ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Chain of Satan

    ลำดับตอนที่ #1 : chapter 1

    • อัปเดตล่าสุด 14 เม.ย. 49


       “นี่ โคคุเรียวจัง  นี่ เรียวจังเสียงเรียกของหนุ่มน้อย เรียกเด็กสาวคนหนึ่งให้หันหน้ามา   ดวงหน้าของเธอโค้งมน   ผมสีเงินสะท้อนแสงเป็นเงางาม ผิวขาวเรียบเนียนผุดผ่อง  นัยน์ตาสีนิลดูลึกลับชวนค้นหา  เด็กสาวรูปร่างอ้อนแอ้นอรชร กำลังหันมารับคำของรุ่นพี่ปีสี่ช้าๆ


       “
    อะไรเหรอค่ะ โคคุเรียวยิงคำถามใส่รุ่นพี่ปีสี่ที่มาขัดจังหวะการทำการบ้านของเธอกับเพื่อนๆยิ่งไม่มีเวลาทำอยู่  จะมาจีบอะไรอีกวะเนี่ยเสียงคิดดังในใจ


      “
    เรียวจังวันนี้ว่างไหม  คือพี่จะชวนไปเที่ยว....


      “
    ไม่ล่ะค่ะ ขอโทษนะค่ะ หนูไม่ว่างมีงานต้องทำคำตัดบทง่ายๆอย่างไม่ค่อยสนใจอาการของรุ่นพี่ที่ยืนตะลึงอย่างหมดฟอรม์ของโคคุเรียวทำให้เพื่อนผู้ชายสามคนในกลุ่มหัวเราะกร๊ากๆ


      “
    ไอ้เรียวเอ๊ย   เจ๋งเป็นบ้าเลยโว้ย เล่นเอาพี่เค้ายืนค้างเลยว่ะ  เพื่อนคนหนึ่งของเธอพูดขึ้นมันชื่อ  คิว เป็นชายร่างสูงหล่อนิดๆในสายตาของเธอ(ก็มันหล่อแค่นั้นจริงนี่)ไว้ผมเรียบๆแต่ตามันคมเลยดูเท่ดีแค่นั้น มันจะหล่อขึ้นอีกหน่อยถ้ามันไม่ใส่แว่น

     
      “
    เจ๋งกะผีเดะ   ไอ้บ้าแกก็รู้ฉันไม่ชอบ  แถมต้องเก็กพูดอะไรหญิงๆออกไปอีก  เลี่ยนโว้ยโคคุเรียวเริ่มหันไปแว้ดใส่เพื่อนอีกสองคนที่มันเริ่มอมลูกมะนาว คนแรก เจ้ายากูซ่าประจำมหาลัยฯไอ้ เอ็ด เพื่อนสนิทของเธอที่มันมีวีรกรรมหลายอย่างร่วมกับเธอตั้งกะเตะอันธพาลข้างถนนยันถล่มแก๊งมาเฟียอาเสี่ยใหญ่  มันค่อนข้างจะหล่อถ้าไม่ติดว่าผมสวยๆของมันจะไม่เคยเรียบร้อย ส่วนอีกคนเจ้าชายไอด้อลฮิตติดชารต์ประจำคณะอักษรศาสตร์อันดับหนึ่งไม่เป็นสองตลอดสามปี ท่านชาย ไซ  คุณคนนี้เรียบ เนียบตลอดเวลา ไม่ติด(มันจะติดทุกคนเลยเรอะ)ว่ามันผูกเนกไทไม่เป็น


      “
    แต่ว่าแกน่ะ..ก็..ผู้..หญิง..ไม่..ใช่..เรอะคำเน้นเสียงหนักตรงคำว่าผู้หญิงทำให้เธอเกือบกระโดดบีบคอเจ้าชายไอด้อลฮิตติดชารต์ประจำคณะอักษรศาสตร์อันดับหนึ่งไม่เป็นสองตลอดสามปีซะแล้ว


