ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Chain of Satan

    ลำดับตอนที่ #4 : chapter 4

    • อัปเดตล่าสุด 14 เม.ย. 49


        เสียงกุกๆกักๆดังมาจากห้องครัวร่างบางของหญิงสาวนัยน์ตาสีนิลกำลังก้มงุดๆอยู่ที่ห้องครัวกำลังทำอะไรบางอย่างเรือนผมสีเงินยุ่งเป็นกระเซิง ถัดมาหญิงสาวอีกคนที่หลับไหลแบบสนิทสุดๆแบบไม่รู้เรื่องราวอะไร(ก็มันจริงนี่) อยู่บนเตียงสีขาวสีหน้าดูอ่อนล้ากว่าปกติหลายเท่านัก


      
    โอ้ย  โว้ยเจ็บ เสียงสบถดังมาจากหญิงสาวที่กำลังวุ่นอยู่ในครัว เนื่องจากเกือบจะเอามีดที่ตัวเองใช้หั่นต้นหอมอยู่มาหั่นนิ้วตัวเอง ดีนะว่าไม่ได้กดแรงก็เลยแค่บาด


       
    แต่เธอหารู้ไม่ว่าเสียงสบถนั่นของเธอทำให้หญิงสาวที่หลับเพราะพิษไข้นั้นตื่นขึ้นจากภวังค์ เร็นเคียวลุกขึ้นอย่างเงียบเชียบแล้วเดินไปหาโคคุเรียวที่ครัว


       
    โคคุเรียว เป็นอะไร มีดบาดใช่มั้ยเธอถามโคคุเรียวทันทีที่เห็นบาดแผลบนนิ้วของโคคุเรียว ถึงแม้ว่าในร่างผู้ชายของโคคุเรียวจะสูงกว่าเร็นเคียวแต่เมื่อกลายเป็นผู้หญิงก็ตัวเท่ากัน มันทำให้โคคุเรียวรู้สึกว่าเร็นเคียวน่าเกรงขามมาก


       
    เร็นเคียวตื่นตั้งแต่เมื่อไรง่ะ คือก็ใช่นะมีดบาด โคคุเรียวตอบพลางยิ้มแหะๆ


       
    เอาล้างน้ำก่อนนะ เธอกล่าวอย่างเป็นห่วง


       
    ไม่ต้องหรอกแค่นี้เองน้าโคคุเรียวกล่าวตะกุกตะกัก


      
    ฉันทำเองละกันนะไอ้นี่น่ะเร็นเคียวว่าพลางจะเดินไปทำกับข้าวที่โคคุเรียวทำค้างไว้


      
    ไม่ได้นะ โคคุเรียวกล่าวเสียงดังทำให้เร็นเคียวตกใจหันกลับมามอง คนป่วยทำไม่ได้นะ เดี่ยวฉันทำเองโคคุเรียวกล่าวพลางก้าวเข้าไปหาเร็นเคียว


       
    เฮ้ย


       
    อ้ะ


       
    .............................................................. ความเงียบตามมาหลังจากมีเสียงอุทานสองครั้ง


       
    ขอโทษนะ คนที่กล่าวขึ้นมาก่อนคือโคคุเรียว เธอเดินสะดุดเท้าตัวเอง(ซุ่มซ่าม เหมือนใครเนี่ย)แล้วดันไปชนกับเร็นเคียวที่อยู่ด้านหน้าจนล้มคว่ำไปทั้งคู่


       
    ไม่เป็นไรค่ะ เร็นเคียวกล่าวพลางลุกขึ้นแล้วถามต่อว่าทำไมไม่ได้ล่ะ


     
    คนป่วยห้ามทำ โคคุเรียวตอบเรียบๆ


      
    จะทำอ่ะ เร็นเคียวเริ่มดื้อแล้ว


     
    ถ้ายังดึงดันที่จะไปให้ใด้คงต้องสั่งให้เธอไปนอนรอเฉยๆนะ โคคุเรียวกล่าวเรียบๆแววตาบ่งบอกชัดเจนว่าถ้ายังดื้อเดี่ยวเจอดุนะ


