คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #42 : EP : 42 งานเลี้ยง
EP : 42 งานเลี้ยง
“พวกนายไม่มีเกมเหรอ”
อลิซถามมองไปยังทีวีจอขนาดหนึ่งร้อยนิ้วที่กำลังมีข่าวของแมททิวอยู่ หึ! ดังจังเลยนะ ทั้งๆ ที่ธุรกิจก็เอาของเธอไปเป็นของตัวเองแท้ๆ
คอยดูสิ เธอเป็นคนสร้างมันขึ้นมาได้ก็ทำลายมันได้เหมือนกัน
“ไม่มี” คาโลตอบก่อนจะหันไปคว้าไก่ทอดมากิน
“ฉันโตแล้วไม่เล่นเกม”
โอคอนเนอร์ตอบพร้อมกับยึดอกอย่างภาคภูมิใจ
“ฉันว่ามันปัญญาอ่อน”
อิลไลเอ่ยตอบพร้อมกับเช็ดมือที่เลอะซอสไปด้วย
“เรื่องไร้สาระแบบนั้นฉันไม่เล่นหรอก”
โลแวนหันไปบอกอลิซ
เพราะสำหรับเขามันไร้สาระมากที่จะเอาเวลาที่แสนมีค่าของเขาไปเสียเวลากับการเล่นเกมพวกนั้น
“ของแบบนั้นเขาเอาไว้ให้เด็กเล่นเท่านั้นแหละ”
บาร์ลอนหันไปบอกอลิซบ้าง
“คาโลพวกนี้อ่อนเรื่องเกมเหรอ” อลิซไม่สนใจกับคำพูดของทั้งสี่
เธอหันไปถามคาโลทันที เพราะจำได้ว่าเคยเห็น คาโลเข้าร้านเน็ตนั้นหมายความว่าคาโลจะต้องเล่นเกมเป็น
“อืม พวกนี้มันตกยุคนิดหน่อยนะ” คาโลตอบพร้อมกับยักไหล่ใส่เพื่อนของตัวเองที่มองมาที่เขา
“ฉันพนันได้เลยพวกนี้ไม่มีทางชนะฉันได้หรอก”
อลิซหันไปพูดกับคาโลพร้อมกับยิ้มนิดๆ เมื่อ เห็นว่าทั้งสี่เริ่มมีแววตาอยากจะเอาชนะในสิ่งที่เธอพูด
“ไม่มีทาง อย่างฉันไม่เคยแพ้ใครหรอก”
โอคอนเนอร์พูดขึ้นทันทีอย่างอดไม่ได้ที่จะถูกอลิซพูดจา ดูถูกตัวเองแบบนี้
“เหรอ” อลิซหันไปตอบสั้นๆ อย่างไม่ใส่ใจ
ก่อนจะมองเห็นว่าอลันกำลังเดินเข้ามาพอดีด้วยใบหน้าไม่สบอารมณ์
“เมื่อกี้นายพูดว่าอยากจูบอลิซเหรอ”
คาโลตั้งใจหาเรื่องให้โอคอนเนอร์เพราะความหมั่นไส้ และ ก็เป็นไปตามที่เขาคิด
“อะไรนะ! นี่นายคิดเรื่องทุเรศๆ กับพี่สาวฉันเหรอ” อลันร้องขึ้นเสียงดัง
ก่อนจะตะคอกถามโอ คอนเนอร์ด้วยท่าทางหาเรื่อง
“เฮ้!
