ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Madness

    ลำดับตอนที่ #1 : Madness ~ :บทนำ : คำสาปจันทรฆาต

    • อัปเดตล่าสุด 30 ต.ค. 50



    ทำความเข้าใจกันก่อน.....เนื่องจากตอนนี้เป็นตอนแรก...ตัวละครยังออกแค่ตัวสองสามตัว และบางตัวยังไม่เอ่ยชื่อด้วยซ้ำ

    คนที่ผมนำชื่อมาลงนั้นจะเริ่มทยอยออกตั้งแต่ตอนที่ 1 เป็นต้นไปนะครับ...


    -----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    Madness ~ :บทนำ : คำสาปจันทรฆาต

    เมืองเอเมอร์เรส  เมืองที่สงบสุขได้ด้วยการบูชายันต์  
     เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่งเดินฝ่าฝูชนที่มากมายและเบียดเสียดในเมืองใหญ่แห่งหนึ่ง 
    " ท่านแม่~ " เด็กหญิงร้องเรียกด้วยเสียงเล็กๆที่แหบพร่า น้ำตานองหน้า แต่ทั้งนี้แล้วก็ไม่มีใครคิดที่จะเหลียวมองแม้แต่น้อย  เมืองเอเมอร์เรสนั้นถึงแม้ว่าจะเป็นเมืองที่ประชากรส่วนใหญ่เป็นพวกรวยล้นฟ้าแต่กระนั้นแล้วก็มีประชาชนเพียงหยิบมือที่เจ้านครปกครองไม่ถึง  บรรดาลูกเด็กเล็กแดงของคนเหล่านั้นต่างเดินเพ่นพ่านในเมืองใหญ่อย่างไร้จุดหมาย เป็นความบกพร่องอันใหญ่หลวงของเจ้านครเมือง

    "หนูน้อยตามหาแม่หรือ? " เสียงอันอ่อนโยนปรากฏขึ้นพร้อมชายหนุ่มท่าทางใจดีนั่งลงถามเด็กหญิงที่ยืนร้องไก้ท่ามกลางฝูงคน
    " ค่ะ " เด๋กสาวตอบเสียงสะอื้น
    " งั้นพี่จะช่วยหนูตามหาแม่นะ " หายากที่จะมีคนใจดีแบบนี้อยู่ในเมือง   ชายหนุ่มจูงมือเด็กน้อย เดินลัดเลาะฝูงคนเหล่านั้นไป  แต่ชายคนนี้จะไว้ใจได้หรือ?

    ปราสาทเอเมอร์เรส
     ขณะนี้ที่ปราสาทกำลังจัดพิธีบางอย่างอยู่ที่ยอดปราสาท  พิธีที่ต้องจัดทุกปีที่พระจันทร์เต็มดวงในคืนแรม --คืนแห่งการบูชายันต์ -- ชายแก่คนหนึ่งเดินงุ่นง่านพลางบ่นไปพลางถึงปัญหาของพิธีในคืนนี้  ท่ามกลางเสียงเซ็งแซ่ของผู้คนที่มารอดูการบูชายันต์นับร้อยคน
    " จนป่านนี้ยังหาเด็กผู้หญิงมาบูชายันต์ไม่ได้เลย  แล้วพิธีจะเกิดขึ้นได้อย่างไร!!! เหลือเวลาแค่ 10 นาทีเท่านั้นนะ "


    แกร๊ก ! เสียงประตูดังขึ้นพร้อมร่างสองร่าง  คนหนึ่งคือเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆที่มีน้ำตาอาบแก้ม อีกคนคือชายท่าทางใจดีที่จูงเด็กสาวมาเมื่อสักครู่

