ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Chain of Satan

    ลำดับตอนที่ #3 : chapter 3

    • อัปเดตล่าสุด 14 เม.ย. 49


             อะไรกันน่ะ ไม่จริงไช่มั้ยราเรล เธอเป็นคนที่ช่วยชั้นไว้เหรอเสียงของชายหนุ่มผมสีเลือด นัยน์ตาสีน้ำเงิน ที่กำลังคุยกับคนที่ชื่อ ราเรล เสียงของชายหนุ่มคนนั้นดังจนราวกับกลายเป็นเสียงตะคอกแฝงด้วยความไม่เชื่อใจคู่สนทนาตรงหน้าและแฝงด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวคล้ายกับติดหนี้บุญคุณคนที่ไม่อยากติดที่สุด


     
    นายตะโกนด่าชั้นได้แล้วแบบนี้คงไม่มีอะไรต้องห่วง งั้นต้องลากันแล้วล่ะ เซเนรุสเสียงของหญิงสาวผมสี น้ำเงินเข้ม มีนัยน์ตาสีเลือด ที่โดนชายที่ชื่อ  เซเนรุส ตวาดไส่ หรือ ราเรล เสียงที่เพราะแต่แหบพร่าเนื่องจากสถานการณ์ตรงหน้าทำให้เธอไม่คิดจะพูดอะไรไปมากกว่านี้


     
    เดี่ยว ราเรล ชั้นยังให้เธอไปไม่ได้ ชั้นไม่อยากติดค้างเธอเซเนรุสกล่าวตวาดพลางฉุดข้อมือของราเรลแล้วกระชากอย่างแรงมาให้นั่งข้างๆตน เจ้าจะให้ข้าทำอะไรให้ชายหนุ่มกล่าวขึ้นอีกครั้ง


     
    ไม่ต้อง  นายให้ชั้นมามากพอแล้ว  ชั้นทำให้นายได้แค่นี้หญิงสาวกล่าว นัยน์ตาวาวโรจน์ด้วยความรู้สึกเกรี้ยวกราดและเสียใจ


     
    ชั้นไม่ยอมให้เธอตายเพื่อช่วยชั้น ไม่เอา เธอบอกว่าอยากมีชีวิตอยู่นี่นา อยู่เพื่อคนที่ตายไปแล้ว เธอบอกเองว่าจะอยู่กับชั้นชายหนุ่มกล่าวเสียงดัง ใช่ เขาไม่อยากให้เธอตายเพียงเพราะเขาไปเล่นสนุกแล้วทำให้เธอต้องโดนลงโทษแทนเขา ให้เธอตายแทนเขา


     
    ความจริงบิดเบือนกันไม่ได้  เมื่อจะตายก็ต้องตาย ไม่มีอะไรมากกว่านั้น ปล่อยชั้นเถอะ ถ้าไปสาย เธออาจจะโดนโทษด้วยนะหญิงสาวกล่าวพลางขยับตัวหนีจากชายหนุ่มที่บีบข้อมือและร่างกายของเธอแน่น


     
    ฉันไม่สน  เธอต้องอยู่ที่นี่ อยู่กับฉันเซเนรุสกล่าวพลางกระชากราเรลมาในอ้อมกอดของตน สองมือของเซเนรุสพยายามกอดราเรลให้แน่นที่สุดราวกับจะไม่ให้เธอหายไปจากเขา ไม่สนทั้งนั้น ไม่อีกแล้วราเรล ฉันจะไม่แคร์ใครอีกนอกจากเธอ ไม่สนใครอีกนอกจากเธอ ถ้าพวกนั้นจะพาเธอไปตาย ชั้นจะฆ่ามันเขากล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น


     
    ไม่นะ เซเนรุส อย่าทำนะถ้าเธอทำจริงแล้วท่านพ่อของเธอล่ะราเรลกล่าวอย่างร้อนรน


     
    ถ้าเขาจะฆ่าเธอแล้ว ฉันก็จะฆ่าเขาเซเนรุสกล่าวอย่างแน่วแน่


     
    ไม่ได้นะ!ราเรลกล่าวเสียงดังพลางใช้เวทย์มนต์สะกดการเคลื่อนไหวของเซเนรุส แล้วออกห่างจากเขาน้ำตานองหล่อนเริ่มไหลอาบแก้มเมื่อจ้องมองชายหนุ่มตรงหน้า ขอโทษ


