คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Madness ~ :บทนำ : คำสาปจันทรฆาต
ทำความเข้าใจกันก่อน.....เนื่องจากตอนนี้เป็นตอนแรก...ตัวละครยังออกแค่ตัวสองสามตัว และบางตัวยังไม่เอ่ยชื่อด้วยซ้ำ
คนที่ผมนำชื่อมาลงนั้นจะเริ่มทยอยออกตั้งแต่ตอนที่ 1 เป็นต้นไปนะครับ...
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
Madness ~ :บทนำ : คำสาปจันทรฆาต
เมืองเอเมอร์เรส เมืองที่สงบสุขได้ด้วยการบูชายันต์
เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่งเดินฝ่าฝูชนที่มากมายและเบียดเสียดในเมืองใหญ่แห่งหนึ่ง
" ท่านแม่~ " เด็กหญิงร้องเรียกด้วยเสียงเล็กๆที่แหบพร่า น้ำตานองหน้า แต่ทั้งนี้แล้วก็ไม่มีใครคิดที่จะเหลียวมองแม้แต่น้อย เมืองเอเมอร์เรสนั้นถึงแม้ว่าจะเป็นเมืองที่ประชากรส่วนใหญ่เป็นพวกรวยล้นฟ้าแต่กระนั้นแล้วก็มีประชาชนเพียงหยิบมือที่เจ้านครปกครองไม่ถึง บรรดาลูกเด็กเล็กแดงของคนเหล่านั้นต่างเดินเพ่นพ่านในเมืองใหญ่อย่างไร้จุดหมาย เป็นความบกพร่องอันใหญ่หลวงของเจ้านครเมือง
"หนูน้อยตามหาแม่หรือ? " เสียงอันอ่อนโยนปรากฏขึ้นพร้อมชายหนุ่มท่าทางใจดีนั่งลงถามเด็กหญิงที่ยืนร้องไก้ท่ามกลางฝูงคน
" ค่ะ " เด๋กสาวตอบเสียงสะอื้น
" งั้นพี่จะช่วยหนูตามหาแม่นะ " หายากที่จะมีคนใจดีแบบนี้อยู่ในเมือง ชายหนุ่มจูงมือเด็กน้อย เดินลัดเลาะฝูงคนเหล่านั้นไป แต่ชายคนนี้จะไว้ใจได้หรือ?
ปราสาทเอเมอร์เรส
ขณะนี้ที่ปราสาทกำลังจัดพิธีบางอย่างอยู่ที่ยอดปราสาท พิธีที่ต้องจัดทุกปีที่พระจันทร์เต็มดวงในคืนแรม --คืนแห่งการบูชายันต์ -- ชายแก่คนหนึ่งเดินงุ่นง่านพลางบ่นไปพลางถึงปัญหาของพิธีในคืนนี้ ท่ามกลางเสียงเซ็งแซ่ของผู้คนที่มารอดูการบูชายันต์นับร้อยคน
" จนป่านนี้ยังหาเด็กผู้หญิงมาบูชายันต์ไม่ได้เลย แล้วพิธีจะเกิดขึ้นได้อย่างไร!!! เหลือเวลาแค่ 10 นาทีเท่านั้นนะ "
แกร๊ก ! เสียงประตูดังขึ้นพร้อมร่างสองร่าง คนหนึ่งคือเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆที่มีน้ำตาอาบแก้ม อีกคนคือชายท่าทางใจดีที่จูงเด็กสาวมาเมื่อสักครู่