       
    ก็ได้ค่ะ เร็นเคียวหน้าบึ้งเล็กน้อยก่อนที่จะเดินออกไปแต่โดยดี


     
    นี่ เสียงใสๆดังขึ้นอย่างหวาดๆ


     
    หืม อะไรรึค่ะโคคุเรียว หน้าฉันมีอะไรติดเหรอ เสียงนุ่มๆอีกเสียงกล่าวพลางตักข้าวต้มอีกช้อนใส่ปาก


     
    ก็ อร่อยไหม ฝีมือผมใช้ได้ เอ่อรึเปล่า โคคุเรียวกล่าวอายๆ


     
    อร่อยค่ะ รสอ่อนกำลังดี แต่ฝาดๆไปนิดนะค่ะ เร็นเคียวตอบบวกกับให้คำแนะนำง่ายๆ  เต่โคคุเรียวก็หัวเราะแห้งๆกับคำชมอาหารของเขา  เร็นเคียวมองหน้าโคคุเรียวอีกพักนึงจึงกล่าวถามว่ามีอะไรจะถามฉันใช่มั้ยค่ะ โคคุเรียว


     
    เอ่อ อืม รู้ด้วยรึ เร็นเคียว โคคุเรียวตอบกระอักกระอ่วน


      
    หน้าคุณฟ้องค่ะ คุณเป็นคนที่แสดงทุกอย่างออกมาทางสีหน้าอย่าง เอ่อ จริงจังมากไปหน่อย แต่คุณเป็นคนที่ซื่อตรงมากนะค่ะ เร็นเคียวกล่าวตอบ


      
    ใครๆก็พูดแบบนั้นแหละน้า แทบทุกคนเขาจะบอกว่าผม เอ่อ ซื่อบื้อ โคคุเรียวตอบอายๆ


      
    ไม่หรอกค่ะ นี่ฉันหลับไปเกือบแปดชั่วโมงหรือค่ะ เร็นเคียวที่กล่าวอย่างตกใจนิดๆเมื่อมองนาฬิกาเป็นเวลาจะหกโมงเย็นแล้วเข้าไปแล้ว(ก็ตื่นกันตอนสิบโมงเช้านี่น้า)


      
    อืมเจ็ดชั่วโมงกว่าๆแหละ เออว่าจะถามเรื่องนี้แหละ เร็นเคียว เอ่อ เกี่ยวกับการใช้เวทอะไรพวกนั้นน่ะ ช่วยอธิบายให้ฟังหน่อยได้ไหม แบบละเอียดน่ะ ฉันไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนี้อีก เธอไม่สบายแถมหลับไปนานถ้ามันเกิดอาการแย่กว่านี้ล่ะ ฉันจะทำยังไง โคคุเรียวกล่าวด้วยเสียงสั่นพร่าเล็กน้อย


     
    ใช่


     
    เขากลัว


     
    กลัวที่เธอจะเป็นอะไรไปเพราะใช้เวทนั่น


     
    ค่ะ แต่ก่อนอื่นไปหาเสื้อมาเปลี่ยนก่อนก็ดีนะค่ะ คุณกลายเป็นผู้ชายแล้วนะเร็นเคียวกล่าวพลางจ้องร่างของโคคุเรียวที่กลายเป็นชายในชุดผู้หญิงแน่นเปรี้ยะ


     
    อุ้ย รอแป้บนึง โคคุเรียวกล่าวลุกลี้ลุกลนพลางวิ่งไปเปลี่ยนเสื้อผ้า หลังจากนั้นประมาณสิบนาทีก็วิ่งพรวดกลับมานั่งที่เดิม เล่าเลย เล่าเลย


     
    ค่ะ คำตอบรับสั้นๆจากหญิงสาวเธอกล่าวต่อว่า การใช้เวทสำหรับปิศาจ มีข้อแม้หลายอย่างค่ะ เพราะส่วนใหญ่การใช้เวทของซาตานจะขึ้นอยู่กับ คำสาป ที่มีผลกับซาตานตนนั้น เช่นฉันที่มีคำสาปผูกอยู่กับคุณเรื่องของเจ้าชีวิต การใช้เวทก็ต่างจากซาตานหญิงปกติที่ไม่มีเจ้าชีวิตค่ะ


