ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Knight of night

    ลำดับตอนที่ #1 : Night 1

    • อัปเดตล่าสุด 11 มี.ค. 52


    สถาบัน ไนท์

     

     สถาบัน ไนท์ เป็นสถาบันที่สอนเกี่ยวกับการเป็นสิ่งที่ผู้คนเรียกว่า อัศวิน หรือที่เรียกกันแพร่หลายว่า ไนท์

     ไนท์ หรืออัศวิน คือบุคคลซึ่งเป็นผู้ปกป้องคนสำคัญที่สุดของเขา คือมาสเตอร์ ทั้งสองจะทำสัญญาเป็นมาสเตอร์และไนท์ของกันและกันตราบจนกว่าพันธะสัญญาจะสลาย 

     

     ร่างเล็กยืนนิ่งอยู่ท่ามกลางเมืองใหญ่ ดาร์กโซล เมืองเอกแห่งการค้าขายของประเทศที่รุ่งเรืองที่สุด โซลบลู ใบหน้าขาวสวยจ้องมองไปยังอาคารโอ่อ่าแต่สร้างด้วยสไตล์คลาสสิกเรียบง่ายตรงหน้าด้วยแววตาชื่นชมปนตะลึง พลางอุทานออกมาเบาๆกับตัวเอง

     ใหญ่จังเลย ที่นี่เหรอสถาบันกราเดียส

     จ้อก~~~~~~~~~~~~~~~~

     อ่า ไปหาอะไรกินดีกว่า กล่าวจบด้วยใบหน้ายิ้มแย้มร่างเล็กจึงหมุนตัวเดินไปยังทิศทางที่ตรงกันข้ามซึ่งมีร้านอาหารกึ่งผับบาร์ขนาดกลางตั้งอยู่

     โครม ว้าย

     หือ อะไรกันล่ะนั่น

     พวกอันธพาล เอาอีกแล้วรึ

     สิ่งที่ได้ยินผ่านหูทำให้ร่างเล็กหมุนตัวกลับมามองเหตุการณ์อึกทึกครึกโครมเมื่อครู่ แล้วก็เห็นเด็กสาวหน้าตาโทรมแต่งตัวมอซอคนหนึ่งกำลังตกอยู่ในวงล้อมของชายฉกรรจ์กลุ่มใหญ่ ซึ่งแม้แต่เด็กสี่ขวบก็มองออกว่ามันเป็นการข่มขู่อย่างเห็นได้ชัด

     เอาเงินมาให้พวกเราซะ ยัยเด็กเหลือขอ

     คำกล่าวกลั้วหัวเราะที่ทำให้หัวคิ้วคนฟังอยู่ไกลๆถึงกับกระตุกปึ้ด ก่อนจะโยนความต้องการตัวเองทิ้งชั่วครู่ แล้วสาวท้าวสวบๆตรงเข้าไปหาเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างไม่ลังเล

     ถ้าเด็กคนนี้เหลือขอ พวกแกมันก็เหลือเดนแล้วล่ะ

     มีอย่างที่ไหนว่าเขาเหลือขอแล้วยังจะเอาเงินเขา

     ไอ้พวกสมองหมานี่ วอนโดน

     ช่วยหยุดเถอะ ว่าเขาเหลือขอแล้วยังจะเอาเงินเขา ไม่มีสมองคิดกันรึไง เสียงทุ้มที่มาพร้อมกับชายร่างสูง ซึ่งคาดคะเนแล้วเกินร้อยเก้าสิบแน่นอน รูปร่างกำยำ ผิวขาวสะอาดตาสวมเสื้อผ้าสีดำเรียบง่ายดูไม่เด่นมากเท่าไหร่ แต่ดันกลายเป็นเด่นสุดๆเพราะผิวของชายคนนี้ค่อนข้างขาว รูปร่างที่สูงใหญ่ของเขา ผมสีน้ำเงินเข้มจัดจนแทบจะกลายเป็นสีดำตัดสั้นพลิ้วไหวตามแรงลม และใบหน้าคมที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ล้นซึ่งสามารถกระชากใจใครต่อใครได้ทันทีที่พบเห็น อาจเป็นเพราะนัยน์ตาเรียวสีเงินยวงที่ไร้อารมณ์นั่น ยิ่งด้วยใบหน้าที่ไร้รอยยิ้ม ทำให้ชายคนนี้มีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น

     มือหนาคว้าข้อมือของชายฉกรรจ์คนหนึ่งไว้ บรรยากาศสบายๆแปรเปลี่ยนไปทันที่ชายหนุ่มคนนี้เริ่มพูด ชายฉกรรจ์ผู้ถูกคว้าข้อมือเริ่มหน้าเบี้ยวเมื่อรู้สึกถึงแรงบีบที่ข้อมือ และจิตสังหารอ่อนๆที่คนแถวนั้นถึงกับพูดไม่ออก ขยับกันไม่ได้ ก่อนจะโวยลั่น

     เจ็บว้อย เลิกก็ได้ ไป กลับ !” เมื่อสะบัดหลุดก็วิ่งหนีกันแทบไม่ทันเห็นฝุ่นเลยทีเดียว

     ไม่เป็นไรนะ ชายหนุ่มคนเมื่อครู่เอ่ยเบาๆกับเด็กสาวซึ่งยิ้มรับอย่างน่าเอ็นดู ซึ่งชายหนุ่มอีกประมาณสี่คนเห็นจะได้ ก็เดินเข้ามาสมทบพลางสนทนากันอย่างหน่ายๆ

     เรย์ นายนี่เป็นพระเอกเสมอเลยนะ ไอ้เรารึนึกว่ารีบออกไปไหน ทีแท้ก็มาช่วยเด็กน่ะเอง เสียงของชายหนุ่มซึ่งตามปกติถือว่าสูงเกินกว่าชายหนุ่มปกติอยู่แล้วแต่เตี้ยที่สุดในกลุ่ม ผมดำเหลือบแดงนั้นตัดสั้นแสกข้างซ้ายแล้วปล่อยเคลียใบหน้าขาวซึ่งดูสวยยิ่งกว่าผู้หญิงปกติ ทั้งรอยยิ้มยียวนที่ชวนให้ใบหน้านั่นหวานเข้าไปอีก ที่แปลกก็เห็นจะเป็นนัยน์ตาสีม่วงเข้มเรียวที่ทำให้ดูน่าเกรงขาม แต่งชุดทะมัดทะแมงสีสดใส ทำให้พอรู้ว่า ชายคนนี้ไม่ได้เย็นชามากเกินไปอย่างที่ใครเขาเห็น

     ใช่ ใช่ เล่นเอารุยกับเชนที่กำลังจะลุกหลังเห็นแม่หนูนี่ นั่งจิบชาสบายใจเฉิบไปเลย คราวนี้ก็เป็นเสียงที่ยียวนเบื้องล่างได้ไม่แพ้กันนัก ชายหนุ่มที่สูงอยู่ระดับกลางๆในกลุ่มอย่างแรกที่สะดุดตาเห็นจะเป็นชุดกี่เพ้าที่ดูแล้วคงจะเป็นชุดตัวเก่ง ผิวขาว อีกอย่างที่เด่นพอกันคงจะเป็นผมสีม่วงเข้มตัดสั้นแสกกลางสะดุดตานั่นด้วย นัยน์ตาสีทองวาวหันไปหาเพื่อนอีกสองคนซึ่งถูกพาดพิงอย่างขันๆ

