คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : chapter 2
“งึม งึม งำ งำ” เสียงของครางของเด็กสาวที่ไม่อยากตื่นนอนดังขึ้น
“นาย ตื่นสิ นายน่ะ เฮ้ โลกจะแตกแล้วนะ เฮ้อ” เสียงของหญิงสาวอีกคนก็ดังขึ้นเช่นกัน เสียงอุทานครั้งสุดท้ายแสดงให้เห็นว่า เบื่อจะปลุก เอาแบบไหนดีถึงจะตื่น เร็นเคียวที่กำลังปลุก “โคคุเรียวในร่างหญิงสาว” เริ่มเอือมระอาเต็มทีจึงบอกออกไปว่า
“นายต้องเป็นผู้หญิงตลอดไปนะถ้าไม่ตื่น”
พรวด
“อะไรนะ ไม่เอา ไม่อาวววววววน้า ฉ้านม่ายอยากเป็นผู้หญิงงงงงง” เสียงตะโกนตอบรับคำปลุกจากเร็นเคียวที่ดังซะจนต้องเอามืออุดหู
“เฮ้ย ตะโกนทำไม กี่เดซิเบลล่ะฮ้า จะปลุกชาวบ้านรึยังไง น่ารำคาญโว้ย” เสียงตะคอกที่ดังกว่าทำให้สาวน้อยที่กำลังตะโกนอยู่หุปปากน้อยๆ (น้อยรึ) ของเธอในทันทีทันได
น่ากลัวจังเลยง่ะ
“ขอโทษจ้ะ แหะแหะ” โคคุเรียวแก้ตัวแหะแหะ หน้าออกแดงๆ เนื่องจากสาวตรงหน้าดูแล้วอารมณ์กรุ่นๆจะเดือด เร็นเคียวที่อยู่ในชุดลำลองธรรมดาดูแล้วก็ยืมโคคุเรียวมาใส่ มันคือเสื้อนอนที่โคคุเรียวยังไม่ได้ใช้ก็เลยพับเก็บไว้ในตู้ และที่สำคัญมันเป็นเสื้อตอนที่ใช้ตอนเป็นผู้ชาย
ทำร้ายสายตาจังเดี่ยวชาวบ้านเขาก็หาว่าเราลามกอีกจิเนี่ย
นั่นก็เพราะโคคุเรียวนั้นตัวใหญ่กว่าเร็นเคียวห่างกันพอประมาณ ดูแล้วก็เลยหลวมโพรก เสื้อมันเลยหลุดมาเลยไหล่ เห็นหน้าอกและร่องอกโผล่ออกมาจากเสื้อที่หลวมโพรกตัวนั้น แถมเจ้าหล่อนยัง
ใส่เสื้อแค่อย่างเดียวดีนะว่าเสื้อมันใหญ่ง่ะ
“ถึงวันนี้จะวันเสาร์ก็เถอะนะ จะนอนกินบ้านกินเมือง กินโลกกินจักรวาลกินกาแล็คซี่ ของนายก็ช่างเถอะ แต่นายน่ะก็น่าจะลุกมาทำงานสักหน่อยไม่ดีกว่าเรอะ วันนี้กำหนดส่งต้นฉบับไม่ใช่รึไง” เร็นเคียวพูดพลางชี้มือไปที่ปฎิทินข้างห้องที่มีวงกลมสีแดงไว้ที่วันนี้ว่าส่งต้นฉบับ
“ว้าก ส่งงานวันนี้ ตาย ตาย ตาย ตาย ตาย ตาย ตาย ตาย แน่ๆ” เสียงตะโกนอีกหนึ่งครั้งจากโคคุรียวว่าลืมทำงานซะสนิทเพราะมัวแต่ง่วนเรื่องเร็นเคียวเมื่อคืนน่ะสิโธ่เอ้ย ตาย ตาย ตาย แน่ๆ
“มันคงจะตายแน่ถ้านายยังนั่งอยู่ตรงนี้แทนที่จะทำงานต่อนะ” เธอพูดพลางเดินกลับไปที่ห้องครัว
“เออ ใช่แฮะ” โคคุเรียวพูดเมื่อเพิ่งนึกขึ้นได้ พลางเดินไปนั่งหน้าคอมพิวเตอร์ แล้วรีบเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ขึ้นมาอย่างจ้าละหวั่น โดยที่ตอนแรกเจ้าตัวนั้นรีบจนลืมไปเลยว่าปุ่มสำหรับเปิดอยู่ตรงไหน
