ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Knight of night

    ลำดับตอนที่ #7 : Night 7

    • อัปเดตล่าสุด 11 มี.ค. 52


     ท่ามกลางเสียงครึกครื้นในตลาดแห่งการค้าขายในเมืองดารค์โซลแห่งนี้ ร่างสูงโปร่งของชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังเดินอย่างเร่งรีบ มือหนาหอบของเอกสารปึกบางๆ ควรจะเป็นภาพที่ไม่แปลกมากเท่าไหร่นักในตลาดแห่งเมืองค้าขายที่มีทั้งนักท่องเที่ยวและพวกประหลาดๆเดินกันให้ว่อน ถ้าชายหนุ่มคนนั้นไม่ได้มีเพื่อนอีกคนที่สูงกว่าซึ่งหอบผ้าแบบต่างๆเต็มอ้อมแขนเป็นตั้งสูงซึ่งบังทัศนะวิสัยเสียมิด ที่เดินถูกทางไม่ได้ล้มไม่ได้ชนกับใครเข้าก็เพราะเพื่อนที่ถือเอกสารด้านหน้าจูงมืออยู่

     ช้าๆหน่อยได้ไหมเล่า นายทำฉันเวียนหัวแล้วนะ สน

     เสียงโวยจากคนที่ถูกจูงทำให้ร่างสูงของคนที่เดินนำตวัดนัยน์ตาสีเขียวมรกตมองอย่างหงุดหงิด แล้วโวยขึ้นบ้างอย่างคนอารมณ์ไม่ดี

     อย่าบ่นนักได้มั้ยเล่า เดี่ยวก็ถึงแล้วน่า ไอ้ชิน

     ยังไม่ทันขาดคำมือหนาของคนนำหน้าก็ผลักประตูบานใหญ่ของร้านขายเสื้อผ้าเก่าแก่ซึ่งมีชื่อเสียงมากที่สุดในเมือง ขายาวก้าวอาดเข้าไปอย่างรวดเร็ว

     อ้าว ไงจ้ะ สนธยาของน้า มาเยี่ยมคุณอา คาชินเหรอจ้ะ เขาออกไปซื้อของน่ะจ้ะ ยังไม่กลับเลย เสียงทักหวานที่ดังขึ้นทำให้ผู้มาใหม่มองหาต้นเสียงกันเลิกลั่กกระทั่ง ร่างสูงเพรียวของหญิงสาวคนหนึ่งก้าวออกมาจากหลังร้าน ใบหน้าหวานอมชมพูแบบเดียวกับผิวนุ่ม สวมชุดกระโปรงลูกไม้แขนตุ๊กตาดูน่ารัก ผมยาวสีเหลืองออกส้มยาวถึงต้นขามัดรวบสูงเอาไว้ และด้วยนัยน์ตากลมโตสีม่วงสวยยิ่งทำให้คนตรงหน้าดูน่ารักขึ้นไปอีก จนไม่อาจคาดเดาอายุได้ เพราะค่อนข้างตัดกับความน่าเกรงขามี่แผ่ออกมาบางๆนี่เหลือเกิน

     ไม่ต้องเรียกเต็มสตีมก็ได้ เปล่าครับ น้าซาร่า วันนี้ผมมาหาน้าต่างหากล่ะ โธ่ อย่าเล่นหัวผมสิฮะ

     สนธยากล่าวเสียงอ่อยเมื่อน้าสาวคนสวยเอามือวางบนหัวสีน้ำตาลอ่อนของเขาพลางยีอย่างหมั่นเขี้ยวเหมือนที่ทำเป็นประจำ จนผมยาวประบ่าที่รวบไว้ลวกๆของเขาหลุดลุ่ยจนยุ่งเหยิง และสามารถเรียกเสียงหัวเราะจากชินที่มาด้วยกันได้ไม่ยาก หญิงสาวจึงเอ่ยต่อ

     แหม ก็น่ารักนี่จ้ะ ที่มาหาวันนี้ อ๋อ เรื่องที่ส่งจดหมายมาใช่มั้ยล่ะจ้ะ อ้าวมีเพื่อนมาด้วยเหรอจ้ะ สวัสดีค่ะ หนุ่มน้อย น้าชื่อ ซาร่า มิรันโด้ค่ะ