     
    ทันทีที่หญิงสาวกำลังจะออกไปจากห้องก็มีเสียง เปรี้ยะ เปรี้ยะ ดังขึ้นแต่เธอไม่สนใจพยายามเดินไปที่ประตูแต่แล้ววงแขนของคนที่เธอพึ่งสะกดการเคลื่อนไหวไปเมื่อตะกี้กลับมารั้งเธอไวอีกครั้งและกระชากเธอกลับไปบนเตียง เธอคิดจะสะกดทายาทของเจ้าปิศาจสูงสุดอย่างฉันเรอะไง ราเรลเสียงของเขาฟังดูหื่นกระหาย


     
    ขอร้อง ปล่อยชั้นไป ฉันไม่อยากให้เธอตายเธอกล่าวกับเซเนรุสด้วยน้ำตานองหน้า


     
    ...................ไม่มีคำตอบไดจากเซเนรุส เขาสบตากับราเรลด้วยแววตาแน่วแน่สักพักก็ดันร่างของราเรลให้นอนราบไปบนเตียง เคลื่อนใบหน้าเข้าไปชิดสัมผัสไออุ่นๆของลมหายใจอีกฝ่ายไดชัดเจน  ถ้าเธอดึงดันที่จะไปให้ได้  ฉันก็จะทำทุกวิธีที่จะไม่ให้เธอไปตายกล่าวเสร็จราวกับตัดสินใจแน่วแน่แล้ว จึงก้มลงประทับริมฝีปากของตนเองเข้ากับริมฝีปากบางสวยของอีกฝ่าย เนิ่นนานและแนบแน่น ราวกับเป็นสัญลักษณ์ของเจ้าของ ฉัน รักเธอ ถ้าเธอจะไปให้ได้ฉันก็จะให้เธออยู่ที่นี่   เป็นของฉันตลอดไป 


     
    แสงจันทร์นวลสาดส่องเข้ามาทางหน้าต่างในห้องมืดๆเผยให้เห็นสองร่างบนเตียงผ้าปูสีขาวที่กำลังโรมรันในคืนที่มืดมินี้


                                                    The End


     
    เอ๋ ต้องมีภาคสองต่ออีกเรอะเสียงของหญิงสาวเรือนผมสีเงินดังขึ้น


     
    โธ่เอ้ย ติดซะแล้วคงต้องตามดูแล้วล่ะซิเนี่ย ฮิฮิฮิคำกล่าวเสียงใสของรุสะจัง


      "
    ต้องตามต่อแล้วสิเนี่ย" เสียงหัวเราะเบาๆของเด็กสาวดังขึ้นอย่างอารมณ์ดี

        
    แล้วทุกๆคนก็ทยอยออกจากโรงด้วยความเงียบสงบพร้อมเสียงบ่นเล็กๆน้อยๆที่หนังเรื่องนี้ดันทำให้ต้องตามต่อภาคสองอีก

      
    หลังจากนั้นทุกคนก็มารวมกันอยู่ด้านหน้าของส่วนห้องน้ำในห้าง เนื่องจากต้องรอโคคุเรียวเข้าห้องน้ำ

       "
    สนุกมั้ย รุสะ" เอ็ดถามขึ้นหลังจากมานั่งรอโคคุเรียวได้ซักพักแล้ว

       "
    สนุกซิค่ะ พี่ชายต้องพาหนูมาดูภาคสองต่ออีกนะค่ะ" เสียงเล็กๆของรุสะตอบกลับมาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม ทำให้เอ็ดยิ้มตอบกลับด้วยความสบายใจ

      
    ดีแล้วสินะที่พามาดู

      
    จะได้ไม่ต้องพูดแบบนั้นอีก

      "
    อืม พี่สัญญา"เสียงตอบของชายหนุ่มผู้เป็นพี่ตอบกลับอย่างอ่อนโยนพร้อมยกนิ้วก้อย

      "
    สัญญาแล้วนะค่ะ พี่ชาย" เด็กสาวตอบอย่างมีความสุขพร้อมยกนิ้วเกี่ยวก้อยกับพี่ชาย

