ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Knight of night

    ลำดับตอนที่ #4 : Night 4

    • อัปเดตล่าสุด 11 มี.ค. 52


     

     เปรี้ยง

     เสียงกัมปนาทดังลั่นพร้อมกับแรงลมจากการระเบิดอัดให้ร่างเล็กของเด็กสาวเจ้าของนัยน์ตาสีเพลิงในอ้อมกอดของชายหนุ่มผมยาวสีแดงเข้มจนเกือบดำกระเด็นลิ่วไปไกลเกือบสี่ห้าเมตร กลางแรงระเบิดมีร่างสูงของชายหนุ่มเจ้าของนัยน์ตาสีเงินยวงยืนหอบหายใจแรงโดยใช้ดาบยันตัวกับพื้นไม่ให้ล้ม ผมสีเข้มระต้นคอพลิ้วไสว และบาดแผลเล็กตามร่างกายที่เรียกได้ว่าสะบักสะบอม ทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าขาวซีดกว้างขึ้นอีกเล็กน้อย ก่อนเสียงเย็นเยียบจะเอ่ยออกมาเป็นครั้งแรกหลังจากเล่นซะพังไปเป็นแถบ

     จะคืนของของเรามาได้รึยังสาวน้อย ไม่อย่างนั้นเด็กหนุ่มคนนี้ตายแน่

     นัยน์ตาสีเพลิงยังคงจ้องมองเข้าไปในดวงตาสีเลือดด้วยแววตาที่ไม่เปลี่ยนแปลงเป็นคำตอบอย่างดีสำหรับคำถามดังกล่าว และยิ่งดูเหมือนจะเต็มไปด้วยโทสะบางเบาซึ่งมองไม่เห็นอยู่หลังความจริงจังและนิ่งเฉยนั่น ทำให้คนข้างกายต้องหรี่นัยน์ตาสีอ่อนมองอย่างชั่งใจ

     โกรธ....เหรอ?

     หรือว่ายังไม่รู้สึกอะไรเลย

     เลิกเถอะครับ ขืนยังสู้ต่อจะตายเอานะ ผมแค่มีปัญหากับสาวน้อยคนนี้เท่านั้น แถมดูหล่อนจะเฉยมากเลยนะครับ ขนาดเธอบาดเจ็บขนาดนี้ หล่อนยังนั่งนิ่งอยู่เลย เสียงทุ้มเย็นเยียบเอ่ยสำทับความคิดของคนข้างกายเด็กสาวอยางเหมาะเจาะ และทำให้ร่างสูงของคนที่สะบักสะบอมขยับลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว นัยน์ตาสีเงินยังคงฉายแววมุ่งมั่นและเอาจริงโดยไม่เปลี่ยนแปลงเพราะคำพูดเมื่อครู่แม้แต่น้อย

     มันเป็นหน้าที่ที่ต้องทำ ไนท์ต้องปกป้องมาสเตอร์ด้วยชีวิต เสียงทุ้มเอ่ยเรียบๆ ก่อนจะเอ่ยต่อพร้อมกับรอยยิ้มบางบนใบหน้าคม ขืนเอาชีวิตมาทิ้งกับเรื่องพรรค์นี้ ฉันคงจะโดนสาวน้อยแถวนี้ของนายโกรธใส่ แล้วงอนตุ้บป่อง ขนาดง้อแล้วง้ออีกไม่หายเอาน่ะสิ

     คำพูดแสนเรียบง่ายปนอารมณ์ขันเล็กน้อยทำให้ใบหน้าขาวซีดแสดงความประหลาดใจออกมาเล็กน้อย รวมทั้งเรียกรอยยิ้มกว้างจากเจ้าของใบหน้าหวานได้ไม่ยาก และเสียงหัวเราะบางๆจากคนที่ถูกเรียกว่าเป็นคู่แข่งตลอดกาลกับเพื่อนสนิทที่สุดของเขา

     พร้อมๆกับเสียงเย็นเยียบที่ดังขึ้น

     งั้น ก็คงต้องผ่านคุณไปให้ได้สินะครับ ช่วยไม่ได้นะ ไม่ปราณีแล้วนะครับ

     สิ้นคำกล่าวการปะทะกันก็เริ่มขึ้นอีกครา ร่างเล็กของเด็กสาวยืนนิ่งก่อนจะตัดสินใจสาวเท้าเข้าไปกลางวงการต่อสู้อย่างรวดเร็ว แต่ทว่ายังไม่ได้ออกเดินก็ถูกใครบางคนยืนขวางไว้ก่อน

     เชน

     ทำสัญญากับฉันได้ไหม เรเนอร์

     เสียงทุ้มเอ่ยออกมาสั้นๆ เด็กสาวยืนนิ่ง ใบหน้าหวานฉายแววประหลาดใจเล็กน้อย ก่อนเสียงหวานจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบ ด้วยคำถามเดียวกันกับอีกคนที่เคยถามมาแล้ว

     เชน แน่ใจนะค่ะ จะให้ฉันเป็นมาสเตอร์ ร่างสูงยิ้มออกมาบางๆเมื่อได้ยินคำถามดังกล่าว ก่อนเสียงทุ้มจะเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงเรียบ

     ถ้าฉันไม่ทำ ไม่เธอก็มันที่อาจจะต้องเจ็บตัวไปมากกว่านี้ ได้ไหม เรเนอร์

     และรอยยิ้มบางที่แย้มขึ้นบนใบหน้าหวานถือเป็นคำตอบอย่างดีสำหรับคำขอของชายหนุ่ม ร่างสูงจึงนั่งชันเข่าลงตรงหน้าเด็กสาว มือหนายื่นอัญมณีรูปทรงกลมสีน้ำเงินเข้มขนาดเกือบครึ่งของนิ้วชี้ มือเรียวของเด็กสาวร่างเล็กยื่นมารับอัญมณีเม็ดกลมๆมาถือไว้ในมือ ลมที่เคยพัดบางๆกลับไหววูบชั่วครู่ก่อนแปรเปลี่ยนเป็นลมกรรโชกหมุนวนรวมกันที่มือเล็กของเด็กสาว ปรากฏดาบยาวคู่กายของเด็กสาวร่างเล็กลอยคว้างและทอแสงอยู่กลางอากาศ และไดอาของหญิงสาวที่ต้นคอซึ่งถูกล้อมรอบด้วยรอยสักส่องประกายวาววับ นัยน์ตาสีเพลิงจ้องมองอัญมณีในมือบาง ก่อนเสียงหวานจะเอ่ยราวกับรำพัน

     รี เอนเด ราวกับมีปฏิกิริยาตอบรับ อัญมณีสีสวยเรืองแสงสีน้ำเงินยวงสว่างจ้า จนกระทั่งเสียงหวานเอ่ยต่อ เชีย รานาส พรีเรล วงอักขระวาววาบไต้ร่างของทั้งสอง ก่อนเสียงหวานจะกล่าว ต่อหน้าทวยเทพแห่งศรัทธายามราตรี ขอประกาศพันธะสัญญาปกปักษ์ แด่ไนท์ของข้า เครเวิร์ด เชน อัศวินแห่งสนธยา !

     แล้วใบหน้าหวานก็โน้มลงไปหาอัญมณีใสสีน้ำเงิน ก่อนริมฝีปากสีสดจะประทับลงไปอย่างแผ่วเบา

     แสงสว่างวาบราวกับพระอาทิตย์ยามเช้าในรัตติกาลที่แสนมืดมิดแห่งนี้ ทำให้นัยน์ตาสีเลือดของเจ้าของใบหน้าขาวซีดหันกลับมาที่ต้นตอของแสงสว่างอย่างฉงน รวมทั้งชายหนุ่มร่างสูงเจ้าของนัยน์ตาสีเงินก็ทำเช่นเดียวกัน กระทั่งแสงสีขาววาวค่อยจางลง กลุ่มควันหนาที่ฟุ้งจากการระเบิดหลายครั้งค่อยจาง ปรากฏร่างของชายหนุ่มนัยน์ตาสีเงินอมม่วงคนนั้น เสื้อสีขาวครีมปิดคอแขนยาวพาดลายสีดำจากคอเฉียงด้านซ้ายถึงอกแกร่ง กางเกงสีเดียวกันกับเสื้อห้อยเชือกสีดำกรุยกรายหลายเส้นยาวไม่เท่ากัน ที่เด่นสะดุดตาจริงๆก็คือ รอบข้อมือหนาด้านซ้าย มีของที่คล้ายกับกระจกซึ่งแตกเป็นชิ้นๆหลายสิบชิ้นส่องประกายระยิบระยับ ส่วนไดอาของร่างสูงก็รวมตัวกันกลายเป็นกำไลสีน้ำเงินใสที่ข้อมือบางของร่างเล์ก

     คราวนี้ ใครกันแน่ที่ไม่ปราณีใคร เกรท กีราส

     มือหนาของร่างสูงในชุดขาวชูขึ้นมาด้านหน้า ก่อนจะปรากฏดาบยาวสองคมหนาล้ายกระบี่ยาวจนเกือบถึงคอของผู้เรียก ด้ามดาบเป็นสีทองห้อยพู่สีเงิน เรียกให้สาวตาหลายคู่มองดาบในมือของชายหนุ่มร่างสูงเจ้าของนัยน์ตาสีเงินอมม่วงด้วยความรู้สึกหลากหลาย

     ยังไม่ทันที่ใครจะได้กล่าวอะไรออกมา ร่างขาวซีดของชายในชุดตัวตลกก็พุ่งไปที่ร่างเล็กของเด็กสาวอย่างรวดเร็วจนแทบไม่มีใครมองทัน มือหนาขาวซีดเอื้อมออกไปสุดมือโดยมีเป้าหมายที่จะแทงทะลุลงไปในอกของเด็กสาว เพื่อบรรลุเป้าหมายของเขา

     วาบ

     เปรี้ยง

     แสงสีดำสว่างวาบจากเป้าหมายของชายในชุดตัวตลก และหายไปอย่างรวดเร็วในทันทีที่สองร่างของชายหนุ่มผู้เป็นไนท์ของเด็กสาวกระโจนเข้ามาขวางหน้า และอัดเวทแรงระเบิดแบบไม่ยั้งมือ แรงระเบิดทำให้ร่างขาวซีดกระเด็นกลับไปในทางที่จากมาอย่างไม่ยากเย็น

     สาวน้อย..........เธอ.........จะทำลายเทคีลาร์เม็ดนั้น สินะ

     เสียงเย็นเยียบเอ่ยออกมา แต่คราวนี้มันแฝงไปด้วยแรงโทสะพุ่งพล่านอย่างที่คนฟังถึงกับอึ้ง และยิ่งนัยน์ตาสีเลือดซึ่งจ้องมองเด็กสาวร่างเล็กด้วยความอาฆาต