      “
    แล้วนี่อะไรอ่ะ  ห่วงคำสาปซาตาน นิยายเหรอ  นี่แกยังเชื่อเรื่องพวกซาตานรึปิศาจอยู่อีกเรอะเสียงเรียกถามจากเอ็ดเมื่อเขาแกหนังสือเล่มนึงออกจากกระเป๋าฉัน  ขี้ขโมยมือไวเหลือเกินไอ้อันธพาลบ้าบอ


      “
    นี่ พูดจริงๆนะ นายออกจะเชื่อเรื่องพวกนี้มากเกินไปนะเสียงเคร่งขรึมจากไซดังขึ้นอีกเหมือนกัน


      “
    เออ มันเรื่องของฉันเว้ย   พวกแกจะเชื่อรึไม่ก็ตามใจดิวะเธอสวนกลับทันควันและเริ่มเก็บของกลับบ้านฉันไปล่ะ หมดอารมณ์ว่าแล้วหล่อนก็เดินออกจากโต๊ะไปเลย


       ฉัน
    อาเร็น โคคุเรียว เป็นนักศึกษาปีนี้อายุ ยี่สิบปี เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนพ่อแม่ของฉันเสียชีวิตตั้งแต่ตอนที่ฉันอายุได้ สิบห้าปี ฉันจึงต้องหางานทำเอง ปัจจุบันเป็นนักเขียนดีว่ามันติด bestseller ไม่อย่างนั้นคงไม่มีเงินเรียน

      
       แล้วทำไมถึงเชื่อเรื่องปิศาจกับซาตานน่ะเหรอ
    เพราะว่า

     
      “
    เฮ้ น้องสาว มาทำอะไรที่เปลี่ยวๆอย่างนี้ล่ะเสียงกวนโสตประสาทดังขึ้นทำให้เธอที่อารมณ์เสียอยู่แล้ว ยิ่งโมโหหนักเข้าไปอีก และยังไม่ทันที่กุ๊ยข้างถนนจะว่าต่อก็ต้อง


      “
    ตึง โครม                                          


      “
    รำคาญโว้ย ไอ้กุ๊ยข้างถนน แค่นี้เนี่ยนะโดนเตะก้านคอครั้งเดียวหลับแล้วเรอะ ไอ้โง่เอ้ยเธอสบถใส่อย่างสมเพช ใช่เธอก็ค่อนข้างมีฝีมือทางด้านการต่อสู้อยู่บ้างล่ะ ว่าแล้วเธอก็เดินขึ้นหอพักด้วยอารมณ์ปุดๆ

    ไม่แลเห็นสายตาของหนุ่มน้อยคนหนึ่งที่จ้องมองมาอย่างห่วงใยเลย

    ในห้องของโคคุเรียว


       ตอนนี้เป็นตอนกลางคืน
    โคคุเรียวเป็นคนค่อนข้างประหยัด เอ่อ อาจค่อนข้างจะขี้งกไปบ้าง โคคุเรียวจึง
    ค่อนข้างประหยัดและมีหลายๆวิธีที่เธอใช้
      ห้องของโคคุเรียวตกแต่งแบบธรรมดา ประมาณหอพักทั่วไปไม่มีของฟุ่มเฟือยอยู่ในห้อง (ก็ขี้งกนี่)


      “
    เฮ้อกลางคืนนี่   สบายดีจังเลย   ร่างนี่แหละดีที่สุดเลยล่ะเสียงที่ควรจะเป็นของโคคุเรียวออกจากปากของหนุ่มน้อย วัยยี่สิบเศษๆ กำลังเช็ดผมสีเงินเงางามที่ยาวประบ่านั่น ยาวสลวย นัยน์ตาสีนิลดูลึกลับชวนค้นหานั่นกำลังฉายเววสบายใจแฝงด้วยความคมเข้มแบบผู้ชาย ร่างสูงเพรียวกำลังขยับไปพิงกำแพงเพื่อดื่มน้ำ ผอมบาง แต่ดูแล้วถ้าสาวๆมาเห็นคงกรี๊ดสลบ

