ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Knight of night

    ลำดับตอนที่ #5 : Night 5

    • อัปเดตล่าสุด 11 มี.ค. 52


     กลางแสงจันทร์ยวงในคืนพระจันทร์เสี้ยว ร่างเล็กของหญิงสาวเจ้าของเรือนผมสีทองยาวถึงสะโพกในชุกนอนกระโปรงสีขาวบางยาวถึงแค่ต้นขา ยืนนิ่งอยู่ข้างกระจกบานใหญ่ นัยน์ตาสีฟ้าใสจ้องมองลงไปด้านล่างซึ่งเป็นสนามที่ทางสภานักเรียนจะขอใช้รับน้องในเวลานี้ทุกปี เหล่าเด็กนักเรียนปีหนึ่งซึ่งกำลังประชุมสุมหัวกันมาได้สักพักตางแยกย้ายกันไปเหมือนกับแบ่งหน้าที่กันเสร็จแล้ว

    ไคยะ มาดูนี่สิค่ะ เสียงหวานเอ่ยเมื่อได้ยินเสียงเปิดประตูเบาๆดังมาจากทางด้านหลัง ก่อนจะสัมผัสถึงความอบอุ่นจากวงแขนแกร่งที่โอบตัวเธอเอาไว้หลวมๆจากทางด้านหลังพร้อมเสียงทุ้มของร่างสูงซึ่งเอ่ยออกมาเบาๆข้างใบหูของร่างเล็กในอ้อมกอด

     สนใจเรื่องของเด็กพวกนี้รึไง

     ค่ะ พวกเขาเปลี่ยนวิธีการรับน้องใหม่ นี่รู้สึกจะหันไปทดสอบความสามารถกันจริงๆแล้วล่ะค่ะ แล้วก็ทดสอบด้วยว่าเด็กปีหนึ่งน่ะเห็นเรเนอร์เป็นเพื่อนด้วยรึเปล่านะค่ะ

     คำตอบที่ทำให้คนฟังต้องยิ้มอย่างเอ็นดูกับความคิดของคนตรงหน้าซึ่งยังคงเป็นคนที่ดูคนอื่นออกอย่างง่ายดายไม่เปลี่ยนแปลง แม้แต่คนที่คอยปิดบังความรู้สึกภายนอกมาทั้งชีวิตอย่างเขา ยังไม่สามารถเก็บความลับไดๆกับคนตรงหน้าได้แม้แต่เรื่องเดียว

     พวกนั้นคิดแบบนั้น แล้วเธอคิดยังไงกับเรื่องนี้ล่ะ

     เรเนอร์เหมือนจะเป็นที่เอ็นดูของพวกเขานะค่ะ เขาเป็นเด็กยิ้มง่ายอยู่แล้ว ถึงจะรั้นมากไปหน่อย แต่ภายนอกเขาก็ยังดูเป็นผู้หญิงบอบบางน่าปกป้องอยู่ดี ไคยะล่ะค่ะ เป็นผู้ชายเหมือนกับพวกเขานี่นา ฉันควรถามไคยะมากกว่านะค่ะ คิดว่าเรเนอร์เป็นยังไงค่ะ

     คำอธิบายพร้อมคำถามที่สวนกลับมาทำให้คนที่ต้องตอบขมวดคิ้วเล็กน้อยอย่างครุ่นคิดกับคำถามดังกล่าว ก่อนจะตอบอย่างไม่แน่ใจเท่าไดนัก

     ในแง่ของผู้ชาย ไม่อยากจะยอมรับหรอกนะว่าใช่ มันก็น่าเอ็นดูอยู่หรอก แต่สำหรับคนที่มองภายนอกล่ะก็นะ ถึงจะรั้น แต่มันก็ยังน่ารักอยู่ดี แต่ถ้าคนที่รู้จักจริงๆล่ะก็ เรเนอร์น่าจะเป็นผู้หญิงประเภทที่ผู้ชายอย่างฉัน หรือที่สำคัญอย่างเด็กพวกนี้ไม่ชอบมากที่สุดล่ะนะ

     คำตอบครึ่งๆกลางๆที่ทำให้คนถามเอียงคอด้วยความสงสัย เรียกให้คนมองหมั่นไส้ในความน่ารักของเจ้าตัวจนต้องโน้มใบหน้าลงไปใกล้ ริมฝีปากสีสดประทับลงบนแก้มขาวแรงๆสองสามทีอย่างหมั่นเขี้ยว แล้วทอดสายตามองหอคอยสูง ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบ

     เพราะว่าเธอเป็นคนที่ไม่เคยเห็นว่าชีวิตตัวเองมีความสำคัญแค่ไหน ถึงเอาทุกอย่างของตัวเองไปวางเดิมพันกับความเชื่อของตัวเอง โดยที่ลืมนึกไปว่าตัวเองมีความสำคัญมากกับใครอีกหลายคนที่ตัวเองรัก และการทำทุกอย่างเพื่อคนๆนั้นด้วยชีวิตที่เดิมพันลงไป โดยไม่สนใจว่าจะเกิดอะไรขึ้น และทำให้ใครเสียใจแค่ไหน ผู้หญิงแบบนี้แหละที่พวกเราไม่ชอบมากที่สุดล่ะ

     

     ความเงียบที่ก่อตัวขึ้นมาได้สักพักหลังจากรุ่นน้องสามสิบกว่าคนตกลงวางแผนกันเรียบร้อย และหายตัวไปทำตามหน้าที่ซึ่งได้แบ่งกันไว้เสร็จสรรพ ก็ยังคงไม่มีอะไรเกิดขึ้นสักที หลายๆคนที่คอยจดๆจ้องๆมาตั้งแต่เมื่อครู่ก็เริ่มหาวหวอดบางคนก็เริ่มนั่งเล่น

     กระทั่ง

     เปรี้ยะ

     ........................................

     เพล้ง!

     ราวกับเป็นเสียงสัญญาณ เขตอาคมใสวาวแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย พร้อมกับร่างสูงของเหล่ารุ่นน้องปีหนึ่งราวสิบชีวิตที่โผล่เข้ามาในเขตอาคมข้างหอคอยอย่างกะทันหัน เหล่ารุ่นพี่ที่คอยสแตนด์บายจนเริ่มเมื่อยก็โผล่พรวดเข้ามาเกือบห้าสิบคน ก่อนจะเริ่มการปะทะขึ้น

     มองเดที่รวมกลุ่มอยู่ในหมู่ประจัญบานแนวหน้ามองสำรวจสิบกว่าชีวิตของเหล่ารุ่นน้องตรงหน้าอย่างพิจารณา ก่อนจะหลบหมัดขวาของเด็กปีหนึ่งที่พุ่งเข้ามาอย่างกะทันหันได้อย่างสวยงาม แล้วเมื่อนัยน์ตาคู่สวยสังเกตเห็นความผิดปกติบางอย่าง ก็เป็นเวลาเดียวกับที่มีลมกรรโชกรุนแรงซึ่งจู่ๆก็พัดเขามาอย่างไม่มีสาเหตุ สิบกว่าชีวิตของรุ่นน้องปีหนึ่งมองหน้ากันเองก่อนจะพยักหน้าพร้อมกันแล้วหลบวูบออกจากตำแหน่งนั่น ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่ใบไม้ซึ่งร่วงปลิวตามแรงลมแปรสภาพเป็นคมมีดขนาดเล็กพุ่งลงมาอย่างรวดเร็วราวกับสายฝนในยามก่อนพายุ และตามติดมาด้วยเสียงประกาศก้อง

     ตอนนี้ล่ะ เอาเลย

     ลมกรรโชกพัดแรงหยุดลงทันทีอย่างไม่น่าเชื่อ พร้อมๆกับที่รุ่นพี่ทั้งหลายรู้สึกว่า เขตอาคมด้านหลังซึ่งเป็นเขตอาคมที่ใช้ป้องกันหอคอยถูกสร้างขึ้นมาใหม่ แต่ทว่าโดยที่พวกเขาถูกกันอยู่ด้านนอกเขตอาคมดังกล่าว พร้อมๆกับรุ่นพี่อีกเกือบสามสิบคนซึ่งคอยลอบโจมตีอยู่ในมุมมืดเมื่อสักครู่เหมือนกับถูกอะไรบางอย่างดันเข้ามาจึงมารวมกับกลุ่มแนวหน้าซึ่งมองเดก็มองไปที่เหล่ารุ่นน้องปีหนึ่งตรงหน้าพร้อมรอยยิ้มยียวน เซตที่เพิ่งเดินออกมาจากกลุ่มของส่วนลอบโจมตีก็เอ่ยขึ้นมา

     ล่อพวกฉันออกมา ด้วยบั้กสอดแนมจำนวนมากแบบนี้เป็นความคิดที่ตรงดีนะแถมยังลากพวกมองเดออกมาจากเขตอาคมซะด้วย

    เพื่อนนายหายไปกันเจ็ดคน คงจะขึ้นไปบนหอคอยแล้วสิท่า รู้กันอีกนะว่าคนที่คอยคุมเขตอาคมไม่ใช่พวกฉันที่คอยดูสถานการณ์อยู่ข้างนอก แต่เป็นไลก้าที่อยู่ข้างในที่ตอนนี้มองไม่เห็นข้างนอก เพราะเวทพรางตาของทางพวกฉันกับพวกนาย

     มองเดเอ่ยเสริม ซึ่งเหล่ารุ่นน้องก็ยิ้มรับอย่างกวนๆพอกัน คงไม่ต้องพูดกันอีก เมื่อสองฝ่ายที่หาเรื่องจะซัดกันเองมาได้สักพัก แถมคราวนี้ยังไม่มีกติกา

     ดังนั้นคงไม่ต้องบอก

     ลุยกันเลยดีกว่า

     ส่วนทางด้านคนที่หายไปนั้น

     รุ่นพี่หายไปเกือบประมาณสิบกว่าคน พี่ปีสี่ประมาณแปดหรือเก้าคนไปปฏิบัติงาน ถ้าแบบนั้นจะเหลือประมาณ สองสามคนที่อยู่บนนี้ คงต้องแบ่งกันแล้วล่ะ