     ชายหนุ่มผู้เป็นไนท์ทั้งสองยังคงคอยระวังร่างสูงของชายในชุดตัวตลกซึ่งดูแล้วสามารถกระโจนเข้ามาหาเด็กสาวด้านหลังของพวกเขาได้ทุกเมื่อ แต่นัยน์ตาสองคู่ก็ยังคงเหลือบมองกันเองด้วยความฉงนรวมถึงเหลือบมองเด็กสาวร่างเล็กที่ยังคงยืนนิ่ง

     ค่ะ มันเป็นสิ่งที่ฉันทำได้..................ไม่ว่ายังไง เทคีลาร์เม็ดนี้ ก็ต้องทำลายทิ้งเท่านั้นค่ะ

     เสียงหวานเอ่ยยืนยันหนักแน่น นัยน์ตาสีเลือดซึ่งวาวด้วยเพลิงอาฆาตกลับกลายเป็นแววตาเจ้าเล่ห์เหมือนตอนสู้กันช่วงแรกอย่างรวดเร็วราวกับแววตาแห่งความอาฆาตนั่นเป็นเพียงภาพลวงตาเพียงชั่วครู่  แล้วเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเดิมซึ่งไร้เพลิงโทสะแบบเมื่อครู่

     แม้วิธีการนั่น.............จะทำให้เธอเจ็บปวด จนเธอคิดว่าตายไปซะยังจะดีกว่าน่ะเรอะ

     คำกล่าวที่ทำให้สองร่างของผู้เป็นไนท์หันขวับไปมองร่างเล็กของเด็กสาวอย่างตกใจ รอยยิ้มสวยแย้มบนใบหน้าหวานก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ

     ไม่จำเป็นต้องห่วงหรอกค่ะ เพราะยังไงชีวิตของฉัน ฉันก็ใช้มันเพื่อสิ่งที่ฉันเชื่อเท่านั้น และตอนนี้สิ่งที่พวกคุณทำ ขัดกับความเชื่อสูงสุดของฉันค่ะ

     ร่างสูงขาวซีดในชุดตัวตลกยืนนิ่งเมื่อจบคำพูดของเด็กสาว ก่อนจะหัวเราะเบาๆ สาวเท้าถอยหลัง พร้อมกับโค้งหัวให้เป็นการอำลา พลางเอ่ย

     มิน่า มิเคลียถึงถูกใจเธอนัก แล้วสักวัน สาวน้อย สักวัน ฉันจะคอยดู ว่าความเชื่อของเธอจะหันมาทำร้ายเธอบ้างรึเปล่า ลาก่อน

     ทิ้งไว้เพียงเสียงหวีดหวิวของสายลมยามกลางคืนที่พัดเบาๆ

     จนกระทั่งเสียงทุ้มของใครบางคนดังขึ้น

      มาแล้วก็ไป นี่ฉันไม่อยู่แค่สองชั่วโมง ทำไมมันต้องเกิดเรื่องทุกทีเลยนะ เป็นอะไรรึเปล่า คานาเมะ เรเนอร์ ไอ้เจ้าพวกลูกศิษย์อวดดี

     ....................................................ก่อนสองเสียงของไนท์ทั้งสองจะประสานกันโดยไม่ได้นัดหมาย

     อาจารย์!

     

     งั้น จีนิสก็เป็นอาจารย์สอนดาบของทั้งเรย์แล้วก็เชนน่ะสิค่ะ สุดยอด มิน่าทั้งคู่ถึงได้เก่งกันขนาดนั้น เรเนอร์เอ่ยขึ้นอย่างตื่นเต้นพร้อมๆกับรอยยิ้มแหยๆของคนที่เล่าว่าเป็นลูกศิษย์

     หลังจากเหตุการณ์สงบลง ร่างสูงกำยำของชายหนุ่มเจ้าของผมสีเพลิงยาวระต้นคอไว้เป็นรากไทรชี้ยุ่งเล็กน้อยดูมีเสน่ห์  และนัยน์ตาสีฟ้าเข้มจนเกือบน้ำเงินในชุดของมาสเตอร์ประจำร้านก็จัดแจงลากทุกคนที่ยังคงอึ้งอยู่เข้าร้านที่บัดนี้มีหลุมใหญ่เบ้อเริ่มอยู่ตรงกลางพร้อมกับไล่แขกที่แตกฮือออกจากร้านด้วยเหตุผลสั้นๆที่ทำเอาคนมองทำหน้าปูเลี่ยน ไม่เว้นแม้แต่มาสเตอร์เจ้าของร้านอีกคน

     วันนี้ขี้เกียจรับแขก กลับไปเลย

     อยากจะแกล้งใครบางคนแถวนี้สิไม่ว่า

     เสียงในใจทุกคนซึ่งดังขึ้นตรงกันอย่างไม่น่าเชื่อ แต่จริงๆก็ไม่ถือว่าเป็นเรื่องแปลกถ้าจะคิดแบบนี้กับชายหนุ่มคนนี้หรอกนะ

     เรเนอร์ ไปให้คานาเมะทำแผลซะเลือดมันยังไหลอยู่นะ เสียงทุ้มของคนที่โดนนินทาเอ่ยแกมออกคำสั่งน้อยๆทำให้เด็กสาวร่างเล็กลุกตามอย่างว่าง่าย ก่อนจะสาวเท้าตามชายหนุ่มสวมแว่นอีกคนไป ทิ้งให้สองหนุ่มที่มาด้วยชำระสะสางความกับ อาจารย์ ของพวกเขากันเอง

     อาจารย์ครับ ทำไมเลือดของเรเนอร์ถึงไม่หยุดไหลครับ

     จีนิสมองหน้าชายหนุ่มร่างสูงเจ้าของนัยน์ตาสีเงินผู้เป็นลูกศิษย์ด้วยนัยน์ตาเรียวคูสวยซึ่งอ่านความรู้สึกไม่ออก เจ้าตัวก็ส่งคำถามกลับมาแทน

     นายจะรู้ไปทำไมเรย์ จีนิสเอ่ยถามเสียงเรียบ

     เรื่องอื่นผมไม่รู้ก็ได้ แต่เรื่องนี้อาจมีผลถึงชีวิตของเธอ เป็นหน้าที่ของผมที่ต้องรู้ให้ได้ไม่ว่ายังไง เสียงตอบชัดถ้อยชัดคำ ก่อนที่อีกเสียงข้างกายคนตอบจะสำทับเรียบๆ

     เป็นหน้าที่ของไนท์ เหมือนกับอาจารย์ที่ต้องปกป้องมาสเตอร์นั่นแหละครับ

     นิ่งกันไปชั่วครู่ นัยน์ตาสีฟ้าเข้มจนเกือบเป็นน้ำเงินจ้องมองชายหนุ่มที่ได้ชื่อว่าเป็นลูกศิษย์ทั้งสองอย่างชั่งใจ แล้วยื่นแก้วเครื่องดื่มให้พลางถอนหายใจ

     ดื้อชะมัด................แต่ที่พูดมาก็ถูก

     คำตอบที่ฟังเนื้อความอาจยอมรับ แต่กลับทำให้ชายหนุ่มสองคนผู้รับแก้วเครื่องดื่มถึงกับเปลี่ยนสีหน้า เพราะหมายความว่า การที่เทคีลาร์เป็นอันตรายต่อชีวิตของเด็กสาว นั้นเป็นเรื่องจริงที่มีความเป็นไปได้สูง และยิ่งใบหน้าของชายหนุ่มผู้เป็นอาจารย์ตีหน้าเครียดแบบนี้ จีนิสถอนหายใจยาว ก่อนยืนพิงชั้นเหล้าด้านหลังเบาๆ แล้วเอ่ยเสียงเรียบพลางมองหน้าลูกศิษย์ทั้งสอง

     แต่ฉันบอกเรื่องนี้กับพวกนายไม่ได้ ไม่ต้องทำหน้าอย่างนั้น เพราะนี่เป็นเรื่องส่วนตัวของเรเนอร์ ฉันไม่มีสิทธิไปยุ่งกับเรื่องนั้น ไม่ว่าฉันอยากจะแส่หาเรื่องซักแค่ไหนก็เถอะ

     อาจารย์..........แล้วถ้าผมถามว่าทำไมเรเนอร์ต้องเอาตัวไปเสี่ยงอันตรายกับ เทคีลาร์ อัญมณีที่เป็นต้นกำเนิดพลังของลอร์ดแบ็คครอสด้วยล่ะครับ อาจารย์ตอบผมได้รึเปล่า ชายหนุ่มผู้เป็นลูกศิษย์เจ้าของนัยน์ตาสีเงินยวงเอ่ยถามออกมา ซึ่งคนข้างกายอีกคนก็รอฟังคำตอบเช่นกัน

     แว่วเสียงหวานมาจากทางที่ร่างเล็กหายตัวไปทำแผล เป็นการตัดบทสนทนาอย่างถาวร

     เพราะนี่เป็นหน้าที่ของฉันค่ะ เหมือนกับทั้งเรย์และเชนที่ตอนนี้ก็มีหน้าที่เป็นไนท์ของฉัน

     

     ตอนนี้เป็นเวลา เจ็ดโมงเช้าของวันใหม่

     เวลาทานข้าวอันแสนสบายของเหล่านักเรียนในสถาบันไนท์ทุกคน

     แล้ววันนี้พิเศษตรงไหนกันล่ะ

     ก็วันนี้เป็นวันรับน้อง

     แต่จริงๆ สิ่งนี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่ร่างสูงของชายหนุ่มคนหนึ่งที่กำลังนั่งเคาะโต๊ะเบาๆเป็นจังหวะนั้นสนใจ นัยน์ตาสีเขียวอมฟ้าสีแปลกกำลังฉายแววตะลึง ไม่ต่างกับเพื่อนอีกสองคนในกลุ่มซึ่งบัดนี้หยุดกินแล้วจ้องมองสองร่างซึ่งโผล่มาตอนเช้าก็สร้างเรื่องให้ช็อก

     สรุปว่า เชนไปเป็นไนท์ของเรเนอร์ เจ้าของนัยน์ตาสีแปลกเอ่ยทวน

     ชายหนุ่มผู้สร้างเรื่องทั้งสองพยักหน้ารับ

     แล้วยังมีเรื่องเกี่ยวกับเทคีลาร์ อัญมณีหนึ่งในเจ็ดต้นกำเนิดพลังของลอร์ดแบ็คครอส เจ้าของนัยน์ตาสีม่วงเอ่ยทวนอีกต่อ