    เพราะอย่างนี้ถึงเชื่อเรื่องพวกซาตานกับปิศาจไงล่ะ


        ก่อนที่ผมจะเกิด
    พ่อและแม่ของผมได้ไปขอจ้าวปิศาจแห่งนรก (ไปขอยังไงนี่ผมไม่ทราบ ขอไงวะ) ว่าขอลูกชายสักคน เนื่องจากแม่ของผมไม่สามารถมีลูกได้ (แค่นั้นนี่นะ) แต่การที่ได้ผมมาก็ต้องแลกกับคำสาปที่จะติดตัวผมไปทั้งชีวิต มันก็คือคำสาปที่มีชื่อว่า

      
       โซ่แห่งซาตาน


      คิดว่าผลของมันก็คงเป็นการที่ทำให้ผมเป็นผู้หญิงก็ไม่ใช่
    ผู้ชายก็ไม่เชิง อยู่แบบนี้แต่จริง ผมเป็นผู้ชายนะชายทั้งแท่งเลย เฮ้อ................ทำงานเสียงบ่นอย่างเนือยๆนิดหน่อย ก็ถ้าไม่ทำงาน จะเอาเงินที่ไหนไปกินไปเรียนล่ะ เอ้าทำก็ทำวะ ว่าแล้วก็เปิดเครื่องคอมขึ้นมา นิยายที่ผมเขียนน่ะเกี่ยวกับผมนิดหน่อยนะก็ผมโดนคำสาปพระเอกในเรื่องก็โดนคำสาปเหมือนกันเพราะงั้นผมก็เลยใช้ชื่อพระเอกเป็นชื่อตัวของผมเอง แต่คำสาปต่างจากผมเพราะถ้าคำสาปยังอยู่ล่ะก็เขาจะต้องตาย ผู้ที่จะถอนคำสาปได้มีแต่เจ้าคำสาปก็คือ ซาตานหญิงตนหนึ่งที่รักชายคนนี้ เธอชื่อ


      “
    กริ๊งๆๆๆๆๆๆๆ

    เสียงกริ่งสัญญาณกันขโมยดังขึ้น เป็นเหตุให้โคคุเรียวต้องลุกไปเปิดประตูดูด้านนอกว่ามันเกิดอะไรขึ้น


      “
    เฮ้ยอะไรของคุณ จะทำอะไรอ่ะ เสียงโวยวายดังขึ้นจากโคคุเรียวเมื่อมีหญิงสาวคนหนึ่งโผล่มาหน้าประตู จู่ๆก็เดินเข้าห้องปิดปิดไฟประตูแถมเอามีดที่ดูแล้วเฉือนทีเดียว ตาย มาจ่อที่คอซะอีก


      "อย่าพูดอะไร ถ้าใครเข้ามา เข้าใจไหม" เสียงที่ฟังผ่านๆแล้วบอกได้คำเดียวว่า น่ากลัวโว้ย แต่ฟังดีก็นุ่มดีนะ แต่ว่ามีอย่างเรอะผู้ชายโดนผู้หญิงขู่ เจ้แกก็เป็นขโมย โอเค ว่าแล้วก็เอาศอกกระทุ้งซะยังงั้น


      "
    อุ่ก" เสียงครางมาจากร่างหญิงสาวที่ทรุดฮวบลงพื้นเนื่องจากศอกที่มากระทุ้งทำให้โคคุเรียวหันไปมองถึงมันจะค่อนข้างมืดแต่ก็สังเกตได้ว่าร่างของเธอนั้นมีแผลเต็มไปหมดและเลือดยังไหลเป็นทางอีกด้วย


      "
    เฮ้ยขอโทษ เอ่อคือไม่รู้อ่ะงั้นจะช่วยละกันโคคุเรียวเริ่มมีอาการสำนึกผิดและสติแตกไปเลยเมื่อ