     เสียงกล่าวเรียบๆพร้อมกับแต่ละคนซึ่งหันไปหาพวกตัวเองโดยไม่ได้นัดหมาย สุดท้ายจึงลงเอยเป็นสามกลุ่ม กลุ่มแรกเป็นทัพหน้า เจออะไรก่อนก็เป็น รุย และ เฟยหลง ตรงกลางเป็นคนคอยคุมสถานการณ์ ซึ่งก็คือ เชนและเรย์ส่วนทัพหลังระวังท้ายมีสามคนคือชุนจิโร่ และเพื่อนใหม่ของพวกเขา ภาวิน ชายหนุ่มร่างสูงด้วยความที่เป็นคนเงียบ ถึงจะไม่เงียบมากกว่าเรย์ซักเท่าไหร่ แต่เพราะแผลเป็นมากมายตามตัว จึงเป็นที่เกรงกลัวของคนรอบข้างอยู่บ้าง แต่ก็ถือเป็นคนน่าคบเพราะรอยยิ้มบางๆที่แย้มอยู่บนใบหน้าสีแทนนั่นเสมอ อีกอย่างที่ทำให้ชายคนนี้ดูสำอางมากขึ้นคงจะเป็นผมสีฟ้าที่ไว้ยาวประบ่าเงาเหมือนผมหญิงสาว แต่ก็ยังถูกกลบรัศมีหมดด้วยนัยน์ตาเรียวคู่คมสีม่วงอ่อนซึ่งทอประกายกร้าว และอีกชายหนุ่มร่างเล็กสวมแว่น นามซัน คอยเป็นทัพระวังด้านหลัง ซึ่งขบวนนี้ก็ยังคงมุ่งหน้าต่อไป จุดหมายคือยอดหอคอยสูงในเวลาที่รวดเร็วที่สุด

     ภาวิน ระวัง

     เฮ้ย รุย ข้างหน้า

     สิ้นเสียงเตือนลั่นของสองคนตรงกลางซึ่งดังพร้อมกัน ทำให้ผู้ถูกเรียกตอบสนองทันทีโดยไม่ต้องคิด สองร่างผู้ถูกเรียกหันไปประจันหน้ากับร่างลึกลับในเงามืดซึ่งฟาดพลองสีขาวยาวลงมาเต็มแรง ภาวินรับไว้ดัวยแขนซ้ายก่อนมือหนาจะหักพลองขาวเป็นสองท่อนอย่างไม่ปราณีปราศรัย ขายาวซัดลูกเตะหนับสวนเข้าไปอย่างไม่รีรอ ราวกับถูกกลั่นแกล้งเพราะร่างในเงามืดใช้ข้อเท้าส่งแรงจนลอยขึ้น มือของร่างนั้นยันบ่าของภาวินเอาไว้อย่างมั่นคง พร้อมๆกับการสวนกลับซึ่งภาวินนั้นหลบไม่พ้นแน่นอนในระยะประชิดแบบนี้ แต่ร่างของเหล่าทัพระวังหลังอีกสองคนก็ไม่ยอมอยู่เฉย ทั้งยังแบ่งงานกันดีเยี่ยมเมื่อซันวิ่งไปกระชากร่างของภาวินออกทั้งๆที่ตัวเองก็ตัวเล็กกว่าเขาตั้งแยะแต่กลับดึงร่างสูงออกมาได้อย่างสบายๆ และชุนจิโร่ที่ว่างจึงเข้าไปซ้ำ ซึ่งร่างสูงนั่นก็หลบได้อย่างฉิวเฉียดก่อนทั้งสองฝ่ายจะถอยกันคนละก้าว

      ทางด้านทัพหน้าก็ไม่ต่างกันเมื่อศัตรูไม่รู้ที่มา พุ่งเขามาจู่โจมอย่างกะทันหันรุยที่ได้ยินเสียงตะโกนก็พุ่งเข้าใส่อย่างไม่รีรอ พร้อมกับอีกคนซึ่งรีบเข้าไปซ้ำทันทีที่ร่างในเงามืดพุ่งมา สองคนประสานงานกันอย่างดี พร้อมกับค่อยๆรุกร่างนั้นจนล่าถอย ด้วยชั้นเชิงส่วนตัว จนกระทั่ง หมัดหนักพุ่งเข้าไปด้วยความเร็วที่มองตามไม่ทัน ส่งผลให้สองร่างซึ่งตั้งการ์ดยังไม่ทันเสร็จจึงรับลูกหลงไปเต็มๆ เมื่อแต่ละคนได้ตำแหน่งยืนแน่นอนแล้วก็นิ่ง นัยน์ตาสามคู่สบประสานอย่างไม่มีใครยอมใคร เพียงครู่เดียว เสียงก้อนหินตกลงบนพื้นบันได แล้วร่างทั้งสามก็หายไปจากจุดเดิม และเสียงเปรี้ยงดังสนั่นทำให้ต้องหันไปมองจึงพบว่าสองร่างของเหล่าทัพหน้าถอยกรูดไปอยู่อีกฟากซึ่งไม่ต่างอะไรกับร่างในเงามือซึ่งกระเด็นไปไกลเหมือนกัน

     พวกนายไปก่อนเร็วเรย์ เชน รุ่นพี่สองคนนี้พวกฉันลุยเอง เสียงเอ่ยลั่นของชุนจิโร่ทำให้สองคนซึ่งได้ฟังคำกล่าวพยักหน้ารับ ก่อนรีบวิ่งขึ้นไปต่อทันที

     ออกมาเถอะครับ รุ่นพี่ รุยเอ่ยเสียงเรียบ พร้อมร่างในเงามืดหรือก็คือรุ่นพี่ทั้งสองซึ่งก้าวเท้าออกมาเผยโฉมหน้ากับเหล่ารุ่นน้องที่พวกเขา เอ็นดู

     ร่างสูงสองร่างของรุ่นพี่ทั้งสองนั้นเหมือนราวกับเป็นพิมพ์เดียวกัน ใบหน้าขาวหวานราวกับหญิงสาว ร่างสูงไม่มากออกไปทางเพรียวเล็กน้อย ทั้งคู่มีนัยน์ตาสีเขียวมรกตกลมโต และผมยาวระบ่าสีม่วงเข้มที่ซอยไล่ระดับขึ้นไปจากด้านข้างตัดเท่ากัน และยิ่งด้วยท่าทางที่เหมือนกันราวกับกระจก ทำให้สองคนนี้ดูเหมือนคนๆเดียวกันอย่างที่ใครก็แยกไม่ออก

     ฝาแฝดแห่งปีสาม เลขาสภานักเรียน รุ่นพี่ อาคิลัวร์ ซันเอ่ยขึ้นก่อน ซึ่งสองร่างผู้ถูกเรียกก็ยิ้มรับพร้อมๆกันก่อนจะเอ่ยถามเหล่ารุ่นน้องตรงหน้าทั้งหมดอย่างพร้อมเพรียง

     เรียกอาคิลัวร์คนไหนล่ะ

     ทั้งสองคนล่ะครับ พี่อาคิลัวร์ วาเร พี่อาคิลัวร์ อาเค ซันเอ่ยตอบอย่างสุภาพ ซึ่งอาคิลัวร์ทั้งสองถึงกับยิ้มรับอย่างถูกใจทำให้ใบหน้าอยู่แล้วยิ่งหวานเข้าไปอีก ถ้าพวกเขาไม่รู้อยู่ก่อนว่าที่นี่เป็นสถาบันไนท์ที่ตั้งแต่เปิดมา มีนักเรียนหญิงเพียงคนเดียวก่อนที่เรเนอร์จะเข้ามาได้หลายปีแล้ว คงจะคิดว่าสองร่างของรุ่นพี่ที่เป็นชายแท้ทั้งแท่งตรงหน้านั้นช่างเป็นสาวน้อยที่น่ารักเหลือเกิน

     คงไม่ต้องพูดพล่ามล่ะนะ ไลก้าสั่งให้พวกฉันมาแยกพวกนายออกเพื่อทดสอบความสามารถเล็กๆน้อยๆ รุ่นพี่อาคิลัวร์ซึ่งอยู่ทางซ้ายเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ดันหวานได้ตามหน้าตาอย่างไม่น่าเชื่อ ก่อนคนทางขวาจะเสริมตามด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มกว่าเล็กน้อย

     เพราะฉะนั้น เรามาสู้กันดีกว่า พวกนายชนะพวกฉันได้ก็จะยอมให้ผ่านตรงนี้ไป

     แล้วสองร่างของรุ่นพี่ฝาแฝดจะเอ่ยขึ้นพร้อมกัน

     มาดูกันว่าพวกนายจะเก่งแค่ไหน เข้ามาเลย

     

     มาไวกันนะ เหลืออีกตั้งสิบห้านาที เสียงทุ้มของชายหนุ่มร่างสูงผู้เป็นประธาน รุ่นพี่ไลก้า เจนเนซิส เอ่ยเรียบๆพลางจิบกาแฟเย็นตรงหน้าน้อยๆ ด้วยท่าทางสบายใจ ร่างสูงนั่งอยู่บนเก้าอี้บุนวมสีเบจมีที่วางแขน โต๊ะน้ำชารูปสี่เหลี่ยมทำจากไม้ลายสวยวางอยู่ด้านหน้า ซึ่งมีเก้าอี้ว่างแบบเดียวกันอีกสองตัว นัยน์ตาสีน้ำเงินคู่สวยมองรุ่นน้องทั้งสองคนอย่างพิจารณาแล้วเอ่ยเรียบๆ นั่งสิ

     สองร่างของผู้ที่มาใหม่มองหน้ากันอย่างชั่งใจ ก่อนทำตามคำเชื้อเชิญที่ซึ่งดูยังไงก็มีพิรุธอยู่เต็มๆตา ทันทีที่ทั้งสองนั่งลง มือหนาของรุ่นพี่ก็วางถ้วยกาแฟลงบนจานรอง ก่อนนัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มจะพินิจสองร่างของรุ่นน้องตรงหน้าแล้วเอ่ยอธิบายเสียงเรียบ

     ฉันจะให้พวกนายเล่นเกม ถ้าชนะ นายเอาสาวน้อยคนนี้กลับไปได้ แต่ถ้านายแพ้ล่ะก็ รุ่นพี่ไลก้าหยุดคำพูดไว้เพียงเท่านั้น ก่อนที่มือหนาจะดีดนิ้วเบาๆ ร่างเล็กของเด็กสาวเจ้าของนัยน์ตาสีเพลิงซึ่งถูกลากตัวมาก็ก้าวเท้าออกมาจากความมืดในหอคอยสูงซึ่งมีเพียงแสงจันทร์บางเบาที่ลอดผ่านระเบียงเข้ามา ร่างเล็กยังคงไร้รอยขีดข่วนใดๆ และยังไม่มีอะไรที่แตกต่างไปจากเดิมแถมยังสวมเสื้อนอกที่เจ้าตัววางทิ้งไว้เมื่อครู่ข้างเสา คนตัวสูงที่เหลือบมองตรงนั้นก่อนมาก็พบว่าเสื้อนอกไม่ได้อยู่ตรงนั้นก็แน่ใจได้ว่าเด็กสาวตรงหน้าไม่น่าจะใช่ตัวปลอมแต่อย่างได ยกเว้นเพียงแต่ที่ข้อมือ ข้อเท้า และลำคอขาวถูกใส่ปลอกเหล็กบางๆซึ่งล่ามโซ่กับผนังเอาไว้ ใบหน้าหวานยิ้มแห้งๆให้กับชายหนุ่มทั้งสองซึ่งยังคงสีหน้าเรียบนิ่งสนิทจนคนมองนึกชมอยู่ในใจ จนกระทั่ง ชายหนุ่มรุ่นน้องเจ้าของนัยน์ตาสีเงินเอ่ยด้วยน้ำเสียงนิ่งแต่ใบหน้าตึงเครียดขึ้นเล็กน้อย

