คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : Madness~ : ตอนที่ 11 : ร่างที่แท้จริง
Madness~ : ตอนที่ 11 : ร่างที่แท้จริง
“ร้อนชะมัด.....” ชายผมสีดำสบถ ก่อนจะเดินลากขาตัวเอง เข้าไปหลบที่หลุมทรายที่เกิดจากการเกิดพายุทะเลทราย กองทัพกระดูกที่ไร้สมอง กระโดดข้ามผ่านตัวเขาไปอย่างไม่ขาดสายด้วยความที่มันมองไม่เห็น...หลังจากที่พวกโครงกระดูกนั่นออกไปหมดแล้ว เขาก็ลอบเดินออกมา.....
“ให้ตายสิ...นี่มันนรกชัดๆ” ฟีนสบถออกมาเมื่อ มองไปรอบๆตัว ที่ซึ่งมองไปทางไหนก็มีแต่ทะเลทรายล้วนๆทั้งนั้น เขาเงยหน้ามองท้องฟ้าพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่
....แกร่ก......
เสียงคุ้นหูดังขึ้น ฟีนหันหน้าไปมองทางต้นเสียง โครงกระดูกร่างสีดำ ในชุดเกราะเต็มยศ ยิ้มแสยะมาทางเขา ....
“อรุณสวัสดิ์ Firer Madness.....” เสียงนั้นดังขึ้น ก่อนที่หน้าไม้สีดำสนิทของร่างนั้นจะจ่อมาที่หน้าผากของฟีน ดวงตาของเด็กหนุ่มเบิกกว้าง
“ราตรีสวัสดิ์นะหนุ่มน้อย....”
ฉึก!!!!!!!!
แฮ่ก...แฮ่ก.......
ร่างบางของซาร์ทรุดลงกับพื้นถ้ำ เอนตัวพิงกับผนังถ้ำ มองร่างของทั้งสามคนที่นั่งระรึกความหลังกันอย่างไม่รู้เวร่ำเวลา
“ชิ...คนเค้าช่วยคุ้มกันแทบตาย...เห็นหัวกันสักหน่อยสิ” เธอบ่นเบาๆ พอดีกับที่ราฟว์แบกนีฟเข้ามา แล้วโยนลงใกล้ๆกับเธอ
“..........” ซาร์มองหน้านีฟอย่างงงๆ
“มองอะไร?” นีฟถามก่อนจะสะบัดหน้าหนีไปอีกทาง...ซาร์ยิ้มแห้งแล้วหันไปมองราฟว์ที่ยืนถอนหายใจอยู่ข้างๆ
“ฉันจะไปช่วยริช....เธออยู่ที่นี่ก็แล้วกัน” ราฟว์ทิ้งท้ายไว้ก่อนที่จะวิ่งออกไป...นีฟถอนหายใจออกมาเล็กน้อย คิ้วขมวดเข้าหากัน
“ราฟว์มันว่าอะไรเอารึไง?” ซาร์ถาม
“เปล่า.....ก็....นิดหน่อย..” นีฟนั่งชันเข่าทั้งสองข้างขึ้นก่อนจะซุกหน้าลงกับเข่าทั้งสอง แล้วไม่พูดจาอีก
ให้ตายสิทะเลาะกันอีกแล้ว.....ซาร์นึกในใจ แต่ทว่าวันนี้เธอก็รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีตั้งแต่เช้าแล้ว ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม ไอ้เราจะปรึกษาใครก็ไม่ค่อยได้ซะด้วยสิ แถมคนที่พอจะปรึกษาได้ตอนนี้ก็ไม่อยู่ ไอ้คนข้างๆเรานี่ตอนนี้อารมณ์ไหนก็ไม่รู้ เกิดดีไม่ดีแม่เจ้าพระคุณใช้ท่าไม้ตายหลุมดำกับเธอ เธอมิต้องกลายเป็นผู้สาปสูญตลอดกาลเลยเหรอ?
.............
“เร็วไปร้อยปีมั้งพวก......” เสียงชายหนุ่มผุดขึ้นหลังจากที่เขาตวัดง้าวเข้าที่กลางลำตัวของเจ้าโครงกระดูกสีดำเสียจนขาดท่อน เพลิงสีดำที่ลุกโชนกลับเป็นฉนวนทำให้กองทัพกระดูกหวนกลับมาอีกครั้ง แต่คราวนี้เขาไม่หนีอีกต่อไป ฟีนยืนยิ้มกริ่มตั้งง้าวรอรับศัตรูอย่างจงใจ
“พวกแกเนี่ยนะ....ให้ตายก็หนีไม่พ้นจริงๆ”
“แกร่กๆๆๆๆๆๆๆ” โครงกระดูกทั้งหมดหยุดนิ่ง ขยับปากไปมาราวกับหัวเราะชอบใจ
“หัวเราะทีหลังย่อมดังกว่านะเฟ้ย!!!!!!!!” ฟีนกระชับศาตราในมือแน่น ก่อนจะวิ่งเข้าหากองทัพโครงกระดูก
“ย๊ากส์!!!!!!!!!!”