      "
    ปึง ปึง ปึง ปึง ปึง ปึง" เสียงทุบประตูดังหกครั้งรวดบ่งบอกว่าผู้ทุบประตูนั้นกำลังอารมณ์เสียรึไม่ก็รีบจัดจนตบะแตก (แล้วมันเหมือนกันไหมหว่า) ตามมาด้วยเสียงขอร้องปนตะคอกแกมบังคับว่า "เปิดประตูซิ นี่ตำรวจ" จบประโยคก็ตามมาด้วยเสียงทุบประตูอีกไม่รู้กี่ครั้งแต่มันก็ทำให้โคคุเรียวสติแตกไปแล้วก็เมื่อขโมยที่คุณตำรวจตบะแตกคนนั้นว่าก็อยู่ในห้องเรานี่นา  เอาไงดีล่ะเนี่ย  นี่คุณ จะเปิดไหมถ้าไม่เปิดผมเปิดประตูเข้าไปเองนะประโยคนี้ทำให้โคคุเรียวสบถออกมาเลย เอาไงดีว้า เอาไงดีวะ เอ้อ ใช่แล้ว


      “
    ปึงเสียงเปิดประตูของคุณตำรวจตบะแตกที่กำลังเตรียมคำด่าที่จะมาต่อว่าว่าทำไมอีเจ้าของห้องบ้านี่ไม่ยอมเปิดประตูให้เขาซะที ก็ต้องหยุดกึก ตกตะลึงกับภาพตรงหน้าที่เล่นงานให้  คุณตำรวจตบะแตกหน้าขึ้นสีก่ำจนกลายเป็นลูกตำลึงสุกภายในสองวินาที เนื่องจากเกิดอาการอายจากการกระทำของคู่หนุ่มสาวตรงหน้าก็ มัน...มัน...มัน..มันกำลัง


       จูบกันอยู่
    ! แล้วฝ่ายชายดูท่ามันเคลิ้มจนไม่สนสายตาชาวบ้านอีกตะหาก


      “
    โครมเสียงกระแทกประตูดังสุดๆเนื่องจาก"คุณตำรวจตบะแตก"คนนั้นไม่สามารถรับรู้อะไรอีกแล้วเพราะสติแตกกับคู่หนุ่มสาวตรงหน้าที่ทำตัวน่าละอายสุดๆหารู้ไม่ว่าข้างในห้องหลังจากที่เขาออกไปแล้วเกิดอะไรขึ้น

      ใบหน้ามนของหนุ่มน้อยกำลังแดงกำกับการกระทำของตนเองที่ดันไปขโมยจูบของสาวงามตรงหน้าที่เขาไม่กล้าหันหลังกลับไปมองเพราะดันไปล่วงเกินเจ้าหล่อนนี่เมื่อกี้ขนาดยังไม่ได้ทันทำอะไรยังจะฆ่าเราซะยังงั้นแล้วนี่ไปขโมยจูบเค้าแล้วเจ้แกจะไม่ไล่ฆ่าเราเป็นร้อยๆชาติเลยเรอะ

      
         "นาย"


       
    เสียงของหญิงสาวดังขึ้นทำให้คนมีชนักความผิดติดหลังสะดุ้งโหยง แล้วสมองก็เริ่มสั่งการให้หาคำพูดอะไรก็ได้มาแก้ความผิดก่อนที่จะโดนโทษประหาร


            “
    เมื่อกี๊นาย..เสียงของหญิงสาวขาดหายไปทำให้โคคุเรียวเอะใจเลยหันไปดูแล้วก็รับร่างบางนั้นไว้ได้ทันฉิวเฉียดแล้ว พลิกตัวเจ้าหล่อนกลับมาดูพบว่ามีแผลร้ายแรงเต็มตัวและมีเลือดไหลเป็นทาง  โคคุเรียวได้สังเกตเห็นหน้าเจ้าหล่อนชัดๆก็ตอนนี้แหละ เธอมีผมสีน้ำเงินเข้มจนเกือบจะเหมือนนิลยาวสยายถึงต้นขาอ่อน ดวงตาหลับพริ้มซึ่งโคคุเรียวเห็นแวบๆตอนเดินเข้ามาในห้องว่าเป็นสีแดงเข้มราวเลือด(น่ากลัวง่า) ผิวขาวเนียนราวเกล็ดหิมะที่ซีดไปบ้างเพราะเสียเลือดมากเสื้อผ้าที่ไส่ก็ขาดรุ่ยเห็นอะไรนิดๆหน่อย(แค่เนินอก จะคิดอะไรมาก) แต่ว่า