" ท่านบาทหลวง เด็กคนนี้ใช้ได้ใช่ไม๊ครับ " ชายหนุ่มหน้าตาใจดีเปลี่ยนเป็นชายหนุ่มหน้าตาเจ้าเล่ห์ในทันใด บาทหลวงที่รอทำพิธีอยู่ยืนนิ่งสักครู่แลวยิ้มกว้างออกมา แล้วเดินมาจับตัวเด็กสาวขึ้นแท่นบูชา
" ดีมาก กำลังเครียดอยู่เชียว งั้นหนูน้อยวันนี้ลุงขอใช้เธอเป็นเครื่องบูชายันต์ละกันนะ " พูดจบก็ล็อกมือและเท้าเด็กสาวด้วยโซ่ตรวน เด็กสาวร้องไห้หาผู้เป็นมารดาอย่างไม่ขาดปาก บาทหลวงไม่สนใจฟังคำ เดินสวดมนต์รอบเท่นบูชายันต์ท่ามกลางเสียงร้องของเด็กสาว จากนั้นบาทหลวงก็ใช้มีดที่ทำจากทองคำบริสุทธิ์ปักไปกลางอกของเด็กสาว เธอสิ้นใจทันที บรรยากาศรอบข้างเงียบกริบสักพักก็มีเสียงโห่ร้องดีใจของประชาชนยกใหญ่ ด้วยเหตุที่ว่า หากเด็กที่นำมาบูชายันต์นั้นตายด้วยการปีกอกเพียงครั้งเดียวในปีนั้น เศรษฐกิจจะรุ่งเรือง หารู้ไม่ว่าสิ่งที่ไม่คาดฝันกำลังจะเกิดขึ้น บาทหลวงแก่นั่งมองดูร่างของเด็กสาวที่เขาจับมาบูชายันต์ด้วยสีหน้าไม่สู่ดีนักหลังจากที่ชาวเมืองได้พากันออกไปจากปราสาท ชายผู้พาเด็กสาวมาจึงเข้ามาคุยด้วย
" ท่านบาทหลวงเป็นอะไรรึ? "
" ข้าได้ทำเรื่องไม่ควรเข้าแล้ว " บาทหลวงหน้าถอดสี
" ไม่ควร? "
" นังเด็กที่แกเอามาน่ะสิ แกไปพรากลูกเขามารึเปล่า? โนเอล!" บาทหลวงมองตาเขียว
" ข้าเจอเธอที่กลางเมือง เห็นเธอร้องไห้อยู่ " ชายหนุ่มที่ชื่อโนเอลอธิบาย
" นั่นล่ะแกทำผิดมหันต์ "
" แต่ท่านก็บอกว่าใช้ได้นี่ "
" ตอนนั้นมันคับขัน ชาวเมืองต้องการความมั่นคงจากเรา " บาทหลวงก้อมหน้านิ่ง
" แล้วมันเกี่ยวอะไรกับที่ข้าพาเธอมาล่ะ " โนเอลขมวดคิ้วถาม
" คำสัญญาที่ให้ไว้กับเทพเจ้า ข้อแรก ผู้ที่นำมาบูชายันต์ ต้องได้รับการยินยอมของผู้ปกครองและเจ้าตัวเรียบร้อยก่อน "
" ....." โนเอลหน้าซีด
" เทพเจ้าทรงกริ้วแล้ว ภัยพิบัติกำลังมาเยือน คำสาปของไอ้เด็กบ้านั่น!! " พูดจบบาทหลวงก็เดินเข้าห้องพิธีล้วสวดมนต์เป็นการใหญ่ โนเอลที่เห็นว่าเขาทำอะไรไม่ได้ก็เดินกลับบ้านไป พร้อมกับความสงสัยเรื่องของ-ไอ้เด็กบ้า-ที่บาทหลวงพูดถึง
วันต่อมา โนเอลรีบวิ่งไปที่ปราสาทแต่เช้าเนื่องจากทราบข่าวการเสียชีวิตของบาทหลวงผู้ทำพิธีเมื่อคืน เขาแทรกตัวฝ่าฝูงชนเข้าไปจนถึงด้านใน ก็พบว่าสภาพศพของบาทหลวงนั้นเหมือนถูกปักด้วยของมีคมขนาดใหญ่ที่กลางหน้าอก หน้าตาบ่งบอกถึงความทรมานอย่างสุดซึ้งก่อนตาย โนเอลคิดถึงคำพูดของบาทหลวง