     เลิกเล่นเถอะ เฟยหลง ชุนจิโร่ ยังไงก็ช่วยเด็กคนนี้ได้แล้วนี่เสียงเข้มเอ่ยแต่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนแฝงอยู่ในนั้น ซึ่งสามารถสัมผัสได้ไม่ยากถ้าดูหน้าตาคมใบหน้าขาวที่ยิ้มบางๆอย่างอบอุ่น นัยน์ตาสีเขียวอมฟ้าแปลก และไว้ผมยาวเคลียบ่าผูกไว้ลวกๆสีเงินยวง รูปร่างค่อนข้างสูงแต่ก็ยังไม่สูงที่สุดในกลุ่ม ไม่เป็นที่สะดุดตาเท่าไหร่เพราะด้วยชุดเรียบๆสีน้ำเงินที่สวมแบบธรรมดา

     กลับกันเถอะ กินข้าวเสร็จแล้วนี่ อ้อ แล้วก็..... ชายหนุ่มอีกคนในกลุ่มเอ่ยขึ้นพลางนั่งลงตรงหน้าเด็กสาวร่างเล็กใบหน้าที่ดูผ่านๆก็คมมีเสน่ห์อยู่แล้ว อาจเป็นเพราะนัยน์ตาสีเงินที่ทอสีม่วงอ่อนๆที่ดูอ่อนโยนนั่น กับผมสีแดงเข้มจนเกือบดำสนิทที่ตัดกันเป็นอย่างดี พอยิ้มให้เด็กสาวตัวน้อยก็ยิ่งดูมีเสน่ห์มากขึ้นกว่าเดิม มือหนาคว้าข้อมือบางขึ้นมาแล้วพึมพำเล็กน้อย สักครู่แผลถลอกตามผิวขาวอมชมพูก็หายไปอย่างรวดเร็ว ทีหลังระวังคนพวกนี้นะ อย่าเข้าไปใกล้นะสาวน้อย หรือถ้าไม่มีที่อยู่ก็ลองไปของานทำที่สถาบันไนท์สิ ผ.อ.อาจให้เธอทำก็ได้

     เอ่ยจบร่างเล็กก็ยิ้มกว้างก่อนก้มหัวขอบคุณ ชายหนุ่มกลุ่มนั้นยิ้มให้อีกครั้งก่อนหมุนตัวเดินกลับไปทางสถาบันที่เจ้าตัวเอ่ยกันไว้เมื่อสักครู่อย่างสง่า แต่ทว่ามีชายหนุ่มร่างสูงผู้เป็นพระเอกที่วิ่งเข้ามาช่วยนั้นยืนนิ่งมองเด็กสาวร่างเล็กคนเมื่อครู่วิ่งไปจนลับตาด้วยสีหน้าไม่เปลี่ยน ก่อนจะหันกลับไปกับเพื่อนๆ

    ฝุ่บ

    เอ๊ะ เขาทำของตกนี่นา

     มือเล็กหยิบถุงผ้ากำมะหยี่สีดำสนิทที่ชายหนุ่มเจ้าของนัยน์ตาสีเงินขึ้นมาดู ก่อนจะหันหาเจ้าตัวเพื่อคืนของแต่หายตัวไปไหนแล้วก็ไม่รู้

     งั้น เอาไปคืนละกันนะ

     

     สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่ามาติดต่อเรื่องอะไรค่ะ เสียงทักทายอย่างสดใสจากประชาสัมพันธ์ร่างเล็ก ผู้ถูกถามยิ้มให้เล็กน้อยก่อนจะยื่นถุงกำมะหยี่สีดำยื่นให้ประชาสัมพันธ์สาวพร้อมกับอธิบาย

     คือว่า มีนักเรียนของที่นี่ทำตกเอาไว้ ก็เลยเอามาคืนค่ะ

     ประชาสัมพันธ์สาวยิ้มรับพลางรูดเชือกดูของด้านในอย่างพิจารนา ก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าไปในทันที เมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ด้านในเป็นอัญมณีสีดำสนิทซึ่งเรืองแสงสีดำสว่าง มือเรียวคว้าปากกากับกระดาษสีหวานที่ตั้งไว้ปึกใหญ่ก่อนจะเขียนหวัดๆลงไปอย่างรวดเร็วสองแผ่น

     เร รี อา ศาสตราจารย์เซยะ กับ เรย์ อาร์ซิเทียส

     กระดาษสีหวานพับตัวเองลงเป็นรูปร่างจรวดกระดาษก่อนบินฉิวไปคนละทาง พร้อมเสียงหวานของประชาสัมพันธ์สาว

     ท่าทางคงจะยุ่งแล้วล่ะค่ะ กรุณารออยู่ก่อนนะค่ะ

     

     เอ นั่นมัน

     จรวดกระดาษเรียกตัวด่วนจี๋นี่นา ใครไปทำอะไรไว้ล่ะ

     ไม่รู้ ใครกันน่ะ

     วิ้ว วูบ

     ฝุ่บ

     เสียงร่อนลงเบาๆของเจ้าจรวดกระดาษลำน้อยที่ลงจอดอย่างสวยงามไร้รอยบุบสลายตรงหน้าของชายหนุ่มร่างสูงซึ่งกำลังนั่งนิ่งอยู่ข้างหน้าต่างในโถงใหญ่เรียกความสนใจจากผู้คนรอบห้องได้เป็นอย่างดี นัยน์ตาสีเงินจ้องมองกระดาษตรงหน้าอย่างพินิจก่อนจะหยิบขึ้นมาเปิดอ่าน

       

     มาที่ประชาสัมพันธ์ มีเรื่องฉุกเฉิน

     

     ร่างสูงก้าวสวบๆตามประสาคนเดินไวผมยาวระต้นคอขาวปลิวตามการเคลื่อนไหวอย่างสง่าออกเถื่อนนิดๆ ใบหน้าขาวเฉยสนิท ที่คงไม่มีใครรู้ว่าคิดอะไรอยู่

     เรียกเราทำไม

     สลัดความคิดเมื่อครู่ออกไปจากหัวทันทีโดยไม่ได้ตั้งใจเมื่อนัยน์ตาสีเงินเห็นใครบางคนยืนอยู่ตรงหน้า

     หญิงสาวร่างเล็ก ยืนเทียบกันจริงๆคงสูงประมาณไหล่เขาด้วยซ้ำ สังเกตดีๆก็เห็นผิวขาวอมชมพูสวยออกแทนนิดๆน่าจะเป็นเพราะตากแดด ใบหน้ามน ยิ่งประดับด้วยนัยน์ตาสีแดงสว่างใสกลมโตราวกับอัญมณีกับรอยยิ้มกว้างบนใบหน้าทำให้หญิงสาวตรงหน้าเขาจัดอยู่ในระดับ สวยมาก ถ้าไม่ติดว่าเส้นผมสีแดงเพลิงที่ยาวสยายถึงต้นขาจะยุ่งๆนิดเหมือนไม่ค่อยได้หวีผม เสื้อเชิ้ตสีขาวแขนยาวตัวหลวม กับกางเกงสีน้ำตาลเข้มที่แสนจะมอซอนั่น

     ผู้หญิงที่ยืนดูตรงหน้าร้านอาหารนี่นา

     หญิงสาวหันมาเห็นผู้มาใหม่ รอยยิ้มหวานจึงแย้มออกทักทายร่างสูงอย่างเป็นมิตร พร้อมๆกับที่ศาสตราจารย์ตัวสูงซึ่งได้ชื่อว่าขี้โมโหที่สุดในสถาบันแห่งนี้หันมาหาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์

     เรียกมามีอะไรเหรอครับ พี่ลีอาศาสตราจารย์เซยะ

     เอ่ยออกไปอย่างสงบเสงี่ยม ซึ่งหญิงสาวผู้ถูกถามก็ยกถุงกำมะยี่สีดำเจ้าปัญหาให้ดู

     นี่ของเธอจ้ะ อาร์ซิเทียส พอจะอธิบายได้ไหมว่าทำไมสาวน้อยท่านนี้ถึงเก็บถุงนี้ที่ตกจากในเมือง เสียงหวานเอ่ยเรียบๆไม่มีแววขี้เล่นอย่างเคย มือหนาหยิบถุงกำมะหยี่สีดำขึ้นมาดู นัยน์ตาสีเงินเบิกกว้างด้วยความตกใจเพียงแวบเดียวเมื่อเห็นเจ้าถุงผ้านี่ ก่อนจะเอ่ยตอบเสียงเรียบ