    " ท่านบาทหลวง   เด็กคนนี้ใช้ได้ใช่ไม๊ครับ " ชายหนุ่มหน้าตาใจดีเปลี่ยนเป็นชายหนุ่มหน้าตาเจ้าเล่ห์ในทันใด  บาทหลวงที่รอทำพิธีอยู่ยืนนิ่งสักครู่แลวยิ้มกว้างออกมา  แล้วเดินมาจับตัวเด็กสาวขึ้นแท่นบูชา
    " ดีมาก กำลังเครียดอยู่เชียว  งั้นหนูน้อยวันนี้ลุงขอใช้เธอเป็นเครื่องบูชายันต์ละกันนะ " พูดจบก็ล็อกมือและเท้าเด็กสาวด้วยโซ่ตรวน เด็กสาวร้องไห้หาผู้เป็นมารดาอย่างไม่ขาดปาก  บาทหลวงไม่สนใจฟังคำ  เดินสวดมนต์รอบเท่นบูชายันต์ท่ามกลางเสียงร้องของเด็กสาว จากนั้นบาทหลวงก็ใช้มีดที่ทำจากทองคำบริสุทธิ์ปักไปกลางอกของเด็กสาว เธอสิ้นใจทันที บรรยากาศรอบข้างเงียบกริบสักพักก็มีเสียงโห่ร้องดีใจของประชาชนยกใหญ่ ด้วยเหตุที่ว่า หากเด็กที่นำมาบูชายันต์นั้นตายด้วยการปีกอกเพียงครั้งเดียวในปีนั้น เศรษฐกิจจะรุ่งเรือง  หารู้ไม่ว่าสิ่งที่ไม่คาดฝันกำลังจะเกิดขึ้น  บาทหลวงแก่นั่งมองดูร่างของเด็กสาวที่เขาจับมาบูชายันต์ด้วยสีหน้าไม่สู่ดีนักหลังจากที่ชาวเมืองได้พากันออกไปจากปราสาท ชายผู้พาเด็กสาวมาจึงเข้ามาคุยด้วย
    " ท่านบาทหลวงเป็นอะไรรึ? "
    " ข้าได้ทำเรื่องไม่ควรเข้าแล้ว " บาทหลวงหน้าถอดสี
    " ไม่ควร? "
    " นังเด็กที่แกเอามาน่ะสิ  แกไปพรากลูกเขามารึเปล่า? โนเอล!" บาทหลวงมองตาเขียว
    " ข้าเจอเธอที่กลางเมือง เห็นเธอร้องไห้อยู่ " ชายหนุ่มที่ชื่อโนเอลอธิบาย
    " นั่นล่ะแกทำผิดมหันต์ "
    " แต่ท่านก็บอกว่าใช้ได้นี่ "
    " ตอนนั้นมันคับขัน ชาวเมืองต้องการความมั่นคงจากเรา " บาทหลวงก้อมหน้านิ่ง
    " แล้วมันเกี่ยวอะไรกับที่ข้าพาเธอมาล่ะ " โนเอลขมวดคิ้วถาม
    " คำสัญญาที่ให้ไว้กับเทพเจ้า ข้อแรก ผู้ที่นำมาบูชายันต์ ต้องได้รับการยินยอมของผู้ปกครองและเจ้าตัวเรียบร้อยก่อน "
    " ....." โนเอลหน้าซีด
    " เทพเจ้าทรงกริ้วแล้ว  ภัยพิบัติกำลังมาเยือน  คำสาปของไอ้เด็กบ้านั่น!! " พูดจบบาทหลวงก็เดินเข้าห้องพิธีล้วสวดมนต์เป็นการใหญ่ โนเอลที่เห็นว่าเขาทำอะไรไม่ได้ก็เดินกลับบ้านไป พร้อมกับความสงสัยเรื่องของ-ไอ้เด็กบ้า-ที่บาทหลวงพูดถึง

    วันต่อมา  โนเอลรีบวิ่งไปที่ปราสาทแต่เช้าเนื่องจากทราบข่าวการเสียชีวิตของบาทหลวงผู้ทำพิธีเมื่อคืน   เขาแทรกตัวฝ่าฝูงชนเข้าไปจนถึงด้านใน ก็พบว่าสภาพศพของบาทหลวงนั้นเหมือนถูกปักด้วยของมีคมขนาดใหญ่ที่กลางหน้าอก  หน้าตาบ่งบอกถึงความทรมานอย่างสุดซึ้งก่อนตาย  โนเอลคิดถึงคำพูดของบาทหลวง

    --ภัยพิบัติกำลังมาเยือน--

    1  อาทิตย์ต่อมา  ครบรอบวันที่พระจันทร์เต็มดวงจะหวนกลับมาอีกครั้ง  พระจันทร์ที่ส่องสว่างกว่าทุกที แต่ไม่เหมือนกับทุกครั้ง