--ภัยพิบัติกำลังมาเยือน--
1 อาทิตย์ต่อมา ครบรอบวันที่พระจันทร์เต็มดวงจะหวนกลับมาอีกครั้ง พระจันทร์ที่ส่องสว่างกว่าทุกที แต่ไม่เหมือนกับทุกครั้ง
กริ๊ง! กริ๊ง! กริ๊ง! เสียงพระจันทร์ค่อยๆเคลื่อนตัวออกจากกันทีละนิด เสียงที่คล้ายกับระฆังอันเล็กแต่งดังกังวาลทั่วเมือง เป็นเสียงที่ฟังแล้วหดหู่ใจยิ่งนัก ชาวบ้านพากันออกมาดูแต่ทว่า
กร๊ด!!! ฉัวะ!! เสียงกรีดร้องของหญิงสาวดังขึ้นพร้อมกับการปรากฎกายของอสูรกายร่างน่าเกลียด เนื่องจากมันมีลักษณะเหมือนมนุษย์แต่มีเพียงหนังหุ้มกระดูก มือข้างขวาของของมันเป็นคมมีกขนาดใหญ่ และมันก็สังหารสาวน้อยผู้โชคร้ายนางนั้นด้วยการบั่นคอเรียบร้อย ชาวเมืองแตกฮือกันจ้าละหวั่น บั่นคอชาวเมืองให้เป็นชิ้น พอใหล้รุ่งสางพวกมันก็กลับไป
2 สัปดาห์ผ่านไป ไม่มีการป้องกันอะไรจากรัฐบาล ไม่มีเวรเฝ้ายามกลางคืน ไม่มีความคืบหน้าไม่มีมาตรการกำจัดเหล่าอสูรร้ายเหล่านั้นได้ ชาวเมืองตายอย่างอนาถทุกวัน ถึงแม้ว่าจะมีข่าวประกาศไม่ให้คนออกจากบ้านในยามวิกาลแต่พวกมันก็สามารถบุกเข้าไปทำร้ายผู้คนถึงในบ้านได้ รัฐบาลเร่งหาทางแก้ปัญหาแต่แล้วก็ไม่มใครสามารถคิดวิธีการออก จนต้องยกเลิกการประชุมเรื่องนี้ไป เสียงประนามความไร้สมรรถภาพของผู้นำไม่ขาดสาย ในที่สุดยามวิกาลก็กลับมาอีกครั้ง
กริ๊ง! กริ๊ง! กริ๊ง! เสียงที่ชาวบ้านหวาดกลัวกลับมาอีกครั้ง ทุกคนต่างพากันหนีเข้าบ้านของตนหัวซุกหัวซุน แต่มีหรือจะคุมความอยากรู้อยากเห็นของเด็กได้ เด็กชายคนหนึ่งยื่นหน้าออกมาทางหน้าต่างชั้นสองบ้านของเขา มองดูพระจันทร์ที่เคลื่อนตัวออกทีละนิดทุกวัน
" แยกออกอีกแล้วเหรอ? " เด็กชายทำหน้าเบื่อหน่าย เขาสังเกตเห็นคนอยู่ในเงามืดแต่เห็นไม่ชัดว่ามีลักษณะอย่างไร จึงละสายตาจากพระจันทร์มามองคนๆนั้นแทน แต่แล้วเขาก็คิดผิดเนื่องจากสิ่งที่เขามองอยู่มันไม่ใช่คน แต่เป็นเจ้าอสูรร้ายที่เข่นฆ่าผู้คน มันพุ่งเป้าตรงมาหา เด็กชายผู้นั้นด้วยความเร็วของมัน ช้าไปเสียแล้วที่จะหลบพ้น เด็กน้อยหลับตานึกถึงพ่อแก้มแม่แก้วเรียบร้อย แต่ทว่า...
ฉึก! ตูม!!!!!!!!