     ชายหนุ่มผู้สร้างเรื่องทั้งสองพยักหน้ารับอีกรอบ ก่อนอีกคนที่ยังไม่ได้พูดจะเอ่ยทวนขึ้นมาบ้าง

     และก็อาจส่งผลถึงชีวิตของเรเนอร์

     ชายหนุ่มผู้สร้างเรื่องทั้งสองพยักหน้ารับอีกเป็นรอบที่สามอย่างจนใจ

     โห แล้วนายจะทำยังไงล่ะเรย์ ชายหนุ่มเจ้าของนัยน์ตาสีม่วงเข้มเอ่ยถามเพื่อนสนิท ซึ่งเรย์หันมามองเพียงครู่เดียวก่อนจะเอ่ยสั้นๆ

     ก็ต้องคอยดูต่อไปแบบนี้แหละ

     

     ห้องประชุมใหญ่สไตล์เก่าแก่ในสถาบันไนท์วันนี้เงียบสงบเฉกเช่นปกติยามที่ห้องประชุมนี้ไม่ได้ใช้ จนกระทั่งประตูไม้บานใหญ่ซึ่งสลักเสลาลวดลายสวยงามถูกเปิดออกโดยร่างสูงของชายหนุ่มผิวขาวคนหนึ่งในชุดเครื่องแบบโรงเรียนสีดำขอบขาว เสื้อนอกปิดคอแขนยาวแสกตรงกลางลากยาวลงไปจนสุดขอบเสื้อซึงแยกออกเป็นสองแฉกเป็นเสื้อนอก โดยใช้เข็มขัดสีขาวคาดที่คอ โดยที่คอเสื้อมีปกเสื้อเชิ้ตสีขาวที่ใส่ด้านในซึ่งทับที่บริเวณริมคอเสื้อนอก ที่ไหล่ทั้งสองข้างมีผ้าที่ลักษณะคล้ายบั้งพาดยาวลงมาจนถึงต้นแขนและมีพาดอีกตรงแขนเสื้อที่ข้อมือจนเกือบครึ่งศอก กางเกงขายาวสีดำสนิท มีเชือกขนาดกว้างพอประมาณห้อยลงมาจากขอบกางเกงสองด้านซ้ายขวาด้านหน้าและแต่ละด้านก็ร้อยอยู่กับขอบกางเกงด้านหลังในข้างเดียวกัน รองเท้าเป็นหนังสีดำ

     ร่างสูงในชุดนักเรียนเรียบร้อยทุกระเบียดนิ้ววางเอกสารบางอย่างที่ขนมาด้วยลงบนโต๊ะประธานตรงหน้าอย่างเบามือ นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มหรี่ลงเล็กน้อยอย่างพิจารณา สักพักมือหนาก็เอื้อมไปปลดเชือกมัดผมด้านหลัง ปล่อยเส้นผมสีดำสนิทยาวตรงถึงต้นขา แล้วนั่งลงบนเก้าอี้ข้างกาย

     พวกนายจะทำเป็นเล่นไปถึงไหน ร่างสูงของชายหนุ่มที่โต๊ะประธานเอ่ยเสียงเข้ม เป็นผลให้เกิดเสียงคิกคักอย่างอารมณ์ดีดังขึ้นที่มุมมืดด้านขวาของห้องประชุม พร้อมๆกับการปรากฏกายของชายหนุ่มอีกคน คราวนี้เป็นชายร่างสูงแต่ไม่นับว่าสูงมากนัก ผมสีแดงชี้ยุ่งไม่เป็นทรง นัยน์ตาสีนิลฉายแววระริกอย่างขันๆ และดูจากท่าทางคงไม่ต่างกับการแต่งกายไม่ค่อยเรียบร้อยซึ่งน่าจะบ่งบอกนิสัยภายนอกได้นิดหน่อย

     อย่าอารมณ์เสียน่า ท่านประธาน

     แล้วนายทำเป็นเล่นทำไมล่ะ มองเด อีกเสียงเอ่ยขึ้นๆพร้อมๆกับการปรากฏตัวของชายหนุ่มอีกคนซึ่งคราวนี้เรียกว่าร่างสูงได้อย่างสะดวกใจแต่ก็ยังเตี้ยกว่าร่างของคนเป็นประธานซึ่งนั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ มือหนาพยายามจัดทรงผมสีน้ำเงินเข้มยาวประบ่าให้เรียบร้อยในแบบของตนเองซึ่งดูยังไงก็ยุ่งอยู่ดี นัยน์ตาสีม่วงฉายแววขันบางๆเมื่อมองตรงไปที่เจ้าของชื่อผู้ถูกโยนความผิดที่มีเท่ากันไปให้

     อย่ามาโยนให้ฉันคนเดียวนะโว้ย แกชวนฉันเองนี่นา ไอ้เซต มองเดเอ่ยสวน

     พอเถอะ พวกนายไม่ได้แกล้งคนแล้วจะลงแดงกันรึไง เสียงทุ้มเอ่ยถาม ร่างสูงเจ้าของนัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มมองร่างเพื่อทั้งสองอย่างไม่สบอารมณ์

     กุยช่าย เบื่อจะตายอยู่แล้ว มองเดเอ่ย สำนวนแปลกทำให้เซตต้องเอ่ยทวน

     ทำไมต้องกุยช่าย ใช่เฉยๆไม่ได้รึไง

     ฉันอยากกิน ตอนนี้อยากกินมากๆ เมื่อไหร่นายจะเลิกประชุมแล้วไปกินข้าวกันล่ะหา คำตอบกวนประสาททำเอาคนยิ้มยากถึงกับหลุดขำบางๆ ก่อนเอ่ย

     นายได้กินแน่ถ้าเลิกยียวนเสียที ที่เรียกมาไม่มีอะไรมาก ก็เรื่องรับน้องวันนี้

     นายได้ความคิดใหม่รึไง เซตเอ่ยถาม

     ใช่ เรื่องสนุกๆให้พวกนายสองคนทำไงล่ะ

     

     ยามที่แสงอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า เหล่านักเรียนของสถาบันไนท์แห่งนี้กำลังหิ้วกระเป๋า และหอบหนังสือตำราเรียนทั้งหลายกลับหอโดยเฉพาะเหล่าเด็กปีหนึ่งในชุดเสื้อเชิ้ตขาวแขนยาวและกางเกงขายาวสีดำไม่ใช่เครื่องแบบนักเรียนเพราะยังไม่เข้าพิธีสถาปนาและการรับน้องจากรุ่นพี่ ซึ่งทั้งสองอย่างกว่าจะจัดก็กินเวลาเกือบครึ่งปีการศึกษา และวันนี้ที่เด็กปีหนึ่งลนลานรีบเก็บของกันก็ไม่ใช่เพราะอะไร เหตุผลสั้นๆก็คือวันนี้เป็นวันที่ มีการรับน้องเป็นวันแรกนั่นเอง

     จะเอาอะไรมาเล่นกับเรามั่งนะ พวกรุ่นพี่ เสียงเอ่ยขึ้นลอยๆของคนที่ร่าเริงที่สุดในกลุ่มทำให้เหล่าเพื่อนๆที่เดินมาด้วยกันถึงกับอมยิ้มในความน่ารักของเจ้าเพื่อนตัวดีซึ่งมีความสามารถพิเศษในการทำตัวน่าเอ็นดูได้ทุกเวลา แล้วคนตัวสูงที่ปกติเอาแต่เงียบบางทีก็ใส่ไฟยุชาวบ้านให้ตีกันจึงเอ่ยด้วยเสียงขันๆ

     นายกังวลอะไร

     กลัวพี่เขาจะทำฉันหมดหล่อ คำตอบสั้นๆซึ่งเรียกมะเหงกจากคนเดินข้างๆซึ่งทำหน้าปูเลี่ยนๆรับคำกล่าวนั้น นัยน์ตาสีแปลกมองคนข้างตัวอย่างระอาปนขัน

     หลงตัวเองให้มีขอบเขตหน่อย ชุนจิโร่

     อะไรเล่า รุย เจ็บนะโว้ย ชุนจิโร่เอ่ยสวนอย่างอารมณ์ดี ซึ่งเรียกเสียงหัวเราะเบาๆจากเหล่าเพื่อนๆร่วมชั้นปีหนึ่งซึ่งเดินตามกันมาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ก่อนทั้งหมดจะมุ่งหน้าเข้าสู่สวนกว้างข้างตึกเรียนซึ่งเป็นสวนที่ตกแต่งด้วยพันธ์ไม้ต่างๆอย่างสวยงามและลงตัว ที่เด่นที่สุดในสวนไม่ใช่น้ำพุขนาดใหญ่ที่ประดิดประดอยอย่างสวยงาม แต่ทว่าเป็นหอคอยสูงทำด้วยอิฐซึ่งตั้งอยู่อีกมุมหนึ่งของสวน

     พวกนายมาสายกันนะ เสียงที่ดังขึ้นทำให้เหล่านักเรียนปีหนึ่งมองหาต้นเสียงกันเลิกลั่กเพียงครู่หนึ่ง ก่อนจะขมวดคิ้ว แล้วหันไปทางหอคอยสูง ที่ระเบียงกลับไร้ผู้คน ซึ่งสายตาหลายคู่ก็จ้องอยู่ตรงนั้นพักเดียว แล้วทุกสายตาก็หันไปทางป่าด้านขวาอย่างรวดเร็ว

     ออกมาเถอะครับ รุ่นพี่ รุยเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบ ก่อนจะปรากฏร่างของชายหนุ่มคนหนึ่งในชุดเครื่องแบบที่ไม่ค่อยเรียบร้อย มือหนาขยี้หัวสีแดงเพลิงซึ่งยุ่งอยู่แล้ว นัยน์ตาสีนิลมองคนพูดอย่างสนใจก่อนจะปรบมือให้แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงยียวน

      เก่งดี รู้ทันเร็วแบบนี้ คงต้องเอ็นดูมากๆ ฉัน มองเด เดอ เพรียส นักเรียนปีสาม หรือเรียกว่า รุ่นพี่มองเดสุดเท่ละกัน คำแนะนำตัวแสนกวนทำให้เหล่ารุ่นน้องกระตุกยิ้มรับอย่างฝืดๆ พร้อมๆกับที่มีความคิดบางอย่างผุดขึ้นมาในใจเหมือนกันหมดอย่างไม่ได้นัดหมาย