     
    ยังไงเหรอ โคคุเรียวถามพลางเอียงคอ


     
    ซาตานหญิงปกติที่ไม่มีเจ้าชีวิตหลังเวทจะขึ้นอยู่กับแสงจันทร์ค่ะ แล้วก็ความมืด ราตรียามรัตติกาลเป็นสิ่งที่เพิ่มพลังเวทให้เรา คล้ายๆกับอาหารแต่เป็นเพียงของทานเล่น เพราะว่าพลังชีวิตนั้นแสงจันทร์ไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก แต่จะใช้ปัจจัยอื่น ดีที่สุดคือ เลือด และดวงวิญญาณของสิ่งมีชีวิตที่บริสุธทิ์เป็นพลังชีวิตที่ดีที่สุดสำหรับซาตาน รองลงมาคงจะเป็นอาหารที่พวกคุณรับประทานนั่นก็ช่วยได้ปานกลางค่ะ เร็นเคียวกล่าวตอบ


     
    แล้วซาตานหญิงที่มีเจ้าชีวิตล่ะโคคุเรียวถามอีก


     
    ก็ถ้าพลังเวทก็ขึ้นอยู่กับแสงจันทร์กับความมืดตามปกติค่ะแต่ว่าปัจจัยเรื่องพลังชีวิตนั่นขึ้นอยู่กับ เจ้าชีวิตค่ะเร็นเคียวตอบ


     
    วิญญาณของผมเหรอ โคคุเรียวถามเสียงแหบพร่า


     
    ไม่ใช่ค่ะ เร็นเคียวปฎิเสธทันทีพลางตอบว่า ขึ้นอยูกับพลังของฉันที่อยู่ในร่างของคุณ


     
    พลังของคุณ ในร่างของผม.......เหรอโคคุเรียวกล่าวอย่างงงๆ


     
    เพล้ง เสียงกระจกแตกดังสนั่นพร้อมเงาของร่างสูงโปร่งของชายหนุ่มเรือนผมสีเลือด นัยน์ตาสีทอง เรือนผมยาวสยายถึงแม้จะมัดไว้สูงอย่างลวกๆนั้นยาวถึงสะโพก ใบหน้าคมเข้มที่แม้จะมืดก็สามารถเห็นชัดเพราะแสงสลัวๆจากโคมไฟในห้อง ชายหนุ่มผู้ที่พังหน้าต่างห้องของโคคุเรียวเข้ามากำลังย่างสามขุมอย่าง เกรี้ยวกราดเข้าหาหญิงสาวข้างกายของโคคุเรียว

     

      ริมฝีปากร้อนแรงของชายหนุ่มผู้บุกรุกกำลังประกบอยู่กับริมฝีปากบางสวยของหญิงสาวอย่างรุนแรงและรุกเร้าด้วยความโหยหา


     
    ปล่อยนะ หญิงสาวตะโกนพลางผลักไสชายหนุ่มแปลกหน้าจนกระเด็นล้มโครมไปกับพื้น


     
    เร็นเคียว เสียงตะโกนต่อมาเป็นของโคคุเรียวที่ปราดเข้าไปหาเร็นเคียวในทันที นายเป็นใคร โคคุเรียวหันไปถามชายหนุ่มแปลกหน้าที่มาขโมยจูบของหญิงสาวข้างกายของเขาไปหมาดๆอย่างเกรี้ยวกราด


     
    เป็นยังไงล่ะเร็นเคียว เท่านี้เธอก็เป็นของฉันแล้วนะ เสียงกล่าวทุ้มแข็งกร้าวมาจากชายหนุ่มที่ล้มโครมด้วยแรงผลักของหญิงสาว มันเต็มไปด้วยความ......โกรธเกรี้ยวและ..โหยหา