มีบางอย่างพุ่งตรงเข้าหาอสูรตนนั้นแล้วมันก็ระเบิด จนมันกระเด็นออกไปไกลพอสมควร ปรากฎชายคนหนึ่งที่หน้าของเด็กหนุ่ม ชายผู้มีผมสีเงินยาวระคอ นัยย์ตาสีน้ำเงินเทา ใส่เสื้อคอตั้งแขนยาวสีดำ กางเกงและรองเท้าสีเดียวกัน ถือขนนกสีทองอยู่หันหน้ามาทางเขา
" กลับเข้าไปซะหนุ่มน้อย ไม่เห็นรึไงว่ามันอันตรายขนาดไหนน่ะ " ชายผมเงินกล่าวเสียงเรียบ เจ้าอสูรที่ยังไม่ตายดีก็ลุกขึ้นมาใช้มืออีกข้างที่เป็นกรงเล็บแหลม พุ่งเป้าหมายจะเอาชีวิตชายผู้นั้น ชายผมเงินหยิบขนนกขึ้นมาอีกเส้นเมื่อเขาตวัดออกมันก็เปลี่ยนเป็นดาบสีทองขนาดใหญ่
" ดูไว้นะเจ้าหนู เจ้านี่น่ะ... " พูดจบชายผมเงินก็ฟาดดาบเข้าที่กลางท้องเจ้าอสูรนั่นซะเต็มรัก ร่างของมันขาดท่อนแล้วสลายไป
" ...มันมีแค่พวกชั้นที่จัดการมันได้เท่านั้น " เด็กหนุ่มอ้าปากค้างกับเหตุการณ์ตรงหน้า ขนาดรัฐบาลยังทำอะไรมันไม่ได้แต่ชายคนนี้เป็นใครกัน
" รีบเข้าบ้านซะนะ ชั้นจะไปล่าตัวอื่นต่อล่ะ " แล้วเขาก็กระโดดลงจากหลังคาบ้าน
" เดี๋ยว!!! " เด็กหนุ่มตะโกนเรียก
" อะไร " ชายผมเงินกล่าวเสียงเย็นชา
" คุณเป็นใคร "
" Madness เรียกชั้นว่าริชก็แล้วกัน " ชายผมเงินที่ชื่อริชก้มหน้าตอบ เด็กหนุ่มเตรียมอ้าปากถามต่อ
" ไม่ต้องตามหาชั้นหรอก ชั้นเองก็ไม่ต่างอะไรกับเจ้าพวกนั้น " จากนั้นริชก็หายไป เหลือแต่ความสงสัยให้เด็กชาย
3 สัปดาห์ผ่านไป ข่าวของผู้ล่าอสูรที่ตั้งตนชื่อว่า Madness ก็กระจายทั่วเมือง แต่กระนั้นแล้วพวกอสูรก็ไม่ได้นิ่งเฉยเหมือนกับทุกที พวกมันก็เตรียมแผนรับไว้เหมือนกัน แต่กระนั้นเหล่า Madness ก็ไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไร กลับภาวนาให้หัวหน้าของอสูรร้ายเหล่านั้นออกมาเร็วๆด้วยซ้ำ
ยอดเขาเอเมอร์เรส Madness นามว่าริชใช้ที่นี่เป็นแหล่งกบดานแต่หารู้ไม่ว่าไม่ใช่เขาเพียงคนดียวเท่านั้น ริชได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้กับอสูรครั้งหนึ่งจนตอนนี้ก็ยังไม่หาย แถมยังลามจนเกือบจะกินแขนเขาหมดแล้ว นี่คือจุดจบของแมดเนสงั้นหรือ แต่แล้วเสียงแนวกวนๆก็ดังขึ้น พร้อมปรากฎร่างชายหนุ่มผมทองนัยย์ตาสีน้ำตาล
" ไม่ใช่ย่อยเลยน๊า แผลขนาดนี้ถ้าไม่รีบรักษาก่อนถึงตายเชียวนะ "
" ชั้นไม่ยอมตายก่อนที่เจ้าหัวหน้าของพวกนั้นจะออกมาหรอกน่ะ " ริชเถียงกลับ
" ออกไปซะ ชั้นจะอยู่คนเดียว "
" น่าน่า...แผลแบบนี้มีคนเดียวที่รักษาหายนะ " เสียงกวนประสาทนั้นยังไม่เลิก
" ยัยบ้านั่นน่ะเหรอ?..ชั้นไม่อยากเจอหรอกน่ะ เจอทีไรได้เกือบตายทุกที "