     เก่ง แต่ขี้เก๊ก

     น่ายินดีจริงๆ ปีนี้มีคนจับจิตนายได้แล้ว แถมยังจับจิตนายได้กันหมดทั้งชั้นปีด้วยนะ เสียงเอ่ยที่ดังขึ้นอีกฝั่งทำเอาเหล่านักเรียนปีหนึ่งหันไปมองต้นเสียงเป็นตาเดียว ชายหนุ่มร่างสูงโปร่ง ผมสีน้ำเงินยาวประบ่าถูกรวบเป็นหางม้าลวก นัยน์ตาสีน้ำเงินพราวระยับ ฉัน เซต เซตสึนะ ปีสามเหมือนกัน เรียกพี่เซตก็พอ พี่ไม่เหมือนไอ้มองเดหรอก วางใจได้ ว่าแต่พวกนายนี่เก่งจริงๆนะ

     สิ้นเสียงกล่าว บรรดาร่างของเหล่ารุ่นพี่ในชุดเครื่องแบบก็ค่อยปรากฏกายออกจากความมืดมาทีละคนสองคนรอบด้านของเหล่ารุ่นน้องปีหนึ่งจนครบ

     สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่ระเบียงบนหอคอยในทันทีที่ร่างสูงของชายหนุ่มคนหนึ่งก้าวออกมาจากความมืด ผิวขาวนั่นเด่นชัดในยามรัตติกาลผมสีดำสนิทปล่อยสยายตามแรงลมสะท้อนแสงจันทร์วาว และนัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มจ้องมองเหล่ารุ่นน้องด้วยสายตาเรียบเฉย

     สวัสดี เหล่าปีหนึ่ง

     เสียงทุ้มนั้นฟังดูเรียบเฉยแต่ดันเย็นเยียบจับขั้วหัวใจจนหลายคนรู้สึกสะท้าน ลมยามกลางคืนพัดหวีดหวิวแรงขึ้นซึ่งเหล่ารุ่นน้องปีหนึ่งก็ทักตอบอย่างแข็งขัน

     สวัสดีครับ

     ร่างสูงบนระเบียงหอคอยยิ้มอย่างพอใจชั่วครู่ แล้วเอ่ยออกมา ฉันชื่อ ไลก้า เจนเนซิส รุ่นพี่ปีสามเช่นกัน เป็นประธานนักเรียนของพวกเธอในปีนี้

     ความเงียบสงัดยังคงชนะขาดลอยในสถานการณ์ตอนนี้ซึ่งต่างคนต่างรู้ดีว่าเงียบไว้จะดีที่สุด เหล่ารุ่นพี่ที่ยืนล้อมเหล่ารุ่นน้องอยู่ก็ค่อยๆเดินตีวงเข้ามาเป็นผลให้เหล่าปีหนึ่งซึ่งอยู่วงนอกก็ค่อยๆร่นเข้ามาเช่นกัน แล้วรุ่นพี่ไลก้าผู้เป็นประธานนักเรียนก็เอ่ยต่อ

     รู้กันอยู่แล้วว่าวันนี้รับน้อง นี่เป็นวันแรก พวกฉันก็คงต้องขอทดสอบพวกนายกันหน่อย พวกพี่ที่ยืนอยู่จะเป็นคนอธิบายเอง

     กล่าวจบเจ้าตัวก็หันหลังเดินเข้าไปในหอคอยโดยไม่สนใจใคร ทิ้งให้เหล่ารุ่นน้องปีหนึ่งอ้าปากค้างกับการโยนงานดื้อๆของคุณพี่ประธานนักเรียน และเสียงเกาหัวแกรกๆจากเหล่าเพื่อนๆรุ่นพี่ที่จู่ๆก็โดนโยนงานมาให้อย่างไม่ทันตั้งตัว มองเดเป็นคนแรกที่เอ่ยออกมาก่อน

     โยนงานอีกแล้ว ไอ้ไลก้า เอาล่ะ ฟังนะ การทดสอบก็ไม่มีอะไรมาก ก็รู้กันอยู่ว่าสถาบันมีสี่ชั้นปีปีละสามสิบคนนับแล้วพวกนายมีสามสิบคน ส่วนพวกฉันมีกันเก้าสิบ มาตัวต่อหมาหมู่กัน ห้ามใช้อาวุธหรือเวท ได้แค่มือเปล่าๆ ตัวๆ กับเสื้อผ้าเท่านั้นเอง เทียบแล้วแค่หนึ่งต่อสามเองน้า อย่าเครียดเลยน้องๆ

     กติกาแสนยุติธรรมที่เล่นเอาหลายคนยืนค้าง อึ้งในความใจดีจัดของรุ่นพี่ทั้งหลายที่ทำหน้ายิ้มระรื่นแบบโหดๆ ก่อนจะสะดุ้งเมื่อเซตเอ่ยสำทับยาว

     แล้วก็ถ้าชนะพวกได้ก็ถือเป็นอันจบงานการรับน้องนี่ แล้วน้องก็สบายแฮไปเลยดีรึเปล่า เข้าใจกันรึยังล่ะ เหล่าน้องๆทั้งหลาย

     ยังคงเงียบกันอยู่

     อ้อ ลืมบอก พวกพี่ใช้อาวุธไม่ได้ แต่ท่านประธานอนุญาตให้พวกพี่ใช้ความสามารถพิเศษด้านพลังเวทของแต่ละคนได้เป็นกรณีพิเศษนะครับ

     คำกล่าวประโยคสุดท้ายเรียกเสียงโวยในใจของเหล่ารุ่นน้องทั้งหลายในทันที

     ไอ้พวกรุ่นพี่...................................

     

     กลับมากันแล้วเหรอค่ะ อ้าวทำไมดูไม่ค่อยจืดกันเลยล่ะค่ะ เสียงกล่าวทักของเด็กสาวเพียงคนเดียวในห้องเอ่ยออกมาอย่างประหลาดใจเมื่อพบสภาพของเหล่าหนุ่มๆร่วมห้องซึ่งบอกว่าจะกลับช้ากันเล็กน้อย อยู่ในสภาพที่มีแผลคนละหน่อย เสื้อขาดกันคนละนิด หัวยุ่งกันคนละน้อย และดูหงุดหงิดกันเป็นที่สุด เพราะแต่ละคนก็หน้าบอกบุญไม่รับ อาจยกเว้นชายหนุ่มสองคนผู้ที่บัดนี้เป็นไนท์ของเธอ

     ก็รับน้องน่ะสิ เรเนอร์ ชุนจิโร่เอ่ยออกมาอย่างเซ็งๆก่อนเดินดุ่มๆเข้าไปในห้องแล้วล้มตัวนอนบนเตียงอย่างหงุดหงิด และเอ่ยบ่นต่อเป็นชุด รุ่นพี่น่ะนะ ให้เวลาทั้งหมดสามชั่วโมงในแต่ละวัน ให้พวกฉันทุกคนล้มพวกเขาให้หมดแล้วจะถือว่าผ่าน แล้วรุ่นพี่แต่ละคนก็หาตัวจับก็ยาก กะล่อนกันซะอีกก็เยอะ กวนประสาทอีกก็แยะ โดยเฉพาะเจ้ารุ่นพี่มองเดสุดเก๊กนั่น

     พูดแบบนี้ แสดงว่าโดนแกล้งมาสินะค่ะ เสียงหวานเอ่ยดักคออย่างรู้ทันเรียกเสียงหัวเราะจากคนตัวสูงเจ้าของนัยน์ตาสีแปลกที่กำลังหยิบเสื้อผ้าเพื่อจะเข้าไปอาบน้ำได้เป็นอย่างดี ก่อนที่เชนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงขันๆ ตอกย้ำพ่อคนหงุดหงิดอีกว่า

     มันโดนปั่นหัวมาน่ะสิ ถึงได้หงุดหงิด การรับน้องนี่ กำหนเวลาไว้อีกอาทิตย์นึง พวกเราต้องจบมันให้ทันวันสถาปนา

     โห อย่างนี้ไม่เรียกโหดหรอกค่ะ ต้องเรียกว่าถูกแกล้งเข้าเต็มๆเลย จำได้ว่า การรับน้องของที่นี่ที่เคยได้ยินมาพวกรุ่นพี่แค่ให้รุ่นน้องทำภารกิจกันอย่างหาของ รึไม่ก็ทายนู่นทายนี่ ถ้าตอบผิดหรือทำผิดก็โดนบทลงโทษจนกว่าจะตอบถูก ปีนี้คงจะล้างธรรมเนียมเดิมรึเปล่าค่ะ

     ได้ยินมาถูกเลยล่ะ น่าจะล้างธรรมเนียมจริงๆ เล่นซะเหนื่อยเลย เฟยหลงเอ่ยเสริมขึ้นมาบ้าง พลางควานหาเสื้อผ้าในตู้ของตนอย่างขะมักเขม้น

     เด็กสาวเพียงยิ้มรับกับคำบ่นของเหล่าหนุ่มๆที่ดูจะอัดอั้นกันเต็มแก่ พลันรู้สึกถึงความอบอุ่นเมื่อ มือหนาของชายร่างสูงเจ้าของเรือนผมสีน้ำเงินเข้มซึ่งยุ่งนิดๆและเปียกลู่ใบหน้าเพราะเพิ่งอาบน้ำเสร็จ คลุมเสื้อเชิ้ตบางๆบนไหล่ขาวเล็ก เด็กสาวหันไปมองเจ้าของนัยน์ตาสีเงินอย่างงงๆ

     เดี่ยวจะเป็นหวัด เสื้อนอนเธอบางนะ เด็กสาวยิ้มรับกับความเป็นห่วงเล็กน้อยๆอย่างดีใจ หารู้ไม่ว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะสายตาของเหล่าเพื่อนๆที่เขม่นมาที่เขาตั้งแต่ก้าวเข้าห้องนอน เมื่อสายตาทุกคู่เห็นชุดนอนของเด็กสาวซึ่งเป็นเพียงชุดสายเดี่ยววันพีซลูกไม้น่ารักสีดำยาวเลยต้นขาแต่เหนือกว่าเข่า จริงๆมันก็ไม่มีปัญหาอะไรถ้าไอ้ชุดนี่มันไม่บางขนาดที่ว่าจะเห็นเนื้อในขาวๆอยู่แล้ว

     แถมดูเจ้าตัวคนใส่จะไม่ได้รู้ตัวอะไรสักนิดเดียว

     และยิ่งเป็นปัญหาหนักเมื่อชุดที่คุณเธอมีอยู่ นอกจากจะเป็นชุดที่ใช้ออกทำงานสไตล์แปลกๆซึ่งใครส่งมาให้ก็ไม่รู้ ที่เหลือคือชุดที่เซยะจี้เคยเอามาให้ ซึ่งนอกจากชุดไปรเวท สามชุดที่เหลืออีกสี่ชุดเป็นชุดนอนซึ่งอยู่ในทำนองนี้เหมือนกันหมด คือน่ารัก สั้น และบาง

