและตัวเค้าขึ้นไปบนอพาร์ตเม้น และเมื่อเปิดประตูเข้าไป  มันช่างดูกว้างขวางและสวยมาก เพราะมีหน้าต่างบานใหญ่ที่สามารถมองเห็นเมืองได้เกือบทั้งเมือง  แต่มันเป็นห้องที่ว่างเปล่าจริงๆ

    สงสัยต้องซื้อของครั้งใหญ่เลยนะเนี่ย  มิน่าละเค้าถึงให้บัตรทองเธอมา สงสัยเราต้องคิดแล้วว่าจะทำไงกับห้องนี้ดี ฮิเดยูกิพูดกันฉันแล้วเราทั้งคู่ก็สำรวจไปรอบๆห้องเหมือนเล่นซ้อนหาเลย  มันดูเป็นเหมือนเรื่องสนุกของเด็กอายุ 17 ที่น้อยคนจะได้มี      โอกาศทำ

     

    เรามาคิดกันดีกว่าว่าเราจะแต่งห้องแบบไหนดี ฉันพูดกับเค้าขณะที่เค้ากำลังเดินสำรวจส่วนต่างๆ

    นี่ยูกิฮิโกะ  เธอแน่ใจแล้วแน่นะว่าเธอจะให้ฉันอยู่ที่นี่ ไม่งั้นมาไล่ที่หลังฉันไม่ไปด้วย 
    อืมแน่ใจซิ

    นี่ยูกิฮิโกะ เธอเรียนที่ไหนเหรอ ฮิเดยูกิถามขณะที่เค้ากำลังหาของอะไรบางอย่างในกระเป้ 
    เรียนที่เชนริวฉันตอบเค้า 
    จริงอ่ะ  ฉันก็เรียนเชนริว 
    สงสัยเป็นเพราะโรงเรียนเราแยกนักเรียนชายกับหญิงให้อยู่คนละฝั่งโรงเรียนมั้งถึงไม่เคยเจอกันเลย 
    เปล่าหรอกฉันเพิ่งได้ทุนกีฬาย้ายมาปีนี้เอง ฮิเดยูกิตอบอย่างภาคภูมิใจ 
    นี่เธอหาอะไรอยู่เหรอ ฉันถามเค้าเพราะเห็นว่าหามานานพอสมควรแล้ว 
    ก็กล่องที่แม่ให้อ่ะดิเค้าหันมาตอบและก้มหน้าหาต่อไป นี่เอาไว้ในกระเป๋าเสื้อข้างล่างด้านซ้ายไม่ใช่เหรือหาในเป้มันจะเจอไหมเนี่ย ฉันตอบ และเมื่อเค้าเจอกล่องใบนั้นเมื่อเปิดออก มันเป็นกุญเจออะไรซักอย่าง และด้านล่างของกล่องก็มีกระดาษแผ่นนึงวางไว้

    ฮิเดยูกิ ลูกรัก ถึงแม่จะไม่ค่อยมีเวลาอยู่กับลูกมากเท่าไหร่ แต่ความจริงแล้วแม่รักลูกมากนะ  และแม่ก็ดีใจที่ลูกได้ทุนกีฬาที่ลูกตั้งใจ แม่รู้ว่าลูกต้องพยายามมากขนาดไหนกว่าจะได้มันมาต้องซ้อมหนักขนาดไหน  มันเป็นของขวัญที่แม่ตั้งใจจะให้ลูกมานานแล้วแต่ไม่มีโอกาศซักที  ตอนนี้มันเป็นของลูกแล้วหวังว่าลูกคงจะชอบนะ ............. 

    เมื่อเค้าอ่านข้อความในกระดาษนั้นจนหมด น้ำตามากมายจากไหนไม่รู้ไหลออกมาจากดวงตาที่ดูเศร้าหมองของเค้า ฮิเดยูกิที่ดูเข้มแข็งในสายตาของฉันบัดนี้เหมือนกันเด็กน้อยเพียงคนนึงที่นั่งร้องไห้เสียใจ  เค้าได้แต่โอบกอดฉันและร้องไห้ หากฉันในตอนนี้สามารถช่วยบรรเทาความเศร้าของเค้าได้แม้เพียงนิดเดียวไม่ว่าด้วยวิธีการใดๆฉันก็จะทำ  เวลาผ่านไปเค้าร้องไห้จนในที่สุดก็หลับลงบนตักของฉัน ไม่น่าเชื่อเลยว่าเด็กชายที่ดูเข้มแข็งและร่าเริงอย่างเค้า ก็ร้องไห้เป็นเหมือนกัน เพราะตั้งแต่ที่ฉันรู้จักเค้าถึงแม้มันจะไม่นานนัก แต่ทุกครั้งเค้าเจอกับเรื่องต่างๆ เค้าก็จะยิ้มและสู้กับมันเสมอ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×