คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : chapter 1
“นี่ โคคุเรียวจัง นี่ เรียวจัง” เสียงเรียกของหนุ่มน้อย เรียกเด็กสาวคนหนึ่งให้หันหน้ามา ดวงหน้าของเธอโค้งมน ผมสีเงินสะท้อนแสงเป็นเงางาม ผิวขาวเรียบเนียนผุดผ่อง นัยน์ตาสีนิลดูลึกลับชวนค้นหา เด็กสาวรูปร่างอ้อนแอ้นอรชร กำลังหันมารับคำของรุ่นพี่ปีสี่ช้าๆ
“อะไรเหรอค่ะ” โคคุเรียวยิงคำถามใส่รุ่นพี่ปีสี่ที่มาขัดจังหวะการทำการบ้านของเธอกับเพื่อนๆ “ยิ่งไม่มีเวลาทำอยู่ จะมาจีบอะไรอีกวะเนี่ย” เสียงคิดดังในใจ
“เรียวจังวันนี้ว่างไหม คือพี่จะชวนไปเที่ยว....”
“ไม่ล่ะค่ะ ขอโทษนะค่ะ หนูไม่ว่างมีงานต้องทำ”คำตัดบทง่ายๆอย่างไม่ค่อยสนใจอาการของรุ่นพี่ที่ยืนตะลึงอย่างหมดฟอรม์ของโคคุเรียวทำให้เพื่อนผู้ชายสามคนในกลุ่มหัวเราะกร๊ากๆ
“ไอ้เรียวเอ๊ย เจ๋งเป็นบ้าเลยโว้ย เล่นเอาพี่เค้ายืนค้างเลยว่ะ” เพื่อนคนหนึ่งของเธอพูดขึ้นมันชื่อ คิว เป็นชายร่างสูงหล่อนิดๆในสายตาของเธอ(ก็มันหล่อแค่นั้นจริงนี่)ไว้ผมเรียบๆแต่ตามันคมเลยดูเท่ดีแค่นั้น มันจะหล่อขึ้นอีกหน่อยถ้ามันไม่ใส่แว่น
“เจ๋งกะผีเดะ ไอ้บ้าแกก็รู้ฉันไม่ชอบ แถมต้องเก็กพูดอะไรหญิงๆออกไปอีก เลี่ยนโว้ย” โคคุเรียวเริ่มหันไปแว้ดใส่เพื่อนอีกสองคนที่มันเริ่มอมลูกมะนาว คนแรก เจ้ายากูซ่าประจำมหาลัยฯไอ้ เอ็ด เพื่อนสนิทของเธอที่มันมีวีรกรรมหลายอย่างร่วมกับเธอตั้งกะเตะอันธพาลข้างถนนยันถล่มแก๊งมาเฟียอาเสี่ยใหญ่ มันค่อนข้างจะหล่อถ้าไม่ติดว่าผมสวยๆของมันจะไม่เคยเรียบร้อย ส่วนอีกคนเจ้าชายไอด้อลฮิตติดชารต์ประจำคณะอักษรศาสตร์อันดับหนึ่งไม่เป็นสองตลอดสามปี ท่านชาย ไซ คุณคนนี้เรียบ เนียบตลอดเวลา ไม่ติด(มันจะติดทุกคนเลยเรอะ)ว่ามันผูกเนกไทไม่เป็น
“แต่ว่าแกน่ะ..ก็..ผู้..หญิง..ไม่..ใช่..เรอะ” คำเน้นเสียงหนักตรงคำว่าผู้หญิงทำให้เธอเกือบกระโดดบีบคอเจ้าชายไอด้อลฮิตติดชารต์ประจำคณะอักษรศาสตร์อันดับหนึ่งไม่เป็นสองตลอดสามปีซะแล้ว