     ชวนให้เหล่าหนุ่มต้องปวดหัวหนักขึ้นเมื่อเด็กสาวดูจะไม่ค่อยห่วงตัวเองเท่าไหร่ เป็นหน้าที่ของคนที่ตื่นมาตอนกลางดึกหรือตื่นก่อนตอนเช้าจะต้องมาห่มผ้าให้เพราะรู้สึกว่าจะนอนไม่ระวังเสียเหลือเกิน และหน้าที่แบบนั้นคนที่ทำให้บ่อยที่สุดคงจะเป็นเจ้าคนที่ยกเตียงให้นั่นแหละ

     ไม่รู้ว่า เซยะจี้เกิดเพี้ยนขนาดไหนถึงเอาชุดแบบนี้มาให้เด็กสาวคนนี้

     หรือเซยะจี้จะชอบแบบนี้ สงสัยอาจารย์เซโอคงจะปวดหัวตาย

     เอ่อ แล้วผู้อำนวยการส่งเครื่องแบบหรืออะไรมาให้มาให้รึเปล่า เรย์เอ่ยถามขึ้นเมื่อนึกถึงเรื่องเครื่องแต่งกายของเด็กสาว

     อ๋อ ส่งมาแล้วค่ะ ท่านบอกว่า พรุ่งนี้ก็ให้ไปเรียนด้วยเลย เด็กสาวตอบพลางเดินมานั่งที่เตียงเป็นเวลาเดียวกับที่ ร่างสูงของเรย์นั่งลงข้างเตียง พลางหยิบหนังสือเรียนออกมา จู่ๆผ้าขนหนูซึ่งพาดอยู่ที่คอก็ถูกดึงไปวางไว้บนหัวพร้อมๆกับมือเรียวที่เช็ดศีรษะสีน้ำเงินเข้มจนเกือบดำเบาๆ

     เดี่ยวก็เป็นหวัดหรอกค่ะ ไม่เช็ดผมน่ะ นัยน์ตาสีเงินกะพริบปริบๆอย่างอึ้งๆแล้วเอ่ยออกมาพร้อมกับรอยยิ้มบางซึ่งหาดูได้ยาก

     อืม ขอบคุณนะมากนะ

     เรเนอร์ค่ะ

     หา เสียงที่จู่ๆก็สวนกลับมาทำให้คนฟังต้องทวนซ้ำอย่างไม่แน่ใจ นัยน์ตาคู่คมมองร่างเล็กบางตรงหน้าที่เปลี่ยนใบหน้าจากขึงขังเพราะน้ำเสียงจริงจังเมื่อครู่ เป็นรอยยิ้มหวานอ่อนโยน ชวนให้หัวใจเย็นๆของคนที่มองอยู่ถึงกับเต้นผิดสเต็ปไปชั่วครู่

     เรียกฉันเรเนอร์นะค่ะ เรย์

     เงียบไปนานก่อนเสียงทุ้มจะเอ่ยเสียงนุ่ม

     อืม ขอบคุณนะ เรเนอร์  

     

     วันนี้ควรจะเป็นวันธรรมดาปกติทั่วไป พูดให้ดูพิเศษหน่อยวันนี้ก็เป็นวันรับน้องวันที่สองสุดโหดของเหล่ารุ่นพี่จอมขี้โกงทั้งหลาย แต่วันนี้ก็กลับกลายเป็นอีกวันที่ไม่ธรรมดาอีกตามเคยเมื่อร่างเล็กของเด็กสาวเจ้าของเรือนผมสีเพลิงยาวสยายซึ่งวันนี้ถักเปียเล็กยาวสองเปียไว้ทัดหูผูกโบสีน้ำเงิน ผมที่เคยปรกหน้าปรกตาถูกหนีบอยู่ด้วยกิ๊บสีน้ำเงินธรรมดาผมยาวที่เคยปล่อยสยายตอนนี้มัดรวบครึ่งหัวดูน่ารัก และยังคงเอกลักษณ์เดิมคือปล่อยผมยาว และเพื่อไม่ให้ดูรุ่มร่ามมากนัก จึงมีการจับมัดด้วยโบอยู่หลายปอย โดยที่ทั้งหมดเป็นฝีมือของชายหนุ่มผู้เป็นท้อปของระดับชั้นซึ่งกำลังนั่งผูกโบเล็กบนผมสีเพลิงของเด็กสาวด้วยนัยน์ตาสีเงินอมม่วงซึ่งหรี่ลงเพื่อเพ่งให้เห็นได้ถนัด ผิวขาวของเด็กสาวตัดกับสีดำของเครื่องแบบสถาบันซึ่งด้านบนใช้แบบของนักเรียนในสถาบันไนท์ทุกประการ เพียงแต่กางเกงเปลี่ยนเป็นกระโปรงสีดำขอบขาวสั้นแค่ต้นขา สวมถุงเท้าสีดำยาวเกือบถึงเข่า และรองเท้าบูทสีเดียวกัน เพียงแต่ยังไม่ใช่เครื่องแบบของโรงเรียนจริงๆเพราะยังคงไม่มีเข็มขัดสถาบันที่ใช้คาดที่คอ นัยน์ตาสีเพลิงกำลังมองๆไปรอบๆอย่างประหม่าเมื่อสายตาหลายสิบคู่จ้องมองมาที่เด็กสาวเป็นสายตาเดียว

     น่ารักเป็นบ้าเลย เรย์ สุดยอดนี่มาสเตอร์นายเหรอวะเนี่ย

     น่ารักมากเลยอ่ะ ใครทำผมให้น่ะ น่ารักดี

     โห เรย์ แล้วเขามาเป็นมาสเตอร์นายได้ไงวะ โชคดีเป็นบ้าเลย

     ชื่ออะไรเหรอครับสาวน้อย แล้วมาจากที่ไหน

     และอีกสารพันคำถามที่คนที่นั่งอยู่รอบข้างเริ่มขี้เกียจตอบ ร่างเล็กของเด็กสาวก็ยังคงเลือกตอบอย่างระมัดระวังโดยไม่เฉียดกรายเข้าใกล้คำถามที่เกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวซึ่งคนนั่งรอบๆข้างก็คอยเงี่ยหูฟังอยู่เป็นระยะ แต่ถึงอย่างไรมือบางก็ยังคงไม่ละจากการตักอาหารกองพะเนินซึ่งเจ้าตัวสั่งมาทานแบบไม่กลัวพุงจะออกหรือกระโปรงจะคับ โดยที่เมนูวันนี้หลากหลายและเยอะกว่าวันแรกมากนัก

     อ้าว นี่เหรอ เด็กสาวที่เขาลือกันว่าเป็นมาสเตอร์ของเด็กปีหนึ่งน่ะ เสียงทุ้มยียวนจากร่างสูงของรุ่นพี่เจ้าของเรือนผมยุ่งสีแดงเพลิง นามมองเด พร้อมๆกับใบหน้าขาวที่โน้มลงมาหาใบหน้าหวานซะจนเกือบชิด เรียกนัยน์ตาสองคู่ของผู้เป็นไนท์ของเด็กสาวให้เหลือบมองแทบจะทันที

     สวัสดีค่ะ รุ่นพี่

     เด็กสาวเอ่ยตอบพลางตักข้าวเข้าปากอีกหนึ่งคำ ซึ่งสายตาของรุ่นพี่ตัวปัญหาก็ไปสะดุดเข้ากับอาหารเช้ากองพะเนินของร่างเล็กซึ่งกวาดสเต็กชิ้นโตไปแล้วสามจาน รอยยิ้มกว้างแสนกวนแย้มขึ้นบนใบหน้าของรุ่นพี่จอมกวนก่อนร่างสูงจะนั่งลงข้างๆเด็กสาวพร้อมกับถาดอาหารจานโต

     มาแข่งกันเถอะ สาวน้อย ฉันมองเด เดอ เพรียส เรียกพี่มองเด หรือมองเดคิจิก็ได้นะ

     เอ่อ ชายารส์ เรเนอร์ ค่า

    ..........................................................................

     กว่าจะสามารถจบศึกการแข่งขันกินจุแห่งรายการพิเศษประจำวันก็ล่อเอาเด็กนักเรียนเกือบทั้งชั้นปีหนึ่งแทบจะไปเข้าเรียนกันไม่ทัน ลำพังเด็กสาวน่ะไม่เท่าไหร่ แต่ไอ้เจ้ารุ่นพี่จอมกวนดันสะเออะไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ ยังคงท้าเด็กสาวทานต่อเรื่อยๆจนรุ่นพี่เซตมาลากตัวออกไป

     วิชาแรก ประวัติศาสตร์

     เหมือนกับเป็นเรื่องตลก ที่เหล่านักเรียนทั้งหลายต่างเหนื่อยล้าจากการรับน้องเมื่อคืนจนดึก การบ้านที่ขยันให้กันจนเหล่าชายหนุ่มทั้งหลายอยากจะโยนทิ้งไปเลย ทำให้วันนี้ชั่วโมงเรียนที่มีคนนั่งเรียนแบบตั้งใจจริงๆน้อยอยู่แล้ววันนี้จึงมีนักเรียนหลายคนที่หลับคาโต๊ะอย่างโจ่งแจ้งกันเป็นสิบคนเลยทีเดียว

     เรื่องที่เกี่ยวกับรายงานครั้งก่อนหน้าที่พักนึง ที่เป็นเรื่องของการปราบกบฏ ไม่มีใครต้องเอากลับไปแก้ใหม่ ส่วนคราวนี้เป็นงานครั้งต่อไป ให้พวกเธอไปหาข้อมูลเกี่ยวกับคำทำนายของเครซาเอลมานะ แล้วเขียนตีความมาส่ง ให้เวลาถึงคาบต่อไป เลิกคาบได้

    สิ้นเสียงกล่าวของอาจารย์ประจำวิชาประวัติศาสตร์ซึ่งค่อยๆเก็บของแล้วเดินออกไปจากห้องบรรยาย ทำให้เหล่านักเรียนปีหนึ่งซึ่งหลับคาโต๊ะหลายคนตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงีย โดยเฉพาะนายตัวป่วนประจำชั้นปีซึ่งดูเหมือนจะนอนเต็มอิ่มก็ผุดลุกมาบิดขี้เกียจอย่างกระตือรือร้น