           
    แล้วทำไมแกไม่ทำแผลให้เค้าซะทีวะไอ้เรียว

        
    หลังจากนั้น สองชั่วโมง

        "
    เฮ้อทำแผลเสร็จซะที"เสียงบ่นอย่างเหนื่อยใจของโคคุเรียวที่เพิ่งทำแผลให้หญิงสาวเสร็จ ก็มันเยอะเป็นบ้าเจ้แกไปทำอะไรมาวะแผลถึงเต็มตัวแบบนี้ง่ะ ว่าแล้วก็นั่งลงที่เตียงข้างๆหล่อนมองดวงหน้าของเธอสักพักก็

        "
    เฮ้อ แล้วทำไมไปทำยังงั้นอ่ะ ทำไปทำไมวะไอ้เรียวจอมโง่ แกเป็นบ้าไปแล้วเรอะถึงไปทำอย่างนั้นล่ะ"โคคุเรียวสบถออกมาเสียงดัง
     
       เมื่อมองหน้าเจ้าหล่อนแล้วนึกถึงเหตุการณ์ที่ตัวเองไปขโมยจูบเค้าแถมยังมีคนเห็นอีก
      จะโดนฆ่าปาดคอไหมเนี่ย


        "
    นี่  นายอะ"  เสียงของหญิงสาวดังขึ้นทำให้โคคุเรียวสะดุ้งโหยงแล้วหันไปมองพร้อมเหงื่อที่แตกมะล่อกมะแล่กแล้วตอบว่า " ..คร..คร้า..คร้าบ" 

        "
    นายเป็นใคร" เสียงของหญิงสาวที่ถามอย่างเเข็งกร้าว


         "
    อะ..เอ่อ..อะ..อาเร็น..คะ..โคคุ..โคคุเรียวคร้าบ" โคคุเรียวพูดขึ้นด้วยเสียงสั่นๆ พร้อมเหงื่อที่แตกพลั่กๆ 

         "
    คนที่โดนคำสาปคือนายใช่ไหม  โซ่แห่งซาตานน่ะ" เสียงของหญิงสาวถามขึ้นอีกครั้ง  แต่ทว่ามันทำให้โคคุเรียวลุกพรวด


        
    ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร  ทำไมถึงรู้ว่าเราโดนคำสาป  หรือว่าผู้หญิงคนนี้เป็น


      ซาตาน


       ไม่จริงหรอก
    มันไม่ใช่เรื่องจริง แต่เธอรู้ว่าเราโดนคำสาป


      “
    เธอ...เป็นใคร   เขาถามเหมือนคนอารมณ์พุ่ง ถ้ารู้ว่าเป็นซาตาน ก็คง....


      “
    เร็นเคียว   เป็นซาตาน เรียกง่ายๆก็ปิศาจหญิงสาวแนะนำตัวด้วยท่าทางสบายๆ ไม่เหมือนกับคนที่แผลทั่วตัวเลือดไหลโชกเมื่อสองชั่วโมงก่อนเลย   ถึงแม้ว่าเสียงนั่นจะฟังนุ่มหูดีก็ตาม   แต่ท่าทีแบบนี้ แววตาแบบนี้ที่มองมาอย่างน่ากลัว ถ้าไม่ติดว่าโคคุเรียวโมโหอยู่คงจะขาแข้งสั่นไปเรียบร้อย


       “
    ออกไป! ไปให้พ้นจากห้องฉันโคคุเรียวตวาดเสียงดังพร้อมชี้มือไปที่ประตู


       “
    คงจะไม่ได้เร็นเคียวยังตอบด้วยท่าทีสบายๆ แต่ว่าพอเริ่มตวัดหางตามามองแล้วรู้สึกขนลุกกับนัยน์ตาสีเลือดนั่น