.........
ครึ่ก~ .
เสียงๆหนึ่งดังขึ้นเบาๆท่ามกลางความเงียบสงบในถ้ำ
“............... ” รีซ่ารับรู้ได้ก่อนคนอื่น แต่หล่อนกลับไม่ได้พูดอะไรออกมา
ครึ่ก~ ครึ่ก~
เสียงนั้นดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ทุกคนในถ้ำได้ยินกันถ้วนหน้า ยกเว้นแต่..นีฟที่ยังคงหลับสนิทไม่ไหวติง
“เสียงนั่นมันอะไรกัน??” หมอกเอ่ยขึ้นพลางมองไปรอบๆตัว แล้วก็เห็นสิ่งผิดปกติขึ้น โครงกระดูกที่พวกเขาทำลายทิ้งไปเมื่อครู่กลับเริ่มคืนสู่สภาพเดิม ยกเว้นแต่ตัวที่แหลกจนกลายเป็นผุยผงเท่านั้นที่ยังคงเป็นเศษเถ้าถ่านอยู่
“หยึย~” ซาร์เบียดตัวเข้าใกล้นีฟมากขึ้น เธอเองก็หมดแรงที่จะสู้ต่อแล้ว จึงคิดจะหาที่พึ่งอื่นแต่ทว่า....
“...ฟรี้~”
“หือ?” ซาร์ได้ยินเสียงแปลกๆออกมาจากภายใต้วงแขนที่บดบังหน้าตาของอีกคนไว้
“คร่อก.......” เสียงกรนเบาๆของนีฟยังคงดังเล็ดลอดออกมา
“ยัยบ้า~~~~เวลาแบบนี้ยังมีอารมณ์มานอนหลับอีกเรอะ??!!” ซาร์โวยออกมาเบาๆ พลางขยี้ผมของตัวเองอย่างรุนแรง แต่ทว่านีฟก็ยังคงหลับไม่รู้เรื่อง....
เคร้ง~
.. ครืดดดดดดดด............ แกร่กกกกกกก.........กึก......กุกกักๆ.......
เสียงของโครงกระดูกที่ลุกขึ้นยืนบ้าง ลากอาวุธบ้าง กำลังก้าวมาทางพวกของซาร์อย่างช้าๆ เรย์เอามือกุมบาดแผลที่ท้องของเขาซึ่งยังไม่แห้งดี พยุงตัวลุกขึ้นพลางหยิบอาวุธของเขา
“บ้าชิบ! หมอก..ดูแลรีซ่าด้วย!”
“ไอ้เจ้าบ้า!! อย่ามาทำกร่างนะเฟ้ย!!!...แกนั่นแหละ..จวนเจียนตายอยู่รอมร่อไปนอนพักไป๊!!ทางนี้ข้าจัดการเอง” หมอกกล่าวแย้ง พลางหยิบดาบอสูรของเขาขึ้นมา
“อย่ามาทำสั่งสอนนะเว้ย!!!ฝีมือระดับแกจะไปทำอะไรได้วะ”
“แล้วอย่างแกเล่า! มันคงจะเหนือข้าหรอกนะ มันถึงทำให้แกได้รับบาดเจ็บมากกว่าข้าน่ะ”
“หนอย~.....ข้าจัดการศัตรูมากกว่าแกต่างหากล่ะ!”
“ถึงข้าจะจัดการได้น้อยกว่า แต่ข้าก็ได้บาดแผลน้อยกว่าแกเยอะ!!!”
“อย่ามาเถียงนะเว้ย!!แกไปนอนซะ!!”
“แกนั่นแหละ!!!”