      "
    โอ้ย เอ็ดเอ้ย ห่วงน้องสาวจังนะโว้ย น่าอิจฉาจังมีน้องสาวน่ารักๆแบบนี้ให้เกี่ยวก้อยด้วย นี่ถามหน่อยเด่ะ ถ้ามีผู้ชายมาจีบน้องสาวแก แกจะหวงแบบนี้มั้ยวะ" เสียงกระเซ้าดังมาจากไอ้หนุ่มไส่แว่นที่เห็นไอ้เพื่อนยากูซ่าทำท่าทางหวานกับน้องสาวมัน ถ้าเป็นแบบนี้ "สงสัยรุสะจังอาจจะโสดตลอดชีวิตมั้ง" อีกเสียงดังขึ้นจากท่านชายประจำกลุ่ม

      "
    พวกแก ไอ้เพื่อนบ้าโว้ย" สิ้นเสียงตะโกนตอบรับคำแซวก็เกิดการวิ่งไล่จับเล็กๆขึ้น ด้านหน้าของส่วนห้องน้ำในห้าง เนื่องจากหนุ่มยากูซ่าโดนเพื่อนแซว

      "
    อะไรกันเหรอ" เสียงใสๆของหญิงสาวผู้ที่เพิ่งออกมาจากห้องน้ำถามด้วยความฉงนปนขำขันเล็กๆที่เห็นไอ้พวกเพื่อนๆจอบซ่าบวกแสบวิ่งไล่กันอย่างกะเด็กประถมปัญญาอ่อน

      "
    รุสะจัง เป็นอะไรไป" เสียงของหญิงสาวผมสีน้ำเงินดังขึ้น เรียกสติของโคคุเรียวได้ชะงักและมันกำลังทำให้ทุกคนตกใจแทบสิ้นสติ เมื่อเห็นอาการของเด็กสาวที่เริ่มหน้าซีดและเอามือกุมหน้าอกแน่น

      "
    รุสะ" เสียงของชายหนุ่มที่สติขาดผึงเมื่อเห็นอาการของน้องสาวสุดหวงแหนกำเริบและรีบปรี่เข้าไปหาเด็กสาวในทันที

      "
    เรียกรถพยาบาลนะ" คำกล่าวของไซที่ไม่รอคำตอบของใครทั้งสิ้นรีบกดมือถืออย่างเร็วและท่าทางจะมีเมโมรี่ใว้ในเครื่องด้วย

      "
    อาจจะไม่ทันก็ได้" คำกล่าวของคิวทำให้เอ็ดใจหายและตกใจ ผู้เป็นพี่ชายรีบกระชากคอเสื้อของคิวแล้วกล่าวว่า

        "
    ไอ้บ้า ไม่มีทางโว้ย

      
    "
    บ้าทั้งคู่แหละ พวกแกต้องช่วยรุสะก่อนไม่ใช่รึไง ไอ้พวกโง่" เสียงของผู้ที่ตั้งสติได้ดีที่สุดดังขึ้น โคคุเรียวเดินเข้ามาผลักทั้งเอ็ดและไซออกไป "เร็นเคียว ทำได้ไหม" หญิงสาวหันไปขอร้องเร็นเคียวด้วยแววตาร้อนรน

      "
    อืม ถอย " เสียงตอบเรียบๆดังจากเร็นเคียว เธอนั่งลงและวางมือลงบนหน้าอกของรุสะ
     
        "
    ราตรีสีมืดมิด จันทราสีเลือด พลังแห่งกาลเวลาและความมืด " เสียงกล่าวเนิบๆ ช้าๆของหญิงสาวเรียกลมหนาวยะเยือกให้พัดเข้ามาอย่างรุนแรงและวนเข้าสู่มือของเร็นเคียว "รักษาเด็กสาวผู้โชคร้าย ซาราเรียว โคเนเคียว มิเรซาเรียว ไรรันรุส" สิ้นคำกล่าวเกิดแสงสว่างวูบวาบที่มือของเร็นเคียวแล้วเข้าสู่ร่างของรุสะ

      
    ทันไดนั้นใบหน้าของเด็กสาวกลับเป็นเหมือนเดิมและผ่อนคลายลงจนกลายเป็นปกติ

      "
    เร็นเคียว เป็นอะไรน่ะ " เสียงจากโคคุเรียวดังขึ้นอย่างตื่นตระหนก เมื่อเห็นอาการของหญิงสาวผมสีน้ำเงินตรงหน้าที่ทรุดฮวบลงไปกับผนังด้วยอาการอ่อนแรงและใบหน้าที่ซีดเซียวพลางหายใจหอบแฮ่กๆอย่างอึดอัดมากๆเลย เร็นเคียวโคคุเรียวเรียกอีกครั้ง