      
       “
    ทำไม ทำไมจะไปไม่ได้โคคุเรียวยังตวาดเสียงดังอีกครั้ง


       “
    นายเอาจูบแรกของฉันไปก็แค่นั้น ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้นเธอก็ยังตอบคำตวาดด้วยท่าทีที่สบายเหมือนๆเดิมถึงแม้จะโดนตวาดมาสามรอบแล้วก็ตามแต่

     
       “
    หมายความว่ายังไงโคคุเรียวยังถามด้วยอาการเช่นเดิม


       “
    ก็สำหรับซาตานที่เป็นหญิงแล้วก็ จูบแรกก็หมายถึง   เจ้าชีวิต ก็แค่นั้นเธอตอบ


       “
    เจ้าชีวิต....อะไรเขาเริ่มถามด้วยอาการตะกุกตะกักเมื่อเริ่มเดาคำตอบได้แต่ก็โดนมือเรียวนั้นกระชากเสื้อให้ดวงหน้าโน้มเข้าไปใกล้...ใกล้มาก...ใกล้ขนาดที่สามารถรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆของอีกฝ่ายได้ แต่ก่อนที่จะคิดอะไรลามกมากไปกว่านี้(ตรงไหนยังไม่ได้ครึ่งของคนเขียนเลยจ้ะ)ก็ต้องช็อกกับคำตอบที่ได้รับมาว่า


       “
    ผู้ที่ประทับจูบหรือก็คือนายเป็นเจ้าชีวิตของฉันไง เข้าใจรึยัง อาเร็นโคคุเรียวคำตอบที่มาพร้อมกับการเรียกชื่อแบบเต็มสตีมและเสียงตวาด เล่นเอาโคคุเรียวสะดุ้ง


       “
    แต่ว่า มันเป็นเรื่องฉุกละหุกสถานการณ์มันบังคับนี่นาจะให้ทำไงล่ะโคคุเรียวเริ่มแก้ตัวอย่างสติแตก อ้าวไม่โกรธแล้วเรอะ อะไรที่ทำให้โคคุเรียวหยุดโกรธกะทันหันเน้อ จะให้ตอบยังไงเล่า นั่นก็เพราะว่าร่างกายอุ่นๆของเจ้าหล่อนน่ะแนบเข้ามาซะชิดทำให้โคคุเรียวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ

    ก็หน้าอกมัน ติดเลยง่ะ

    แต่ว่าโกรธขนาดนั้นกลับลืมไปได้ในชั่วพริบตาโคคุเรียวนี่ ลามกจนน่าเสียใจจริงๆ


      “
    ทำอะไรไม่ได้ทั้งนั้นแหละไม่ต้องคิดทั้งนั้นเร็นเคียวตวาดเป็นรอบที่สองที่ทำให้โคคุเรียวสะดุ้งอีกครั้ง โถ โถ โคคุเรียวโดนตวาดสองรอบก็สะดุ้งสองรอบเลยเรอะ


      “
    แต่ว่าถ้างั้น......เจ้าชีวิตที่เธอว่ามันหมายความว่ายังไงล่ะโคคุเรียวถามด้วยอาการตะกุกตะกัก


      “
    ทาส


      “
    อะไรนะโคคุเรียวอึ้งกับคำตอบที่ได้รับเลยถามซ้ำพร้อมนึกภาวนาในใจว่าเมื่อกี๊หูฝาด


      “
    ทาส ไม่ได้ยินรึไงเล่าคำตอบที่ตวาดกลับมาจากเร็นเคียว ทำให้ในใจของโคคุเรียวราวกับมีสายฟ้าฟาดในหัวสมองกำลังตีความคำที่ไดยินในทันที


        ทาส
    = ผู้ที่คอยอยู่รับใช้เจ้านาย หรืออะไรประมาณนั้นแหละนะ (มันเข้าคณะอักษรศาสตร์ได้ไงวะ)