“โว้ยยยยยยย!!! พอซะที!!!” รีซ่าที่นั่งทนฟังอยู่เริ่มรำคาญทนไม่ไหว ลุกขึ้นมาเอาไม้คฑาของเธอซัดโป้งเข้าที่หัวของเรย์และหมอกอย่างจัง ได้ซาลาเอาไปคนละ 2 ลูก
“ฉันเองก็มีมือมีเท้า แถมร่างกายก็ไม่ได้เป็นอะไรไม่ต้องมาดูแลฉันหรอก!!...เรย์ฉันว่านายควรจะนอนพักดีกว่าถ้าปากแผลเปิดแล้วจะแย่เอาตายไปเทพมัวร์ไม่รับเรียกฟื้นหรอกนะ! ..หมอก..นายเองถึงแม้บาดเจ็บอยู่ แต่คงมีกำลังมากกว่าเรย์ใช่มั๊ย? งั้นนายมาช่วยฉันสู้ดีกว่า...ดูเหมือนทางโน้นจะมีคนสู้ไม่ไหวอยู่คนหนึ่ง....นายช่วยไปแบกคนที่หลับอยู่ทีได้ไม๊?” รีซ่าเอ่ยถามแกมบังคับหมอกด้วยสีหน้าเคร่งเครียด หมอกยิ้มแห้งๆให้ก่อนจะเดินไปหานีฟ
..............
“แฮ่ก.....แฮ่ก....” ราฟว์วิ่งออกมาจากถ้ำอย่างเอาเป็นเอาตายเหมือนหนีอะไรสักอย่างที่น่ากลัว ในขณะที่ปากก็ยังบ่นพึมพำเบาๆ พลางหันหลังกลับไปดูทางที่เขาวิ่งมา
“ยาจะใช้ได้ผลกับมันไม๊เนี่ย?”
“หือ?” ราฟว์หันมาตรงหน้า ก็พบกับป่าไม้ที่เหี้ยนเตียนโล่ง ที่ดินที่เขาพักอยู่เมื่อวานกลายเป็นสนามรบที่มีแต่เศษซากของพวกโครงกระดูกที่กำลังคืนตัว หันไปหันมาก็พบแอเรียลยืนทำหน้างงๆใส่เขา
“..สบายดีรีเปล่าฮะ?” ราฟว์เข้าไปหาแอเรียล
“เดี๋ยวผมปลดบาเรียให้...แล้วช่วยไปอีกฟากหนึ่งของถ้ำทีนะครับ”
“เอ๋..?” เธอขมวดคิ้ว
“นีฟกับซาร์อยู่อีกฟากหนึ่ง...เธอไปรวมกับพวกเขาจะดีกว่านะ” ราฟว์พูดจบก็ทำการปลดบาเรียทั้ง 2 ชั้นออก แอเรียลเป็นอิสระ แล้วก็รีบวิ่งอ้อมไปที่ปากถ้ำอีกทางหนึ่ง ส่วนราฟว์ก็หันมาเผชิญหน้ากับพวกโครงกระดูกที่ฟื้นตัวอีกครั้ง
“ให้ตายสิ...ไอ้พวกนี้มันตัวอะไรกันแน่”
...............
ทางด้านริชที่ปลีกตัวออกไปทางแม่น้ำ เขาจับพวกโครงกระดูกแช่แข็ง แล้วตัวเองก็ไปนั่งหาวหวอดๆ อยู่บนก้อนหินริมแม่น้ำ ดูท่าแล้วเขาเองก็คงจะนั่งสัปหงกไปหลายรอบเหมือนกัน
“พวกนั้นจะเป็นยังไงกันบ้างน๊า~...” ริชยันตัวลุกขึ้น เตรียมจัดการไอ้ตัวที่แข็งอยู่ด้านหลังแล้วกลับไปที่ถ้ำ
“จะไปไหนไอ้หนู?” เสียงหนึ่งดังขึ้น พร้อมกับของแหลมที่จ่ออยู่ตรงท้ายทอยของริชที่ยังทำตาปรือๆ
“แกเป็นหัวหน้าพวกมันสินะ” เสียงนั้นดังขึ้นอีกครั้ง
“แกเองก็คงเป็นหัวหน้าของเจ้าพวกนี้เหมือนกันล่ะสิ..”ริชย้อนถามกลับบ้าง
“ก็ประมาณนั้น” พูดจบ เสียงกระทบกันของกระดูกก็ดังขึ้นระรัวราวกับหัวเราะ ริชหันไปมองร่างนั้น โครงกระดูกสีแดงราวกับโลหิตพร้อมเครื่องอิสริยยศ เต็มยศ ดาบสีทองเหมือนของเขาแต่ขนาดต่างกันจ่ออยู่กลางหน้าผากของริช
“ไหนๆก็เป็นหัวหน้าเหมือนกันแล้วน่ะ...มาสู้กันอย่างสมศักดิ์ศรีกันดีกว่า..” ริชเอ่ยข้อเสนอ โครงกระดูกสีแดงนิ่งเงียบ เหมือนคิดอะไรสักอย่าง
“ตกลง....ศักดิ์ศรีของหัวหน้าเป็นเดิมพัน”
......................