     ปลอกเหล็กนั่นอะไรครับ รุ่นพี่

     ไม่ต้องห่วง มันไม่มีน้ำหนักอะไรมากหรอก เพราะเป็นแค่เหล็กบางๆ แต่ผ่านการลงเวทให้แข็งกว่าปกติเท่านั้นเอง ไม่ทำให้เนื้อช้ำหรอกน่า

     คำตอบที่ทำให้สีหน้าตึงเครียดเมื่อครู่ผ่อนคลายลงเล็กน้อย นัยน์ตาสีเงินอมม่วงของคนข้างกายเหลือบมองเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยถาม

     แล้ว รุ่นพี่จะให้ผมทำยังไงครับ ที่ว่าจะให้เล่นเกม

     ก็ง่ายๆ แค่เกมตอบปัญหาธรรมดา ตอบได้หนึ่งข้อ ฉันก็จะปลดปลอกเหล็กนั่นให้หนึ่งชิ้น แลกเปลี่ยนธรรมดาเท่านั้นเองไม่ยาก

     คำตอบที่ทำให้คนฟังถึงกับมุ่นหัวคิ้ว แล้วเอ่ยถามด้วยลางสังหรณ์ที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่

     แล้วถ้าพวกผมตอบผิด

     รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่แย้มขึ้นมุมปากของรุ่นพี่ตรงหน้าทำให้รุ่นน้องทั้งสองถึงกับขนลุก และก็ตะลึงไปเลยเมื่อคนตัวสูงเอ่ยเฉลย

     ไม่ยาก นายตอบผิดหนึ่งข้อ สาวน้อยคนนี้ก็ต้องปลดเสื้อผ้าออกทีละชิ้นเท่านั้นเอง

     คำตอบที่ทำเอาคนฟังทั้งสองถึงกับเงยหน้าขึ้นมองพี่ประธานตรงหน้าแทบไม่ทัน นัยน์ตาสองคู่เบิกกว้างอย่างตะลึง เพราะคาดไม่ถึงว่ารุ่นพี่ผู้ที่ดูสุขุม นิ่ง เงียบและดูเป็นผู้ใหญ่ตรงหน้าจะเล่นแบบนี้กับผู้หญิง เมื่อรุ่นน้องทั้งสองตั้งสติได้หลังจากอึ้งไปสักครู่จึงเอ่ยออกมาพร้อมกัน

     รุ่นพี่ ทำอย่างนั้นไม่ได้นะครับ

     ตามใจ แต่ถ้าพวกนายไม่ทำ หมดเวลาก็ถือว่าพวกนายแพ้ ฉันไม่รับประกันนะว่าอะไรจะเกิดขึ้น บางทีจากการที่ต้องให้เธอถอดเสื้อผ้า ฉันอาจเสนอให้ผู้อำนวยการเอาเธอไปทำอย่างอื่นก็ได้ และฉันก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่า ผู้อำนวยการที่มีความคิดแปลกๆอยู่ตลอดเวลาอย่างท่านน่ะจะทำอะไร

     คำขู่ที่ได้ผลชะงัดกับผู้ฟังที่ถึงกับกัดฟันกรอด เพราะเผลอนึกตาม คนที่จู่ๆก็โยนเด็กสาวตรงหน้าคนนี้ให้มานอนกับผู้ชายห้าคนได้โดยไม่คิดอะไร ถึงจะบอกว่ามีเขาที่เป็นไนท์คอยดูแลอยู่ก็ตาม แต่คนที่คิดพิเรนท์ ได้ขนาดนี้ทำไมจะทำอะไรที่ยิ่งกว่านี้ไม่ได้

     ยิ่งคิดไปถึงคนตรงหน้าซึ่งเป็นประธานนักเรียนที่เขาพูดกันว่า พูดจริง ทำจริงไม่มีหลอกต้มด้วยแล้ว ทำให้ชายหนุ่มทั้งสองต้องพยักหน้าตกลงเล่นเกมอย่างช่วยไม่ได้

     งั้นก็ คำถามแรกล่ะนะ ว่ายน้ำท่าอะไรใส่หมวกกันน็อก

     คำถามที่ดูจะติงต๊องสุดๆ ทำให้คนฟังถึงกับต้องมองคนตรงหน้าอีกรอบว่าใช่ประธานนักเรียนคนนั้นหรือไม่ มือหนาของคนๆนั้นก็วางนาฬิกาทรายขนาดเล็กจากไหนก็ไม่รู้ลงบนโต๊ะ เป็นสัญญาณการจับเวลาในการตอบคำถามแต่ละข้ออย่างไม่ต้องสงสัย ซึ่งก็เหลืออยู่อีกไม่มาก

     ท่าจะบ้า คำตอบเสียงดังฟังชัดซึ่งดูบ้าพอๆกับคำถามที่ให้เจ้าของนัยน์ตาสีเงินอมม่วงหันขวับมองคนข้างๆอย่างไม่เชื่อสายตา แล้วก็ต้องอึ้งเมื่อเสียงขานจากรุ่นพี่ตอบรับเบาๆ

     ถูก รีรีส

     สิ้นคำกล่าวสั้นๆปลอกเหล็กที่แขนซ้ายก็ถูกปลดออกอย่างง่ายดาย พร้อมๆกับการมาของคำถามข้อที่สองแบบที่ไม่ให้ทันตั้งตัว

     ปลาอะไรปากจู๋

     ปลาทู

     ถูก รีรีส ข้อต่อไป...รู้ไหมว่า...นายทำให้ฉันหาเข็มขัดใหม่ไม่ทัน

     คาดไม่ถึงครับ อย่ามาหลอกซะให้ยาก

     ถูก รีรีส ต่อไป เทพไฟอารีออนชอบทานอะไร

     ผมจะไปรู้ได้ยังไงล่ะครับ

     ถูก รีรีส สิ้นเสียงกล่าวรัวติดๆกันนั่น ปลอกเหล็กชิ้นที่สี่ตรงข้อเท้าก็ถูกปลดออกเหลือเพียง ปลอกเหล็กที่คอขาวเพียงชิ้นเดียว เรียกให้คนที่ได้แค่นั่งมองนิ่งๆอยู่เมื่อสักครู่ มองสองร่างตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่ไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้เพราะดูเหมือนเขาจะต้องหาเข็มขัดใหม่จริงๆ

     ไอ้สองคนนี้มัน......................

     ข้อต่อไป ตั้งแต่ก่อตั้งโซลเวิลด์มา มีเทพที่มีฝีมือระดับ แบล็คโรสกี่คน

     หลายสิบคนมั้งครับ

     ก็อยากให้ถูก แต่ฉันอยากให้ตอบว่าหลายคนก็พอ เอาเป็นว่าผิด เรเนอร์สินะ เลือกถอดออกเลยหนึ่งชิ้น สิ้นเสียงกล่าว เด็กสาวที่คอยมองเหตุการณ์ตรงหน้าก็ถอดรองเท้าบูทข้างซ้ายอย่างรวดเร็ว โดยที่คนตอบยังคงไม่เปลี่ยนสีหน้า แล้วรุ่นพี่ก็เอ่ยถามต่อ

     ให้นิยาม เพลิงแค้นแห่งธาตุทั้งหกมาซิ

     การปราบปรามกบฏที่โหดเหี้ยมและทารุณที่สุดในศตวรรษแห่งโซลที่ห้าสิบเอ็ด ศักราชที่ห้าร้อยสิบสี่ถึงศักราชที่ห้าร้อยสิบเจ็ดครับ คราวนี้เจ้าของนัยน์ตาสีเงินอมม่วงที่ใบ้กินมานานเอ่ยตอบบ้าง เพราะเป็นเรื่องที่ตนเองถนัดกว่าคนข้างๆแน่นอน

     ผิด

     ตรงไหนครับ ชายหนุ่มแทบจะแย้งขึ้นมาทันที

    ตรงที่ฉันอยากให้ผิด เรเนอร์ ถอดอีกหนึ่งชิ้น ข้อต่อไป นิยามของอันดับกุหลาบสี่สี แบล็คโรส

     เก่งที่สุดครับ

     ผิด สั้นไป ไม่รู้เรื่อง เรเนอร์ ถอดอีกหนึ่งชิ้น ต่อไป เทพทั้งหกท่านไหนชอบทานไอศกรีมเย็นๆกับหม้อไฟร้อนๆ

     ผมจะรู้มั้ยครับ

     ผิดอีกนั่นแหละ ต้องตอบเทพไฟอารีออน กับเทพไอซีออนล่ะมั้ง ต่างหากเพราะสองคนเป็นเทพแห่งไฟกับน้ำแข็ง อาจจะเบื่อความร้อนกับความเย็นแล้วก็หันไปทานอะไรที่แตกต่างสุดขั้วก็ได้ แต่นี่ก็แค่สันนิฐานนะ เรเนอร์ ถอดอีกหนึ่งชิ้น ต่อไป ผู้อำนวยการมีฉายาว่าอะไร

     มาสเตอร์ไนท์แปดทิศครับ

     ผิด ต้องตอบ โรคจิตน่ารักของอาจารย์อีฟสิ เรเนอร์ ถอดอีกชิ้น ต่อไป เซยะจี้ชอบใส่ชุดแบบไหน

     พั้งค์ร๊อกครับ อาจจะมีพวกเสื้อนอนลูกไม้บางๆสั้นๆน่ารักๆก็ได้ครับ

     มันก็ถูก แต่ฉันให้ผิด นายไปรู้เรื่องพวกนี้ได้ยังไง เรเนอร์ ถอดอีกชิ้น ข้อต่อไป ก็ เอาเป็นว่า จากสองขาจะเพิ่มมาอีกเจ็ดขาได้ยังไง

     ก้าวเท้าไงครับ

     ผิด ไม่ต้องถาม เพราะฉันจะให้ผิด เรเนอร์ถอดอีกชิ้น

     สิ้นเสียงกล่าวเด็กสาวร่างเล็กก็ถอดเสื้อกล้ามสีขาวด้านในเสื้อเชิ้ตที่ลงไปกองกับพื้นด้วยใบหน้าขาวซึ่งซับสีเรื่อ รวมกับ เสื้อนอกเครื่องแบบโรงเรียนสีดำ รองเท้าบูทสองข้าง ถุงเท้าสองข้าง แล้วส่งไปกองรวมกัน ตอนนี้ทั้งเนื้อทั้งตัวเด็กสาว มีเพียงเสื้อชั้นในลูกไม้สีดำ ประโปรง แล้วก็ชั้นในด้ายล่างเท่านั้นเอง ใบหน้าหวานซับสีเรื่อมากขึ้นเรื่อยๆเมื่อสายตาสามคู่จับจ้องมาที่ไหล่บางเปลือยเปล่า และผิวเนื้อสีขาวผ่องไต้เสื้อผ้านิ่มที่ถูกปลดออกซึ่งแขนเรียวเล็กกอดตัวเองแน่นเพื่อปกปิดผิวขาวนั่น ข้อต่อไป