     ครับ ผมชื่อชิน ครอสครับ คุณซาร่า ผมรู้จักคุณมานานแล้วนะฮะ จากงานวิจัยเรื่องไซบอร์กเมื่อยี่สิบปีก่อน ชินเอ่ยอย่างสุภาพและชื่นชม นัยน์ตาสีทองมองร่างบางของหญิงสาวตรงหน้าด้วยความสนใจ มือเรียวของหญิงสาววางบนหัวสีทองของเขาพลางลูบเบาๆอย่างเอ็นดู

     ขอบใจจ้ะ ชิน แต่สนไม่เห็นจะสนใจงานของน้าเลย เฮ้อ เออจริงสิ สนเอาแบบมารึเปล่าจ้ะหือ

     คำถามที่มือหนาของคนถูกเรียกยื่นเอกสารที่นั่งคิดมาทั้งคืนกับพวกออกแบบให้ ซึ่งหญิงสาวก็รับมาเปิดดูคร่าวๆพลางยิ้มหวานอย่างเอ็นดู

     สมเป็นเด็กผู้ชายกันจริงๆ แต่แบบคร่าวๆแค่นี้น้าก็โอเคนะ รายละเอียดนี่น้าใส่เสริมเติมแต่งเองนะจ้ะ

     ตามสบายเลยฮะ ขอแค่ไม่ผิดคอนเซปต์ก็พอน้าเก่งอยู่แล้วนี่นา

     สนธยาเอ่ยตอบพลางจัดผ้าที่ตนให้เพื่อนขนมาแยกเป็นส่วนๆอย่างชำนาญจนคนมองที่เพิ่งเคยเห็นครั้งแรกยืนทึ่งอึ้งอย่างงงๆ หญิงสาวก็เอ่ย

     คิดว่าอีกสามวันน่าจะได้ แล้วค่อยมาเอาแล้วกันนะจ้ะสน สนธยาก็หันมาตอบสั้นๆพลางฉุดเพื่อนที่มาด้วยวิ่งออกนอกร้านไปทันทีที่พูดจบ

     ครับ ผ้าที่น้าจะให้ผมขนมีเท่านี้ใช่มั้ยฮะ ผมไปล่ะ

     เหลือเพียงเสียงหัวเราะของหญิงสาวที่พูดไล่หลัง

     กลัวน้าใช้งานเป็นค่าตอบแทนหนักกว่านี้เหรอจ้ะ สนธยา

     

     ร่างเพรียวของหญิงสาวคนหนึ่งกำลังเดินอยู่ที่ระเบียงทางเดินบนอาคารเรียนท่ามกลางแสงจันทร์ที่ลอดผ่านหน้าต่างบานใหญ่ของอาคารเพื่อตรวจตราความเรียบร้อยอย่างที่ทำเป็นประจำในเวลาที่เกิดอยากทำขึ้นมา นัยน์ตาคู่สวยสีฟ้าอ่อนสอดส่องมองหาความผิดปกติอย่างแข็งขันจนกระทั่งได้ยินเสียงอะไรบางอย่างซึ่งลอดผ่านประตูห้องดนตรีที่อยู่ถัดไปอีกสามห้อง

     เจ้าปรารถนาที่จะอยู่ข้างกายเรา ปกป้องเราตลอดไปเช่นนั้นเหรอ ไคเรน

     พ่ะย่ะค่ะ องค์หญิงของข้า ข้าจะขอปกป้ององค์หญิง และองค์ชายคาอิลเรด้วยชีวิต ถ้าองค์หญิงจะทรงโปรด

     ถ้าอย่างนั้น เจ้าจะต้องให้สัตย์สาบานกับเราสี่ข้อ โดยที่เจ้าห้ามบิดพลิ้วเป็นอันขาด เพื่อแลกกับความปรารถนาข้อนั้นของเจ้า..........ไคเรน

     อ๋อ ซ้อมละครกันล่ะสิ ท่าทางจริงจังกันน่าดู

     อ้าว อาจารย์อีฟครับ มาเดินตรวจตราเหรอฮะ จะเข้าไปดูมั้ยล่ะฮะ

     เสียงทักที่คุ้นเคยทำให้นัยน์ตาสีฟ้าหันไปมองลูกศิษย์ตัวแสบซึ่งสูงกว่าเธอตั้งคืบ นัยน์ตาสีทองมองเธออย่างอารมณ์ดีในมือมีถุงเสบียงใบเบ้อเริ่ม

     น่าสนใจนะจ้ะ แต่อาจารย์รอดูวันงานดีกว่าจ้ะ เฟยหลง วันนี้ก็เป็นวันซ้อมวันที่สามแล้วคงเก่งกันแล้วล่ะสิจ้ะพวกเธอหัวเร็วแถมยังตั้งใจทำงานด้วยนี่นา คนถูกถามเลยตอบ