    กริ๊ง! กริ๊ง! กริ๊ง! เสียงพระจันทร์ค่อยๆเคลื่อนตัวออกจากกันทีละนิด  เสียงที่คล้ายกับระฆังอันเล็กแต่งดังกังวาลทั่วเมือง  เป็นเสียงที่ฟังแล้วหดหู่ใจยิ่งนัก  ชาวบ้านพากันออกมาดูแต่ทว่า

    กร๊ด!!! ฉัวะ!!  เสียงกรีดร้องของหญิงสาวดังขึ้นพร้อมกับการปรากฎกายของอสูรกายร่างน่าเกลียด เนื่องจากมันมีลักษณะเหมือนมนุษย์แต่มีเพียงหนังหุ้มกระดูก มือข้างขวาของของมันเป็นคมมีกขนาดใหญ่  และมันก็สังหารสาวน้อยผู้โชคร้ายนางนั้นด้วยการบั่นคอเรียบร้อย ชาวเมืองแตกฮือกันจ้าละหวั่น  บั่นคอชาวเมืองให้เป็นชิ้น  พอใหล้รุ่งสางพวกมันก็กลับไป 

    2 สัปดาห์ผ่านไป  ไม่มีการป้องกันอะไรจากรัฐบาล ไม่มีเวรเฝ้ายามกลางคืน ไม่มีความคืบหน้าไม่มีมาตรการกำจัดเหล่าอสูรร้ายเหล่านั้นได้ ชาวเมืองตายอย่างอนาถทุกวัน  ถึงแม้ว่าจะมีข่าวประกาศไม่ให้คนออกจากบ้านในยามวิกาลแต่พวกมันก็สามารถบุกเข้าไปทำร้ายผู้คนถึงในบ้านได้  รัฐบาลเร่งหาทางแก้ปัญหาแต่แล้วก็ไม่มใครสามารถคิดวิธีการออก จนต้องยกเลิกการประชุมเรื่องนี้ไป  เสียงประนามความไร้สมรรถภาพของผู้นำไม่ขาดสาย  ในที่สุดยามวิกาลก็กลับมาอีกครั้ง

    กริ๊ง! กริ๊ง! กริ๊ง! เสียงที่ชาวบ้านหวาดกลัวกลับมาอีกครั้ง  ทุกคนต่างพากันหนีเข้าบ้านของตนหัวซุกหัวซุน แต่มีหรือจะคุมความอยากรู้อยากเห็นของเด็กได้  เด็กชายคนหนึ่งยื่นหน้าออกมาทางหน้าต่างชั้นสองบ้านของเขา มองดูพระจันทร์ที่เคลื่อนตัวออกทีละนิดทุกวัน
    " แยกออกอีกแล้วเหรอ? " เด็กชายทำหน้าเบื่อหน่าย  เขาสังเกตเห็นคนอยู่ในเงามืดแต่เห็นไม่ชัดว่ามีลักษณะอย่างไร จึงละสายตาจากพระจันทร์มามองคนๆนั้นแทน  แต่แล้วเขาก็คิดผิดเนื่องจากสิ่งที่เขามองอยู่มันไม่ใช่คน แต่เป็นเจ้าอสูรร้ายที่เข่นฆ่าผู้คน  มันพุ่งเป้าตรงมาหา   เด็กชายผู้นั้นด้วยความเร็วของมัน ช้าไปเสียแล้วที่จะหลบพ้น  เด็กน้อยหลับตานึกถึงพ่อแก้มแม่แก้วเรียบร้อย  แต่ทว่า...

    ฉึก! ตูม!!!!!!!! 