“นายจะกินอะไร” เสียงตะโกนถามที่ดังมาจากครัวเรียกสติที่แตกไปแล้วของโคคุเรียวให้ทากาวแล้วกลับมาต่อกันได้อีกครั้ง
“อะไรก็ได้” คำตอบที่คิดว่าบรรดาแม่บ้านทั้งหลายคงเบื่อที่จะได้ยินเวลาเตรียมอาหารเย็นที่โคคุเรียวตะโกนตอบกลับไปทำให้เร็นเคียวถอนหายใจหนึ่งเฮือกแล้วจัดการกุลีกุจอทำมันซะเองเลย (ไม่ถามก็ได้วะ ฮึ งอนแล้ว)
“โอยจะเขียนอะไรต่อนะ เออ ใช่ เอหลังจากนั้นโคคุ.....” และการปั่นพิมพ์งานก็เริ่มขึ้นโดยที่โคคุเรียวก็สวมบทบาทนักพิมพ์มือไฟที่กำลังพิมพ์สาสน์ในเวลาสิบวินาทีก่อนโลกจะแตกยังไงยังงั้น(แล้วมันเกี่ยวกันตรงใหน
หว่า)
“อาหารอยู่นีนะ..............................................................(สามนาทีผ่านไป)........ให้ช่วยพิมพ์ให้มั้ย” เร็นเคียวที่นำอาหารมาให้หลังจากจบประโยคแรกแล้วยืนดูอยู่ประมาณสามนาทีกว่าๆ(กว่าๆจริงๆนะไม่กว่านิดๆหรือกว่าหน่อยๆด้วย)กล่าวขึ้นเนื่องจากนักพิมพ์มือไฟที่กำลังพิมพ์สาสน์ในเวลาสิบวินาทีก่อนโลกจะแตกนั้นนั่งง่วนทำของโน่นนี่นู่นนั้นตกอยู่เรื่อยแทนที่จะพิมพ์ต่อให้เสร็จ
“ไม่เป็นไรอีกสองบรรทัดเอง(เพิ่งพิมพ์เมื่อสามนาทีกว่าๆที่แล้วนี่นะไวจริง).........เอตรงนี้ก็โคคุเรียวพูดกับเร็น.......เอ๋” โคคุเรียวชะงักไปเมื่อเห็นชื่อนางเอกที่เขาแต่งเนื่องจากว่า
“เร็นเคียวว่าผมไม่ยอมให้คุณต้องทำแบบนั้นเพื่อถอนคำสาปของผมเร็นเคียวให้ผมตายพรุ่งนี้ผมก็จะไม่ยอมให้คุณทำแบบนั้น...........เอ้าเสร็จแล้วไปกินข้าว” เร็นเคียวที่เดินมาหาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้เดินเข้ามาหาอ่านตามบทที่โคคุเรียวเขียนเอาไว้แล้วจัดการพิมพ์ซะเสร็จสรรพแล้วเธอก็เดินดุ่มๆไปที่โต๊ะทานข้าว
ทำไมเราไม่นึกถึงเรื่องนี้
เมื่อคืนก็รู้สึกแต่ไม่ทันคิด
เร็นเคียว
ใช่ ชื่อนี้
รู้สึกโหยหาจริง คนเดียวกันไหมนา
อา..........อะไรอุ่นๆที่ตาล่ะเนี่ย บ้าจริง
“เป็นอะไรไป” เสียงของเร็นเคียวที่ชะโงกหน้ามาดูแววตาสีเลือดนั้นกำลังมองด้วยความเป็นห่วง
“........หา.....ไม่มีอะไรหรอกน่านะ.........กินข้าวกัน”โคคุเรียวพูดแล้วรีบวิ่งผ่านเร็นเคียวไปที่โต๊ะอาหาร
จำอะไรไม่ได้สินะ
ก็สมควร ท่านพ่อแข็งแกร่งจะตาย
แต่ว่า แบบนี้ก็.........................