     
    เร็นเคียวจัง เป็นอะไรรึเปล่าคำกล่าวของชายหนุ่มสวมแว่นกำลังสังเกตอาการของเร็นเคียวพลางถามด้วยความป็นห่วง รวมถึง ไซและเอ็ดที่เข้ามาดูอาการของเร็นเคียวด้วย


     
    นี่ล่ะ


     
    ข้อดีของเจ้าพวกนี้


     
    ไม่ใช่เวลาก็ไม่ใช่


     
    ทีหลังก็ได้


     
    แต่ตอนนี้ ต้องดูอาการของเร็นเคียวก่อนว่าเป็นอะไร ดีนะเนี่ยที่ตรงนี้ไม่มีใครนอกจากพวกเราเอง ก็เลยเห็นกันแค่พวกของเรา โคคุเรียวค่อยๆยื่นมือไปสัมผัสหน้าผากของหญิงสาวแต่


     
    ไม่เป็นไร.......แค่...เหนื่อย......นิด....หน่อยคำกล่าวของหญิงสาวที่ตะกุกตะกัก แต่ก็เรียกเสียงถอนหายใจจากสามชายหนุ่มและหนึ่งหญิงสาวได้


     
    เพราะหนูรึเปล่าค่ะ พี่เร็นเคียวเสียงของเด็กสาวที่เพิ่งฟื้นจากการที่อาการกำเริบดังขึ้นอย่างเศร้าสร้อย เร็นเคียวจ้องมองเด็กสาวด้วยความเอ็นดูก่อนตอบว่า


     
    เปล่า...หรอก...จ้ะ...ไม่..ใช่....หรอ..


     
    เร็นเคียวโคคุเรียวกล่าวเสียงดังเนื่องจากหญิงสาวกล่าวไม่จบเพราะสลบไปแล้ว


     
    พากลับบ้านนายละกันคิวออกความเห็นแล้วกล่าวต่อว่าเรื่องนั้นคุยที่บ้านนายละกัน มันจะมืดแล้ว


     
    มืดเหรอ เอ้อ  รอตรงนี้นะโคคุเรียวกล่าวเมื่อนึกขึ้นได้แล้ววิ่งพรวดพราดเข้าห้องน้ำ ชาย


     
    อะไรของมันวะเอ็ดกล่าวพลางหันไปมองน้องสาว เป็นอะไรไปรุสะ ยังปวดอยู่เหรอ


     
    เพราะหนูเหรอค่ะ พี่ชาย พี่คิว พี่ไซเสียงเล็กๆของเด็กสาวกล่าวขึ้นอย่างเศร้าสร้อยและสำนึกผิด


     
    ไม่หรอกน่า รุสะอย่ากังวลไปเลยนะเสียงนุ่มๆของไซดังขึ้นกล่าวปลอบเด็กสาวที่หน้าเสียตั้งแต่เห็นอาการของเร็นเคียว ชายหนุ่มก้มลงนั่งข้างๆเอามือลูบหัวของเด็กสาวแล้วกล่าวว่า พี่เร็นเคียวเค้าบอกแล้วนี่นาว่าไม่เป็นไร เพราะงั้นถ้าพี่เค้าเห็นรุสะแบบนี้เค้าต้องไม่ดีใจแน่รู้มั้ย ?” ไซกล่าว


     
    ค่ะ ขอบคุณค่ะพี่ไซเด็กสาวกล่าวด้วยรอยยิ้ม


     
    มาแล้ว มาแล้วเสียงของหญิงสาวผมสีเงินดังขึ้นในชุดผู้ชายตัวใหญ่ เสื้อเชิ้ตตัวใหญ่สีขาว กางเกงหลวมโพรกสีดำ วิ่งออกมาจากห้องน้ำชาย


     
    แกจะบ้าเหรอไงวะ ไอ้เรียวแต่งชุดผู้ชายทำพระแสงอะไร มันช่วยเร็นเคียวจังตรงไหนวะคิวตะโกนด่าโคคุเรียวเป็นชุด ถึงปกติเขาจะทำเป็นเล่นทุกที แต่นี่ก็ไม่ใช่บทมันที่จะต้องมาเล่นเอาตอนนี้


    อ้า มืดแล้วเสียงของหญิงสาวดังขึ้นอย่างอารมณ์ดี


     
    เฮ้ยเสียงของสามหนุ่มดังขึ้นพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย

     


     
    แสงสีน้ำเงินส่องผ่านหน้าต่างลอดผ้าม่านที่กำลังปลิวไสวพร้อมกับร่างไร้สติของหญิงสาวผมสีน้ำเงินที่กำลังหลับใหลอยู่บนเตียงสีขาว ข้างๆมีร่างชายหนุ่มผมสีเงิน นัยน์ตาสีนิลกาฬของเขากำลังปรากฏความกังวลใจอย่างที่สุด


     
    ตกลงแล้วเรื่องมัน.......เป็นยังไงเสียงจากชายหนุ่มอีกคนที่เงียบไปนานกล่าวขึ้น สายตาคมเข้มสีมรกตนั่นกำลังมองลอดผ่านกรอบแว่นบางอย่างสงสัย แต่แฝงแววอะไรบางอย่างที่ โคคุเรียวไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร มันทำให้ ชายหนุ่มอีกสองคนในห้อง และเด็กสาวอีกคน เบนสายตามา ชายหนุ่มเรือนผมสีเงินยวงอย่างสนใจและระคนสงสัย


     
    ก็....น้า......คำสาปน่ะโคคุเรียวอธิบายสั้นๆ เพราะตอนนี้ห่วงเร็นเคียวมากกว่า


     
    แล้ว........ฉันรู้นะว่าแกห่วงคุณเร็นเคียวเค้าน่ะ.......แต่แกอธิบายก่อนเดะเอ็ดกล่าวขึ้นหลังจากฟังคำอธิบายที่คนสมองมีรอยหยักน้อยอย่างเขาไม่สามารถเข้าใจได้


     
    มันก็น่าจะรู้นะว่าแกมันโง่ไซกล่าวขึ้นพลางหัวเราะน้อยๆ แต่เรียกเสียงหัวเราะจากคนในห้องได้ในทันทีแม้แต่รุสะก็ยังหัวเราะเลย  ส่วนเอ็ดก็หน้าบูดปนแดงนิดหน่อย(อายน้อสาวมั้งฮ่าฮ่า)


     
    ก็.....เพราะปิศาจน่ะ......โดนสาปอะไรประมาณนั้นน่ะแหละ.........ไม่มีอะไรมากหรอกโคคุเรียวกล่าวตอบอย่างง่ายๆแล้วเกิดอาการชะงักเนื่องจาก


      
    แพขนตาหนาขยับขึ้นอย่างเชื่องช้า นัยน์ตาสีเลือดของหญิงสาวที่นอยอยู่บนเตียงสีขาวสะอาดเบนมองเหล่าหนุ่มๆและเด็กสาวข้างเตียง พลางส่งยิ้มให้ทุกๆ คนหายเป็นห่วง


     
    เป็นอะไรมากมั้ยคนที่ถามขึ้นก่อนคือโคคุเรียว(มันแหงอยู่แล้วแหละ)


     
    ไม่เป็นไร  ไม่เห็นต้องเป็นห่วงเลยนะเธอกล่าวพลางลุกขึ้นขึ้นนั่ง


     
    พี่สาวไม่เป็นไรแน่นะค่ะเด็กสาวกล่าวขึ้นอย่างเป็นห่วง


     
    จ้ะ หวังว่าพลังพี่คงไม่มีผลกระทบกับร่างกายของเธอนะ รู้สึกเจ็บรึอึดอัดบ้างรึเปล่าล่ะจ้ะ?” เร็นเคียวกล่าวตอบพลางถามต่อ


     
    ไม่ค่ะ ไม่มีรุสะตอบพลางส่ายหัวไปมาแล้วถามต่อว่า พลังรึค่ะ พี่เป็นใครค่ะ


     
    ก็..........ซาตาน.......น่ะจ้ะ เร็นเคียวกล่าวตอบอย่างง่ายๆพลางยิ้มฝืนๆ


     
    ช่างมันเถอะ  เป็นอะไรก็ไม่เกี่ยวกันนี่นา จู่ๆคิวก็กล่าวขึ้น


     
    เอ๋ ทั้งโคคุเรียวและเร็นเคียวต่างอุทานอย่างงงๆ  และตามมาด้วยคำพูดของไซ


     
    หมายความว่าถึงพวกเธอจะเป็นอะไรก็ตาม


     
    พวกนายก็เป็นเพื่อนของเราไง คนที่กล่าวต่อจากไซก็คือเอ็ด


     
    ไว้เราไปดูหนังกันอีกน้า นะค่ะพี่เร็นเคียวพี่โคคุเรียว รุสะกล่าวพลางยิ้มแป้น


     
    พวกแกมันบ้า เสียงด่าแบบซึ้งน้ำใจดังมาจากโคคุเรียว


     
    แสงแดดยามเช้าที่ลอดผ่านผ้าม่านเผยให้เห็นร่างของชายหนุ่มสามคนและหญิงสาวหนึ่งคนที่นอนเรียงกันอยู่บนพื้นห้องและร่างของเด็กสาวบนเตียงสีขาวที่หลับใหล