     ร่างสูงของรุ่นพี่ไลก้าเอ่ยอย่างครุ่นคิดคำถามในข้อต่อไป นัยน์ตาสีน้ำเงินคู่สวยเหลือบมองสองร่างตรงหน้าซึ่งตอนนี้เริ่มออกอาการนั่งไม่ติด ใบหน้าหล่อตึงเครียด นัยน์ตาสีเงินหรี่ลงจนดูขวางสุดๆ ริมฝีปากเม้มแน่นอย่างสะกดกลั้นอารมณ์ยิ่งเหลือบมองใบหน้าขาวซึ่งซับสีเรื่อมากขึ้นทุกทีที่รู้ตัวว่าถูกจ้องมอง นัยน์ตาสีเงินก็ยิ่งขวางมากขึ้นเท่านั้นซึ่งไม่ผิดอะไรกับคนข้างๆซึ่งอยู่ในอาการเดียวกันเป๊ะ

     เฮ้ย เรย์ เชนเป็นไงมั่งอ่ะ ยังไม่ทันจะได้ถามเหล่าเพื่อนๆซึ่งส่งพวกเขาขึ้นมาด้านบนทั้งห้าคนก็โผล่พรวดขึ้นมาพร้อมกับรุ่นพี่สองคนที่หน้าตาเหมือนกันยังกับแกะราวกับรู้แกว ก่อนสายตาห้าคู่จะสอดส่องหาร่างเด็กสาวซึ่งเมื่อเห็นผู้มาใหม่ใบหน้าหวานก็แดงก่ำด้วยความอายพลางทรุดนั่งลงกับพื้นแขนขาวกอดตัวเองไว้แน่นเมื่อคิดว่าตัวเองนั้นเหลือเพียงเสื้อชั้นในปกปิดผิวเนื้อด้านบนเพียงตัวเดียว

     หันหลังกลับไปซะ เดี่ยวนี้

     เหล่าผู้มาใหม่ซึ่งเป็นชายหนุ่มผู้ไม่ได้เจอโลกภายนอก เอาให้ถูกคืออาหารตามาประมาณเดือนกว่าๆถึงกับหน้าแดงเมื่อเห็นสภาพของเด็กสาว โดยไม่ต้องให้สั่งซ้ำเมื่อได้ยินเสียงประสานของสองหนุ่มที่นั่งอยู่ทั้งหมดก็พร้อมใจหันหลังกลับไปทันทีอย่างไม่ต้องเขม่นกันให้ยุ่งยาก

     เอาล่ะข้อต่อไป นายจะยอมให้เด็กสาวคนนี้ต้องเป็นแบบนี้ต่อไหม

     ไม่ครับ สองเสียงประสานตอบพร้อมกันอย่างไม่ต้องคิดซึ่งคนถามก็ยิ้มรับ ไม่ต้องเอ่ยเฉลย เมื่อไลก้าดีดนิ้วเบาๆ ปลอกเหล็กปลอกสุดท้ายก็ถูกปลดออก สองร่างที่นั่งอยู่นานลุกพรวดขึ้นทันที เจ้าของนัยน์ตาสีเงินรั้งร่างเล็กเข้าชิดอกแกร่ง ก่อนร่างสูงเจ้าของเรือนผมยาวและนัยน์ตาสีเงินอมม่วงจะคลุมเสื้อนอกของเด็กสาวบนไหล่บาง พลางยื่นของอย่างอื่นทั้งหมดให้ด้วย

     ขอบคุณค่ะ ทั้งสองคน เสียงหวานเอ่ยเบาๆ ใบหน้าขาวซุกอยู่กับอกแกร่งของคนประคองที่ตอนนี้รู้สึกถึงความอุ่นจัดของร่างเล็กตรงหน้าเพราะความเขินอายอย่างที่สุด ชายหนุ่มร่างสูงผู้ประคองเด็กสาวถึงกับรั้งร่างนุ่มแน่นขึ้นพลางกระซิบเบาๆ

     ไม่เป็นไรนะ ไม่มีใครเห็นหรอกนะ

     ร่างเล็กซึ่งสั่นน้อยๆก็บรรเทาอาการนั่นลงจนกระทั่งนิ่งไปในที่สุด ใบหน้าขาวเงยขึ้นจากอกของคนตัวสูง รอยยิ้มที่เคยมีให้ทุกครั้งแย้มกว้างบนใบหน้าหวาน ทำให้หลายคนที่มองอยู่ถึงกับถอนหายใจ เพราะถ้าร้องให้ออกมาคงแตกตื่นไม่รู้จะทำยังไงกันเลยล่ะ

     ขอโทษนะ ที่ทำแบบนี้ เรเนอร์ เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นพร้อมกับมือหนาที่วางลงบนไหล่เล็กเบาๆ ใบหน้าหวานหันมามองใบหน้าคมซึ่งฉายแววอ่อนโยนที่ไม่มีใครเคยเห็นมาให้ พร้อมๆกับเอ่ยอธิบาย ที่ทำแบบนี้ ฉันจะทดสอบพวกเธอทุกคน ว่าเธอมีความสำคัญมากขนาดไหน....................ดูเหมือนว่า..........ฉันจะเป็นห่วงไปเองสินะ...........เพราะดูเหมือนตอนนี้เธอจะดูน่ารักสำหรับทุกคนไปแล้ว

     ขอบคุณมากค่ะ รุ่นพี่ เสียงหวานเอ่ยรับน้อยๆ เรียกรอยยิ้มเอ็นดูจากรุ่นพี่ตัวสูงซึ่งลูบหัวสีเพลิงของเด็กสาวเบาๆ ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเอ่ยตัดบทสั้นๆ

     วันนี้ก็มีแค่นี้แหละนะ กลับกันได้แล้วล่ะ

     หลังจากนั้น ได้ประมาณครึ่งชั่วโมง

     ขอโทษนะ ที่พวกเราทำให้เป็นแบบนี้

     คำขอโทษซึ่งทำให้ร่างเล็กเจ้าของทุกข์ถึงกับกะพริบตาปริบๆ พลางชี้มือไปที่ตัวเองเพื่อยืนยันว่าไม่ได้ตีความหมายผิด พลางยิ้มแล้วเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ

     ไม่เห็นต้องขอโทษเลยค่ะทุกคนไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย ภาวินไม่เห็นต้องขอโทษเลยนี่ค่ะ

     เสียงหวานเอ่ยอย่างอารมณ์ดีเหมือนปกติ ซึ่งทำให้คนมองหรือก็คือชายหนุ่มนักเรียนปีหนึ่งแห่งสถาบันไนท์มองร่างเล็กอย่างรู้สึกผิดมากขึ้น ทั้งหมดนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นรวมของหอพัก โดยที่เหล่ารุ่นพี่หลายคนซึ่งกลับมาพร้อมกันก็นั่งอยู่ด้วย พลางทำหน้าเสียใจไปกับเขาเช่นกันเมื่อทราบเรื่อง เพราะไอ้เรื่องการทดสอบสุดท้ายบนยอดหอคอยนั่นขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของคุณประธานเองนี่นา ถึงแม้เด็กสาวจะบอกว่าตกลงกับรุ่นพี่ไลก้าไว้ตั้งแต่ทั้งสองคนยังไม่ขึ้นมาก็เถอะ เพราะรุ่นพี่ไลก้าเองก็เสนอทางที่ไม่ใช่แบบนี้ไว้ แต่เจ้าหล่อนเป็นคนบอกปัดเอง เพราะวิธีแบบนี้ทดสอบได้เร็วที่สุด ฟังๆดูตอนแรกจะดูสนุกที่ได้เห็นหน้าซีดๆของเจ้าพวกเด็กปีหนึ่งก็เถอะ แต่พอมานึกถึงเจ้าหล่อนผู้ถูกกระทำแล้วเนี่ย เป็นพวกเขาคงขำไม่ออกเท่าไหร่

     พวกพี่เองก็คงทำเกินไปหน่อยนะ เสียงอ่อยๆของรุ่นพี่ร่างสูงเจ้าของนัยน์ตาสีม่วง ทำให้เด็กสาวส่ายหน้าแรงๆพลางเอ่ยสวนทันควัน

     ไม่หรอกค่ะ ถึงให้เลือกอีกรอบ ฉันก็คงตกลงกับรุ่นพี่ไลก้าแบบเดิมอยู่ดีน่ะค่ะ อย่าใส่ใจเลย เพราะว่าถึงจะมีวิธีแบบอื่นที่บีบให้ทั้งเรย์แล้วก็เชน แสดงสิ่งที่เรียกว่าหน้าที่ไนท์ออกมาได้ล่ะก็ มันก็ไม่ได้ผลเท่าวิธีนี้นี่ค่ะ รุ่นพี่กับทุกคนไม่ต้องคิดมากหรอกค่ะ

     คำกล่าวที่ทำให้หลายคนถอนหายใจ รั้นได้ใจอย่างที่คนเป็นไนท์ของเจ้าตัวว่าจริงๆเสียด้วย เป็นผู้หญิงประเภทที่เรียกได้ว่ารับมือยากจริงๆ

     เรเนอร์ อยากกลับไปเปลี่ยนเสื้อหรือเปล่า หรือหิว เสียงทุ้มของชายหนุ่มร่างสูงข้างกายเจ้าของนัยน์ตาสีเงินยวงทำให้เด็กสาวเอียงคอครุ่นคิดสักครู่ แล้วเหลือบมองชุดนักเรียนของตนเองซึ่งยังไม่ได้เปลี่ยน แถมท้ายดัวยเสียงท้องร้องซึ่งดังขึ้นตอบรับโดยอัตโนมัติ แล้วเอ่ยตอบ

     สองอย่างเลยได้ไหมค่ะ เรย์

      รอยยิ้มบางบนใบหน้าคมรับคำตอบดังกล่าวอย่างว่าง่ายพลางฉุดมือเด็กสาวแล้วลากตัวออกไปโดยมีเสียงหวานสำทับมาตามหลังกับทุกคนในห้อง

     ไม่ต้องคิดมากนะค่ะ ทุกคน

     หลังจากแน่ใจว่าพ้นระยะที่ใครจะได้ยินได้ฟัง ร่างสูงของชายหนุ่มก็ผ่อนฝีเท้าที่รวดเร็วซึ่งเด็กสาวเดินตามไม่ค่อยทันเป็นช้าจนร่างเล็กเดินมาเคียงคู่ มือหนาจึงบีบมือเล็กแน่นขึ้นเล็กน้อยเพื่อเรียกความสนใจจากนัยน์ตาคู่สวย ที่แม้เจ้าตัวจะไม่หยุดเดินแต่นัยน์ตากลมโตที่เหลือบมองเป็นสัญญาณบางๆว่า เจ้าหล่อนกำลังตั้งใจดูทุกการกระทำ และฟังทุกคำพูดของเขาอย่างตั้งใจ