“นี่เอ่อ...........เร็..........กินข้าวสิกินด้วยกันเยอะขนาดนี้กินไม่หมดหรอก” โคคุเรียวเรียกพลางชี้มือไปที่ข้าวหน้าหมูทอดจานโตที่มีชามเดียวบนโต๊ะ
“เรียกเร็นเคียวก็ได้” เร็นเคียวพูดพลางเดินเข้ามาหา
“เหรองั้นแลกกันนะเร็นเคียวต้องเรียกผมว่าโคคุเรียวนะ” โคคุเรียวกล่าวกลับ
“ก็ได้ค่ะ...เอ่อ.....โคคุเรียว”
กึก
อะไร
เมื่อกี้นี้มันอะไรกัน ความรู้สึกเมื่อกี้
แค่เขาเรียกชื่อเราเองนี่.......หรือ.....เพราะดวงตาสีเลือดคู่นั้น.........กำลังทอแสงแปลกๆ
“ปึง ปึง ปึง ปึง ปึง ปึง ปึง ปึง ปึง ปึง ปึง ปึง ปึง ปึง ปึง ปึง ปึง ปึง” เสียงทุบประตูสิบแปดครั้งรวดแล้วก็ตามมาด้วยเสียงตะโกนที่แยกไม่ออกว่าหญิงหรือชายว่า “โคคุเรียวจังงานล่ะงานเปิดประตูของานหน่อย”
“เอ่อ คุณกีอาน่ะคนตามต้นฉบับนะเร็นเคียว” โคคุเรียวพูดพลางเดินไปเปิดประตู “หวัดดีค่ะคุณกีอานี่ต้นฉบับค่ะ..............รู้สึกว่าคุณกีอาจะสวยขึ้นอีกแล้วนะค่ะ” โคคุเรียวพูดพลางสำรวจคนที่อยู่ตรงหน้า ผมสีทองเหยียดตรงยาวสลวย ตาสีมรกตคมเรียว รอยยิ้มได้รูปที่ริมฝีปาก ใบหน้ารูปไข่ ผิวสีขาวอมชมพู ร่างผอมสูงเพรียวบางได้สัดส่วนของ กีอา ซาแลนด์ ผู้ตามต้นฉบับเดลิเวอรี่
“เอ๋เอ๋เอ๋เอ๋เอ๋เอ๋เอ๋เอ๋เอ๋เอ๋เอ๋เอ๋เอ๋เอ๋เอ๋เอ๋เอ๋! อีกแล้วเหรอเนี่ยไม่จริงไม่จริงไม่จริงไม่จริงไม่จริงไม่จริงไม่จริงไม่จริงไม่จริงไม่จริงไม่จริงไม่จริงไม่จริงไม่จริง ทำไมล่ะโคคุเรียวจังฉันเป็นแบบนั้นอีกแล้วเหรอ” เสียงตะโกนแสบแก้วหูประมาณสองสามร้อยเดซิเบลของคุณกีอาเมื่อได้รับคำชมทำเอาต้องปิดหูในทันที
“รู้สึกจะเป็นอย่างนั้นนะค่ะคุณกีอา เออเร็นเคียวมานี่เร็ว แนะนำนะค่ะนี่เร็นเคียวเพื่อนรูมเมทคนใหม่ค่ะ”โคคุเรียวพูดพลางแนะนำเร็นเคียว
“นี่เร็นเคียวจังฉันเป็นแบบที่โคคุเรียวจังพูดเหรอ”คุณกีอาหันมาถามเร็นเคียวที่เพิ่งเดินมาในทันที
“เอ่อ ก็คุณกีอาก็สวยดีนี่ค่ะ” เร็นเคียวตอบอย่างจริงใจเป็นที่สุดพลางหันไปมองโคคุเรียวที่กำลังกลั้นหัวเราะสุดชีวิตแบบงงๆ
“ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยน้า” คุณกีอาตะโกนสุดเสียงแล้ววิ่งออกไปในทันที
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า”ระเบิดหัวเราะของโคคุเรียวที่กลั้นมาตั้งแต่ล้อคุณกีอาระเบิดออกแล้วเจ้าตัวก็ลงไปนั่งขำกับพื้น
“มีอะไรกันเหรอ..........................รึว่าคุณกีอาจะ”เร็นเคียวกล่างพลางทำหน้าตกใจปนขำเมื่อนึกเหตุผลออก
“ช่ายฮ่าฮ่า........กีอาซังน่ะ.......ฮิฮิฮิฮ่าฮ่าฮ่าเป็นผู้ชายทั้งแท่ง”โคคุเรียวกล่าวออกมาด้วยอาการที่ตะกุกตะกักสุดๆ
“ฮิฮิเหรอจริงๆด้วยฮะฮะ แต่เขาก็สวยจริงๆน่ะแหละ เอ้าไปกินข้าวเลิกหัวเราะได้แล้ว” หลังจากหัวเราะพอประมาณว่างามแล้วก็เรียกโคคุเรียวให้กลับเข้าบ้านพลางฉุดแขนโคคุเรียวให้ลุกขึ้นแล้วลากกลับเข้าไปในบ้านไปกินข้าวต่อให้เสร็จ