     ไม่ได้ทำตกครับ เพราะว่าผมเอาใส่ไว้ในถุงผ้าสีดำอีกใบแล้วใส่ลงในกระเป๋าเสื้อ เพราะตอนนี้ถุงสีดำนี่ก็ยังอยู่กับผม ยังไงก็ไม่ได้ทำตกครับ

     คิดว่ายังไงค่ะ ศาสตราจารย์เซยะ เสียงเรียบของสีอาเอ่ยขึ้นถามชายหนุ่มผู้ยังไม่กล่าวอะไรเลยตั้งแต่มาถึง ก่อนเสียงทุ้มจะเอ่ยเสียงเย็นชวนขนลุก

     ตามฉันมา ทั้งคู่เลย

     สามร่างเดินตามกันไปตามระเบียงหินอ่อนสีขาวครีมที่ตกแต่งอย่างประณีตก่อนจะเข้าสู่ส่วนที่ขึ้นป้ายเบ้อเริ่มเทิ่มว่า แผนก สถานการณ์เฉพาะหน้า

     เซยะพาเดินผ่านเข้าประตูไม้บานใหญ่ซึ่งสลักเวลาสวยสายสวยงามเป็นรูปปีกสีดำสนิท ก่อนที่ความเย็นจัดจะเข้าปะทะใบหน้า พร้อมกับภาพของอัญมณีใสวาวทรงกระบอกที่เจียระไนแล้วขนาดใหญ่เกือบครึ่งตัวทอสีแดงอ่อนๆ ลอยอยู่เหนือแท่นรูปวงกลมยกสูงจากพื้นท่ามกลางห้องกว้างขวางขนาดน่าจะเท่าห้องโถงเลยทีเดียว ที่ริมห้องทั้งสี่ด้านมีอุปกรณ์ต่างๆวางเรียงรายอยู่จนเต็มเนื้อที่ แทบเรียกได้ว่าเกือบไม่มีที่ให้เดินเลยทีเดียว

     เซยะยังคงเดินดุ่มๆเข้าไปหาอัญมณีอันใหญ่นั่นก่อนเอ่ยเสียงขรึม

     ส่งไดอาของเธอมาซิ เรย์

     มือหนายื่นถุงกำมะหยี่สีดำให้คนตรงหน้าด้วยท่าทีนิ่งสนิท แล้วเซยะก็หยิบสิ่งที่เจ้าตัวเรียกว่าไดอาออกมา ไดอาที่ว่า คืออัญมณีที่เจียระไนออกมาสวยงาม มีสีดำสนิทแต่ใสโปร่งมองทะลุได้ ที่มุมเล็กๆของตัวไดอามีการเคลือบเงินเป็นลวดลายสวยงามเมื่อสะท้อนแสงไฟอีกด้วย

     และบัดนี้มันก็ส่องแสงเรืองวูบวาบเสียด้วย

     เซยะซึ่งรับอัญมณีที่ถูกเรียกว่าไดอาแล้วเดินดุ่มๆไปวางลงในอุปกรณ์แท่งทรงกระบอก ไดอาของเรย์ลอยนิ่งอยู่ในขวดรูปทรงกะบอกพร้อมๆกับเสียงอธิบาย

     เครื่องนี่ชื่อเสเตตัส ตรงตัวน่ะแหละตรวจสอบสเตเตัสของไดอาของพวกเธอ ว่ามีสถานะแบบไหน

     สองร่างผู้รับฟังก็ยืนนิ่งๆมองผลของเจ้าเครื่องตรงหน้าวิ่งขึ้นจอภาพซึ่งเด้งขึ้นมาที่ข้างกายของทั้งสองเป็นสิบๆอันรัวเร็วจนมองแทบจะไม่ทัน

     ท่าทางเธอจะเจอเรื่องที่คาดไม่ถึงซะแล้วล่ะ เรย์ กรณีนี้........... ก่อนที่จะได้อธิบายอะไรมากกว่านั้น เซยะก็มุ่นหัวคิ้วกับเสียงประหลาดก่อนจะล้วงหยิบอะไรบางอย่างในเสื้อนอก มันคือเข็มกลัดอันเล็กรูปจันทร์เสี้ยวคว่ำสีดำบนแผ่นเงินหนาเจียระไนสวยงาม ก่อนเซยะจะเอ่ยกับพวกเขาอีกประโยค

     ประโยคที่ทำเอาอึ้ง

     มีงาน เอาเป็นว่าตอนนี้ไดอาของเรย์เรียกหามาสเตอร์อยู่และคนๆนั้นก็ยืนอยู่นี่น่ะแหละ

     

     ไดอาของเรย์เรียกหามาสเตอร์อยู่และคนๆนั้นก็ยืนอยู่นี่น่ะแหละ

     เหอ เหอ

     จ้อก~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

     อุ้ย ท้องร้องอีกแล้ว เสียงหวานเอ่ยขึ้นอย่างอารมณ์ดี

     งานช้างแน่ๆ

     

     สถาบันไนท์แห่งนี้ เป็นสถาบันที่สอนการเป็นไนท์ผู้ปกป้องที่แข็งแกร่ง ดังนั้น สถาบันนี้จึงเป็นแบบชายล้วนไร้วี่แววของหญิงสาวมาเนิ่นนาน ด้วยเงินสนับสนุนจากประเทศใหญ่ที่ร่ำรวยที่สุดอย่างโซลบลู สถาบันนี้จึงถือได้ว่ามีคุณภาพในการจัดทั้งการเรียนการสอนและสถานที่พักอาศัยจัดอยู่ในระดับที่เยี่ยม เช่นกันกับโรงอาหารของที่นี่ ก็ถือเป็นที่หนึ่งในใต้หล้าด้านความอร่อยและ ความเยอะ เนื่องจากสุภาพบุรุษย่อมต้องการพลังงานมาก

     แต่ดูความภูมิใจนั่นคงจะหายวับไปเลยล่ะมั้ง

     นัยน์ตาสีเงินจ้องมองร่างเล็กบางที่สูงเกือบไหล่ของเขาเท่านั้น กำลังทานสเต๊กเนื้อชิ้นใหญ่เป็นจานที่สี่ แต่เป็นหลังจากสาวน้อยคนนี้คนนี้ ทาน ผัดซีอิ้วสามจาน ข้าวผัดปูจานโตสี่จาน อกไก่ชุบแป้งทอดสิบห้าชิ้น ต้มยำกุ้งสองถ้วย ผัดกระเพราสามจานกับข้าวเปล่าอีกหกจาน กับแฮมเบอร์เกอร์ขนาดใหญ่พิเศษอีกเจ็ดชิ้นอย่างอึ้งๆ ยังไม่นับแกงกะหรี่ที่เจ้าตัวสั่งไว้อีกสามจานแล้วก็ซุปที่บอกว่าเอาไว้ล้างท้องอีกสองถ้วย

     ไม่ได้ทานอะไรมากี่วันแล้วเหรอ

     เสียงทุ้มเอ่ยเรียบ เด็กสาวตรงหน้าหยุดมือเล็กน้อยก่อนหันมาตอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้มที่ไม่ว่าใครเห็นก็ต้องอยากยิ้มตอบอย่างแน่นอน