     ก็ไปไวแล้วล่ะครับ เพราะตอนนี้ส่วนใหญ่ก็จะเป็นซ้อมลำดับฉาก กับซ้อมพวกเวลาเปลี่ยนเสื้อผ้าครับ เพราะพวกแสดงหลักจำบทกันเร็ว แถมใส่อารมณ์กันก็เก่ง

     ครับ นอกจากนั้นพระนางของเราก็ตั้งใจซ้อมกันด้วยเพราะรู้ว่าตัวเองห่วยเรื่องพวกนี้ เนอะ อเล็กซัส

     เสียงทักที่ดังขึ้นมาพร้อมกับใบหน้าขาวของชายหนุ่มเจ้าของนัยน์ตาสีม่วงซึ่งหวานราวกับหญิงสาว และอาการคิ้วกระตุกจากคนที่ถูกเรียกด้วยชื่อแปลกๆ

     ฉันบอกนายกี่หนแล้วว่าอย่าเรียกฉันว่าอเล็กซัสน่ะ หา ชุนจิโร่

     คนถูกเอ็ดซึ่งไม่สนใจก็เชื้อเชิญอาจารย์สาวเข้ามาดูการซ้อมแกมบังคับเล็กน้อยเพื่อมาวิจารณ์การแสดง ร่างเล็กของอาจารย์สาวจึงต้องก้าวเข้ามาในห้องคนตรีอย่างเลี่ยงไม่ได้ นัยน์ตาสีฟ้าจึงพบว่าบัดนี้ห้องดนตรีใหญ่ซึ่งมีคนใช้ไม่มากบัดนี้แน่นขนัดไปด้วยเหล่าสมาชิกของเด็กปีหนึ่ง และรุ่นพี่ในแต่ละชั้นปีทั้งที่ว่างและที่หอบงานของตัวเองมาทำกำลังนั่งรวมกันอยู่ สองมือก็ทำงานของตัวเองไป แต่นัยน์ตาจับจ้องอยู่กับการแสดงของรุ่นน้องตรงหน้าอย่างสนอกสนใจ พลางเสนอความคิดให้กับรุ่นน้องปีหนึ่งซึ่งมีสมุดและปากกาคนละเล่มคอยจดคำแนะนำที่เป็นประโยชน์ดังกล่าวอย่างตั้งใจ รวมทั้งเหล่าสภานักเรียนซึ่งมือก็นั่งปั่นเอกสารกันเป็นระวิง พลางเช็คนู่นเช็คนี่จากเอกสารกองพะเนินที่สุมอยู่ข้างๆ แต่ตาก็มองการแสดงของรุ่นน้องอย่างจดจ่อ

     กลายเป็นศูนย์บัญชาการไปแล้วสินะ แม้แต่พวกปีสี่เองยังมาดูรุ่นน้องเลย

     ว่าแล้วนัยน์ตาสีฟ้าจึงหันไปทางเวทีกลางห้อง

     ต่อไปจะเริ่มซ้อมฉากที่ห้ากันนะ ทั้งสองคนยังไหวไหม เล่นซ้อมมาสี่ชั่วโมงแล้ว พักก่อนรึเปล่า เซบาสเตียนซึ่งเป็นผู้กำกับการแสดงในครั้งนี้เอ่ยขึ้นซึ่งนักแสดงนำทั้งสองก็ทำเหมือนทุกครั้งที่โดนถามคือส่ายหน้าอย่างรวดเร็ว พลางเดินไปประจำตำแหน่งที่วางกันไว้ และเนื่องจากในฉากนี้ นางเอกของเรื่องต้องเปลี่ยนชุด เด็กสาวร่างเล็กเจ้าของนัยน์ตาสีเพลิงผู้รับบทจึงต้องเดินไปเปลี่ยนรองเท้า

     เซบาสเตียน ฉากนี้รึเปล่าที่ยังมีปัญหา เสียงถามจากรุ่นพี่ปีสามคนหนึ่งดังขึ้น ซึ่งคนถูกถามก็พยักหน้ารับอย่างจนใจพลางเอ่ย

     พวกพี่ช่วยดูหน่อยนะครับ จริงๆมันก็โอเคแล้ว แต่ผม........ยังรู้สึกว่าขาดอะไรไปบางอย่างฮะ

     