“แล้วนี่อะไรอ่ะ ห่วงคำสาปซาตาน นิยายเหรอ นี่แกยังเชื่อเรื่องพวกซาตานรึปิศาจอยู่อีกเรอะ”เสียงเรียกถามจากเอ็ดเมื่อเขาแกหนังสือเล่มนึงออกจากกระเป๋าฉัน ขี้ขโมยมือไวเหลือเกินไอ้อันธพาลบ้าบอ
“นี่ พูดจริงๆนะ นายออกจะเชื่อเรื่องพวกนี้มากเกินไปนะ” เสียงเคร่งขรึมจากไซดังขึ้นอีกเหมือนกัน
“เออ มันเรื่องของฉันเว้ย พวกแกจะเชื่อรึไม่ก็ตามใจดิวะ” เธอสวนกลับทันควันและเริ่มเก็บของกลับบ้าน “ฉันไปล่ะ หมดอารมณ์”ว่าแล้วหล่อนก็เดินออกจากโต๊ะไปเลย
ฉัน อาเร็น โคคุเรียว เป็นนักศึกษาปีนี้อายุ ยี่สิบปี เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนพ่อแม่ของฉันเสียชีวิตตั้งแต่ตอนที่ฉันอายุได้ สิบห้าปี ฉันจึงต้องหางานทำเอง ปัจจุบันเป็นนักเขียนดีว่ามันติด bestseller ไม่อย่างนั้นคงไม่มีเงินเรียน
แล้วทำไมถึงเชื่อเรื่องปิศาจกับซาตานน่ะเหรอ เพราะว่า
“เฮ้ น้องสาว มาทำอะไรที่เปลี่ยวๆอย่างนี้ล่ะ”เสียงกวนโสตประสาทดังขึ้นทำให้เธอที่อารมณ์เสียอยู่แล้ว ยิ่งโมโหหนักเข้าไปอีก และยังไม่ทันที่กุ๊ยข้างถนนจะว่าต่อก็ต้อง
“ตึง โครม”
“รำคาญโว้ย ไอ้กุ๊ยข้างถนน แค่นี้เนี่ยนะโดนเตะก้านคอครั้งเดียวหลับแล้วเรอะ ไอ้โง่เอ้ย” เธอสบถใส่อย่างสมเพช ใช่เธอก็ค่อนข้างมีฝีมือทางด้านการต่อสู้อยู่บ้างล่ะ ว่าแล้วเธอก็เดินขึ้นหอพักด้วยอารมณ์ปุดๆ
ไม่แลเห็นสายตาของหนุ่มน้อยคนหนึ่งที่จ้องมองมาอย่างห่วงใยเลย
ในห้องของโคคุเรียว
ตอนนี้เป็นตอนกลางคืน โคคุเรียวเป็นคนค่อนข้างประหยัด เอ่อ อาจค่อนข้างจะขี้งกไปบ้าง โคคุเรียวจึง
ค่อนข้างประหยัดและมีหลายๆวิธีที่เธอใช้ ห้องของโคคุเรียวตกแต่งแบบธรรมดา ประมาณหอพักทั่วไปไม่มีของฟุ่มเฟือยอยู่ในห้อง (ก็ขี้งกนี่)
“เฮ้อกลางคืนนี่ สบายดีจังเลย ร่างนี่แหละดีที่สุดเลยล่ะ” เสียงที่ควรจะเป็นของโคคุเรียวออกจากปากของหนุ่มน้อย วัยยี่สิบเศษๆ กำลังเช็ดผมสีเงินเงางามที่ยาวประบ่านั่น ยาวสลวย นัยน์ตาสีนิลดูลึกลับชวนค้นหานั่นกำลังฉายเววสบายใจแฝงด้วยความคมเข้มแบบผู้ชาย ร่างสูงเพรียวกำลังขยับไปพิงกำแพงเพื่อดื่มน้ำ ผอมบาง แต่ดูแล้วถ้าสาวๆมาเห็นคงกรี๊ดสลบ