“ซาร์!!!!” เสียงของรีซ่าดังขึ้น หลังจากที่เห็นซาร์ทรุดเข่าลงกับพื้นข้างหนึ่ง ข้างหน้านีฟที่ยังคงหลับอยู่จากฤทธิ์ยาของราฟว์
“ฉันไม่ไหวแล้ว...รีซ่า...เธอช่วย..” พูดไม่ทันจบ ซาร์ก็ล้มตัวลงที่พื้น เธอหมดแรงอย่างช่วยไม่ได้จริงๆ
“อา...ให้ตายเหอะ..” รีซ่าสบถกับตัวเองเบาๆ
“หมอก!!!....นายไหวรึเปล่า?!!!” เธอตะโกนถามหมอกที่หลับหูหลับตาฟัน
“ไหวๆ...เธอล่ะ?”
“ฉันยังไหว..แต่ซาร์น่ะสิล้มไปแล้ว” เธอพูดเบาๆ หมอกปลีกตัววิ่งมาหารีซ่า
“ทำไงดี?” หมอกนั่งลงยองๆ แล้วเอาปลายดาบจิ้มจมูกซาร์เบาๆ
“พวกเราไม่มีใครพอที่จะใช้ท่าบาเรียได้เลยเหรอ?” รีซ่าเปรย หมอกหันไปหาเรย์ทันทีทันใด แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือ เรย์สะบัดหน้าหนีทำเป็นไม่รู้เรื่อง แล้วแกล้งหลับ หมอกกระตุกคิ้วน้อยๆ แล้วพึมพำเบาๆในใจ
-ตรูไม่ขอร้องจากแกหรอก-
ครู่หนึ่งผ่านมา แอเรียลก็วิ่งเข้ามาจากปากถ้ำ แล้วมองหานีฟกับซาร์ซึ่งเธอทั้งสองก็สลบกองอยู่กับพื้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แอเรียลหันไปหารีซ่าเป็นเชิงหาคำตอบ รีซ่าก็ได้แต่ส่ายหัว พอทราบถึงปัญหาของทั้งสองคนแล้ว แอเรียลก็ยื่นขนนกสีทองที่ริชทิ้งไว้ยื่นให้กับรีซ่า
“ริชทิ้งไว้ให้ฉันน่ะ...มันคงจะเป็นบาเรียได้”
“แล้วมันใช้ยังไงล่ะ?” รีซ่าจับขนนกกนั่นยกขึ้นส่องกับผนังถ้ำ(แล้วมันจะเห็นอะไรมั๊ยน่ะ?)
“ไม่รู้สิ” แอเรียลตอบ หมอกแย่งขนนกออกจากมือของรีซ่า แล้วนำมันมากวาดๆรอบตัว แต่ก็ไม่เกิดผลอะไรขึ้นมา
ติ๊ด---ติ๊ด----ติ๊ด----....เสียงเครื่องรับสัญญาณดังขึ้นที่ไหนสักแห่งภายในถ้ำ หมอกหันไปหาเรย์ที่นำกล่องเหล็กเล็กๆสีดำขึ้นมาดู ไฟกระพริบสีแดงถี่ๆ
“อะไรวะเรย์” หมอกเอ่ยถาม
“แย่แล้วล่ะ!!...ที่หุบเขาทาลัส...พวกกองกำลังปีศาจบุกเข้าไปถล่มที่นั่น!!” เรย์เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าตกใจสุดขีด
“Magical Planet .” รีซ่าเอ่ยขึ้นมาเบาๆ ...แอเรียลหันมามองหน้ารีซ่าทันทีที่ได้ยินชื่อนี้
“พวกของซีออนเหรอ?”
“เธอรู้จักด้วยเหรอ?”
“รู้สิ.....แล้วเธอจะกลับไปที่นั่นไม๊?” แอเรียลยืนรอคำตอบ จากรีซ่าที่ยืนตัดสินใจอะไรบางอย่าง
“ กลับ....ไปช่วยพวกของฉันน่ะ”
“งั้นฉันไปด้วย” แอเรียลพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“เธอเป็นคนของแมดเนส ถ้าไปที่นั่นก็เหมือนเธอไปนรก คนของไคล์มไม่ปล่อยเธอไว้หรอก”
“ฉันไม่ใช่คนของแมดเนส....”
“.?.”
........
แบล็กวิ่งกลับมาที่ถ้ำหลังจากกระซวกเจ้าพวกที่เขาวิ่งล่อไปสำเร็จ เขาคิดว่าคนเนคงกลับมารอเขาที่ปากถ้ำ แต่ก็คิดผิดถนัด ที่นั่นมีแต่ราฟว์ที่นั่งกอดอกขัดสมาธิ เหมือนกำลังใช้ความคิดอยูที่ปากถ้ำ
“เฮ้!ราฟว์คนอื่นล่ะ?”