     เฮ้อ เหนื่อยจัง แค่ปีแรกยังแทบไม่ได้นอนกันเลยแฮะ

     เสียงบ่นที่เรียกหัวเราะบางๆแกมขันจากเพื่อนร่วมชั้นปีซึ่งบัดนี้ย้ายสถานที่นอนจากห้องนอนประจำลงมาอยู่ในห้องโถงใหญ่ด้านล่างซึ่งเอาไว้รวมกลุ่มกันเพื่อทำกิจกรรมต่างๆ แต่ละคนก็ก้มหน้าก้มตาทำงานของตัวเองอย่างขะมักเขม้น โดยเฉพาะพวกฝ่ายศิลป์ที่ทำฉากซึ่งไม่ได้ใช้วัสดุอุปกรณ์ไดๆทุ่นมากนักยกเว้นพวกของประกอบฉากขนาดเล็ก ส่วนพวกฉากขนาดใหญ่จะใช้เวทม่านมายาเพื่อไม่ให้เปลืองอุปกรณ์และเวลาในการทำ แต่ละคนก็ทั้งนั่งทำ แล้วก็นั่งฝึกเวทเพื่อใช้ให้คล่องจะได้ไม่หน้าแตกแล้วก็ทำละครพัง ส่วนฝ่ายที่เหลือก็เฉพาะนักแสดงหลัก ฝ่ายเขียนบท และฝ่ายเสื้อผ้าที่นั่งคุยอยู่กับเซบาสเตียน

     อย่าบ่นเลยน่า ชุนจิโร่ เดินเสบียงจากรุ่นพี่เหนื่อยมากรึไง เสียงทักจากซันซึ่งนั่งทำอุปกรณ์ประกอบฉากอย่างขะมักเขม้นเอ่ยถามขึ้นอย่างขันๆ

     เออ เหนื่อยสิ นายลองมานั่งฟังความอยากร้อยแปดของตัวเองดูบ้างเด่ะ เฮ้ เซบาสเตียน นายก็ไปนอนซักงีบดีกว่ามั้ง นายหลับวันละสามชั่วโมงเองนะเดี่ยวนี้

     เสียงโวยจากชุนจิโร่ เรียกเสียงสนับสนุนจากเพื่อนๆซึ่งตะโกนเสริมกันอย่างเป็นห่วง คนโดนห่วงก็เลยจำใจต้องนอนพักบนโซฟานุ่มหน้าเตาผิงตามคำขอของเพื่อนๆอย่างช่วยไม่ได้ นอนสักพักก็หลับสนิทเพราะความเพลียที่สะสมมานานอย่างรวดเร็ว

     ฝืนตัวเองจังนะค่ะ เซบาสเตียนน่ะ เด็กสาวเอ่ยพลางรับผ้าห่มจากชายหนุ่มก่อนรั้งคลุมร่างของคนหลับเบาๆ แล้วลุกไปนั่งที่โซฟาอีกตัวด้านข้าง พร้อมๆกับร่างสูงของชายหนุ่มเจ้าของนัยน์ตาสีเงินซึ่งตามติดเป็นเงาตามตัวเด็กสาวอยู่ไม่เคยห่างกาย

     เหนื่อยรึเปล่า เรเนอร์ เสียงทุ้มเอ่ยถาม แม้น้ำเสียงจะฟังจะฟังดูเรียบเฉยแต่สามารถสัมผัสได้ถึงความห่วงใยที่มีให้เสมอ ร่างเล็กจึงตอบพร้อมรอยยิ้ม

     ไม่หรอกค่ะ เรย์ต่างหากที่น่าจะเหนื่อยกว่า เพราะเอาแต่คอยดูแลคนอื่นไปทั่วแบบนั้น

     รอยยิ้มบางที่หาดูได้ยากแย้มบนใบหน้าขาวแสนขรึมของชายหนุ่มเจ้าของนัยน์ตาสีเงิน มือบางหยิบผ้าห่มผืนหนาซึ่งขนลงมาจากห้องนอน ก่อนห่มให้ทั้งตัวเองและคนข้างกายซึ่งนั่งอ่านบทอย่างเอาจริงเอาจัง นัยน์ตาหันมามองร่างเล็กที่อยู่ในผ้าห่มผืนเดียวกับเขาอย่างตกใจ

     เรเนอร์ แบบนี้มัน

     อุ่นกว่าค่ะ จะได้ไม่เป็นหวัดไงล่ะค่ะ

     เสียงตอบที่สวนมาพร้อมกับนัยน์ตาคู่กลมใสแจ๋ว ร่างสูงจึงไม่เถียงอะไรอีก ส่วนหนึ่งก็เพราะแววอิดโรยในนัยน์ตาคู่สวยนั่น

     คงต้องนั่งตัวแข็งอย่างนี้ทั้งคืนเลยล่ะมั้งเนี่ยเรา

    .............................................................................................................