เพราะอย่างนี้ถึงเชื่อเรื่องพวกซาตานกับปิศาจไงล่ะ
ก่อนที่ผมจะเกิด พ่อและแม่ของผมได้ไปขอจ้าวปิศาจแห่งนรก (ไปขอยังไงนี่ผมไม่ทราบ ขอไงวะ) ว่าขอลูกชายสักคน เนื่องจากแม่ของผมไม่สามารถมีลูกได้ (แค่นั้นนี่นะ) แต่การที่ได้ผมมาก็ต้องแลกกับคำสาปที่จะติดตัวผมไปทั้งชีวิต มันก็คือคำสาปที่มีชื่อว่า
โซ่แห่งซาตาน
คิดว่าผลของมันก็คงเป็นการที่ทำให้ผมเป็นผู้หญิงก็ไม่ใช่ ผู้ชายก็ไม่เชิง อยู่แบบนี้แต่จริง ผมเป็นผู้ชายนะชายทั้งแท่งเลย “เฮ้อ................ทำงาน”เสียงบ่นอย่างเนือยๆนิดหน่อย ก็ถ้าไม่ทำงาน จะเอาเงินที่ไหนไปกินไปเรียนล่ะ เอ้าทำก็ทำวะ ว่าแล้วก็เปิดเครื่องคอมขึ้นมา นิยายที่ผมเขียนน่ะเกี่ยวกับผมนิดหน่อยนะก็ผมโดนคำสาปพระเอกในเรื่องก็โดนคำสาปเหมือนกันเพราะงั้นผมก็เลยใช้ชื่อพระเอกเป็นชื่อตัวของผมเอง แต่คำสาปต่างจากผมเพราะถ้าคำสาปยังอยู่ล่ะก็เขาจะต้องตาย ผู้ที่จะถอนคำสาปได้มีแต่เจ้าคำสาปก็คือ ซาตานหญิงตนหนึ่งที่รักชายคนนี้ เธอชื่อ
“กริ๊งๆๆๆๆๆๆๆ”
เสียงกริ่งสัญญาณกันขโมยดังขึ้น เป็นเหตุให้โคคุเรียวต้องลุกไปเปิดประตูดูด้านนอกว่ามันเกิดอะไรขึ้น
“เฮ้ยอะไรของคุณ จะทำอะไรอ่ะ” เสียงโวยวายดังขึ้นจากโคคุเรียวเมื่อมีหญิงสาวคนหนึ่งโผล่มาหน้าประตู จู่ๆก็เดินเข้าห้องปิดปิดไฟประตูแถมเอามีดที่ดูแล้วเฉือนทีเดียว ตาย มาจ่อที่คอซะอีก
"อย่าพูดอะไร ถ้าใครเข้ามา เข้าใจไหม" เสียงที่ฟังผ่านๆแล้วบอกได้คำเดียวว่า น่ากลัวโว้ย แต่ฟังดีก็นุ่มดีนะ แต่ว่ามีอย่างเรอะผู้ชายโดนผู้หญิงขู่ เจ้แกก็เป็นขโมย โอเค ว่าแล้วก็เอาศอกกระทุ้งซะยังงั้น
"อุ่ก" เสียงครางมาจากร่างหญิงสาวที่ทรุดฮวบลงพื้นเนื่องจากศอกที่มากระทุ้งทำให้โคคุเรียวหันไปมองถึงมันจะค่อนข้างมืดแต่ก็สังเกตได้ว่าร่างของเธอนั้นมีแผลเต็มไปหมดและเลือดยังไหลเป็นทางอีกด้วย