     สองวันแนะค่ะ ที่นี่อาหารอร่อยมากเลยนะค่ะ

     อืม ต้องการอะไรอีกรึเปล่า เสียงเรียบเอ่ยนิ่มๆ

     เด็กสาวส่ายหัวดิก ไม่ใช่เป็นเชิงปฎิเสธแต่ทว่า

     ไม่เอาค่ะ อย่าลำบากเลยค่ะ ไม่ดีหรอกค่ะ ฉันไม่อยากเป็นภาระให้น่ะค่ะ เสียงหวานเอ่ยอย่างจริงจังจนคนถามมองนิ่งอย่างจนใจก่อนจะถอนหายใจเฮือก

     ผู้หญิงคนนี้ประหลาดจริงๆ

     ...........................................................หลังจากนั้นสองชั่วโมง

     อาจารย์ฟูยะจะไปสำนักงานใหญ่เหรอครับ เสียงทุ้มเอ่ยถามชายร่างสูงโปร่งผู้เป็นอาจารย์ในชุดเสื้อขาวซึ่งกำลังกุลีกุจอหาของที่จำเป็นอย่างเร่งด่วนพร้อมๆกับเสียงตอบ

     ใช่ ฝากแขกด้วยนะ ให้เสื้อผ้าไปแล้วล่ะ เซยะเขาพูดให้ฟังก่อนออกไปแล้ว ไอ้บ้านั่นมันกวนประสาทชะมัด เอ่ยพลางสบถไม่เป็นภาษาไปพลางหมดมาดคนอารมณ์เย็นที่เหล่าไนท์ฝึกหัดอย่างพวกเขาตั้งฉายากันให้แบบเงียบๆอย่างกระจุยกระจายไม่เหลือชิ้นดี พอมือใหญ่คว้าของที่ต้องการได้ก็ก้าวฉับๆไปที่ประตูคว้าเสื้อนอกก่อนหันมาสำทับเป็นครั้งสุดท้าย ดูแลหล่อนด้วยล่ะ เดี่ยวเรื่องนั้นคงต้องรอให้อยู่กันครบก่อน

     ครับ

     ฟังคำรับยังไม่ทันจบร่างสูงของผู้เป็นอาจารย์ห้องพยาบาลก็ก้าวไปไกลลิบแล้ว ทิ้งให้ชายหนุ่มอยู่ในห้อง รอสาวน้อยที่กำลังชำระล้างร่างกายพร้อมกับเปลี่ยนเสื้อผ้า เนื่องจากแบบนี้จะพาไปไหนก็ไม่ได้  นอกจากพามาหาอาจารย์ซึ่งก็ไม่รู้ว่าวันนี้จะโดนเรียกตัวไปกันหมดทั้งสถาบันเลยรึไง ถึงไม่มีใครอยู่สักคน สุดท้ายก็มาลงเอยที่ห้องพยาบาลซึ่ง ฟูยะ อาจารย์คนเดียวที่เหลืออยู่ก็จัดแจงให้เด็กสาวไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้สบายตัวเพราะคงต้องติดอยู่นี่อีกนานเนื่องจากเรื่องต่างๆยังคงไม่เรียบร้อย

     มือหน้าหยิบเจ้าอัญมณีตัวปัญหาขึ้นมาแล้วพิจารณาแสงสีดำที่ทอประกายอ่อนๆมาตั้งแต่เมื่อครู่พลางถอนหายใจกับปัญหาตรงหน้า

     ไดอาของเรา เรียกหาผู้หญิงคนนี้ งั้นเหรอ

     ทำไมกันนะ หรือว่าเธอเป็นมาสเตอร์ของเรากันล่ะ

     ว่าแต่ยังไม่รู้ชื่อเธอเลยนี่นา

     แอ๊ด~~~~~~~~~~~~

     ขอโทษนะค่ะที่ทำให้ลำบากไม่น่ายุ่งยากเลย เสียงหวานกล่าวอย่างรู้สึกเกรงใจ พลางสาวท้าวออกมาจากห้องแต่งตัว คำกล่าวเมื่อครู่ทำให้ชายหนุ่มต้องรีบเอ่ยแก้

     ไม่หรอก เพราะเจ้าไดอาของผมต่างหากที่ทำให้คุณต้องมาติดแหง็กอยู่ที่นี่ ก่อนเอ่ยถาม เสื้อผ้าใส่สบายหรือเปล่า ที่นี่หาเสื้อผ้าผู้หญิงยากหน่อย เลยมีแต่แบบ.....นี้...........

     ชายหนุ่มชะงักคำพูดไปเล็กน้อยเมื่อร่างเล็กที่เคยดูมอซอเหมือนเด็กกะโปโลข้างถนนพอเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วกลายเป็นเด็กสาวร่างเล็กที่ดูสวยอย่างหาตัวจับยากคนหนึ่ง ใบหน้าขาวที่เคยมีรอยเปื้อนฝุ่นบัดนี้ขาวสะอาดอมชมพูไร้รอยตำหนินัยน์ตาสีแดงใสราวกับอัญมณีนั่นส่องประกายเด่นชัดจนคนมองไม่อาจถอนสายตาได้  เรือนผมยาวสีแดงที่เคยยุ่งไม่เป็นทรงเปียกลู่ใบหน้าขาวถึงจะยังไม่ได้หวีแต่ก็ดูดีกว่าตอนแรกมากโข ผิวขาวที่ออกแทนนิดๆดูใสขึ้นมาอย่างทันตาเห็น ประกอบกับเสื้อผ้าตัวใหม่ที่เป็นกระโปรงวันพีชเปิดไหล่สีดำเรียบๆยาวแค่เข่า คาดเข็มขัดสีขาวที่ชอบเสื้อด้านบนกับใต้สะบัก ยิ่งทำให้ผิวขาวๆนั่นดูใสขึ้นไปอีก เท้าเปล่าเปลือยก้าวข้ามห้องพาร่างเล็กมาหยิบหวีหน้ากระจกบานเล็กที่มีไว้หน้าห้องน้ำก่อนมือเรียวจะตั้งท่าเหมือนจะรบกับอะไรสักอย่าง แล้ว........

     ปึด ปึด

     ปึดปึดปึดปึดปึดปึดปึดปึดปึดปึดปึดปึด

     ปึด................................

     เออ ส่งมาดีกว่า เสียงทุ้มเอ่ยเรียบๆติดขันเล็กๆเมื่อเห็นสาวน้อยกำลังสางผมอย่างยากลำบากราวกับกำลังอยู่ในสนามรบ มือหนาจึงถือวิสาสะคว้าหวีมาก่อนลงมือหวีให้อย่างชำนาญไร้อุปสรรค ก่อนเอ่ยถามอย่างขันๆ ไม่ค่อยชอบหวีผมเหรอ หวีทีถึงได้มีปัญหาแบบนี้

     เด็กสาวยิ้มเจื่อนๆก่อนเบ้หน้า ศัตรูตัวร้ายอันดับต้นๆเลยค่ะ คุณเรย์เก่งจังเลยนะค่ะ อ้ะขอโทษค่ะ เอ่อ คุณอาร์ซิเทียส ฉันนี่มันน่าเกลียดจัง เสียงหวานเอ่ยอย่างตำหนิพลางทำหน้าหงอยเรียกรอยยิ้มเอ็นดูจากชายหนุ่มที่แทบจะได้ชื่อว่าไร้มนุษย์สัมพันธ์ที่สุดในโรงเรียนอย่างง่ายๆ ก่อนเสียงทุ้มจะเอ่ย

     เรียกเรย์ก็ได้ ผมไม่ถือ เอ้า เสร็จแล้ว มองผลงานตนเองอย่างพอใจก่อนกล่าวถามเรียบๆ แล้วจะให้ผมเรียกคุณว่าอะไรดี

     อ๋อ ฉันชื่อ

     ตูม เปรี้ยง

     ศัตรูบุก!