     ไม่นอนหรือไง เหนื่อยไม่ใช่เหรอ

     เสียงทุ้มต้องถามคำถามเดิมอีกรอบเมื่อร่างเล็กของเด็กสาวยังคงนั่งอ่านบทมาราธอนกับเขา เพื่อนๆรอบๆห้องบัดนี้หลับคางานที่ทำอยู่อย่างอ่อนเพลีย เหลือเพียงเขาและเด็กสาวข้างกายที่ตีสองเข้าไปแล้วยังคงอ่านบทของตัวเองกันอย่างไม่คิดจะหลับจะนอน

     ไม่หรอกค่ะ ฉันอยากเข้าใจคาริเรนาคนนี้ให้มากกว่านี้ค่ะ อยากเข้าใจเหตุผลของเธอให้มากกว่านี้อีกสักนิด ว่าความรักของเธอน่ะเป็นแบบไหน

     แต่ว่า........งั้นก็ช่วยไม่ได้.......ถ้างั้น.............แผล เป็นยังไงบ้าง

     คำถามซึ่งเด็กสาวยิ้มรับเป็นคำตอบ ที่ชายหนุ่มซึ่งนั่งมองอยู่ไม่เชื่อเลยสักนิด เธอมักจะยิ้มกลบเกลื่อนจนเขาเขวทุกครั้งไป และครั้งนี้คงต้องเค้นถามเหมือนทุกที

     เรเนอร์ จะต้องให้ฉันเปิดดูเองรึเปล่า

     มันไม่ลามไปมากหรอกค่ะ ก็ยังคงตัว เสียงหวานตอบเจื่อนๆเมื่อถูกจับได้ว่าโกหก คิดในใจอย่างงอนๆว่าปิดคนตรงหน้าไม่ได้สักกะเรื่อง

     งั้นเหรอ..........ถ้าเจ็บเธอต้องบอกฉันนะ เข้าใจมั้ย คำพูดซึ่งร่างเล็กพยักหน้ารับอย่างแข็งขัน ไม่รู้วาทำเพื่อตอบรับคำขอของเขา หรือว่าเปลี่ยนบทสนทนากันแน่

     แล้วเรย์ล่ะก็ คิดว่าคาริเรนารักไคเรนมากขนาดไหน

     คำถามที่ทำให้ร่างสูงของชายหนุ่มคิดตามอย่างพิจารนาก่อนเอ่ยตอบยาว

     มีสองแง่ ถ้ามองจากมุมของไคเรนคนนั้น คงเป็นความรักที่เธอให้เขามากมายโดยที่เขาไม่รู้ตัว ความรักที่เธอไม่เอ่ยต่อเขา และไม่ว่ายังไงก็ไม่อยากให้เขารู้ เพราะสุดท้ายเธอรักถึงขนาดที่ทำทุกอย่างเพื่อเขาเลยนี่นา เขาคงรู้ดีด้วยว่าถ้าไม่เกิดกบฏนั่น สุดท้ายคาริเรนาของเขาก็จะทำแบบนี้อยู่ดี

     แล้วมุมของเรย์ล่ะค่ะ

     ร่างสูงเงียบไปพักหนึ่ง แล้วเอ่ย

     คิดว่า เป็นความรักที่ทั้งยิ่งใหญ่แล้วก็สมเป็นคาริเรนาจอมเจ้าเล่ห์ดีนะ แต่เธอคนนั้นลืมนึกไปรึเปล่าว่าคนน่ะ อยู่ก็เหมือนตายถ้าหากขาดหัวใจของตัวเองไป

     ลึกซึ้งจังเลยนะค่ะ เรย์เนี่ย มิน่าถึงเอาใจใส่คนอื่นอยู่ตลอดเวลาเลยนะค่ะ เด็กสาวเอ่ยเสียงใส เรียกให้ใบหน้าคมขาวๆขึ้นสีเรื่อเล็กน้อยเนื่องจากไม่คิดว่าจะถูกชมโต้งๆขนาดนี้ มือหนาเกาหัวแกรกๆกลบอาการเขินของตน แล้วคว้าร่างเล็กให้นั่งพิงร่างของเขาดีแล้วเอ่ยเก้อๆ