“ว่าแต่ว่าเร็นเคียวก็ดูเก่งนะ ดูออกด้วยว่าคุณกีอาเค้าเป็นผู้ชาย ขนาด ที่กองบ.ก. น่ะตอนแรกทั้งกองยังนึกว่าเป็นนางงามจักรวาลซะอีกแนะ” โคคุเรียวพูดขึ้นหลังจากทานอาหารเสร็จแล้ว แล้วก็กำลังช่วยเร็นเคียวล้างจาน“ก็ตอนฉันตอบ เขาเล่นตะโกนซะดังขนาดนั้นน่ะนะ แต่แสดงว่าเค้าคงไม่ค่อยชอบแบบนี้เท่าไหร่ใช่มั้ย” เร็นเคียวถามโคคุเรียว
“ก็นะ เค้าเคยเล่าให้ฟังว่าเค้าอยากเป็นผู้ชายที่เข้มแข็งกว่านี้ ไม่อ่อนไหวต่อเรื่องไดๆได้ง่ายๆ เข้มแข็งแล้วก็สามารถปกป้องคนที่เรารักได้ เค้าเล่าให้ฟังน่ะ สมัยที่ผมเข้าไปใหม่ๆ” โคคุเรียวเล่า “อะ...เฮ้อ....เสร็จแล้วล่ะ”
โคคุเรียวพูดพลางถอนหายใจเมื่อล้างจานเสร็จ
“นี่ วันนี้วันเสาร์ใช่มั้ย จะไปไหนรึเปล่า รึว่าอยู่บ้าน” เร็นเคียวพูดขึ้นหลังล้างมือเสร็จ
“ม่ายอะ ม่ายไป เอ....วันนี้วันเสาร์เหรอ......เอ้อใช่” โคคุเรียวพูดเหมือนนึกอะไรออกแล้วก็หันไปคุ้ยของบางอย่างในตู้แบบจ้าละหวั่น “เอ อยู่ไหนหนอ จำได้ว่าวางๆไว้แถวนี้นี่นา”
“นี่รึเปล่า” เสียงของเร็นเคียวพร้อมกับของในมือที่เรียกให้โคคุเรียวหันกลับมามอง
“ใช่แล้วไอ้นี่แหละ ไอ้นี่แหละ” โคคุเรียวตะโกนขึ้นมาเมื่อเห็นกระดาษสีขาวทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้ามีตัวอักษรเล็กๆอยู่สองแผ่น
“มันคือ......ตั๋วดูหนังเหรอ” เร็นเคียวกล่าวขึ้นเมื่อสังเกตโดยรวมของกระดาษสีขาวทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้านั่น
“ใช่แล้วล่ะ......เอ.......เรื่องอะไรนะ......เออ.......ใช่......เรื่อง.......เดวิ้วฮูเนเว่อแฮ้บเลิป” โคคุเรียวพยายามนึกชื่อเรื่องที่เร็นเคียวฟังแล้วส่ายหัว
“ Devil Who never have love อ่านแบบนั้นใครจะไปฟังออกล่ะ แล้วจะไปเลยมั้ยเธอน่ะ” เร็นเคียวที่แก้ชื่อเรื่องให้ ก็กล่าวขึ้น
“งั้นเร็นเคียวจะไม่ไปเหรอ” โคคุเรียวถาม
“อ้าว ไปได้เหรอ” เร็นเคียวถามกลับ
“อื้อ ตอนแรกพวกคิว เอ่อ เพื่อนผมน่ะ” โคคุเรียวต้องเริ่มอธิบายเมื่อเร็นเคียวทำหน้างงๆ “ เค้าบอกให้ผมชวนใครก็ได้ไป ก็ตอนแรกว่าจะชวนกีอาซังแต่เธอก็เห็นแล้ว........งั้น........ไปด้วยกันนะ”
“เออ..ก็ได้ แต่ไปกับเพื่อนเธอเหรอ” เร็นเคียวที่ยังตอบตกลงด้วยอาการงงๆก็ถามอีก
“อื้อ เนื่องในโอกาสที่รุสะจังอาการดีขึ้น” โคคุเรียวตอบแล้วกล่าวแก้ข้อสงสัยของเร็นเคียวว่า “รุสะจังเป็นน้องสาวของเอ็ดเธอเป็น........เออ........โรคหัวใจน่ะนะ......ก็อยู่ได้ไม่ถึงครึ่งปี” ถึงตรงนี้โคคุเรียวพูดด้วยสีหน้าเศร้าๆ
“ขอโทษ” เร็นเคียวกล่าวพลางโค้งเป็นการขอโทษ
“อะไรง่ะ.......คือ.......แบบว่า......ช่างมันเถอะ........ไม่เป็นอะไรหรอก”โคคุเรียวกล่าวอย่างตะกุกตะกักพลางลุกลี้ลุกลนไปมา “เร็นเคียวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเหอะ”
“อื้ม” คำตอบรับสั้นๆจากหญิงสาว
........................................................................................................