" แต่ชั้นอยากเจอฟ่ะ ริชไปหาแม่นั่นกันเหอะ " ชายผมทองอ้อนวอน
" แกจะไปหาก็เพราะว่าอยากเจอหล่อนน่ะสิ ชั้นไม่เอาด้วยหรอก "
" ถ้าแกไม่ไปชั้นไปตามมาเองก็ได้ " ชายผมทองกระโดดลงจากยอดเขาแล้วหายไป
" เฮ้อ! ไอ้บ้าเอ๊ย ! "
วันต่อมา ริชลุกขึ้นและสังเกตได้ว่าแผลที่แขนได้หายไปแล้ว
" อา ~ " เขามองไปข้างๆก็พบไอ้เจ้าหัวทองนั่นนอนอยู่ ข้างๆหมอนั่นก็มีสาวน้อยหน้าตาน่ารักหน้าชังอย่าบอกใครเขียว ผมสีชมพูอ่อน ที่ระแก้มสีขาวนวลเนียนนั่น เขาไม่แปลกใจเลยที่เจ้าหล่อนจะทำให้ไอ้หัวทองนี่รักหัวปักหัวปำได้ แต่ไม่ใช่เค้านิ่ หญิงสาวลืมตาขึ้นช้าๆ เห็นริชหายไปก็ถึงกับตาสว่าง ลุกขึ้นมาเตะไอ้หัวทองดังป๊าบ
" อีตาราฟว์!!!!!!พี่ริชหายไปไหนแล้ว มันแต่นอนอยู่นั่นล่ะ " เด็กสาววันแตกใส่ไอ้หัวทองที่นอนกุมบั้นท้ายตัวเองอยู่
" ยัยบ้าาาาาา!!! มันจะหายไปไหนก็เรื่องของมันสิ แล้วมาเตะก้นช๊านทำม๊ายยยย "
" แกน่ะมัวแต่นอนอยู่นั่นล่ะ พี่ริชหายตัวไปแล้วน๊า "
" ช่างหัวเผือก...มันก็ไม่ใช่คนธรรมดานี่เธอก็รักษามันหายแล้วห่วงมันทำซากอะไร " พูดจบฟีนก็นอนหันหลังให้แม่สาวน้อย ทำให้เจ้าหล่อนเลือดพล่นเตะมันตกจากเขาไป
อ๊าก~~~~~~~~ เสียงร้องของราฟว์ก้องหุบเขา
ทางริชที่เดินเข้ามาในเมือง เข้าไปที่ห้องสมุดเงียบๆ หาหนังสืออ่านฆ่าเวลาก่อนที่จะถึงยามวิกาล จนกระทั่งเขาไปพบหนังสือเล่มหนึ่งเข้า
-- พิธีบูชายันต์ พิธีศักดิ์สิทธิ์แห่งเอเมอร์เรส --
ริชหยิบหนังสือเล่มนี้มาอ่านพักใหญ่ แล้วได้ใจความว่า
" ย้อนกลับไปเมื่อพันปีก่อน เมืองเอเอมอร์เรสแห่งนี้ขาดความอุดมสมบูรณ์ ผืนดินแตกระแหง ตาน้ำพบยาก พืชพันธุ์เกษตรล้มตาย เกิดโรคระบาดในสัตว์เลี้ยง บ้านเมืองล่มจม แต่แล้วก็เกิดเหตุประหลาดรุ่งเช้าของวันหนึ่งดินที่แตกระแหงกลับมาอุดมสมบูรณื มีคลองให้น้ำไหลผ่าน สัตว์ที่ล้มป่วยต่างลุกขึ้นหายเป็นปกติ ชาวบ้านต่างพากันดีใจ บ้านเมืองเปลี่ยนไปเพราะเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง เธอเรียกตัวเองว่าเทพเจ้า เธอแลกความอุดมสมบูรณ์นี้กับชีวิตของเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ดังนั้นในแต่ละปีพวกชาวบ้านจะต้องยอมแลกชีวิตของเด็กสาวคนหนึ่งกับความอุดมสมบูรณ์ของเมืองนี้ต่อปี แล้วชาวเมืองก็ตกลง แต่มันไม่ใช่เพียงแค่นั้นเด็กสาวที่ถูกนำมาบูชายันต์กลับได้มาอย่างไม่ถูกต้อง เทพเจ้าของพวกเขาถูกประณาม เทพเจ้าจึงสาปแช่งชาวเมือง "หากปีใด้พวกท่านนำเด็กสาวที่ไม่ได้ยินยอมเสียชีพเพื่อเรามาพวกท่านะจะพบหายนะจากเหล่าอสูรของข้าในคืนที่พระจันร์แยกออกเป็นสองดวงพร้อมกับการเกิดสุริยฆาตหากพวกท่านไม่สามารถโค่นอสูรร้ายเหล่านั้นได้ภายใน 1 เดือนอสูรเหล่านั้นกลืนโลกทั้งใบ ถึงแม้ว่าพวท่านจะกำจัดได้ ทุกๆ หนึ่งพันปีพวกมันก็จะออกมาล่าผู้คนเช่นเคย " จากนั้นเทพเจ้าก็หายตัวไป ไม่มีผู้ใดเชื่อเทพเจ้า จากนั้นเหล่าอสูรร้ายก็ออกมาเข่นฆ่าผู้คน ...... "
" หืม? " หนังสือที่ริชอ่านอยู่มันหายไปครึ่งเล่มเล่นเอาเขากุมขมับ ยังไม่ทันที่จะรู้เรื่องทั้งหมด วิธีแก้คำสาปล่ะมันต้องมีแน่ๆ แต่มันคงจะอยู่ครึ่งเล่มหลังที่หายไป ริชเดินไปหาบรรณารักษณ์แก่หน้าเคาว์เตอร์
" หนังสือเล่มนี้หายไปครึ่งเล่ม " บรรณารักษ์แก่มองหน้าริชเล็กน้อย
" พวกอสูรมันชิงไป เมื่อ 2 อาทิตย์ที่แล้ว "
" ........คุณพอจะทราบมั๊ยว่าพวกอสูรมันกบดานอยู่ที่ไหน "
" รู้..แต่ไม่มีใครกล้าไปหรอก คุณเองก็เหอะ อย่าแม้แต่จะคิดเชียวล่ะ "
" งั้นช่วยบอกผมทีได้ไม๊? " บรรณารักษณ์ค้อนริชตาเขียว แต่ก็ต้องหลุบสายตาลงเมื่อเห็นสายตาที่มุ่งมั่นของเขา
" ให้เขาเอเมอร์เรสไง มีคนเคยเจอพวกมันอยู่กันเยอะแยะเลยล่ะที่นั่น่ะ " บรรณารักษณ์ถอนหายใจยาว ริชถึงกับถลึงตา ใต้เขาเอเอมอร์เรส ที่ที่เขาให้กบดานน่ะเหรอ? แล้วทำไม...ริชยืนคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วมุ่งหน้าไปยังเขาเอเมอร์เรส
" พวกมันจะออกมาตอนกลางคืนน่ะ ไปตอนนี้ก็ไม่เจอหรอก " บรรณารักษณ์เอ่ยอีกครั้ง
กริ๊ง! กริ๊ง! กริ๊ง! ฟึ่บ!!!
เสียงพระจันทร์เคลื่อนตัวครั้งสุดท้าย บัดนี้พระจันทร์แยกออกเป็นสองดวง เป็นเวลา 1 เดือนพอดีที่เพระจันทร์ดวงนี้เริ่มแยกตัว และตอนนี้ดวงจันทร์กำลังถูกกลืนกินแล้ว
" อา..การต่อสู้ครั้งสุดท้ายสินะ " เสียงแหลมใสดังขึ้นข้างๆริช ตอนนี้พวกเขาทั้ง 12 คนรวมตัวกันอยู่ที่ตีนเขาเอเมอร์เรสเรียบร้อย
" อืม " สิ้นเสียงริช ภูเขาเอเมอร์เรสก็แยกออก พร้อมกับลูกสมุนของอสูรร้ายที่กรูกันออกมานับร้อยๆตัว เหล่าแมดเนสต่อสู้อย่างสุดกำลัง ด้วยอาวุธในมือที่ถืออยู่ แล้วทุกอย่างอย่างก็มืดลง พระจันทร์ถูกกลืนกินเรียบร้อย อสูรร้ายตนใหญ่ตื่นขึ้นมา ปรากฏตัวด้วยร่างที่สูงหลายสิบเมตร ยืนจังก้าต่อหน้าเหล่าแมดเนสที่ยืนบนกองซากศพของอสูรตัวจ้อยหากเทียบกับมัน เหล่าแมดเนศมองหน้ากันเป็นเชิงพร้อมรบ แล้วพุ่งตัวเข้าหาอสูรตนยักษ์อย่างไม่เกรงกลัว
To-Be-Con.......Chapter 1
ความคิดเห็น