"เฮ้ยขอโทษ เอ่อคือไม่รู้อ่ะงั้นจะช่วยละกัน”โคคุเรียวเริ่มมีอาการสำนึกผิดและสติแตกไปเลยเมื่อ
"ปึง ปึง ปึง ปึง ปึง ปึง" เสียงทุบประตูดังหกครั้งรวดบ่งบอกว่าผู้ทุบประตูนั้นกำลังอารมณ์เสียรึไม่ก็รีบจัดจนตบะแตก (แล้วมันเหมือนกันไหมหว่า) ตามมาด้วยเสียงขอร้องปนตะคอกแกมบังคับว่า "เปิดประตูซิ นี่ตำรวจ" จบประโยคก็ตามมาด้วยเสียงทุบประตูอีกไม่รู้กี่ครั้งแต่มันก็ทำให้โคคุเรียวสติแตกไปแล้วก็เมื่อขโมยที่คุณตำรวจตบะแตกคนนั้นว่าก็อยู่ในห้องเรานี่นา เอาไงดีล่ะเนี่ย “นี่คุณ จะเปิดไหมถ้าไม่เปิดผมเปิดประตูเข้าไปเองนะ” ประโยคนี้ทำให้โคคุเรียวสบถออกมาเลย เอาไงดีว้า เอาไงดีวะ เอ้อ ใช่แล้ว
“ปึง”เสียงเปิดประตูของคุณตำรวจตบะแตกที่กำลังเตรียมคำด่าที่จะมาต่อว่าว่าทำไมอีเจ้าของห้องบ้านี่ไม่ยอมเปิดประตูให้เขาซะที ก็ต้องหยุดกึก ตกตะลึงกับภาพตรงหน้าที่เล่นงานให้ “คุณตำรวจตบะแตก” หน้าขึ้นสีก่ำจนกลายเป็นลูกตำลึงสุกภายในสองวินาที เนื่องจากเกิดอาการอายจากการกระทำของคู่หนุ่มสาวตรงหน้าก็ มัน...มัน...มัน..มันกำลัง
จูบกันอยู่ ! แล้วฝ่ายชายดูท่ามันเคลิ้มจนไม่สนสายตาชาวบ้านอีกตะหาก
“โครม”เสียงกระแทกประตูดังสุดๆเนื่องจาก"คุณตำรวจตบะแตก"คนนั้นไม่สามารถรับรู้อะไรอีกแล้วเพราะสติแตกกับคู่หนุ่มสาวตรงหน้าที่ทำตัวน่าละอายสุดๆหารู้ไม่ว่าข้างในห้องหลังจากที่เขาออกไปแล้วเกิดอะไรขึ้น
ใบหน้ามนของหนุ่มน้อยกำลังแดงกำกับการกระทำของตนเองที่ดันไปขโมยจูบของสาวงามตรงหน้าที่เขาไม่กล้าหันหลังกลับไปมองเพราะดันไปล่วงเกินเจ้าหล่อนนี่เมื่อกี้ขนาดยังไม่ได้ทันทำอะไรยังจะฆ่าเราซะยังงั้นแล้วนี่ไปขโมยจูบเค้าแล้วเจ้แกจะไม่ไล่ฆ่าเราเป็นร้อยๆชาติเลยเรอะ
"นาย"
เสียงของหญิงสาวดังขึ้นทำให้คนมีชนักความผิดติดหลังสะดุ้งโหยง แล้วสมองก็เริ่มสั่งการให้หาคำพูดอะไรก็ได้มาแก้ความผิดก่อนที่จะโดนโทษประหาร