“เฮ้ โคคุเรียว เฮ้” เสียงของหนุ่มน้อยคนหนึ่งตะโกนเรียกชื่อของโคคุเรียวซะลั่นกลางห้าสรรพสินค้า คิวนั่นเองวันนี้คิวแต่งชุดลำลองแต่ดูยังไงมันก็ยังกะเครื่องแบบมหาลัยต่างกันแค่ไม่มีเนคไทแล้วมันก็ปล่อยชายเสื้อบวกสร้อยเส้นเก่งมีจี้รูปจันทร์เสี้ยวที่มันใส่ประจำกับแว่น ส่วนเจ้าไซ.........ชุดนี้มัน........ก็ดูเท่ดีแฮะ เสื้อคอปกลายขวางสลับสีแดงกับเขียวแก่ กางเกงยีนส์ แล้วก็ผมเรียบแปล้แต่ยุ่งกว่าทุกวัน
“ไงจ้ะรุสะจัง” คำทักนี้โคคุเรียวกระโดดไปกล่าวกับอีกคนที่ไม่ไช่คนทักแต่เป็นเด็กสาววัยสิบสามที่ดูน่ารักไส่เสื้อสีน้ำเงินและกระโปรงสีดำ...(ไม่มีคำบรรยาย)..เรือนผมสีนิลถูกรวบไว้ด้านหลังสูงนัยน์ตาสีหยกไสเจ้าหล่อนกำลังจับมือพี่ชายที่หน้าบอกบุญไม่รับกับพวกจิ๊กโก๋กรุ่มกริ่มข้างทางทีผิวปากแซวน้องสาวสุดที่รักไม่เข้ากับเสื้อเชิ้ตสีดำกับกางเกงยีนส์ดำสุดเท่ที่ไส่มาเล้ย.........(มืดมนจังแฮะทั้งคู่เลย)
“ค่ะสวัสดีค่ะพี่โคคุเรียว สบายดีรึเปล่าค่ะ” เสียงไสๆหวานๆของเด็กสาวที่ตอบกลับมา
“จ้ะ”โคคุเรียวตอบกลับ
“เฮ้ไอ้เรียวแกพาสาวมาให้ ชั้นกับไอ้ไซมันจีบเรอะหึสวยชะมัดเลยว่ะ” คิวกระซิบกับโคคุเรียวและไซพลางบุ้ยไบ้ไปหาเร็นเคียวที่ยืนอยู่นานแล้ว
“บ้านแกดิ.....เพื่อนโว้ย เออนี่แนะนำนะ”โคคุเรียวกล่าวพลางลากเร็นเคียวมาแนะนำเพื่อนๆ “นี่เร็นเคียวรูมเมทชั้น”
“เอ่อ สวัสดีค่ะ เร็นเคียวค่ะ” เธอกล่าว
ทันไดนั่นแหละไอ้จิ๊กโก๋จอมกะล่อนก็เดินมาพลางโพล่งขึ้นว่า “เฮ้สาวน้อยทั้งสามสนใจจะไปกับโอย!”เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดเนื่องจากหมัดกับลูกเตะหนักๆ(หนักสุดๆ)หมุนเข้าที่ต้นขามีเสียง “กร้อบ” ดังขึ้นมาด้วยด้วย
คิว ไซ รุสะจัง ยืนตะลึงค้างกับสิ่งที่เกิดขึ้น และ เอ็ดกับผมที่เตรียมตั้งท่าอยู่ก็ยืนตะลึงกับเค้าเช่นกันเนื่องจาก
คนที่หมุนหมัดกับลูกเตะหนักๆนั่น
เร็นเคียว
...........................................................................................................................................................................