     
    ไม่ เคนเคย์ ฉันไม่ใช่ของเธออีกแล้ว หญิงสาวตอบชายหนุ่มผู้บุกรุกที่มีนามว่า เคนเคย์ ด้วยเสียงสั่นพร่า


     
    อะไรนะ เธอเป็นของฉันนะ จูบแรกของเธอเป็นของฉัน เธอเป็นของฉัน เคนเคย์กล่าวอย่างคนฟิวส์ขาด


     
    ฉันเป็นของเขา เธอตอบด้วยอาการตะกุกตะกัก


     
    หมอนี่เป็นเจ้าชีวิตของเธอรึ เคนเคย์ถามอีกครั้งเขาฟิวส์ขาดแล้วและพร้อมจะซัดคนตรงหน้าที่แย่งผู้หญิงที่เขารักและลุ่มหลงมาตลอดชีวิตภายในช่วงเวลาไม่นานที่เธอออกมาจากที่นั่น


     
    ด้วยสภาพแบบนั้น


     
    ด้วยสายตาแบบนั้น


     
    ทั้งๆที่เขาพยายามเข้าหาเธอมาตลอด


     
    แต่ไอ้หมอนี่กลับ


     
    แก เคนเคย์กล่าวพลางส่งหมัดหนักด้วยความแค้นที่ผุดขึ้นมาในใจหมายจะให้มันโดนที่หน้าของคนที่พรากสิ่งสำคัญที่เขาพยายามไขว่ขว้ามาตลอดชีวิต แต่ทว่า


     
    พลั่ก เสียงหมัดสวนหนักๆที่มาจากชายหนุ่มอีกคนที่โกรธเกรี้ยวพอๆกันกับเคนเคย์


     
    ไม่รู้หรอกนะว่าเป็นใคร


     
    เคยเป็นอะไรกับเร็นเคียว


     
    อย่าคิดจะมาต่อยฉันก่อน


     
    สำหรับความผิดที่หมอนี่ทำกับเร็นเคียวเมื่อกี้


     
    ให้มันโดนรุมกระทืบก็ไม่สาสม


     
    ฉันไม่รู้หรอกนะว่าแกเป็นอะไรกับเร็นเคียวแต่ มาพังกระจกบ้านคนอื่น จูบผู้หญิงที่เขาขัดขืน แล้วจะต่อยฉันเนี่ย เร็วไปสิบปีโว้ย โคคุเรียวกล่าวด้วยอารมณ์ฉุนจัด พร้อมง้างหมัดหนักที่พร้อมจะซัดไอ้ตัวบ้าข้างหน้าให้ตายคามือ แต่แล้ว


     
    โคคุเรียว พอแล้ว พอเถอะ เสียงใสพร่าของหญิงสาวดังขึ้นเรียกให้หมัดหนักที่กำลังจะซัดชายหนุ่มผมสีเลือดหยุดหมัดได้ชะงัก เธอก็ด้วยเคนเคย์ อย่าทำอย่างนี้กับเขาเสียงที่ว่ากลับมาที่ชายหนุ่มอีกคนช่างแข็งกระด้างโกรธเกรี้ยวและเย็นชา


     
    ราวกับวันที่โคคุเรียวเจอเร็นเคียวครั้งแรก


     
    มันน่ากลัว


     
    ไม่เหมือนกับเร็นเคียวเมื่อกี้


     
    ทำไมล่ะ เร็นเคียว เสียงกล่าวแหบแห้งจากเคนเคย์  


     
    ทำไมต้องปกป้องไอ้หมอนั่น เคนเคย์กล่าวอย่างพยายามเก็บอารมณ์คุกรุ่นให้มากที่สุดมันสำคัญกว่าฉันตรงไหน เร็นเคียว ที่ฉันบอกกับเธอทุกๆวัน มันไม่มีความหมายเลยใช่ไหม เขาตะโกนในที่สุด


     
    ฉันไม่เคยมองเธอเกินคำว่าน้องชาย เคนเคย์ ไม่เคยคิดมากกว่านั้น ฉันขอโทษ คำตอบแบบไม่ถนอมน้ำใจที่ดังมาจากหญิงสาวที่เคยสุภาพแม้จะดูดุบ้างในบางครั้ง