“เมื่อกี๊นาย..”เสียงของหญิงสาวขาดหายไปทำให้โคคุเรียวเอะใจเลยหันไปดูแล้วก็รับร่างบางนั้นไว้ได้ทันฉิวเฉียดแล้ว พลิกตัวเจ้าหล่อนกลับมาดูพบว่ามีแผลร้ายแรงเต็มตัวและมีเลือดไหลเป็นทาง โคคุเรียวได้สังเกตเห็นหน้าเจ้าหล่อนชัดๆก็ตอนนี้แหละ เธอมีผมสีน้ำเงินเข้มจนเกือบจะเหมือนนิลยาวสยายถึงต้นขาอ่อน ดวงตาหลับพริ้มซึ่งโคคุเรียวเห็นแวบๆตอนเดินเข้ามาในห้องว่าเป็นสีแดงเข้มราวเลือด(น่ากลัวง่า) ผิวขาวเนียนราวเกล็ดหิมะที่ซีดไปบ้างเพราะเสียเลือดมากเสื้อผ้าที่ไส่ก็ขาดรุ่ยเห็นอะไรนิดๆหน่อย(แค่เนินอก จะคิดอะไรมาก) แต่ว่า
แล้วทำไมแกไม่ทำแผลให้เค้าซะทีวะไอ้เรียว
หลังจากนั้น สองชั่วโมง
"เฮ้อทำแผลเสร็จซะที"เสียงบ่นอย่างเหนื่อยใจของโคคุเรียวที่เพิ่งทำแผลให้หญิงสาวเสร็จ ก็มันเยอะเป็นบ้าเจ้แกไปทำอะไรมาวะแผลถึงเต็มตัวแบบนี้ง่ะ ว่าแล้วก็นั่งลงที่เตียงข้างๆหล่อนมองดวงหน้าของเธอสักพักก็
"เฮ้อ แล้วทำไมไปทำยังงั้นอ่ะ ทำไปทำไมวะไอ้เรียวจอมโง่ แกเป็นบ้าไปแล้วเรอะถึงไปทำอย่างนั้นล่ะ"โคคุเรียวสบถออกมาเสียงดัง
เมื่อมองหน้าเจ้าหล่อนแล้วนึกถึงเหตุการณ์ที่ตัวเองไปขโมยจูบเค้าแถมยังมีคนเห็นอีก จะโดนฆ่าปาดคอไหมเนี่ย
"นี่ นายอะ" เสียงของหญิงสาวดังขึ้นทำให้โคคุเรียวสะดุ้งโหยงแล้วหันไปมองพร้อมเหงื่อที่แตกมะล่อกมะแล่กแล้วตอบว่า " ค..คร..คร้า..คร้าบ"
"นายเป็นใคร" เสียงของหญิงสาวที่ถามอย่างเเข็งกร้าว
"อะ..เอ่อ..อะ..อาเร็น..คะ..โคคุ..โคคุเรียวคร้าบ" โคคุเรียวพูดขึ้นด้วยเสียงสั่นๆ พร้อมเหงื่อที่แตกพลั่กๆ
"คนที่โดนคำสาปคือนายใช่ไหม โซ่แห่งซาตานน่ะ" เสียงของหญิงสาวถามขึ้นอีกครั้ง แต่ทว่ามันทำให้โคคุเรียวลุกพรวด
ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร ทำไมถึงรู้ว่าเราโดนคำสาป หรือว่าผู้หญิงคนนี้เป็น
ซาตาน
ไม่จริงหรอก มันไม่ใช่เรื่องจริง แต่เธอรู้ว่าเราโดนคำสาป
“เธอ...เป็นใคร” เขาถามเหมือนคนอารมณ์พุ่ง ถ้ารู้ว่าเป็นซาตาน ก็คง....