ฉันเปล่านะ!” โอคอนเนอร์ร้องบอก พร้อมกับรั้งมือของอลันให้ออกจากคอเสื้อของเขา ไอ้คาโลนี่มันตั้งใจหาเรื่องเขาชัดๆ
“มากินไก่ทอดอลัน” อลิซบอกแค่นั้นอลันก็ยอมปล่อยคอเสื้อของโอคอนเนอร์ทันทีแล้วยอมทำตามที่อลิซบอกอย่างว่าง่าย
แต่ก็ไม่วายกระซิบบอกโอคอนเนอร์
“ครั้งหน้านายไม่รอดแน่”
“ให้ตายสิ แรงเยอะทั้งพี่ทั้งน้องเลย”
โอคอนเนอร์พูดขึ้นหลังจากที่อลันปล่อยคอเสื้อของเขา
“ขอถามหน่อยสิ
พวกนายกับหมอนี่ใครมีอิทธิพลมากกว่ากัน”
อลิซพูดขึ้นโดยที่สายตาจ้องไปยังแมททิวที่อยู่ในทีวีแล้วเอ่ยถามโดยไม่หันไปมองหน้าของห้าหนุ่ม
“ก็ต้องพวกฉันอยู่แล้วสิ ตระกูลฉันอยู่มาเป็นพันๆ
ปีมีธุรกิจต่างประเทศอีกมากมาย ส่วนหมอนี่ก็พึ่งจะดังเมื่อไม่กี่เดือนสองเดือนก่อนนี่เอง
แล้วก็ใหญ่แค่ในประเทศตัวเองเท่านั่นแหละเทียบกับพวกฉันไม่ได้หรอก”
โอคอนเนอร์พูดขึ้นพร้อมกับส่ายหน้าไปมาเมื่อมองไปที่แมททิว
“ฉันเดาได้เลยว่าไอ้หมอนี่ที่อยู่ๆ ก็มีกิจการมากมายแล้วอยู่ๆ ก็พึ่งมาดังจะต้องไปปล้นใครเขามาแน่ๆ” บาร์ลอนจ้องมองแมททิวก่อนจะพูดขึ้นมาบ้างมันไม่มีใครที่จู่ๆ ก็ดังขึ้นมากัน ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่มีข่าวอะไรเลยมีธุรกิจมากมายแบบนี้จะหมุนเงินยังไงให้ได้กำไรมากในระยะเวลาอันสั้น ถ้าไม่ใช่ไปโกงเขามาแล้วเอามาเป็นของตัวเอง
“อย่าบอกนะว่าเธอสนใจหมอนี่นะ” บาร์ลอนเอ่ยถามนั้นทำให้คาโลและอลันที่กัดน่องไก่ทอดอยู่หันมามองอลิซทันที
อลิซนั่งนิ่งแล้วทำหน้าครุ่นคิดไปด้วย ชอบเหรอ หึ! ออกจะเกลียดกันด้วยซ้ำให้เธอชอบคนแบบนี้เหรอไม่มีทาง
เพราะเธอไม่คิดจะรักใครอยู่แล้ว
“อืม
ไม่รู้สิ ก็แค่ไม่ชอบขี้หน้าน่ะ” อลิซบอกก่อนจะหยิบไก่มากินบ้าง
“ฉันว่าจะชวนครอบครัวเธอไปงานเลี้ยงที่จัดขึ้นวันนี้นะ
แต่ถ้าไปเธอก็ต้องเจอหมอนั่นแน่ๆ”
บาร์ลอนพูดขึ้นอย่างไม่แน่ใจว่าอลิซจะยอมไปหรือเปล่า
“งานใหญ่ขนาดนั้นคงไม่ดวงดีเจอกันหรอกมั้ง”
โอคอนเนอร์พูดขึ้นบ้าง ใช่ว่าอยู่ๆ จะเดินเข้าไปทักกันเสียเมื่อไร
“ก็ไม่แน่หรอก” คาโลบอกรู้สึกได้เลยว่าพรุ่งนี้จะต้องมีเรื่องเกิดขึ้นแน่ๆ
“งั้นฉันไปก็แล้วกัน”
อลิซหันไปบอกก่อนจะหันไปยิ้มให้อลันที่กำลังมองเธออย่างไม่เข้าใจ เธอมีแผนของเธอ
“อลิซมันโอเคแล้วใช่มั้ยลูก”
โคลันหันไปถามอลิซอย่างไม่แน่ใจเพราะเขาไม่ได้แต่งตัวแบบนี้มาเป็นสิบๆ
ปีแล้วเลยไม่มั่นใจในตัวเอง
“หล่อแล้วน่า พ่อก็แค่ทำตัวเองให้นิ่งๆ และเงียบยิ้มตอบทุกคนที่ส่งยิ้มให้พ่อก็เท่านั้นเองนะ”