     
    ทำไมล่ะ เร็นเคียว เคนเคย์กล่าวเสียงสั่นๆ อะไรบางอย่างอุ่นๆอยู่ที่ขอบตาของเขาพร้อมความเศร้าเสียใจเป็นที่สุดที่ทั้งชีวิตไม่เคยมี


     
    ทำไม


     
    ทำไม


     
    ในหัวดังก้องด้วยเสียงสะอื้นร่ำไห้ราวขาดใจ  ไม่จริง


     
    ขอโทษ เคนเคย์ กลับไปเถอะ ฉันขอร้อง เสียงของหญิงสาวกล่าวตอบ


     
    ................ ไม่มีคำตอบจากร่างสูงโปร่งที่หายลับไปกับสายลม ด้วยเสียงสะอื้นเพียงแผ่วเบาที่แว่วเข้าหูเพียงแวบเดียว


     
    ฉันจะซ่อมให้ ขอโทษนะค่ะ เร็นเคียวกล่าวเรียบๆโคคุเรียวไม่อาจรู้ได้ว่าใบหน้าของหญิงสาวที่เรียบเฉยกับความรู้สึกในใจของหล่อนเป็นอย่างไร


     
    เธอจะรู้สึกแบบไหนกันนะ


     
    ตอนที่โดนจูบน่ะ


     
    เขา.............. เคนเคย์ที่ว่า


     
    รู้จักเธอมานานแค่ไหนแล้ว


     
    ต้องรู้อะไรเกี่ยวกับเธอมากๆแน่ๆ


     
    ......................
    ใช่.......มากกว่าเรา


      
    ไม่ต้องนะ ถ้าเธอใช้เวทอีกอาจจะเป็นอะไรไปอีกก็ได้ ไม่เอา โคคุเรียวกล่าวเสียงแข็งพลางจับข้อมือ
    ของหญิงสาว
    พลางกล่าวต่อว่าถามอะไรหน่อยได้ไหม

      เรื่องเคนเคย์ใช่ไหมค่ะ เร็นเคียวถามกลับ


      
    ใช่ เขา..........เป็นใครเหรอโคคุเรียวกล่าว


      
    เขาเป็นซาตานอีกคน เป็นเพื่อนสนิทน่ะค่ะ ฉันรักเขาเหมือนน้องชาย แต่เขาไม่คิดอย่างนั้น ก็อย่างที่เห็นนั้นแหละค่ะ เร็นเคียวกล่าวเรียบๆ


     
    เขาอายุน้อยกว่าเธอเหรอ โคคุเรียวถามอีก


     
    ใช่ค่ะ เร็นเคียวตอบ แล้วกล่าวต่อว่า แล้วจะเอายังไงกับหน้าต่างล่ะค่ะถ้าไม่ให้ฉันซ่อมน่ะ


     
    ยังมีอีกเรื่อง พลังของคุณในร่างของผม มันหมายความว่ายังไง โคคุเรียวถามเรื่องที่คาใจมาตั้งแต่เมื่อกี้


     
    เร็นเคียวเบนนัยน์ตามาสบตากับเขาตรงๆ นัยน์ตาสีเลือดกำลังฉายแววเศร้าๆเธอกล่าวว่า วันที่คุณจูบฉันตอนนั้นตามกฎของคำสาป ฉันต้องแบ่งวิญญาณของฉันให้คุณครึ่งหนึ่ง...แล้ว


     
    วิญญาณครึ่งหนึ่งของเธอ โคคุเรียวกล่าวเสียงดัง วิญญาณของเธอครึ่งหนึ่ง


      
    ใช่ค่ะ วิญญาณของฉัน พลังของฉันจะขึ้นอยู่กับคุณ ไม่สิ ชีวิตของฉันขึ้นอยู่กับคุณ เร็นเคียวตอบเรียบๆ