“ตอนฉันมาก็ไม่มีใครเหมือนตอนนี้แหละ”
“เอ่อ....นายเห็น....ซาร์...บ้างรึเปล่า?” แบล็กเกาท้ายทอยเอ่ยถามเสียงตะกุกตะกัก ราฟว์ปรายตามองขึ้นมาอย่างมีเลศนัย
“ซาร์....งั้นเหรอ?”
“อะ....อื้ม....ไม่เห็นก็ไม่เป็นไรหรอก..แหะ...แหะ..” แบล็กหัวเราะแก้เก้อ
“เห็นสิ...อยู่ที่ปากถ้ำอีกฝากนึงน่ะ”
“งั้นเหรอ?ขอตัวนะ.”แบล็กรีบวิ่งไป ราฟว์ก็ได้แต่มองตามพลางคิดอะไรในหัวสมองสักอย่าง
“ไม่คิดจะห่วงตรูบ้างเหรอวะเนี่ย?”
ราฟว์นั่งคิดไปสักพัก เสียงฝีเท้าเล็กๆของเด็กผู้หญิงก็วิ่งมาทางเขาอย่างรวดเร็ว ราฟว์มองภาพเด็กผู้หญิงที่ทำเขาปางตายมาแล้วหนหนึ่ง วิ่งมาทางเขา พลางเหลือบไปมองด้านหลังของหญิงสาวก็พบกับกองทัพกระดูกสีดำ วิ่งตามหลังเธอมาติดๆ หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมามองคนที่น่าจะมีอยู่ที่นัดหมาย แล้วก็ปล่อยโฮออกมา
“ราฟว์!!!!ช่วยด้วย!!!” โฮตารุวิ่งโร่ไปกอดราฟว์ แต่ด้วยความเร็วที่เธอวิ่งมา ทำเหมือนเหมือนเอาก้อนหินหนักๆไปกระแทกตัวเขามากกว่า
“อุก!!” ราฟว์เซถลาด้วยอาการจุก ก่อนจะผลักให้โฮตารุไปอยู่ด้านหลัง
“ฉัน...ฉันฆ่าพวกมันไปแล้วหนหนึ่งนะ แต่ว่ามันมีพวกมาเสริมด้วย” โฮตารุทำท่าฟ้องเหมือนเด็กๆ พลางหอบหายใจเข้าปอดอย่างรวดเร็ว
“พวกเสริมงั้นเหรอ?” ราฟว์หยิบปืนคู่ใจของเขาออกมา ยืนประจันหน้ากับกองกระดูกที่มีสีขาวกับสีดำปนเปกัน
“โฮตารุ...ไม่ต้องห่วงนะ...ฉัน.....” ยังไม่ทันที่ราฟว์จะพูดจบ กระดูกปีศาจตัวหนึ่งก็เล็งปืนมาทางเขาแล้วยิงรัวมาทางราฟว์และโฮตารุอย่างไม่นับ ราฟว์เอามือรวบคอโฮตารุแล้วกลิ้งหลบไปอีกทาง
“อยู่ทางนี้นะ...ฉันจะไปลุยมันเอง!” ราฟว์สั่งเสียงขาด หยิบปืนให้กระชับมือ แล้วตั้งท่าลุกออกไป แต่มีมือมาฉุดเสื้อเขาไว้
“ระวังตัวนะ....ราฟว์” โฮตารุมองราฟว์ตาละห้อย น้ำตาซึมเหมือนตัวเองทำอะไรไม่ได้ ราฟว์นิ่งอึ้งไปครู่ ก่อนจะยิ้มบางๆให้พร้อมกับเอามือจับหัวหญิงสาวโยกไปมาเบาๆ
“เธอเก็บพลังเอาไว้ให้ดีๆ เธอจะได้รักษาคนทั้งกลุ่มอย่างบ้าเลือดแน่ๆ” พูดจบก็วิ่งไปสู่แสงสว่างด้านนอกถ้ำ ให้โฮตารุมองตามแผ่นหลังนั้นออกไป
“ราฟว์....”