ท่าทางซี่โครงหมอนั่น
คงจะหัก
น่าสงสารน้า
หลังจากนั้นไอ้เจ้าจิ๊กโก๋จอมกะล่อนนั่นก็นอนร้องโอดครวญอยู่นานคิวเลยต้องโทรเรียกรถพยาบาลมารับไปตรวจว่ามีอะไรเสียหายรึเปล่าแถมตอนแรกไอ้เจ้าจิ๊กโก๋จอมกะล่อนนี่มันยังบอกว่าจะเอาเรื่องเร็นเคียวแล้วก็พวกเราด้วยแถมบอกว่าจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุดซะอีกแต่พอเร็นเคียวตั้งท่าจะซัดไอ้จิ๊กโก๋จอมกะล่อนอีกรอบมันก็รีบขอโทษเป็นการใหญ่
ไอ้จิ๊กโก๋โง่เอ้ย
มันบ้า โง่ งี่เง่า ขี้ขลาด
เสียสถาบันชาติชาย
ว่าแล้วก็หันไปดูหญิงสาวข้างๆตัวที่ตอนนี้ยืนนิ่งเงียบรอเข้าโรงไม่ยอมพูดอะไรตั้งกะซัดไอ้จิ๊กโก๋จอมกะล่อนนั่นเอาแต่ยืนนิ่งทำตาน่ากลัว
“พี่เร็นเคียวค่ะ ไม่ต้องไปสน ไอ้จิ๊กโก๋บ้า โง่ งี่เง่า ขี้ขลาดแบบนั้นหรอกค่ะเค้าคงแค่อยากเห่าเท่านั้นเอง” รุสะจังที่ยืนนิ่งจ้องเร็นเคียวมานานกล่าวขึ้น
แต่ว่า
ยังด่าเจ็บเหมือนเดิมเลยง่ะ
รุสะจังเนี่ยด่าใครทีคนฟังต้องสะอึก
พูดน้อยต่อยหนักเหมือนเดิม
“พี่ไม่สนคนบ้าแบบนั้นหรอก แค่กำลังคิดว่าเออ........ซัดเบาไปหน่อยน่ะนะ”เร็นเคียวกล่าวตอบเด็กสาวคู่สนทนาตรงหน้า
“นั่นสิค่ะคงแค่กระดูกหักแต่ร้องโอดครวญน่ารำคาญ” รุสะจังยังกล่าวต่อ
“นั่นสิค่ะ หนวกหูเนอะ” เร็นเคียวกล่าวต่ออีก
บรึ่ย เสียวง่ะ
ความคิดของสี่หนุ่ม(ที่หนึ่งในนั้นยังเป็นผู้หญิงเพราะคำสาป) ที่ชวนให้เสียวสันหลังวาบกับบทสนทนาของสองสาวที่กล่าวถึงเรื่องที่ควรจะให้พวกเขาพูด
ผู้หญิงอะไรเนี่ย
ซาดิสเป็นบ้า
น้องใครเนี่ย
โหดชะมัด
และทุกคนก็เข้าไปในโรงหนังท่าทางรุสะจังจะติดเร็นเคียวแล้วเลยลากเร็นเคียวมานั่งข้างๆเป็นเหตุให้ผมถูกระเห็จมานั่งริมสุดกับเร็นเคียว
“นี่เร็นเคียว” เสียงที่ดังมาจากชายหนุ่มในร่างสาวน้อยทำให้เธอต้องหันไปหา
“อะไรเหรอ” หญิงสาวตอบ
“เธอเคยดูหนังมั้ย” โคคุเรียวถามขึ้น
“อืม ไม่เคยหรอก ซาตานน่ะจะดูได้ไงล่ะ”เธอตอบ
“งั้นเธอชอบแบบไหนล่ะ แนวๆไหนที่เธออยากดู” โคคุเรียวถามอีกทำให้เร็นเคียวหมุนหัวคิ้วน้อยๆก่อนตอบว่า
“คงแฟนตาซี ไม่ก็ บู้ๆล่ะมั้ง ทำไมหรอ” เธอถามด้วยความฉงน
“จะได้พามาดูอีกไง สัญญานะว่าต้องมากับผมน่ะ” โคคุเรียวตอบพลางชูนิ้วก้อย “เกี่ยวก้อยสัญญาไง”
“ก็ได้ สัญญาแล้วนะ ทำเป็นเด็กๆไปได้” เธอตอบแล้วอมยิ้มเล็กๆ ก่อนที่จะหวานแหววจนคนข้างๆจะบอกว่าแปลกก็ต้องกลับมาเป็นปกติเมื่อรุสะเรียกให้ดูหนังที่เริ่มฉายแล้ว
ความคิดเห็น