    มีบางอย่างพุ่งตรงเข้าหาอสูรตนนั้นแล้วมันก็ระเบิด จนมันกระเด็นออกไปไกลพอสมควร  ปรากฎชายคนหนึ่งที่หน้าของเด็กหนุ่ม  ชายผู้มีผมสีเงินยาวระคอ  นัยย์ตาสีน้ำเงินเทา  ใส่เสื้อคอตั้งแขนยาวสีดำ กางเกงและรองเท้าสีเดียวกัน  ถือขนนกสีทองอยู่หันหน้ามาทางเขา
    " กลับเข้าไปซะหนุ่มน้อย  ไม่เห็นรึไงว่ามันอันตรายขนาดไหนน่ะ " ชายผมเงินกล่าวเสียงเรียบ  เจ้าอสูรที่ยังไม่ตายดีก็ลุกขึ้นมาใช้มืออีกข้างที่เป็นกรงเล็บแหลม พุ่งเป้าหมายจะเอาชีวิตชายผู้นั้น  ชายผมเงินหยิบขนนกขึ้นมาอีกเส้นเมื่อเขาตวัดออกมันก็เปลี่ยนเป็นดาบสีทองขนาดใหญ่ 
    " ดูไว้นะเจ้าหนู  เจ้านี่น่ะ... " พูดจบชายผมเงินก็ฟาดดาบเข้าที่กลางท้องเจ้าอสูรนั่นซะเต็มรัก  ร่างของมันขาดท่อนแล้วสลายไป
    " ...มันมีแค่พวกชั้นที่จัดการมันได้เท่านั้น " เด็กหนุ่มอ้าปากค้างกับเหตุการณ์ตรงหน้า  ขนาดรัฐบาลยังทำอะไรมันไม่ได้แต่ชายคนนี้เป็นใครกัน
    " รีบเข้าบ้านซะนะ ชั้นจะไปล่าตัวอื่นต่อล่ะ " แล้วเขาก็กระโดดลงจากหลังคาบ้าน 
    " เดี๋ยว!!! " เด็กหนุ่มตะโกนเรียก  
    " อะไร " ชายผมเงินกล่าวเสียงเย็นชา
    " คุณเป็นใคร "
    " Madness เรียกชั้นว่าริชก็แล้วกัน " ชายผมเงินที่ชื่อริชก้มหน้าตอบ  เด็กหนุ่มเตรียมอ้าปากถามต่อ
    " ไม่ต้องตามหาชั้นหรอก  ชั้นเองก็ไม่ต่างอะไรกับเจ้าพวกนั้น  " จากนั้นริชก็หายไป เหลือแต่ความสงสัยให้เด็กชาย  

    3 สัปดาห์ผ่านไป ข่าวของผู้ล่าอสูรที่ตั้งตนชื่อว่า Madness ก็กระจายทั่วเมือง แต่กระนั้นแล้วพวกอสูรก็ไม่ได้นิ่งเฉยเหมือนกับทุกที พวกมันก็เตรียมแผนรับไว้เหมือนกัน   แต่กระนั้นเหล่า Madness ก็ไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไร  กลับภาวนาให้หัวหน้าของอสูรร้ายเหล่านั้นออกมาเร็วๆด้วยซ้ำ

    ยอดเขาเอเมอร์เรส   Madness นามว่าริชใช้ที่นี่เป็นแหล่งกบดานแต่หารู้ไม่ว่าไม่ใช่เขาเพียงคนดียวเท่านั้น  ริชได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้กับอสูรครั้งหนึ่งจนตอนนี้ก็ยังไม่หาย แถมยังลามจนเกือบจะกินแขนเขาหมดแล้ว  นี่คือจุดจบของแมดเนสงั้นหรือ  แต่แล้วเสียงแนวกวนๆก็ดังขึ้น  พร้อมปรากฎร่างชายหนุ่มผมทองนัยย์ตาสีน้ำตาล
    " ไม่ใช่ย่อยเลยน๊า  แผลขนาดนี้ถ้าไม่รีบรักษาก่อนถึงตายเชียวนะ "
    " ชั้นไม่ยอมตายก่อนที่เจ้าหัวหน้าของพวกนั้นจะออกมาหรอกน่ะ " ริชเถียงกลับ
    " ออกไปซะ ชั้นจะอยู่คนเดียว "
    " น่าน่า...แผลแบบนี้มีคนเดียวที่รักษาหายนะ " เสียงกวนประสาทนั้นยังไม่เลิก
    " ยัยบ้านั่นน่ะเหรอ?..ชั้นไม่อยากเจอหรอกน่ะ เจอทีไรได้เกือบตายทุกที "
    " แต่ชั้นอยากเจอฟ่ะ ริชไปหาแม่นั่นกันเหอะ " ชายผมทองอ้อนวอน
    " แกจะไปหาก็เพราะว่าอยากเจอหล่อนน่ะสิ ชั้นไม่เอาด้วยหรอก "
    " ถ้าแกไม่ไปชั้นไปตามมาเองก็ได้ " ชายผมทองกระโดดลงจากยอดเขาแล้วหายไป
    " เฮ้อ! ไอ้บ้าเอ๊ย ! "