     เสียงของใครบางคนที่ตะโกนดังลั่นทำให้สองร่างหันออกไปมองนอกหน้าต่างอย่างตกใจ นัยน์ตาสองคู่ก็ได้เห็นร่างของสัตว์ประหลาดที่มีรูปร่างเป็นทรงกลมขนาดใหญ่ มีแท่งทรงกระบอกยาวออกมาจากผิวหนังมองดูคล้ายทุ่นระเบิด และเหนือร่างนั้นมีชายคนหนึ่งยืนคว้างอยู่บนอากาศ ใบหน้าที่มีรอยยิ้มหยันกว้าง และรอยสักบนหน้าผากรูปของอะไรบางอย่างที่ทำให้ทั้งสองอุทานออกมาพร้อมกัน

     เซเทลฟ!”

     

     เซเทลฟ คือสัตว์ประหลาดจากผู้บงการที่ละทิ้งซึ่งความเป็นมนุษย์เพราะความมืดกัดกินจิตใจที่ไร้หนทางในการมีชีวิตและกลายเป็นผู้บงการปิศาจที่เกิดจากพลังชีวิตของตนเรียกปิศาจเหล่านั้นว่าดอล สัญลักษณ์ของเซเทลฟคือรอยสักสีแดงขอบดำรูปกางเขนคว่ำบนหน้าผาก

     ส่วนดอล ดอลเป็นสิ่งที่เกิดจากสิ่งที่ถูกเรียกว่า เมล็ดพันธ์แห่งความมืด ซึ่งจะเข้าไปเกาะเป็นปรสิตอยู่ในอัญมณีแห่งชีวิต หรือไดอาของแต่ละคนทั้งที่มีเป็นรูปร่าง และรวมถึงคนที่ไม่สามารถดึงไดอาออกมาเป็นรูปร่างได้เช่นกัน และสิ่งที่เรียกว่า เมล็ดพันธ์แห่งความมืดดังกล่าว เป็นผลงานของคนๆหนึ่ง คนที่เรียกตัวเองว่า กลุ่มกางเขนดำ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์บนหน้าผากของเซเทลฟเช่นกัน

     

     ระวัง

     ตูม

     เสียงกัมปนาทสั่นสะเทือนลั่นก่อนที่จะมีร่างของเหล่าไนท์ฝึกหัดลอยคว้างอยู่กลางอากาศแล้วร่วงลงมากระแทกพื้นอย่างรุนแรง

     อะไรกัน เซเทลฟตัวนี้ ระดับสาม!” เสียงอุทานของเรย์ทำให้ใครหลายๆคนถึงกับถอยกลับเข้าไปอย่างหวาดกลัว นัยน์ตาสีเงินกราดมองสภาพรอบตัวอย่างรวดเร็ว ก่อนจะชะงักค้างเมื่อเห็นร่างคุ้นตาของกลุ่มเพื่อนสนิทที่อยู่ท่ามกลางสมรภูมิ และตะโกนลั่นเมื่อเหลือบเห็นบางอย่างจากหางตา

     พวกนายหมอบลง !

     ร่างสูงกระโจนเข้าไปขวางทางอย่างไม่ต้องคิดเมื่อลูกไฟขนาดใหญ่กำลังพุ่งตรงด้วยความเร็วสูงเข้าไปหาเพื่อนของเขา ซึ่งมองปราดเดียวก็รู้ว่าขยับไปไหนกันไม่ได้เหตุน่าจะมาจากมีใครคนใดคนหนึ่งบาดเจ็บ มือหนายกขึ้นป้องกันตามสัญชาติญาณก่อนเตรียมใจรับความเจ็บปวดที่กำลังจะวิ่งเข้าหา

     ปลดปล่อย เดธเทียร์

     แว่วเสียงหวานก่อนตามด้วยเสียงระเบิดดังลั่น ร่างสูงลืมตาขึ้นเมื่อไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดอย่างที่ควรจะเป็น นัยน์ตาสีเงินมองร่างเล็กตรงหน้าของเด็กสาวเจ้าของเรือนผมสีแดงเพลิงปลิวสยาย มือขวาถือดาบยาวใหญ่สีแดงไสราวกับแก้ว ในตัวดาบเหมือนกับฝังอัญมณีบางอย่างที่มีสีดำเอาไว้ และมันกำลังส่องประกายจ้าสะท้อนกับสะเก็ดไฟจากลูกไฟใหญ่ที่หายไปแล้ว ก่อนเสียงหวานจะเอ่ยดัง

     ไม่เป็นไรนะค่ะ เรย์

     ร่างสูงส่ายหน้า ใบหน้าหวานจึงแย้มรอยยิ้มกว้างซึ่งเขาคงจะยิ้มตามไปแล้วถ้าเหตุการณ์ไม่ได้เป็นแบบนี้ และถ้าแขนขาวๆไต้เสื้อแขนยาวสีดำจะไม่มีเลือดอาบเพราะไฟลวก

     คุณ แผลที่แขนนั่น ถอยออกมาเถอะ เสียงทุ้มเอ่ยเสียงเข้มเด็ดขาด ใบหน้านิ่งเปลี่ยนเป็นเอาจริงเอาจังอย่างที่ร่างเล็กนี้เคยเห็นที่หน้าร้านอาหาร มือหนาคว้าแขนบางที่ไม่ได้บาดเจ็บก่อนถือวิสาสะดึงเข้ามาใกล้ ใบหน้าหวานแย้มยิ้มบางให้ แต่นัยน์ตาสีเพลิงนั่นหรี่ลงเล็กน้อย ก่อนเท้าเปล่าเปลือยจะถีบร่างสูงกว่ากระเด็นเมื่อเหลือบเห็นอะไรบางอย่างที่หางตา

     สองร่างกระเด็นไปคนละทิศเมื่อลูกไฟลูกที่สองพุ่งเข้ามา เจ้าของนัยน์ตาสีเงินลุกขึ้นสะบัดศีรษะเล็กน้อยเพื่อไล่ความงุนงง ก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อมองข้ามไปเห็นร่างเล็กที่เพิ่งช่วยตนไว้เมื่อสักครู่ เรียวขาขาวจนถึงเท้าเปล่าบัดนี้โชกไปด้วยเลือดเพราะไม่สามารถหลบลูกไฟได้ทัน แขนบางพยายามยันร่างของตนเองขึ้นอย่างยากลำบากก่อนจะล้มกระแทกพื้นอย่างแรงเมื่อไม่สามารถทรงตัวเอาไว้ได้

     พร้อมๆกับลูกไฟลูกที่สาม

     คุณ!

     ร่างสูงกระโจนเข้าไปอย่างรวดเร็ว มือหนารวบร่างเล็กไว้ในอ้อมอกแกร่งก่อนพุ่งตัวไปอีกทางเพื่อให้พ้นจากแนวการยิงลูกไฟยักษ์ได้อย่างเฉียดฉิว

     ขอบคุณค่ะ เรย์ เสียงหวานเอ่ยพร้อมรอยยิ้มกว้างก่อนเอ่ยอย่างจริงจัง ไม่มีใครที่กำราบมันได้เลยเหรอค่ะ พวกรุ่นพี่หรืออาจารย์น่าจะ

     ร่างสูงส่ายหน้าอย่างจนปัญญาพลางตอบคำถาม พวกรุ่นพี่ปีสองที่พอจะจัดการได้วันนี้ออกฝึกภาคสนามกันหมดครับ พวกปีสามปีสี่ก็ไปปฏิบัติภารกิจ ส่วนอาจารย์คุณก็เห็นแล้ว โดนเรียกตัวไปสำนักงานใหญ่กัน บ้าจริงเลยพาคุณเข้ามายุ่งด้วย สุดท้ายก็เผลอเสียงดังขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว

     ตูม เปรี้ยง

     เพื่อนของคุณท่าทางจะบาดเจ็บนะค่ะ ถ้าไม่ทำอะไรสักอย่างล่ะก็ พวกเขาแย่แน่ๆค่ะ ไม่มีทางทำอะไรได้บ้างเหรอค่ะ เรย์ เสียงหวานเอ่ยอย่างวิตกเมื่อนัยน์ตาสีแดงคู่สวยเห็นเหล่าเด็กหนุ่มที่คุ้นตากำลังเกาะกลุ่มรวมกันอยู่ในบรรดานั้นชายหนุ่มเจ้าของนัยน์ตาสีม่วงกำลังยืนอย่างทุลักทุเลเพราะบาดแผลกว้างที่ขาซ้าย

     นัยน์ตาสีเงินจ้องมองภาพรงหน้าพลางกัดฟันกรอดอย่างแค้นใจ สมองรีบประมวลผลหาทางที่เป็นไปได้ให้เร็วที่สุด เพราะไม่อาจให้ใครบาดเจ็บไปได้มากกกวานี้อีก

     ไดอาของเรย์เรียกหามาสเตอร์อยู่และคนๆนั้นก็ยืนอยู่นี่น่ะแหละ

     อ้ะ มาสเตอร์

     แต่ว่า

     ชุนจิโร่ หลบไปเลยขาแกขยับไม่ได้นี่ ไอ้บ้า เสียงตวาดลั่นของชายหนุ่มเจ้าของนัยน์ตาสีทอง ซึ่งคนถูกด่าก็ทำเพียงยิ้มกวนอย่างที่ถนัดก่อนเอ่ยติดตลก

     ถ้าฉันหลบ เพื่อนเราหลังฉันก็ม่องเท่งเดะ แกต่างหากล่ะบื้อ

     ไม่มีเวลาลังเลแล้ว

     คุณ ทำสัญญากับผม!” เสียงทุ้มเอ่ยเด็ดขาดไร้ความลังเล ใบหน้าหวานนิ่งไปชั่วอึดใจ ก่อนที่นัยน์ตาสีแดงจะหรี่ลงเล็กน้อย ก่อนเสียงหวานไร้ความขี้เล่นที่นิ่งเกินไปในสถานการณ์แบบนี้จะเอ่ยถาม

     เรย์ แน่ใจนะค่ะ จะให้ฉันเป็นมาสเตอร์

     มาสเตอร์ชั่วคราวเท่านั้น คุณไม่ต้องห่วงไม่มีผลอะไร ศาสตราจารย์เซยะบอกแล้วนี่ว่าไดอาของผมเข้ากับของคุณน่ะ เสียงทุ้มเอ่ยตอบก่อนสำทับด้วยเสียงร้อนรน

     ขอร้องล่ะ ไม่มีเวลาแล้ว!”

     รอยยิ้มอ่อนโยนแย้มกว้างบนใบหน้าหวาน ก่อนที่ร่างเล็กจะลุกขึ้นยืนอย่างมั่นคงทั้งๆที่ยังมีบาดแผลเต็มตัว ร่างสูงนั่งชันเข่าอยู่ตรงหน้าก่อนจะยื่นอัญมณีเม็ดเล็กให้มือเรียวที่รับมันมาถืออย่างทะนุถนอม อัญมณีสีดำสนิทที่ทอแสงเรืองรอง

     รี เอนเด เชีย รานาส พรีเรล คำร่ายประกอบการทำสัญญาที่เริ่มไม่คุ้นหูทำให้รู้สึกงุนงง แต่เขาไม่มีเวลาสนใจแล้วเสียงหวานจึงเอ่ยต่อพร้อมๆกับดาบยาวของเธอที่อัญมณีด้านในส่องประกายทอแสงเรืองรองเช่นเดียวกับไดอาซึ่งลอยคว้างอยู่กลางอากาศและวงเวทวงกลมซึ่งสลักอักขระไต้ร่างของพวกเขา ต่อหน้าทวยเทพแห่งศรัทธายามราตรี ขอประกาศพันธะสัญญาปกปักษ์ แด่ไนท์ของข้า อาร์ซิเทียส เรย์ อัศวินแห่งรัตติกาล !

     ก่อนริมฝีปากสีสดจะประทับลงไปที่อัญมณี

     แสงสีดำสว่างวาบท่ามกลางควันฟุ้งเรียกให้สายตาทุกคู่มองไปที่ต้นแสง ลูกไฟยักษ์ที่กำลังจะพุ่งเข้าหาใครต่อใครแบบไม่รู้ทิศทางสลายหายไปในทันที ฝุ่นละอองฟุ้งจากการต่อสู้อันดุเดือดจางหายไปอย่างรวดเร็ว พร้อมๆกับสิ่งที่ทำให้ทุกสายตาตกตะลึงเป็นที่สุด

     เส้นผมสีน้ำเงินเข้มจัดจนเกือบดำยาวระต้นคอปลิวไสวล้อสายลม และนัยน์ตาสีเงินที่คุ้นตาทำให้ทุกคนสามารถรู้ได้ทันทีว่าคนที่กำลังลอยอยู่บนฟ้าคือเพื่อนของพวกเขา เว้นเสียแต่ว่าชุดแปลกตาสีดำสนิทนั่นไม่ควรจะเป็นของธรรมดาแน่นอน

     เจ้าของนัยน์ตาสีเงินซึ่งลอยอยู่กลางอากาศอยู่ในชุดเสื้อปิดคอตัดไหล่ด้านขวาสีดำขอบขาวแต่ไล่แหวกเสื้อลงมายันอกแกร่งยาวไล่ลงไปจนถึงข้อเท้าชายคล้ายกี่เพาแต่มีสี่แฉก ไหล่ซ้ายสวมเกราะสีดำที่มีรูปร่างสยายราวกับปีก แขนยาวไล่ลงมามีผ้าสีขาวรัดข้อมือแนบอยู่ด้านใน กางเกงด้านในสีดำกับรองเท้าสีเดียวกัน และรอยสักประหลาดบนต้นคอขาวด้านซ้าย สิ่งที่สะดุดตาที่สุดคือสิ่งที่มีรูปร่างคล้ายกับอัญมณีที่เจียระไนสวยงามในรูปแบบต่างๆซึ่งมีสีแดง ไม่ติดกัน แต่เรียงตัวกันคล้ายปีกที่กำลังจะสยายกว้าง

     เรย์ ชุนจิโร่เอ่ยชื่อของเพื่อนสนิทออกมาอย่างตื่นตะลึง

     ก่อนที่จะมีใครได้พูดอะไรอีกร่างสูงก็หายตัวไปในทันที ก่อนจะไปโผล่อยู่ด้านหลังของ ดอลตัวใหญ่ มือขวาของร่างสูงเงื้อขึ้น ลำแสงสีดำหมุนวนที่รอบข้อมือก่อนจะรวมตัวกันเป็นรูปร่างของดาบยาวเรียวสีดำสนิทซึ่งกะเกณฑ์แล้วคงยาวกว่าสองเมตร ก่อนมือหนาจะจับด้ามดาบมั่นแล้วเสียบลงไปสุดแรงจนมิดด้าม พอดีกับสะเก็ดไฟซึ่งปลิวมาเฉือนเนื้อที่ใบหน้าเป็นรอยแผลเล็กน้อย

     เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของดอลทำให้เซเทลฟตนนั้นถึงกับกัดฟันกรอด มือกุมหน้าอกแน่น ใบหน้าที่เคยยิ้มหยันเปลี่ยนเป็นเหยเก เพราะการที่ดอลเจ็บปวดนั้นหมายถึงเซเทลฟผู้สร้างมันขึ้นมาด้วย นัยน์ตากลิ้งกลอกเพื่อหาทางรอดทางสุดท้ายก่อนจะตะโกนลั่น

     ใช้ไฟบรรลัยกัลป์!”