----
ทางแบล็กที่วิ่งโร่มาหาซาร์ เมื่อมาถึงก็พบแต่เพียงร่างสองร่างนอนอยู่ โดยมีพวกกระดูกปีศาจอยู่รอบๆ เหมือนดูความเคลื่อนไหวของร่างที่ไม่ไหวติง แต่ด้วยความที่มันไม่มีสมองเลยคิดไม่ได้ว่า คนที่นอนอยู่ตายหรือยัง? แต่เมื่อเป้าหมายใหม่มาถึง ปีศาจกระดูกทั้งกองก็หันมาสบตากับแบล็กเป็นสายตาเดียว
“ชิ...หาย แย้วไงตรู ไม่น่าหาเรื่องใส่ตัวเล้ย...” แบล็กกุมขมับตัวเองเบาๆ ก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง
“เอาไงเอากันวะ” แบล็กเรียกอาวุธของตัวเองขึ้นมา มีดนับร้อยเล่มลอยตัวด้วยแรงลม หมุนเป็นวงกลม เตรียมพร้อมรบ
“Win da Destroy!!!” แบล็กบังคับมีดที่ลอยอยู่ให้หมุนเป็นวงกลมด้วยความเร็วสูง เหมือนกงจักร เขาหมุนไปรอบๆตัว ก่อนจะพุ่งตัวเข้าหาศัตรูร่างโครงพวกนั้น โครงกระดูกเหล่านั้นหลุดเป็นท่อนๆก่อนที่มันจะรวมตัวขึ้นมาใหม่ แบล็กพุ่งตัวเข้าไปจุดหมายคือ ร่างที่นอนอยู่ เพียงร่างเดียวเท่านั้น
.........เธอต้องไม่เป็นไรนะซาร์..........
แบล็กยืนอยู่ด้านหน้าของร่างที่แน่นิ่งทั้งสอง หยิบมีดอีกชุดมาจากด้านในโยนขึ้นมา มีดเหล่านั้นกลายเป็นวงกลมใหญ่สองวง ล้อมรอบตัวพวกพวกเขาไว้
“Ending Of SworD!!” มีดเหล่านั้นหมุนรอบตัวเองด้วยความเร็วสูง เมื่อโดนโครงกระดูกเหล่านั้นก็กลายเป็นผงสิ้น เมื่อศัตรูรอบตัวหมด เขาเองก็ทรุดเข่าลงกับพื้นข้างหนึ่ง ก่อนจะหันไปรวบตัวซาร์กับนีฟขึ้นบ่าอย่างรวดเร็ว แล้ววิ่งกลับไปหาราฟว์
----
“แฮ่ก...แฮ่ก...แฮ่ก” ฟีนยันตัวอยู่กับง้าวที่ปักลงพื้นทราย เขาคนเดียวต่อศัตรูนับร้อย ถึงจะเป็นคนที่มีพลังพิเศษก็เหอะ แต่ยังไงเขาก็เป็นคนเหมือนกันนะ แดดท่ามกลางทะเลทราย กับเขาซึ่งมีธาตุไฟ ให้ตายสิน่า มันช่างไม่มีอะไรที่จะสมดุลกันเลย
“หิวน้ำเป็นบ้าเลยให้ตายสิ” ฟีนพึมพำเบาๆ ล้มตัวลงนอนกลางผืนทรายที่กว้างใหญ่นั่น ก่อนจะ...
“คร่อก......”
หลับแบบเพลียสุดๆ ภาวนาให้ตอนที่เขาหลับไม่มีอะไรเกิดขึ้นด้วยเถิด
“หืม?”
ฟีนเปิดเปลือกตาขึ้นมาเล็กน้อย เหมือนคิดอะไรออก
“ทำไม เราไม่กลับไปนอนที่ถ้ำวะเนี่ย? ที่นั่นมีทั้งน้ำและอาหาร ให้ตายสิน่ะ” ฟีนยันตัวลุกขึ้นอีกครั้ง พลางสายตาเหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างเข้า
“นั่นมัน...แอเรียล?...ยัยผู้หญิงใช้น้ำ กับไอ้ผู้ชายที่มันปางตายมานี่หว่า..” ฟีนหยุดยืนดูสักครู่พร้อมใช้ความคิด
“ตาม...หรือ...กลับ” ตัวเขาเองนั้นสงสัยในตัวผู้หญิงที่ชื่อเรียลอยู่แล้ว สังกัดกลุ่มไหนก็ไม่มีใครรู้ เธอบอกแต่เพียงว่าเธอเป็นฑูตโดยอ้างชื่อของเทพเจ้าเฟทของพวกเขาเท่านั้น
“ถ้าตามก็ตาย แต่ถ้าไม่ตามก็จะไม่รู้เรื่องราวอะไรเลย...” ฟีนยังยืนครุ่นคิดอยู่ ที่ไม่มีปีศาจกระดูกอยู่รายล้อมตัวเขาเพราะเขาได้ทำการฌาปนกิจพวกมันจนเป็นผงธุลีเรียบร้อยแล้ว
“ตาม...ไม่ตาม...”