      “
    ...............ไม่มีเสียงตอบรับจากผู้ถามเนื่องจากกำลังตะลึงอึ้งช็อกมึนงงตึบกับคำตอบที่ได้รับแล้วยืนอ้าปาก
    ค้างอยู่อย่างนั้น


      “
    เป็นอะไรของนายเร็นเคียวเริ่มถามหลังจากที่โคคุเรียวยืนจ้องเธอนานเกือบสิบนาทีเรียกสติของโคคุเรียวให้กลับมาจากภวังค์ได้ในพริบตา


      “
    เอ่อ ขอโทษที ไม่ได้ตั้งใจโคคุเรียวแก้ตัวอีกครั้ง


      “
    นี่ นายเกลียดท่านราชาซาตานใช่ไหมเร็นเคียวถามคราวนี้เป็นเสียงที่นุ่มหู


      “
    ก็ จริงๆแล้ว ไอ้ร่างแบบนี้ก็ใช้ประโยชน์ได้เยอะก็จริงแต่ ฉันก็...
    โคคุเรียวพูดด้วยอาการกระอักกระอ่วนใจเล็กน้อย


      “
    เกลียด...สิ.....นะเร็นเคียวถอนหายใจแปลกๆแล้วก็ตอบแทนโคคุเรียวซะงั้น


      “
    เค้าเป็นคนดีสำหรับพวกเธอใช่ไหมโคคุเรียวกล่าวขึ้น


      “
    ไม่คำตอบที่สุดแสนจะดังสั้นห้วนชวนงงตะลึงอึ้งค้างไม่ตรงกับที่คาดเอาไว้สร้างความฉงนแก่ชายหนุ่มจอมลามกขี้กลัวติงต๊องคนนี้


      “
    หมายความว่าไงอ่ะงงอ่ะก็เค้าคนนั้นเป็นราชาปิศาจไม่ใช่เรอะ แล้วทำไมเธอตอบว่าไม่อ่ะโคคุเรียวยิงคำถามแก้ฉงน


       “
    บอกว่าไม่ก็ไม่สิ !เสียงตวาดรอบที่โคคุเรียวขี้เกียจนับดังขึ้น เร็นเคียวนี่อารมณ์เสียง่ายจัง เออว่าแต่ถ้าที่เขาพูดว่า


      “
    ผู้ที่ประทับจูบหรือก็คือนายเป็นเจ้าชีวิตของฉันไง เข้าใจรึยัง อาเร็นโคคุเรียว


        ถ้างั้นก็หมายความว่า


      “
    งั้นเธอก็ต้องอยู่กับฉันน่ะสิโคคุเรียวเริ่มพูดด้วยอาการหวาดๆ


      “
    ใช่เร็นเคียวตอบ


       “
    แล้วนานเท่า...โคคุเรียวถามอีกแต่ไม่ทันจะจบก็


       “
    ตลอดชีวิตคำตอบที่พอจะเดาได้อยู่แล้วแต่ก็ทำใจหดไปอีกโข นายเกลียดฉันมากเลยเหรอ

    คำถามที่ทำให้โคคุเรียวหันขวับไปมองไม่นึกว่าจะได้ยินคำถามแบบนี้จากสิ่งที่ตนเองเกลียดมาตลอดชีวิต คนคนนี้ที่เป็นซาตาน


       ว่าแต่ว่า

       
       เธอก็ไม่เกี่ยวอะไรกับราชาปิศาจนี่นา
       คงไม่เป็นไรมั้ง


       เนอะ
       เพราะหน้าตาก็สวยยังไงคงไม่ใช่คนเลวหรอก ฮิ ฮิ ฮิ ฮิ ฮิ


      “
    เปล่าหรอกฉันเพิ่งเจอเธอเองนะ   เอ่อ.......เอ่อ......คือว่า......ถ้าเธอ...เอ่อ....ไม่รังเกียจ....ก็อยู่.....ที่นี่...ก็ได้คำตอบที่พ่วงคำถามที่เร็นเคียวทำหน้าแปลกๆตอนได้ยิน แล้วถามกลับว่า