    วันต่อมา     ริชลุกขึ้นและสังเกตได้ว่าแผลที่แขนได้หายไปแล้ว

    " อา ~ " เขามองไปข้างๆก็พบไอ้เจ้าหัวทองนั่นนอนอยู่  ข้างๆหมอนั่นก็มีสาวน้อยหน้าตาน่ารักหน้าชังอย่าบอกใครเขียว  ผมสีชมพูอ่อน ที่ระแก้มสีขาวนวลเนียนนั่น เขาไม่แปลกใจเลยที่เจ้าหล่อนจะทำให้ไอ้หัวทองนี่รักหัวปักหัวปำได้  แต่ไม่ใช่เค้านิ่  หญิงสาวลืมตาขึ้นช้าๆ  เห็นริชหายไปก็ถึงกับตาสว่าง  ลุกขึ้นมาเตะไอ้หัวทองดังป๊าบ
    " อีตาราฟว์!!!!!!พี่ริชหายไปไหนแล้ว มันแต่นอนอยู่นั่นล่ะ " เด็กสาววันแตกใส่ไอ้หัวทองที่นอนกุมบั้นท้ายตัวเองอยู่
    " ยัยบ้าาาาาา!!! มันจะหายไปไหนก็เรื่องของมันสิ แล้วมาเตะก้นช๊านทำม๊ายยยย "
    " แกน่ะมัวแต่นอนอยู่นั่นล่ะ  พี่ริชหายตัวไปแล้วน๊า "
    " ช่างหัวเผือก...มันก็ไม่ใช่คนธรรมดานี่เธอก็รักษามันหายแล้วห่วงมันทำซากอะไร " พูดจบฟีนก็นอนหันหลังให้แม่สาวน้อย ทำให้เจ้าหล่อนเลือดพล่นเตะมันตกจากเขาไป

    อ๊าก~~~~~~~~ เสียงร้องของราฟว์ก้องหุบเขา

    ทางริชที่เดินเข้ามาในเมือง  เข้าไปที่ห้องสมุดเงียบๆ  หาหนังสืออ่านฆ่าเวลาก่อนที่จะถึงยามวิกาล  จนกระทั่งเขาไปพบหนังสือเล่มหนึ่งเข้า

    -- พิธีบูชายันต์ พิธีศักดิ์สิทธิ์แห่งเอเมอร์เรส --

    ริชหยิบหนังสือเล่มนี้มาอ่านพักใหญ่ แล้วได้ใจความว่า

     " ย้อนกลับไปเมื่อพันปีก่อน เมืองเอเอมอร์เรสแห่งนี้ขาดความอุดมสมบูรณ์  ผืนดินแตกระแหง  ตาน้ำพบยาก  พืชพันธุ์เกษตรล้มตาย เกิดโรคระบาดในสัตว์เลี้ยง  บ้านเมืองล่มจม  แต่แล้วก็เกิดเหตุประหลาดรุ่งเช้าของวันหนึ่งดินที่แตกระแหงกลับมาอุดมสมบูรณื มีคลองให้น้ำไหลผ่าน สัตว์ที่ล้มป่วยต่างลุกขึ้นหายเป็นปกติ ชาวบ้านต่างพากันดีใจ บ้านเมืองเปลี่ยนไปเพราะเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง เธอเรียกตัวเองว่าเทพเจ้า เธอแลกความอุดมสมบูรณ์นี้กับชีวิตของเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง  ดังนั้นในแต่ละปีพวกชาวบ้านจะต้องยอมแลกชีวิตของเด็กสาวคนหนึ่งกับความอุดมสมบูรณ์ของเมืองนี้ต่อปี  แล้วชาวเมืองก็ตกลง  แต่มันไม่ใช่เพียงแค่นั้นเด็กสาวที่ถูกนำมาบูชายันต์กลับได้มาอย่างไม่ถูกต้อง  เทพเจ้าของพวกเขาถูกประณาม  เทพเจ้าจึงสาปแช่งชาวเมือง "หากปีใด้พวกท่านนำเด็กสาวที่ไม่ได้ยินยอมเสียชีพเพื่อเรามาพวกท่านะจะพบหายนะจากเหล่าอสูรของข้าในคืนที่พระจันร์แยกออกเป็นสองดวงพร้อมกับการเกิดสุริยฆาตหากพวกท่านไม่สามารถโค่นอสูรร้ายเหล่านั้นได้ภายใน 1 เดือนอสูรเหล่านั้นกลืนโลกทั้งใบ  ถึงแม้ว่าพวท่านจะกำจัดได้ ทุกๆ หนึ่งพันปีพวกมันก็จะออกมาล่าผู้คนเช่นเคย " จากนั้นเทพเจ้าก็หายตัวไป ไม่มีผู้ใดเชื่อเทพเจ้า จากนั้นเหล่าอสูรร้ายก็ออกมาเข่นฆ่าผู้คน  ...... "