     
    ยังไง โคคุเรียวถามรัวเร็ว


     
    ถ้าคุณเจ็บมันก็จะทำให้ชีวิตของฉันอ่อนแอเพราะวิญญาณครึ่งหนึ่งของฉันอันนั้นเป็นของฉันคุณจะดึงมันไปใช้โดยที่คุณไม่รู้ตัว หรืออีกอย่าง  พูดง่ายๆ  คุณเอาชีวิตของฉันไปครึ่งหนึ่งและใช้มันได้ทั้งๆที่มันยังเป็นสิ่งที่ค้ำจุนชีวิตของฉันให้มีชีวิตอยู่ต่อได้เร็นเคียวยังกล่าวเสียงเรียบ


     
    ความจริงตีแสกลงที่หัวใจของโคคุเรียวตัวเขาเอง ตัวเขาเองที่เป็นคนพรากทุกสิ่งทุกอย่างไปจากเร็นเคียว ไปจากเคนเคย์ คนที่รักเร็นเคียว คนที่ทำให้เร็นเคียวไข้ขึ้นสูงวันนี้แล้วก็ที่สลบไปเมื่อวานเป็นเพราะ


     
    เขา


     
    เป็นเพราะเขา                    

     


     
    ความเงียบตอนกลางคืนที่เงียบสงัด เสียงสะอึ้นที่พยายามกลั้นไว้ของชายหนุ่มเรือนผมสีเลือดจึงยังสามารถได้ยินได้แม้ตัวของเขาจะพยายามให้มันไม่มีเสียงมากขนาดไหน นัยน์ตาสีอำพันกำลังคลอไปด้วยน้ำใสๆที่เอ่อล้นออกมาอย่างไม่มีทีท่าว่าจะอยุด


     
    เสียงลมจากที่พัดพาใบไม้จากต้นไม้ในสวนสาธารณะราวกับเสียงร่ำให้ของยามราตรีที่เจ็บปวด มืดมิด เศร้า
    เสียใจไม่มีแม้เสียงของใครสักคนที่คุ้นหู
    ที่มักจะมาปลอบเสมอเวลาที่เขาร้องให้


     
    แม้ว่า ตลอดมาใครคนนั้นจะคิดว่าเราป็นเพียงแค่น้องชายที่เธอรัก


     
    แต่เรา ก็คิดไปเกินเลย


     
    หลอกตัวเองมาตลอด พอเจอกับความจริงแล้ว


     
    หึ เอาเข้าจริงแล้ว เราก็รับไม่ได้


     
    อ่อนแอจริงๆ


     
    ผู้ชายคนนั้น


     
    คนที่เธอเลือก คงเข้มแข็งกว่าเราล่ะสิ


     
    เรามันอ่อนแอนี่นา


     
    ร่างของชายหนุ่มพิงทรุดอยู่ที่ม้านั่ง ความเจ็บปวดที่ได้รับในคืนนี้ไม่ใช่แค่ความเศร้าเสียใจเพียงอย่างเดียวมันคือหมัดหนักๆของผู้ชายคนที่เข้มแข็งกว่าเขาที่มันเริ่มเจ็บเร่าๆที่บาดแผลตรงจมูกแถมด้วยอาการบวมๆอีกเล็กน้อย มันทำให้ชายหนุ่มรูสึกสมเพชตัวเอง


     
    อ้ะ เป็นอะไรไปรึเปล่าค่ะ จู่ๆเสียงเล็กใสดังขึ้นพร้อมร่างบางของเด็กสาวอายุราวๆสิบสองสิบสาม เรือนผมสีนิลกาฬปล่อยสยายไปด้านหลัง นัยน์ตาสีหยกกำลังมองร่างของเขาด้วยความเป็นห่วง ที่หน้ามันบวมมากเลยนะค่ะเอ่อจะทายาหน่อยมั้ยค่ะ เธอกล่าวอีก


     
    ไม่ต้อง เคนเคย์ตวาดเสียงดัง ตอนนี้เขาไม่ต้องการอะไรนอกจากอยู่คนเดียว


     
    ไม่ได้นะค่ะถ้าปล่อยไว้มันจะเจ็บมากเลยนะค่ะ เด็กสาวแย้งขึ้นมาอีกพลางเดินมานั่งข้างๆ