     
    แพขนตาหนาของหญิงสาวผมสีเงินขยับขึ้นอย่างช้าๆแล้วหรี่เล็กลงเนื่องจากแสงแดดที่สาดส่องเข้ามาก่อนที่จะขยับกายลุกขึ้นอย่างเกียจคร้าน


     
    ฮ้า....ฮา...ฮา......ฮ้าวววววววว เสียงหาวลากยาวจากโคคุเรียวในร่างหญิงสาวชุดผู้ชายหลวมโพรกดังขึ้นและการลุกของเธอก็ทำให้ทุกคนในห้องค่อยตื่นจากภวังค์


     
    หือ  กี่โมงแล้วง่ะ คำกล่าวสั้นๆจากเอ็ด นัยน์ตาสีม่วงกำลังหรี่ปรือด้วยความง่วงเรือนผมสีน้ำตาลดูยุ่งเหยิง เขาชยี้หัวสองครั้งแล้วกล่าวปลุกร่างเด็กสาวที่อยู่บนเตียงว่า รุสะ ตื่นได้แล้ววว 


     
    อื้อเสียงตอบรับคำปลุกจากเด็กสาวบนเตียงที่กำลังขยับกายขึ้นช้าๆ


     
    งึมงึม เฮ้กี่โมงแล้วง่ะคำกล่าวรับอรุณของไซ นัยน์ตาสีน้ำตาลกำลังกวาดสายตาหา นาฬิกาอยู่เรือนผมสีทองดูยุ่ง แล้วคิวที่ตื่นเป็นคนสุดท้ายก็ลุกขึ้นมาพร้อมกล่าวว่า


     
    งามมมมมม  อ้าววววว........เฮ้.......อารายเนี่ยยยยยยยย........นิ่มๆ...................................................................................(ประมาณสามนาทีได้)....................เฮ้ย!”


     
    ไอ้เรียวไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เสียงคำสั่งเด็ดขาดดังมาจากสามหนุ่มที่ทนดูสภาพของโคคุเรียวไม่ไหวเพราะ


     
    เสื้อที่ตัวใหญ่มากเกินไปนั้นเลื่อนหลุดลงมาอยู่ที่วงแขนเกือบถึงข้อศอกแล้วเสื้อที่โคคุเรียวใส่อยู่นั้น  ไม่ได้ติดกระดุมสองเม็ดทางด้านบน


     
    หา โคคุเรียวตอบอย่างงงๆพลางมองดูเสื้อผ้าของตนแล้วกล่าวต่อว่าอารายอ่ะ จาตกจายอารายกานน้า ฉานนะถึงจะเปงอย่างนี้แต่ก็ผู้ชายแท้ๆโว้ย เธอกล่าวพลางลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปเข้าห้องน้ำอย่างเสียอารมณ์ที่เพื่อนรักทั้งสามไม่เข้าใจว่าไอ้การโดนแบบนี้มันเป็นยังไง


     
    ถ้าฉันยังไม่รู้ว่ามันเป็นผู้ชาย ฉันก็ไม่รู้จะพูดยังไงว่ะ คนที่กล่าวขึ้นมาก่อนคือเอ็ดที่กำลังเอามือปิดปากใบหน้าแดงก่ำ เขากล่าวขึ้นอย่างอารมณ์เสียเช่นกัน


     
    เอาะไรกันค่ะ อาหารเช้าน่ะ เสียงนุ่มๆดังมาจากในครัวพร้อมกับใบหน้ารูปไข่ของหญิงสาวผมสีน้ำเงินที่อยู่ในชุดเสื้อตัวใหญ่เพียงตัวเดียว (ทำร้ายสายตาเจงเจง)