     ที่รับวิธีแบบนั้น เพราะวิธีแบบอื่นก็คงจะมีแต่ให้พี่เขาทำร้ายเธอ รึไม่ก็แล้งโยนเธอลงดาดฟ้าล่ะมั้ง มันจะทำให้พี่เขากลายเป็นคนไม่ดีในสายตาพวกฉันใช่มั้ย

     รอยยิ้มเจื่อนๆบนใบหน้าขาวเป็นคำตอบที่ดีเพราะเป็นสิ่งที่บอกได้ว่าโดนจับไต๋ได้แล้ว ร่างเล็กพยักหน้ารับอย่างแกนๆ พลางทำแก้มป่องแล้วเอ่ยอย่างขัดใจเล็กน้อย

     ดูออกอีกแล้ว ปิดเรย์ไม่ได้สักเรื่องเลยนะค่ะเนี่ย

     ผู้ฟังแย้มยิ้มกว้างขึ้นอีกหน่อย ก่อนจะเอื้อมมือเปิดประตูห้องนอนตรงหน้าอย่างเบามือ แล้วดูจนแน่ใจว่าไม่มีใครแล้ว มือหนาจึงปิดประตูแล้วลงกลอน

     เรย์ค่ะ

     ร่างเล็กที่หันมาเจอกับการกระทำแปลกๆถึงกับเอียงคอมองอย่างสงสัย แล้วก็ต้องชะงักเมื่อร่างสูงตรงหน้าเปลี่ยนสีหน้าเป็นเคร่งเครียด นัยน์ตาสีเงินคู่สวยเต็มไปด้วยความห่วงใยบางอย่างที่อ่อนโยน ซึ่งทำให้หัวใจดวงเล็กเต้นผิดจังหวะไปเล็กน้อยก่อนเอ่ย

     อีกเรื่อง ที่ลงไปนั่งตอนนั้น เพราะต้องการปกปิดอะไรบางอย่างสินะ ใช่รึเปล่า เรเนอร์

     นัยน์ตาสีเพลังเบิกกว้างอย่างคาดไม่ถึง ซึ่งทำให้คนมองถึงกับถอนหายใจหนักๆด้วยความเป็นห่วงที่เพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ มือหนาเอื้อมไปลูบแก้มขาวเบาๆ

     เรย์ เห็นเหรอค่ะ

     คงไม่ต้องตอบอะไรเมื่อนัยน์ตาสีเงินคู่สวยตรงหน้าซึ่งแสดงความรู้สึกชัดเป็นคำตอบที่ดีที่สุด ร่างเล็กจึงก้มหน้าหลบสายตาคู่คมของร่างสูง มือเล็กบีบแขนอีกข้างของตัวเองแน่นขึ้น และไร้ซึ่งเสียงตอบเมื่อเจ้าตัวไม่ต้องการตอบคำถามดังกล่าว

     กับพวกฉันที่นั่งอยู่อีกฝั่งถ้าเอามือปิดเฉยๆก็มองไม่เห็น แต่เพราะเจ้าพวกนั้นเข้ามาข้างๆสินะ อีกอย่าง เรเนอร์อยู่กับพวกเรามาหลายอาทิตย์แล้วนะ ทุกครั้งที่อยู่ด้วยกัน เธอไม่เคยแสดงสายตาว่ารังเกียจ หรือไม่อยากให้พวกเรามอง เธอเฉยๆทุกครั้ง ครั้งนี้ มันถึงผิดปกติ

     ฉันอายนี่ค่ะ

     เสียงหวานเอ่ยสวนทันควัน ซึ่งเขาคงจะเชื่อถ้าเด็กสาวไม่ตอบซะดังขนาดนี้

     อย่างน้อย ก็ไม่ควรจะเป็นกับฉัน ตอนที่สู้กับยัยเตี้ยนั่นเธอก็อยู่ในสภาพคล้ายๆแบบนั้นนี่ แต่ที่แน่ใจที่สุด คือแขนข้างขวาของเธอคอยปิดที่ไต้หน้าอกด้านซ้ายตลอดเวลาเลยต่างหากล่ะ สิ้นเสียงกล่าว ร่างเล็กจึงเงียบไม่เถียงเพราะจำนนต่อเหตุผลดังกล่าว มือหนารั้งใบหน้าหวานให้มาสบตากับเขาเบาๆ แล้วเสียงทุ้มจึงเอ่ยต่อ จะไม่ให้ถามก็ได้ แต่เหมือนฉันจะเห็นคราบเลือดรางๆ อย่างน้อยที่สุด ขอฉันดูมันหน่อยจะได้ไหม ถ้าเกิดมันอันตรายมาก ฉันจะทำแผลให้นะ ขอร้องล่ะ เรเนอร์

     ร่างเล็กไม่สามารถปฏิเสธไดๆได้ เพราะนัยน์ตาสีเงินตรงหน้านั้นล้ำลึกราวกับมีคำสาปอยู่ สาปให้คนที่จ้องมองเข้าไปต้องนิ่งขึงราวกับถูกสะกด ทำตามคำบอกของเจ้าของนัยน์ตาคมคู่นั้นทุกอย่าง เมื่อไม่ห้าม มือหนาจึงจับให้คนตัวเล็กนั่งบนเตียงนุ่ม พลางถือวิสาสะปลดเสื้อนอกและเสื้อเชิ้ตสีขาวออกอย่างรวดเร็ว ใบหน้าหวานซับสีเรื่อขึ้นมาเล็กน้อยโดยที่คนตรงหน้านั้นไม่ได้ทันสังเกต แล้วมือหน้าก็เลิกเสื้อกล้ามสีขาวขึ้น จนกระทั่งนัยน์ตาสีเงินก็ได้เห็นสิ่งนั้น สิ่งที่ทำให้คนมองถึงกับต้องกัดฟันกรอด

     แผลสดยาวเป็นรอยจากไต้หน้าอกเล็กพาดไปถึงเอวด้านเดียวกัน มันก็คงดูเหมือนแผลสดธรรมดาที่ควรได้รับการรักษาขั้นต้นก็เพียงพอ ถ้าเกิดว่า ไม่มีรอยสีดำคล้ายรอยสักซึ่งแผ่ออกมาจากแผลยาวนั่นคล้ายกับรูปของรากต้นไม้ซึ่งกำลังชอนไชลงไปในดิน และไอพิษจางซึ่งลอยออกมาจากบาดแผล รวมทั้งเลือดที่เคยเห็นว่าเป็นสีแดงคล้ำเป็นคราบ กลับกลายเป็นสีดำสนิทไหลซึมออกมาจากแผล

     คำสาปขั้นสูงสินะ เกินระดับเวทรักษาขั้นกลางแน่นอน ถึงขนาดเปลี่ยนสีเลือดเพราะไอพิษแบบนี้ ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้

     เสียงกล่าวที่คล้ายคลึงกับคำถาม แต่เป็นแค่เสียงพึมพำอย่างไม่ต้องการคำตอบไดๆ นิ้วเรียวลูบผิวเนื้อข้างบาดแผลซึ่งเริ่มเป็นสีคล้ำอย่างพินิจ ก่อนจะลองแตะคราบเลือดที่กลายเป็นสีดำโดยที่คนตัวเล็กนั้นห้ามไม่ทัน เพราะนิ้วเรียวนั่นชักออกทันทีที่สัมผัสเพียงเล็กน้อย

     นี่มัน ฤทธิ์กัดกร่อน

     คนตัวสูงสบถในใจเมื่อเห็นนิ้วของตัวเองมีรอยไหม้ทั้งๆที่แค่แตะลงไปบนคราบเลือดสีดำนั่นเพียงนิดเดียว เลือดสีดำที่เป็นผลจากไอพิษ หนำซ้ำยังมีฤทธิ์กัดกร่อนจากตราคำสาปบนแผล แค่เข้าแตะเบาๆยังร้อนแทบไหม้ แล้วร่างเล็กตรงหน้าเขานี่ล่ะ

     จู่ๆเลือดสีดำเจ้าปัญหาก็ไหลซึมออกมาจากปากแผลอีกระลอก นัยน์ตาสีเงินคู่สวยมองหาผ้าสะอาดอย่างรวดเร็ว แต่ทว่าเด็กสาวกลับยื่นผ้าผืนเล็กสีดำให้พร้อมกับเอ่ย

     มันมีอำนาจบรรเทาผลของคำสาปค่ะ แล้วเลือดสีดำก็กัดกร่อนมันไม่ได้ด้วยค่ะ ใช้อันนี้ดีกว่าค่ะ เรย์ ใช้อันอื่นเดี่ยวเสียของกันพอดีค่ะ

     มือหนาคว้าผ้าผืนเล็กมาซับเลือดที่ซึมออกมาอย่างเบามือ ปากก็พึมพำร่ายคาถาบางอย่าง แล้วมือหนาอีกข้างก็ทาบลงไปบนบาดแผลนั่น แสงสว่างวาบขึ้นแล้วจู่ๆก็เหมือนจะดับลงไปเฉยๆ แต่ร่างสูงยังคงวางมือไว้เช่นนั้น สักพักแสงสว่างนั่นก็สว่างขึ้น เลือดที่ซึมค่อยๆหยุดไหล และรอยสีดำที่แผ่ออกมาจากแผลค่อยๆหดลงไปทีละน้อย จนกระทั่งเหลือรอยไม่มากและเลือดนั้นหยุดไหล แสงนั้นจึงดับลง

     เวทนี่คงบรรเทาให้ได้สักพัก ฉันพยายามปรับให้มันเข้ากับพลังคำสาปแล้วนะ เพราะมันมีเกราะสะท้อนเวท คงจะทนได้มากกว่าเวทรักษาปกติสักสามเท่า

     ขอบคุณค่ะเรย์ เสียงหวานเอ่ยเบาๆ ซึ่งร่างสูงก็ไม่ได้เบาใจขึ้นเลยจากผลการรักษา คิ้วสีเข้มยังคงขมวดจนจะเป็นปมอยู่แล้ว สุดท้ายนัยน์ตาสีเงินจึงสบตากับนัยน์ตาสีเพลิงกลมโตนั่นตรงๆ แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจังโดยที่ร่างเล็กนั่นก็นั่งฟังด้วยอาการสงบนิ่ง

     ตามสัญญา จะไม่ถามหรอกนะ แต่ว่า สัญญากับฉันได้ไหม ว่าถ้าเธอเจ็บเมื่อไหร่ เธอจะต้องบอกฉันรึไม่ก็พวกเราคนไดคนหนึ่งในสถาบันนี้ พวกเราจะช่วยรักษา ได้ไหม เรเนอร์ หรือไม่ อย่างน้อยที่สุด ถ้าเธอไม่คิดจะบอกใครล่ะก็ บอกฉันได้ไหม

     ใบหน้าหวานก้มลงมองคนตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่สับสน เขาจะรู้บ้างไหมว่าการที่เขามองแบบนั้นด้วยนัยน์ตาสีเงินคู่นั้น มันทำให้เธอไม่สามารถเอ่ยปฏิเสธเขาออกมาได้เลย มันไม่ควรจะเป็นเวลานี้ เวลา ที่เขามองเธอด้วยความรู้สึกห่วงใยที่เธอไม่ค่อยได้รับจากใคร ไม่ควรจะเป็นเวลาที่เธอจำเป็นต้องปฏิเสธคำสัญญานี่เพราะนั่นคือหน้าที่ที่เธอต้องรักษา แต่เธอไม่อาจจะ...........