     
    ฉันไม่ต้องการให้ใครมาเห็นใจ เคนเคย์ตวาดใส่เด็กสาวอีกรอบแต่เธอก็เพียงค่ยิ้มตอบ


     
    งั้นเห็นแก่หนูที่ทนเห็นคุณเจ็บไม่ได้ก็แล้วกันนะค่ะ เธอกล่าวอย่างอ่อนโยน แล้วเคนเคย์ก็ไม่ได้กล่าว
    อะไรอีกได้แต่มองเด็กสาวด้วยความงุนงง
    และมองดูเธอหยิบผ้าเช็ดหน้ากับพลาสเตอร์ออกมาจากกระเป๋าและปฐมพยาบาลให้เขา


     
    มีเรื่องไม่สบายใจสินะค่ะ เธอกล่าวหลังจากทำแผลให้เสร็จ


     
    รู้ได้ไง เคนเคย์ถามด้วยความฉงน


     
    ก็คุณร้องให้นี่นา เธอกล่าวตอบ


     
    นั่นสินะ เคนเคย์ตอบเรียบๆ  เธอน่ะ หนาวใช่มั้ย เขาถามเนื่องจากใบหน้าของเธอดูซีดเซียวและร่างกายเริ่มสั่นเทา


     
    นิดหน่อยน่ะค่ะ เธอกล่าวแหยๆพลางใช้มือทั้งสองข้างโอบกอดตนเอง


     
    ไส่นี่ซะ เคนเคย์กล่าวพลางถอดเสื้อนอกออกแล้วคลุมเข้าที่ร่างบางของเด็กสาว


     
    อุ่นขึ้นเยอะเลยค่ะ ขอบคุณนะค่ะ เธอกล่าว


     
    แล้วกลางค่ำกลางคืนทำไมมาอยู่ที่นี่ เคนเคย์กล่าวถาม


     
    ทะเลาะกับพี่ชายค่ะ เธอตอบสั้นๆ


     
    เพราอะไรล่ะ พี่เธอใจร้ายรึไง เคนเคย์ถามอีก


     
    เปล่าค่ะพี่ของหนูเป็นคนที่น่ารักที่สุดในโลกเลยล่ะค่ะ เด็กสาวกล่าวอย่างชื่นชม


     
    แล้วทำไม เคนเคย์ถามด้วยความฉงน


     
    พี่ชายต้องการให้หนูผ่าตัดแก้โรคหัวใจ มันต้องใช้เงินมากหนูไม่อยากให้พี่ชายต้องลำบาก พ่อกับแม่ก็ป่วยจนเสียชีวิตเพราะทำงานหนักเพื่อหาเงินมารักษาหนู เธอกล่าวพลางก้มหน้าลงต่ำ เสียงเริ่มสั่นพร่าแล้วกล่าวต่อว่าหนูกลัว หนูกลัวพี่ชายจะลำบากเพราะหนู


     
    ร่างบางนั่นเริ่มสั่นเทาและเริ่มสะอื้นฮักๆ ทำให้เคนเคย์ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรจึงเอามือใหญ่โอบร่างบางเข้ามากระชับแล้วบอกว่า ฉันเข้าใจ กลัวสินะ ร้องไปเถอะ ไม่ว่าอะไรหรอก


     
    สุดคำกล่าวร่างบางนั่นปล่อยโฮและร้องให้กับอกของชายหนุ่มที่กระชับกอดร่างเล็กๆแน่น


     
    ความเหงาในตอนนี้ไม่หลงเหลืออีกแล้ว  เหลือแค่เพียงความเห็นใจกันและกันที่ถูกเติมเต็มระหว่างคนสองคน


     
    ฉันชื่อเคนเคย์  เธอชื่ออะไรรึ เคนเคย์กล่าวขึ้น


     
    รุสะค่ะ เด็กสาวกล่าวพลางยิ้มแป้น

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×