“เอาข่าวไปบอกพวกนั้นก่อนดีกว่า” ฟีนตัดสินใจได้ก็รีบรุดหน้ากลับไปยังที่นัดหมายดังเดิม
ทางด้านแอเรียล รีซ่า หมอก และเรย์ พวกเขาต้องเดินข้ามทะเลทรายที่ร้อนระอุนี้ไปอย่างไม่มีการหยุดพัก
“เธอเป็นใครกันแน่แอเรียล” รีซ่าถามแอเรียลที่เดินนำหน้าเธออยู่
“เธอไม่จำเป็นต้องรู้หรอก”
“จำเป็นสิ..เพราะถ้าเธอไม่ปลอดภัย ฉันจะให้เธอเข้าไปที่นั่นไม่ได้”
“.....ฉันปลอดภัยแน่” เสียงภายใต้ผมสีทับทิมนั้นเอ่ยขึ้นมาอย่างเยือกเย็น รีซ่าเห็นสิ่งผิดปกติจึงบอกให้หมอกกับเรย์ที่เดิมตามมาหยุด
“ถ้าเธอไม่บอกฉันจะฆ่าเธอตรงนี้แหละ” รีซ่าหยิบคฑาของเธอขึ้นมาแล้วชี้ไปทางแอเรียลที่ยังยืนยิ้ม และเริ่มแสยะยิ้มอย่างน่ากลัว
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” แอเรียลหัวเราะออกมาอย่างไม่รู้สาเหตุ รีซ่ากับหมอกและเรย์มองหน้ากัน
“ฆ่าฉันงั้นเหรอ? ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” แอเรียลแหกปากหัวเราะต่อไป บรรยากาศรอบตัวๆของพวกเธอเริ่มเปลี่ยนแปลง ท้องฟ้าที่มีแดดจ้าเมื่อครู่กับถูกถาโถมด้วยพายุทะเลทรายจนบังแสงแดดนั่นจนมิด ท้องฟ้าถูกกลืนกินด้วยความมืดที่เริ่มปกคลุมเข้ามา
“เธอเป็นใครกันแน่ แอเรียล!!!” แอเรียลหยุดหัวเราะ หยิบบางอย่างจากภายใต้ชุดคลุมสีน้ำตาล เคียวขนาดมหึมาที่คลายตัวออก ทำให้ทั้งสามเบิกตากว้าง
“ แอเรียล ฟอร์เช” แอเรียลแนะนำตัว
“ หัวหน้าหน่วยรบแห่งความมืด ของMagical Planet” แอเรียลพูดจบเงาสีดำรูปร่างคล้ายหมาป่าก็ผุดขึ้นบนเขาและซอกเขา พายุทรายที่กำลังบ้าคลั่งโหมกระหน่ำแรงขึ้นทุกที ทำให้ยากต่อการมองศัตรูที่เป็นเงาในความมืดขึ้นอีก
“แก!!” รีซ่าปะทุอารมณ์เดือด แต่ตอนนี้เธอกลับมองไม่เห็นทั้งแอเรียล สมุนเงาของเจ้าหล่อน หรือแม้กระทั่งหมอกและเรย์ที่มาด้วยกัน
“หมอก!!นายอยู่ไหนน่ะ?!!”
“ฉันก็อยู่ข้างๆเธอนั่นแหละ อย่าเพิ่งขยับตัวนะรีซ่า!!” เสียงหมอกดังขึ้นจากที่ไหนไม่รู้แต่ดังอยู่ระแวกใกล้ๆเธอ
“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกก!!” เสียงเรย์ดังขึ้นแทรกระหว่างที่ทั้งสองพูดกันอยู่ ไม่น่าแปลกที่เขาจะโดนโจมตีได้ง่าย เพราะอาการบาดเจ็บของเขานั้นร้ายแรงกว่าคนอื่นในตอนนี้มากนัก
“เรย์!!” ทั้งคู่ตะโกนขึ้นมาพร้อมกัน ขณะที่หมอกมองหาตัวเรย์อยู่นั้นสายก็เหลือบไปพบกับ เงามืดที่กำลังพุ่งมาทางเขา
“เหวอ!!!” หมอกเอี้ยวตัวหลบเอาที่พุ่งมา ตาสีแดงของมันหันกลับมาทางเขา แล้วตวัดกรงเล็บเข้าที่สีข้างของหมอกเต็มๆ
“อุ๊บส์!!!!!!!!!” หมอกตวัดดาบของเขาไปทางเงาสีดำนั่นแต่มันกลับไม่อยู่เสียแล้ว