     แว่วเสียงหวานที่เย็นยะเยียบ

     ไปฝันต่อ.............ในนรกละกันนะ

     จู่ๆไฟสีดำก็ลุกพรึบท่วมร่างของเซเทลฟอย่างน่าสะพรึงกลัว ก่อนที่จะลามไปยังดอลที่เรย์ถอนดาบออกอย่างรวดเร็ว ในเวลาไม่กี่วินาทีที่ไฟสีดำสนิทนั่นลุกสว่างโชติช่วง ใบหน้าที่เคยเย้ยหยันทุกๆสิ่งของเซเทลฟแปรเปลี่ยนเป็นร้องขอให้ความเจ็บปวดนั่นหายไป

     ใบหน้าของคนที่หวาดกลัวสุดชีวิต

     ก่อนที่จะหายไปโดยไม่เหลือเพียงเถ้าธุลี

     สถานการณ์กลับเป็นเหมือนปกติอย่างไม่น่าเชื่อ เซเทลฟระดับสี่ซึ่งได้ชื่อว่าแข็งแกร่งมากขนาดเหล่าไนท์ฝึกหัดปีสามถึงกับหืดขึ้นคอ กลับถูกทำลายลงได้ง่ายดายด้วยเปลวเพลิงสีดำ ควันขาวลอยคลุ้งและท่ามกลางควันเหล่านั้น สะเก็ดไฟที่หลงเหลือจากลูกหลงของดอลปลิวว่อน เพลิงสีแดงลุกโชติช่วงในมุมหนึ่ง และท่ามกลางเปลวเพลิงที่ร้อนระอุ  ร่างเล็กของเด็กสาวเจ้าของนัยน์ตาสีเพลิงและเรือนผมสยายยาวสีเดียวกัน เท้าขาวเปล่าเปลือยยืนอยู่กลางไฟร้อนระอุโดยไม่ขยับเขยื้อน ร่างกายบอบบางเต็มไปด้วยบาดแผลร้ายแรง และเปลวเพลิงสีดำสนิทซึ่งลุกโชติช่วงอยู่บนใบดาบสีแดงซึ่งโปร่งใสราวกับแก้วชั้นดี

     คุณ!” เสียงเรียกที่ทำให้ใบหน้าหวานแปรเปลี่ยนจากไร้อารมณ์จนคนมองสั่นสะท้าน แย้มยิ้มบางให้ผู้เรียก เปลวเพลิงค่อยมอดลงอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ร่างบอบบางจะล้มลงช้าๆ.........

     หมับ

     เสียงถอนหายใจเบาๆดังขึ้นเมื่อมือหนาคว้าร่างบางเอาไว้ได้ทันก่อนที่หัวจะกระแทกพื้น ร่างเล็กที่บาดเจ็บนอนนิ่งหายใจสม่ำเสมอ ซึ่งแสดงว่าอาการนั่นไม่น่าเป็นห่วงเท่าไดนัก นัยน์ตาสีแดงปรือขึ้นเล็กน้อย ก่อนเหลือบมองคนตัวสูงกว่าซึ่งยิ้มบางๆให้อย่างเป็นห่วงแล้วเอ่ย

     ไม่เป็นไรนะ คุณ

     เรเนอร์ค่ะ เสียงหวานเอ่ยท้วง พร้อมกับรอยยิ้มสว่างไสวที่ทำให้คนมองถึงกับยิ้มกว้าง เสียงเล็กเอ่ยย้ำอีกครั้ง ซายารส์ เรเนอร์ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ เรย์

     

     คราวหน้าจะไม่ใช่แค่ระดับสามแน่ค่ะ เสียงหวานจัดเอ่ยขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดภายในห้องประชุมที่มืดสลัว ร่างเล็กของหญิงสาวเจ้าของเรือนผมสีทองสยายเป็นเงางามนั่งนิ่งแต่นัยน์ตาสีฟ้าใสนั้นเต็มไปด้วยความจริงจัง ข้างกายเป็นร่างสูงของชายหนุ่มร่างกำยำผมสีดำสนิทยาวถึงสะโพกและนัยน์ตาดุสีแดงเลือดที่ใครมาเห็นก็ต้องผวา ซึ่งกำลังชายตามองร่างบางของคนข้างกายอย่างเป็นห่วง

     โกรธรึไง ที่มันปั่นหัวพวกเราได้ เสียงทุ้มเอ่ยเรียบๆหญิงสาวเอ่ยตอบเสียงแผ่ว

     ค่ะ เพราะถ้าคราวหน้ายังเป็นแบบนี้ เด็กพวกนี้อาจตายได้นะค่ะ

     นั่นสินะ เสียงทุ้มเอ่ยรับคำเรียบๆ

     พี่....ไม่ใช่สิ ผู้อำนวยการ ถ้ามีคราวหน้าอีกเอายังไงดีฮะ ถ้าเกิดแบบนี้อีกแย่แน่ๆเลย เสียงหวานของร่างเล็กซึ่งนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเอ่ยขึ้นมาอย่างกังวล ก่อนอธิบายขยายความ ถ้าคราวหน้า เกรท มิเคลีย คนนั้นใช้วิธีอื่นที่เราดูไม่ออกแล้วเข้ามาทำร้ายเด็กล่ะฮะ แล้วถ้าเกิดคราวหน้าเป็นลอร์ด แบ็คครอสเลยล่ะฮะ

     เมื่อไม่ได้รับคำตอบร่างสูงข้างกายของผู้ถามคำถามเมื่อครู่ ชายหนุ่มเจ้าของดวงตาสีฟ้าใสคล้ายใครบางคนจึงเอ่ยสำทับด้วยน้ำเสียงนิ่ง ว่าไงล่ะ ไคยะ

     รอยยิ้มกว้างแย้มออกบนใบหน้าคมบางๆ ก่อนจะกระตุกยิ้มที่มุมปากนัยน์ตาสีเลือดหรี่ลงเล็กน้อย ก่อนที่เสียงทุ้มซึ่งเย็นเยียบเป็นที่สุดจะดังสะท้อนผนังห้องก้องกังวาน

     ไม่มีทาง...........ถ้ามันจะทำ เราก็ต้อง............เอาคืนให้สาสม

     

     ที่นี่ เอ สีขาว ห้องพยาบาลนี่นา

     โอย มึนหัว

     สบถในใจก่อนยันตัวขึ้นนั่ง  ใบหน้าขาวสลัดไปมาเล็กน้อยก่อน หรี่ตาลงอีกหน่อยเพื่อปรับสายตาให้เข้ากับปริมาณแสงจ้าสีทองของยามเย็น นัยน์ตาสีเพลิงกวาดมองรอบตัวก่อนจะยิ้มกว้างเทื่อเห็นชายหนุ่มร่างสูงเจ้าของเรือนผมสีน้ำเงินเข้มจัดยืนอยู่ข้างๆ นัยน์ตาสีเงินนั้นเบิกกว้างเล็กน้อยเพราะตกใจ เขาแค่ผละไปชั่วครู่เพื่อหาน้ำดื่มเท่านั้นไม่คิดว่าเธอจะตื่นเร็วขนาดนี้ ก่อนจะยิ้มตอบกลับไปบางๆ

     ฉัน......สลบไปเหรอค่ะ เรย์ เสียงหวานเอ่ยถาม มือบางสำรวจผ้าพันแผลรอบกายอย่างสนอกสนใจ

     คงเพราะเสียเลือดไปพอสมควร คุณหลับไปประมาณสองชั่วโมงกว่าๆ ดีนะ กลิ้งไปกลิ้งมาแบบนั้นแล้วแผลไม่ติดเชื้อ เสียงทุ้มเอ่ยตอบ พลางนั่งลงที่เก้าอี้ข้างหัวเตียงเบาๆ ก่อนจะปรับสีหน้าใหม่ให้จริงจังแล้วเริ่มเอ่ย คือเรื่องพันธะสัญญาน่ะ