      “
    นายไม่ไดเกลียดฉันเรอะเธอถามด้วยอาการฉงนเล็กน้อย


      “
    เธอไม่เกี่ยวอะไรกับคนที่สาปฉันนี่  แล้วฉันก็ไม่คิดอะไรสั้นถึงขนาดเกลียดขี้หน้าคนที่เพิ่งคุยกันแล้วก็ไม่เคยทำอะไรให้ด้วยนี่นาโคคุเรียวอธิบาย


      “
    ฉันเอามีดจ่อคอนายเร็นเคียวแย้ง เอ่อดักคอคงถูกกว่า


      “
    คนละเรื่องกัน  ไม่เกี่ยวโคคุเรียวตอบพร้อมยักไหล่


       “
    ง่ายๆอย่างงี้เรอะ ตอนแรกเห็นโกรธสุดๆเลยนี่   เธอตอบ   นี่มัน   ออกแซวหน่อยๆนี่นา  ก็สมควรแล้วล่ะ เราไปตวาดเธอตั้งสี่ห้ารอบนี่นา


      “
    ง่านะ แล้วก็แล้วกันไปนะ  เอ่อคือขอโทษเรื่อง...........โคคุเรียวเริ่มมีอาการตะกุกตะกักเมื่อจะขอโทษอะไรสักอย่างที่เร็นเคียวต้องเอียงคอนึก


       “
    อะไรเธอถามห้วนๆ


       “
    เรื่อง......เรื่อง........เรื่อง......จะ.....จูบน่ะคือฉันไม่ใด้ตั้งใจนะโคคุเรียวตอบตะกุกตะกัก


      “
    ปากฉันกลิ่นไม่ดีเรอะ  เธอถามกลับทันทีแบบที่โคคุเรียวสะอึก


      “
    เปล่านะม่ายช่ายนะม่ายช่ายจริงๆ คือแบบว่าที่ฉันทำไปมันทำให้เธอลำบากใจใช่มั้ย ยังเรื่องทาส แต่ว่าแต่ว่ามันก็เป็นไปแล้วคือฉันไม่รู้จะขอโทษยังไงดีคือ......โคคุเรียวเริ่มสติแตกอีกรอบแล้ว แล้วก็เริ่มแก้ตัวไปเรื่อยๆตามน้ำหลังจากนั้นเร็นเคียวก็เลยนั่งดู คุณชายสติแตกเดินพล่านแก้ตัวไปทั่วห้องก่อน


      “
    เป็นอะไรรึเปล่า แผลยังไม่หายดีเลยนิเพิ่งแค่สองสามชั่วโมงเองโคคุเรียวที่สังเกตเห็นอาการหน้าซีดของเร็นเคียวแล้ว เดินมาพยุงเธอขึ้นจากผนังที่เธอทรุดลงไป


      “
    เปล่า ไม่มีอะไร แค่ใช้พลังเวทย์มากไปหน่อย ไม่เป็นอะ...เสียงของเร็นเคียวแผ่วเบาลง


      “
    เนี่ยนะไม่เป็นอะไรได้ยังไง  ดื้อ !” เขาตวาดใส่หญิงสาวที่ฝืนเก๊กอยู่นั่นแหละแล้วพอจะลุกก็ล้มทรุดอยู่ตรงนั้น ฮ่วยสิ เพิ่งแผลบเดียวก็ลุกขึ้นมาได้ เดี่ยวแผลก็เปิดกันพอดี เขาพูดพลางช้อนร่างบางขึ้นในอ้อมแขนแล้วอุ้มไปนอนบนเตียง แล้วก็เช็กจับหน้าผาก สาวจอมดื้อ แต้ต้องชักมือกลับเนื่องจาก


      “
    จ้าก  ร้อน โคคุเรียวอุทานออกมาแบบคนสติแตกเนื่องจากหน้าผากของเธอร้อนอย่างกับไฟ

    เป็นไข้เหรอเนี่ย

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×