     เอ่อ หลับเถอะ เธอเหนื่อยไม่ใช่เหรอ หรือถ้าไง นอนไม่หลับก็ คุยเรื่องบทต่อก็ได้

     คำกล่าวซึ่งทำให้ร่างเล็กของเด็กสาวอมยิ้มอย่างมีความสุข เมื่อสัมผัสได้ถึงความห่วงใยอันอ่อนโยนจากคนข้างกาย ใบหน้าหวานแย้มยิ้มกว้างก่อนจะพลิกบทมาอ่านอีกรอบเพื่อทำตามจุดประสงค์ของตน นัยน์ตาสีเพลิงจับจ้องไปที่ตัวอักษรบนเอกสารอย่างตั้งใจ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ความเพลียก็เข้าครอบงำประกอบกับมีที่พิงอุ่นๆซึ่งช่างสบายยิ่งนัก ร่างเล็กจึงผล็อยหลับไปในเวลาอันรวดเร็ว

     ไง นอนไม่หลับกันรึไง เสียงทักที่คุ้นเคยทำให้ร่างสูงของชายหนุ่มเจ้าของนัยน์ตาสีเงินเหลือบสายตาผู้มาใหม่ตรงหน้าพลางเอ่ย

     นายล่ะ ไม่ง่วงเหรอ ซ้อมไปตั้งเยอะ แถมไปช่วยซ้อมเวทให้ฝ่ายฉากอีก เชน

     เชนส่ายหน้าเบาๆเป็นคำตอบพลางนั่งลงบนโซฟาเดี่ยวด้านข้าง ใบหน้าคมจับจ้องที่เด็กสาวร่างเล็กเพียงคนเดียวในห้องข้างกายผู้สนทนาอย่างเอ็นดู แล้วเอ่ยบ้าง

     นายคิดยังไงกับบทระหว่างคาอิลเรแล้วก็ไคเรน

     นัยน์ตาสีเงินหรี่มองร่างของคนตรงหน้าอย่างชั่งใจและพิจารนา ก่อนเอ่ย

     ไคเรนเทิดทูนคาอิลเร มันก็มีแค่นั้น......................ถ้านายหมายถึงในบทล่ะก็นะ

     เสียงหัวเราะเบาๆดังขึ้นจากคนถามในทันทีที่ได้รับคำตอบ นัยน์ตาสีเงินอมม่วงมองคนตรงหน้าอย่างถูกใจแล้ววางบทลงบนโต๊ะด้านหน้า ก่อนเปลี่ยนอิริยาบถเป็นนั่งสบายๆ

     นายก็ดูออกอีกแล้วสินะไปอ่านพงศาวดารมาล่ะสิ ใช่..............คาอิลเร ทั้งเอ็นดู รักไคเรนเหมือนน้องชายแท้ๆ แต่ว่าในอีกนัยหนึ่ง ก่อนที่เจ้าของนัยน์ตาสีเงินจะเอ่ยต่ออย่างรู้ทัน

     อิจฉา เพราะ............

     คาอิลเรรักคาริเรนามากกว่าน้องสาว ถึงได้อิจฉาไคเรนอยู่ลึกๆที่คาริเรนามอบความรักทั้งหัวใจให้ไป โดยเหลือเพียงความใจดีไว้ให้เขา

     สิ้นคำกล่าวสองร่างก็ตกอยู่ในความเงียบ มีเพียงเสียงปะทุของกองไฟในเตาผิงซึ่งลุกโชติช่วงเพื่อให้ความอบอุ่นแก่ผู้อาศัยในที่นี้

    ...............................................................

    เพราะรัก จึงไม่อาจคว้ามาไว้ข้างกายได้

     เพราะรักมาก จึงไม่อาจคัดค้านในความตั้งใจที่โหดร้ายนั่น

     เพราะรักที่สุด จึงต้องเดินไปในทางที่เธอสร้างเอาไว้ให้ได้

    .........................ความเห็นแก่ตัวของฉันไม่มีวันที่จะได้รับการให้อภัยจากตัวฉันได้

     เพราะรัก จึงไม่อาจเอื้อมฉุดรั้งเธอลงมาได้

     เพราะรักมาก จึงไม่อาจปฏิเสธเธอได้แม้สักอย่าง

     เพราะรักที่สุด จึงไม่อาจมีชีวิตอย่างที่เธอปรารถนาได้

    .........................ความผิดของฉันไม่มีวันลบล้างได้ และไม่มีวันที่จะยกโทษให้ได้

     