“เร็นเคียว เป็นซาตาน เรียกง่ายๆก็ปิศาจ” หญิงสาวแนะนำตัวด้วยท่าทางสบายๆ ไม่เหมือนกับคนที่แผลทั่วตัวเลือดไหลโชกเมื่อสองชั่วโมงก่อนเลย ถึงแม้ว่าเสียงนั่นจะฟังนุ่มหูดีก็ตาม แต่ท่าทีแบบนี้ แววตาแบบนี้ที่มองมาอย่างน่ากลัว ถ้าไม่ติดว่าโคคุเรียวโมโหอยู่คงจะขาแข้งสั่นไปเรียบร้อย
“ออกไป! ไปให้พ้นจากห้องฉัน” โคคุเรียวตวาดเสียงดังพร้อมชี้มือไปที่ประตู
“คงจะไม่ได้” เร็นเคียวยังตอบด้วยท่าทีสบายๆ แต่ว่าพอเริ่มตวัดหางตามามองแล้วรู้สึกขนลุกกับนัยน์ตาสีเลือดนั่น
“ทำไม ทำไมจะไปไม่ได้” โคคุเรียวยังตวาดเสียงดังอีกครั้ง
“นายเอาจูบแรกของฉันไปก็แค่นั้น ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น” เธอก็ยังตอบคำตวาดด้วยท่าทีที่สบายเหมือนๆเดิมถึงแม้จะโดนตวาดมาสามรอบแล้วก็ตามแต่
“หมายความว่ายังไง” โคคุเรียวยังถามด้วยอาการเช่นเดิม
“ก็สำหรับซาตานที่เป็นหญิงแล้วก็ จูบแรกก็หมายถึง เจ้าชีวิต ก็แค่นั้น” เธอตอบ
“เจ้าชีวิต....อะไร” เขาเริ่มถามด้วยอาการตะกุกตะกักเมื่อเริ่มเดาคำตอบได้แต่ก็โดนมือเรียวนั้นกระชากเสื้อให้ดวงหน้าโน้มเข้าไปใกล้...ใกล้มาก...ใกล้ขนาดที่สามารถรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆของอีกฝ่ายได้ แต่ก่อนที่จะคิดอะไรลามกมากไปกว่านี้(ตรงไหนยังไม่ได้ครึ่งของคนเขียนเลยจ้ะ)ก็ต้องช็อกกับคำตอบที่ได้รับมาว่า
“ผู้ที่ประทับจูบหรือก็คือนายเป็นเจ้าชีวิตของฉันไง เข้าใจรึยัง อาเร็นโคคุเรียว” คำตอบที่มาพร้อมกับการเรียกชื่อแบบเต็มสตีมและเสียงตวาด เล่นเอาโคคุเรียวสะดุ้ง
“แต่ว่า มันเป็นเรื่องฉุกละหุกสถานการณ์มันบังคับนี่นาจะให้ทำไงล่ะ” โคคุเรียวเริ่มแก้ตัวอย่างสติแตก อ้าวไม่โกรธแล้วเรอะ อะไรที่ทำให้โคคุเรียวหยุดโกรธกะทันหันเน้อ จะให้ตอบยังไงเล่า นั่นก็เพราะว่าร่างกายอุ่นๆของเจ้าหล่อนน่ะแนบเข้ามาซะชิดทำให้โคคุเรียวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ
ก็หน้าอกมัน ติดเลยง่ะ
แต่ว่าโกรธขนาดนั้นกลับลืมไปได้ในชั่วพริบตาโคคุเรียวนี่ ลามกจนน่าเสียใจจริงๆ
“ทำอะไรไม่ได้ทั้งนั้นแหละไม่ต้องคิดทั้งนั้น” เร็นเคียวตวาดเป็นรอบที่สองที่ทำให้โคคุเรียวสะดุ้งอีกครั้ง โถ โถ โคคุเรียวโดนตวาดสองรอบก็สะดุ้งสองรอบเลยเรอะ