    " หืม? " หนังสือที่ริชอ่านอยู่มันหายไปครึ่งเล่มเล่นเอาเขากุมขมับ  ยังไม่ทันที่จะรู้เรื่องทั้งหมด  วิธีแก้คำสาปล่ะมันต้องมีแน่ๆ  แต่มันคงจะอยู่ครึ่งเล่มหลังที่หายไป   ริชเดินไปหาบรรณารักษณ์แก่หน้าเคาว์เตอร์
    " หนังสือเล่มนี้หายไปครึ่งเล่ม " บรรณารักษ์แก่มองหน้าริชเล็กน้อย
    " พวกอสูรมันชิงไป  เมื่อ 2 อาทิตย์ที่แล้ว "
    " ........คุณพอจะทราบมั๊ยว่าพวกอสูรมันกบดานอยู่ที่ไหน "
    " รู้..แต่ไม่มีใครกล้าไปหรอก คุณเองก็เหอะ อย่าแม้แต่จะคิดเชียวล่ะ "
    " งั้นช่วยบอกผมทีได้ไม๊? " บรรณารักษณ์ค้อนริชตาเขียว  แต่ก็ต้องหลุบสายตาลงเมื่อเห็นสายตาที่มุ่งมั่นของเขา
    " ให้เขาเอเมอร์เรสไง  มีคนเคยเจอพวกมันอยู่กันเยอะแยะเลยล่ะที่นั่น่ะ " บรรณารักษณ์ถอนหายใจยาว ริชถึงกับถลึงตา ใต้เขาเอเอมอร์เรส  ที่ที่เขาให้กบดานน่ะเหรอ? แล้วทำไม...ริชยืนคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วมุ่งหน้าไปยังเขาเอเมอร์เรส
    " พวกมันจะออกมาตอนกลางคืนน่ะ ไปตอนนี้ก็ไม่เจอหรอก " บรรณารักษณ์เอ่ยอีกครั้ง

    กริ๊ง! กริ๊ง! กริ๊ง! ฟึ่บ!!!

    เสียงพระจันทร์เคลื่อนตัวครั้งสุดท้าย   บัดนี้พระจันทร์แยกออกเป็นสองดวง  เป็นเวลา 1 เดือนพอดีที่เพระจันทร์ดวงนี้เริ่มแยกตัว  และตอนนี้ดวงจันทร์กำลังถูกกลืนกินแล้ว  

    " อา..การต่อสู้ครั้งสุดท้ายสินะ " เสียงแหลมใสดังขึ้นข้างๆริช  ตอนนี้พวกเขาทั้ง 12 คนรวมตัวกันอยู่ที่ตีนเขาเอเมอร์เรสเรียบร้อย
    " อืม " สิ้นเสียงริช  ภูเขาเอเมอร์เรสก็แยกออก  พร้อมกับลูกสมุนของอสูรร้ายที่กรูกันออกมานับร้อยๆตัว  เหล่าแมดเนสต่อสู้อย่างสุดกำลัง ด้วยอาวุธในมือที่ถืออยู่  แล้วทุกอย่างอย่างก็มืดลง  พระจันทร์ถูกกลืนกินเรียบร้อย  อสูรร้ายตนใหญ่ตื่นขึ้นมา ปรากฏตัวด้วยร่างที่สูงหลายสิบเมตร ยืนจังก้าต่อหน้าเหล่าแมดเนสที่ยืนบนกองซากศพของอสูรตัวจ้อยหากเทียบกับมัน  เหล่าแมดเนศมองหน้ากันเป็นเชิงพร้อมรบ  แล้วพุ่งตัวเข้าหาอสูรตนยักษ์อย่างไม่เกรงกลัว


        


        To-Be-Con.......Chapter 1       

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×