     ค่ะ เรย์

     แล้วเขาจะรู้หรือเปล่าว่า ที่ตอนนั้นที่ทดสอบกับรุ่นพี่ไลก้า ที่เธอเขินนั้น ไม่ใช่เพราะว่าแกล้งทำเพียงอย่างเดียว

     และก็ตอนนี้ ที่เธอหน้าแดงโดยไร้สาเหตุแบบนี้

     ไม่ใช่เพราะไม่อยากให้เขาเห็นแผลนี่

     แต่เป็นเพราะ เขามองอยู่ต่างหาก

     

     ในสถาบันไนท์ ที่มุมด้านหนึ่งของสวนหลังสถาบัน มีสิ่งก่อสร้างเป็นอาคารชั้นเดียวขนาดกลาง หรือพูดให้ถูก ก็คือร้านแอนทีคในสถาบัน ขายของเก่าหายากจากทั่วทุกมุมโลก ดังนั้นร้านแห่งนี้ จึงสร้างออกมาในสไตล์โบราณ ก่อด้วยอิฐสีเข้ม หลังคาสีเดียวกันก่อด้วยหินรูปทรงสวย และบานประตูหน้าต่างซึ่งลงสลักลวดลายอย่างสวยงาม และในวันนี้ร้านแห่งนี้ก็ได้มีลูกค้าคนหนึ่งมาเยี่ยมเยียน

     ที่นี่เหรอค่ะ ร้านแอนทีคของคุณ เฟยหลง ใหญ่จังเลย น่าเสียดายนะค่ะ ที่วันนี้รุยมีธุระเลยมากันไม่ครบ เสียงหวานเอ่ยเจื้อยแจ้ว ซึ่งเหล่าหนุ่มๆทั้งสี่ผู้พามาก็ยิ้มรับกันอย่างแกนๆ วันนี้เป็นวันหยุดเนื่องจากชดเชยให้หลังสอบเก็บคะแนน จะให้ทิ้งเด็กผู้หญิงไว้คนเดียวในห้องพักที่หอส่วนตัวเองออกมาทำธุระหรือว่าเที่ยวมันก็กระไรๆอยู่นะ ดังนั้นมติเอกฉันท์คือลากลงมาเที่ยวด้วย และเพราะต้องการป้องกันปัญหาซึ่งอาจเกิดขึ้นตามมาทุกครั้งที่คุณเธอย่างเท้าออกนอกสถาบัน

     ก็เลยเที่ยวมันในนี้ซะเลย

     เข้ามาเลยครับ คุณหนู ชายหนุ่มผู้เป็นของร้านเอ่ยติดตลก นัยน์ตาสีทองมองร่างเล็กซึ่งยิ้มกว้างอย่างดีใจอย่างเอ็นดู วันนี้เด็กสาวตรงหน้าเขาก็เหมือนทุกที เนื่องจากเจ้าตัวไม่มีชุดของตัวเองใส่ จึงต้องคอยเอาชุดที่คนอื่นเอามาให้หรือไม่ก็เป็นชุดที่เจ้าหล่อนบอกว่าเอามาใช้ทำงาน สาวน้อยจึงสวมชุดสวยอีกตามเคย เสื้อนอกสีดำเปิดเนินอกกว้างขอบเป็นเข็มขัดหนังติดด้วยระบายสีม่วงอ่อนคาดเข็มขัดยึดเสื้อที่เอวด้านขวาแล้วแหวกลงยาวจนสุดปลายเสื้อ ด้านในเป็นระบายลูกไม้สีม่วงอ่อนยาวจนถึงข้อเท้าทั้งด้านในและเสื้อด้านนอก แขนเสื้อยาวแหวกตั้งแต่ข้อศอกจนถึงปลายทั้งสองข้าง ลำคอขาวมีเข็มขัดหนังสีดำคาดอยู่รวมถึงรองเท้าส้นตึกสีดำสนิทมีสายคล้องผู้ยาวขึ้นไปจนเกือบถึงเข่า ก่อนมือหนาจะเปิดประตูบานกว้าง

     นัยน์ตาสีเพลิงเบิกกว้างด้วยความตื่นตาตื่นใจ เมื่อก้าวเท้าเข้าไปในร้านซึ่งดูสลัว ประดับด้วยเชิงเทียน และโคมไฟจำนวนมาก ผู้เป็นเจ้าของร้านดีดนิ้วเบาๆ เทียนทุกเล่มก็สว่างด้วยแสงไฟอ่อนๆดูเย็นตา เผยให้เห็นของเก่าแก่หลายรูปแบบตามชั้นวาง เมื่อร่างสูงดีดนิ้วอีกครั้ง โคมไฟก็เรืองแสงสีอ่อนเผยให้เห็นรายละเอียดสวยงามและบางชิ้นก็ดูชวนขนหัวลุกไม่หยอก มีทั้งหนังสือปกเก่าขาดรุ่งริ่ง จั่วหัวไว้ด้วยตัวอักษรสวยงามผิดกับชื่อเรื่องชวนสยอง เช่น การฆ่าแบบโรคจิตหนึ่งร้อยเก้าวิธีบ้างล่ะ การเลี้ยงดูสัตว์น่าขยะแขยงหนึ่งพันชนิดบ้างล่ะ บางเล่มก็เป็น คำสาปแช่งล้านแปด ให้ผลเร็วทันใจก็ยังมี และนอกจากหนังสือประหลาด ก็ยังมีหนังสือประวัติศาสตร์เล่มโตที่น่าสนใจอยู่มาก ซึ่งแน่นอนว่าเด็กสาวมองตาเป็นมันเลยทีเดียว มีทั้ง ตำนานเทพที่ถูกลืม คำทำนายของเครซาเอลฉบับเก่าสมบูรณ์เขียนด้วยมือ จดหมายเหตุเก่าๆซึ่งน่าจะหายสาบสูญไปนานแล้ว แล้วก็มีนิทานปรัมปราสมัยก่อน ของบางชิ้นเป็นชองใช้ หรือของประดับรูปร่างแปลกประหลาด ซึ่งก็สมชื่อร้านแอนทีคเพราะดูเหมือนจะมีของทุกอย่าง และมีลวดลายสวยงามของสมัยโบราณสลักเอาไว้ ส่วนของอาวุธที่เรียงรายอยู่ด้านหนึ่ง ก็ส่องประกายระยิบระยับ มองปราดเดียวก็รู้ว่า ทำจากแร่ชนิดหนึ่งที่มีความแข็งเป็นอันดับสองซึ่งถือว่าแพงที่สุดในตอนนี้ ส่วนแร่ที่หายากนั้นว่ากันว่าเอาไปทำอาวุธในตำนานเท่านั้น รวมถึงยังมีภาพวาดเก่าแก่ซึ่งคาดคะเนอายุน่าจะเยอะกว่าห้าร้อยปี เพราะวิธีการลงสีกับขอบกระดาษที่เก่าจนกรอบ มีอยู่หลายรูปซึ่งลงในข้อมูลของทางการว่าหายสาบสูญ ที่เด่นสะดุดตาก็คือ รูปของหญิงสาวคนหนึ่ง หญิงสาวที่ทำให้เด็กสาวถึงกับต้องหยุดยืนนิ่งอยู่หน้ารูปใหญ่ของเธอ นัยน์ตาสีเพลิงมองอย่างเรียบเฉย ก่อนเสียงหวานจะเอ่ย

     เฟยหลงค่ะ รูปนี้

     อ๋อ รูปของท่านเทพแห่งความตาย คาซาบลังก้า เธอเก่งประวัติศาสตร์ออกนี่นา ไม่รู้จักเหรอ เรเนอร์ หรือว่ารูปนี้มันสวยไม่เหมือนท่านเท่าไหร่

     ร่างสูงตอบอย่างฉงน ซึ่งทำให้ชายหนุ่มอีกสามคนที่สอยห้อยมาด้วยวันนี้ต้องเดินมาดูรูปที่ใหญ่ที่สุดในร้านรูปนี้ หญิงสาวในรูปมีผิวขาวราวกับหิมะในเหมันต์ฤดู ร่างของเธอจัดได้ว่าสูงเกินหญิงสาวทั่วไป ใบหน้าสวยได้รูปมีเสน่ห์ที่ดึงดูดชวนให้ใครก็ตามที่มองเข้าไปหลงใหลจนถอนตัวไม่ขึ้น ในภาพสวมชุดที่คล้ายชุดแต่งงานกระโปรงบานยาวสีขาวออกชมพูจับระบายยาวสามสี่ชั้น ด้านหลังเอวติดผ้าชีฟองหนาสีฟ้าอ่อนจับกลีบซ้อนหลายชั้นยาวระเรื่อยไปถึงพื้นกับริบบิ้นสีน้ำเงิน เสื้อสีขาวอ่อนอมชมพูเป็นเกาะอกขอบประดับด้วยลูกปัดมีห้อยลงมาเป็นสายส่วนน้อยเพื่อให้ดูเป็นลวดลายสวยงาม มีผ้าสายเล็กๆคล้องเสื้อไว้กับแขนขาวซึ่งสวมถุงมือยาวถึงต้นแขน คอขาวประดับด้วยสร้อยเส้นเล็กซึ่งเป็นเชือกเส้นบาง ห้อยจี้สีเงินซึ่งดูรูปร่างไม่ค่อยถนัด สวมผ้าคลุมหัวสีอ่อนซึ่งติดอยู่กับกิ๊บติดผมสีเงินรูปผีเสื้อ รอยยิ้มบางเบาแทบมองไม่เห็นประดับอยู่บนใบหน้า และนัยน์ตาสีแดงเลือดซึ่งเหม่อมองออกไปไกลแสนไกลซึ่งไม่สามารถรู้ได้ว่าจุดหมายของสายตานั่นอยู่ที่ไหน ร่างนั้นนั่งบนพื้นหิมะสีเทาของยามรัตติกาลที่ไร้แสงจันทร์ ท่ามกลางหิมะโปรยปราย

     ไม่เคยเห็นรูปวาดที่ท่านยิ้มหรอกนะ นี่รูปแรก คราวที่แล้วไม่เห็นนี่นา นายไปเอามาจากไหน เฟยหลง เจ้าของนัยน์ตาสีเงินอมม่วงเอ่ยถามเรียบๆ