“แต่ว่าถ้างั้น......เจ้าชีวิตที่เธอว่ามันหมายความว่ายังไงล่ะ” โคคุเรียวถามด้วยอาการตะกุกตะกัก
“ทาส”
“อะไรนะ” โคคุเรียวอึ้งกับคำตอบที่ได้รับเลยถามซ้ำพร้อมนึกภาวนาในใจว่าเมื่อกี๊หูฝาด
“ทาส ไม่ได้ยินรึไงเล่า” คำตอบที่ตวาดกลับมาจากเร็นเคียว ทำให้ในใจของโคคุเรียวราวกับมีสายฟ้าฟาดในหัวสมองกำลังตีความคำที่ไดยินในทันที
ทาส = ผู้ที่คอยอยู่รับใช้เจ้านาย หรืออะไรประมาณนั้นแหละนะ (มันเข้าคณะอักษรศาสตร์ได้ไงวะ)
“...............”ไม่มีเสียงตอบรับจากผู้ถามเนื่องจากกำลังตะลึงอึ้งช็อกมึนงงตึบกับคำตอบที่ได้รับแล้วยืนอ้าปากค้างอยู่อย่างนั้น
“เป็นอะไรของนาย”เร็นเคียวเริ่มถามหลังจากที่โคคุเรียวยืนจ้องเธอนานเกือบสิบนาทีเรียกสติของโคคุเรียวให้กลับมาจากภวังค์ได้ในพริบตา
“เอ่อ ขอโทษที ไม่ได้ตั้งใจ”โคคุเรียวแก้ตัวอีกครั้ง
“นี่ นายเกลียดท่านราชาซาตานใช่ไหม” เร็นเคียวถามคราวนี้เป็นเสียงที่นุ่มหู
“ก็ จริงๆแล้ว ไอ้ร่างแบบนี้ก็ใช้ประโยชน์ได้เยอะก็จริงแต่ ฉันก็...”โคคุเรียวพูดด้วยอาการกระอักกระอ่วนใจเล็กน้อย
“เกลียด...สิ.....นะ” เร็นเคียวถอนหายใจแปลกๆแล้วก็ตอบแทนโคคุเรียวซะงั้น
“เค้าเป็นคนดีสำหรับพวกเธอใช่ไหม” โคคุเรียวกล่าวขึ้น
“ไม่”คำตอบที่สุดแสนจะดังสั้นห้วนชวนงงตะลึงอึ้งค้างไม่ตรงกับที่คาดเอาไว้สร้างความฉงนแก่ชายหนุ่มจอมลามกขี้กลัวติงต๊องคนนี้
“หมายความว่าไงอ่ะงงอ่ะก็เค้าคนนั้นเป็นราชาปิศาจไม่ใช่เรอะ แล้วทำไมเธอตอบว่าไม่อ่ะ”โคคุเรียวยิงคำถามแก้ฉงน
“บอกว่าไม่ก็ไม่สิ !” เสียงตวาดรอบที่โคคุเรียวขี้เกียจนับดังขึ้น เร็นเคียวนี่อารมณ์เสียง่ายจัง เออว่าแต่ถ้าที่เขาพูดว่า
“ผู้ที่ประทับจูบหรือก็คือนายเป็นเจ้าชีวิตของฉันไง เข้าใจรึยัง อาเร็นโคคุเรียว”
ถ้างั้นก็หมายความว่า
“งั้นเธอก็ต้องอยู่กับฉันน่ะสิ”โคคุเรียวเริ่มพูดด้วยอาการหวาดๆ
“ใช่”เร็นเคียวตอบ
“แล้วนานเท่า...” โคคุเรียวถามอีกแต่ไม่ทันจะจบก็
“ตลอดชีวิต” คำตอบที่พอจะเดาได้อยู่แล้วแต่ก็ทำใจหดไปอีกโข “นายเกลียดฉันมากเลยเหรอ”
คำถามที่ทำให้โคคุเรียวหันขวับไปมองไม่นึกว่าจะได้ยินคำถามแบบนี้จากสิ่งที่ตนเองเกลียดมาตลอดชีวิต คนคนนี้ที่เป็นซาตาน
ว่าแต่ว่า
เธอก็ไม่เกี่ยวอะไรกับราชาปิศาจนี่นา คงไม่เป็นไรมั้ง
เนอะ เพราะหน้าตาก็สวยยังไงคงไม่ใช่คนเลวหรอก ฮิ ฮิ ฮิ ฮิ ฮิ