     
    อะไรก็ได้คร้าบบบบบบบบที่อาย่อยยยยยย คนที่ตอบเสียงไสเกี่ยวกับเรื่องของกินก็คือไอ้คิวนั่นเอง  แหงล่ะเรื่องกินนี่มันไม่เคยพลาดหรอก


     
    พวกพี่รีบๆไปอาบน้ำก่อนเถอะค่ะ วันนี้มีเรียนไม่ใช่รึค่ะ ถึงหนูจะไม่มีเรียนวันนี้ก็เถอะ เสียงไสๆมาจากเด็กสาวที่กำลังงัวเงีย


     
    ช่างมันเถอะวันนี้ก็มีแค่งานมหาลัยน่ะจะโดด คำตอบสั้นๆมาจากพี่ชายของเธอ


       
    และเมื่อเวลาผ่านไปครึ่งชั่วโมงความวุ่นวาย ยามเช้าก็จบลงเมื่อทุกๆคนมานั่งรอกินข้าวที่โต๊ะอาหารอย่างสงบเสงี่ยม


     
    มาแล้วค่ะ ข้าวเช้า ข้าวหน้าหมูกับเห็ดทอด เร็นเคียวกล่าวพร้อมยกชามห้าใบมาเต็มอ้อมแขนทำให้สุภาพบุรุษนัมเบอร์วัน(............)อย่างคิวก็ลุดพรวดมาช่วยเร็นเคียวทันที


     
    โหยน่ากินจัง กินล่ะคร้าบบบบบบบบ คิวพูดอย่างอารมณ์ดีพลางซัดข้าวเช้าฝีมือเร็นเคียวเข้าปากในทันทีแล้วตะโกนสุดเสียงว่า อร่อยที่สุดเลย


     
    อร่อยจังค่ะเด็กสาวกล่าวอย่างชื่นชม


     
    อร่อยดีจังเลยนะครับ เยี่ยมเลย ไซกล่าวชมน้ำเสียงแฝงแววนับถือ


     
    บรรยายไม่ถูกหรอกแต่สุดยอด เอ็ดกล่าวชมเช่นกัน


     
    ฝีมือเร็นเคียวนี่อร่อยทุกอย่างจิงๆแหละ โคคุเรียวกล่าว


     
    ก็ดีใจที่ถูกปากนะค่ะ กลัวว่าจะไม่ชอบกันซะอีก เร็นเคียวกล่าวอย่างถ่อมตัวก่อนจะถามอีกว่า วันนี้จะไม่ไปเรียนกันเหรอค่ะ?”


     
    อืม ช่ายแล้ว เสียงตอบพร้อมกันจากสามหนุ่มหนึ่งหญิง


     
    แล้ววันนี้เธอจะทำอะไรล่ะเร็นเคียวหันไปถามโคคุเรียว


     
    คงอยู่บ้าน ว่าแต่เร็นเคียวไม่กินเหรอ โคคุเรียวตอบพลางถามต่อเนื่องจากเร็นเคียวไม่ได้กินข้าว


     
    กินแล้วล่ะ เธอตอบสั้นๆ


     
    เร็นจัง เธอเป็นไข้นี่นา คิวพูดขึ้นมาพลางเอามือแตะหน้าผากเร็นเคียว (วิธีเรียกเร็นเคียวของคิวทำเอาคนข้างๆหงุดหงิดขึ้นมาโดยไม่รู้สาเหตุ) มันทำให้หญิงสาวข้างๆหันมาดูด้วยความเป็นห่วง


     
    ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เธอตอบสั้นๆ


      
    หลังจากนั้นสามสิบนาทีเร็นเคียวและโคคุเรียวออกไปส่งเพื่อนๆหน้าหอพัก


     
    งั้นพวกเราไปล่ะนะ เอ็ดกล่าว


     
    มีอะไรก็โทรเรียกก็แล้วกัน ไปล่ะไซกล่าวแล้วขับรถออกไป


      
    เร็นเคียว ไหวมั้ย โคคุเรียวหันมาถามเร็นเคียวที่เริ่มมีอาการหน้าซีดและเริ่มเซ และจู่ๆร่างบางนั่นก็ต้องล้มลงสู่พื้นแน่ถ้าไม่มีอ้อมแขนบางๆของโคคุเรียวรับไว้


     
    โธ่ แย่จัง เป็นไข้แล้วทำไมไม่ยอมบอกกันมั่งนะ เขากล่าวอย่างหงุดหงิด

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×