     เสียงเจี้ยวจ้าวดังเช่นทุกวันในห้องดนตรีใหญ่ซึ่งเหล่าเด็กนักเรียนปีหนึ่งของสถาบันไนท์ยึดเป็นที่ซ้อมละครกันมาได้ห้าวันแล้ว อีกเพียงสามวันก็จะถึงงานวันสถาปนา ซึ่งจากคำบอกเล่าของเหล่ารุ่นพี่แล้วสามวันถัดจากนี้ คือสามวันมหาโหดแห่งการเตรียมงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของการสร้างสถาบันไนท์แห่งนี้ เหล่ารุ่นน้องซึ่งยังใหม่กับงานอยู่จากตั้งใจทำงาน กลายเป็นตั้งใจทำงานสุดๆถึงยังไงความสนุกสนานก็เป็นสิ่งที่มักมีไม่เคยขาดเพราะเจ้าสองตัวคู่กัดประจำชั้นซึ่งยังคงทะเลาะกันด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องซึ่งสร้างสีสันให้กับการเตรียมงานและซ้อมละครที่แสนตึงเครียดนี้ได้เป็นอย่างดีทีเดียว

     ฉันบอกนายแล้วใช่มั้ยว่าอย่าเรียกฉันด้วยชื่อนั้น ชุนจิโร่ เฟยหลงกดเสียงหนักเน้นทีละคำอย่างอารมณ์เสียเมื่อคนที่กำลังกล่าวถึงไม่เคยทำตามคำขอ

     แถมยังยิ้มยียวนกวนบาทาอีกด้วย

     อย่าบ่นนักเลยน่า อเล็กซัส ทีพวกเรเนอร์เรียกนายแปลกกว่านี้นายยังไม่บ่นเลยนี่นา

     มันไม่เหมือนกัน ฉันไม่ชอบให้ใครมาเรียกชื่อนี้

     “+-*/!@#$%^&*” (จิ้นเองตามสะดวก)

     ชุนจิโร่ค่ะ อาเฟย หยุดทะเลาะกันดีกว่าค่ะ เสียงหวานของเด็กสาวเอ่ยขึ้นอย่างอารมณ์ดี พลางแยกสองร่างที่กำลังทะเลาะกันอย่างง่ายดายจนคนมองนึกสงสัย

     เธอก็อย่าเรียกชื่อที่เหมือนผู้หญิงอย่างนั้นได้มั้ย เฟยหลงเอ่ยขึ้นบ้าง

     มันก็น่ารักดีนี่ค่ะ คนอื่นเขาก็เรียกกันอีกตั้งหลายชื่อ อาเฟยก็อย่าคิดมากสิค่ะ

     คำกล่าวที่ทำเอาคนฟังกุมขมับเบาๆ พลางนึกในใจว่าไอ้ความสุภาพจัดของเด็กสาวร่างเล็กตรงหน้านี่มันหายไปหมดแล้วรึยัง ก่อนเอ่ย

     งั้น เรน ไม่ต้องไปซ้อมการแสดงรึไง

     ใบหน้าขาวหวานของเด็กสาวและทุกคนในที่นั้นที่ได้ยินเสียงของเฟยหลง ต่างเอียงคออย่างสงสัยในสรรพนามดังกล่าว แต่สักพัก เด็กสาวร่างเล็กก็แย้มยิ้มออกมาบางๆ พร้อมกับพยักหน้ารับเบาๆ ก่อนสาวเท้าเดินกลับไปทางเวทีสูง ซึ่งหลายคนก็มองตามอย่างงงๆ

     เรน นายเปลี่ยนวิธีเรียกเรเนอร์ใหม่เหรอ ชุนจิโร่เอ่ยถามอย่างสงสัย ซึ่งคนตัวสูงกว่าที่ถูกถามก็ยิ้มบางๆก่อนตวัดเสียงเข้มด้วยใบหน้าเรียบ

     ไม่เกี่ยวกับนาย ชุน

     เฮ้ย ชุดมาแล้ว ไปช่วยกันขนหน่อยเร็ว เสียงตะโกนที่ดังขึ้นทำให้ร่างสูงของเหล่าชายหนุ่มทั้งหลายผละจากงานที่ทำอยู่ไปรับกองเสื้อผ้าซึ่งถูกห่อมาอย่างดี พร้อมกับการสั่งการเสียงแข็งของผู้กำกับซึ่งวันนี้ดูจะฟิตจัดหลังจากได้หลับเอาแรงไปหลายชั่วโมงซึ่งไม่ต่างอะไรกับคนโดนสั่งเช่นกัน