     อืม มันขายทอดตลาดมืดมาน่ะ เห็นว่าเป็นสมบัติของตระกูลเก่าแก่ขายเป็นคู่กับกล่องเพลงที่เปิดไม่ได้ด้วย ฉันลองพยายามเล่นดูแล้วเอาไปใส่กับเครื่องอื่นก็แล้วมันก็ยังเล่นไม่ได้อยู่ดี นี่ไงอยู่ตรงนี้พอดี เคยลองแกะโน้ตแล้วนะ ลองลอกเลียนแบบดูก็แล้วแต่ฉันรู้สึกว่ามันไม่เหมือนน่ะ นายว่าไงล่ะ เชน เอ่ยพร้อมกับยกกล่องเพลงเจ้าปัญหาขึ้นมาโชว์ ซึ่งเชนก็พินิจดูคร่าวๆแล้วเอ่ย

     ฉันไม่เก่งเรื่องนี้หรอก นายว่าไงล่ะ มีความเห็นอะไรรึเปล่า ชุนจิโร่

     คนโดนโบ้ยเกิดอาการอึ้งเล็กน้อย แล้วก็เดินมาดูกล่องเพลงเจ้าปัญหานั่นเช่นกัน นัยน์ตาสีม่วงพินิจอย่างละเอียดแล้วเอ่ยข้อสันนิฐานออกมา

     ฉันว่า เหมือนสัมผัสไอเวทได้จางๆ ถึงจะบางมากก็เถอะ แต่ว่า มันทำไว้ให้ใครสักคนรึเปล่า คนคนเดียวที่เปิดมันได้น่ะหือ หรือจะว่าไงดีล่ะ เรย์

     เจ้าของชื่อผู้โดนหางเลขหันมามองเหล่าเพื่อนๆซึ่งจู่ๆก็โยนคำถามมาให้ตอบอย่างไม่สบอารมณ์เท่าไดนัก ก่อนเหลือบมองเด็กสาวที่ยืนนิ่ง

     มีอะไรเหรอ เรเนอร์

     เฟยหลงค่ะ คิดจะขายมันรึเปล่าค่ะ

     คำถามสั้นๆที่เล่นเอาคนฟังอึ้งไปเล็กน้อยไม่ใช่เพราะเนื้อความของคำถามนั่น แต่เป็นเพราะน้ำเสียงจริงจังและนัยน์ตาคู่สวยซึ่งเรียบเฉยผิดกับทุกที แม้ท่าทางภายนอกจะเหมือนเดิมทุกอย่าง แต่ความรู้สึกกดดันจางๆที่แผ่ออกมาเล็กๆนั่น ไม่เหมือนปกติ ก่อนคนโดนถามจะเอ่ย

     ขายน่ะ แต่จะขายให้คนที่เป็นเจ้าของมันเท่านั้น

     คำตอบสั้นๆที่ทำให้รอยยิ้มบางกว้างขึ้นบนใบหน้าหวาน ก่อนเจ้าตัวจะหันไปมองของอย่างอื่นต่ออย่างสนอกสนใจ เหล่าชายหนุ่มมองหน้ากันเองสักพักอย่างชั่งใจ ก่อนจะหันหลังกลับไปคนละทิศเมื่อรู้ว่าถามไปก็คงไม่มีคำตอบไดๆกลับมาจากเด็กสาว ร่างสูงของชายหนุ่มเจ้าของร้านเดินเข้าไปด้านหลัง แล้วหยิบของบางอย่างด้านในเหล่าชายหนุ่มที่เหลือก็ยังคงเดินดูของประหลาดที่ไม่ว่าจะมากี่ครั้งก็ยังสำรวจไม่หมดเสียที คงจะมีเพียงเจ้าของนัยน์ตาสีเงินเท่านั้นที่ยังคงครุ่นคิดอะไรบางอย่าง

     รูปวาดนั่น ถ้าจำไม่ผิด เป็นรูปวาดรูปเดียวที่ท่านเทพคาซาบลังก้า เดทเทออนคนนั้นยิ้มนี่นา

     ทั้งๆที่เป็นภาพที่เป็นข่าวโคมลอยที่ไม่น่าเชื่อถือแม้ในช่วงประวัติศาสตร์ยุคเก่า

     ที่น่าตกใจคงไม่ใช่ว่าเฟยหลงไปหามาได้ยังไง ไม่เกี่ยวกันหรอก

     เพราะเรเนอร์ดูไม่ตกใจเรื่องที่เฟยหลงหามันมาได้ยังไง

     แต่ตกใจเพราะเห็นผู้หญิง ท่านเทพคาซาบลังก้าในรูปมากกว่า

     ที่แปลกก็คือ เรเนอร์เหมือนจะรู้อะไรบางอย่างเกี่ยวกับมันด้วย

     เจ้าของเท่านั้นที่เปิดได้งั้นเหรอ

     แล้วมันคือ...........อะไรกันนะ

     นัยน์ตาสีเพลิงซึ่งสำรวจของหลายอย่างตรงหน้าอย่างสนใจก็เหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างวางอยู่บนเคาน์เตอร์ยาว กล่องกำมะหยี่สีดำที่เปิดอ้าอยู่ ร่างเล็กสาวเท้าเข้าไปใกล้ด้วยความสนใจแล้วก็พบกับ สร้อยคอสองเส้นซึ่งมีสภาพเหมือนกันแบบไม่มีผิดเพี้ยนวางอยู่บนเคาน์เตอร์ สายสร้อยเป็นเชือกเส้นบาง และมีอัญมณีเม็ดเล็กสีทองรูปดาวห้าแฉกเป็นจี้ห้อยเอาไว้ และกำลังเรืองแสงจางๆ

     มือเล็กยื่นเข้าไปใกล้สร้อยสองเส้นนั้นอย่างสนใจ แสงสว่างบนจี้ก็ทอแสงกล้าขึ้นอีก นัยน์ตาสีเพลิงมองอย่างฉงนก่อนจะลองหยิบจี้เม็ดเล็กขึ้นมาดู

     สลักลายสวย ประณีตมาก ช่างที่ทำคงจะเป็นคนที่เก่งมากจริงๆ ลงเวทสลักไว้ด้วยแฮะ......เอ๊ะ

     นี่มัน................เวทสลักแบบนี้ มันใช่

     เวทสลักผูกชีวิตรึเปล่าน้า

     หา................เวทสลักผูกชีวิต

     อ้ะ เรเนอร์ นั่นเธอถืออะไรอยู่ เสียงเอ่ยลั่นของชายหนุ่มเจ้าของนัยน์ตาสีทอง ซึ่งเรียกสายตาทุกคู่ให้หันมองอย่างตกใจ ร่างสูงรีบปราดเข้ามาหาเด็กสาวอย่างเร่งรีบ

     จะพูดว่าอะไรดี ให้ตายสิ

     เฟยหลงค่ะ?”

     หมูบินได้แล้ว! เธอจับมันไปแล้วจริงๆด้วย ท่านเทพไคล่าเป็นพยานเถอะขอรับ ผมแค่เผลอนึกอยากเอามันมาขัดเท่านั้นเองนะ ถึงมันจะยังไม่มีฝุ่นก็เถอะ ท่านมาดลใจให้ผมเอามันออกมาขัดทำไมล่ะ ปัดโธ่ อยากจะเอาหัวโขกเต้าหู้ตายจังเลยเฟ้ย

     สิ้นเสียงสบถยาวกับตัวเองซึ่งเรียกให้สายตาทุกคู่มองตามอย่างฉงน พลางเดินเข้ามาดูสถานการณ์ตรงหน้าอย่างงุนงง แต่เด็กสาวซึ่งพวกเขาคาดว่าเป็นคนต้นเรื่องนั้นยืนมองร่างสูงที่กำลังโวยวายกับตัวเองด้วยใบหน้าเจื่อนๆ ราวกับเข้าใจทุกอย่างโดยดี

     ขอโทษนะค่ะ เฟยหลง ฉันไม่ทราบจริงๆค่ะก็เลย

     เหมือนคนที่โวยวายมาตั้งแต่เมื่อครู่จะเพิ่งรู้สึกตัว ใบหน้าคมหันขวับมาหาเด็กสาวอย่างรวดเร็ว พร้อมกับแย้มยิ้มบางให้ ก่อนจะเอ่ยพลางยีหัวเล็กเบาๆ

     ช่วยไม่ได้หรอก ทั้งๆที่มันไม่มีฝุ่นจับหรืออะไรแต่ฉันดันเอาออกมาเองแบบนี้มันก็ช่วยไม่ได้ คงจะเป็นโชคชะตาล่ะมั้ง เอาเถอะ กฎก็ต้องเป็นกฎ เธอเต็มใจรึเปล่า

     หมายความว่ายังไงกันเนี่ยพวกเธอสองคน มันเรื่องอะไรกัน เจ้าของนัยน์ตาสีม่วงเอ่ยถามขึ้นอย่างอดรนทนไม่ได้เพราะสองคนนี่เอาแต่พูดอะไรที่รู้เรื่องกันอยู่แค่สองคน แต่บางคนที่มองอยู่ได้สักพักก็ถอนหายใจหนักๆเมื่อสามารถเดาเรื่องได้ไม่ยาก เชนจึงเอ่ยตอบแทน

     สร้อยเส้นนั้น พูดให้ถูก อัญมณีเม็ดนั้น ถ้าใครแตะต้องมันเป็นคนแรก นายจะต้องเป็นไนท์ของเขาใช่หรือเปล่า ถ้าฉันเดาไม่ผิดเป็นกฎของตระกูลสินะ

     ผู้ฟังพยักหน้ารับคำกล่าวนั่นอย่างเต็มใจไร้ข้อโต้แย้งซึ่งเล่นเอาคนที่กังขาอยู่นานถึงกับอ้าปากเหวอพลางยืนนิ่ง เด็กสาวจึงเอ่ยออกมาอย่างสำนึก

     ขอโทษจริงๆนะค่ะ แน่ใจนะค่ะ จะให้ฉันเป็นมาสเตอร์ของคุณน่ะ

     มาถึงขั้นนี้แล้วนี่นา อย่าคิดมากเลยน่า เอาล่ะ ทำสัญญากับฉันเถอะนะ เรเนอร์

     ชายหนุ่มเจ้าของนัยน์ตาสีทองเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน อ่อนโยนจนเหล่าเพื่อนๆที่เพิ่งเคยได้ยินถึงกับหันมามองซ้ำสองว่านี่ใช่ไอ้เพื่อนจอมกวนของพวกเขารึเปล่า เด็กสาวแย้มรอยยิ้มบางๆเป็นการตอบรับอย่างแน่นอนที่สุด แล้วเอ่ยแซวเล็กน้อย

     จริงๆก็เป็นคนอบอุ่นเหมือนกันนะค่ะ เฟยหลงเนี่ยน้า

     โครม

     พวกนาย ระวัง!