     วู้ว สดชื่น นอนเต็มอิ่มเลย

     แหงล่ะ ก็เล่นนอนทั้งคาบเลยนี่นา เสียงเอ่ยเบาๆจากโต๊ะที่นั่งไกลๆทำเอาคนที่ถูกพาดพิงเหล่นัยน์ตาสีม่วงมองไปทางต้นเสียงซึ่งเป็นเพื่อนร่วมชั้นปีคนหนึ่ง ผิวขาวสวยเนียนเหมือนกับหญิงสาวทำให้พอรู้ว่าเป็นคนที่ดูแลตัวเองเป็นอย่างดี รูปร่างสูงปานกลาง ใบหน้าคม ตัดผมซอยสั้นสีน้ำตาล โดยรวมแล้วดูไม่สะดุดตานัก ยกเว้นก็เพียงแต่นัยน์ตาสีนิลกาฬซึ่งดูน่าเกรงขามและมีอำนาจ

     นายอยากจะพูดอะไรเหรอ เซบาสเตียน ชายหนุ่มร่างสูงซึ่งนั่งหลับอยู่ข้างเจ้าตัวป่วนคนนี้เป็นประจำเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ เด็กสาวที่นั่งข้างๆก็เหลือบมองคนตัวโตซึ่งเริ่มทำตาขวางโลกตั้งแต่ได้ยินคำพูดเมื่อสักครู่อย่างเงียบๆ พลางคอยดูเหตุการณ์ดำเนินต่อ

     แค่ตั้งใจเรียนนายยังทำไม่ได้เลย แล้วการรับน้องจะช่วยกันได้ยังไงล่ะ

     เริ่มแล้ว แตกคอกันเอง

     เด็กสาวคิดในใจเงียบๆขณะมองร่างสูงของชายหนุ่มที่นอนอยู่ลุกนั่ง นัยน์ตาสีเงินเรียวหรี่ขวางจัดจนน่ากลัว ซึ่งผิดกับคนที่โดนพาดพิงซึ่งยังคงยืนตีหน้าเรียบไร้ความรู้สึก แต่เหล่าเพื่อนสนิทสามารถสัมผัสความหงุดหงิดเล็กน้อยได้จากน้ำเสียงที่เอ่ยออกมา

     ฉันก็ไม่ได้เหลาะแหละในเวลารับน้องหรอกนะ เซบาสเตียน ครีบาเลีย

     ไปกันเถอะค่ะ คาบต่อไปเซยะจี้ไม่ใช่เหรอค่ะ เสียงหวานที่เอ่ยตัดบท ทำให้ชายหนุ่มผู้ถูกหาเรื่องหันความสนใจไปที่คนพูดซึ่งยิ้มกว้าง แล้วเก็บของหลายๆอย่างเข้ากระเป๋าให้ ร่างสูงจึงเดินเข้าไปหยิบของต่างๆใส่กระเป๋า พลางฉุดเด็กสาวและเพื่อนสนิทที่ยังคงนั่งปล่อยรังสีอำมหิตอยู่ไม่เลิกรา

     ขอบคุณนะ เรเนอร์ เรย์

     เสียงทุ้มของเจ้าของนัยน์ตาสีม่วงเอ่ยเบาๆพร้อม กับเสียงตอบของเด็กสาวและคนตาขวาง

     ไม่เป็นไรหรอก

     

      แผนนี้ ท่าทางจะได้ผลผิดคาดนะ

     ขอดูต่อไปอีกนิดและกันว่าจะทำยังไงกันต่อไป

     

     ผ่านมาสี่วันแล้วนะ ไลก้า พวกนั้นเริ่มแตกคอกันตั้งแต่วันที่สอง นายคิดว่าจะเป็นอย่างนี้ไปถึงเมื่อไหร่ ถึงมันจะยังไม่ถึงสถิติของปีเรา แต่ฉันว่า มันนานเกินไปหน่อยนะ รึว่าพวกเราจะประเมินค่าเจ้ารุ่นน้องรุ่นนี้สูงเกินไป เกินไปแบบเกินไปเยอะน่ะ

     คำถามที่คนฟังมุ่นหัวคิ้วรับอย่างไม่สบอารมณ์นัก นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มจ้องมองคนถามหรือเพื่อนสนิท เซต ซึ่งกำลังอมยิ้มอย่างสนุกผิดกับความหมายที่พูด ยืนนิ่งมองเหล่ารุ่นน้องทั้งหลายซึ่งกำลังประจันกับรุ่นพี่คนละนิดละหน่อย แถมแต่ละคนสภาพก็ดูไม่ค่อยจะได้สักเท่าไหร่

     ไม่หรอก ฉันว่าฉันดูเจ้าพวกนี้ไม่ผิด

     เสียงทุ้มของไลก้าเอ่ยตอบเรียบๆ นัยน์ตาสองคู่มองลงไปยังสนามด้านล่างซึ่งถูกใช้เป็นสถานที่รับน้องมาสี่วันแล้ว ก็ยังไม่มีแววคืบหน้าไปไหน เพียงแค่เหล่าน้องๆสู้กับรุ่นพี่แบบถูกรุม แถมบางคนยังขัดขา ทะเลาะกันเองบ้างเป็นส่วนน้อย โดนปั่นหัวกันนิดหน่อย

     แต่จะมีต่างไปก็แค่อย่างนึง

     เด็กสาวร่างเล็กผู้เป็นสมาชิกใหม่ของสถาบันแห่งนี้ไปโดยปริยายอย่างน่าฉงน ใบหน้าหวานนั่นทำให้ดูน่ารักไม่หยอก และเนื่องจากที่นี่เป็นสถาบันที่มีแต่ผู้ชาย สาวน้อยร่างเล็กจึงเป็นที่เอ็นดูของเหล่านักเรียนหนุ่มในสถาบันแห่งนี้เป็นอย่างมาก เพราะกลายเป็นนักเรียนของสถาบันไปแล้ว จึงสอยห้อยโดนลูกหลงมารับน้องด้วยตั้งแต่วันที่สอง ซึ่งด้วยความเอ็นดู เด็กสาวจึงทำเพียงแค่นั่งเฉยๆคอยมองเหล่าหนุ่มๆซึ่งเป็นเพื่อนร่วมชั้นอยู่นอกสนาม และชายหนุ่มสองคนผู้เป็นไนท์ของเจ้าตัวตามข่าวที่ลือกันกระฉ่อนซึ่งผลัดเปลี่ยนแวะเวียนกันไปถามไถ่ความต้องการของเด็กสาวอยู่ไม่ขาดทำให้เหล่ารุ่นพี่ต้องเหลือบมอง

     เพราะสองคนที่ว่าหลังจากที่สู้กันไปบ้าง พอจะรู้นิสัย ไม่คิดว่ามันจะเทคแคร์ผู้หญิงเก่ง ไม่ใช่อะไรหรอก

     แต่วันนี้ ก็คงจะมีอีกอย่างที่เปลี่ยนไป

     ร่างเล็กของเด็กสาวที่นั่งนิ่งมานานจู่ๆก็ลุกขึ้นยืน มือเรียวปลดเสื้อนอกแล้วถอดออกกองไว้ข้างเสาที่เจ้าตัวเคยนั่งเมื่อครู่ ก่อนจะบิดกายเล็กน้อยเพื่อไล่ความเมื่อยขบหลังจากที่นั่งอยู่กับที่มาเกือบสองชั่วโมง แล้วก็ถอดรองเท้าบูท เหลือเพียงเท้าเปล่าเปลือยซึ่งสาวเท้าเข้าไปในวงการต่อสู้อย่างไม่รีบร้อน ซึ่งทำให้นัยน์ตาสองคู่ที่เฝ้าสังเกตการณ์หยุดมองอย่างประหลาดใจ

     เรเนอร์ อันตรายนะ เสียงเอ็ดเตือนไม่จริงจังนักแสดงให้เห็นว่าผู้พูดไม่ได้เจตนาว่าสักเท่าไหร่ ซึ่งร่างเล็กก็ยิ้มรับคำกล่าวของเรย์อย่างเรียบง่าย รอยยิ้มหวานแย้มขึ้นบนใบหน้าขาว ก่อนเสียงหวานจะเอ่ยกับคนเตือนเบาๆอย่างเห็นใจด้วยน้ำเสียงหวาน

     เหนื่อยแย่เลยนะค่ะ จะไม่ลองคุยกับทุกคนดูเหรอค่ะ

     ไม่ล่ะ เดี่ยวรู้ตัวกันเมื่อไหร่ก็มีคนเรียกเองแหละ แบบนี้มันก็สนุกดี เสียงตอบเรียบๆพร้อมๆกับหมัดหนักซึ่งสวนเข้าที่ใบหน้าหล่อของรุ่นพี่คนหนึ่งเข้าเต็มรัก แต่เพราะเวทป้องกันบางอย่างทำให้ใบหน้าของเขาไม่เสยหล่อไปมากเท่าไหร่ เจ้าตัวจึงสวนกลับด้วยใบไม้ร่วงซึ่งแปรสภาพกายเป็นใบมีดคมกริบ พุ่งลงมาราวกับสายฝนที่ถล่มลงมาอย่างหนัก เรย์หลบได้อย่างฉิวเฉียดไร้แผลบนกาย แต่คงต้องไปซื้อเสื้อมาใหม่อีกตัว เพราะขาดยุ่ยเป็นชิ้นๆจนแทบจะเรียกได้ว่า เศษผ้าอยู่แล้ว

     สนุกดีมันก็ดีหรอกนะค่ะ แต่กลับไปก็เห็นนั่งเย็บยิกๆทุกวัน

     แล้วเรเนอร์เบื่อแล้วเหรอ เสียงแทรกยียวนของชายหนุ่มจอมป่วนแห่งชั้นปีหนึ่งดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงของเจ้าของนัยน์ตาสีม่วงเข้มมาอยู่ตรงหน้าเด็กสาว

     ก็ ดูแล้วนึกว่าพวกชุนจิโร่จะเบื่อน่ะสิค่ะ ไม่เห็นจะทำอะไรนอกจากปะทะกันนิดๆหน่อยๆ ฉันไม่เห็นว่ามันจะสนุกตรงไหนเลยนี่ค่ะ

     คำตอบตรงไปตรงมาซึ่งทำให้คนถามถึงกับหลุดหัวเราะเสียงดัง ใบหน้าหวานราวกับผู้หญิงขำจนหน้าแดงก่ำซึ่งทำให้สายตาหลายคู่หันมามองอย่างงงๆ