อลิซหันไปบอกโคลัน
เธอรู้ว่าพ่อของเธอไม่มั่นใจในตัวเอง
และเขาชอบประหม่ากับงานพวกนี้
แต่ถึงยังไงเธอก็จะต้องทำให้พ่อของเธอชินกับเรื่องพวกนี้ก่อน
“พ่อทำได้อยู่แล้วครับ”
อลันบอกก่อนจะมองไปที่พี่สาวของตัวเองที่วันนี้อยู่ในชุดราตรีสีดำเปิดไหล่และอลิซก็ดูสวยกว่าวันไหนๆ
เขาจะต้องทำหน้าที่ปกป้องพี่สาวของเขาให้ดีที่สุด
“งั้นเราไปกันเถอะไปถึงโรงแรมก็น่าจะใกล้เริ่มงานพอดี”
อลิซบอกก่อนที่ทั้งสามจะพากันเดินไปขึ้นรถโดยที่มีโซมาสเตียนเป็นคนขับรถให้
“พวกนั้นขับรถตามเรามา” โซมาสเตียนพูดขึ้นหลังจากที่ขับรถออกมาจากหมู่บ้าน
อลิซมองไปยังด้านหลังก่อนจะส่งข้อความไปถามคาโลว่ามีคนบอกคนตามเธอมา และไม่นานคาโลก็ตอบกลับมาบอกว่าคนคุ้มกัน
“ไม่มีอะไรหรอก” อลิซตอบโซมาสเตียนด้วยท่าทีไม่ทุกข์ร้อน
และพวกเธอก็ใช้เวลาไม่นานในการขับรถมาถึงโรงแรมที่จัดงาน พอลงจากรถก็มีคนเดินเข้ามาหาพร้อมกับบอกว่าจะเป็นคนเดินนำทางไป
“ไม่ตรวจบัตรเชิญเหรอคะ”
อลิซถามเพราะว่ามางานแบบนี้ต้องตรวจดูบัตรเชิญอยู่แล้วเพราะจะให้ใครที่ไหนเข้าไปในงานไม่ได้
“เอ่อ มะ…ไม่ต้องครับ”
ผู้ชายคนนั้นเอ่ยตอบด้วยท่าทางเขินอายก่อนจะเดินนำทางพวกเธอเข้าไปในงาน
ผู้คนที่อยู่ในงานต่างก็เป็นพวกนักธุรกิจใหญ่โตกันทั้งนั้น ตอนนี้อลิซยังงงอยู่เลยว่าบาร์ลอนเชิญเธอมาทำไม แม้เหตุผลของบาร์ลอนที่บอกว่าอยากจะแนะนำเธอให้รู้จักกับครอบครัวตัวเอง ฟังดูแล้วเหมือนจะไม่ใช่เรื่องดีเท่าไร
“เฮ้ ดูครอบครัวนั้นสิ ดูดีกันทั้งบ้านเลย”
“ที่บ้านเขาทำธุรกิจอะไรกันนะ”
“เข้าไปทำความรู้จักกันมั้ย”
อลิซยืนนิ่งหันไปมองรอบๆ เพื่อมองดูว่าพวกนั้นอยู่ที่ไหนกัน
และดูเหมือนว่าพวกนั้นกำลังหาทางแยกตัวออกมาจากครอบของตัวเองอยู่
“หมอนั่นมองเธอใหญ่เลย” คาโลที่เดินมาหาเธอก่อนเพื่อนก็พูดขึ้นและหมอนั่นที่ว่าก็คือแมททิว
จะบอกว่าหมอนั่นสนใจเธอไม่มีทางเป็นไปได้หรอก
เพราะว่าตั้งแต่ทำงานด้วยกันมาหมอนั่นไม่สนใจผู้หญิงคนไหนเลยสักคน
นอกจากคนนั้นจะเป็นเป้าหมายของหมอนั้น
เฮือก! เดี๋ยวนะ หวังว่าหมอนี่คงไม่ได้เล็งฉันอยู่หรอกนะ แค่คิดก็ขนลุกแล้วล่ะ
แต่ว่าคงไม่ใช่หรอก
อาจจะเป็นเพราะว่าเธอคือเป้าหมายที่ควรถูกจับไปต่างหากเล่า
“ฉันรู้ตัวคนร้ายแล้ว” คาโลบอกอลิซเบาๆ พร้อมกับที่พวกเพื่อนๆ ของเขาเดินเข้ามาพอดี และตอนนี้พวกเขากำลังตกเป็นเป้าสายตาของใครหลายๆ คน
อลิซที่ได้ยินแบบนั้นก็ได้แต่พูดในใจว่าเธอนั้นรู้ก่อนเขาอีก
ความคิดเห็น