     เสียงกล่าวแสนคุ้นเคยที่ดังขึ้นกะทันหันพร้อมกับประตูบานใหญ่หน้าร้านที่เปิดผลัวะเข้ามา พร้อมกับฝุ่นตลบ กับร่างปราดเปรียวในชุดคลุมสีดำซึ่งพุ่งเข้าไปในร้านโดยที่ยังไม่มีใครสามารถตั้งตัวได้ทัน ตามมาด้วยร่างสูงเจ้าของนัยน์ตาสีแปลกเพื่อนสนิทของพวกเขาซึ่งอยู่ในสภาพที่มีรอยช้ำอยู่นิดหน่อย

     รุย นี่มันเรื่องอะไรกันน่ะ เสียงโวยจากชุนจิโร่ดังขึ้นก่อนหลังจากไอค็อกแค่ก นัยน์ตาสีม่วงกราดไปรอบตัวเพื่อสำรวจสภาพรอบกาย และเมื่อกวาดตาจนทั่วก็เบิกตากว้าง พลางหันไปมาเพื่อสำรวจอีกครั้งให้แน่ใจ ก่อนเอ่ยเสียงลั่น เรเนอร์หายไปไหน

     คำกล่าวที่ทำเอาคนฟังถึงกับใจหายวาบ พลางกวาดตามองหาร่างเล็กของเด็กสาวเพียงคนเดียวในสถานที่นี้กันเลิกลั่ก จนกระทั่งมีเสียงหวีดแหลมหัวเราะดังๆ สายตาทุกคู่ของเหล่าชายหนุ่มจึงหันขึ้นไปหาต้นเสียงซึ่งบัดนี้ยืนท้าลมอยู่บนหลังคาโดยมีร่างเล็กของเด็กสาวเจ้าของเรือนผมสีเพลิงซึ่งสลบไม่ได้สติถูกอุ้มอยู่หลวมๆ และที่เหนือเนินอกขาวมีเข็มสีเงินเล่มยาวปักอยู่

     แก เด็กสาวคนนั้นไม่เกี่ยวนะ เจ้าของนัยน์ตาสีแปลกเอ่ยเสียงกร้าว มือหนากำหมัดแน่นจนสั่นระริก ร่างในผ้าคลุมหัวเราะเล็กน้อย แล้วเอ่ยเสียงแหบ

     อยากได้คืนก็ต้องมาเอา แลกคืนด้วยชีวิตของแกไงล่ะ

     สิ้นเสียงร่างนั้นก็หายวับไปอย่างไร้ร่องรอย ซึ่งเหล่าชายหนุ่มทั้งหมดซึ่งยืนอยู่จนถึงเมื่อสักครู่ก็ก้าวออกจากที่นั่นแล้วเช่นกัน

     นี่ขนาดจับเที่ยวในสถาบันแล้วนะ

     

     นี่มันเรื่องอะไรกัน รุย เสียงเอ่ยถามที่ค่อนข้างเข้มกว่าปกติเป็นการบังคับให้คนฟังตอบอย่างเสียไม่ได้ เจ้าของนัยน์ตาสีแปลกผู้ถูกเรียกเหลือบมองร่างสูงของเพื่อนสนิทเจ้าของนัยน์ตาสีเงินซึ่งกำลังกระโจนแหวกป่าดงดิบทางด้านตะวันออกของเมืองอย่างรวดเร็วไม่ต่างกับอีกสามคนที่ทำเหมือนกันโดยความเร็วไม่ตกและแน่นอนว่าเงี่ยหูฟังคำตอบจากเขาเต็มที่

     ขอโทษจริงๆ เพราะว่านั่นมันงานของฉัน ฉันมีหน้าที่ต้องจับและรีดความลับจากมัน แต่เกิดปะทะกันขึ้นจนกระทั่งมันบุกมาหาพวกนายนั่นแหละ ฉันไม่คิดว่า มันจะเห็นแล้วก็จับเรเนอร์ไปเลยแบบนั้น หมอนั่น เป็นคนของลอร์ดแบล็คครอส

     คำอธิบายที่คนฟังพิจารณาอย่างสนใจ ก่อนชายหนุ่มเจ้าของนัยน์ตาสีเงินอมม่วงผู้ฟังคำอธิบายเมื่อครู่จะเอ่ยถามออกมา

     นาย ทำงานให้ฝ่ายข่าวกรองงั้นสินะ รุย

     ความเงียบคือคำตอบที่ดีสำหรับคำถามดังกล่าวอย่างไม่ต้องสงสัย ทั้งห้าไม่มีใครพูดอะไรกันจนกระทั่งถึงจุดหมายปลายทางด้านหน้า

     ถ้ำเล็กๆในหน้าผาสูงชะลูดซึ่งเงยหน้าขึ้นไปก็มองแทบไม่เห็นยอด ทั้งห้าเหลือบมองกันเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าให้กันอย่างรวดเร็ว แล้วกระโจนเข้าไปพร้อมกัน

     

     ในถ้ำที่ควรจะมืดมิดจนไร้แสง กลับสว่างจ้า เมื่อด้านในสุดของถ้ำเล็กๆนี่เป็นโถงขนาดใหญ่ด้านบนมีแสงลอดเข้ามาเล็กน้อย ซึ่งแสงเหล่านั้นกระทบกับคริสตัลใสซึ่งเป็นผนังของโถงนี้ สะท้อนไปมาจนทอประกายระยิบระยับจนแสบตาถ้ามองนานๆ ร่างเล็กของเด็กสาวในชุดสวยซึ่งบัดนี้ชายผ้าขาดลุ่ย เรียวขาขาวมีบาดแผลฟกช้ำเล็กน้อย แขนเรียวเองก็แดงเป็นจ้ำๆช้ำเป็นจุดๆ ข้อมือบางถูกมัดเอาไว้กับเสาต้นหนึ่งซึ่งตั้งตระหง่านอยู่บนพื้นยกสูง ข้อเท้าบอบบางลูกล่ามเอาไว้ด้วยโซ่ยาว แต่ใบหน้าขาวยังคงไร้ความรู้สึกไดๆ นัยน์ตาสีเพลิงยังคงแน่วแน่ไร้ซึ่งความขลาดเขลาให้เห็น และรอยยิ้มบางๆที่ยังคงแย้มบนใบหน้าหวานนั่น

     ใช้รุยเป็นตัวล่อสินะค่ะ จงใจหงายไพ่ให้เขาเห็น เพื่อจะลอบเข้ามาจับฉันไปโดยที่ไม่ต้องบุกเข้าไปในสถาบัน ใช่หรือเปล่าค่ะ

     คำถามที่คนฟังซึ่งกำลังง่วนอยู่กับเครื่องมืออะไรบางอย่างซึ่งอยู่อีกมุมหนึ่งถึงกับหลุดหัวเราะเสียงเย็นออกมา ทว่ามันไม่ใช่เสียงแหบแห้งเหมือนเมื่อสักครู่ เป็นเสียงหวานอย่างมีจริตแลฟังชวนให้ขนหัวลุกยังไงชอบกล มอบางในผ้าคลุมจึงปลดผ้าสีดำออกพลางเอ่ย

     สมแล้วที่เป็นคนที่เอาเทคีลาร์ไปได้ ถึงยอมให้ฉันจับมาง่ายๆแล้วค่อยมาโวยวายเอาทีหลังสินะ แต่เสียใจด้วย พิษที่ฉันปักอกเธอไปมันไม่หายกันง่ายๆหรอกนะ
     เมื่อเอาผ้าคลุมออก ร่างสูงของหญิงสาวคนหนึ่งก็ปรากฏในสายตา ผิวของหล่อนขาวอมชมพู เสื้อผ้าเป็นเสื้อแขนกุดปิดคอสีดำโชว์สะดือและกางเกงยาวสีเดียวกัน ที่แขนขาวมีรอยสักเป็นสัญลักษณ์กางเขนคว่ำสีดำ สวมกำไลข้อมือสีทองทั้งสองข้าง นัยน์ตาและเรือนผมยาวประบ่าสีม่วงอ่อนทำให้ร่างสูงของหญิงสาวผู้นี้ดูสวยจัดมีเสน่ห์ และลึกลับอย่างน่าพิศวง

     อะไรกัน ไม่ใช่ระดับเกรทเหรอค่ะ อย่างคุณ คิดว่าคงแค่ระดับนัมเบอร์สินะค่ะ

     เสียงหวานเอ่ยกล่าวเรียบๆ แต่เนื้อความของมันเป็นการดูถูกกันอย่างโจ่งแจ้งทำให้ลมอะไรบางอย่างพักวูบผ่านใบหน้าหวานของผู้เอ่ย เลือดสีสดไหลลงมาจากบาดแผลยาวบนใบหน้าขาว และใบมีดยาวสีเงินซึ่งกระแทกผนังคริสตัลด้านหลังจนกระเด็นตกพื้น

     หุบปากดีๆของเธอซะ เป็นแค่เครื่องมือของทางการ เธอเองก็ไม่ต่างจากฉันหรอกนะ ถ้าไม่ทำตามล่ะก็ คงต้องฝ่าฝืนคำสั่งว่าให้พากลับไปเป็นๆแล้วล่ะ

     เสียงหวานจัดนั้นเอ่ยกร้าวด้วยแรงโทสะ ไม่เหลือมาดนิ่งเดิมซึ่งคนยั่วรู้ดีว่าจี้ลงไปถูกจุด รอยยิ้มบางบนใบหน้าหวานของเจ้าของนัยน์ตาสีเพลิงจึงไม่หายไป เพียงแต่ดูเหมือนพิษที่หญิงสาวคนนั้นอวดสรรพคุณเอาไว้จะเป็นเรื่องจริง เพราะตอนนี้เธอขยับตัวไม่ได้เลย

     แย่จังเลยนะ แค่ระดับเท่านี้แท้ๆ

     เครื่องมือยังงั้นเหรอ หึ นั่นสินะ

     แต่ไม่ใช่หรอก............ไม่ใช่

     จับได้แล้ว เห็นฝีมือของ นัมเบอร์สิบสองอย่างฉันรึยัง เสียงหวานจัดของหญิงสาวเอ่ยลั่นกับตัวเองด้วยความสะใจ พร้อมๆกับร่างสูงของชายหนุ่มสองคนที่โผล่ขึ้นที่ปากทางเข้าโถงใหญ่นี่ ผู้เป็นไนท์ของเธอทั้งสองคนถูกตรึงเอาไว้ด้วยม่านตาข่ายประจุไฟฟ้าทั้งด้านหน้าและด้านหลัง นัยน์ตาสองคู่กราดมองสภาพรอบตัวอย่างสงสัยและเมื่อเหลือบมองเข้ามาในโถงคริสตัลก็เห็นร่างเล็กของเด็กสาวที่ใบหน้าหวานยังคงประดับด้วยรอยยิ้มอ่อนละมุนส่งให้คนที่กำลังมองหล่อนอยู่เสมอ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×