     เรเนอร์ห่วงพวกเราไม่สนุก หรือว่าดูจนเบื่อกันแน่หือ

     คำถามจากเจ้าของนัยน์ตาสีแปลกที่โดดเข้ามาร่วมวงสนทนาถามขึ้นอย่างอารมณ์ดี พลางยีหัวเด็กสาวเล่นอย่างเอ็นดู หลังจากที่อยู่กันมาได้จะเกือบครึ่งเดือนทำให้รู้ได้ว่าเด็กสาวคนนี้ นอกจากจะรั้นอย่างวายร้าย ไม่ยอมใครอย่างกับปิศาจ ยังเป็นคนที่เบื่ออะไรที่ไม่ชอบค่อนข้างง่ายอีกด้วย ตัวอย่างก็เห็นจากของว่างล้างปากในอาหารมื้อเช้า ซึ่งเป็นขนมหวานที่เจ้าตัวเปลี่ยนมันทุกๆสองวัน ก่อนจะบอกยกเลิกเพราะไม่ถูกใจ และอีกเหตุผลที่ว่าไม่ค่อยชอบของหวานเท่าไหร่ไม่ว่าจะเป็นของคาวหรือขนม

     การปะทะเล็กๆน้อยๆนี่ก็คงน่าเบื่อไป เพราะทำได้แค่ดูอยู่ข้างสนาม

     ชั่วโมงของเซยะจี้ยังไม่สนุกเหรอ รุยเอ่ยถามสำทับเข้าไปอีกที ซึ่งเด็กสาวที่โดนจับได้ก็ยิ้มแหะๆตีหน้าเจื่อนเป็นคำตอบเมื่อโดนจับทางได้ คนถามจึงหัวเราะเบาๆ พลางหันไปสอดส่องหาเพื่อนสนิทซึ่งเป็นรูมเมททั้งสี่คนซึ่งมายืนรวมกันอย่างรู้งานอย่างดี

     เลิกกันได้ยัง ฉันเองก็เบื่อแล้วล่ะ เฟยหลงเอ่ยออกมาด้วยใบหน้าที่ติดจะเซ็งๆซึ่งทำให้เพื่อนๆถึงกับอมยิ้มตามคนขี้เบื่อซึ่งหลุดหัวเราะเสียงหวาน

     นั่นสินะ ฉันเองก็เริ่มนอนไม่พอแล้วเหมือนกัน เชนเอ่ยเสริมขึ้นมาพลางเปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้มบางๆ โดยที่อีกสามคนที่เหลือพยักหน้าสนับสนุน พร้อมกับเสียงของคนที่เริ่มเรื่อง

     ถ้างั้น จะเอายังไงล่ะค่ะ

     รอยยิ้มกว้างบนใบหน้าของเหล่าชายหนุ่มถือเป็นคำตอบอย่างดีเลยทีเดียว พร้อมๆกับเชนที่หันมาเอ่ยกับเด็กสาวอย่างอารมณ์ดี

     คงต้องขอให้เธอช่วยนิดหน่อยนะ เรเนอร์

     

     แกมันตัวถ่วง ไอ้บ้า

     พูดยังกะว่าแกเก่งนักนี่ ไอ้โง่

     แกมันพวกดีแต่ปาก เก่งแต่วางแผนเท่านั้นแหละ

     หนอย แกมันก็พวกงี่เง่าใช้เป็นแต่กำลังนั่นแหละ

     ดีกว่าพวกลอบกัดแล้วกันโว้ย ไอ้พวกแทงข้างหลัง

     เค้าเรียกลอบโจมตีเฟ้ยฮ่าฮ่า แกมันไม่มีสมองจริงๆ

     ไอ้บ้า แกกรนดังเป็นบ้าตอนนอน แถมพูดอะไรก็ไม่ฟังขอต่อยทีเหอะ

     แกมันก็พวกโวยวายเหมือนกันล่ะน้า

     หนอย ไอ้ขี้เก๊ก

     แกนั่นแหละไอ้~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~”

     และอีกสารพันคำด่าที่เปิดให้จินตนาการเอาเอง

     เยี่ยม

     ความคิดของไอ้เจ้าพวกนี้ 

     งามหน้าจริงๆ

     ร่างสูงของผู้ที่คอยเฝ้ามองสถานการณ์มาตั้งแต่ต้นคิดภายในใจ หลังจากที่สังเกตเห็นเด็กสาวลุกขึ้น เหมือนพวกหนุ่มๆที่เป็นไนท์ของเจ้าหล่อนและเป็นรูมเมทของเจ้าตัวก็พากันหลบฉากมาหาเด็กสาวกันอย่างแนบเนียน พลางยืนสนทนาอยู่สักพัก เหมือนจะตกลงกันได้แล้วเมื่อชายหนุ่มร่างสูงเจ้าของนัยน์ตาสีเงินอมม่วงซึ่งเพื่อนของเขาทั้งหลายต่างเล็งเอาไว้เพราะเป็นท้อปของชั้นปี รวมทั้งคนข้างๆซึ่งเป็นไนท์อีกคนของเด็กสาวซึ่งตามขาวที่ลือกันนั่นคือ แสบ และพ่อตัวป่วนประจำชั้นปีหนึ่งรวมถึงเพื่อนสนิทอีกสองคนด้วย กำลังก้มลงกระซิบอะไรบางอย่างที่ร่างเล็กของเด็กสาวซึ่งยิ้มรับอย่างอารมณ์ดี แล้วผละออกไป แล้วร่างสูงของชายหนุ่มเจ้าของนัยน์ตาสีเงินก็เข้ามากระซิบอะไรบางอย่างอีกทีก่อนจะผละไปเช่นกัน

     ที่ไม่น่าไว้ใจคือรอยยิ้มของเด็กสาวคนนี้แหละ ไม่ใช่แผนของเจ้าพวกนั้นที่เขาพอจะเดาออก

     เพราะหลังจากนั้นความวุ่นวายอย่างหาที่เปรียบตั้งแต่มีการเริ่มรับน้องก็บังเกิดขึ้น เมื่อร่างของชายหนุ่มห้าคนเจ้าความคิดอุตริ กระจายกันไปตามส่วนต่างๆ แล้วเริ่มชกพวกเดียวกันเองแบบเบาะๆซึ่งเล่นเอาหลายคนเริ่มหน้าหัน แก้มช้ำ แต่ที่แน่นอนคือ แรงโทสะที่เกิดจากความหงุดหงิดที่มีมากอยู่แล้ว บวกกับการกระทำที่ไม่ทราบเหตุผลทำให้ข้างล่างซึ่งเป็นสวนที่ใช้สำหรับรับน้องในช่วงนี้ ถูกเปลี่ยนเป็นสวนที่ให้รุ่นน้องปีหนึ่งทั้งหลายซัดกันเองเต็มแรงอย่างไร้ความปราณี ส่วนเหล่ารุ่นพี่ที่กำลังสนุกอยู่เมื่อสักครู่กลับมองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกอึ้งๆริมขอบสนามบ้าง บนหอคอยสูงบ้าง เพราะที่แต่ละคนสู้กันถือว่าถ้าใครมาเห็นนี่งามหน้าแน่ เพราะเล่นกันแรงแบบที่ว่าแค้นกันมาเป็นชาติ ชกกันแต่ละหมัดรู้สึกจะได้เลือดกันมากเลยทีเดียว

     เฮ้ย มันเล่นอะไรกันอ่ะ

     ส่วนคนที่พอจะเดาแผนออกก็ยังอึ้งไปเล็กน้อย เพราะคาดไม่ถึงว่าจะกล้าใช้วิธีตรงๆแบบนี้ นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มจองมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างประหลาดใจ เหล่าเด็กปีหนึ่งที่ตอนนี้ก่นด่ากันดังลั่นยังกับตลาดสดพลางสอยหมัดเข้าหาเป้าหมายที่ใกล้ที่สุด หรือเป้าหมายที่เล็งไว้นานแล้วอย่างเต็มแรง รวมทั้งคนต้นเรื่องที่ไล่ซัดไปทีละคนสองคนไม่ซ้ำหน้าดูจะได้รับผลประโยชน์มากที่สุด และเริ่มหันมาซัดกันเองแล้วด้วย แต่เมื่อเหลือบมองไปทางหนึ่งก็ถึงกับต้องมุ่นหัวคิ้วหนาด้วยความฉงน

     เด็กสาวร่างเล็กซึ่งยังคงยืนนิ่งอยู่ตำแหน่งเดิมอย่างไม่สนใจสถานการณ์รอบด้าน จู่ๆก็สาวเท้าเข้ามาใกล้หอคอยสูงช้าๆนิ่งๆ แรงกดดันบางๆค่อยถูกปลดปล่อยออกมาอย่างนุ่มนวลจนกระทั่งร่างเล็กชะงักฝีเท้า พลันแรงกดดันมหาศาลที่แทบจะเหมือนกับรังสีฆ่าฟันที่ทำให้ทุกร่างซึ่งกำลังสู้กันจะเป็นจะตายกันอยู่ถึงกับชะงักการทะเลาะทันที สายตาทุกคู่หันมาหยุดที่เด็กสาวร่างเล็กซึ่งยืนนิ่งๆ

     แต่แค่เพียงเสี้ยววินาที แรงกดดันที่ว่าก็หายไปในทันที ทว่าก็ไม่ใช่ว่าคนที่หยุดชะงักไปแล้วจะหันกลับไปสู้กันต่อในทันทีเสียเมื่อไหร่ สายตาทุกคู่จับจ้องไปที่เด็กสาวที่เรียกความสนใจได้ชะงัด ก่อนจะสาวเท้าเข้าไปใกล้ ทั้งหมดก็พบว่าพวกเขามารวมกันอยู่บนสนามโล่งทั้งหมดได้ยังไงก็ไม่รู้

     มือเรียวของร่างเล็กชี้ขันไปบนหอคอยสูง รอยยิ้มบางแย้มกว้างขึ้นบนใบหน้าหวานซึ่งเป็นสิ่งที่เรียกสติซึ่งจมกับความเครียดที่ฝังอยู่ในใจของเหล่าชายหนุ่มทั้งหลายตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาเรียนให้กลับมาโล่งอีกรอบ เพราะสีหน้าตื่นตะลึงของแต่ละคน ถูกปรับเป็นสีหน้าสบายๆภายในพริบตา พร้อมๆกับรอยยิ้มกว้าง และเสียงหัวเราะลั่นตามแบบฉบับบุรุษทั้งหลาย

     ทำอะไรกันไปล่ะเนี่ย ลืมไปแล้วนะเนี่ยว่าต้องทำอะไร

     นั่นสิ ปล่อยไปตั้งเยอะ โล่งเป็นบ้า สบายใจสุดๆ

     เหล่าชายหนุ่มต่างพยักหน้ารับอย่างไม่กังขาไดๆในคำพูดดังกล่าว ความรู้สึกหนักอึ้งที่สะสมมานานค่อยๆจางหายไปราวกับสายลมที่พัดผ่าน ก่อนมองหน้ากันพลางหัวเราะเบาๆ