     ขอบคุณคุณซาร่ามากนะครับที่ช่วยเป็นธุระให้เรื่องนี้ เซบาสเตียนเอ่ยขึ้น ถึงแม้จะเป็นหญิงสาวแต่ก็ยังสูงสง่าจนเท่าพวกเขากับบางคนเจ้าหล่อนก็สูงกว่าเลยทีเดียว ใบหน้าขาวประดับไปด้วยรอยยิ้มหวาน และมองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยสายตาเอ็นดู ก่อนเอ่ย

     เพราะสนไปขอร้องน้าไว้จ้ะ ได้แอบฟังอยู่ข้างนอกมาบ้างแล้ว ท่าทางจะไปได้สวยนะจ้ะ

     ขอบคุณครับ พวกเราทุกคนจะทำให้สุดความสามารถครับ คุณซากุระ ว่าแต่คุณซากุระ คงจะได้รับเชิญสินะครับ ตระกูลฮาลาร์เป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงมากนี่ครับ

     หญิงสาวแย้มรอยยิ้มกว้างให้เด็กหนุ่มตรงหน้าอย่างเอ็นดู ก่อนเอ่ยออกมาพร้อมกับเสียงหัวเราะ รู้ดีจังเลยนะค่ะ แม้กระทั่งนามสกุลเก่าของน้าด้วย

     รอยยิ้มแย้มขึ้นบนมุมปากของชายหนุ่มโดยที่เจ้าตัวไม่ตอบอะไร ก่อนจะขอตัวไปทำงานต่อหลังจากเสนอตัวเดินไปส่ง และหญิงสาวบอกปัดอย่างสุภาพ ร่างสูงเกินมาตรฐานของหญิงทั่วไปจึงสาวเท้าออกมาจากสถานที่ซ้อมอย่างเงียบๆตามระเบียงทางเดิน และเจอใครบางคนที่ยืนรออยู่

     รอนานหรือเปล่า คาซิน

     เสียงหวานเอ่ยอย่างอ้อนๆพลางช้อนตามองร่างสูงของคนตรงหน้าด้วยแววตากลมโตใสซื่อ ที่คนฟังรู้ดีว่าไม่ได้ใสซื่ออะไรสักกะติ้ด นัยน์ตาคมสีน้ำตาลของชายหนุ่มร่างสูงเหล่มองคนข้างตัว ซึ่งเปลี่ยนเป็นยิ้มเจื่อนๆเมื่อคนตัวสูงกว่าจ้องไม่เลิกเสียที

     ไม่นานเท่าไหร่หรอก อย่าอ้อนน่า ฉันไม่ได้โกรธอะไรสักหน่อย

     เสียงทุ้มเอ่ยขึ้น มือใหญ่ลูบหัวส้มๆของหญิงสาวเล่นอย่างหมั่นเขี้ยว นัยน์ตาคู่กลมโตของหญิงสาวมองร่างสูงอย่างงอนๆ มือเล็กคว้าแขนคนตัวโตมาควงแล้วออกเดินทันทีอย่างรวดเร็ว ซึ่งคนตัวโตก็ทำตามอย่างว่าง่ายไม่มีอิดออดไปตามทางเดิน

     ละครเรื่องนี้ ทำให้คิดถึงเธอกับหมอนั่นเลยสิ คาซิน เสียงหวานเอ่ยเบาๆ ซึ่งชายหนุ่มรู้ดีว่าเธอไม่ต้องการการตอบกลับ แค่พูดความในใจที่อัดอั้นออกมาให้เขาฟังในยามที่เธอท้อแท้หรือมีเรื่องกลุ้มใจเสมอๆ แต่ความหมายของคำพูดนั่นก็ทำให้เขานึกตามความคิดของเธออย่างปวดใจ การที่เขาเงียบเสมอ เป็นผู้ฝังที่ดีนั้นก็ใช้ไม่ได้กับบางเรื่องที่ทั้งหนักและเป็นแผลบาดลึกอยู่ในใจแบบนี้ไม่ได้เหมือนกัน

     เธอคงไม่คิดว่าหมอนั่นมาเห็นแบบนี้แล้วจะอ่อนแอหรอกนะ ซาร่า

     หญิงสาวส่ายหน้าเบาๆ แล้วเอ่ยสั้นๆ

     ไม่หรอก ฉันก็แค่ ทิ้งความรู้สึกผิดของวันนั้นไปไม่ได้ วันที่ฉันเป็นต้นเหตุพรากความสุขของพวกเขาไป

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×