     ค่ะ เออ เรย์จะยกเลิกใช่ไหมค่ะ ตอนนี้เลยก็ได้ค่ะ เสียงหวานรับคำแต่ร่างสูงกว่าก็ทำได้แค่ส่ายหัวเล็กน้อย เสียงหวานจึงเอ่ย ทำไมล่ะค่ะ

     เพราะว่าพันธะสัญญาของพวกเธอ พันธะมันแข็งแรงเกินที่จะยกเลิกสัญญาได้น่ะสิ เสียงเย็นของชายคนหนึ่งซึ่งเดินเข้ามาราวกับรอจังหวะ ชายหนุ่มร่างสูงกำยำซึ่งน่าจะเกินสองเมตร ผิวขาว ผมสวยแต่ยุ่งไม่ค่อยเป็นทรงปล่อยยาวแสกข้างซ้ายสีรัตติกาล นัยน์ตาเรียวสีเลือดจ้องมองร่างเล็กของเด็กสาวอย่างที่ไม่สามารถอ่านความรู้สึกได้ สวมเสื้อแขนยาวและกางเกงขายาวดำทั้งชุด ด้านหลังเป็นหญิงสาวสวยซึ่งมองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นกุลสตรีที่เพียบพร้อม เรือนผมสีทองหวีเรียบจัดทรงสวยเข้ากับใบหน้าหวานซึ่งประดับด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน ผิวขาวอมชมพู นัยน์ตาสีฟ้าใสกระจ่างสบายตากลมโต สวมเสื้อผ้าสีอ่อนซึ่งทำให้คู่นี้ดูตัดกันสุดๆ

     แข็งแรง เกินไปหรือค่ะ ท่านผู้อำนวยการ ท่าน ไคยะ โซฟิเทีย คำกล่าวที่เรียกเสียเต็มยศทำเอาคนไม่ชอบชื่อเต็มยศของตัวเองถึงกับเบ้หน้า แล้วเอ่ยถาม

     เธอรู้ได้ยังไง เรเนอร์ ซายารส์

     ข่าวลือออกหนาหูนะค่ะ ว่าท่านผู้อำนวยการมักจะไปไหนมาไหนกับหญิงสาวที่ได้ชื่อว่าสวยขนาดนี้ แล้วก็ชอบแต่งกายด้วยสีดำ และสีหน้าดูเจ้าเล่ห์ เสียงหวานเอ่ยขันๆ เรียกอาการอมยิ้มจากคนเฝ้าไข้ซึ่งนั่งอยู่หัวเตียงได้ไม่ยากเย็นเท่าไหร่นัก

     ใครปล่อยข่าวอีกล่ะ เอาเถอะ พันธะสัญญาของพวกเธอสองคนไม่สามารถยกเลิกพันธะสัญญาได้ คนฟังสองคนเงียบแต่จ้องตาสีเลือดคู่สวยเพื่อขอเหตุผล เหตุผลก็คือไดอาของเรย์สามารถตอบรับกับอัญมณีในดาบของเรเนอร์ได้เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ และอีกอย่างที่คอของพวกเธอสองคน ทั้งสองคนผู้ถูกกล่าวถึงลูบรอยสักที่เกิดขึ้นใหม่หลังจากทำพันธะสัญญาเบาๆ และพบว่ายังคงมีรอยสัก ที่ร้อนก่อนจะปรากฏขึ้นมาหลังจากทำสัญญากันแล้ว รอยสักที่คล้ายกับกรอบบางๆไม่ติดกันกำลังล้อมกรอบอะไรบางอย่าง ซึ่งมีขนาดคล้ายอัญมณีที่เจียระไนเม็ดเล็ก และที่สำคัญที่สุดเจ้าผลึกนี่ฝังอยู่ในเนื้อของพวกเขาทั้งสองคน

     เสียงทุ้มเย็นจึงอธิบายต่อ นั่นคือไดอาของนาย.......เรย์ และ เธอ......เรเนอร์รวมกันเป็นอัญมณีชิ้นเดียวแล้วประสานเข้าเป็นส่วนหนึ่งกับร่างของพวกเธอ การตรวจสอบังไม่แน่ชัดแต่จากพันธะสี่ระดับ ไม่สินับจริงๆอาจจะห้า พวกเธออยู่ในระดับที่น่าจะสูงที่สุดคือระดับที่สี่ ไดม์ ซึ่งแข็งแกร่งเกือบที่สุด

     เพราะอย่างนี้ถึงไม่สามารถถอนพันธะสัญญาได้ค่ะ เพราะทั้งหมดของพันธะสัญญาระดับไดม์ขึ้นไปแล้วจะเป็น คู่หูไนท์กับมาสเตอร์ที่ไดอาเรียกหากัน เรียกอีกอย่างคือ มาสเตอร์ที่แท้จริงค่ะ คุณเรย์ คุณเรเนอร์ เสียงหวานขยายความต่อให้อีกหน่อย ก่อนจะเอ่ยเรื่องที่ทำให้คนนั่งเฝ้าไข้หรี่นัยน์ตาคู่สวยลงอย่างรู้สึกผิด และเพราะอย่างนั้นแหละจ้ะ ถึงจะยังตรวจสอบไม่แน่ชัด แต่ในเมื่อทำสัญญาไปแล้ว และทางที่จะถอนสัญญาได้ก็ไม่มีในตอนนี้ เพราะฉะนั้นคุณเรเนอร์ก็จะต้องเป็นมาสเตอร์ของเรย์ต่อไปค่ะ

     ถ้าเป็นอย่างนั้น เรย์จะถูกไล่ออกหรือเปล่าค่ะ เพราะว่าฉันคนเดียวหรือเปล่าค่ะ เสียงหวานเอ่ยถาม

     ไม่หรอก การหามาสเตอร์ที่แท้จริงเกินก่อนกำหนดไม่ได้เป็นกฎข้อห้ามอะไรที่นี่ เพราะฉะนั้นก็ไม่ใช่เรื่องผิดซักหน่อย เรย์ไม่โดนไล่ออกหรอก แต่ตรงกันข้าม เป็นเธอต่างหากที่อาจจะต้องอยู่ที่นี่ หรือถ้าเธอไม่ไปเรย์ก็ต้องออกจากสถาบันนี้ไปกับเธอ ทุกอย่างของไนท์ขึ้นกับมาสเตอร์ มันเป็นกฎน่ะ เจ้าของนัยน์ตาสีเลือดเอ่ยอธิบาย

     รอยยิ้มหวานแย้มอกเล็กน้อยก่อนโค้งศีรษะให้อย่างสุภาพพลางเอ่ย งั้น ซายารส์ เรเนอร์ขอฝากตัวด้วยนะค่ะ หวังว่าฉันคงไม่รบกวนทางสถาบันมากนักนะค่ะ

     ร่างสูงของชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างเตียงเบิกนัยน์ตากว้างอย่างตกใจ พลางมองร่างเล็กคุยตกลงเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ภายในของตนเองซึ่งเจ้าตัวไม่อยากให้รบกวนใครในสถาบัน จนกระทั่งตกลงกันได้คร่าวๆก่อนผู้อำนวยการจะเป็นฝ่ายขอตัวเพราะมีธุระและให้ไปคุยเรื่องรายละเอียดกันวันหลัง ก่อนจะออกจากห้องก็สำทับกลับมาด้วยน้ำเสียงร่าเริงอย่างที่ไม่ค่อยมีใครได้ยินเท่าไหร่นัก

     คุยกับเธอสนุกดี เรเนอร์ เดี่ยวค่อยไปคุยรายละเอียดพรุ่งนี้ วันนี้ ไม่สิอาจจะต้องต่อๆไปแหละ เรื่องสถานที่พักน่ะเธอต้องอยู่กับเรย์นะ ไม่ต้องทำหน้าอย่างนั้นไอ้เด็กบ๊อง ห้องนายนั่นแหละ

     .........................................

     !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×