“เปล่าหรอกฉันเพิ่งเจอเธอเองนะ เอ่อ.......เอ่อ......คือว่า......ถ้าเธอ...เอ่อ....ไม่รังเกียจ....ก็อยู่.....ที่นี่...ก็ได้” คำตอบที่พ่วงคำถามที่เร็นเคียวทำหน้าแปลกๆตอนได้ยิน แล้วถามกลับว่า
“นายไม่ไดเกลียดฉันเรอะ” เธอถามด้วยอาการฉงนเล็กน้อย
“เธอไม่เกี่ยวอะไรกับคนที่สาปฉันนี่ แล้วฉันก็ไม่คิดอะไรสั้นถึงขนาดเกลียดขี้หน้าคนที่เพิ่งคุยกันแล้วก็ไม่เคยทำอะไรให้ด้วยนี่นา”โคคุเรียวอธิบาย
“ฉันเอามีดจ่อคอนาย”เร็นเคียวแย้ง เอ่อดักคอคงถูกกว่า
“คนละเรื่องกัน ไม่เกี่ยว” โคคุเรียวตอบพร้อมยักไหล่
“ง่ายๆอย่างงี้เรอะ ตอนแรกเห็นโกรธสุดๆเลยนี่ ” เธอตอบ นี่มัน ออกแซวหน่อยๆนี่นา ก็สมควรแล้วล่ะ เราไปตวาดเธอตั้งสี่ห้ารอบนี่นา
“ง่านะ แล้วก็แล้วกันไปนะ เอ่อคือขอโทษเรื่อง...........”โคคุเรียวเริ่มมีอาการตะกุกตะกักเมื่อจะขอโทษอะไรสักอย่างที่เร็นเคียวต้องเอียงคอนึก
“อะไร”เธอถามห้วนๆ
“เรื่อง......เรื่อง........เรื่อง......จะ.....จูบน่ะคือฉันไม่ใด้ตั้งใจนะ” โคคุเรียวตอบตะกุกตะกัก
“ปากฉันกลิ่นไม่ดีเรอะ” เธอถามกลับทันทีแบบที่โคคุเรียวสะอึก
“เปล่านะม่ายช่ายนะม่ายช่ายจริงๆ คือแบบว่าที่ฉันทำไปมันทำให้เธอลำบากใจใช่มั้ย ยังเรื่องทาส แต่ว่าแต่ว่ามันก็เป็นไปแล้วคือฉันไม่รู้จะขอโทษยังไงดีคือ......” โคคุเรียวเริ่มสติแตกอีกรอบแล้ว แล้วก็เริ่มแก้ตัวไปเรื่อยๆตามน้ำหลังจากนั้นเร็นเคียวก็เลยนั่งดู “คุณชายสติแตก”เดินพล่านแก้ตัวไปทั่วห้องก่อน
“เป็นอะไรรึเปล่า แผลยังไม่หายดีเลยนิเพิ่งแค่สองสามชั่วโมงเอง” โคคุเรียวที่สังเกตเห็นอาการหน้าซีดของเร็นเคียวแล้ว เดินมาพยุงเธอขึ้นจากผนังที่เธอทรุดลงไป
“เปล่า ไม่มีอะไร แค่ใช้พลังเวทย์มากไปหน่อย ไม่เป็นอะ...” เสียงของเร็นเคียวแผ่วเบาลง
“เนี่ยนะไม่เป็นอะไรได้ยังไง ดื้อ !” เขาตวาดใส่หญิงสาวที่ฝืนเก๊กอยู่นั่นแหละแล้วพอจะลุกก็ล้มทรุดอยู่ตรงนั้น “ฮ่วยสิ เพิ่งแผลบเดียวก็ลุกขึ้นมาได้ เดี่ยวแผลก็เปิดกันพอดี” เขาพูดพลางช้อนร่างบางขึ้นในอ้อมแขนแล้วอุ้มไปนอนบนเตียง แล้วก็เช็กจับหน้าผาก “สาวจอมดื้อ” แต้ต้องชักมือกลับเนื่องจาก
“จ้าก ร้อน” โคคุเรียวอุทานออกมาแบบคนสติแตกเนื่องจากหน้าผากของเธอร้อนอย่างกับไฟ
เป็นไข้เหรอเนี่ย
ความคิดเห็น