“อา........ให้ตายสิ” หมอกเอามือข้างหนึ่งกุมบาดแผล ส่วนมืออีกข้าหนึ่งกระชับดาบไว้ในมือ หมุนตัว 360 องศาดูความผิดปกติที่พุ่งเป้าเข้ามาได้ทุกเมื่อ
“คิกคิกคิกคิกคิกคิก” เสียงหัวเราะอันน่ายียวนของหญิงสาวคนเดิมดังขึ้น หมอกควานสายตาหาต้นเสียงนั่น
“อยากรู้เหรอ?ว่าฉันต้องการอะไร?”เสียงเดิมดังขึ้นอีก
“ฉันต้องฆ่าพวกแก...ไอ้พวกตัวเกะกะ!!!!...แค่พวกแมดเนสก็มากเกินพอแล้ว..ยังจะมีพวกแกที่เป็นพวกสวะชอบรนหาที่อีก!!!!” แอเรียลพุ่งอาวุธของเธอเข้ามาหาหมอก หมายจะตัดหัวออกเป็นคนแรก แต่หมอกที่ประสาทรับความรู้สึกดี กลับตวัดดาบ รับเคียวยมฑูตอันใหญ่ได้อย่างง่ายดาย แอเรียลที่สีหน้าผิดไปจากเดิมนัยตาสีเขียวที่บัดดนี้กลายเป็นสีแดงฉายแววอาฆาตลุกโชน
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆ” เธอหัวเราะราวกับคนบ้า ตวัดเคียวอันใหญ่ใส่หมอกที่ตั้งรับด้วยแขนเพียงข้างเดียวอย่างไม่ยั้ง หมอกรอหาจังหวะโจมตี แล้วตวัดดาบที่มีเพลิงลุกโชติช่วงใส่เข้าหน้าท้องของแอเรียลเต็มๆ
“กรี๊ดดดดดดดด” แอเรียลลอยไปไกลในระยะหนึ่งก่อนที่เธอจะทรงตัวเอาไว้แล้วพุ่งมาหาเป้าหมายเดิม
“ก๊ากกกกกกกฮ่าๆๆๆๆ” หมอกก้มตัวม้วนหลบแอเรียลที่หมุนเคียวใส่คอของเขา
“ยัยบ้านี่!” หมอกตัดสินใจเผด็จศึกสุดท้าย หลบเคียวยมฑูตองแอเรียลแล้วพุ่งตัวเข้าประชิดเธอ
ฉึก!!!!!!!!!!!!!!!
เลือดสีแดงไหลเจิ่งนอง ปลายเคียวยมฑูตอันใหญ่สีดำสนิทปักอยู่ที่หลังของหมอกจนมิด พอดีกับปลายดาบสีขาวของเขาพุ่งผ่านร่างบางของแอเรียลไป
“อั่ก!!!” หมอกกระอักเลือดออกมาเป็นลิ่มๆ บาดแผลที่เขาได้รับมันสาหัสเกินไป หมอกทรงตัวเองไว้ไม่อยู่ล้มตัวลงนอนพร้อมกับร่างของแอเรียลที่ทรุดลงเหมือนกัน พายุทะเลทรายบางตาลง ท้องฟ้าที่มืดมิดเมื่อครู่ตอนนี้เริ่มเผยออกมาเป็นท้องฟ้ายามเย็น ที่ตะวันใกล้จะลับขอบฟ้าไป อวตาลแห่งความมืดทั้งหลายสลายหายไปหมดสิ้น รีซ่าในใบหน้าวิตกกังวล วิ่งหาเรย์และหมอกที่ไม่ได้ยืนอยู่ ณ ตรงนั้น ก่อนจะแบกร่างสิ้นสติของคนทั้งสอง กลับไปที่เขาทาลัส....ที่นั่นพวกเธอจะต้องเจอกับอะไรที่อันตรายกว่านี้เป็นสิบเท่าเป็นแน่
.......
TBC ..
เค็มแล้วคร๊าบบบบบบบบบบบบบบบบ
ฮ่าๆๆๆๆๆ
อ่าฮะ.....ตอนที่ 11 ก็คลอดออกมาแล้ว ตอนนี้ใช้เวลาแต่งนานที่สุดเลยละครับ ทำไมน่ะเหรอ?
ดองน่ะสิ แต่งต่อได้หน่อยก็ขี้เกียจ นี่ก็ไม่รู้ขยันอะไรอีกเหมือนกัน แต่งฟิคเป็นบ้าเป็นหลังเลยเนี่ย
เหอๆ
เนื้อเรื่องมันลึกขึ้นทุกทีๆเลยสิน่า จะหาทางออกได้ไม๊เนี่ย?
ยังไงก็ฝากติ ชมกันด้วยนะครับผม
ขอบคุณครับ
ความคิดเห็น