     ใช่ ฉันได้ด่าแกแล้ว แถมได้ต่อยอีก สบายใจเป็นบ้า

     เออ ฉันก็เป็นของฉันอย่างนี้ หายกันแล้วกันโว้ย เพราะฉันก็ต่อยแกไปเหมือนกัน

     ค่อยยังชั่ว แกห้ามกรนอีกนะเว้ย

     เฮ้ย จะบ้าเหรอของแบบนี้มันห้ามกันได้ที่ไหนฟะ

     ช่างมันเหอะน่าฮ่าฮ่าฮ่า

     เสียงหัวเราะอย่างสบายใจพลางแซวกันเล่นทำเอาทุกคนยิ้มกว้าง เสียงขอโทษขอโพยอีกฝ่ายดังเป็นระยะพลางกอดคอแกล้งกันอย่างสนิทสนม ความเคลือบแคลงใจในส่วนลึกๆถูกปลดปล่อยออกมาทั้งหมด ต่างฝ่ายต่างรับรู้ข้อเสียของแต่ละคน และค่อยๆยอมรับกันและกัน สร้างสายสัมพันธ์ที่เรียกว่าเพื่อนแท้จากความรู้สึกจริงใจของแต่ละคนออกมาโดยไม่มีการปิดบังไดๆ ซึ่งไม่เหมือนกับความสัมพันธ์ที่ฉาบฉวยซึ่งมีแต่ความเคลือบแคลงใจต่อกันเหมือนกับยามที่เจอหน้ากันครั้งแรก

     เจ๋งจริงๆ เจ้าพวกนี้

     หลายคนเข้าหาเพื่อนที่ตัวเองไม่คุ้นเคยหรือไม่ถูกกันได้อย่างสนิทใจ เพราะได้ซัดกันไปยกนึงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งรวมถึงเซบาสเตียนที่เข้าไปคุยกับชุนจิโร่อย่างลูกผู้ชาย ซึ่งแน่ใจได้เลยว่าสองคนนี้คงจะต้องกลายเป็นเพื่อนสนิทที่ช่วยเหลือกันได้ต่อไปได้อีกนาน

     และชายหนุ่มทุกคนก็หันไปหาเด็กสาวที่ยิ้มกว้างไปกับความสบายใจของพวกเขาอย่างอารมณ์ดี ใบหน้าหวานแดงขึ้นเล็กน้อยเมื่อรู้ว่าตัวเองตกเป็นเป้าสายตาพลางหัวเราะแหะๆ มือเล็กปัดผมด้านหน้าแก้เขินที่พวกผู้ชายจ้องเธอไม่เลิกเสียที เรียกเอาความเอ็นดูจากใจชายหนุ่มทั้งหลายไปเต็มร้อย

     คงจะเบื่อหน่อยนะ ที่พวกเราทะเลาะกันแบบนี้ เซบาสเตียนเอ่ยขึ้น เด็กสาวรีบส่ายหน้าวืดพลางเอ่ย

     ไม่หรอกค่ะ แค่งงที่ว่าทำไมถึงไม่เข้าใจกันสักทีมากกว่า มีอะไรก็พูดออกมา เพราะยังไงก็เป็นเพื่อนกันอยู่แล้วนี่ค่ะ พวกรุ่นพี่ก็คงคิดแบบนี้เหมือนกัน ถึงได้เปลี่ยนวิธีการรับน้องเป็นแบบนี้ เพราะทุกคนเก่งกันเกินไป เก่งเกินไปจนสร้างอีกบุคลิกเพื่อเข้าหาคนอื่นค่ะ ก็ต้องมีความเคลือบแคลงในตัวเพื่อนๆที่เพิ่งเคยเจอครั้งแรกทั้งนั้น สะสมนานเข้ามันก็กลายเป็นสนิมเกาะกินใจ

     เคาะออกมาให้หมดจะดีที่สุดสินะ เรเนอร์ เสียงกล่าวพร้อมกับมือหนาของร่างสูงเจ้าของเรือนผมสีแดงเพลิงชี้ยุ่งไม่เป็นทรงวางบนหัวทุยของเด็กสาวแล้วยีหัวเล็กๆนั่นอย่างเบามือ มองเดยิ้มให้เหล่ารุ่นน้องอย่างแจ่มใส พร้อมๆกับเหล่ารุ่นพี่ทุกคนซึ่งก้าวออกมาพร้อมกับเจ้าของเสียงด้วยรอยยิ้มเอ็นดู รวมทั้งร่างสูงของพี่ประธานซึ่งใบหน้าคมประดับด้วยรอยยิ้มบางๆ

     สี่วัน ที่พวกนายได้คิด เข้าใจคำว่าเพื่อนดีแล้วสินะว่า เพื่อนไม่ใช่ความสัมพันธ์ฉาบฉวยที่เราแค่ใส่หน้ากากเข้าหากันแล้วจะสร้างคำนั้นได้

     ครับ รุ่นพี่ เสียงตอบรับแข็งขันทำให้เหล่ารุ่นพี่ยิ้มกว้าง จนกระทั่ง

     แต่การทดสอบยังไม่จบนะ

     คำกล่าวที่ทำให้รอยยิ้มท้าทายปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเหล่ารุ่นน้องทั้งหลาย รวมทั้งคนที่นิ่งที่สุดอย่างประธานนักเรียนคนนั้น แต่ทว่าชายหนุ่มเจ้าของนัยน์ตาสีเงินซึ่งหรี่นัยน์ตาคู่สวยลงเล็กน้อยราวกับคาดเดาอะไรบางอย่าง ซึ่งดูจะเป็นความคิดแปลกๆของพวกรุ่นพี่

     ลางไม่ค่อยดีเลยแฮะ

     เรามาเปลี่ยนกันบ้างดีกว่า เอามะไลก้า มองเดเอ่ยขึ้นอย่างสนุก ซึ่งทำเอาเหล่ารุ่นน้องบางคนที่พอจะเดาได้ถึงกับเดินขึ้นมาด้านหน้าอย่างไม่ไว้ใจ เอาแบบนี้ เหมือนพวกนายจะรวมกันได้เพราะเรเนอร์น้อยผู้น่ารัก เพราะฉะนั้น ฉันว่าเรามาเปลี่ยนใหม่กันดีกว่า เปลี่ยนจากพวกนายต้องชนะพวกฉัน เป็นมาเอาแม่สาวน้อยน่ารักคนนี้คืนจากพวกฉันดีกว่านะ

     สิ้นคำกล่าวมือหนาที่ยีหัวเด็กสาวอยู่ก็รั้งร่างเล็กเข้าชิดก่อนยิ้มเผล่ และก่อนที่เด็กสาวจะได้ทำอะไร ร่างสูงของพี่ประธานนักเรียนสุดนิ่งก็โผล่มาตรงหน้าเด็กสาว มือหนาทาบลงไปบนหน้าผากบาง ก่อนร่างเล็กที่กำลังจะดิ้นก็ปรือนัยน์ตาสีแดงเพลิงลงช้าๆ ร่างกายบอบบางอ่อนแรงลงในอ้อมกอดของรุ่นพี่จอมขี้เล่นที่ส่งร่างเล็กของเด็กสาวให้กับเพื่อนสนิทซึ่งรับร่างเล็กเข้าอ้อมกอดอย่างทะนุถนอม

     เฮ้ย เดี่ยวสิครับรุ่นพี่ เสียงโวยพร้อมๆกันจากเหล่าชายหนุ่มทั้งชั้นปีซึ่งหายจากอาการตะลึงเพราะคำประกาศิตของรุ่นพี่จอมขี้เก๊ก แต่ยังไม่ทันมีใครขยับ ร่างสูงของชายหนุ่มเจ้าของนัยน์ตาสีน้ำเงินผู้เป็นประธานก็หายวับไปจากตำแหน่งที่เคยยืนอยู่ สายตาทุกคู่มองขึ้นไปที่ยอดหอคอยสูงซึ่งเจ้าตัวกำลังยืนอยู่บนระเบียงกว้าง ในอ้อมกอดมีร่างของเด็กสาวซึ่งหลับสนิท

     ถ้าเด็กสาวคนนี้สำคัญ ร่วมมือกันให้ฉันดูหน่อยสิ ว่านายจะเอาเด็กสาวคนนี้คืนไปได้ไหม รึถ้าเด็กสาวคนนี้ไม่มีความหมายต่อใคร ก็แล้วแต่พวกนายก็ได้นะ ส่วนเรื่องเวลา ฉันกำหนดให้จนกว่าจะหมดช่วงเวลาการรับน้องของวันนี้ พยายามเข้าล่ะ

     สิ้นคำกล่าวร่างสูงก็เดินเข้าไปในหอคอย พร้อมๆกับร่างของเหล่ารุ่นพี่ทั้งหลายที่หายตัวไปประจำที่ของตนตามคำสั่งใหม่ราวกับรู้งาน

     มีเวลาอีกสี่สิบห้านาทีจนกว่าจะหมดเวลาช่วงรับน้อง

     พวกนายจะเอายังไง เซบาสเตียนเอ่ยถามเพื่อนๆซึ่งดูเหมือนจะไม่ต้องถามให้เสียเวลาเพราะแต่ละคนก็พยักหน้ารับอย่างแข็งขันพลางเอ่ย

     ต้องช่วยสิ ยังไม่ได้คุยกันเลย ขืนพวกรุ่นพี่พาไปทำอะไรแปลกๆก็แย่สิครับ เสียงกล่าวของชายหนุ่มร่างเล็ก ใบหน้าขาวสวมแว่นหนา นัยน์ตาสีฟ้าสวย ผมสีทองตัดสั้นดูเด่นสว่างในความมืด เรียกเสียงสนับสนุนจากเพื่อนๆได้เป็นอย่างดี ก่อนเจ้าตัวจะเอ่ยสำทับออกมาอีก เรเนอร์เขาน่ารักนะครับ ซื่ออีกต่างหาก ขืนพวกรุ่นพี่เขาพาไปทำอะไรแปลกๆ ผมกลัวเธอจะป้ำเป๋อไปทำตามน่ะสิครับ จริงไหมครับ เรย์

     คนถูกถามมองใบหน้าของคนกล่าว ใบหน้าเรียบแย้มรอยยิ้มบางๆพลางเอ่ยเสียงเรียบที่ดูจะติดขันไปนิด

     ถูกเผงเลย ซัน

     แล้วจะเอายังไงกันล่ะ ชุนจิโรเอ่ยถามขึ้นกลางวง แต่ละคนก็นิ่งเงียบ จนกระทั่งเจ้าของนัยน์ตาสีแปลกเอ่ยออกมาพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง

     ลองวิธีนี้กันดีกว่า

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×